บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 489 เรื่องในอดีตของจักรพรรดินี!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 489 เรื่องในอดีตของจักรพรรดินี! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 489 เรื่องในอดีตของจักรพรรดินี!

เสิ่นเทียนจิตใจหนักอึ้ง ไม่นึกเลยว่าเผ่ามนุษย์จะมีความลับเช่นนี้อยู่

โลกนี้เป็นบรรพชนมากมายหลั่งเลือด สละชีวิตปกป้องมา

ตอนนี้วิญญาณร้ายต่างแดนรุกราน เกิดหายนะขึ้นอีกครั้ง

ด้วยกำลังตอนนี้ของห้าดินแดน ยากจะต่อต้านการรุกรานของวิญญาณร้ายต่างแดนได้

เพราะเหตุใดกันที่นี่ถึงตกอับเช่นนี้

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เกิดความสงสัยในใจ

ช่วงปลายยุคดึกดำบรรพ์ ราชาเซียนสามสิบหกท่านสำแดงวิชาลับ ย้ายห้าดินแดนมาไว้ในห้วงมิติไร้พรมแดน ตัดขาดจากโลกภายนอก

นี่แม้จะตัดความสัมพันธ์กับโลกภายนอก แต่ก็ให้เวลาห้าดินแดนได้ฟื้นฟู

ตามหลักแล้ว พัฒนามาหลายหมื่นปีขนาดนี้ ศักยภาพของห้าดินแดนควรจะยกระดับขึ้นจริงๆ

ต่อให้ไม่กลับไปในสภาพสมบูรณ์ในตอนแรกก็ไม่ถึงกับตกต่ำเช่นนี้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยังมีน้อยมาก!

อีกทั้งเสิ่นเทียนยังพบว่ากฎเกณฑ์ฟ้าดินที่นี่เสียหาย ปราการมิติเปราะบางอย่างยิ่ง

เหมือนผ่านมหาสงครามสะท้านฟ้าบางอย่าง ทำลายที่นี่ ทำให้ฟ้าดินเสื่อมโทรม!

เสิ่นเทียนมองคนเฝ้าสุสานพลางเอ่ยถามข้อสงสัยในใจ

คนเฝ้าสุสานถอนหายใจ “นี่เป็นเพราะมหาสงครามล้างโลกเมื่อสี่แสนเก้าหมื่นปีก่อน วิญญาณร้ายต่างแดนที่เดิมทีบาดเจ็บสาหัสเพราะราชันมนุษย์รุ่นหนึ่งก็ฟื้นพลังปราณเดิมเช่นกัน

พวกมันตั้งใจจะเปิดปราการโลก บุกจักรวาลที่นี่อีกครั้ง ประกอบกับโลกนี้มีกากเดนเผ่าวิญญาณร้ายอยู่ สองสิ่งประสานกันทั้งในและนอก ไม่นานก็ทะลวงปราการโลกได้

ช่วงเวลานี้ จักรวาลแห่งนี้เข้าสู่หายนะอีกครั้ง วิญญาณร้ายมากมายออกเข่นฆ่า ทำให้ทุกชีวิตสูญสิ้น ดวงดาราดับสลาย หมื่นเผ่าพันธุ์ที่เสียกำลังเสริมของเผ่ามนุษย์ไปไม่อาจต่อต้านกับวิญญาณร้ายต่างแดนได้เลย

พวกเขาถูกปิดล้อมจนต้องร่นถอยไปเรื่อยๆ สุดท้ายเหลือเพียงเสี้ยวลมหายใจ หดหัวอยู่ในโลกเซียน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ดินแดนโลกเซียนก็ยังเล็กลงเรื่อยๆ ถูกกลืนกินไป ไม่มีที่ให้ต่อต้าน”

…..

คนเฝ้าสุสานทำเสียงขึ้นจมูก เขาไม่ได้สงสารคนพวกนั้นเลย

หากตอนแรกไม่ใช่เพราะพวกเขาสติเลอะเลือนถูกผีสิง เล่นงานเผ่ามนุษย์ จะไปมีจุดจบเช่นนี้ได้อย่างไร

เพียงแต่ว่าโลกนี้ยังมีผู้บริสุทธิ์อีกมากมายที่เผชิญกับหายนะร่วมกัน อีกทั้งหายนะครั้งนี้ยังมีผลต่อทั้งจักรวาล ไม่มีใครรอดไปได้

คนเฝ้าสุสานอธิบายต่อ “ตอนนั้นแม้ห้าดินแดนจะได้สามสิบหกราชาเซียนช่วยกันเคลื่อนย้ายไปในมิติไร้พรมแดน ตัดขาดจากโลกภายนอก แต่วิญญาณร้ายต่างแดนก็ยังรู้ได้จากเผ่าพันธุ์ทรยศ

พวกเขาหวาดกลัวพลังของราชันมนุษย์รุ่นหนึ่ง จะลบล้างมรดกเผ่ามนุษย์ให้สิ้นซาก ขจัดภัยในภายหลัง วิญญาณร้ายต่างแดนเริ่มเสาะหา ตรวจค้นผืนฟ้ากว้างใหญ่ ตามหาโลกห้าดินแดน

จนเผยตำแหน่งของห้าดินแดนด้วยความบังเอิญ ทำให้วิญญาณร้ายต่างแดนอยากจะครอบครอง จึงเริ่มรุกรานและก่อสงครามยาวนานขึ้น

ตอนนั้นเผ่ามนุษย์พลังปราณเดิมเสียหายอย่างหนัก แม้จะได้ฟื้นฟูมาสักระยะก็ยังไม่ถึงจุดสูงสุด

ดีที่ตอนนั้นราชาเซียนเคยวางปราการห้าดินแดนไว้ ผนึกฟ้าดินที่นี่ไว้ ทำให้กำลังรบเซียนแท้เผ่าวิญญาณร้ายขึ้นไปเข้ามาในโลกนี้ไม่ได้ง่ายๆ แต่สถานการณ์ก็ยังเลวร้ายกับห้าดินแดน ตอนนี้ดูเหมือนจะพังทลายลงทั้งหมดแล้ว”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ คนเฝ้าสุสานตัวสั่น คำพูดเต็มไปด้วยความโกรธแค้น!

หายนะครั้งนั้นกดดันเผ่ามนุษย์ถึงทางตัน ไม่มีโอกาสรอดชีวิตแม้แต่น้อย

ผู้แข็งแกร่งสุดยอดของเผ่ามนุษย์ทั้งหมดสิ้นชีพไปในสงครามครั้งนั้น

…..

จากนั้นคนเฝ้าสุสานเปลี่ยนน้ำเสียงไป “ถึงตอนนี้ห้าดินแดนจะล่มสลายลง ไม่มีกำลังพลิกสถานการณ์แล้ว ตอนนี้เองราชันมนุษย์รุ่นสองกำเนิดขึ้นเพื่อต้านหายนะ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

พวกเขาฝึกคัมภีร์บรรพชนคบเพลิง สามารถหลอมรวมไอเบิกฟ้าและยังเปิดโลกในกายได้ คุมพลังยิ่งใหญ่ของฟ้าดิน พลังนี้ถึงขั้นเหนือกว่าคัมภีร์บรรพชนคบเพลิง ได้รับขนานนามว่าคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้า!

นี่ก็คือที่มาของคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้า”

คนเฝ้าสุสานจ้องเสิ่นเทียน นัยน์ตาเต็มไปด้วยประกายลึกล้ำ

เสิ่นเทียนได้ยินดังนั้นก็ตัวแข็งทื่อไป

ที่แท้ คัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าก็สร้างขึ้นโดยราชันมนุษย์รุ่นสอง มิน่าถึงแกร่งขนาดนี้!

…..

คนเฝ้าสุสานอธิบายต่อ “ตอนที่ราชันมนุษย์รุ่นสองถือกำเนิด มีพลังบำเพ็ญไม่สูง แต่มีกำลังรบน่ากลัวสุดขีด เขาเคยใช้พลังยิ่งใหญ่ของคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าสังหารในโลกห้าดินแดนจนเกิดทะเลโลหิต กวาดล้างวิญญาณร้ายสี่ทิศอย่างไร้พ่าย

กระทั่งในระดับฝ่าด่านเคราะห์ยังข้ามขั้นไปสังหารเตรียมเซียนวิญญาณร้ายพันตน สังหารจนผู้แข็งแกร่งวิญญาณร้ายสั่นกลัว ถึงขนาดที่เตรียมเซียนวิญญาณร้ายยังไม่กล้าไปหาราชันมนุษย์รุ่นสอง ต่อให้มาก็เท่ากับส่งมาตายเปล่า!

ส่วนวิญญาณร้ายเหนือกว่าเซียนแท้ขึ้นไป เข้ามาไม่ได้เลยเพราะปราการห้าดินแดน ได้แต่โมโหคลั่งอยู่โลกภายนอก”

คนเฝ้าสุสานดวงตาเป็นประกายวาว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคารพ

ราชันมนุษย์รุ่นสองเป็นเหมือนดวงตะวันเจิดจ้าสำหรับมนุษย์ในตอนนั้น นำพาความหวังมาให้ทั้งห้าดินแดน

และเพราะการปรากฏตัวของเขาจึงทำให้เผ่ามนุษย์รอดพ้นจากหายนะทำลายล้าง

กล่าวได้ว่าราชันมนุษย์รุ่นสองเป็นผู้ปกป้องโลกอย่างไม่ต้องละอายใจ มีชื่อเสียงไม่ด้อยไปกว่าราชันมนุษย์รุ่นหนึ่ง

“และเพราะราชันมนุษย์รุ่นสองปรากฏตัว จึงทำให้ห้าดินแดนฟื้นพลังชีวิตขึ้นอีกครั้ง โอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์กอดความหวัง หมั่นฝึกบำเพ็ญ ยกระดับศักยภาพ

ฟ้าดินยังได้รับผลกระทบ ส่งพลังวิญญาณมหาศาลลงมา กฎเกณฑ์กลายเป็นใกล้ชิดอย่างยิ่ง ทำให้เผ่ามนุษย์เติบโตอย่างรวดเร็ว

ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ โอรสสวรรค์สุดยอดกับผู้แข็งแกร่งจึงผงาดขึ้นเหมือนหน่อไม้หลังฤดูฝน

ราชันมนุษย์รุ่นสองสำเร็จวิชาเทพ ใช้ท่วงท่าสง่างามของเขา ทำให้วีรบุรุษมากมายต้องศิโรราบ

ในช่วงเวลานี้ ราชันมนุษย์รุ่นสองพัฒนาขุมอำนาจใต้บัญชาสำเร็จ ทำให้โอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคร้อยแปดท่านที่มีพรสวรรค์สูงสุดในยุคนั้นต้องยอมสยบ

ในนั้นมีโอรสสวรรค์สามสิบหกท่านแสดงพลังออกมาคล้ายกับราชาเซียนสามสิบหกท่านในยุคดึกดำบรรพ์ เล่าลือว่าพวกเขาคือเศษวิญญาณแท้ของราชาเซียนสามสิบหกท่านกลับชาติมาเกิด มีพรสวรรค์สุดยอด

จากนั้นโอรสสวรรค์ที่มีความหยิ่งผยองและเหนือธรรมดาพวกนี้ สุดท้ายก็ยอมสยบอยู่ใต้ราชันมนุษย์รุ่นสอง เพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่าราชันมนุษย์รุ่นสองจะนำพาพวกเขากลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง นำพาเผ่ามนุษย์กลับโลกเซียน

ไม่นานนัก ขุมอำนาจของราชันมนุษย์รุ่นสองก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทุกขุนพลมีกำลังรบเป็นหนึ่ง แข็งแกร่งที่สุด ภายใต้การนำของราชันมนุษย์รุ่นสอง พวกเขายิ่งรบยิ่งกล้าหาญ สังหารวิญญาณร้ายต่างแดนไปทั่ว

ผ่านไปที่ใด วิญญาณร้ายมากมายได้ยินเป็นต้องหวาดกลัว สูญสิ้นทั้งเผ่าพันธุ์

เดิมทีห้าดินแดนถูกวิญญาณร้ายต่างแดนยึดครองไปเจ็ดส่วน แต่ด้วยการนำของราชันมนุษย์รุ่นสอง จึงชิงดินแดนกลับมาได้เรื่อยๆ วิญญาณร้ายต่างแดนถอยร่นไปไม่หยุด น่าเวทนายิ่งนัก จนออกไปจากโลกนี้

ศึกครั้งนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของราชันมนุษย์รุ่นสองในใจเผ่ามนุษย์ไปถึงจุดสูงสุด เขาได้รับขนานนามว่าราชันมนุษย์ที่สุดแห่งยุค มีชื่อเสียงเทียบเท่าราชันมนุษย์รุ่นหนึ่ง!

ขุมอำนาจของพวกเขาถูกเรียกว่าโถงสวรรค์! ส่วนโอรสสวรรค์ร้อยแปดท่านใต้บัญชาราชันมนุษย์รุ่นสอง ชาวโลกเรียกกันว่าขุนพลสวรรค์ร้อยแปดท่าน

โถงสวรรค์เป็นขุมอำนาจที่แกร่งที่สุดในห้าดินแดน สร้างคุณูปการในสนามรบยิ่งใหญ่ เมื่อเอ่ยถึง เผ่าวิญญาณร้ายยังหน้าเปลี่ยนสี”

…….

คนเฝ้าสุสานมีน้ำเสียงตื่นเต้นขึ้น ดวงตาลุกโชติช่วงยิ่ง

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ยังทำให้เลือดนักรบในกายเขาเดือดพล่านขึ้นมา

พอได้ยินดังนั้น เสิ่นเทียนตาลุกวาว

ที่แท้โถงสวรรค์ที่บันทึกในคัมภีร์โบราณก็สร้างขึ้นโดยราชันมนุษย์รุ่นสอง

เช่นนั้นตามหลักแล้ว มีผู้แข็งแกร่งสุดยอดอย่างราชันมนุษย์รุ่นสองอยู่ เผ่าวิญญาณร้ายควรจะกลับบ้านเก่าไปโดยเร็วไม่ใช่รึ

เหตุใดห้าดินแดนถึงยังตกต่ำเช่นนี้ล่ะ!

คนเฝ้าสุสานดวงตาตกลง ก่อนถอนหายใจ “แต่ว่าต่อมาก็เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ภายใต้การนำของราชันมนุษย์รุ่นสอง โถงสวรรค์มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ กระทั่งคิดจะเป่าแตรจู่โจมสวนกลับ คิดจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายในโลกสะพานเชื่อมฟ้า ลอยขึ้นกลับโลกเซียน

ทว่าเผ่าวิญญาณร้ายต่างแดนก็เริ่มสู้ตายเช่นกัน พวกมันจ่ายไปอย่างมหาศาลเพื่อทำลายปราการห้าดินแดน เผ่าวิญญาณร้ายส่งมหาจักรพรรดิวิญญาณร้ายสามตนมา ปิดล้อมราชันมนุษย์รุ่นสองที่มีพลังเพียงเตรียมจักรพรรดิ

สองฝ่ายทำสงครามกันในมิติไร้พรมแดน พลังอำนาจสั่นสะเทือนท้องฟ้าจักรวาล สงครามครั้งนั้นน่ากลัวยิ่งนัก ทำให้ดารานับล้านล้านดวงโดยรอบสลายเป็นผุยผง

ทั้งผืนฟ้ากลายเป็นซากปรักหักพัง ไม่มีใครเข้าใกล้ที่นี่ได้ และไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์รบเป็นอย่างไร แต่หลังจากสงครามครั้งนี้ ราชันมนุษย์รุ่นสองหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่เคยปรากฏตัวมาอีกเลย ส่วนมหาจักรพรรดิวิญญาณร้ายต่างแดนสามตนนั้นก็ไม่เคยปรากฏตัวมาเช่นกัน”

คนเฝ้าสุสานน้ำเสียงหนักหน่วงยิ่ง เต็มไปด้วยความไม่ยอม

ราชันมนุษย์รุ่นสองหายตัวไป เป็นการกระทบกระเทือนต่อโลกนี้อย่างรุนแรง

จิตต่อสู้ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากก็สั่นคลอนตามกันไป

“วิญญาณร้ายต่างแดนประกาศกร้าวในโลกภายนอกว่าราชันมนุษย์รุ่นสองสิ้นชีพด้วยน้ำมือของมหาจักรพรรดิวิญญาณร้ายทั้งสามแล้ว แต่คนจากโถงสวรรค์รู้ว่าด้วยกำลังรบของราชันมนุษย์รุ่นสอง จะไปสิ้นชีพง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร

เพียงแต่ราชันมนุษย์รุ่นสองไม่เคยปรากฏกายมาเลย ทำให้ทุกคนเป็นกังวลขึ้นมา เผ่าวิญญาณร้ายจึงอาศัยจังหวะนี้ โจมตีครั้งใหญ่ บุกมาทั้งเผ่าพันธุ์

เมื่อเสียผู้นำราชันมนุษย์รุ่นสองไป ขุมอำนาจโถงสวรรค์จึงตกเป็นรองไปทีละนิด ขุนพลสวรรค์ร้อยแปดท่านต่อต้านสุดชีวิต แต่ก็ยังกู้สถานการณ์ไม่ได้ สุดท้ายขุนพลสวรรค์ตายไปมากกว่าครึ่ง เลือดนองในฟ้าดิน แม้แต่โถงสวรรค์ยังถูกทำลาย ตกลงทะเลอุดร”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ คนเฝ้าสุสานถอนหายใจหนักๆ เต็มไปด้วยความเสียดาย

หากราชันมนุษย์รุ่นสองเติบใหญ่ขึ้น จะต้องคงอยู่สุดยอดแน่นอน

บางทีอาจนำพาโถงสวรรค์ไล่วิญญาณร้ายต่างแดนออกจากโลกนี้สำเร็จ

เสิ่นเทียนเป็นกังวลขึ้นมาเช่นกัน

การต่อสู้ที่ดูเหมือนจะชนะกลับถูกโต้กลับมาอีก กระทั่งยังวิกฤติกว่าเมื่อก่อนอีก

เสิ่นเทียนถาม “ราชันมนุษย์รุ่นสองไปอยู่ที่ใดกัน เขาตายด้วยน้ำมือมหาจักรพรรดิวิญญาณร้ายจริงหรือไม่”

คนเฝ้าสุสานส่ายหน้า “ไม่มีใครรู้ แต่ด้วยกำลังรบของราชันมนุษย์รุ่นสอง ไม่มีทางแพ้แน่”

น้ำเสียงคนเฝ้าสุสานเต็มไปด้วยความมั่นใจ ไม่มีการสงสัยใดๆ

ถึงอย่างไรราชันมนุษย์รุ่นสองก็เคยสังหารจนมีชื่อเสียงโด่งดัง พรสวรรค์เป็นหนึ่งในประวัติการณ์ เหนือกว่าบรรพชน

เพียงแต่คนเฝ้าสุสานก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดเขาถึงจู่ๆ หายตัวไป

เมื่อนึกถึงตรงนี้ คนเฝ้าสุสานก็เงียบ จนผ่านไปครึ่งเค่อเขาถึงดึงสติกลับมา “ศึกนี้ เผ่ามนุษย์แทบจะสูญพันธุ์ ดีที่เด็กหญิงน้อยที่ติดตามข้างกายราชันมนุษย์รุ่นสองมาตลอด พลิกฟ้าผงาดขึ้น”

“นางสร้างสุดยอดวิชาอย่างเคล็ดกลืนฟ้ากินปฐพีขึ้น เปลี่ยนกายสามัญของตนให้เป็นกายเบิกฟ้าไร้กาลเวลา ทั้งยังฝึกคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าสำเร็จ นำพาเผ่ามนุษย์จู่โจมวิญญาณร้ายต่างแดน

และเพราะการปรากฏตัวของนางจึงแก้วิกฤติห้าดินแดนได้ ด้วยคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้า พลังบำเพ็ญของนางรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็สำเร็จเป็นจักรพรรดิ

นางนำพาโถงสวรรค์ส่วนเดิมกลับโลกเซียน จู่โจมวิญญาณร้ายต่างแดน ต่อต้านไปได้หลายแสนปี นางองอาจห้าวหาญเป็นหนึ่งแห่งยุค ได้รับขนานนามว่าจักรพรรดินี!

ส่วนคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าก็เป็นวิชาตัวแทนของจักรพรรดินี ทำให้วิญญาณร้ายมากมายสั่นกลัว”

เสิ่นเทียนพลันตกใจตื่น จักรพรรดินีที่คนเฝ้าสุสานพูดถึงจะต้องเป็นคนเดียวกับที่เขาเห็นในตอนแรกแน่ๆ

เพราะคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้า ก็เป็นจักรพรรดินีคนนั้นที่ถ่ายทอดให้เขา

แต่เขาไม่ได้ฝึกตามวิชาที่จักรพรรดินีมอบให้ แต่ฝึกเป็นคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าโดยตรง

เสิ่นเทียนเพ่งสายตาเล็กน้อย ก่อนสอบถาม “หรือข้าก็มีกายราชันมนุษย์เช่นกัน”

คนเฝ้าสุสานพยักหน้า “เจ้าไม่ได้ฝึกเคล็ดกลืนฟ้ากินปฐพี แต่ฝึกคบเพลิงเบิกฟ้าสำเร็จได้ คงน่าจะเป็นกายราชันมนุษย์คนที่สามในห้าดินแดน”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ คนเฝ้าสุสานปลงอนิจจังในใจอย่างยิ่ง

เขาไม่นึกเลยว่าวันนี้จะได้พบกับกายราชันมนุษย์คนที่สามในโลก

หรือว่าความรุ่งเรืองของเผ่ามนุษย์ในตอนนั้นจะเกิดขึ้นด้วยมือของเด็กหนุ่มคนนี้อีกครั้งกัน

…..

เสิ่นเทียนตื่นตกใจ เดิมทีเขาคิดว่าคุณสมบัติกายตนเป็นกายขยะ

แต่ใครจะไปคิดว่าคุณสมบัติกายเหมือนดาวหายนะจะเป็นกายราชันมนุษย์สูงสุด

หากไม่ใช่เพราะเสิ่นเทียนมั่นคง ฟาร์มเงียบๆ มาตลอด เกรงว่าคงตายไปนานแล้ว

คนเฝ้าสุสานจ้องเสิ่นเทียน “ไปส่วนลึกสุดของเขตทะเลเบิกฟ้าเถอะ! บางทีไปถึงที่นั่น เจ้าอาจจะได้มรดกของกายราชันมนุษย์รุ่นก่อน”

เสิ่นเทียนตัวสั่น “หรือว่า…”

คนเฝ้าสุสานพยักหน้า “ซากโบราณของโถงสวรรค์ในยุคโบราณก็อยู่ส่วนลึกของเขตทะเลเบิกฟ้า แต่ว่านั่นเต็มไปด้วยสิ่งอัปมงคล

ตอนนั้นเผ่าวิญญาณร้ายกลัวว่ากายราชันมนุษย์จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง เลยไม่เสียดายทำลายต้นกำเนิดราชาเซียนวิญญาณร้ายหลายตนเป็นราคาต้องจ่าย วางคำสาปชั่วร้ายสูงสุด สาปโถงสวรรค์โบราณกับกายราชันมนุษย์

ดังนั้น ภายหลังที่มีคนคิดจะทำให้โถงสวรรค์กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ก็จะเจอกับความอัปมงคล”

คนเฝ้าสุสานถอนหายใจยาว เสียดายอย่างยิ่ง

ขุมอำนาจที่แกร่งเช่นนี้ในอดีต สุดท้ายกลับฝังอยู่ทะเลลึก จะไม่น่าเศร้าได้อย่างไร

เสิ่นเทียนครุ่นคิดก่อนจะป้องมือกล่าว “ขอบคุณผู้อาวุโสมากที่บอก”

เขาจะต้องไปซากของโถงสวรรค์โบราณนี้แน่นอน

ที่นั่นมีมรดกของราชันมนุษย์รุ่นสอง เพิ่มศักยภาพของเขาได้

ขณะเดียวกัน เสิ่นเทียนอยากจะรู้ให้แน่ชัดด้วยว่าเหตุใดราชันมนุษย์รุ่นสองถึงหายตัวไปในยุคที่รุ่งเรืองที่สุด

ที่นี่ซ่อนความลับอะไรไว้กันแน่

…..

จูเก่อซือหม่ายังไม่ตื่น เสิ่นเทียนก็รอต่อไปไม่ได้แล้ว

ตอนนี้เวลาเร่งด่วน เขาต้องทำเวลา ยกระดับศักยภาพให้เร็วที่สุด

อีกอย่าง จูเก่อซือหม่าได้โชคลิขิตที่เขาควรได้แล้ว เสิ่นเทียนไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อไป

เขาบอกลาคนเฝ้าสุสานและพุ่งทะยานออกไป

คนเฝ้าสุสานมองแผ่นหลังเสิ่นเทียนด้วยดวงตาจริงจัง

เขาพึมพำกับตัวเอง “หากเขาเติบใหญ่ขึ้น บางทีอาจจะนำพาโลกนี้เอาชนะวิญญาณร้ายต่างแดนได้”

……

หลังจากเสิ่นเทียนออกจากตำหนักสวรรค์เกราะมังกรก็ไม่ได้เดินทางไปซากโถงสวรรค์โบราณทันที

แต่แยกร่างแยกบุตรเทพโลหิตมาร่างหนึ่ง กลับไปเป็นกำลังเสริมที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

ถึงอย่างไรซากโถงสวรรค์โบราณก็เต็มไปด้วยสิ่งอัปมงคล

เสิ่นเทียนไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรในครั้งนี้

แม้การช่วยจูเก่อซือหม่าได้โชคลิขิต เสิ่นเทียนจะได้ดวงชะตากลับมา วงรัศมีดวงชะตาทะลวงจากสีม่วงอมทองเป็นสีม่วงอ่อนแล้ว

แต่การเดินทางไปแดนต้องห้ามเช่นนี้ ระวังไว้ก็ไม่เสียหลาย

กระดานหมากหมากฟ้าขุ่นของโลกสะพานให้บทเรียนกับเสิ่นเทียนแล้ว

เขาไม่อยากกลับมาจากการผจญภัยครั้งนี้แล้วผ่านไปอีกหลายร้อยปีพันปี

ถึงตอนนั้นห้าดินแดนเกิดอะไรขึ้นมา เขาคงต้องเสียใจไปจนตาย

………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด