บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 388 ชีวิตส่วนตัวโลกเซียน อุดมการณ์ของเสิ่นเทียน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 388 ชีวิตส่วนตัวโลกเซียน อุดมการณ์ของเสิ่นเทียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 388 ชีวิตส่วนตัวโลกเซียน อุดมการณ์ของเสิ่นเทียน

“เทียนเอ๋อร์ ถอยมาเถอะ”

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวอย่างรุนแรง เขาเดินมาหน้าเสิ่นเทียนช้าๆ ประจันหน้ากับร่างจักรพรรดิของมหาจักรพรรดิอีกาทอง ประกายกระบี่เย็นยะเยือก

“เจ้านกแก่นี่ คิดจะแตะต้องศิษย์หลานข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะแทงเจ้าให้ตาย!”

ภายในกายผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตขยับแสงสีทอง มีสองร่างเงากำลังสั่งสมพลัง เหมือนพร้อมจะพุ่งออกจากร่างเขาทุกเมื่อ

นั่นคือวิชาลับสูงสุด ‘หนึ่งปราณแปลงสามพิสุทธิ์’ เพิ่มกำลังรบของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตได้ในพริบตา เหนือกว่าระดับสูงสุดได้

ตอนนี้พวกเขาไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว

อำนาจคุกคามของมหาจักรพรรดิ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อริยะปกติจะต่อต้านได้

แม้มหาจักรพรรดิอีกาทองจะเหลือเพียงเสี้ยววิญญาณ แต่ก็ไม่ใช่มหาจักรพรรดิธรรมดาเช่นกัน แต่เป็นมหาจักรพรรดิที่ลอยขึ้นโลกเซียนไปแปดหมื่นปีแล้ว

หลังจากลอยขึ้นโลกเซียนไปแปดหมื่นปี ระดับพลังของเขาก็บรรลุถึงระดับน่าสะพรึงเพียงใดแล้ว ไม่มีใครรู้

แต่จะเห็นได้ชัดมากว่าเขาไม่มีทางอยู่ที่เดิมมาตลอดแปดหมื่นปี

ดังนั้น ต่อให้เป็นเพียงเสี้ยววิญญาณของมหาจักรพรรดิอีกาทอง มีอานุภาพที่เทพผีไม่อาจคาดเดา ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อริยะจะต่อต้านได้

หากมีสติปัญญาครบถ้วนจริงๆ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็ไม่น่าจะมาขวางหน้ามหาจักรพรรดิอีกาทอง

เพราะการสู้กับคู่ต่อสู้เช่นนี้ไม่ใช่แค่ตายเก้ารอดหนึ่ง แต่แทบจะตายสิบไม่มีรอด ต้องตายแน่นอน

แต่พวกเขาก็ยังก้าวออกมาอย่างแน่วแน่ ขวางหน้าเสิ่นเทียนอย่างไม่ลังเลเลย

เพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่าเสิ่นเทียนต่างหากคืออนาคตของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เป็นบุตรแห่งโชคที่จะนำพาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไปสู่จุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง

เพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่าต่อให้พวกเขาสิ้นชีพลงไปสิบคน แลกกับเสิ่นเทียนยิ่งใหญ่ขึ้นคนเดียว นี่คือกำไรเลือดสาด

และพวกเขายังเชื่อมั่นว่ามหาจักรพรรดิอีกาทองจะไม่ลงมือ

…….

แค่กๆ ใช่ เชื่อว่ามหาจักรพรรดิอีกาทองจะไม่ลงมือ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตหูและสมองไม่มีปัญหา ย่อมได้ยินคำพูดของมหาจักรพรรดิอีกาทองเมื่อครู่อย่างชัดเจน

เขาบอกว่า ‘ข้าอยากยืมร่างของเสิ่นเทียน มีชีวิตในภพที่สอง’ ‘ข้าคิดว่ามีเพียงข้ากลับมาถึงจะพลิกวิกฤติได้’

อะไรคือ ‘ข้าอยาก’ และ ‘ข้าคิดว่า’ นั่นคือตอนนี้ไม่อยากทำเช่นนี้แล้ว ไม่คิดเช่นนี้แล้ว!

อีกทั้งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตยังไม่สัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายและจิตสังหารอะไรจากตัวมหาจักรพรรดิอีกาทองเลย

ครั้งนี้น่าจะไม่ถึงกับตายหมู่กระมัง!

มิหนำซ้ำในตัวเทียนเอ๋อร์ยังซ่อนคนใหญ่คนโตระดับสุดยอดจากโลกเซียนไว้ท่านหนึ่ง!

เป็นเสี้ยววิญญาณเหมือนกัน ใครจะกลัวใครล่ะ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตรู้สึกว่าถ้าท่านพ่อบุญธรรมงัดกับมหาจักรพรรดิอีกาทอง ก็น่าจะงัดชนะมากกว่า

เพราะอย่างไรตาแก่นี่ก็ซุ่มพัฒนาตัวเองและฟื้นฟูในห้าดินแดนมาหลายปี มีไพ่ตายเท่าไร แกร่งเพียงใด ไม่มีใครรู้

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็สู้ฉวยโอกาสที่มหาจักรพรรดิอีกาทองจะก่อการกบฏสร้างความรู้สึกดีๆ แบบ ‘อาจารย์เมตตาอาจารย์ลุงรัก’ กับเสิ่นเทียนให้หนักๆ

อืม ตอนนี้เทียนเอ๋อร์ก็น่าจะซาบซึ้งใจจนกระบอกตาร้อนผ่าวเลยกระมัง!

ข้านี่มันฉลาดจริงๆ เลย!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตมองหน้ากันก่อนแอบพยักหน้า

มั่นใจในสายตาว่าเป็นคนนั้นในตอนนั้น!

…….

“อาจารย์ อาจารย์ลุง ข้าว่าพวกท่านน่าจะเข้าใจผู้อาวุโสจักรพรรดิผิดไป”

เสิ่นเทียนจิ้มๆ ไหล่ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต “ผู้อาวุโสจักรพรรดิบอกว่าเดิมทีอยากยึดร่าง ตอนนี้ก็น่าจะไม่คิดเช่นนี้แล้วกระมัง!”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็มองมหาจักรพรรดิอีกาทอง “ผู้อาวุโสจักรพรรดิ อาจารย์และอาจารย์ลุงของผู้เยาว์เป็นห่วงจึงทำอะไรเกินเลยไป ล่วงเกินผู้อาวุโส หวังว่าผู้อาวุโสจะให้อภัย!”

เหอะๆ~

มหาจักรพรรดิอีกาทองมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต แววตาที่สะท้อนมาจากเมฆหมอกประกายเซียนเหมือนยิ้มทีเล่นทีจริง มองจนคนข้างหลังขนลุกในใจ

ผ่านไปพักใหญ่ มหาจักรพรรดิอีกาทองถึงเอ่ยนิ่งๆ “หากมิใช่โอรสสวรรค์คงไม่บุ่มบ่าม เผชิญหน้ากับข้ายังฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ สหายน้อย เจ้าสุดยอดมาก

ไม่ผิด ข้าพิสูจน์มรรคมาแปดหมื่นปี ไม่คิดจะปิดบังอะไรอยู่แล้ว ในเมื่อตอบตกลงมอบเกาะมหานทีให้พวกเจ้า ก็จะบอกความจริงของสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองกับพวกเจ้า”

มหาจักรพรรดิอีกาทองถอนหายใจเบา “พวกเจ้าก็รู้ว่าทุกหมื่นปี ห้าดินแดนจะถูกวิญญาณร้ายต่างแดนรุกรานหนึ่งครั้ง เพียงแต่การรุกรานของวิญญาณร้ายในอดีตทุกครั้งจะมีมหาจักรพรรดิของทุกยุคสมัยขวางไว้นอกโลก ดังนั้นจึงไม่เคยทลายโลกเข้ามาได้”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าช้าๆ “ผู้เยาว์รู้ว่าเมื่อหมื่นปีก่อนห้าดินแดนไม่มีจักรพรรดิ วิญญาณร้ายต่างแดนบุกเขตแดนเข้ามาสำเร็จ สร้างหายนะครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

มหาจักรพรรดิอีกาทองพยักหน้าช้าๆ “สงครามครั้งนั้น ข้าเองก็สัมผัสได้ แต่เทียบกับหายนะครั้งนี้ที่จะถึงแล้ว สงครามนั้นเมื่อหมื่นปีก่อนเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น”

คำพูดของมหาจักรพรรดิอีกาทองทำให้ทุกคนอดตัวสั่นมิได้

สงครามนั้นเมื่อหมื่นปีก่อนแทบจะทำลายห้าดินแดน ชีพจรวิญญาณและแดนผาสุกมากมายกลายเป็นซากปรักหักพัง สนามรบบรรพกาลในตอนนี้ยังห้ามคนเป็นเข้าไป

แดนศักดิ์สิทธิ์และเผ่าเทพมากมายเสียหายอย่างหนักในหายนะครั้งนั้น กระทั่งแดนศักดิ์สิทธิ์และเผ่าเทพบางส่วนสูญสิ้น

ไม่อยากเชื่อว่าสงครามครั้งนั้นจะเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย ไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเลยเมื่อเทียบกับหายนะครั้งนี้

เช่นนั้นห้าดินแดนกำลังจะเผชิญหน้ากับอะไร หรือว่าจะเป็นวันสิ้นโลกกัน

มหาจักรพรรดิอีกาทองถอนหายใจ “พวกเจ้าก็รู้ว่าความจริงแล้วขุมอำนาจใหญ่และเผ่าพันธุ์ต่างๆ ของโลกเซียนก็กำลังต่อต้านกับวิญญาณร้ายต่างแดนพวกนี้อยู่

อีกทั้งวิญญาณร้ายต่างแดนที่โลกเซียนเผชิญหน้า มีศักยภาพเหนือกว่าวิญญาณร้ายที่ห้าดินแดนพวกเจ้าเผชิญอยู่มาก หรืออาจพูดได้ว่าเผ่าวิญญาณร้ายที่จู่โจมห้าดินแดนทุกๆ หมื่นปี เป็นเพียงศัตรูกลุ่มเล็กๆ ที่ผู้พิทักษ์โลกเซียนตั้งใจปล่อยลงมาเท่านั้น ก็เพื่อฝึกฝนผู้บำเพ็ญห้าดินแดน สร้างผู้แข็งแกร่งเยอะๆ ลอยขึ้นไปแล้วจะเป็นกองกำลังใหม่ต่อต้านวิญญาณร้าย”

เผ่าวิญญาณร้ายที่จู่โจมห้าดินแดนทุกหมื่นปี เป็นเพียงตัวที่เหล่าผู้พิทักษ์โลกเซียนตั้งใจปล่อยมารึ

คำพูดของมหาจักรพรรดิอีกาทอง ทำให้คนมากมายตกตะลึงอย่างไม่ต้องสงสัย

หากเป็นเด็กหนุ่มเยาว์วัยหรือเด็กน้อยหน่อย ตอนนี้อาจจะสงสัยในชีวิตแล้ว กระทั่งด่าทอ

แต่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตและเสิ่นเทียนไม่ใช่คนโง่ที่มีอีคิวและไอคิวต่ำ ย่อมคิดได้มากกว่า

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ “หรือก็คือหายนะทุกครั้งในอดีต ความจริงแล้วเบื้องหลังคือมีเหล่าผู้พิทักษ์โลกเซียนผลักดันอยู่ กระทั่งวางแผนการรึ”

มหาจักรพรรดิอีกาทองพยักหน้าช้าๆ “ไม่ผิด รวมถึงเผ่าวิญญาณร้ายบุกเข้ามาเมื่อหมื่นปีก่อน ทำให้ห้าดินแดนโลหิตไหลเป็นสายน้ำ ความจริงก็เป็นที่ยอมรับโดยนัยด้วย”

ระดับคลื่นประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย “สละชีวิตคนไปมากขนาดนั้น จำเป็นด้วยหรือ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ถามว่าเพราะเหตุใด เพราะเขาคาดเดาเหตุผลได้แล้ว

มหาจักรพรรดิอีกาทองเอ่ยนิ่งๆ “จำเป็น เพราะว่า…สงครามที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติการณ์กำลังจะมาถึงแล้ว สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ไม่มีความเมตตา เทียบกับความเป็นตายของสองโลกเซียนและมนุษย์แล้ว การฝึกทหารในการควบคุมจะทำให้เกิดความเสียหายในขอบเขตที่รับได้

ความจริงแล้วหลังจากการฝึกทหารเมื่อหมื่นปีก่อน หมื่นปีมานี้ห้าดินแดนให้กำเนิดโอรสสวรรค์ที่โลกเซียนยังต้องตกใจไม่น้อยจริงๆ ข้ารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายพลังพวกนั้น”

เมื่อพูดจบ เขาก็มองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก่อนพูดยิ้มทีเล่นทีจริง “พวกเจ้าสองคน ถือว่าเป็นผู้โดดเด่นในผู้สืบทอดทุกรุ่นของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

กันไว้ดีกว่าแก้ ทรัพยากรมีมากขนาดนั้น หากห้าดินแดนอยู่ในสภาพแวดล้อมสงบสุข ก็คงมีแต่กินกันเองภายใน แต่หลังจากเข้าใจความแข็งแกร่งของศัตรูภายนอกแล้ว ทุกคนถึงจะรวมเป็นหนึ่งเดียว”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถาม “สงครามครั้งแรกในประวัติการณ์นั้นหมายถึงอะไร”

มหาจักรพรรดิอีกาทองตอบ “ผู้พิทักษ์ของโลกเซียนใกล้จะต้านไว้ไม่ไหวแล้ว”

มหาจักรพรรดิอีกาทองโยนลูกระเบิดออกมาอีกลูก ก่อนจะเอ่ยต่อ “พวกเจ้าคิดว่าข้าลอยขึ้นไปแปดหมื่นปีแล้ว เหตุใดจู่ๆ ถึงสิ้นชีพลง

ตอนนี้ข้าลอยขึ้นไปแปดหมื่นปี ระดับพลังเหนือกว่าระดับจักรพรรดิแล้ว ถึงระดับที่พวกเจ้าไม่อาจจินตนาการได้ แต่ต่อให้เป็นข้า ก็เป็นเพียงม้ารับใช้ในสนามรบนั้นเท่านั้น ไม่อาจคุมสถานการณ์รบได้เลย

หากไม่ใช่เพราะก่อนลอยขึ้น ข้าได้คัมภีร์เทพโลหิตมาสองหน้า อาศัยเขตแดนพิเศษของเกาะมหานทีสร้างสุสานจักรพรรดิขึ้น วางยอดค่ายกลคืนชีพสะท้านโลกไว้ ตอนนี้คงวิญญาณสลายไปนานแล้ว”

มหาจักรพรรดิอีกาทองเรียกตัวเองว่าม้ารับใช้ นี่ต้องเป็นคำพูดถ่อมตัวแน่นอน

แต่ทำให้มหาจักรพรรดิปลงอนิจจังได้เช่นนี้ ศักยภาพของผู้แข็งแกร่งโลกเซียนเหนือกว่าจินตนาการเห็นๆ

เสิ่นเทียนถาม “คัมภีร์เทพโลหิตรึ ผู้อาวุโสจักรพรรดิวางยอดค่ายกลคืนชีพแล้ว เหตุใดต้องยึดร่างเกิดใหม่ด้วย”

มหาจักรพรรดิอีกาทองพูดเรียบนิ่ง “สหายน่าจะเจอเปลือกไข่แตกนั้นในสวนสมุนไพรของข้ากระมัง! นั่นคือเปลือกไข่แตกหลังจากวิญญาณแท้ของข้าเกิดใหม่ แต่ข้ากลับมาเพียงวิญญาณแท้เท่านั้น จิตวิญญาณและกายเนื้อสูญสิ้นไป ไม่อาจเกิดใหม่ได้เป็นอิสระ ต้องใช้ผลมรรคของยอดโอรสสวรรค์เป็นหม้อ ถึงจะนิพพานได้”

ตอนพูดว่าจะยึดร่างเกิดใหม่ น้ำเสียงของมหาจักรพรรดิอีกาทองมีความรู้สึกผิดแต่กลับแน่วแน่อย่างยิ่ง

เขาพูดอย่างสงบนิ่ง “บางทีพวกเจ้าอาจจะคิดว่าวิธีการของข้าเลวร้าย กระทั่งเห็นแก่ตัวเอง แต่สงครามก็โหดร้ายเช่นนี้ หากพรสวรรค์ของสหายน้อยได้แค่ยอดเยี่ยม เช่นนั้นในหายนะครั้งใหญ่ที่จะมาถึงห้าดินแดน บางทีเจ้าอาจจะไม่มีโอกาสฝึกถึงระดับจักรพรรดิก็สิ้นชีพแล้ว

ดังนั้น สู้ส่งเจ้าไปเกิดใหม่ แลกกับโชคลิขิตเกิดใหม่ให้ข้าดีกว่า เพราะการคืนชีพของข้าจะมีผลในหายนะครั้งใหญ่นี้ มากกว่าอัจฉริยะที่ยังไม่เติบใหญ่”

เพราะไม่มีประโยชน์ ดังนั้นถึงสมควรตายรึ

เมื่อได้ฟังคำพูดของมหาจักรพรรดิอีกาทอง เสิ่นเทียนก็รู้สึกด้านลบตามสัญชาตญาณ เพราะอย่างไรเขาก็เป็นคนจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด การอบรมและโลกทัศน์ที่ได้รับมาตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

แต่ก็ไม่คัดค้าน เพราะเขากลัวจะถูกทุบตี และยังกลัวว่าหากทำให้นกแก่นี่โกรธ เกิดเขาคิดยึดร่างขึ้นมาจริงๆ จะทำอย่างไร

…..

เสิ่นเทียนมองมหาจักรพรรดิอีกาทอง “เช่นนั้นเหตุใดท่านจักรพรรดิถึงเลิกคิดเช่นนี้ล่ะ”

ดวงตามหาจักรพรรดิอีกาทองลึกล้ำ พูดอย่างจริงจังว่า “เพราะใบหน้าของสหายน้อยเหนือธรรมดาจริงๆ ทำให้ข้านึกถึงบุคลิกตอนข้ายังหนุ่ม ลงมือไม่ลงจริงๆ”

เสิ่นเทียนทำหน้าเศร้า

“ฮ่าๆ ล้อเล่น”

มหาจักรพรรดิอีกาทองหัวเราะ “สารภาพตามตรง เพราะพรสวรรค์ของสหายน้อยน่าเหลือเชื่อที่สุดในทุกคนที่ข้าเคยพบมา หากสหายน้อยลอยขึ้นโลกเซียน ผ่านการชะล้างด้วยไอเซียน ต่อให้เป็นโอรสสวรรค์สูงสุดจากโลกเซียนพวกนั้น เทียบกับสหายน้อยแล้วเกรงว่าคงต้องถอดสี

หากข้ายึดร่างสหายน้อย ต่อให้คืนชีพสู่จุดสูงสุด ก็คงต้องเฝ้าห้าดินแดนหมื่นปี จากนั้นไปถึงโลกเซียนก็จะเป็นนักรบที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ สู้จนตัวตาย ดังนั้นสู้ฝากความหวังไว้กับพวกเจ้า หากสหายน้อยเติบใหญ่ขึ้นได้สำเร็จ วิญญาณร้ายสมควรตายนั่นจะต้องทำสีหน้ายอดเยี่ยมมากแน่ๆ!

ในตัวคนเดียวมีสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินสิบชนิด ไม่ว่าใครเป็นศัตรูกับเจ้า เกรงว่าจากนี้คงนอนไม่หลับแล้ว”

มหาจักรพรรดิอีกาทองถอนหายใจเบา “อีกทั้งทำสงครามมาแปดหมื่นปี ข้าเหนื่อยแล้วจริงๆ หากกลับไปเกิดใหม่ เดินบนเส้นทางไร้พ่ายตอนเยาว์วัยอีกครั้ง บางทีอาจมอบประสบการณ์ใหม่แก่ข้าได้ บางทีอาจจะได้พัฒนาไปอีกขั้น!”

เสิ่นเทียนสัมผัสได้ชัดเจนว่ายามที่มหาจักรพรรดิอีกาทองกล่าวประโยคนี้ เหมือนกับวางภาระอะไรบางอย่าง น้ำเสียงพลันเบาสบายขึ้นมาก

ดังนั้น จึงสิ้นสุดวิกฤติครั้งนี้ไปได้ง่ายๆ แค่นี้รึ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองเสิ่นเทียนด้วยความปลื้มใจ สมกับเป็นเทียนเอ๋อร์ สมกับเป็นรูปแบบชะตาสูงสุดแห่งมังกรซ่อนทะยานฟ้า

แม้แต่มหาจักรพรรดิยังละอายใจเทียบมิได้ บอกว่าตนเป็นเพียงม้ารับใช้ของโลกเซียน แต่คุณสมบัติของเทียนเอ๋อร์มากพอจะทัดเทียมกับโอรสสวรรค์สูงสุดของโลกเซียน ภายภาคหน้ามีหวังจะได้เป็นแม่ทัพของโลกเซียน

นี่ใช่แค่มีคุณสมบัติของมหาจักรพรรดิหรือ นี่เขาเรียกว่ามีบุคลิกของราชาเซียน!

อืม จากนี้ต้องบอกว่าศิษย์ข้าเสิ่นเทียนมีบุคลิกของราชาเซียน!

ศิษย์นั่นของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมีคุณสมบัติของมหาจักรพรรดิ ไม่เห็นจะเท่าไรเลย!

ฮิๆๆๆๆๆๆ~

ทางด้านผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็แอบพึงพอใจอยู่ข้างใน เพื่อปกปิดตัวเอง ข้าต้องพลาดโอกาสกอดต้นขาศิษย์หลานไปตั้งเท่าไร ดีที่ครั้งนี้ปกป้องเขาต่อหน้ามหาจักรพรรดิ แลกกับความรู้สึกดีของเทียนเอ๋อร์มาเต็มๆ

เหอะๆ จากนี้ตามเทียนเอ๋อร์ออกผจญภัย ก็จะมีโชคลิขิตมากมาย!

………

เสิ่นเทียนมองมหาจักรพรรดิอีกาทองอย่างจริงจัง “ผู้อาวุโสจักรพรรดิ ขอให้วางใจไปเกิดใหม่เถอะ รอแซ่เสิ่นเดินบนเส้นทางจักรพรรดิแล้วจะต้องปกป้องห้าดินแดนไว้ สังหารศัตรูทั้งหมดให้สิ้นซาก!”

วิญญาณร้ายต่างแดนจะมาก่อเรื่องรึ เช่นนั้นก็จัดการมัน!

เสิ่นเทียนจะไม่ยอมให้ห้าดินแดนเป็นอันตราย เพราะอย่างไรที่นี่ก็มีเหล่าพี่น้องกุยช่ายที่น่ารักตั้งเยอะ

ถ้าโลกจะเข้าสู่วิกฤติ เขาจะไปเกาะโชคลิขิตจากที่ใด

อืม ใช่!

รอแซ่เสิ่นเดินบนเส้นทางจักรพรรดิแล้วจะปกป้องห้าดินแดนไว้ สังหารศัตรูทั้งหมดให้สิ้นซาก!

แค่กๆ

แน่นอน ก่อนก้าวขึ้นเส้นทางจักรพรรดิ ก็ต้องอยู่เงียบๆ ไปก่อน!

ถึงอย่างไรตอนนี้ข้าก็เป็นเพียงแก่นพลังทองตัวเล็กๆ ไร้ที่พึ่งเท่านั้น

หายนะใหญ่ครั้งนี้ แม้แต่มหาจักรพรรดิยังไม่อาจเป็นอิสระ ถูกสังหารเป็นหนุ่มน้อย

ต่อให้เขามีความสามารถสู้ข้ามขั้นได้แกร่งกว่านี้ แก่นพลังทองสังหารผู้สูงศักดิ์สวรรค์ในพริบตา ดวงจิตดรุณทุบตีผู้อริยะ แต่ก็ทุบตีมหาจักรพรรดิไม่ได้กระมัง!

เช่นนั้นก็ต้อง…อย่างน้อยหลอมรวมเทพหรือฝ่าด่านเคราะห์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ให้มั่นคงอีกหน่อย ฟาร์มไปก่อนก็ไม่เลว

ส่วนเหตุใดถึงได้เอ่ยปณิธานยิ่งใหญ่อย่างเคร่งขรึมมีพลังล่ะ

เหอะๆ ก็ต้องให้ผู้อาวุโสมหาจักรพรรดิอีกาทองเห็นทัศนคติของตนด้วยสิ!

ชนรุ่นหลังเขาเอ่ยปณิธานยิ่งใหญ่แล้ว มหาจักรพรรดิอีกาทองก็จะกลับคำมายึดร่างเขาไม่ได้กระมัง!

บางทีหากพี่ชายใจดีขึ้นมา ก็อาจจะมอบทรัพย์สินทั้งหมดของตนให้ข้าก็ได้!

ถึงอย่างไรบุตรชายทั้งเก้าของมหาจักรพรรดิอีกาทองก็ตายแล้วไป ต้องส่งไปเกิดใหม่ สมบัติมากมายพวกนี้ก็ต้องหาคนมาสืบทอดต่อสิ!

“ดีมาก สหายน้อยคิดได้เช่นนี้ ข้าละอายใจเลย ข้าเอ่ยไว้ก่อนแล้วว่าหากมีใครโปรดสัตว์ให้บุตรทั้งเก้าของข้าได้ เกาะมหานทีจะเป็นของคนนั้น

นอกจากนี้ อาวุธจักรพรรดิและสมบัติลับมรดกของข้าก็จะเป็นของคนนั้น ตอนนี้สหายน้อยโปรดสัตว์พวกเขาสำเร็จแล้ว ข้าก็จะคืนคำพูดไม่ได้”

มหาจักรพรรดิอีกาทองยื่นมือขวาออกมาช้าๆ มีป้ายคำสั่งสีแดงอมทองชิ้นหนึ่งลอยออกมาจากแขนเสื้อ “นี่คือ ‘ป้ายคำสั่งมหานที’ หลังจากหลอมรวมป้ายคำสั่งมหานทีแล้ว เจ้าจะควบคุมยอดค่ายกลพิทักษ์เกาะของเกาะมหานทีได้”

ป้ายคำสั่งมหานทีลอยไปเข้ามือเสิ่นเทียน หลังเขาหยดโลหิตเป็นนายแล้วมันก็เปล่งแสงสีทองสว่างจ้า

ทันใดนั้น เสิ่นเทียนรู้สึกว่าระหว่างตนกับเกาะมหานทีเกิดการเชื่อมต่อพิเศษบางอย่าง

การเชื่อมต่อนี้ลี้ลับมหัศจรรย์ยิ่ง เหมือนว่าแค่หนึ่งความคิด เขาก็ควบคุมค่ายกลมากมายบนเกาะได้ ควบคุมทุกอย่างบนเกาะได้!

…….

เสิ่นเทียนลูบป้ายคำสั่งมหานทีด้วยดวงตาเร่าร้อน

ป้ายคำสั่งนี้อยู่ในมือ หรือก็คือนับจากนี้ไป ข้าถือว่าเป็นเจ้าของเกาะแล้ว!

สร้างสถานที่ท่องเที่ยวทำบ้านพักริมทะเลขาย ตกปลาเก็บค่าเช่าทุกวัน ดูสาวๆ ใส่บิกินีบนชายหาด

ชีวิตเช่นนี้ แค่คิดก็มีความสุขแล้ว!

อืม ฟินจัง~

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด