บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 314 เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติรึ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 314 เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติรึ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 314 เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติรึ

ทุกคนค้นหารอบๆ ตำหนักเทพคุนเผิงอีกสักพัก

แต่ก็ไม่ได้อะไรอย่างอื่น นักผจญภัยที่บุกเข้ามาในตำหนักเทพคุนเผิงคนก่อนคงจะกวาดของไปหมดแล้ว

ในตำหนักเทพคุนเผิงเหลือเพียงตำหนักใหญ่กว้างโล่ง ไม่มีอาวุธวิเศษหรืออาวุเทพใดๆ

เมื่อคิดได้ดังนั้น ทุกคนจึงออกจากตำหนักเทพคุนเผิงกลับมาบนเกาะอีกครั้ง

ตอนนี้ทั้งเกาะนอกจากเขตใจกลางที่มีหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นปกคลุมแล้ว ที่อื่นๆ ถูกพวกเสิ่นเทียนค้นหาไปพอประมาณแล้ว

โชคลิขิตเศษที่เหลือ มีค่าไม่มากสำหรับทุกคนแล้ว

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงเสนอให้ทุกคนกลับไปรอบนอกเกาะอีกครั้ง รอยอดค่ายกลเบิกฟ้าเปิด

แน่นอนว่าเวลาการรอเช่นนี้เป็นการสุ่ม

หากโชคดีวันสองวันก็เจอ หากโชคไม่ดีถูกขังสองสามเดือนก็เป็นเรื่องปกติ

นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่โอรสสวรรค์มากมายเริ่มหยุดการผจญภัยในเดือนเก้าและกลับไปรอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้า

ถึงอย่างไรความปรารถนาก็ไร้ที่สิ้นสุด

หากหลังจากเดือนเก้าเจ้ายังผจญภัยในส่วนลึกเขตทะเลเบิกฟ้า เจอเกาะทะเลที่มีหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นปกคลุมเปิดออก เจ้าจะเข้าไปหรือไม่

เกิดเจ้าเข้าไปแล้ว เกาะนี้ไม่เปิดอีกในสองสามเดือน ขังเจ้าไว้ในยอดค่ายกลเบิกฟ้าล่ะจะทำอย่างไร

ตั้งแต่โบราณมา มีอัจฉริยะที่คิดว่าจะโชคดีตายในเขตทะเลเบิกฟ้ามานับไม่ถ้วนแล้ว

ในนั้นส่วนมากเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์น่าตื่นตกใจ ช่างน่าเสียดาย

…..

โชคดีที่เวลาในการรอไม่ได้จืดชืด

ทุกคนเสี่ยงอันตรายมาสองครั้งได้โชคลิขิตมาไม่น้อย เดิมทีต้องใช้เวลาพอประมาณในการหลอมรวม

ขณะรอหมอกเบิกฟ้าเปิดออกอีกครั้ง ทุกคนนำน้ำตาดาวเทพสมุทรออกมาดูดซับ ฝึกฝนวิชาคุนเผิงที่ตนได้มาต่อ

แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ประลองกัน ศักยภาพของทุกคนจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ส่วนเสิ่นเทียนเองก็ต้องการเวลาที่มากพอเพื่อควบคุมวิชาคุนเผิง รวมถึงกระบวนท่าสังหารมากมายที่ซ่อนในวิชานี้

นี่เป็นมรดกที่ซับซ้อนเข้าใจยากมาก ต้องใช้เวลาศึกษาและขัดเกลาอย่างมาก

สารภาพตามตรง หากไม่ใช่เพราะวิชาคุนเผิงมีอานุภาพพอใช้ได้ เสิ่นเทียนก็ไม่ค่อยอยากจะฝึกเลย ถึงอย่างไรในตัวเขาก็มีมรดกเยอะมาก ทั้งคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงเอย คัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์เอย หัตถ์ปฐมกาลทลายเวหาเอย สามสิบหกค้อนสวรรค์รกร้างเอย…

ถ้าเสิ่นเทียนใช้กำลังวังชาฝึกทุกวิชา ก็คงจะเหนื่อยมากจริงๆ

เฮ้อ ไฉนต้องมอบมรดกให้ข้าเยอะเช่นนี้กัน

แค่คิดก็น่ากลุ้มใจแล้ว

ท่ามกลางการฝึกฝนที่ทั้งเต็มอิ่มและน่าสนใจ เวลาผ่านไปครึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว

ในครึ่งเดือนนี้ศักยภาพของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอวี้เผียนเซียนกับสี่คุณชาย

แม้วิชาในเผ่าพวกเขาจะเป็นสุดยอดวิชาอสูร แต่เทียบกับวิชาคุนเผิงแล้ว คนละระดับกันเลย

ตอนนี้ตระหนักความหมายลึกลับส่วนหนึ่งมาจากวิชาคุนเผิง นี่คือมหาโชคลิขิตสำหรับพวกเขา เป็นการเปิดทั้งเส้นทางการบำเพ็ญเซียนในอนาคต

ผนวกกับมีน้ำตาดาวเทพสมุทรช่วย ศักยภาพของห้าคนจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่าในครึ่งเดือน

แน่นอน ฉีเซ่าเสวียนก็ก้าวหน้าอย่างมากเช่นกัน

เพียงแต่ตอนนี้เขากำลังวุ่นอยู่กับการพิสูจน์กระบวนท่าจู่โจมจากวิชาเผิงที่ตนตระหนักได้และในคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริง ไม่ได้สนใจการเพิ่มระดับพลังเท่าไร

ดังนั้นรากฐานของฉีเซ่าเสวียนจึงมั่นคงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่กำลังรบเพิ่มขึ้นเพียงเท่าเดียว

ทว่ากำลังรบหนึ่งเท่าของเขาก็สูงกว่าคนอื่นๆ หลายเท่า

ทางด้านเอ๋าอู ตอนนี้ยังคงเป็นเหมือนปลาเค็มไร้ความฝัน~

………

เปรี้ยง~

เสียงเปรี้ยงๆ ดังขึ้น ปราการหมอกเบิกฟ้าแตกออกอีกครั้ง

ทุกคนตาเป็นประกายขึ้นมา ต่างสำแดงวิชาหลบหนีที่เร็วที่สุดบินไปนอกปราการหมอก

พวกคุณชายซายังใช้วิชาคุนเผิงที่เพิ่งตระหนักมาใหม่บินออกไปเพื่อความปลอดภัย กลัวว่าจะอยู่ในสถานการณ์น่าอายเหมือนตอนเข้ามา ถูกปราการเบิกฟ้าอุดทาง ถึงตอนนั้นต้องให้เสิ่นเทียนออกมือมาช่วยอีก

แต่ครั้งนี้ทุกคนออกมาจากปราการเบิกฟ้าได้ราบรื่นมาก ไม่เจอสถานการณ์อันตรายเหมือนตอนเข้ามา

รอยแยกปราการหมอกคงอยู่ราวสิบลมหายใจ ทำให้พวกเขาบินออกมาได้สบายๆ

ถึงตอนนี้ ทุกคนมีสีหน้าแววตาผ่อนคลาย

ฟู่ ถือว่าปลอดภัยแล้ว!

สี่คุณชายมองหน้ากันเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่าง

คุณชายไป๋แห่งเผ่าเทพหมึกยักษ์ป้องมือให้เสิ่นเทียนด้วยความเคารพ “ดีที่การผจญภัยครั้งนี้มีสหายเสิ่นดูแล พวกข้าถึงได้รอดมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังได้โชคลิขิตเช่นนี้

แต่สหายเสิ่นกับสหายฉีมีศักยภาพเหนือชั้น คงจะอยากเข้าไปผจญภัยในเกาะทะเลที่ลึกกว่า ถึงจะได้โชคลิขิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเราสี่คุณชายมีศักยภาพไม่ถึง หากอยู่กับทั้งสองท่านต่อไป เกรงว่าจะมีแต่ถ่วงขาทั้งสองท่าน

ดังนั้นพวกเราจึงคิดหน้าคิดหลังแล้ว ขอแยกกับทั้งสองท่านไปผจญภัยกันเองดีกว่า! รอสหายเสิ่นกับสหายฉีผจญภัยเสร็จ พวกเราค่อยมารวมกันที่เมืองสุขาวดีและต้อนรับทั้งสองท่าน”

ตอนที่คุณชายไป๋พูดนั้น อีกสามคุณชายมีสีหน้าที่จริงใจและตรงไปตรงมามาก

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็จริงจังเช่นกัน

เมื่อครึ่งเดือนก่อนเสิ่นเทียนเกือบถูกปราการหมอกเบิกฟ้าปกคลุมกัดกินเพราะช่วยพวกเขา

นี่ทำให้พวกเขารู้สึกผิดมาก ถึงอย่างไรโดยเนื้อแท้แล้วพวกเขาก็ไม่ได้เป็นญาติเป็นสหายกับเสิ่นเทียนและฉีเซ่าเสวียน

ต่อให้มีเกาะมังกรดำชักจูง แต่การเกาะโชคลิขิตคนอื่นเยอะเช่นนี้ เท่ากับติดค้างน้ำใจครั้งใหญ่ ขืนยังไร้ยางอายไม่ยอมไปอีก ก็อาจจะทำให้คนอื่นเขารำคาญได้

นอกจากนี้ ในใจพวกเขายังมีความคิดอื่นอีก

นั่นคืออาศัยช่วงที่การผจญภัยยังไม่จบลงนี้ กลับไปตรวจสอบคัมภีร์ลับในเผ่า ดูว่ามีวิธีใดที่จะช่วยเสิ่นเทียนยับยั้งหมอกเบิกฟ้าในกายได้หรือไม่

หากเป็นเช่นนั้นก็พอจะตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตก่อนหน้านี้กับเสิ่นเทียนได้ ทำให้พวกเขาไม่ต้องละอายใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว

สี่คุณชายพูดจบ อวี้เผียนเซียนก็มองเสิ่นเทียนด้วยความอาลัยอาวรณ์ “สหายเสิ่น เผียนเซียนมีระดับพลังต่ำ ก็ขอลาตรงนี้เช่นกัน สหายเสิ่นผจญภัยจบเมื่อไรก็เป่าหอยสังข์ได้ทุกเมื่อ ถึงตอนนั้นเผียนเซียนยินดีจะร้องระบำให้สหายเสิ่นเป็นการส่วนตัว”

ขณะพูดอยู่นั้น เผียนเซียนก็หน้าแดงเรื่อ ดวงตาแฝงไว้ด้วยความเขินอาย

อืม เหมือนปลาน้ำแดงที่สุด

……

เมื่อเห็นทุกคนยึดมั่นจะไปเช่นนี้ เสิ่นเทียนก็จนปัญญานิดๆ

เขาเอ่ยปากโน้มน้าว ทว่าห้าคนเหมือนจะตัดสินใจไว้ก่อนแล้ว จึงยืนหยัดจะไป

แต่ก็เหมือนที่พวกเขาบอก ที่ที่เสิ่นเทียนและฉีเซ่าเสวียนจะไป คือส่วนลึกยิ่งกว่าของทะเลดาราเบิกฟ้า

หากเจอสถานการณ์กะทันหันอย่าง ‘ระลอกคลื่นปราการหมอกเบิกฟ้า’ อีก ต่อให้เสิ่นเทียนมีศักยภาพแกร่งกว่านี้ ก็ยากจะดูแลสหายทุกคนได้

ถึงอย่างไรสี่คุณชายและอวี้เผียนเซียนก็ได้ทรัพยากรไปเยอะมาก ดวงชะตาก็แกร่งขึ้นไม่น้อยแล้ว

ตอนนี้กลับไปผจญภัยรอบนอกเขตทะเลเบิกฟ้าก็ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่

พอคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็มองหน้าผากของสี่คุณชายอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง

จากนั้นเขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่างเถอะ ในเมื่อทุกท่านยึดมั่นเช่นนี้ แซ่เสิ่นก็จะไม่บังคับทุกคน หากทุกคนเชื่อแซ่เสิ่น เมื่อไปถึงรอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้าแล้ว ก็ลองไปค้นหาเขตทะเลทางตะวันออกดู บางทีอาจจะเจอเกาะดาราเบิกฟ้าที่มีคุณลักษณะค่อนข้างดี อาจจะได้โชคลิขิตเหนือความคาดหมายก็ได้”

อืม ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็เห็นจากหน้าผากสี่คนนี้ว่าโชคลิขิตของพวกเขาอยู่บนเกาะทางตะวันออก

แม้คุณภาพจะเทียบกับวิชาคุนเผิงไม่ได้ กระทั่งเทียบกับน้ำตาดาวเทพสมุทรห้าร้อยสองเม็ดไม่ได้ แต่แมลงวันเล็กกว่านี้ก็ยังเป็นเนื้อ

ได้ถือโอกาสเพิ่มดวงชะตานิดหน่อยด้วย อย่างไรก็เป็นเรื่องดี

“เขตทะเลทางตะวันออกรึ แซ่ไป๋เข้าใจ ขอบคุณที่สหายเสิ่นเตือน!”

เมื่อได้ฟังคำชี้แนะจากเสิ่นเทียน ก็คิดโยงไปถึงข่าวลือซุบซิบเกี่ยวกับเสิ่นเทียนที่ได้ฟังมาจากหลี่อวิ๋นเฟิง

คุณชายไป๋พลันมีสีหน้าดีใจขึ้นมา “เดี๋ยวพวกข้าจะไปหาสมบัติที่เขตทะเลทางตะวันออก หากได้อะไรมา จะไม่ลืมบุญคุณที่สหายเสิ่นชี้แนะแน่นอน สหายอวิ๋นเฟิงเคยบอกข้อบังคับของสหายเสิ่นกับแซ่ไป๋เรื่องลัทธิเทพแบ่งครึ่งอยู่ แซ่ไป๋เข้าใจ”

คุณชายไป๋พูดพลางขยิบตาอย่างซุกซน

เดิมทีเสิ่นเทียนยิ้มอยู่ โชคลิขิตของสี่คนนี้รวมกับการชี้แนะของข้า ก็น่าจะได้มาแปดเก้าส่วนไม่ห่างจากสิบ

มีดวงชะตาอีกระลอกเข้าคลัง มีความสุขจริงๆ

แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘ลัทธิเทพแบ่งครึ่ง’ เสิ่นเทียนก็หน้าดำมืดขึ้นเรื่อยๆ

ไอ้พวกบ้าหลิวไท่อี่กับหลี่อวิ๋นเฟิงพูดอะไรกับคนข้างนอกกันแน่ เหตุใดถึงแพร่งพรายมายังทะเลอุดร

ลัทธิเทพแบ่งครึ่งอะไร

นั่นเรียกลัทธิปรมาจารย์เซียน อีกทั้งยังเปลี่ยนรูปแบบฟอกความบริสุทธิ์แล้วด้วย!

พูดอย่างกับว่าแซ่เสิ่นบอกพวกเจ้าว่าที่ใดมีโชคลิขิตเพราะละโมบเงินพวกเจ้าอย่างนั้นแหละ!

นี่มันใส่ร้ายกันอย่างไม่มีหลักฐานชัดๆ!

ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว

เดิมทีเสิ่นเทียนก็ไม่คิดจะรับเงินอยู่แล้ว ในเมื่อพวกเจ้าพูดจาทำร้ายกันเช่นนี้ แซ่เสิ่นก็ขอไม่ปัดค่าตอบแทนแล้วกัน

หึ!

นี่คือค่าเสียชื่อเสียงของแซ่เสิ่น!

……

หลังจากสอดแทรกมุกตลกกินดื่มกันเรียบร้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันเดินทาง

สี่คุณชายกับอวี้เผียนเซียนมีศักยภาพค่อนข้างอ่อนแอก็ย้ายไปผจญภัยรอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้า ส่วนฉีเซ่าเสวียน เสิ่นเทียนและเอ๋าอูเข้าไปลึกกว่าเดิม

อืม เดิมทีด้วยศักยภาพของเอ๋าอูก็ต้องถอยเช่นกัน เหลือแค่เสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนสองคน

แต่ช่วยไม่ได้ที่เอ๋าอูให้เสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนขี่ได้!

ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงที่เสิ่นเทียนหรือฉีเซ่าเสวียนฝึกฝน ก็ประสานกับเอ๋าอูโจมตีร่วมกันได้ ทำให้กำลังรบเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เสิ่นเทียนอย่างไรก็ได้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรกลอุบายที่แกร่งที่สุดของเขาก็ไม่ใช่คัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริง

แต่หากฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูร่วมมือกัน กำลังรบจะเพิ่มขึ้นได้อีกหลายส่วน นี่มีสาเหตุเพราะเอ๋าอูมีระดับพลังอ่อนแอมาก

หากเอ๋าอูก็ทะลวงระดับนิพพานมาระดับเท่ากับฉีเซ่าเสวียนเช่นกัน สองคนร่วมมือกันแล้วจะแสดงกำลังรบได้หลายเท่า กวาดล้างทุกสิ่ง

ดังนั้นในตอนนี้ ฉีเซ่าเสวียนขึ้นขี่เขาคนเดียวจะเหมาะสมกว่า

หลังจากแยกกับห้าคนแล้ว กลุ่มเสิ่นเทียน ฉีเซ่าเสวียนและเอ๋าอู สองคนหนึ่งมังกรก็เดินเครื่องได้แกร่งยิ่งกว่าเดิม

พวกเขาบุกไปในเขตทะเลเบิกฟ้าตลอดทาง ระหว่างทางเจอสัตว์ทะเลแข็งแกร่งซุ่มโจมตีตลอด

ในนั้นบางตัวเป็นสัตว์ประหลาดเจ้าถิ่นเขตทะเลเบิกฟ้า มีศักยภาพไม่อ่อนแอไปกว่าผู้สูงศักดิ์

ปกติจะคงอยู่จุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์ อีกทั้งกำลังรบยังแข็งแกร่งมาก เทียบเท่ากับจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์โลกข้างนอกหลายคนร่วมมือกัน

บางครั้งสัตว์ร้ายพวกนี้ก็ยังร่วมมือกันปิดล้อมจู่โจมสามคน สร้างแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน

แม้ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูจะร่วมมือกันสำแดงวิชาลับนักรบมังกร ก็เกือบพลาดท่าหลายครั้ง โชคดีที่มีเสิ่นเทียนคอยคุมสถานการณ์อยู่ข้างๆ

นี่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูนับถือในกำลังรบของเสิ่นเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ

ถึงอย่างไรเจ้านี่ระเบิดพลังทีก็ออกกระบี่เดียวสังหารสัตว์ร้ายระดับครึ่งก้าวหลอมรวมเทพได้ในพริบตา เก่งกาจอย่างยิ่ง

เคล็ดกระบี่ท่าเขานั้นเหมือนกับแม่น้ำสีเงินสวรรค์เก้าชั้นไหลหลากลงมา ประหนึ่งเซียนต่างแดนมาเยือนโลกมนุษย์ แม้ฉีเซ่าเสวียนจะไม่ได้เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แต่ทุกครั้งที่เสิ่นเทียนสำแดง ก็ยังสร้างความรู้สึกตื่นตกใจ หลงใหลและตกตะลึงกับเขา

นี่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนยึดมั่นในเสิ่นเทียนมากขึ้น นี่สิคือแบบอย่างบนเส้นทางการบำเพ็ญเซียนของเขา

ขอแค่ตามสหายเสิ่นไปตลอด พยายามเข้าใกล้และย่นระยะห่างกับเขา

หากให้เวลาเขามากพอ แซ่ฉีจะต้องเป็นอันดับหนึ่งในใต้ฟ้าแน่นอน

อืม ฟ้า คือฟ้าจากคำว่าเสิ่นเทียน!

…….

สิ่งที่เสิ่นเทียนไม่รู้คือ หลังจากพวกเขาออกจาก ‘เกาะคุนเผิง’ ไม่กี่วัน นักผจญภัยอีกกลุ่มก็มาถึง ‘เกาะคุนเผิง’

กลุ่มนี้คือคุนหมิง เอ้อทงเทียนและปี้เสวียนชิง

พวกเขาเป็นขุมอำนาจที่ไม่ลงรอยกับเกาะมังกรดำทะเลอุดร มีเผ่าคุนสุญตาเป็นผู้นำ

คุนหมิงระดับจุดสูงสุดนิพพานคือผู้นำกลุ่มการเดินทางครั้งนี้ของพวกเขา และมีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุด

“เกาะนี้ดูเหมือนจะใช้ได้เลย หมอกเบิกฟ้าหนาแน่นมาก มองดูก็รู้ว่ามีมหาโชคลิขิต พวกเราเลือกเกาะนี้แล้วกัน!”

เอ้อทงเทียนมองเกาะนี้ด้วยความพอใจ ก่อนจะเสนอกับคุนหมิง

ต้องรู้ว่าถึงในเขตทะเลเบิกฟ้าจะมีเกาะมากมาย แต่ยอดค่ายกลมีวิชามายาแฝงอยู่ส่วนหนึ่ง

ปกติยิ่งหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นมากเท่าไร โชคลิขิตในนั้นก็จะยิ่งใหญ่มากเท่านั้น

โอรสสวรรค์ส่วนใหญ่จะหาเกาะที่มีหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นเช่นนี้เจอได้ยากมาก

ในมุมมองของเอ้อทงเทียน หมอกเบิกฟ้าที่ปกคลุมรอบเกาะนี้หนาแน่นจนเกินจริง ขอแค่ฝ่าเข้าไปได้ จะต้องได้โชคลิขิตที่ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังแน่นอน

“ดูจากคุณภาพแล้วก็ใช้ได้จริงๆ เอาที่นี่แล้วกัน!”

คุนหมิงคาดการณ์เหมือนกับเอ้อทงเทียน คิดว่าที่นี่จะต้องมีมหาโชคลิขิต

เขาแบกดาบคู่ไว้ข้างหลัง ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายบ้าอำนาจห้าวหาญออกมา เหมือนกับขุนเขาเทพโบราณ

ขณะเขากะพริบตายังมีจิตมุ่งมั่นในการต่อสู้เข้มข้น “น่าเสียดายก็แต่ระหว่างทางมาไม่เจอไอ้หนูเผ่ามนุษย์สองคนนั่น”

คุนหมิงเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ที่ยากจะพานพบได้ในหลายพันปีของเผ่าคุนสุญตา ไม่มีใครขวางได้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

อวี้เผียนเซียนคือคู่สมรสในใจของคุนหมิง พูดได้ว่าเป็นของหวงแหนในใจเขา

แม้อวี้เผียนเซียนจะไม่ชอบคุนหมิงมาตลอด แต่คุนหมิงก็ไม่เคยยอมแพ้จะเลิกตามนาง

เพราะนอกจากเขาแล้ว ไม่มีโอรสสวรรค์เผ่าใดในทะเลอุดรกล้าตามเกี้ยวอวี้เผียนเซียน ขอแค่เลียต่อไปจะต้องสำเร็จแน่

แต่บุรุษเผ่ามนุษย์สองคนนั่น คิดจะขอแบ่งน้องเผียนเซียนจากแซ่เสิ่น มาทำให้ตลาดปั่นป่วน

โดยเฉพาะบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน หน้าตาหล่อเหลาเช่นนั้น

เจ้าหนูนั่นไปๆ มาๆ ข้างกายน้องเผียนเซียนทุกวัน เหตุใดในสายตานางถึงไม่มีคุนหมิงบ้าง

แย่งคนรักเหมือนกับสังหารบุพการีเขา แย่งปลาก็เช่นกัน

คุนหมิงรับรองเลยว่าถ้าเขาเจอไอ้หนูสองคนนั่นในเขตทะเลเบิกฟ้า จะต้องทุบตีให้มารดาจำพวกมันไม่ได้เลย จากนั้นทำเป็นสัตว์ขี่ ขี่ไปตรงหน้าน้องเผียนเซียนอย่างทะนงองอาจ

ให้น้องเผียนเซียนได้รู้ว่าข้าคุนหมิงต่างหากคือบุรุษที่แกร่งที่สุดในทะเลอุดร!

…….

คุนหมิงนั่งขัดสมาธิลงรอบนอกเกาะคุนเผิง ภายในใจเต็มไปด้วยความคิดหื่นกาม

คุนหมิงกำลังรอปราการหมอกเบิกฟ้าเปิดเงียบๆ เขาเชื่อว่าด้วยดวงชะตาที่ผ่านมาของตน ปราการเบิกฟ้านี่จะไม่ให้เขารอนานเกินไปแน่นอน

อืม ใช่

จากนั้นรอครั้งนี้กินเวลาไปสามเดือน~

ควรรู้ว่าเกาะดาราเบิกฟ้าส่วนใหญ่จะเปิดปราการในหนึ่งเดือน ต่อให้เว้นช่วงนานหน่อยก็ครึ่งเดือน เกาะดาราเบิกฟ้าที่เว้นช่วงสองเดือนหาได้ยากมาก

แต่ปราการเบิกฟ้าบนเกาะคุนเผิงนี่กลับปิดไปสามเดือน

ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับกระบี่นั้นและสองฝ่ามือของเสิ่นเทียนหรือไม่

สรุป พวกคุนหมิง เอ้อทงเทียนและปี้เสวียนชิงรอจนจากหน่ออ่อนดอกไม้แทบจะกลายเป็นดอกไม้บาน

สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาผ่านสามเดือนนี้มาอย่างไร

ตั้งแต่สองเดือนแรก สามคนก็คิดจะไม่รอแล้วตั้งหลายครั้ง อยากจะเปลี่ยนเกาะไปเลย

แต่ว่า ใจไม่ยอม!

ก็รู้อยู่ว่าเขตทะเลดาราเบิกฟ้าจะเปิดราวๆ สิบสองเดือน ปกติราวๆ เดือนเก้าต้องออกไปแล้ว

รออย่างเปล่าประโยชน์ไปหนึ่งเดือนรึ ให้เจ้าไป เจ้าจะเต็มใจหรือไม่

แน่นอนว่าไม่เต็มใจ เช่นนั้นก็รอต่อไปเถอะ!

รอไปหนึ่งเดือนแล้ว บางทีอีกสองสามชั่วยามก็คงจะเปิด

จากนั้นก็รออีกหนึ่งเดือน

สภาพจิตใจเหมือนกับนักเขียนสุนัขบางคนที่ซื้อหุ้นแล้วหุ้นตกไม่กล้าขายสุดๆ ติดดอยไปจนตาย

คิดจะไปรึ

เหอะๆ ไม่มีทาง

…….

วันที่แปดเดือนสาม ในที่สุดคุนหมิงก็ทนไม่ไหวแล้ว

เขาเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า พลันมีเงามายาคุนยักษ์พันจั้งลอยขึ้นมาข้างหลัง ดินทรายระเบิดกระจายบนชายหาด

น้ำทะเลไร้ที่สิ้นสุดริมทะเลไหลเชี่ยว ระเบิดออกเป็นละอองน้ำเต็มฟ้าภายใต้แสงตะวันเบิกฟ้าส่องสะท้อน ออกมาเป็นสายรุ้งสีเข้มแปลกประหลาด

“เหตุใดถึงยังไม่เปิด เพราะเหตุใด!”

คุนหมิงฝืนดึงดาบคู่ข้างหลังออกมา อยากจะฟันสองดาบใส่ปราการเบิกฟ้า “พวกเรากลับ!”

ปี้เสวียนชิงดวงตามืดหม่น ก่อนพูดด้วยความไม่ยอม “พี่ใหญ่ เราจะไม่รอแล้วรึ”

คุนหมิงหัวเราะเยาะ “เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าปราการหมอกเบิกฟ้าเกาะนี้ไม่มีทางเปิด ไม่เช่นนั้นคงเปิดไปนานแล้ว พวกเราอยู่หน้าปราการหมอกนี่มาสามเดือน น่าขำที่สุด! ไปเถอะ! อาศัยช่วงที่ยังไม่ถึงครึ่งปีกว่าไปหาที่อื่นดีกว่า!”

เมื่อเอ่ยจบ คุนหมิงก็กระโดดขึ้นกลายเป็นแสงเทพสายหนึ่งบินไปที่อื่นในเขตทะเล

เอ้อทงเทียนกับปี้เสวียนชิงต่างหมดคำจะพูด ได้แต่ตามคุนหมิงอย่างจำใจ ถึงอย่างไรคุนหมิงก็เป็นผู้นำในพวกเขาสามคน ทว่าตอนที่พวกเขาบินออกมาหลายร้อยลี้พลันได้ยินเสียงเปรี้ยงๆ

ใช่ ปราการหมอกเบิกฟ้าบนผิวเกาะคุนเผิงแตกออกแล้ว

พลังวิญญาณมหาศาลหมุนม้วนออกมาจากในเกาะ ราวกับคุนเผิงหายใจ

พริบตาเดียว เขตทะเลในวงรัศมีหลายพันลี้ก็มีแต่พลังวิญญาณกระเพื่อม

“เปิดแล้ว!”

“พลังวิญญาณเข้มข้นมาก เกาะวิญญาณระดับสูงสุด!”

เอ้อทงเทียนเป็นคนตรง

ตอนนี้รู้สึกถึงพลังวิญญาณมหาศาลจากในปราการหมอกเบิกฟ้าแล้ว เขาก็ตาแดงขึ้นมา “บางทีบนเกาะนี่อาจจะมีขุมทรัพย์!”

ปี้เสวียนชิงตรงไปตรงมายิ่งกว่า เขาพลันกลายเป็นแสงสีมรกตพุ่งไปยังรอยแยกของปราการเบิกฟ้าสุดชีวิต

เจ้าปลาคุนหมิงนิ่งอึ้งไปแล้ว

นี่มันอะไรกัน ข้ารอเจ้ามาสามเดือนเจ้าไม่เปิด

ตอนนี้ข้าจะไปแล้ว เจ้ากลับอ้าขา…เปิดปราการให้ข้าเข้าไปรึ

เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติอย่างนั้นรึ

เหอะๆ เจ้าเดาถูกแล้ว

เทียบกับผลประโยชน์โชคลิขิตที่จับต้องได้จริงแล้ว หน้าตายาวหลายร้อยจั้งของข้าสำคัญกว่าหรือ

ไม่สำคัญเลยสักนิด!

…….

อีกทั้งหลังจากปราการเบิกฟ้าบนพื้นผิวเกาะดาราเบิกฟ้านี้เปิดออก คุนหมิงก็รู้สึกว่าสายเลือดเขากำลังสั่นไหวอย่างชัดเจน ราวกับว่าบนเกาะมีอะไรบางอย่างที่กู่ร้องพร้อมกับสายเลือดเขา

การกู่ร้องพร้อมกันเช่นนี้ถึงจะเบาบางมาก แต่คุนหมิงเชื่อว่าตนไม่น่าจะสัมผัสพลาด

สายเลือดเขาส่งความรู้สึกอย่างหนึ่ง เป็นความรู้สึกอันแรงกล้า

ข้าต้องการ~

ข้าต้องการ~

ข้าต้องการ~

ความรู้สึกนี้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันและเด่นชัดยิ่ง ไหลเชี่ยวราวกับคลื่นลูกใหญ่

เห็นได้ชัดว่าเกาะนี้เกี่ยวกับเขา อีกทั้งยังเป็นมหาโชคลิขิต

เป็นโชคลิขิตใดกันแน่ คุนหมิงเฝ้ารอคอยเป็นอย่างยิ่ง!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 314 เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติรึ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 314 เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติรึ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 314 เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติรึ

ทุกคนค้นหารอบๆ ตำหนักเทพคุนเผิงอีกสักพัก

แต่ก็ไม่ได้อะไรอย่างอื่น นักผจญภัยที่บุกเข้ามาในตำหนักเทพคุนเผิงคนก่อนคงจะกวาดของไปหมดแล้ว

ในตำหนักเทพคุนเผิงเหลือเพียงตำหนักใหญ่กว้างโล่ง ไม่มีอาวุธวิเศษหรืออาวุเทพใดๆ

เมื่อคิดได้ดังนั้น ทุกคนจึงออกจากตำหนักเทพคุนเผิงกลับมาบนเกาะอีกครั้ง

ตอนนี้ทั้งเกาะนอกจากเขตใจกลางที่มีหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นปกคลุมแล้ว ที่อื่นๆ ถูกพวกเสิ่นเทียนค้นหาไปพอประมาณแล้ว

โชคลิขิตเศษที่เหลือ มีค่าไม่มากสำหรับทุกคนแล้ว

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงเสนอให้ทุกคนกลับไปรอบนอกเกาะอีกครั้ง รอยอดค่ายกลเบิกฟ้าเปิด

แน่นอนว่าเวลาการรอเช่นนี้เป็นการสุ่ม

หากโชคดีวันสองวันก็เจอ หากโชคไม่ดีถูกขังสองสามเดือนก็เป็นเรื่องปกติ

นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่โอรสสวรรค์มากมายเริ่มหยุดการผจญภัยในเดือนเก้าและกลับไปรอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้า

ถึงอย่างไรความปรารถนาก็ไร้ที่สิ้นสุด

หากหลังจากเดือนเก้าเจ้ายังผจญภัยในส่วนลึกเขตทะเลเบิกฟ้า เจอเกาะทะเลที่มีหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นปกคลุมเปิดออก เจ้าจะเข้าไปหรือไม่

เกิดเจ้าเข้าไปแล้ว เกาะนี้ไม่เปิดอีกในสองสามเดือน ขังเจ้าไว้ในยอดค่ายกลเบิกฟ้าล่ะจะทำอย่างไร

ตั้งแต่โบราณมา มีอัจฉริยะที่คิดว่าจะโชคดีตายในเขตทะเลเบิกฟ้ามานับไม่ถ้วนแล้ว

ในนั้นส่วนมากเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์น่าตื่นตกใจ ช่างน่าเสียดาย

…..

โชคดีที่เวลาในการรอไม่ได้จืดชืด

ทุกคนเสี่ยงอันตรายมาสองครั้งได้โชคลิขิตมาไม่น้อย เดิมทีต้องใช้เวลาพอประมาณในการหลอมรวม

ขณะรอหมอกเบิกฟ้าเปิดออกอีกครั้ง ทุกคนนำน้ำตาดาวเทพสมุทรออกมาดูดซับ ฝึกฝนวิชาคุนเผิงที่ตนได้มาต่อ

แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ประลองกัน ศักยภาพของทุกคนจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ส่วนเสิ่นเทียนเองก็ต้องการเวลาที่มากพอเพื่อควบคุมวิชาคุนเผิง รวมถึงกระบวนท่าสังหารมากมายที่ซ่อนในวิชานี้

นี่เป็นมรดกที่ซับซ้อนเข้าใจยากมาก ต้องใช้เวลาศึกษาและขัดเกลาอย่างมาก

สารภาพตามตรง หากไม่ใช่เพราะวิชาคุนเผิงมีอานุภาพพอใช้ได้ เสิ่นเทียนก็ไม่ค่อยอยากจะฝึกเลย ถึงอย่างไรในตัวเขาก็มีมรดกเยอะมาก ทั้งคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงเอย คัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์เอย หัตถ์ปฐมกาลทลายเวหาเอย สามสิบหกค้อนสวรรค์รกร้างเอย…

ถ้าเสิ่นเทียนใช้กำลังวังชาฝึกทุกวิชา ก็คงจะเหนื่อยมากจริงๆ

เฮ้อ ไฉนต้องมอบมรดกให้ข้าเยอะเช่นนี้กัน

แค่คิดก็น่ากลุ้มใจแล้ว

ท่ามกลางการฝึกฝนที่ทั้งเต็มอิ่มและน่าสนใจ เวลาผ่านไปครึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว

ในครึ่งเดือนนี้ศักยภาพของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอวี้เผียนเซียนกับสี่คุณชาย

แม้วิชาในเผ่าพวกเขาจะเป็นสุดยอดวิชาอสูร แต่เทียบกับวิชาคุนเผิงแล้ว คนละระดับกันเลย

ตอนนี้ตระหนักความหมายลึกลับส่วนหนึ่งมาจากวิชาคุนเผิง นี่คือมหาโชคลิขิตสำหรับพวกเขา เป็นการเปิดทั้งเส้นทางการบำเพ็ญเซียนในอนาคต

ผนวกกับมีน้ำตาดาวเทพสมุทรช่วย ศักยภาพของห้าคนจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่าในครึ่งเดือน

แน่นอน ฉีเซ่าเสวียนก็ก้าวหน้าอย่างมากเช่นกัน

เพียงแต่ตอนนี้เขากำลังวุ่นอยู่กับการพิสูจน์กระบวนท่าจู่โจมจากวิชาเผิงที่ตนตระหนักได้และในคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริง ไม่ได้สนใจการเพิ่มระดับพลังเท่าไร

ดังนั้นรากฐานของฉีเซ่าเสวียนจึงมั่นคงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่กำลังรบเพิ่มขึ้นเพียงเท่าเดียว

ทว่ากำลังรบหนึ่งเท่าของเขาก็สูงกว่าคนอื่นๆ หลายเท่า

ทางด้านเอ๋าอู ตอนนี้ยังคงเป็นเหมือนปลาเค็มไร้ความฝัน~

………

เปรี้ยง~

เสียงเปรี้ยงๆ ดังขึ้น ปราการหมอกเบิกฟ้าแตกออกอีกครั้ง

ทุกคนตาเป็นประกายขึ้นมา ต่างสำแดงวิชาหลบหนีที่เร็วที่สุดบินไปนอกปราการหมอก

พวกคุณชายซายังใช้วิชาคุนเผิงที่เพิ่งตระหนักมาใหม่บินออกไปเพื่อความปลอดภัย กลัวว่าจะอยู่ในสถานการณ์น่าอายเหมือนตอนเข้ามา ถูกปราการเบิกฟ้าอุดทาง ถึงตอนนั้นต้องให้เสิ่นเทียนออกมือมาช่วยอีก

แต่ครั้งนี้ทุกคนออกมาจากปราการเบิกฟ้าได้ราบรื่นมาก ไม่เจอสถานการณ์อันตรายเหมือนตอนเข้ามา

รอยแยกปราการหมอกคงอยู่ราวสิบลมหายใจ ทำให้พวกเขาบินออกมาได้สบายๆ

ถึงตอนนี้ ทุกคนมีสีหน้าแววตาผ่อนคลาย

ฟู่ ถือว่าปลอดภัยแล้ว!

สี่คุณชายมองหน้ากันเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่าง

คุณชายไป๋แห่งเผ่าเทพหมึกยักษ์ป้องมือให้เสิ่นเทียนด้วยความเคารพ “ดีที่การผจญภัยครั้งนี้มีสหายเสิ่นดูแล พวกข้าถึงได้รอดมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังได้โชคลิขิตเช่นนี้

แต่สหายเสิ่นกับสหายฉีมีศักยภาพเหนือชั้น คงจะอยากเข้าไปผจญภัยในเกาะทะเลที่ลึกกว่า ถึงจะได้โชคลิขิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเราสี่คุณชายมีศักยภาพไม่ถึง หากอยู่กับทั้งสองท่านต่อไป เกรงว่าจะมีแต่ถ่วงขาทั้งสองท่าน

ดังนั้นพวกเราจึงคิดหน้าคิดหลังแล้ว ขอแยกกับทั้งสองท่านไปผจญภัยกันเองดีกว่า! รอสหายเสิ่นกับสหายฉีผจญภัยเสร็จ พวกเราค่อยมารวมกันที่เมืองสุขาวดีและต้อนรับทั้งสองท่าน”

ตอนที่คุณชายไป๋พูดนั้น อีกสามคุณชายมีสีหน้าที่จริงใจและตรงไปตรงมามาก

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็จริงจังเช่นกัน

เมื่อครึ่งเดือนก่อนเสิ่นเทียนเกือบถูกปราการหมอกเบิกฟ้าปกคลุมกัดกินเพราะช่วยพวกเขา

นี่ทำให้พวกเขารู้สึกผิดมาก ถึงอย่างไรโดยเนื้อแท้แล้วพวกเขาก็ไม่ได้เป็นญาติเป็นสหายกับเสิ่นเทียนและฉีเซ่าเสวียน

ต่อให้มีเกาะมังกรดำชักจูง แต่การเกาะโชคลิขิตคนอื่นเยอะเช่นนี้ เท่ากับติดค้างน้ำใจครั้งใหญ่ ขืนยังไร้ยางอายไม่ยอมไปอีก ก็อาจจะทำให้คนอื่นเขารำคาญได้

นอกจากนี้ ในใจพวกเขายังมีความคิดอื่นอีก

นั่นคืออาศัยช่วงที่การผจญภัยยังไม่จบลงนี้ กลับไปตรวจสอบคัมภีร์ลับในเผ่า ดูว่ามีวิธีใดที่จะช่วยเสิ่นเทียนยับยั้งหมอกเบิกฟ้าในกายได้หรือไม่

หากเป็นเช่นนั้นก็พอจะตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตก่อนหน้านี้กับเสิ่นเทียนได้ ทำให้พวกเขาไม่ต้องละอายใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว

สี่คุณชายพูดจบ อวี้เผียนเซียนก็มองเสิ่นเทียนด้วยความอาลัยอาวรณ์ “สหายเสิ่น เผียนเซียนมีระดับพลังต่ำ ก็ขอลาตรงนี้เช่นกัน สหายเสิ่นผจญภัยจบเมื่อไรก็เป่าหอยสังข์ได้ทุกเมื่อ ถึงตอนนั้นเผียนเซียนยินดีจะร้องระบำให้สหายเสิ่นเป็นการส่วนตัว”

ขณะพูดอยู่นั้น เผียนเซียนก็หน้าแดงเรื่อ ดวงตาแฝงไว้ด้วยความเขินอาย

อืม เหมือนปลาน้ำแดงที่สุด

……

เมื่อเห็นทุกคนยึดมั่นจะไปเช่นนี้ เสิ่นเทียนก็จนปัญญานิดๆ

เขาเอ่ยปากโน้มน้าว ทว่าห้าคนเหมือนจะตัดสินใจไว้ก่อนแล้ว จึงยืนหยัดจะไป

แต่ก็เหมือนที่พวกเขาบอก ที่ที่เสิ่นเทียนและฉีเซ่าเสวียนจะไป คือส่วนลึกยิ่งกว่าของทะเลดาราเบิกฟ้า

หากเจอสถานการณ์กะทันหันอย่าง ‘ระลอกคลื่นปราการหมอกเบิกฟ้า’ อีก ต่อให้เสิ่นเทียนมีศักยภาพแกร่งกว่านี้ ก็ยากจะดูแลสหายทุกคนได้

ถึงอย่างไรสี่คุณชายและอวี้เผียนเซียนก็ได้ทรัพยากรไปเยอะมาก ดวงชะตาก็แกร่งขึ้นไม่น้อยแล้ว

ตอนนี้กลับไปผจญภัยรอบนอกเขตทะเลเบิกฟ้าก็ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่

พอคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็มองหน้าผากของสี่คุณชายอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง

จากนั้นเขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่างเถอะ ในเมื่อทุกท่านยึดมั่นเช่นนี้ แซ่เสิ่นก็จะไม่บังคับทุกคน หากทุกคนเชื่อแซ่เสิ่น เมื่อไปถึงรอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้าแล้ว ก็ลองไปค้นหาเขตทะเลทางตะวันออกดู บางทีอาจจะเจอเกาะดาราเบิกฟ้าที่มีคุณลักษณะค่อนข้างดี อาจจะได้โชคลิขิตเหนือความคาดหมายก็ได้”

อืม ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็เห็นจากหน้าผากสี่คนนี้ว่าโชคลิขิตของพวกเขาอยู่บนเกาะทางตะวันออก

แม้คุณภาพจะเทียบกับวิชาคุนเผิงไม่ได้ กระทั่งเทียบกับน้ำตาดาวเทพสมุทรห้าร้อยสองเม็ดไม่ได้ แต่แมลงวันเล็กกว่านี้ก็ยังเป็นเนื้อ

ได้ถือโอกาสเพิ่มดวงชะตานิดหน่อยด้วย อย่างไรก็เป็นเรื่องดี

“เขตทะเลทางตะวันออกรึ แซ่ไป๋เข้าใจ ขอบคุณที่สหายเสิ่นเตือน!”

เมื่อได้ฟังคำชี้แนะจากเสิ่นเทียน ก็คิดโยงไปถึงข่าวลือซุบซิบเกี่ยวกับเสิ่นเทียนที่ได้ฟังมาจากหลี่อวิ๋นเฟิง

คุณชายไป๋พลันมีสีหน้าดีใจขึ้นมา “เดี๋ยวพวกข้าจะไปหาสมบัติที่เขตทะเลทางตะวันออก หากได้อะไรมา จะไม่ลืมบุญคุณที่สหายเสิ่นชี้แนะแน่นอน สหายอวิ๋นเฟิงเคยบอกข้อบังคับของสหายเสิ่นกับแซ่ไป๋เรื่องลัทธิเทพแบ่งครึ่งอยู่ แซ่ไป๋เข้าใจ”

คุณชายไป๋พูดพลางขยิบตาอย่างซุกซน

เดิมทีเสิ่นเทียนยิ้มอยู่ โชคลิขิตของสี่คนนี้รวมกับการชี้แนะของข้า ก็น่าจะได้มาแปดเก้าส่วนไม่ห่างจากสิบ

มีดวงชะตาอีกระลอกเข้าคลัง มีความสุขจริงๆ

แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘ลัทธิเทพแบ่งครึ่ง’ เสิ่นเทียนก็หน้าดำมืดขึ้นเรื่อยๆ

ไอ้พวกบ้าหลิวไท่อี่กับหลี่อวิ๋นเฟิงพูดอะไรกับคนข้างนอกกันแน่ เหตุใดถึงแพร่งพรายมายังทะเลอุดร

ลัทธิเทพแบ่งครึ่งอะไร

นั่นเรียกลัทธิปรมาจารย์เซียน อีกทั้งยังเปลี่ยนรูปแบบฟอกความบริสุทธิ์แล้วด้วย!

พูดอย่างกับว่าแซ่เสิ่นบอกพวกเจ้าว่าที่ใดมีโชคลิขิตเพราะละโมบเงินพวกเจ้าอย่างนั้นแหละ!

นี่มันใส่ร้ายกันอย่างไม่มีหลักฐานชัดๆ!

ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว

เดิมทีเสิ่นเทียนก็ไม่คิดจะรับเงินอยู่แล้ว ในเมื่อพวกเจ้าพูดจาทำร้ายกันเช่นนี้ แซ่เสิ่นก็ขอไม่ปัดค่าตอบแทนแล้วกัน

หึ!

นี่คือค่าเสียชื่อเสียงของแซ่เสิ่น!

……

หลังจากสอดแทรกมุกตลกกินดื่มกันเรียบร้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันเดินทาง

สี่คุณชายกับอวี้เผียนเซียนมีศักยภาพค่อนข้างอ่อนแอก็ย้ายไปผจญภัยรอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้า ส่วนฉีเซ่าเสวียน เสิ่นเทียนและเอ๋าอูเข้าไปลึกกว่าเดิม

อืม เดิมทีด้วยศักยภาพของเอ๋าอูก็ต้องถอยเช่นกัน เหลือแค่เสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนสองคน

แต่ช่วยไม่ได้ที่เอ๋าอูให้เสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนขี่ได้!

ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงที่เสิ่นเทียนหรือฉีเซ่าเสวียนฝึกฝน ก็ประสานกับเอ๋าอูโจมตีร่วมกันได้ ทำให้กำลังรบเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เสิ่นเทียนอย่างไรก็ได้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรกลอุบายที่แกร่งที่สุดของเขาก็ไม่ใช่คัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริง

แต่หากฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูร่วมมือกัน กำลังรบจะเพิ่มขึ้นได้อีกหลายส่วน นี่มีสาเหตุเพราะเอ๋าอูมีระดับพลังอ่อนแอมาก

หากเอ๋าอูก็ทะลวงระดับนิพพานมาระดับเท่ากับฉีเซ่าเสวียนเช่นกัน สองคนร่วมมือกันแล้วจะแสดงกำลังรบได้หลายเท่า กวาดล้างทุกสิ่ง

ดังนั้นในตอนนี้ ฉีเซ่าเสวียนขึ้นขี่เขาคนเดียวจะเหมาะสมกว่า

หลังจากแยกกับห้าคนแล้ว กลุ่มเสิ่นเทียน ฉีเซ่าเสวียนและเอ๋าอู สองคนหนึ่งมังกรก็เดินเครื่องได้แกร่งยิ่งกว่าเดิม

พวกเขาบุกไปในเขตทะเลเบิกฟ้าตลอดทาง ระหว่างทางเจอสัตว์ทะเลแข็งแกร่งซุ่มโจมตีตลอด

ในนั้นบางตัวเป็นสัตว์ประหลาดเจ้าถิ่นเขตทะเลเบิกฟ้า มีศักยภาพไม่อ่อนแอไปกว่าผู้สูงศักดิ์

ปกติจะคงอยู่จุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์ อีกทั้งกำลังรบยังแข็งแกร่งมาก เทียบเท่ากับจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์โลกข้างนอกหลายคนร่วมมือกัน

บางครั้งสัตว์ร้ายพวกนี้ก็ยังร่วมมือกันปิดล้อมจู่โจมสามคน สร้างแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน

แม้ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูจะร่วมมือกันสำแดงวิชาลับนักรบมังกร ก็เกือบพลาดท่าหลายครั้ง โชคดีที่มีเสิ่นเทียนคอยคุมสถานการณ์อยู่ข้างๆ

นี่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูนับถือในกำลังรบของเสิ่นเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ

ถึงอย่างไรเจ้านี่ระเบิดพลังทีก็ออกกระบี่เดียวสังหารสัตว์ร้ายระดับครึ่งก้าวหลอมรวมเทพได้ในพริบตา เก่งกาจอย่างยิ่ง

เคล็ดกระบี่ท่าเขานั้นเหมือนกับแม่น้ำสีเงินสวรรค์เก้าชั้นไหลหลากลงมา ประหนึ่งเซียนต่างแดนมาเยือนโลกมนุษย์ แม้ฉีเซ่าเสวียนจะไม่ได้เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แต่ทุกครั้งที่เสิ่นเทียนสำแดง ก็ยังสร้างความรู้สึกตื่นตกใจ หลงใหลและตกตะลึงกับเขา

นี่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนยึดมั่นในเสิ่นเทียนมากขึ้น นี่สิคือแบบอย่างบนเส้นทางการบำเพ็ญเซียนของเขา

ขอแค่ตามสหายเสิ่นไปตลอด พยายามเข้าใกล้และย่นระยะห่างกับเขา

หากให้เวลาเขามากพอ แซ่ฉีจะต้องเป็นอันดับหนึ่งในใต้ฟ้าแน่นอน

อืม ฟ้า คือฟ้าจากคำว่าเสิ่นเทียน!

…….

สิ่งที่เสิ่นเทียนไม่รู้คือ หลังจากพวกเขาออกจาก ‘เกาะคุนเผิง’ ไม่กี่วัน นักผจญภัยอีกกลุ่มก็มาถึง ‘เกาะคุนเผิง’

กลุ่มนี้คือคุนหมิง เอ้อทงเทียนและปี้เสวียนชิง

พวกเขาเป็นขุมอำนาจที่ไม่ลงรอยกับเกาะมังกรดำทะเลอุดร มีเผ่าคุนสุญตาเป็นผู้นำ

คุนหมิงระดับจุดสูงสุดนิพพานคือผู้นำกลุ่มการเดินทางครั้งนี้ของพวกเขา และมีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุด

“เกาะนี้ดูเหมือนจะใช้ได้เลย หมอกเบิกฟ้าหนาแน่นมาก มองดูก็รู้ว่ามีมหาโชคลิขิต พวกเราเลือกเกาะนี้แล้วกัน!”

เอ้อทงเทียนมองเกาะนี้ด้วยความพอใจ ก่อนจะเสนอกับคุนหมิง

ต้องรู้ว่าถึงในเขตทะเลเบิกฟ้าจะมีเกาะมากมาย แต่ยอดค่ายกลมีวิชามายาแฝงอยู่ส่วนหนึ่ง

ปกติยิ่งหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นมากเท่าไร โชคลิขิตในนั้นก็จะยิ่งใหญ่มากเท่านั้น

โอรสสวรรค์ส่วนใหญ่จะหาเกาะที่มีหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นเช่นนี้เจอได้ยากมาก

ในมุมมองของเอ้อทงเทียน หมอกเบิกฟ้าที่ปกคลุมรอบเกาะนี้หนาแน่นจนเกินจริง ขอแค่ฝ่าเข้าไปได้ จะต้องได้โชคลิขิตที่ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังแน่นอน

“ดูจากคุณภาพแล้วก็ใช้ได้จริงๆ เอาที่นี่แล้วกัน!”

คุนหมิงคาดการณ์เหมือนกับเอ้อทงเทียน คิดว่าที่นี่จะต้องมีมหาโชคลิขิต

เขาแบกดาบคู่ไว้ข้างหลัง ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายบ้าอำนาจห้าวหาญออกมา เหมือนกับขุนเขาเทพโบราณ

ขณะเขากะพริบตายังมีจิตมุ่งมั่นในการต่อสู้เข้มข้น “น่าเสียดายก็แต่ระหว่างทางมาไม่เจอไอ้หนูเผ่ามนุษย์สองคนนั่น”

คุนหมิงเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ที่ยากจะพานพบได้ในหลายพันปีของเผ่าคุนสุญตา ไม่มีใครขวางได้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

อวี้เผียนเซียนคือคู่สมรสในใจของคุนหมิง พูดได้ว่าเป็นของหวงแหนในใจเขา

แม้อวี้เผียนเซียนจะไม่ชอบคุนหมิงมาตลอด แต่คุนหมิงก็ไม่เคยยอมแพ้จะเลิกตามนาง

เพราะนอกจากเขาแล้ว ไม่มีโอรสสวรรค์เผ่าใดในทะเลอุดรกล้าตามเกี้ยวอวี้เผียนเซียน ขอแค่เลียต่อไปจะต้องสำเร็จแน่

แต่บุรุษเผ่ามนุษย์สองคนนั่น คิดจะขอแบ่งน้องเผียนเซียนจากแซ่เสิ่น มาทำให้ตลาดปั่นป่วน

โดยเฉพาะบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน หน้าตาหล่อเหลาเช่นนั้น

เจ้าหนูนั่นไปๆ มาๆ ข้างกายน้องเผียนเซียนทุกวัน เหตุใดในสายตานางถึงไม่มีคุนหมิงบ้าง

แย่งคนรักเหมือนกับสังหารบุพการีเขา แย่งปลาก็เช่นกัน

คุนหมิงรับรองเลยว่าถ้าเขาเจอไอ้หนูสองคนนั่นในเขตทะเลเบิกฟ้า จะต้องทุบตีให้มารดาจำพวกมันไม่ได้เลย จากนั้นทำเป็นสัตว์ขี่ ขี่ไปตรงหน้าน้องเผียนเซียนอย่างทะนงองอาจ

ให้น้องเผียนเซียนได้รู้ว่าข้าคุนหมิงต่างหากคือบุรุษที่แกร่งที่สุดในทะเลอุดร!

…….

คุนหมิงนั่งขัดสมาธิลงรอบนอกเกาะคุนเผิง ภายในใจเต็มไปด้วยความคิดหื่นกาม

คุนหมิงกำลังรอปราการหมอกเบิกฟ้าเปิดเงียบๆ เขาเชื่อว่าด้วยดวงชะตาที่ผ่านมาของตน ปราการเบิกฟ้านี่จะไม่ให้เขารอนานเกินไปแน่นอน

อืม ใช่

จากนั้นรอครั้งนี้กินเวลาไปสามเดือน~

ควรรู้ว่าเกาะดาราเบิกฟ้าส่วนใหญ่จะเปิดปราการในหนึ่งเดือน ต่อให้เว้นช่วงนานหน่อยก็ครึ่งเดือน เกาะดาราเบิกฟ้าที่เว้นช่วงสองเดือนหาได้ยากมาก

แต่ปราการเบิกฟ้าบนเกาะคุนเผิงนี่กลับปิดไปสามเดือน

ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับกระบี่นั้นและสองฝ่ามือของเสิ่นเทียนหรือไม่

สรุป พวกคุนหมิง เอ้อทงเทียนและปี้เสวียนชิงรอจนจากหน่ออ่อนดอกไม้แทบจะกลายเป็นดอกไม้บาน

สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาผ่านสามเดือนนี้มาอย่างไร

ตั้งแต่สองเดือนแรก สามคนก็คิดจะไม่รอแล้วตั้งหลายครั้ง อยากจะเปลี่ยนเกาะไปเลย

แต่ว่า ใจไม่ยอม!

ก็รู้อยู่ว่าเขตทะเลดาราเบิกฟ้าจะเปิดราวๆ สิบสองเดือน ปกติราวๆ เดือนเก้าต้องออกไปแล้ว

รออย่างเปล่าประโยชน์ไปหนึ่งเดือนรึ ให้เจ้าไป เจ้าจะเต็มใจหรือไม่

แน่นอนว่าไม่เต็มใจ เช่นนั้นก็รอต่อไปเถอะ!

รอไปหนึ่งเดือนแล้ว บางทีอีกสองสามชั่วยามก็คงจะเปิด

จากนั้นก็รออีกหนึ่งเดือน

สภาพจิตใจเหมือนกับนักเขียนสุนัขบางคนที่ซื้อหุ้นแล้วหุ้นตกไม่กล้าขายสุดๆ ติดดอยไปจนตาย

คิดจะไปรึ

เหอะๆ ไม่มีทาง

…….

วันที่แปดเดือนสาม ในที่สุดคุนหมิงก็ทนไม่ไหวแล้ว

เขาเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า พลันมีเงามายาคุนยักษ์พันจั้งลอยขึ้นมาข้างหลัง ดินทรายระเบิดกระจายบนชายหาด

น้ำทะเลไร้ที่สิ้นสุดริมทะเลไหลเชี่ยว ระเบิดออกเป็นละอองน้ำเต็มฟ้าภายใต้แสงตะวันเบิกฟ้าส่องสะท้อน ออกมาเป็นสายรุ้งสีเข้มแปลกประหลาด

“เหตุใดถึงยังไม่เปิด เพราะเหตุใด!”

คุนหมิงฝืนดึงดาบคู่ข้างหลังออกมา อยากจะฟันสองดาบใส่ปราการเบิกฟ้า “พวกเรากลับ!”

ปี้เสวียนชิงดวงตามืดหม่น ก่อนพูดด้วยความไม่ยอม “พี่ใหญ่ เราจะไม่รอแล้วรึ”

คุนหมิงหัวเราะเยาะ “เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าปราการหมอกเบิกฟ้าเกาะนี้ไม่มีทางเปิด ไม่เช่นนั้นคงเปิดไปนานแล้ว พวกเราอยู่หน้าปราการหมอกนี่มาสามเดือน น่าขำที่สุด! ไปเถอะ! อาศัยช่วงที่ยังไม่ถึงครึ่งปีกว่าไปหาที่อื่นดีกว่า!”

เมื่อเอ่ยจบ คุนหมิงก็กระโดดขึ้นกลายเป็นแสงเทพสายหนึ่งบินไปที่อื่นในเขตทะเล

เอ้อทงเทียนกับปี้เสวียนชิงต่างหมดคำจะพูด ได้แต่ตามคุนหมิงอย่างจำใจ ถึงอย่างไรคุนหมิงก็เป็นผู้นำในพวกเขาสามคน ทว่าตอนที่พวกเขาบินออกมาหลายร้อยลี้พลันได้ยินเสียงเปรี้ยงๆ

ใช่ ปราการหมอกเบิกฟ้าบนผิวเกาะคุนเผิงแตกออกแล้ว

พลังวิญญาณมหาศาลหมุนม้วนออกมาจากในเกาะ ราวกับคุนเผิงหายใจ

พริบตาเดียว เขตทะเลในวงรัศมีหลายพันลี้ก็มีแต่พลังวิญญาณกระเพื่อม

“เปิดแล้ว!”

“พลังวิญญาณเข้มข้นมาก เกาะวิญญาณระดับสูงสุด!”

เอ้อทงเทียนเป็นคนตรง

ตอนนี้รู้สึกถึงพลังวิญญาณมหาศาลจากในปราการหมอกเบิกฟ้าแล้ว เขาก็ตาแดงขึ้นมา “บางทีบนเกาะนี่อาจจะมีขุมทรัพย์!”

ปี้เสวียนชิงตรงไปตรงมายิ่งกว่า เขาพลันกลายเป็นแสงสีมรกตพุ่งไปยังรอยแยกของปราการเบิกฟ้าสุดชีวิต

เจ้าปลาคุนหมิงนิ่งอึ้งไปแล้ว

นี่มันอะไรกัน ข้ารอเจ้ามาสามเดือนเจ้าไม่เปิด

ตอนนี้ข้าจะไปแล้ว เจ้ากลับอ้าขา…เปิดปราการให้ข้าเข้าไปรึ

เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติอย่างนั้นรึ

เหอะๆ เจ้าเดาถูกแล้ว

เทียบกับผลประโยชน์โชคลิขิตที่จับต้องได้จริงแล้ว หน้าตายาวหลายร้อยจั้งของข้าสำคัญกว่าหรือ

ไม่สำคัญเลยสักนิด!

…….

อีกทั้งหลังจากปราการเบิกฟ้าบนพื้นผิวเกาะดาราเบิกฟ้านี้เปิดออก คุนหมิงก็รู้สึกว่าสายเลือดเขากำลังสั่นไหวอย่างชัดเจน ราวกับว่าบนเกาะมีอะไรบางอย่างที่กู่ร้องพร้อมกับสายเลือดเขา

การกู่ร้องพร้อมกันเช่นนี้ถึงจะเบาบางมาก แต่คุนหมิงเชื่อว่าตนไม่น่าจะสัมผัสพลาด

สายเลือดเขาส่งความรู้สึกอย่างหนึ่ง เป็นความรู้สึกอันแรงกล้า

ข้าต้องการ~

ข้าต้องการ~

ข้าต้องการ~

ความรู้สึกนี้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันและเด่นชัดยิ่ง ไหลเชี่ยวราวกับคลื่นลูกใหญ่

เห็นได้ชัดว่าเกาะนี้เกี่ยวกับเขา อีกทั้งยังเป็นมหาโชคลิขิต

เป็นโชคลิขิตใดกันแน่ คุนหมิงเฝ้ารอคอยเป็นอย่างยิ่ง!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 314 เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติรึ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 314 เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติรึ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 314 เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติรึ

ทุกคนค้นหารอบๆ ตำหนักเทพคุนเผิงอีกสักพัก

แต่ก็ไม่ได้อะไรอย่างอื่น นักผจญภัยที่บุกเข้ามาในตำหนักเทพคุนเผิงคนก่อนคงจะกวาดของไปหมดแล้ว

ในตำหนักเทพคุนเผิงเหลือเพียงตำหนักใหญ่กว้างโล่ง ไม่มีอาวุธวิเศษหรืออาวุเทพใดๆ

เมื่อคิดได้ดังนั้น ทุกคนจึงออกจากตำหนักเทพคุนเผิงกลับมาบนเกาะอีกครั้ง

ตอนนี้ทั้งเกาะนอกจากเขตใจกลางที่มีหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นปกคลุมแล้ว ที่อื่นๆ ถูกพวกเสิ่นเทียนค้นหาไปพอประมาณแล้ว

โชคลิขิตเศษที่เหลือ มีค่าไม่มากสำหรับทุกคนแล้ว

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงเสนอให้ทุกคนกลับไปรอบนอกเกาะอีกครั้ง รอยอดค่ายกลเบิกฟ้าเปิด

แน่นอนว่าเวลาการรอเช่นนี้เป็นการสุ่ม

หากโชคดีวันสองวันก็เจอ หากโชคไม่ดีถูกขังสองสามเดือนก็เป็นเรื่องปกติ

นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่โอรสสวรรค์มากมายเริ่มหยุดการผจญภัยในเดือนเก้าและกลับไปรอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้า

ถึงอย่างไรความปรารถนาก็ไร้ที่สิ้นสุด

หากหลังจากเดือนเก้าเจ้ายังผจญภัยในส่วนลึกเขตทะเลเบิกฟ้า เจอเกาะทะเลที่มีหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นปกคลุมเปิดออก เจ้าจะเข้าไปหรือไม่

เกิดเจ้าเข้าไปแล้ว เกาะนี้ไม่เปิดอีกในสองสามเดือน ขังเจ้าไว้ในยอดค่ายกลเบิกฟ้าล่ะจะทำอย่างไร

ตั้งแต่โบราณมา มีอัจฉริยะที่คิดว่าจะโชคดีตายในเขตทะเลเบิกฟ้ามานับไม่ถ้วนแล้ว

ในนั้นส่วนมากเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์น่าตื่นตกใจ ช่างน่าเสียดาย

…..

โชคดีที่เวลาในการรอไม่ได้จืดชืด

ทุกคนเสี่ยงอันตรายมาสองครั้งได้โชคลิขิตมาไม่น้อย เดิมทีต้องใช้เวลาพอประมาณในการหลอมรวม

ขณะรอหมอกเบิกฟ้าเปิดออกอีกครั้ง ทุกคนนำน้ำตาดาวเทพสมุทรออกมาดูดซับ ฝึกฝนวิชาคุนเผิงที่ตนได้มาต่อ

แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ประลองกัน ศักยภาพของทุกคนจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ส่วนเสิ่นเทียนเองก็ต้องการเวลาที่มากพอเพื่อควบคุมวิชาคุนเผิง รวมถึงกระบวนท่าสังหารมากมายที่ซ่อนในวิชานี้

นี่เป็นมรดกที่ซับซ้อนเข้าใจยากมาก ต้องใช้เวลาศึกษาและขัดเกลาอย่างมาก

สารภาพตามตรง หากไม่ใช่เพราะวิชาคุนเผิงมีอานุภาพพอใช้ได้ เสิ่นเทียนก็ไม่ค่อยอยากจะฝึกเลย ถึงอย่างไรในตัวเขาก็มีมรดกเยอะมาก ทั้งคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงเอย คัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์เอย หัตถ์ปฐมกาลทลายเวหาเอย สามสิบหกค้อนสวรรค์รกร้างเอย…

ถ้าเสิ่นเทียนใช้กำลังวังชาฝึกทุกวิชา ก็คงจะเหนื่อยมากจริงๆ

เฮ้อ ไฉนต้องมอบมรดกให้ข้าเยอะเช่นนี้กัน

แค่คิดก็น่ากลุ้มใจแล้ว

ท่ามกลางการฝึกฝนที่ทั้งเต็มอิ่มและน่าสนใจ เวลาผ่านไปครึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว

ในครึ่งเดือนนี้ศักยภาพของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอวี้เผียนเซียนกับสี่คุณชาย

แม้วิชาในเผ่าพวกเขาจะเป็นสุดยอดวิชาอสูร แต่เทียบกับวิชาคุนเผิงแล้ว คนละระดับกันเลย

ตอนนี้ตระหนักความหมายลึกลับส่วนหนึ่งมาจากวิชาคุนเผิง นี่คือมหาโชคลิขิตสำหรับพวกเขา เป็นการเปิดทั้งเส้นทางการบำเพ็ญเซียนในอนาคต

ผนวกกับมีน้ำตาดาวเทพสมุทรช่วย ศักยภาพของห้าคนจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่าในครึ่งเดือน

แน่นอน ฉีเซ่าเสวียนก็ก้าวหน้าอย่างมากเช่นกัน

เพียงแต่ตอนนี้เขากำลังวุ่นอยู่กับการพิสูจน์กระบวนท่าจู่โจมจากวิชาเผิงที่ตนตระหนักได้และในคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริง ไม่ได้สนใจการเพิ่มระดับพลังเท่าไร

ดังนั้นรากฐานของฉีเซ่าเสวียนจึงมั่นคงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่กำลังรบเพิ่มขึ้นเพียงเท่าเดียว

ทว่ากำลังรบหนึ่งเท่าของเขาก็สูงกว่าคนอื่นๆ หลายเท่า

ทางด้านเอ๋าอู ตอนนี้ยังคงเป็นเหมือนปลาเค็มไร้ความฝัน~

………

เปรี้ยง~

เสียงเปรี้ยงๆ ดังขึ้น ปราการหมอกเบิกฟ้าแตกออกอีกครั้ง

ทุกคนตาเป็นประกายขึ้นมา ต่างสำแดงวิชาหลบหนีที่เร็วที่สุดบินไปนอกปราการหมอก

พวกคุณชายซายังใช้วิชาคุนเผิงที่เพิ่งตระหนักมาใหม่บินออกไปเพื่อความปลอดภัย กลัวว่าจะอยู่ในสถานการณ์น่าอายเหมือนตอนเข้ามา ถูกปราการเบิกฟ้าอุดทาง ถึงตอนนั้นต้องให้เสิ่นเทียนออกมือมาช่วยอีก

แต่ครั้งนี้ทุกคนออกมาจากปราการเบิกฟ้าได้ราบรื่นมาก ไม่เจอสถานการณ์อันตรายเหมือนตอนเข้ามา

รอยแยกปราการหมอกคงอยู่ราวสิบลมหายใจ ทำให้พวกเขาบินออกมาได้สบายๆ

ถึงตอนนี้ ทุกคนมีสีหน้าแววตาผ่อนคลาย

ฟู่ ถือว่าปลอดภัยแล้ว!

สี่คุณชายมองหน้ากันเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่าง

คุณชายไป๋แห่งเผ่าเทพหมึกยักษ์ป้องมือให้เสิ่นเทียนด้วยความเคารพ “ดีที่การผจญภัยครั้งนี้มีสหายเสิ่นดูแล พวกข้าถึงได้รอดมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังได้โชคลิขิตเช่นนี้

แต่สหายเสิ่นกับสหายฉีมีศักยภาพเหนือชั้น คงจะอยากเข้าไปผจญภัยในเกาะทะเลที่ลึกกว่า ถึงจะได้โชคลิขิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเราสี่คุณชายมีศักยภาพไม่ถึง หากอยู่กับทั้งสองท่านต่อไป เกรงว่าจะมีแต่ถ่วงขาทั้งสองท่าน

ดังนั้นพวกเราจึงคิดหน้าคิดหลังแล้ว ขอแยกกับทั้งสองท่านไปผจญภัยกันเองดีกว่า! รอสหายเสิ่นกับสหายฉีผจญภัยเสร็จ พวกเราค่อยมารวมกันที่เมืองสุขาวดีและต้อนรับทั้งสองท่าน”

ตอนที่คุณชายไป๋พูดนั้น อีกสามคุณชายมีสีหน้าที่จริงใจและตรงไปตรงมามาก

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็จริงจังเช่นกัน

เมื่อครึ่งเดือนก่อนเสิ่นเทียนเกือบถูกปราการหมอกเบิกฟ้าปกคลุมกัดกินเพราะช่วยพวกเขา

นี่ทำให้พวกเขารู้สึกผิดมาก ถึงอย่างไรโดยเนื้อแท้แล้วพวกเขาก็ไม่ได้เป็นญาติเป็นสหายกับเสิ่นเทียนและฉีเซ่าเสวียน

ต่อให้มีเกาะมังกรดำชักจูง แต่การเกาะโชคลิขิตคนอื่นเยอะเช่นนี้ เท่ากับติดค้างน้ำใจครั้งใหญ่ ขืนยังไร้ยางอายไม่ยอมไปอีก ก็อาจจะทำให้คนอื่นเขารำคาญได้

นอกจากนี้ ในใจพวกเขายังมีความคิดอื่นอีก

นั่นคืออาศัยช่วงที่การผจญภัยยังไม่จบลงนี้ กลับไปตรวจสอบคัมภีร์ลับในเผ่า ดูว่ามีวิธีใดที่จะช่วยเสิ่นเทียนยับยั้งหมอกเบิกฟ้าในกายได้หรือไม่

หากเป็นเช่นนั้นก็พอจะตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตก่อนหน้านี้กับเสิ่นเทียนได้ ทำให้พวกเขาไม่ต้องละอายใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว

สี่คุณชายพูดจบ อวี้เผียนเซียนก็มองเสิ่นเทียนด้วยความอาลัยอาวรณ์ “สหายเสิ่น เผียนเซียนมีระดับพลังต่ำ ก็ขอลาตรงนี้เช่นกัน สหายเสิ่นผจญภัยจบเมื่อไรก็เป่าหอยสังข์ได้ทุกเมื่อ ถึงตอนนั้นเผียนเซียนยินดีจะร้องระบำให้สหายเสิ่นเป็นการส่วนตัว”

ขณะพูดอยู่นั้น เผียนเซียนก็หน้าแดงเรื่อ ดวงตาแฝงไว้ด้วยความเขินอาย

อืม เหมือนปลาน้ำแดงที่สุด

……

เมื่อเห็นทุกคนยึดมั่นจะไปเช่นนี้ เสิ่นเทียนก็จนปัญญานิดๆ

เขาเอ่ยปากโน้มน้าว ทว่าห้าคนเหมือนจะตัดสินใจไว้ก่อนแล้ว จึงยืนหยัดจะไป

แต่ก็เหมือนที่พวกเขาบอก ที่ที่เสิ่นเทียนและฉีเซ่าเสวียนจะไป คือส่วนลึกยิ่งกว่าของทะเลดาราเบิกฟ้า

หากเจอสถานการณ์กะทันหันอย่าง ‘ระลอกคลื่นปราการหมอกเบิกฟ้า’ อีก ต่อให้เสิ่นเทียนมีศักยภาพแกร่งกว่านี้ ก็ยากจะดูแลสหายทุกคนได้

ถึงอย่างไรสี่คุณชายและอวี้เผียนเซียนก็ได้ทรัพยากรไปเยอะมาก ดวงชะตาก็แกร่งขึ้นไม่น้อยแล้ว

ตอนนี้กลับไปผจญภัยรอบนอกเขตทะเลเบิกฟ้าก็ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่

พอคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็มองหน้าผากของสี่คุณชายอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง

จากนั้นเขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่างเถอะ ในเมื่อทุกท่านยึดมั่นเช่นนี้ แซ่เสิ่นก็จะไม่บังคับทุกคน หากทุกคนเชื่อแซ่เสิ่น เมื่อไปถึงรอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้าแล้ว ก็ลองไปค้นหาเขตทะเลทางตะวันออกดู บางทีอาจจะเจอเกาะดาราเบิกฟ้าที่มีคุณลักษณะค่อนข้างดี อาจจะได้โชคลิขิตเหนือความคาดหมายก็ได้”

อืม ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็เห็นจากหน้าผากสี่คนนี้ว่าโชคลิขิตของพวกเขาอยู่บนเกาะทางตะวันออก

แม้คุณภาพจะเทียบกับวิชาคุนเผิงไม่ได้ กระทั่งเทียบกับน้ำตาดาวเทพสมุทรห้าร้อยสองเม็ดไม่ได้ แต่แมลงวันเล็กกว่านี้ก็ยังเป็นเนื้อ

ได้ถือโอกาสเพิ่มดวงชะตานิดหน่อยด้วย อย่างไรก็เป็นเรื่องดี

“เขตทะเลทางตะวันออกรึ แซ่ไป๋เข้าใจ ขอบคุณที่สหายเสิ่นเตือน!”

เมื่อได้ฟังคำชี้แนะจากเสิ่นเทียน ก็คิดโยงไปถึงข่าวลือซุบซิบเกี่ยวกับเสิ่นเทียนที่ได้ฟังมาจากหลี่อวิ๋นเฟิง

คุณชายไป๋พลันมีสีหน้าดีใจขึ้นมา “เดี๋ยวพวกข้าจะไปหาสมบัติที่เขตทะเลทางตะวันออก หากได้อะไรมา จะไม่ลืมบุญคุณที่สหายเสิ่นชี้แนะแน่นอน สหายอวิ๋นเฟิงเคยบอกข้อบังคับของสหายเสิ่นกับแซ่ไป๋เรื่องลัทธิเทพแบ่งครึ่งอยู่ แซ่ไป๋เข้าใจ”

คุณชายไป๋พูดพลางขยิบตาอย่างซุกซน

เดิมทีเสิ่นเทียนยิ้มอยู่ โชคลิขิตของสี่คนนี้รวมกับการชี้แนะของข้า ก็น่าจะได้มาแปดเก้าส่วนไม่ห่างจากสิบ

มีดวงชะตาอีกระลอกเข้าคลัง มีความสุขจริงๆ

แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘ลัทธิเทพแบ่งครึ่ง’ เสิ่นเทียนก็หน้าดำมืดขึ้นเรื่อยๆ

ไอ้พวกบ้าหลิวไท่อี่กับหลี่อวิ๋นเฟิงพูดอะไรกับคนข้างนอกกันแน่ เหตุใดถึงแพร่งพรายมายังทะเลอุดร

ลัทธิเทพแบ่งครึ่งอะไร

นั่นเรียกลัทธิปรมาจารย์เซียน อีกทั้งยังเปลี่ยนรูปแบบฟอกความบริสุทธิ์แล้วด้วย!

พูดอย่างกับว่าแซ่เสิ่นบอกพวกเจ้าว่าที่ใดมีโชคลิขิตเพราะละโมบเงินพวกเจ้าอย่างนั้นแหละ!

นี่มันใส่ร้ายกันอย่างไม่มีหลักฐานชัดๆ!

ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว

เดิมทีเสิ่นเทียนก็ไม่คิดจะรับเงินอยู่แล้ว ในเมื่อพวกเจ้าพูดจาทำร้ายกันเช่นนี้ แซ่เสิ่นก็ขอไม่ปัดค่าตอบแทนแล้วกัน

หึ!

นี่คือค่าเสียชื่อเสียงของแซ่เสิ่น!

……

หลังจากสอดแทรกมุกตลกกินดื่มกันเรียบร้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันเดินทาง

สี่คุณชายกับอวี้เผียนเซียนมีศักยภาพค่อนข้างอ่อนแอก็ย้ายไปผจญภัยรอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้า ส่วนฉีเซ่าเสวียน เสิ่นเทียนและเอ๋าอูเข้าไปลึกกว่าเดิม

อืม เดิมทีด้วยศักยภาพของเอ๋าอูก็ต้องถอยเช่นกัน เหลือแค่เสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนสองคน

แต่ช่วยไม่ได้ที่เอ๋าอูให้เสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนขี่ได้!

ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงที่เสิ่นเทียนหรือฉีเซ่าเสวียนฝึกฝน ก็ประสานกับเอ๋าอูโจมตีร่วมกันได้ ทำให้กำลังรบเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เสิ่นเทียนอย่างไรก็ได้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรกลอุบายที่แกร่งที่สุดของเขาก็ไม่ใช่คัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริง

แต่หากฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูร่วมมือกัน กำลังรบจะเพิ่มขึ้นได้อีกหลายส่วน นี่มีสาเหตุเพราะเอ๋าอูมีระดับพลังอ่อนแอมาก

หากเอ๋าอูก็ทะลวงระดับนิพพานมาระดับเท่ากับฉีเซ่าเสวียนเช่นกัน สองคนร่วมมือกันแล้วจะแสดงกำลังรบได้หลายเท่า กวาดล้างทุกสิ่ง

ดังนั้นในตอนนี้ ฉีเซ่าเสวียนขึ้นขี่เขาคนเดียวจะเหมาะสมกว่า

หลังจากแยกกับห้าคนแล้ว กลุ่มเสิ่นเทียน ฉีเซ่าเสวียนและเอ๋าอู สองคนหนึ่งมังกรก็เดินเครื่องได้แกร่งยิ่งกว่าเดิม

พวกเขาบุกไปในเขตทะเลเบิกฟ้าตลอดทาง ระหว่างทางเจอสัตว์ทะเลแข็งแกร่งซุ่มโจมตีตลอด

ในนั้นบางตัวเป็นสัตว์ประหลาดเจ้าถิ่นเขตทะเลเบิกฟ้า มีศักยภาพไม่อ่อนแอไปกว่าผู้สูงศักดิ์

ปกติจะคงอยู่จุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์ อีกทั้งกำลังรบยังแข็งแกร่งมาก เทียบเท่ากับจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์โลกข้างนอกหลายคนร่วมมือกัน

บางครั้งสัตว์ร้ายพวกนี้ก็ยังร่วมมือกันปิดล้อมจู่โจมสามคน สร้างแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน

แม้ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูจะร่วมมือกันสำแดงวิชาลับนักรบมังกร ก็เกือบพลาดท่าหลายครั้ง โชคดีที่มีเสิ่นเทียนคอยคุมสถานการณ์อยู่ข้างๆ

นี่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูนับถือในกำลังรบของเสิ่นเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ

ถึงอย่างไรเจ้านี่ระเบิดพลังทีก็ออกกระบี่เดียวสังหารสัตว์ร้ายระดับครึ่งก้าวหลอมรวมเทพได้ในพริบตา เก่งกาจอย่างยิ่ง

เคล็ดกระบี่ท่าเขานั้นเหมือนกับแม่น้ำสีเงินสวรรค์เก้าชั้นไหลหลากลงมา ประหนึ่งเซียนต่างแดนมาเยือนโลกมนุษย์ แม้ฉีเซ่าเสวียนจะไม่ได้เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แต่ทุกครั้งที่เสิ่นเทียนสำแดง ก็ยังสร้างความรู้สึกตื่นตกใจ หลงใหลและตกตะลึงกับเขา

นี่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนยึดมั่นในเสิ่นเทียนมากขึ้น นี่สิคือแบบอย่างบนเส้นทางการบำเพ็ญเซียนของเขา

ขอแค่ตามสหายเสิ่นไปตลอด พยายามเข้าใกล้และย่นระยะห่างกับเขา

หากให้เวลาเขามากพอ แซ่ฉีจะต้องเป็นอันดับหนึ่งในใต้ฟ้าแน่นอน

อืม ฟ้า คือฟ้าจากคำว่าเสิ่นเทียน!

…….

สิ่งที่เสิ่นเทียนไม่รู้คือ หลังจากพวกเขาออกจาก ‘เกาะคุนเผิง’ ไม่กี่วัน นักผจญภัยอีกกลุ่มก็มาถึง ‘เกาะคุนเผิง’

กลุ่มนี้คือคุนหมิง เอ้อทงเทียนและปี้เสวียนชิง

พวกเขาเป็นขุมอำนาจที่ไม่ลงรอยกับเกาะมังกรดำทะเลอุดร มีเผ่าคุนสุญตาเป็นผู้นำ

คุนหมิงระดับจุดสูงสุดนิพพานคือผู้นำกลุ่มการเดินทางครั้งนี้ของพวกเขา และมีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุด

“เกาะนี้ดูเหมือนจะใช้ได้เลย หมอกเบิกฟ้าหนาแน่นมาก มองดูก็รู้ว่ามีมหาโชคลิขิต พวกเราเลือกเกาะนี้แล้วกัน!”

เอ้อทงเทียนมองเกาะนี้ด้วยความพอใจ ก่อนจะเสนอกับคุนหมิง

ต้องรู้ว่าถึงในเขตทะเลเบิกฟ้าจะมีเกาะมากมาย แต่ยอดค่ายกลมีวิชามายาแฝงอยู่ส่วนหนึ่ง

ปกติยิ่งหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นมากเท่าไร โชคลิขิตในนั้นก็จะยิ่งใหญ่มากเท่านั้น

โอรสสวรรค์ส่วนใหญ่จะหาเกาะที่มีหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นเช่นนี้เจอได้ยากมาก

ในมุมมองของเอ้อทงเทียน หมอกเบิกฟ้าที่ปกคลุมรอบเกาะนี้หนาแน่นจนเกินจริง ขอแค่ฝ่าเข้าไปได้ จะต้องได้โชคลิขิตที่ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังแน่นอน

“ดูจากคุณภาพแล้วก็ใช้ได้จริงๆ เอาที่นี่แล้วกัน!”

คุนหมิงคาดการณ์เหมือนกับเอ้อทงเทียน คิดว่าที่นี่จะต้องมีมหาโชคลิขิต

เขาแบกดาบคู่ไว้ข้างหลัง ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายบ้าอำนาจห้าวหาญออกมา เหมือนกับขุนเขาเทพโบราณ

ขณะเขากะพริบตายังมีจิตมุ่งมั่นในการต่อสู้เข้มข้น “น่าเสียดายก็แต่ระหว่างทางมาไม่เจอไอ้หนูเผ่ามนุษย์สองคนนั่น”

คุนหมิงเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ที่ยากจะพานพบได้ในหลายพันปีของเผ่าคุนสุญตา ไม่มีใครขวางได้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

อวี้เผียนเซียนคือคู่สมรสในใจของคุนหมิง พูดได้ว่าเป็นของหวงแหนในใจเขา

แม้อวี้เผียนเซียนจะไม่ชอบคุนหมิงมาตลอด แต่คุนหมิงก็ไม่เคยยอมแพ้จะเลิกตามนาง

เพราะนอกจากเขาแล้ว ไม่มีโอรสสวรรค์เผ่าใดในทะเลอุดรกล้าตามเกี้ยวอวี้เผียนเซียน ขอแค่เลียต่อไปจะต้องสำเร็จแน่

แต่บุรุษเผ่ามนุษย์สองคนนั่น คิดจะขอแบ่งน้องเผียนเซียนจากแซ่เสิ่น มาทำให้ตลาดปั่นป่วน

โดยเฉพาะบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน หน้าตาหล่อเหลาเช่นนั้น

เจ้าหนูนั่นไปๆ มาๆ ข้างกายน้องเผียนเซียนทุกวัน เหตุใดในสายตานางถึงไม่มีคุนหมิงบ้าง

แย่งคนรักเหมือนกับสังหารบุพการีเขา แย่งปลาก็เช่นกัน

คุนหมิงรับรองเลยว่าถ้าเขาเจอไอ้หนูสองคนนั่นในเขตทะเลเบิกฟ้า จะต้องทุบตีให้มารดาจำพวกมันไม่ได้เลย จากนั้นทำเป็นสัตว์ขี่ ขี่ไปตรงหน้าน้องเผียนเซียนอย่างทะนงองอาจ

ให้น้องเผียนเซียนได้รู้ว่าข้าคุนหมิงต่างหากคือบุรุษที่แกร่งที่สุดในทะเลอุดร!

…….

คุนหมิงนั่งขัดสมาธิลงรอบนอกเกาะคุนเผิง ภายในใจเต็มไปด้วยความคิดหื่นกาม

คุนหมิงกำลังรอปราการหมอกเบิกฟ้าเปิดเงียบๆ เขาเชื่อว่าด้วยดวงชะตาที่ผ่านมาของตน ปราการเบิกฟ้านี่จะไม่ให้เขารอนานเกินไปแน่นอน

อืม ใช่

จากนั้นรอครั้งนี้กินเวลาไปสามเดือน~

ควรรู้ว่าเกาะดาราเบิกฟ้าส่วนใหญ่จะเปิดปราการในหนึ่งเดือน ต่อให้เว้นช่วงนานหน่อยก็ครึ่งเดือน เกาะดาราเบิกฟ้าที่เว้นช่วงสองเดือนหาได้ยากมาก

แต่ปราการเบิกฟ้าบนเกาะคุนเผิงนี่กลับปิดไปสามเดือน

ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับกระบี่นั้นและสองฝ่ามือของเสิ่นเทียนหรือไม่

สรุป พวกคุนหมิง เอ้อทงเทียนและปี้เสวียนชิงรอจนจากหน่ออ่อนดอกไม้แทบจะกลายเป็นดอกไม้บาน

สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาผ่านสามเดือนนี้มาอย่างไร

ตั้งแต่สองเดือนแรก สามคนก็คิดจะไม่รอแล้วตั้งหลายครั้ง อยากจะเปลี่ยนเกาะไปเลย

แต่ว่า ใจไม่ยอม!

ก็รู้อยู่ว่าเขตทะเลดาราเบิกฟ้าจะเปิดราวๆ สิบสองเดือน ปกติราวๆ เดือนเก้าต้องออกไปแล้ว

รออย่างเปล่าประโยชน์ไปหนึ่งเดือนรึ ให้เจ้าไป เจ้าจะเต็มใจหรือไม่

แน่นอนว่าไม่เต็มใจ เช่นนั้นก็รอต่อไปเถอะ!

รอไปหนึ่งเดือนแล้ว บางทีอีกสองสามชั่วยามก็คงจะเปิด

จากนั้นก็รออีกหนึ่งเดือน

สภาพจิตใจเหมือนกับนักเขียนสุนัขบางคนที่ซื้อหุ้นแล้วหุ้นตกไม่กล้าขายสุดๆ ติดดอยไปจนตาย

คิดจะไปรึ

เหอะๆ ไม่มีทาง

…….

วันที่แปดเดือนสาม ในที่สุดคุนหมิงก็ทนไม่ไหวแล้ว

เขาเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า พลันมีเงามายาคุนยักษ์พันจั้งลอยขึ้นมาข้างหลัง ดินทรายระเบิดกระจายบนชายหาด

น้ำทะเลไร้ที่สิ้นสุดริมทะเลไหลเชี่ยว ระเบิดออกเป็นละอองน้ำเต็มฟ้าภายใต้แสงตะวันเบิกฟ้าส่องสะท้อน ออกมาเป็นสายรุ้งสีเข้มแปลกประหลาด

“เหตุใดถึงยังไม่เปิด เพราะเหตุใด!”

คุนหมิงฝืนดึงดาบคู่ข้างหลังออกมา อยากจะฟันสองดาบใส่ปราการเบิกฟ้า “พวกเรากลับ!”

ปี้เสวียนชิงดวงตามืดหม่น ก่อนพูดด้วยความไม่ยอม “พี่ใหญ่ เราจะไม่รอแล้วรึ”

คุนหมิงหัวเราะเยาะ “เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าปราการหมอกเบิกฟ้าเกาะนี้ไม่มีทางเปิด ไม่เช่นนั้นคงเปิดไปนานแล้ว พวกเราอยู่หน้าปราการหมอกนี่มาสามเดือน น่าขำที่สุด! ไปเถอะ! อาศัยช่วงที่ยังไม่ถึงครึ่งปีกว่าไปหาที่อื่นดีกว่า!”

เมื่อเอ่ยจบ คุนหมิงก็กระโดดขึ้นกลายเป็นแสงเทพสายหนึ่งบินไปที่อื่นในเขตทะเล

เอ้อทงเทียนกับปี้เสวียนชิงต่างหมดคำจะพูด ได้แต่ตามคุนหมิงอย่างจำใจ ถึงอย่างไรคุนหมิงก็เป็นผู้นำในพวกเขาสามคน ทว่าตอนที่พวกเขาบินออกมาหลายร้อยลี้พลันได้ยินเสียงเปรี้ยงๆ

ใช่ ปราการหมอกเบิกฟ้าบนผิวเกาะคุนเผิงแตกออกแล้ว

พลังวิญญาณมหาศาลหมุนม้วนออกมาจากในเกาะ ราวกับคุนเผิงหายใจ

พริบตาเดียว เขตทะเลในวงรัศมีหลายพันลี้ก็มีแต่พลังวิญญาณกระเพื่อม

“เปิดแล้ว!”

“พลังวิญญาณเข้มข้นมาก เกาะวิญญาณระดับสูงสุด!”

เอ้อทงเทียนเป็นคนตรง

ตอนนี้รู้สึกถึงพลังวิญญาณมหาศาลจากในปราการหมอกเบิกฟ้าแล้ว เขาก็ตาแดงขึ้นมา “บางทีบนเกาะนี่อาจจะมีขุมทรัพย์!”

ปี้เสวียนชิงตรงไปตรงมายิ่งกว่า เขาพลันกลายเป็นแสงสีมรกตพุ่งไปยังรอยแยกของปราการเบิกฟ้าสุดชีวิต

เจ้าปลาคุนหมิงนิ่งอึ้งไปแล้ว

นี่มันอะไรกัน ข้ารอเจ้ามาสามเดือนเจ้าไม่เปิด

ตอนนี้ข้าจะไปแล้ว เจ้ากลับอ้าขา…เปิดปราการให้ข้าเข้าไปรึ

เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติอย่างนั้นรึ

เหอะๆ เจ้าเดาถูกแล้ว

เทียบกับผลประโยชน์โชคลิขิตที่จับต้องได้จริงแล้ว หน้าตายาวหลายร้อยจั้งของข้าสำคัญกว่าหรือ

ไม่สำคัญเลยสักนิด!

…….

อีกทั้งหลังจากปราการเบิกฟ้าบนพื้นผิวเกาะดาราเบิกฟ้านี้เปิดออก คุนหมิงก็รู้สึกว่าสายเลือดเขากำลังสั่นไหวอย่างชัดเจน ราวกับว่าบนเกาะมีอะไรบางอย่างที่กู่ร้องพร้อมกับสายเลือดเขา

การกู่ร้องพร้อมกันเช่นนี้ถึงจะเบาบางมาก แต่คุนหมิงเชื่อว่าตนไม่น่าจะสัมผัสพลาด

สายเลือดเขาส่งความรู้สึกอย่างหนึ่ง เป็นความรู้สึกอันแรงกล้า

ข้าต้องการ~

ข้าต้องการ~

ข้าต้องการ~

ความรู้สึกนี้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันและเด่นชัดยิ่ง ไหลเชี่ยวราวกับคลื่นลูกใหญ่

เห็นได้ชัดว่าเกาะนี้เกี่ยวกับเขา อีกทั้งยังเป็นมหาโชคลิขิต

เป็นโชคลิขิตใดกันแน่ คุนหมิงเฝ้ารอคอยเป็นอย่างยิ่ง!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 314 เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติรึ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 314 เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติรึ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 314 เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติรึ

ทุกคนค้นหารอบๆ ตำหนักเทพคุนเผิงอีกสักพัก

แต่ก็ไม่ได้อะไรอย่างอื่น นักผจญภัยที่บุกเข้ามาในตำหนักเทพคุนเผิงคนก่อนคงจะกวาดของไปหมดแล้ว

ในตำหนักเทพคุนเผิงเหลือเพียงตำหนักใหญ่กว้างโล่ง ไม่มีอาวุธวิเศษหรืออาวุเทพใดๆ

เมื่อคิดได้ดังนั้น ทุกคนจึงออกจากตำหนักเทพคุนเผิงกลับมาบนเกาะอีกครั้ง

ตอนนี้ทั้งเกาะนอกจากเขตใจกลางที่มีหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นปกคลุมแล้ว ที่อื่นๆ ถูกพวกเสิ่นเทียนค้นหาไปพอประมาณแล้ว

โชคลิขิตเศษที่เหลือ มีค่าไม่มากสำหรับทุกคนแล้ว

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงเสนอให้ทุกคนกลับไปรอบนอกเกาะอีกครั้ง รอยอดค่ายกลเบิกฟ้าเปิด

แน่นอนว่าเวลาการรอเช่นนี้เป็นการสุ่ม

หากโชคดีวันสองวันก็เจอ หากโชคไม่ดีถูกขังสองสามเดือนก็เป็นเรื่องปกติ

นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่โอรสสวรรค์มากมายเริ่มหยุดการผจญภัยในเดือนเก้าและกลับไปรอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้า

ถึงอย่างไรความปรารถนาก็ไร้ที่สิ้นสุด

หากหลังจากเดือนเก้าเจ้ายังผจญภัยในส่วนลึกเขตทะเลเบิกฟ้า เจอเกาะทะเลที่มีหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นปกคลุมเปิดออก เจ้าจะเข้าไปหรือไม่

เกิดเจ้าเข้าไปแล้ว เกาะนี้ไม่เปิดอีกในสองสามเดือน ขังเจ้าไว้ในยอดค่ายกลเบิกฟ้าล่ะจะทำอย่างไร

ตั้งแต่โบราณมา มีอัจฉริยะที่คิดว่าจะโชคดีตายในเขตทะเลเบิกฟ้ามานับไม่ถ้วนแล้ว

ในนั้นส่วนมากเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์น่าตื่นตกใจ ช่างน่าเสียดาย

…..

โชคดีที่เวลาในการรอไม่ได้จืดชืด

ทุกคนเสี่ยงอันตรายมาสองครั้งได้โชคลิขิตมาไม่น้อย เดิมทีต้องใช้เวลาพอประมาณในการหลอมรวม

ขณะรอหมอกเบิกฟ้าเปิดออกอีกครั้ง ทุกคนนำน้ำตาดาวเทพสมุทรออกมาดูดซับ ฝึกฝนวิชาคุนเผิงที่ตนได้มาต่อ

แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ประลองกัน ศักยภาพของทุกคนจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ส่วนเสิ่นเทียนเองก็ต้องการเวลาที่มากพอเพื่อควบคุมวิชาคุนเผิง รวมถึงกระบวนท่าสังหารมากมายที่ซ่อนในวิชานี้

นี่เป็นมรดกที่ซับซ้อนเข้าใจยากมาก ต้องใช้เวลาศึกษาและขัดเกลาอย่างมาก

สารภาพตามตรง หากไม่ใช่เพราะวิชาคุนเผิงมีอานุภาพพอใช้ได้ เสิ่นเทียนก็ไม่ค่อยอยากจะฝึกเลย ถึงอย่างไรในตัวเขาก็มีมรดกเยอะมาก ทั้งคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงเอย คัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์เอย หัตถ์ปฐมกาลทลายเวหาเอย สามสิบหกค้อนสวรรค์รกร้างเอย…

ถ้าเสิ่นเทียนใช้กำลังวังชาฝึกทุกวิชา ก็คงจะเหนื่อยมากจริงๆ

เฮ้อ ไฉนต้องมอบมรดกให้ข้าเยอะเช่นนี้กัน

แค่คิดก็น่ากลุ้มใจแล้ว

ท่ามกลางการฝึกฝนที่ทั้งเต็มอิ่มและน่าสนใจ เวลาผ่านไปครึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว

ในครึ่งเดือนนี้ศักยภาพของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอวี้เผียนเซียนกับสี่คุณชาย

แม้วิชาในเผ่าพวกเขาจะเป็นสุดยอดวิชาอสูร แต่เทียบกับวิชาคุนเผิงแล้ว คนละระดับกันเลย

ตอนนี้ตระหนักความหมายลึกลับส่วนหนึ่งมาจากวิชาคุนเผิง นี่คือมหาโชคลิขิตสำหรับพวกเขา เป็นการเปิดทั้งเส้นทางการบำเพ็ญเซียนในอนาคต

ผนวกกับมีน้ำตาดาวเทพสมุทรช่วย ศักยภาพของห้าคนจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่าในครึ่งเดือน

แน่นอน ฉีเซ่าเสวียนก็ก้าวหน้าอย่างมากเช่นกัน

เพียงแต่ตอนนี้เขากำลังวุ่นอยู่กับการพิสูจน์กระบวนท่าจู่โจมจากวิชาเผิงที่ตนตระหนักได้และในคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริง ไม่ได้สนใจการเพิ่มระดับพลังเท่าไร

ดังนั้นรากฐานของฉีเซ่าเสวียนจึงมั่นคงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่กำลังรบเพิ่มขึ้นเพียงเท่าเดียว

ทว่ากำลังรบหนึ่งเท่าของเขาก็สูงกว่าคนอื่นๆ หลายเท่า

ทางด้านเอ๋าอู ตอนนี้ยังคงเป็นเหมือนปลาเค็มไร้ความฝัน~

………

เปรี้ยง~

เสียงเปรี้ยงๆ ดังขึ้น ปราการหมอกเบิกฟ้าแตกออกอีกครั้ง

ทุกคนตาเป็นประกายขึ้นมา ต่างสำแดงวิชาหลบหนีที่เร็วที่สุดบินไปนอกปราการหมอก

พวกคุณชายซายังใช้วิชาคุนเผิงที่เพิ่งตระหนักมาใหม่บินออกไปเพื่อความปลอดภัย กลัวว่าจะอยู่ในสถานการณ์น่าอายเหมือนตอนเข้ามา ถูกปราการเบิกฟ้าอุดทาง ถึงตอนนั้นต้องให้เสิ่นเทียนออกมือมาช่วยอีก

แต่ครั้งนี้ทุกคนออกมาจากปราการเบิกฟ้าได้ราบรื่นมาก ไม่เจอสถานการณ์อันตรายเหมือนตอนเข้ามา

รอยแยกปราการหมอกคงอยู่ราวสิบลมหายใจ ทำให้พวกเขาบินออกมาได้สบายๆ

ถึงตอนนี้ ทุกคนมีสีหน้าแววตาผ่อนคลาย

ฟู่ ถือว่าปลอดภัยแล้ว!

สี่คุณชายมองหน้ากันเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่าง

คุณชายไป๋แห่งเผ่าเทพหมึกยักษ์ป้องมือให้เสิ่นเทียนด้วยความเคารพ “ดีที่การผจญภัยครั้งนี้มีสหายเสิ่นดูแล พวกข้าถึงได้รอดมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังได้โชคลิขิตเช่นนี้

แต่สหายเสิ่นกับสหายฉีมีศักยภาพเหนือชั้น คงจะอยากเข้าไปผจญภัยในเกาะทะเลที่ลึกกว่า ถึงจะได้โชคลิขิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเราสี่คุณชายมีศักยภาพไม่ถึง หากอยู่กับทั้งสองท่านต่อไป เกรงว่าจะมีแต่ถ่วงขาทั้งสองท่าน

ดังนั้นพวกเราจึงคิดหน้าคิดหลังแล้ว ขอแยกกับทั้งสองท่านไปผจญภัยกันเองดีกว่า! รอสหายเสิ่นกับสหายฉีผจญภัยเสร็จ พวกเราค่อยมารวมกันที่เมืองสุขาวดีและต้อนรับทั้งสองท่าน”

ตอนที่คุณชายไป๋พูดนั้น อีกสามคุณชายมีสีหน้าที่จริงใจและตรงไปตรงมามาก

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็จริงจังเช่นกัน

เมื่อครึ่งเดือนก่อนเสิ่นเทียนเกือบถูกปราการหมอกเบิกฟ้าปกคลุมกัดกินเพราะช่วยพวกเขา

นี่ทำให้พวกเขารู้สึกผิดมาก ถึงอย่างไรโดยเนื้อแท้แล้วพวกเขาก็ไม่ได้เป็นญาติเป็นสหายกับเสิ่นเทียนและฉีเซ่าเสวียน

ต่อให้มีเกาะมังกรดำชักจูง แต่การเกาะโชคลิขิตคนอื่นเยอะเช่นนี้ เท่ากับติดค้างน้ำใจครั้งใหญ่ ขืนยังไร้ยางอายไม่ยอมไปอีก ก็อาจจะทำให้คนอื่นเขารำคาญได้

นอกจากนี้ ในใจพวกเขายังมีความคิดอื่นอีก

นั่นคืออาศัยช่วงที่การผจญภัยยังไม่จบลงนี้ กลับไปตรวจสอบคัมภีร์ลับในเผ่า ดูว่ามีวิธีใดที่จะช่วยเสิ่นเทียนยับยั้งหมอกเบิกฟ้าในกายได้หรือไม่

หากเป็นเช่นนั้นก็พอจะตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตก่อนหน้านี้กับเสิ่นเทียนได้ ทำให้พวกเขาไม่ต้องละอายใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว

สี่คุณชายพูดจบ อวี้เผียนเซียนก็มองเสิ่นเทียนด้วยความอาลัยอาวรณ์ “สหายเสิ่น เผียนเซียนมีระดับพลังต่ำ ก็ขอลาตรงนี้เช่นกัน สหายเสิ่นผจญภัยจบเมื่อไรก็เป่าหอยสังข์ได้ทุกเมื่อ ถึงตอนนั้นเผียนเซียนยินดีจะร้องระบำให้สหายเสิ่นเป็นการส่วนตัว”

ขณะพูดอยู่นั้น เผียนเซียนก็หน้าแดงเรื่อ ดวงตาแฝงไว้ด้วยความเขินอาย

อืม เหมือนปลาน้ำแดงที่สุด

……

เมื่อเห็นทุกคนยึดมั่นจะไปเช่นนี้ เสิ่นเทียนก็จนปัญญานิดๆ

เขาเอ่ยปากโน้มน้าว ทว่าห้าคนเหมือนจะตัดสินใจไว้ก่อนแล้ว จึงยืนหยัดจะไป

แต่ก็เหมือนที่พวกเขาบอก ที่ที่เสิ่นเทียนและฉีเซ่าเสวียนจะไป คือส่วนลึกยิ่งกว่าของทะเลดาราเบิกฟ้า

หากเจอสถานการณ์กะทันหันอย่าง ‘ระลอกคลื่นปราการหมอกเบิกฟ้า’ อีก ต่อให้เสิ่นเทียนมีศักยภาพแกร่งกว่านี้ ก็ยากจะดูแลสหายทุกคนได้

ถึงอย่างไรสี่คุณชายและอวี้เผียนเซียนก็ได้ทรัพยากรไปเยอะมาก ดวงชะตาก็แกร่งขึ้นไม่น้อยแล้ว

ตอนนี้กลับไปผจญภัยรอบนอกเขตทะเลเบิกฟ้าก็ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่

พอคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็มองหน้าผากของสี่คุณชายอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง

จากนั้นเขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่างเถอะ ในเมื่อทุกท่านยึดมั่นเช่นนี้ แซ่เสิ่นก็จะไม่บังคับทุกคน หากทุกคนเชื่อแซ่เสิ่น เมื่อไปถึงรอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้าแล้ว ก็ลองไปค้นหาเขตทะเลทางตะวันออกดู บางทีอาจจะเจอเกาะดาราเบิกฟ้าที่มีคุณลักษณะค่อนข้างดี อาจจะได้โชคลิขิตเหนือความคาดหมายก็ได้”

อืม ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็เห็นจากหน้าผากสี่คนนี้ว่าโชคลิขิตของพวกเขาอยู่บนเกาะทางตะวันออก

แม้คุณภาพจะเทียบกับวิชาคุนเผิงไม่ได้ กระทั่งเทียบกับน้ำตาดาวเทพสมุทรห้าร้อยสองเม็ดไม่ได้ แต่แมลงวันเล็กกว่านี้ก็ยังเป็นเนื้อ

ได้ถือโอกาสเพิ่มดวงชะตานิดหน่อยด้วย อย่างไรก็เป็นเรื่องดี

“เขตทะเลทางตะวันออกรึ แซ่ไป๋เข้าใจ ขอบคุณที่สหายเสิ่นเตือน!”

เมื่อได้ฟังคำชี้แนะจากเสิ่นเทียน ก็คิดโยงไปถึงข่าวลือซุบซิบเกี่ยวกับเสิ่นเทียนที่ได้ฟังมาจากหลี่อวิ๋นเฟิง

คุณชายไป๋พลันมีสีหน้าดีใจขึ้นมา “เดี๋ยวพวกข้าจะไปหาสมบัติที่เขตทะเลทางตะวันออก หากได้อะไรมา จะไม่ลืมบุญคุณที่สหายเสิ่นชี้แนะแน่นอน สหายอวิ๋นเฟิงเคยบอกข้อบังคับของสหายเสิ่นกับแซ่ไป๋เรื่องลัทธิเทพแบ่งครึ่งอยู่ แซ่ไป๋เข้าใจ”

คุณชายไป๋พูดพลางขยิบตาอย่างซุกซน

เดิมทีเสิ่นเทียนยิ้มอยู่ โชคลิขิตของสี่คนนี้รวมกับการชี้แนะของข้า ก็น่าจะได้มาแปดเก้าส่วนไม่ห่างจากสิบ

มีดวงชะตาอีกระลอกเข้าคลัง มีความสุขจริงๆ

แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘ลัทธิเทพแบ่งครึ่ง’ เสิ่นเทียนก็หน้าดำมืดขึ้นเรื่อยๆ

ไอ้พวกบ้าหลิวไท่อี่กับหลี่อวิ๋นเฟิงพูดอะไรกับคนข้างนอกกันแน่ เหตุใดถึงแพร่งพรายมายังทะเลอุดร

ลัทธิเทพแบ่งครึ่งอะไร

นั่นเรียกลัทธิปรมาจารย์เซียน อีกทั้งยังเปลี่ยนรูปแบบฟอกความบริสุทธิ์แล้วด้วย!

พูดอย่างกับว่าแซ่เสิ่นบอกพวกเจ้าว่าที่ใดมีโชคลิขิตเพราะละโมบเงินพวกเจ้าอย่างนั้นแหละ!

นี่มันใส่ร้ายกันอย่างไม่มีหลักฐานชัดๆ!

ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว

เดิมทีเสิ่นเทียนก็ไม่คิดจะรับเงินอยู่แล้ว ในเมื่อพวกเจ้าพูดจาทำร้ายกันเช่นนี้ แซ่เสิ่นก็ขอไม่ปัดค่าตอบแทนแล้วกัน

หึ!

นี่คือค่าเสียชื่อเสียงของแซ่เสิ่น!

……

หลังจากสอดแทรกมุกตลกกินดื่มกันเรียบร้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันเดินทาง

สี่คุณชายกับอวี้เผียนเซียนมีศักยภาพค่อนข้างอ่อนแอก็ย้ายไปผจญภัยรอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้า ส่วนฉีเซ่าเสวียน เสิ่นเทียนและเอ๋าอูเข้าไปลึกกว่าเดิม

อืม เดิมทีด้วยศักยภาพของเอ๋าอูก็ต้องถอยเช่นกัน เหลือแค่เสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนสองคน

แต่ช่วยไม่ได้ที่เอ๋าอูให้เสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนขี่ได้!

ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงที่เสิ่นเทียนหรือฉีเซ่าเสวียนฝึกฝน ก็ประสานกับเอ๋าอูโจมตีร่วมกันได้ ทำให้กำลังรบเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เสิ่นเทียนอย่างไรก็ได้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรกลอุบายที่แกร่งที่สุดของเขาก็ไม่ใช่คัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริง

แต่หากฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูร่วมมือกัน กำลังรบจะเพิ่มขึ้นได้อีกหลายส่วน นี่มีสาเหตุเพราะเอ๋าอูมีระดับพลังอ่อนแอมาก

หากเอ๋าอูก็ทะลวงระดับนิพพานมาระดับเท่ากับฉีเซ่าเสวียนเช่นกัน สองคนร่วมมือกันแล้วจะแสดงกำลังรบได้หลายเท่า กวาดล้างทุกสิ่ง

ดังนั้นในตอนนี้ ฉีเซ่าเสวียนขึ้นขี่เขาคนเดียวจะเหมาะสมกว่า

หลังจากแยกกับห้าคนแล้ว กลุ่มเสิ่นเทียน ฉีเซ่าเสวียนและเอ๋าอู สองคนหนึ่งมังกรก็เดินเครื่องได้แกร่งยิ่งกว่าเดิม

พวกเขาบุกไปในเขตทะเลเบิกฟ้าตลอดทาง ระหว่างทางเจอสัตว์ทะเลแข็งแกร่งซุ่มโจมตีตลอด

ในนั้นบางตัวเป็นสัตว์ประหลาดเจ้าถิ่นเขตทะเลเบิกฟ้า มีศักยภาพไม่อ่อนแอไปกว่าผู้สูงศักดิ์

ปกติจะคงอยู่จุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์ อีกทั้งกำลังรบยังแข็งแกร่งมาก เทียบเท่ากับจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์โลกข้างนอกหลายคนร่วมมือกัน

บางครั้งสัตว์ร้ายพวกนี้ก็ยังร่วมมือกันปิดล้อมจู่โจมสามคน สร้างแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน

แม้ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูจะร่วมมือกันสำแดงวิชาลับนักรบมังกร ก็เกือบพลาดท่าหลายครั้ง โชคดีที่มีเสิ่นเทียนคอยคุมสถานการณ์อยู่ข้างๆ

นี่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูนับถือในกำลังรบของเสิ่นเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ

ถึงอย่างไรเจ้านี่ระเบิดพลังทีก็ออกกระบี่เดียวสังหารสัตว์ร้ายระดับครึ่งก้าวหลอมรวมเทพได้ในพริบตา เก่งกาจอย่างยิ่ง

เคล็ดกระบี่ท่าเขานั้นเหมือนกับแม่น้ำสีเงินสวรรค์เก้าชั้นไหลหลากลงมา ประหนึ่งเซียนต่างแดนมาเยือนโลกมนุษย์ แม้ฉีเซ่าเสวียนจะไม่ได้เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แต่ทุกครั้งที่เสิ่นเทียนสำแดง ก็ยังสร้างความรู้สึกตื่นตกใจ หลงใหลและตกตะลึงกับเขา

นี่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนยึดมั่นในเสิ่นเทียนมากขึ้น นี่สิคือแบบอย่างบนเส้นทางการบำเพ็ญเซียนของเขา

ขอแค่ตามสหายเสิ่นไปตลอด พยายามเข้าใกล้และย่นระยะห่างกับเขา

หากให้เวลาเขามากพอ แซ่ฉีจะต้องเป็นอันดับหนึ่งในใต้ฟ้าแน่นอน

อืม ฟ้า คือฟ้าจากคำว่าเสิ่นเทียน!

…….

สิ่งที่เสิ่นเทียนไม่รู้คือ หลังจากพวกเขาออกจาก ‘เกาะคุนเผิง’ ไม่กี่วัน นักผจญภัยอีกกลุ่มก็มาถึง ‘เกาะคุนเผิง’

กลุ่มนี้คือคุนหมิง เอ้อทงเทียนและปี้เสวียนชิง

พวกเขาเป็นขุมอำนาจที่ไม่ลงรอยกับเกาะมังกรดำทะเลอุดร มีเผ่าคุนสุญตาเป็นผู้นำ

คุนหมิงระดับจุดสูงสุดนิพพานคือผู้นำกลุ่มการเดินทางครั้งนี้ของพวกเขา และมีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุด

“เกาะนี้ดูเหมือนจะใช้ได้เลย หมอกเบิกฟ้าหนาแน่นมาก มองดูก็รู้ว่ามีมหาโชคลิขิต พวกเราเลือกเกาะนี้แล้วกัน!”

เอ้อทงเทียนมองเกาะนี้ด้วยความพอใจ ก่อนจะเสนอกับคุนหมิง

ต้องรู้ว่าถึงในเขตทะเลเบิกฟ้าจะมีเกาะมากมาย แต่ยอดค่ายกลมีวิชามายาแฝงอยู่ส่วนหนึ่ง

ปกติยิ่งหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นมากเท่าไร โชคลิขิตในนั้นก็จะยิ่งใหญ่มากเท่านั้น

โอรสสวรรค์ส่วนใหญ่จะหาเกาะที่มีหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นเช่นนี้เจอได้ยากมาก

ในมุมมองของเอ้อทงเทียน หมอกเบิกฟ้าที่ปกคลุมรอบเกาะนี้หนาแน่นจนเกินจริง ขอแค่ฝ่าเข้าไปได้ จะต้องได้โชคลิขิตที่ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังแน่นอน

“ดูจากคุณภาพแล้วก็ใช้ได้จริงๆ เอาที่นี่แล้วกัน!”

คุนหมิงคาดการณ์เหมือนกับเอ้อทงเทียน คิดว่าที่นี่จะต้องมีมหาโชคลิขิต

เขาแบกดาบคู่ไว้ข้างหลัง ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายบ้าอำนาจห้าวหาญออกมา เหมือนกับขุนเขาเทพโบราณ

ขณะเขากะพริบตายังมีจิตมุ่งมั่นในการต่อสู้เข้มข้น “น่าเสียดายก็แต่ระหว่างทางมาไม่เจอไอ้หนูเผ่ามนุษย์สองคนนั่น”

คุนหมิงเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ที่ยากจะพานพบได้ในหลายพันปีของเผ่าคุนสุญตา ไม่มีใครขวางได้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

อวี้เผียนเซียนคือคู่สมรสในใจของคุนหมิง พูดได้ว่าเป็นของหวงแหนในใจเขา

แม้อวี้เผียนเซียนจะไม่ชอบคุนหมิงมาตลอด แต่คุนหมิงก็ไม่เคยยอมแพ้จะเลิกตามนาง

เพราะนอกจากเขาแล้ว ไม่มีโอรสสวรรค์เผ่าใดในทะเลอุดรกล้าตามเกี้ยวอวี้เผียนเซียน ขอแค่เลียต่อไปจะต้องสำเร็จแน่

แต่บุรุษเผ่ามนุษย์สองคนนั่น คิดจะขอแบ่งน้องเผียนเซียนจากแซ่เสิ่น มาทำให้ตลาดปั่นป่วน

โดยเฉพาะบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน หน้าตาหล่อเหลาเช่นนั้น

เจ้าหนูนั่นไปๆ มาๆ ข้างกายน้องเผียนเซียนทุกวัน เหตุใดในสายตานางถึงไม่มีคุนหมิงบ้าง

แย่งคนรักเหมือนกับสังหารบุพการีเขา แย่งปลาก็เช่นกัน

คุนหมิงรับรองเลยว่าถ้าเขาเจอไอ้หนูสองคนนั่นในเขตทะเลเบิกฟ้า จะต้องทุบตีให้มารดาจำพวกมันไม่ได้เลย จากนั้นทำเป็นสัตว์ขี่ ขี่ไปตรงหน้าน้องเผียนเซียนอย่างทะนงองอาจ

ให้น้องเผียนเซียนได้รู้ว่าข้าคุนหมิงต่างหากคือบุรุษที่แกร่งที่สุดในทะเลอุดร!

…….

คุนหมิงนั่งขัดสมาธิลงรอบนอกเกาะคุนเผิง ภายในใจเต็มไปด้วยความคิดหื่นกาม

คุนหมิงกำลังรอปราการหมอกเบิกฟ้าเปิดเงียบๆ เขาเชื่อว่าด้วยดวงชะตาที่ผ่านมาของตน ปราการเบิกฟ้านี่จะไม่ให้เขารอนานเกินไปแน่นอน

อืม ใช่

จากนั้นรอครั้งนี้กินเวลาไปสามเดือน~

ควรรู้ว่าเกาะดาราเบิกฟ้าส่วนใหญ่จะเปิดปราการในหนึ่งเดือน ต่อให้เว้นช่วงนานหน่อยก็ครึ่งเดือน เกาะดาราเบิกฟ้าที่เว้นช่วงสองเดือนหาได้ยากมาก

แต่ปราการเบิกฟ้าบนเกาะคุนเผิงนี่กลับปิดไปสามเดือน

ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับกระบี่นั้นและสองฝ่ามือของเสิ่นเทียนหรือไม่

สรุป พวกคุนหมิง เอ้อทงเทียนและปี้เสวียนชิงรอจนจากหน่ออ่อนดอกไม้แทบจะกลายเป็นดอกไม้บาน

สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาผ่านสามเดือนนี้มาอย่างไร

ตั้งแต่สองเดือนแรก สามคนก็คิดจะไม่รอแล้วตั้งหลายครั้ง อยากจะเปลี่ยนเกาะไปเลย

แต่ว่า ใจไม่ยอม!

ก็รู้อยู่ว่าเขตทะเลดาราเบิกฟ้าจะเปิดราวๆ สิบสองเดือน ปกติราวๆ เดือนเก้าต้องออกไปแล้ว

รออย่างเปล่าประโยชน์ไปหนึ่งเดือนรึ ให้เจ้าไป เจ้าจะเต็มใจหรือไม่

แน่นอนว่าไม่เต็มใจ เช่นนั้นก็รอต่อไปเถอะ!

รอไปหนึ่งเดือนแล้ว บางทีอีกสองสามชั่วยามก็คงจะเปิด

จากนั้นก็รออีกหนึ่งเดือน

สภาพจิตใจเหมือนกับนักเขียนสุนัขบางคนที่ซื้อหุ้นแล้วหุ้นตกไม่กล้าขายสุดๆ ติดดอยไปจนตาย

คิดจะไปรึ

เหอะๆ ไม่มีทาง

…….

วันที่แปดเดือนสาม ในที่สุดคุนหมิงก็ทนไม่ไหวแล้ว

เขาเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า พลันมีเงามายาคุนยักษ์พันจั้งลอยขึ้นมาข้างหลัง ดินทรายระเบิดกระจายบนชายหาด

น้ำทะเลไร้ที่สิ้นสุดริมทะเลไหลเชี่ยว ระเบิดออกเป็นละอองน้ำเต็มฟ้าภายใต้แสงตะวันเบิกฟ้าส่องสะท้อน ออกมาเป็นสายรุ้งสีเข้มแปลกประหลาด

“เหตุใดถึงยังไม่เปิด เพราะเหตุใด!”

คุนหมิงฝืนดึงดาบคู่ข้างหลังออกมา อยากจะฟันสองดาบใส่ปราการเบิกฟ้า “พวกเรากลับ!”

ปี้เสวียนชิงดวงตามืดหม่น ก่อนพูดด้วยความไม่ยอม “พี่ใหญ่ เราจะไม่รอแล้วรึ”

คุนหมิงหัวเราะเยาะ “เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าปราการหมอกเบิกฟ้าเกาะนี้ไม่มีทางเปิด ไม่เช่นนั้นคงเปิดไปนานแล้ว พวกเราอยู่หน้าปราการหมอกนี่มาสามเดือน น่าขำที่สุด! ไปเถอะ! อาศัยช่วงที่ยังไม่ถึงครึ่งปีกว่าไปหาที่อื่นดีกว่า!”

เมื่อเอ่ยจบ คุนหมิงก็กระโดดขึ้นกลายเป็นแสงเทพสายหนึ่งบินไปที่อื่นในเขตทะเล

เอ้อทงเทียนกับปี้เสวียนชิงต่างหมดคำจะพูด ได้แต่ตามคุนหมิงอย่างจำใจ ถึงอย่างไรคุนหมิงก็เป็นผู้นำในพวกเขาสามคน ทว่าตอนที่พวกเขาบินออกมาหลายร้อยลี้พลันได้ยินเสียงเปรี้ยงๆ

ใช่ ปราการหมอกเบิกฟ้าบนผิวเกาะคุนเผิงแตกออกแล้ว

พลังวิญญาณมหาศาลหมุนม้วนออกมาจากในเกาะ ราวกับคุนเผิงหายใจ

พริบตาเดียว เขตทะเลในวงรัศมีหลายพันลี้ก็มีแต่พลังวิญญาณกระเพื่อม

“เปิดแล้ว!”

“พลังวิญญาณเข้มข้นมาก เกาะวิญญาณระดับสูงสุด!”

เอ้อทงเทียนเป็นคนตรง

ตอนนี้รู้สึกถึงพลังวิญญาณมหาศาลจากในปราการหมอกเบิกฟ้าแล้ว เขาก็ตาแดงขึ้นมา “บางทีบนเกาะนี่อาจจะมีขุมทรัพย์!”

ปี้เสวียนชิงตรงไปตรงมายิ่งกว่า เขาพลันกลายเป็นแสงสีมรกตพุ่งไปยังรอยแยกของปราการเบิกฟ้าสุดชีวิต

เจ้าปลาคุนหมิงนิ่งอึ้งไปแล้ว

นี่มันอะไรกัน ข้ารอเจ้ามาสามเดือนเจ้าไม่เปิด

ตอนนี้ข้าจะไปแล้ว เจ้ากลับอ้าขา…เปิดปราการให้ข้าเข้าไปรึ

เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติอย่างนั้นรึ

เหอะๆ เจ้าเดาถูกแล้ว

เทียบกับผลประโยชน์โชคลิขิตที่จับต้องได้จริงแล้ว หน้าตายาวหลายร้อยจั้งของข้าสำคัญกว่าหรือ

ไม่สำคัญเลยสักนิด!

…….

อีกทั้งหลังจากปราการเบิกฟ้าบนพื้นผิวเกาะดาราเบิกฟ้านี้เปิดออก คุนหมิงก็รู้สึกว่าสายเลือดเขากำลังสั่นไหวอย่างชัดเจน ราวกับว่าบนเกาะมีอะไรบางอย่างที่กู่ร้องพร้อมกับสายเลือดเขา

การกู่ร้องพร้อมกันเช่นนี้ถึงจะเบาบางมาก แต่คุนหมิงเชื่อว่าตนไม่น่าจะสัมผัสพลาด

สายเลือดเขาส่งความรู้สึกอย่างหนึ่ง เป็นความรู้สึกอันแรงกล้า

ข้าต้องการ~

ข้าต้องการ~

ข้าต้องการ~

ความรู้สึกนี้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันและเด่นชัดยิ่ง ไหลเชี่ยวราวกับคลื่นลูกใหญ่

เห็นได้ชัดว่าเกาะนี้เกี่ยวกับเขา อีกทั้งยังเป็นมหาโชคลิขิต

เป็นโชคลิขิตใดกันแน่ คุนหมิงเฝ้ารอคอยเป็นอย่างยิ่ง!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+