บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 91 หรือว่าศิษย์น้องรองคิดจะทำร้ายข้า!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 91 หรือว่าศิษย์น้องรองคิดจะทำร้ายข้า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 91 หรือว่าศิษย์น้องรองคิดจะทำร้ายข้า!
กึก~ กึก~ กึก~

ป้ายคำสั่งสีทองมีขนาดเพียงฝ่ามือ นักพรตชรากัดไม่กี่คำก็กินไปเหลือครึ่งเดียว

“บัวมรกตเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว เก่งจริงก็คืนร่างแยกข้าแล้วมาสู้กันอย่างยุติธรรม!”

เสียงหลี่ชางหลันดังด้วยความโมโหมาจากป้ายคำสั่งที่เหลือครึ่งเดียว

นักพรตชราเบ้ปาก “คิดจะใช้ลูกไม้หลอกข้ารึ เจ้าหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ความคิดฉลาดมาก นี่เจ้าเป็นศิษย์น้องรองของข้าหรือไม่ ร่างแยกเจ้าลงมือกับศิษย์ข้า เป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก ศิษย์พี่จะกัดเจ้าเพื่อเป็นการสั่งสอนเจ้าก่อน

อยากได้จิตต้นกำเนิดของเจ้าคืนรึ เตรียมศิลาวิญญาณสิบล้านก่อนให้พร้อม แล้วก็มาหาศิษย์พี่แล้วกัน!”

เอ่ยจบ แสงสว่างสีมรกตในมือนักพรตชราขยับแสงวูบวาบ ก่อนจะคลุมผนึกป้ายคำสั่งเอาไว้ในพริบตา การกระทำของเขามีการควบคุมที่สุดยอดไม่เหมือนใคร ทุกคนในตำหนักไร้พรมแดนเห็นแล้วยังตาค้าง

ละครใหญ่ ละครใหญ่ประจำปี!

ก่อนอื่นองค์หญิงน้อยแห่งแดนเทวาดาวประกายพรึกกับสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาแย่งผู้ชายกันถึงอาณาจักรต้าเหยียน ต่อมาก็ปรากฏตัวเจ้ากระบี่สูงสุดแห่งแดนบูรพาในตำนานคนนั้น ก่อนจะทำศึกตัดสินกับผู้อาวุโสบัวมรกตแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ในตำหนักไร้พรมแดน

ละครทั้งวิเศษและหักมุมตลอด ผู้บำเพ็ญหลายคนฝึกฝนทั้งชีวิตแล้วก็อาจจะไม่ได้เห็น

คุ้มแล้ว การเลี้ยงส่งองค์ชายหกเสิ่นเอ้าครั้งนี้คุ้มค่าการมาอย่างยิ่ง

หือ เดี๋ยวก่อน วันนี้เป็นงานเลี้ยงส่งองค์ชายหกหรือ?

……

ก็ได้!

ตอนนี้เสิ่นเอ้าสิ้นหวังในใจแล้ว ตอนแรกกว่าเขาจะรับผิดเอาไว้ไม่ให้อาจารย์โกรธได้ไม่ใช่ง่ายๆ ตอนนี้เอาล่ะ สตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้อาวุโสปรากฏตัว อันดับแรกนางชกอาจารย์ปลิว

จากนั้นก็ปล้นทรัพย์อาจารย์จากหัวจรดเท้า ทั้งจีวรเต๋าและกระบี่วิเศษกระทั่งถุงเท้าจากในแหวนมิติไปหมด ภาพจำไม่เคยลืมเลือนนั้นมากพอจะทำให้อาจารย์อย่าได้หวังก้าวออกมาจากเงามืดอีกหลายเดือน

หากดวงไม่ดี พลังบำเพ็ญอาจจะลดลงเพราะเกิดมารในใจขึ้นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ และทุกอย่างเป็นเพราะเขามาร่วมงานเลี้ยงส่งของเสิ่นเอ้า

เฮือก นึกถึงตรงนี้ เสิ่นเอ้าอยากจะร้องไห้จริงๆ

จะว่าไปถ้าข้าทุบหม้อขายเหล็กซื้อโอสถลบความจำขั้นสี่ให้อาจารย์สักเม็ดยังทันหรือไม่

รอเดี๋ยว เหตุใดจู่ๆ ข้าถึงคิดจะซื้อโอสถลบความจำให้อาจารย์กัน

แม้จะได้ผลจริงๆ แต่ก็ตอบสนองไวไปกระมัง!

………..

นักพรตชราแทะป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ไปครึ่งก้อนแล้วก็ทำปากแจ๊บๆ เหมือนยังสนุกไม่พอ แต่เหลือครึ่งก้อนจะกินต่อไม่ได้จริงๆ ไม่อย่างนั้นร่างแยกของเจ้าหลี่ชางหลันได้ดับสูญไปแน่

หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ หลี่ชางหลันจะต้องแบกกระบี่หนักทมิฬมาสู้สุดชีวิตกับข้าที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แน่ และที่สำคัญกว่านั้นคือถึงตอนนั้นก็จะไม่มีวิธีรีดไถศิลาวิญญาณสิบล้านก้อนได้

“เฮ้อ เหตุใดเจ้านี่ไม่หลอมป้ายคำสั่งใหญ่กว่านี้หน่อยนะ”

นักพรตชราเบะปาก ก่อนจะมองในกระถางดอกไม้เหนือหัวหลี่เหลียนเอ๋อร์อีกครั้ง

ใช่ ตอนนี้หลี่เหลียนเอ๋อร์เอากระถางมาวางไว้บนหัวอีกแล้ว เหมือนกลัวเสิ่นเทียนไม่เห็น

ตอนนี้เห็นนักพรตชรามองมา หลี่เหลียนเอ๋อร์พลันวิ่งมาหลบหลังจางอวิ๋นซี “พี่อวิ๋นซี”

จางอวิ๋นซีพูดด้วยความจนปัญญา “อาจารย์ลุงบัวมรกต เมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติยอมรับเหลียนเอ๋อร์เป็นนายแล้ว จะเปลี่ยนเจ้าของไม่ได้หรอกนะ”

จางอวิ๋นซีไม่ได้แค่พูดให้ผู้อาวุโสบัวมรกตฟังเท่านั้น แต่ยังพูดให้ผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ในตำหนักไร้พรมแดนฟังด้วย ถึงอย่างไรเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติที่ยังไม่มีนายกับยอมรับนายแล้วก็มีมูลค่าต่างกันอย่างยิ่ง

หากเป็นอย่างหลังจะไม่มีใครเสี่ยงล่วงเกินหลี่ชางหลันมาแย่งไปแน่

นักพรตชรายิ้มเขินอาย “แค่กๆ เสี่ยวซีเอ๋อร์เจ้ามองว่าอาจารย์ลุงเป็นคนอย่างไรกัน หน่ออ่อนน้ำเต้าในกระถางเพิ่งจะโตมาแค่นี้เอง อาจารย์ลุงจะไปหมายปองมันได้อย่างไร!”

……..

หลังจากเปลี่ยนหัวข้อสนทนาน่าอึดอัดวางตัวไม่ถูกไปแล้ว นักพรตชราก็มองเสิ่นเทียนอีกครั้ง ตอนแรกเขาคิดว่าพอเจอเสิ่นเทียนจะใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งบังคับรับเขาเป็นศิษย์

แต่พอเจอเสิ่นเทียนจริงๆ แล้ว นักพรตชรากลับลังเลเล็กน้อย เพราะเมื่อสัมผัสอย่างละเอียด เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกร่วมกันที่ใกล้ชิดกันรางๆ จากตัวเสิ่นเทียน

เมื่อระยะห่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ความรู้สึกร่วมใกล้ชิดกันนั้นก็เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ไม่นานเขาก็พบเรื่องน่ากลัวเรื่องหนึ่ง ‘เขาฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิง!’

พระผู้เป็นเจ้าหาที่สิ้นสุดมิได้ เจ้าคนแซ่จาง ข้าสงสัยว่าเจ้ากำลังหลอกศิษย์พี่อยู่

บุตรแห่งโชคบ้านไหนจะฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงอับโชคนี่กัน

ใช่ คัมภีร์คบเพลิงอับโชค

นี่คือนิยามที่เป็นที่ยอมรับของคัมภีร์คบเพลิงต่อทั้งโลกบำเพ็ญเซียน

ในโลกบำเพ็ญเซียนจะมีแค่คำว่า ‘โชคชะตา’ ตลอด แต่คำว่าโชคชะตาก็มีแต่ลึกลับกับลึกลับ ตั้งแต่โบราณกาลมาไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าโชคชะตามีอยู่จริงหรือไม่กันแน่

ต่อให้เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ช่วงฝ่าด่านเคราะห์ก็ไม่อาจมองเห็นโชคชะตาของคนอื่น ต่อให้อีกฝ่ายเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่ถึงช่วงหลอมปราณด้วยซ้ำ

……

ทว่าเมื่อมีหลักฐานตัวอย่างรวมถึงสถิติมากขึ้นเรื่อยๆ คนส่วนมากเชื่อว่าผู้บำเพ็ญมีความแตกต่างของดวงชะตาจริงๆ

บางคนมีดวงชะตาน่าตกใจมาแต่กำเนิด ไม่ว่าจะฝึกบำเพ็ญ เสี่ยงอันตราย ล่าสมบัติก็เหมือนมีเทพคอยช่วยตลอด

บางคนมีเคราะห์ติดตัวมาแต่กำเนิด เกิดเรื่องซวยนับครั้งไม่ถ้วนมาตั้งแต่เยาว์วัย

บางคนมีชื่อเสียงตั้งแต่เยาว์วัย แต่เมื่ออายุสิบกว่าปีกลับเจอเคราะห์ภัยทำให้พลังบำเพ็ญสูญสิ้นไปหมด

และยังมีบางคนตอนเยาว์วัยดวงชะตามีความผิดพลาดมากมาย จู่ๆ ก็มีวันหนึ่งเหมือนมีเทพช่วยจึงประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง

ทุกอย่างของทุกอย่างยืนยันว่าดวงชะตามีอยู่จริงๆ อีกทั้งในสถานการณ์ส่วนน้อย ดวงชะตาจะผันแปรได้อีก

ส่วนวิธีการทำให้ดวงชะตาแกร่งขึ้นนั้น เนื่องจากตัวอย่างที่เกี่ยวข้องมีน้อยเกินไป เลยไม่มีวิธีใช้พลังดึงดวงชะตาได้

เรื่องการสั่งสมบุญกุศลเพิ่มดวงชะตาอะไรนั่น ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วอะไรนั่น จุดธูปไหว้พระขอให้เทพเซียนคุ้มครองอะไรนั่นเหลวไหลทั้งเพ

ในทางตรงข้ามคนส่วนใหญ่คิดว่าถ้าอยู่กับผู้มีมหาดวงชะตาตลอด ดวงชะตาของตนจะจะเฟื่องฟูขึ้นมาบ้าง

ส่วนวิธีลดดวงชะตาง่ายกว่ามาก นั่นคือ…ฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิง

ใช่ นี่คือวิธีการลดดวงชะตาที่ได้ผลมากที่สุดและเป็นที่ยอมรับ ไม่มีอย่างอื่นอีก

มีข่าวลือว่าวิชาหลอมกายคบเพลิงเป็นมรดกต้องสาป

ผู้ที่ฝึกฝนวิชาหลอมกายคบเพลิง ยิ่งพลังบำเพ็ญสูงเท่าไรดวงชะตาจะยิ่งลดลงน่ากลัวมากเท่านั้น

ส่วนผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตฉู่หลงเหอที่ฝึกฝนวิชาหลอมกายคบเพลิงด้วยตัวเองมาแล้วก็แสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่ข่าวลือ

นึกถึงตอนนั้นก่อนที่จะฝึกวิชาหลอมกายคบเพลิงนี่ เขาฉู่หลงเหอก็เป็นโอรสวรรค์ที่มีชื่อเสียงในแดนบูรพาเช่นกัน

แค่ออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์ ปกติจะเจอโชควาสนาไม่ธรรมดาตลอด ทำให้สหายข้างกายอิจฉากันใหญ่ เพียงแต่ต่อมาเขาเจอกับเรื่องเหนือความคาดหมายตอนไปฝึกฝน เลยต้องหันมาฝึกคัมภีร์คบเพลิง

นับจากนั้นมาเขาก็ก้าวสู่เส้นทางที่ไม่อาจหวนกลับ ยิ่งเดินยิ่งดำมืด

ใช่ ยิ่งเดินยิ่งดำมืด ยิ่งเดินยิ่งดำมืดจริงๆ

นี่ก็หลายปีมาแล้วที่ออกไปฝึกฝนไม่เจอโชควาสนายิ่งใหญ่สักครั้งเลย ถ้าไม่ใช่เพราะอาศัยการปล้นทรัพย์เป็นบางครั้งประทังชีวิต เขาคงฝึกบำเพ็ญไม่ได้ด้วยซ้ำ

……

ด้วยเหตุนี้ หลังจากสัมผัสว่าภายในกายเสิ่นเทียนมีพลังแห่งคบเพลิงเหมือนกับตนแล้ว นักพรตชราก็สงสัยในชีวิตแล้ว

บุตรแห่งโชคหรือบุตรแห่งวิถีฟ้าฝึกฝนวิชาอับโชคอย่างวิชาหลอมกายคบเพลิงได้จริงๆ หรือ

ศิษย์น้องรองเจ้าคนเย็นชาที่ตัดเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนานั่นคงไม่หลอกข้าอยู่หรอกนะ!

ถ้ารับเจ้าหนูนี่เป็นศิษย์จะเกาะทรัพยากรดวงชะตาของเขาได้จริงๆ หรือ

เหตุใดถึงรู้สึกว่าข้าอาจจะโดนเขากินจนยากจนล่ะ

สถานการณ์แบบนี้ ศิษย์น้องรองคงไม่ได้คาดการณ์ไว้แล้วหรอกนะ

ซี้ด หรือว่าศิษย์น้องรองคิดจะทำร้ายข้า!

…………………………………….……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 91 หรือว่าศิษย์น้องรองคิดจะทำร้ายข้า!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 91 หรือว่าศิษย์น้องรองคิดจะทำร้ายข้า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 91 หรือว่าศิษย์น้องรองคิดจะทำร้ายข้า!
กึก~ กึก~ กึก~

ป้ายคำสั่งสีทองมีขนาดเพียงฝ่ามือ นักพรตชรากัดไม่กี่คำก็กินไปเหลือครึ่งเดียว

“บัวมรกตเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว เก่งจริงก็คืนร่างแยกข้าแล้วมาสู้กันอย่างยุติธรรม!”

เสียงหลี่ชางหลันดังด้วยความโมโหมาจากป้ายคำสั่งที่เหลือครึ่งเดียว

นักพรตชราเบ้ปาก “คิดจะใช้ลูกไม้หลอกข้ารึ เจ้าหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ความคิดฉลาดมาก นี่เจ้าเป็นศิษย์น้องรองของข้าหรือไม่ ร่างแยกเจ้าลงมือกับศิษย์ข้า เป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก ศิษย์พี่จะกัดเจ้าเพื่อเป็นการสั่งสอนเจ้าก่อน

อยากได้จิตต้นกำเนิดของเจ้าคืนรึ เตรียมศิลาวิญญาณสิบล้านก่อนให้พร้อม แล้วก็มาหาศิษย์พี่แล้วกัน!”

เอ่ยจบ แสงสว่างสีมรกตในมือนักพรตชราขยับแสงวูบวาบ ก่อนจะคลุมผนึกป้ายคำสั่งเอาไว้ในพริบตา การกระทำของเขามีการควบคุมที่สุดยอดไม่เหมือนใคร ทุกคนในตำหนักไร้พรมแดนเห็นแล้วยังตาค้าง

ละครใหญ่ ละครใหญ่ประจำปี!

ก่อนอื่นองค์หญิงน้อยแห่งแดนเทวาดาวประกายพรึกกับสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาแย่งผู้ชายกันถึงอาณาจักรต้าเหยียน ต่อมาก็ปรากฏตัวเจ้ากระบี่สูงสุดแห่งแดนบูรพาในตำนานคนนั้น ก่อนจะทำศึกตัดสินกับผู้อาวุโสบัวมรกตแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ในตำหนักไร้พรมแดน

ละครทั้งวิเศษและหักมุมตลอด ผู้บำเพ็ญหลายคนฝึกฝนทั้งชีวิตแล้วก็อาจจะไม่ได้เห็น

คุ้มแล้ว การเลี้ยงส่งองค์ชายหกเสิ่นเอ้าครั้งนี้คุ้มค่าการมาอย่างยิ่ง

หือ เดี๋ยวก่อน วันนี้เป็นงานเลี้ยงส่งองค์ชายหกหรือ?

……

ก็ได้!

ตอนนี้เสิ่นเอ้าสิ้นหวังในใจแล้ว ตอนแรกกว่าเขาจะรับผิดเอาไว้ไม่ให้อาจารย์โกรธได้ไม่ใช่ง่ายๆ ตอนนี้เอาล่ะ สตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้อาวุโสปรากฏตัว อันดับแรกนางชกอาจารย์ปลิว

จากนั้นก็ปล้นทรัพย์อาจารย์จากหัวจรดเท้า ทั้งจีวรเต๋าและกระบี่วิเศษกระทั่งถุงเท้าจากในแหวนมิติไปหมด ภาพจำไม่เคยลืมเลือนนั้นมากพอจะทำให้อาจารย์อย่าได้หวังก้าวออกมาจากเงามืดอีกหลายเดือน

หากดวงไม่ดี พลังบำเพ็ญอาจจะลดลงเพราะเกิดมารในใจขึ้นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ และทุกอย่างเป็นเพราะเขามาร่วมงานเลี้ยงส่งของเสิ่นเอ้า

เฮือก นึกถึงตรงนี้ เสิ่นเอ้าอยากจะร้องไห้จริงๆ

จะว่าไปถ้าข้าทุบหม้อขายเหล็กซื้อโอสถลบความจำขั้นสี่ให้อาจารย์สักเม็ดยังทันหรือไม่

รอเดี๋ยว เหตุใดจู่ๆ ข้าถึงคิดจะซื้อโอสถลบความจำให้อาจารย์กัน

แม้จะได้ผลจริงๆ แต่ก็ตอบสนองไวไปกระมัง!

………..

นักพรตชราแทะป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ไปครึ่งก้อนแล้วก็ทำปากแจ๊บๆ เหมือนยังสนุกไม่พอ แต่เหลือครึ่งก้อนจะกินต่อไม่ได้จริงๆ ไม่อย่างนั้นร่างแยกของเจ้าหลี่ชางหลันได้ดับสูญไปแน่

หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ หลี่ชางหลันจะต้องแบกกระบี่หนักทมิฬมาสู้สุดชีวิตกับข้าที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แน่ และที่สำคัญกว่านั้นคือถึงตอนนั้นก็จะไม่มีวิธีรีดไถศิลาวิญญาณสิบล้านก้อนได้

“เฮ้อ เหตุใดเจ้านี่ไม่หลอมป้ายคำสั่งใหญ่กว่านี้หน่อยนะ”

นักพรตชราเบะปาก ก่อนจะมองในกระถางดอกไม้เหนือหัวหลี่เหลียนเอ๋อร์อีกครั้ง

ใช่ ตอนนี้หลี่เหลียนเอ๋อร์เอากระถางมาวางไว้บนหัวอีกแล้ว เหมือนกลัวเสิ่นเทียนไม่เห็น

ตอนนี้เห็นนักพรตชรามองมา หลี่เหลียนเอ๋อร์พลันวิ่งมาหลบหลังจางอวิ๋นซี “พี่อวิ๋นซี”

จางอวิ๋นซีพูดด้วยความจนปัญญา “อาจารย์ลุงบัวมรกต เมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติยอมรับเหลียนเอ๋อร์เป็นนายแล้ว จะเปลี่ยนเจ้าของไม่ได้หรอกนะ”

จางอวิ๋นซีไม่ได้แค่พูดให้ผู้อาวุโสบัวมรกตฟังเท่านั้น แต่ยังพูดให้ผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ในตำหนักไร้พรมแดนฟังด้วย ถึงอย่างไรเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติที่ยังไม่มีนายกับยอมรับนายแล้วก็มีมูลค่าต่างกันอย่างยิ่ง

หากเป็นอย่างหลังจะไม่มีใครเสี่ยงล่วงเกินหลี่ชางหลันมาแย่งไปแน่

นักพรตชรายิ้มเขินอาย “แค่กๆ เสี่ยวซีเอ๋อร์เจ้ามองว่าอาจารย์ลุงเป็นคนอย่างไรกัน หน่ออ่อนน้ำเต้าในกระถางเพิ่งจะโตมาแค่นี้เอง อาจารย์ลุงจะไปหมายปองมันได้อย่างไร!”

……..

หลังจากเปลี่ยนหัวข้อสนทนาน่าอึดอัดวางตัวไม่ถูกไปแล้ว นักพรตชราก็มองเสิ่นเทียนอีกครั้ง ตอนแรกเขาคิดว่าพอเจอเสิ่นเทียนจะใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งบังคับรับเขาเป็นศิษย์

แต่พอเจอเสิ่นเทียนจริงๆ แล้ว นักพรตชรากลับลังเลเล็กน้อย เพราะเมื่อสัมผัสอย่างละเอียด เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกร่วมกันที่ใกล้ชิดกันรางๆ จากตัวเสิ่นเทียน

เมื่อระยะห่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ความรู้สึกร่วมใกล้ชิดกันนั้นก็เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ไม่นานเขาก็พบเรื่องน่ากลัวเรื่องหนึ่ง ‘เขาฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิง!’

พระผู้เป็นเจ้าหาที่สิ้นสุดมิได้ เจ้าคนแซ่จาง ข้าสงสัยว่าเจ้ากำลังหลอกศิษย์พี่อยู่

บุตรแห่งโชคบ้านไหนจะฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงอับโชคนี่กัน

ใช่ คัมภีร์คบเพลิงอับโชค

นี่คือนิยามที่เป็นที่ยอมรับของคัมภีร์คบเพลิงต่อทั้งโลกบำเพ็ญเซียน

ในโลกบำเพ็ญเซียนจะมีแค่คำว่า ‘โชคชะตา’ ตลอด แต่คำว่าโชคชะตาก็มีแต่ลึกลับกับลึกลับ ตั้งแต่โบราณกาลมาไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าโชคชะตามีอยู่จริงหรือไม่กันแน่

ต่อให้เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ช่วงฝ่าด่านเคราะห์ก็ไม่อาจมองเห็นโชคชะตาของคนอื่น ต่อให้อีกฝ่ายเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่ถึงช่วงหลอมปราณด้วยซ้ำ

……

ทว่าเมื่อมีหลักฐานตัวอย่างรวมถึงสถิติมากขึ้นเรื่อยๆ คนส่วนมากเชื่อว่าผู้บำเพ็ญมีความแตกต่างของดวงชะตาจริงๆ

บางคนมีดวงชะตาน่าตกใจมาแต่กำเนิด ไม่ว่าจะฝึกบำเพ็ญ เสี่ยงอันตราย ล่าสมบัติก็เหมือนมีเทพคอยช่วยตลอด

บางคนมีเคราะห์ติดตัวมาแต่กำเนิด เกิดเรื่องซวยนับครั้งไม่ถ้วนมาตั้งแต่เยาว์วัย

บางคนมีชื่อเสียงตั้งแต่เยาว์วัย แต่เมื่ออายุสิบกว่าปีกลับเจอเคราะห์ภัยทำให้พลังบำเพ็ญสูญสิ้นไปหมด

และยังมีบางคนตอนเยาว์วัยดวงชะตามีความผิดพลาดมากมาย จู่ๆ ก็มีวันหนึ่งเหมือนมีเทพช่วยจึงประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง

ทุกอย่างของทุกอย่างยืนยันว่าดวงชะตามีอยู่จริงๆ อีกทั้งในสถานการณ์ส่วนน้อย ดวงชะตาจะผันแปรได้อีก

ส่วนวิธีการทำให้ดวงชะตาแกร่งขึ้นนั้น เนื่องจากตัวอย่างที่เกี่ยวข้องมีน้อยเกินไป เลยไม่มีวิธีใช้พลังดึงดวงชะตาได้

เรื่องการสั่งสมบุญกุศลเพิ่มดวงชะตาอะไรนั่น ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วอะไรนั่น จุดธูปไหว้พระขอให้เทพเซียนคุ้มครองอะไรนั่นเหลวไหลทั้งเพ

ในทางตรงข้ามคนส่วนใหญ่คิดว่าถ้าอยู่กับผู้มีมหาดวงชะตาตลอด ดวงชะตาของตนจะจะเฟื่องฟูขึ้นมาบ้าง

ส่วนวิธีลดดวงชะตาง่ายกว่ามาก นั่นคือ…ฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิง

ใช่ นี่คือวิธีการลดดวงชะตาที่ได้ผลมากที่สุดและเป็นที่ยอมรับ ไม่มีอย่างอื่นอีก

มีข่าวลือว่าวิชาหลอมกายคบเพลิงเป็นมรดกต้องสาป

ผู้ที่ฝึกฝนวิชาหลอมกายคบเพลิง ยิ่งพลังบำเพ็ญสูงเท่าไรดวงชะตาจะยิ่งลดลงน่ากลัวมากเท่านั้น

ส่วนผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตฉู่หลงเหอที่ฝึกฝนวิชาหลอมกายคบเพลิงด้วยตัวเองมาแล้วก็แสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่ข่าวลือ

นึกถึงตอนนั้นก่อนที่จะฝึกวิชาหลอมกายคบเพลิงนี่ เขาฉู่หลงเหอก็เป็นโอรสวรรค์ที่มีชื่อเสียงในแดนบูรพาเช่นกัน

แค่ออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์ ปกติจะเจอโชควาสนาไม่ธรรมดาตลอด ทำให้สหายข้างกายอิจฉากันใหญ่ เพียงแต่ต่อมาเขาเจอกับเรื่องเหนือความคาดหมายตอนไปฝึกฝน เลยต้องหันมาฝึกคัมภีร์คบเพลิง

นับจากนั้นมาเขาก็ก้าวสู่เส้นทางที่ไม่อาจหวนกลับ ยิ่งเดินยิ่งดำมืด

ใช่ ยิ่งเดินยิ่งดำมืด ยิ่งเดินยิ่งดำมืดจริงๆ

นี่ก็หลายปีมาแล้วที่ออกไปฝึกฝนไม่เจอโชควาสนายิ่งใหญ่สักครั้งเลย ถ้าไม่ใช่เพราะอาศัยการปล้นทรัพย์เป็นบางครั้งประทังชีวิต เขาคงฝึกบำเพ็ญไม่ได้ด้วยซ้ำ

……

ด้วยเหตุนี้ หลังจากสัมผัสว่าภายในกายเสิ่นเทียนมีพลังแห่งคบเพลิงเหมือนกับตนแล้ว นักพรตชราก็สงสัยในชีวิตแล้ว

บุตรแห่งโชคหรือบุตรแห่งวิถีฟ้าฝึกฝนวิชาอับโชคอย่างวิชาหลอมกายคบเพลิงได้จริงๆ หรือ

ศิษย์น้องรองเจ้าคนเย็นชาที่ตัดเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนานั่นคงไม่หลอกข้าอยู่หรอกนะ!

ถ้ารับเจ้าหนูนี่เป็นศิษย์จะเกาะทรัพยากรดวงชะตาของเขาได้จริงๆ หรือ

เหตุใดถึงรู้สึกว่าข้าอาจจะโดนเขากินจนยากจนล่ะ

สถานการณ์แบบนี้ ศิษย์น้องรองคงไม่ได้คาดการณ์ไว้แล้วหรอกนะ

ซี้ด หรือว่าศิษย์น้องรองคิดจะทำร้ายข้า!

…………………………………….……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+