บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 316 กลียุคใกล้เข้ามา ขึ้นเกาะมังกร (1)

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 316 กลียุคใกล้เข้ามา ขึ้นเกาะมังกร (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 316 กลียุคใกล้เข้ามา ขึ้นเกาะมังกร (1)

ณ ดินแดนกลาง กลางหุบเหวลึกมืดมิดบางแห่ง

ที่นี่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันตลอดทั้งปี ยื่นมือไปยังยากจะเห็นห้านิ้วมือ

อีกทั้งทั้งเหวลึกยังเต็มไปด้วยพลังงานน่ากลัว ทำให้คนขนพองสยองเกล้า

แม้จะเป็นผู้กล้าที่กล้าหาญที่สุด ยืนตรงหน้าหุบเหวนี้ก็ยังใจสั่นกลัว กระทั่งไม่กล้ามองลงไป

ทว่าตรงส่วนลึกสุดของหุบเหวมืดแห่งนี้กลับมีวิหารพุทธสวยงามเปล่งแสงทองสว่างจ้าแห่งหนึ่ง เปล่งแสงแห่งพุทธยิ่งใหญ่

แสงพุทธส่องสว่างกลางหุบเหวใหญ่ยักษ์ เหมือนกับแสงเทียนในเงามืด

น่าเสียดายก็แต่เงามืดกว้างใหญ่และมืดมิดมากจริงๆ ปกคลุมแสงพุทธที่มีน้อยนิดไปทั้งหมด ไม่อาจส่องแสงออกไปได้เลย

เหมือนกับพระพุทธองค์สูงสุดรูปหนึ่งถลำเข้าไป

ตรงข้ามวิหารพุทธแห่งนี้เป็นวิหารที่สร้างขึ้นจากเหล็กแปลกสีดำ

คานและชายคาของวิหารแกะสลักรูปปั้นเทพอสูรน่าสยดสยอง แผ่กลิ่นอายแปลกประหลาดและแข็งแกร่ง

ทว่าด้านข้างของพราชวังสองแห่งนี้ ยังสร้างวิหารที่ดูไม่เข้ากันอีกแห่ง

วิหารแห่งนี้รวมพุทธและมารเป็นหนึ่งเดียว ครึ่งหนึ่งเที่ยงธรรมยิ่งใหญ่เหมือนพุทธแท้นั่งขัดสมาธิ อีกครึ่งลวงโลกชั่วร้ายดั่งวิญญาณร้ายนอนทอดยาว ขัดแย้งกันอย่างยิ่ง

วิหารสามแห่งวางเป็นสามมุม วิหารพุทธกับวิหารมารในนั้นอยู่ตรงข้ามกัน เหมือนเป็นศัตรูเก่าที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้

วิหารขัดแย้งประหลาดนั่นอยู่ตรงข้ามสองวิหารนี้ เหมือนรักษาสมดุลกัน

ตรงกลางร่องหุบเหวลึกมีเสียงเหมือนบทสวดดังก้องไม่หยุด ทว่าเสียงสวดมนต์นี่แปลกมาก เพราะสวดย้อนกลับทั้งหมด

ขัดกับหลักทำนองคลองธรรม ย้อนพุทธเข้าสู่มาร!

เห็นได้ชัดว่าคนที่ท่องบทสวดเช่นนี้เป็นมารร้ายที่สุดแห่งยุคที่กล้าบ้าบิ่นอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้ายั่วยุฝ่ายพุทธเช่นนี้ ถึงอย่างไรหากฝ่ายพุทธรู้เข้า จะต้องใช้กำลังเข้าปราบด้วยความโกรธสุดขีดแน่นอน

……

กึก~!

ทันใดนั้นเอง เสียงสวดมนต์ก็หยุดลง

วิหารมารอสุราใหญ่นั้นเปิดออกช้าๆ บุรุษสูงใหญ่สวมเกราะเทพอสุราคนหนึ่งเดินออกมา

เขาแบกดาบยาวน่าสยดสยองไว้ข้างหลัง ทั่วร่างปกคลุมด้วยเพลิงมารน่ากลัว มวลอากาศบนผิวกายเขายังถูกเผาเป็นความว่างเปล่า มองไม่เห็นใบหน้าแท้จริงเขาเลย

“กายอดีต ไม่อยากเชื่อว่าจะสิ้นในดินแดนบูรพาที่กันดารเช่นนั้น”

เพลิงมารบนผิวกายบุรุษหลั่งไหลไม่หยุด รวมขึ้นเป็นอานุภาพดาบสุดยอดตัดสลับกันทำลายล้างทุกอย่างในหุบเหวไร้ที่สิ้นสุดแห่งนี้

พื้นของระดับความลึกเช่นนี้ ไม่ว่าจะระดับความแน่นและแข็งแรงของหินดินทุกก้อนล้วนน่าเหลือเชื่อ

ทว่าบุรุษคนนี้ลอยขึ้นจากหุบเหว ผ่านไปที่ใดหินดินแร่เหล็กทั้งหมดจะถูกอานุภาพดาบคุ้มกายฟันกลายเป็นความว่างเปล่าทั้งหมด

รอยดาบตัดสลับกันหลายหมื่นจั้งสายหนึ่งปรากฏกลางหุบเหวลึกไร้ที่สิ้นสุดอย่างชัดเจน ลึกจนไม่เห็นก้น เหมือนจะแบ่งหุบเหวสองด้านให้เป็นตัว十

“ไอ้เด็กน้อยยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้าแย่งโชควาสนาของข้ารึ ไม่รู้จักเป็นตาย!”

บุรุษพุ่งขึ้นฟ้า ออกจากหุบเหวลึกไร้ที่สิ้นสุดนั้น พริบตาเดียวก็พุ่งไปไกลหลายหมื่นลี้

ไอมารน่ากลัวแผ่มาจากผิวกายเขา รวมขึ้นเป็นเมฆหนากว้างใหญ่ บดบังแสงของดวงตะวันบนฟ้าทั้งหมด

ทันใดนั้นเองก็เหมือนกับวันสิ้นโลกมาถึง

ตรงเมฆหนาหมุนม้วน โลหิตบริสุทธิ์ จิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดระเหยขึ้นกลายเป็นวิญญาณโลหิตบริสุทธิ์หลอมรวมเข้าไปในเมฆมาร

เกิดเหตุการณ์กลิ่นคาวเลือดในฟ้าดิน

“มารร้ายใดกันที่กล้าขาดสติเช่นนี้!”

การกระทำอันไม่เกรงกลัวสิ่งใดของบุรุษดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งโดยรอบอย่างรวดเร็ว

มวลอากาศแตกออก ปรากฏร่างเงายิ่งใหญ่ขึ้นตรงหน้าบุรุษ พลันเปล่งแสงสว่างพุทธหมื่นจั้ง

คนผู้นี้สวมกาสาวะเงามันเจ็ดสิ่งเลอค่า ข้างหลังกายทองจั้งแปดมีปรากฏการณ์พระพุทธองค์หาที่สิ้นสุดมิได้ ราวกับแดนพุทธศาสนาสุขาวดีมาถึง

โอม มณี ปัทเม ฮัม~

คนผู้นั้นสวดมนต์มหากรุณาธารณีของพุทธศาสนา พริบตาเดียวเมฆมารทั้งหมดก็ถูกแสงพุทธทะลวง ฟ้าดินกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

“มารร้าย ไม่อยากเชื่อว่าจะก่อกรรมทำเข็ญเช่นนี้! วันนี้อาตมาจะสำแดงร่างจำแลงนักรบโพธิสัตว์ขมึงตา ขังเจ้าไว้หมื่นปี!”

ขณะพูดอยู่นั้นนักบวชชั้นสูงรูปนี้ก็ตัวใหญ่ขึ้นตามสายลม พลันกลายเป็นพระพุทธยักษ์สูงหมื่นจั้ง

รอบตัวพระพุทธยักษ์มีสมบัติพุทธมากมายเช่นคทาสยบมาร ไม้เท้านักรบโพธิสัตว์ ดาบศีลหนึ่งและลูกประคำโพธิ์เป็นต้น

สมบัติพุทธทุกชิ้นมากพอจะสังหารมารร้ายสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

เห็นได้ชัดว่านี่คือนักบวชศักดิ์สิทธิ์แท้จริง

แม้แต่ในขุมอำนาจฝ่ายพุทธทั้งหมดก็ยังเป็นผู้แข็งแกร่งสุดยอด มากพอจะปกครองสำนักพุทธหนึ่งทิศ

……

บึ้ม~

สมบัติพุทธมากมายส่งเสียงกู่ร้อง เหมือนกลายเป็นเสียงอัสนี

สิ่งมีชีวิตมากมายในฟ้าดินต่างสัมผัสได้ พากันกราบไหว้ค้างอยู่ในท่าแสดงความเคารพ

ทว่าบุรุษชั่วร้ายที่แบกดาบนักรบอสุราข้างหลังกลับยังมียิ้มยั่วยุเบาๆ ไม่ยี่หระตลอด

เขาพิจารณามองนักบวชศักดิ์สิทธิ์คนนี้ตามอำเภอใจ “นักบวชตัวน้อยตระหนักวิชาพุทธได้ไม่เท่าไรเอง ส่งพระธาตุมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

พระพุทธทองคำหมื่นจั้งอ้าปากเล็กน้อย เสียงพุทธดั่งสายฟ้า “มารร้ายช่างกล้าหมิ่นพุทธ ต้องประณาม!”

เพิ่งเอ่ยจบ พระพุทธยักษ์ก็ยื่นมือขวาออกมาช้าๆ ตรงกลางฝ่ามือปรากฏตราพุทธสวัสติกะขึ้น ก่อนจะเปล่งแสงพุทธสว่างจ้าในทันที

สมบัติพุทธมากมายหลอมรวมเข้าไปในแสงพุทธนั้น กลายเป็นโลกเล็กหนึ่งทิศกดอัดลงมา

ยอดวิชาสูงสุดของพุทธศาสนา…แดนพุทธกลางหัตถ์!

หากถูกยอดวิชานี้จู่โจมจะตกเข้าไปในวัฏจักรไร้ที่สิ้นสุด ภายใต้การทำให้บริสุทธิ์ด้วยแสงพุทธ ไม่กลับมาเป็นนักบวชดังเดิมก็สิ้นชีพ

ต่อให้เป็นผู้อริยะที่แกร่งกว่านี้ก็มีน้อยมากที่จะกล้าเผชิญหน้ากับกระบวนท่านี้ตรงๆ ส่วนใหญ่จะหลบ

ทว่าเมื่อเจอกระบวนท่านี้ บุรุษชั่วร้ายกลับไม่มีความเกรงกลัวใดๆ เลย

หมื่นพุทธรึ เหอะๆ

เขาหัวเราะเยาะ “ข้ารู้จักพุทธดีกว่าเจ้าอีก!”

เพิ่งเอ่ยจบ ดาบยาวอสุราข้างหลังบุรุษพลันออกจากฝัก

พระพุทธองค์สีโลหิตน่าหวาดกลัวลอยขึ้นจากข้างหลังเขาช้าๆ ในดวงตาพุทธมีน้ำตาโลหิตไหลลงมาสองสาย

ฟ้าดินเกิดเสียงพุทธแหลมเล็กขึ้น ราวกับว่าทั้งแดนพุทธกำลังถูกทำลายล้าง

ปรากฏการณ์ชนกันในทันใด นัยน์ตาพระพุทธยักษ์มีความหวาดกลัว

เพราะเขาพบว่าวิชาของตนกำลังสลายไป

ยอดวิชาสูงสุดของพุทธศาสนาแดนพุทธกลางหัตถ์ถูกเขาทำลายลงได้แล้ว!

……

บึ้ม~

แดนพุทธยิ่งใหญ่พังทลายลง ในฟ้าดินเหลือเพียงแสงดาบสีโลหิตสายหนึ่งกับสีสันฉูดฉาดและเสียงแหลมเล็ก

เมื่อแสงสีโลหิตสลายไป ก็ไม่เห็นแสงพุทธในฟ้าดินแล้ว

ศพสองท่อนตกลงมาจากกลางฟ้า โลหิตสีทองสาดกระจายใส่อากาศ ไม่มีกลิ่นคาวเลือดสักนิด แต่กลับมีกลิ่นหอมจันท์รุนแรง

สายรุ้งเจ็ดสีสายหนึ่งไหลมาจากรอยขาดของศพ ขวางฟ้าไว้ครึ่งหนึ่ง

“นิพพานเป็นสายรุ้งรึ ถือว่ามีความเป็นพุทธอยู่หลายส่วน”

ดาบยาวของบุรุษเข้าฝัก ก่อนเผยรอยยิ้มพอใจ “พระธาตุเช่นนี้ พอจะให้หลอมสร้างกายอดีตขึ้นมาใหม่แล้ว”

เพิ่งเอ่ยจบ พระธาตุส่องแสงก็ลอยออกมาจากศพ ถูกเขาดูดไว้ในมือ

เขาพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะเป็นแสงโลหิตพุ่งไป

คล้อยหลังบุรุษไม่นาน มวลอากาศก็แตกออกอีกครั้ง ปรากฏหลายร่างลอยขึ้น

บนผิวกายทุกร่างมีแสงเซียนปรากฏจางๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้อริยะที่ผ่านเคราะห์อัสนีและรวมไอเซียนได้สำเร็จ

“เรามาช้าไป นักบวชศักดิ์สิทธิ์จิ่วเจี้ยถูกสังหารแล้ว”

“เป็นไปได้อย่างไร แดนพุทธกลางหัตถ์ของนักบวชศักดิ์สิทธิ์จิ่วเจี้ยมีอานุภาพเป็นหนึ่ง ใครจะสังหารเขาได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้”

“เจตจำนงดาบหลงเหลืออยู่น่ากลัวมาก แค่ดาบเดียวก็ฟันวิชาของนักบวชศักดิ์สิทธิ์จิ่วเจี้ยขาด ทั้งยังฟันกายทองคำบริสุทธิ์ของนักบวชศักดิ์สิทธิ์จิ่วเจี้ยเป็นสองส่วน”

“คนนี้มีศักยภาพเหนือกว่าจ้าวอริยะห้ารอบแล้ว อีกทั้งยังรู้ช่องโหว่ของวิชาฝ่ายพุทธอย่างดี หากข้าเดาไม่ผิด มือสังหารน่าจะเป็นหนึ่งในสี่ราชาธรรมของลัทธิวิญญาณร้าย”

“ชำนาญการใช้ดาบ เข้าใจวิชาของฝ่ายพุทธอย่างยิ่ง ก็มีเพียงมารร้ายนั่น ดูท่าลัทธิวิญญาณร้ายคงจะกลับมาอีกแล้ว”

“ลัทธิวิญญาณร้ายซ่อนตัวมาหมื่นปี ตอนนี้ราชาธรรมอู๋เซิงกลับปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ สร้างหายนะหนึ่งทิศ ดูท่าห้าดินแดนคงจะต้องเปลี่ยนแปลงอีกครั้งแล้ว”

“ไปสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยขอให้ฟูจื่อออกมาเถอะ! หากลัทธิวิญญาณร้ายโผล่มาอีกครั้ง จะต้องเตือนให้จักรพรรดิเตรียมทำสงครามให้เร็วที่สุด”

“ช่วงหลายร้อยปีมานี้ห้าดินแดนมีโอรสสวรรค์ดั่งเมฆ ทุกเผ่าทุกตระกูลล้วนปรากฏสุดยอดโอรสสวรรค์ที่ยากจะพานพบได้ในหลายพันปี นี่ผิดปกติมาก”

“ก่อนกลียุคจะมาถึงจะต้องปรากฏปีศาจโอรสสวรรค์ขึ้น เมื่อหมื่นปีก่อนก็เป็นเช่นนี้”

“โอรสสวรรค์พวกนี้เกี่ยวข้องกับหายนะโดยตรง หากมีภัยร้ายจริงๆ บางทีพวกเขาอาจจะเป็นความหวังที่สำคัญที่สุด”

……..

เพื่อลดผลกระทบด้านลบ ข่าวการสูญเสียผู้อริยะที่เกิดขึ้นในดินแดนกลางจึงไม่ได้แพร่งพรายออกไป

เสิ่นเทียนก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มีเจ้าอิทธิพลน่าสะพรึงระดับผู้อริยะกำลังเตรียมจะคิดบัญชีกับเขาอย่างโหดเหี้ยม

ตอนนี้เขากำลังเตรียมยกเค้าเกาะอีกแห่งอย่างมีความสุข!

ใช่ ตอนนี้เสิ่นเทียน ฉีเซ่าเสวียนและเอ๋าอูมาอยู่หน้าเกาะดาราเบิกฟ้าแห่งหนึ่ง

แต่ครั้งนี้ไม่ได้โชคดีเหมือนครั้งก่อน ทุกคนรออยู่ประมาณสามเดือนเต็มๆ ปราการหมอกเบิกฟ้าถึงสลายไป

อีกทั้งเกาะนี้ยังเข้าใกล้ส่วนลึกเขตทะเลเบิกฟ้ามากกว่าเกาะคุนเผิงอีก จึงแผ่กระจายอำนาจคุกคามแกร่งยิ่งกว่า

แม้ปราการหมอกเบิกฟ้าจะเปิดแล้ว เอ๋าอูก็ยังเกือบถูกกดดันจนเข้าไปไม่ได้

โชคดีที่มีฉีเซ่าเสวียนและเสิ่นเทียนช่วยอยู่ ถึงได้พาเอ๋าอูบุกเข้าไปในเกาะนี้ได้

สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ ขนาดความยาวของเกาะดาราเบิกฟ้านี้มากกว่าเกาะคุนเผิงไปไกล อย่างน้อยก็มีขนาดหลายพันลี้

ขอพูดอย่างไม่โอ้อวด พื้นที่เกาะนี้ใหญ่กว่าอาณาเขตของอาณาจักรมากมายบนแผ่นดินใหญ่หลายเท่า

ในอีกสองสามเดือน สามคนอาจจะยังสำรวจเกาะนี้ไม่ครบด้วยซ้ำ และที่สำคัญกว่านั้นคือ เทียบกับเกาะน้ำตาดาวกับเกาะคุนเผิงที่พวกเสิ่นเทียนขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว พลังวิญญาณในเกาะนี้เข้มข้นกว่า

บนเกาะทะเลที่มีพื้นที่หลายพันลี้ ทุกที่มีแต่ป่าไม้และภูเขาลำธารเต็มไปหมด ในนั้นยังมีสัตว์แปลกหลากชนิดเคลื่อนไหว

กระต่ายบินขาวดั่งหิมะ กวางห้าสีข้างหลังเป็นภาพเจ็ดดาว ม้าสวรรค์เขาเดียวที่เปล่งแสงสีทอง รวมถึงหงส์เทพที่มีขนเจ็ดสีทั้งตัว…

เกาะนี้เหมือนกับดินแดนอุดมสมบูรณ์โลกภายนอกจริงๆ ไม่ถูกผู้ฝึกบำเพ็ญทางโลกเข้ามารุกราน

แน่นอน สัตว์ประหลาดพวกนี้แม้จะดูน่ารักสวยงาม แต่เป็นสิ่งมีชีวิตในส่วนลึกเขตทะเลเบิกฟ้า กำลังรบจึงแข็งแกร่งจนน่ากลัว

เอ๋าอูอยากจะแย่งแครอทกับกระต่ายบินตัวหนึ่ง โดนกระต่ายนั่นถีบกระเด็นไปหลายร้อยจั้ง หากไม่ใช่เพราะมีสายเลือดมังกรแข็งแกร่ง พลังชีวิตแกร่งถึงขีดสุดละก็ เขาก็อาจจะถูกถีบตายไปแล้ว

นี่ทำให้เอ๋าอูค่อนข้างคับอกคับใจ ร้องคำรามด้วยความโมโห!

…..

ทว่าบนเกาะแห่งนี้ สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่สัตว์แปลกพวกนี้ แต่เป็นย่าหลง[1] ที่แข็งแกร่งจนน่ากลัว

ใช่ ย่าหลง เผ่ามังกรปลอมแข็งแกร่งที่มีสายเลือดมังกรแท้จริง!

ดังคำกล่าวว่ามังกรให้กำเนิดบุตรเก้าคนต่างกัน บนโลกนี้มีชนรุ่นหลังมังกรมากมาย

ผิดต่างกับมังกรดำสายเลือดบริสุทธิ์บนเกาะมังกร เผ่าย่าหลงบนเกาะนี้ไม่มีสติปัญญาใดๆ พวกมันเหมือนกับมังกรทางตะวันตกที่เสิ่นเทียนเห็นในภาพยนตร์เมื่อภพก่อน มีพละกำลังแข็งแกร่งและยังดุร้ายอย่างยิ่ง

อย่างเช่นมังกรไฟหนวดแดงที่มีความสามารถควบคุมหินหนืดจากภูเขาไฟได้ จามทีเดียวทำให้ภูเขาไฟระเบิด

อย่างเช่นมังกรบินเทพวายุที่ควบคุมพลังแห่งพายุ ไปที่ใดจะเกิดพายุคลั่ง คมของพายุหมุนตัดสิ่งกีดขวางได้ทุกอย่าง

และยังมีมังกรป่าเถื่อนวัชระควบคุมพลังแห่งแผ่นดิน ทั่วร่างถูกหุ้มด้วยศิลาวิญญาณวัชระใสแวววาว แทบจะเป็นสุดยอดการป้องกัน

รวมถึงมังกรฟ้าแปดแขนที่ควบคุมพลังแห่งมหาสมุทร มังกรศักดิ์สิทธิ์ทองคำที่ควบคุมพลังแห่งแสงสว่าง มังกรพิษเงามืดที่ควบคุมพลังแห่งพิษร้ายเป็นต้น

เผ่าย่าหลงแข็งแกร่งพวกนี้ปกครองเกาะแห่งนี้ ในนั้นส่วนใหญ่เติบโตเป็นมังกรยักษ์มีศักยภาพเทียบเท่ากับผู้สูงศักดิ์สวรรค์โลกภายนอก

กระทั่งเสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนยังรู้สึกว่าส่วนลึกของเกาะนี้มีกลิ่นอายพลังที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ นั่นคืออำนาจคุกคามของเขตแดนอริยะ

บนเกาะนี้ มีสิ่งมีชีวิตสูงสุดที่มีศักยภาพเทียบเท่ากับผู้อริยะอยู่!

นี่ทำให้สามคนที่เดิมทีคิดจะเป็น ‘มหาโจร’ ปล้นเกาะนี้ เกิดความกลัวขึ้นมาในใจ

ถึงอย่างไรถ้ามีมังกรยักษ์ระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตัวสองตัว ก็อาศัยการกดขี่จากพลังต้นกำเนิดมังกรได้ สามคนก็ยังไม่ใจฝ่อ แต่มังกรยักษ์ระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บนเกาะนี้ไม่ได้มีหลายร้อยตัวก็มีแปดสิบถึงร้อยตัว อีกทั้งศักยภาพส่วนใหญ่ยังเทียบเท่ากับกำลังรบของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับสูงสุด

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การอวดดีเกินไปไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย

………………….

[1] ย่าหลง คล้ายๆ กับงู ไม่มีขา ร่างใหญ่ มีเกล็ดเต็มตัว ไม่มีปีก บินไม่ได้ ได้แต่คลานบนพื้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 316 กลียุคใกล้เข้ามา ขึ้นเกาะมังกร (1)

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 316 กลียุคใกล้เข้ามา ขึ้นเกาะมังกร (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 316 กลียุคใกล้เข้ามา ขึ้นเกาะมังกร (1)

ณ ดินแดนกลาง กลางหุบเหวลึกมืดมิดบางแห่ง

ที่นี่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันตลอดทั้งปี ยื่นมือไปยังยากจะเห็นห้านิ้วมือ

อีกทั้งทั้งเหวลึกยังเต็มไปด้วยพลังงานน่ากลัว ทำให้คนขนพองสยองเกล้า

แม้จะเป็นผู้กล้าที่กล้าหาญที่สุด ยืนตรงหน้าหุบเหวนี้ก็ยังใจสั่นกลัว กระทั่งไม่กล้ามองลงไป

ทว่าตรงส่วนลึกสุดของหุบเหวมืดแห่งนี้กลับมีวิหารพุทธสวยงามเปล่งแสงทองสว่างจ้าแห่งหนึ่ง เปล่งแสงแห่งพุทธยิ่งใหญ่

แสงพุทธส่องสว่างกลางหุบเหวใหญ่ยักษ์ เหมือนกับแสงเทียนในเงามืด

น่าเสียดายก็แต่เงามืดกว้างใหญ่และมืดมิดมากจริงๆ ปกคลุมแสงพุทธที่มีน้อยนิดไปทั้งหมด ไม่อาจส่องแสงออกไปได้เลย

เหมือนกับพระพุทธองค์สูงสุดรูปหนึ่งถลำเข้าไป

ตรงข้ามวิหารพุทธแห่งนี้เป็นวิหารที่สร้างขึ้นจากเหล็กแปลกสีดำ

คานและชายคาของวิหารแกะสลักรูปปั้นเทพอสูรน่าสยดสยอง แผ่กลิ่นอายแปลกประหลาดและแข็งแกร่ง

ทว่าด้านข้างของพราชวังสองแห่งนี้ ยังสร้างวิหารที่ดูไม่เข้ากันอีกแห่ง

วิหารแห่งนี้รวมพุทธและมารเป็นหนึ่งเดียว ครึ่งหนึ่งเที่ยงธรรมยิ่งใหญ่เหมือนพุทธแท้นั่งขัดสมาธิ อีกครึ่งลวงโลกชั่วร้ายดั่งวิญญาณร้ายนอนทอดยาว ขัดแย้งกันอย่างยิ่ง

วิหารสามแห่งวางเป็นสามมุม วิหารพุทธกับวิหารมารในนั้นอยู่ตรงข้ามกัน เหมือนเป็นศัตรูเก่าที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้

วิหารขัดแย้งประหลาดนั่นอยู่ตรงข้ามสองวิหารนี้ เหมือนรักษาสมดุลกัน

ตรงกลางร่องหุบเหวลึกมีเสียงเหมือนบทสวดดังก้องไม่หยุด ทว่าเสียงสวดมนต์นี่แปลกมาก เพราะสวดย้อนกลับทั้งหมด

ขัดกับหลักทำนองคลองธรรม ย้อนพุทธเข้าสู่มาร!

เห็นได้ชัดว่าคนที่ท่องบทสวดเช่นนี้เป็นมารร้ายที่สุดแห่งยุคที่กล้าบ้าบิ่นอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้ายั่วยุฝ่ายพุทธเช่นนี้ ถึงอย่างไรหากฝ่ายพุทธรู้เข้า จะต้องใช้กำลังเข้าปราบด้วยความโกรธสุดขีดแน่นอน

……

กึก~!

ทันใดนั้นเอง เสียงสวดมนต์ก็หยุดลง

วิหารมารอสุราใหญ่นั้นเปิดออกช้าๆ บุรุษสูงใหญ่สวมเกราะเทพอสุราคนหนึ่งเดินออกมา

เขาแบกดาบยาวน่าสยดสยองไว้ข้างหลัง ทั่วร่างปกคลุมด้วยเพลิงมารน่ากลัว มวลอากาศบนผิวกายเขายังถูกเผาเป็นความว่างเปล่า มองไม่เห็นใบหน้าแท้จริงเขาเลย

“กายอดีต ไม่อยากเชื่อว่าจะสิ้นในดินแดนบูรพาที่กันดารเช่นนั้น”

เพลิงมารบนผิวกายบุรุษหลั่งไหลไม่หยุด รวมขึ้นเป็นอานุภาพดาบสุดยอดตัดสลับกันทำลายล้างทุกอย่างในหุบเหวไร้ที่สิ้นสุดแห่งนี้

พื้นของระดับความลึกเช่นนี้ ไม่ว่าจะระดับความแน่นและแข็งแรงของหินดินทุกก้อนล้วนน่าเหลือเชื่อ

ทว่าบุรุษคนนี้ลอยขึ้นจากหุบเหว ผ่านไปที่ใดหินดินแร่เหล็กทั้งหมดจะถูกอานุภาพดาบคุ้มกายฟันกลายเป็นความว่างเปล่าทั้งหมด

รอยดาบตัดสลับกันหลายหมื่นจั้งสายหนึ่งปรากฏกลางหุบเหวลึกไร้ที่สิ้นสุดอย่างชัดเจน ลึกจนไม่เห็นก้น เหมือนจะแบ่งหุบเหวสองด้านให้เป็นตัว十

“ไอ้เด็กน้อยยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้าแย่งโชควาสนาของข้ารึ ไม่รู้จักเป็นตาย!”

บุรุษพุ่งขึ้นฟ้า ออกจากหุบเหวลึกไร้ที่สิ้นสุดนั้น พริบตาเดียวก็พุ่งไปไกลหลายหมื่นลี้

ไอมารน่ากลัวแผ่มาจากผิวกายเขา รวมขึ้นเป็นเมฆหนากว้างใหญ่ บดบังแสงของดวงตะวันบนฟ้าทั้งหมด

ทันใดนั้นเองก็เหมือนกับวันสิ้นโลกมาถึง

ตรงเมฆหนาหมุนม้วน โลหิตบริสุทธิ์ จิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดระเหยขึ้นกลายเป็นวิญญาณโลหิตบริสุทธิ์หลอมรวมเข้าไปในเมฆมาร

เกิดเหตุการณ์กลิ่นคาวเลือดในฟ้าดิน

“มารร้ายใดกันที่กล้าขาดสติเช่นนี้!”

การกระทำอันไม่เกรงกลัวสิ่งใดของบุรุษดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งโดยรอบอย่างรวดเร็ว

มวลอากาศแตกออก ปรากฏร่างเงายิ่งใหญ่ขึ้นตรงหน้าบุรุษ พลันเปล่งแสงสว่างพุทธหมื่นจั้ง

คนผู้นี้สวมกาสาวะเงามันเจ็ดสิ่งเลอค่า ข้างหลังกายทองจั้งแปดมีปรากฏการณ์พระพุทธองค์หาที่สิ้นสุดมิได้ ราวกับแดนพุทธศาสนาสุขาวดีมาถึง

โอม มณี ปัทเม ฮัม~

คนผู้นั้นสวดมนต์มหากรุณาธารณีของพุทธศาสนา พริบตาเดียวเมฆมารทั้งหมดก็ถูกแสงพุทธทะลวง ฟ้าดินกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

“มารร้าย ไม่อยากเชื่อว่าจะก่อกรรมทำเข็ญเช่นนี้! วันนี้อาตมาจะสำแดงร่างจำแลงนักรบโพธิสัตว์ขมึงตา ขังเจ้าไว้หมื่นปี!”

ขณะพูดอยู่นั้นนักบวชชั้นสูงรูปนี้ก็ตัวใหญ่ขึ้นตามสายลม พลันกลายเป็นพระพุทธยักษ์สูงหมื่นจั้ง

รอบตัวพระพุทธยักษ์มีสมบัติพุทธมากมายเช่นคทาสยบมาร ไม้เท้านักรบโพธิสัตว์ ดาบศีลหนึ่งและลูกประคำโพธิ์เป็นต้น

สมบัติพุทธทุกชิ้นมากพอจะสังหารมารร้ายสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

เห็นได้ชัดว่านี่คือนักบวชศักดิ์สิทธิ์แท้จริง

แม้แต่ในขุมอำนาจฝ่ายพุทธทั้งหมดก็ยังเป็นผู้แข็งแกร่งสุดยอด มากพอจะปกครองสำนักพุทธหนึ่งทิศ

……

บึ้ม~

สมบัติพุทธมากมายส่งเสียงกู่ร้อง เหมือนกลายเป็นเสียงอัสนี

สิ่งมีชีวิตมากมายในฟ้าดินต่างสัมผัสได้ พากันกราบไหว้ค้างอยู่ในท่าแสดงความเคารพ

ทว่าบุรุษชั่วร้ายที่แบกดาบนักรบอสุราข้างหลังกลับยังมียิ้มยั่วยุเบาๆ ไม่ยี่หระตลอด

เขาพิจารณามองนักบวชศักดิ์สิทธิ์คนนี้ตามอำเภอใจ “นักบวชตัวน้อยตระหนักวิชาพุทธได้ไม่เท่าไรเอง ส่งพระธาตุมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

พระพุทธทองคำหมื่นจั้งอ้าปากเล็กน้อย เสียงพุทธดั่งสายฟ้า “มารร้ายช่างกล้าหมิ่นพุทธ ต้องประณาม!”

เพิ่งเอ่ยจบ พระพุทธยักษ์ก็ยื่นมือขวาออกมาช้าๆ ตรงกลางฝ่ามือปรากฏตราพุทธสวัสติกะขึ้น ก่อนจะเปล่งแสงพุทธสว่างจ้าในทันที

สมบัติพุทธมากมายหลอมรวมเข้าไปในแสงพุทธนั้น กลายเป็นโลกเล็กหนึ่งทิศกดอัดลงมา

ยอดวิชาสูงสุดของพุทธศาสนา…แดนพุทธกลางหัตถ์!

หากถูกยอดวิชานี้จู่โจมจะตกเข้าไปในวัฏจักรไร้ที่สิ้นสุด ภายใต้การทำให้บริสุทธิ์ด้วยแสงพุทธ ไม่กลับมาเป็นนักบวชดังเดิมก็สิ้นชีพ

ต่อให้เป็นผู้อริยะที่แกร่งกว่านี้ก็มีน้อยมากที่จะกล้าเผชิญหน้ากับกระบวนท่านี้ตรงๆ ส่วนใหญ่จะหลบ

ทว่าเมื่อเจอกระบวนท่านี้ บุรุษชั่วร้ายกลับไม่มีความเกรงกลัวใดๆ เลย

หมื่นพุทธรึ เหอะๆ

เขาหัวเราะเยาะ “ข้ารู้จักพุทธดีกว่าเจ้าอีก!”

เพิ่งเอ่ยจบ ดาบยาวอสุราข้างหลังบุรุษพลันออกจากฝัก

พระพุทธองค์สีโลหิตน่าหวาดกลัวลอยขึ้นจากข้างหลังเขาช้าๆ ในดวงตาพุทธมีน้ำตาโลหิตไหลลงมาสองสาย

ฟ้าดินเกิดเสียงพุทธแหลมเล็กขึ้น ราวกับว่าทั้งแดนพุทธกำลังถูกทำลายล้าง

ปรากฏการณ์ชนกันในทันใด นัยน์ตาพระพุทธยักษ์มีความหวาดกลัว

เพราะเขาพบว่าวิชาของตนกำลังสลายไป

ยอดวิชาสูงสุดของพุทธศาสนาแดนพุทธกลางหัตถ์ถูกเขาทำลายลงได้แล้ว!

……

บึ้ม~

แดนพุทธยิ่งใหญ่พังทลายลง ในฟ้าดินเหลือเพียงแสงดาบสีโลหิตสายหนึ่งกับสีสันฉูดฉาดและเสียงแหลมเล็ก

เมื่อแสงสีโลหิตสลายไป ก็ไม่เห็นแสงพุทธในฟ้าดินแล้ว

ศพสองท่อนตกลงมาจากกลางฟ้า โลหิตสีทองสาดกระจายใส่อากาศ ไม่มีกลิ่นคาวเลือดสักนิด แต่กลับมีกลิ่นหอมจันท์รุนแรง

สายรุ้งเจ็ดสีสายหนึ่งไหลมาจากรอยขาดของศพ ขวางฟ้าไว้ครึ่งหนึ่ง

“นิพพานเป็นสายรุ้งรึ ถือว่ามีความเป็นพุทธอยู่หลายส่วน”

ดาบยาวของบุรุษเข้าฝัก ก่อนเผยรอยยิ้มพอใจ “พระธาตุเช่นนี้ พอจะให้หลอมสร้างกายอดีตขึ้นมาใหม่แล้ว”

เพิ่งเอ่ยจบ พระธาตุส่องแสงก็ลอยออกมาจากศพ ถูกเขาดูดไว้ในมือ

เขาพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะเป็นแสงโลหิตพุ่งไป

คล้อยหลังบุรุษไม่นาน มวลอากาศก็แตกออกอีกครั้ง ปรากฏหลายร่างลอยขึ้น

บนผิวกายทุกร่างมีแสงเซียนปรากฏจางๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้อริยะที่ผ่านเคราะห์อัสนีและรวมไอเซียนได้สำเร็จ

“เรามาช้าไป นักบวชศักดิ์สิทธิ์จิ่วเจี้ยถูกสังหารแล้ว”

“เป็นไปได้อย่างไร แดนพุทธกลางหัตถ์ของนักบวชศักดิ์สิทธิ์จิ่วเจี้ยมีอานุภาพเป็นหนึ่ง ใครจะสังหารเขาได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้”

“เจตจำนงดาบหลงเหลืออยู่น่ากลัวมาก แค่ดาบเดียวก็ฟันวิชาของนักบวชศักดิ์สิทธิ์จิ่วเจี้ยขาด ทั้งยังฟันกายทองคำบริสุทธิ์ของนักบวชศักดิ์สิทธิ์จิ่วเจี้ยเป็นสองส่วน”

“คนนี้มีศักยภาพเหนือกว่าจ้าวอริยะห้ารอบแล้ว อีกทั้งยังรู้ช่องโหว่ของวิชาฝ่ายพุทธอย่างดี หากข้าเดาไม่ผิด มือสังหารน่าจะเป็นหนึ่งในสี่ราชาธรรมของลัทธิวิญญาณร้าย”

“ชำนาญการใช้ดาบ เข้าใจวิชาของฝ่ายพุทธอย่างยิ่ง ก็มีเพียงมารร้ายนั่น ดูท่าลัทธิวิญญาณร้ายคงจะกลับมาอีกแล้ว”

“ลัทธิวิญญาณร้ายซ่อนตัวมาหมื่นปี ตอนนี้ราชาธรรมอู๋เซิงกลับปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ สร้างหายนะหนึ่งทิศ ดูท่าห้าดินแดนคงจะต้องเปลี่ยนแปลงอีกครั้งแล้ว”

“ไปสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยขอให้ฟูจื่อออกมาเถอะ! หากลัทธิวิญญาณร้ายโผล่มาอีกครั้ง จะต้องเตือนให้จักรพรรดิเตรียมทำสงครามให้เร็วที่สุด”

“ช่วงหลายร้อยปีมานี้ห้าดินแดนมีโอรสสวรรค์ดั่งเมฆ ทุกเผ่าทุกตระกูลล้วนปรากฏสุดยอดโอรสสวรรค์ที่ยากจะพานพบได้ในหลายพันปี นี่ผิดปกติมาก”

“ก่อนกลียุคจะมาถึงจะต้องปรากฏปีศาจโอรสสวรรค์ขึ้น เมื่อหมื่นปีก่อนก็เป็นเช่นนี้”

“โอรสสวรรค์พวกนี้เกี่ยวข้องกับหายนะโดยตรง หากมีภัยร้ายจริงๆ บางทีพวกเขาอาจจะเป็นความหวังที่สำคัญที่สุด”

……..

เพื่อลดผลกระทบด้านลบ ข่าวการสูญเสียผู้อริยะที่เกิดขึ้นในดินแดนกลางจึงไม่ได้แพร่งพรายออกไป

เสิ่นเทียนก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มีเจ้าอิทธิพลน่าสะพรึงระดับผู้อริยะกำลังเตรียมจะคิดบัญชีกับเขาอย่างโหดเหี้ยม

ตอนนี้เขากำลังเตรียมยกเค้าเกาะอีกแห่งอย่างมีความสุข!

ใช่ ตอนนี้เสิ่นเทียน ฉีเซ่าเสวียนและเอ๋าอูมาอยู่หน้าเกาะดาราเบิกฟ้าแห่งหนึ่ง

แต่ครั้งนี้ไม่ได้โชคดีเหมือนครั้งก่อน ทุกคนรออยู่ประมาณสามเดือนเต็มๆ ปราการหมอกเบิกฟ้าถึงสลายไป

อีกทั้งเกาะนี้ยังเข้าใกล้ส่วนลึกเขตทะเลเบิกฟ้ามากกว่าเกาะคุนเผิงอีก จึงแผ่กระจายอำนาจคุกคามแกร่งยิ่งกว่า

แม้ปราการหมอกเบิกฟ้าจะเปิดแล้ว เอ๋าอูก็ยังเกือบถูกกดดันจนเข้าไปไม่ได้

โชคดีที่มีฉีเซ่าเสวียนและเสิ่นเทียนช่วยอยู่ ถึงได้พาเอ๋าอูบุกเข้าไปในเกาะนี้ได้

สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ ขนาดความยาวของเกาะดาราเบิกฟ้านี้มากกว่าเกาะคุนเผิงไปไกล อย่างน้อยก็มีขนาดหลายพันลี้

ขอพูดอย่างไม่โอ้อวด พื้นที่เกาะนี้ใหญ่กว่าอาณาเขตของอาณาจักรมากมายบนแผ่นดินใหญ่หลายเท่า

ในอีกสองสามเดือน สามคนอาจจะยังสำรวจเกาะนี้ไม่ครบด้วยซ้ำ และที่สำคัญกว่านั้นคือ เทียบกับเกาะน้ำตาดาวกับเกาะคุนเผิงที่พวกเสิ่นเทียนขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว พลังวิญญาณในเกาะนี้เข้มข้นกว่า

บนเกาะทะเลที่มีพื้นที่หลายพันลี้ ทุกที่มีแต่ป่าไม้และภูเขาลำธารเต็มไปหมด ในนั้นยังมีสัตว์แปลกหลากชนิดเคลื่อนไหว

กระต่ายบินขาวดั่งหิมะ กวางห้าสีข้างหลังเป็นภาพเจ็ดดาว ม้าสวรรค์เขาเดียวที่เปล่งแสงสีทอง รวมถึงหงส์เทพที่มีขนเจ็ดสีทั้งตัว…

เกาะนี้เหมือนกับดินแดนอุดมสมบูรณ์โลกภายนอกจริงๆ ไม่ถูกผู้ฝึกบำเพ็ญทางโลกเข้ามารุกราน

แน่นอน สัตว์ประหลาดพวกนี้แม้จะดูน่ารักสวยงาม แต่เป็นสิ่งมีชีวิตในส่วนลึกเขตทะเลเบิกฟ้า กำลังรบจึงแข็งแกร่งจนน่ากลัว

เอ๋าอูอยากจะแย่งแครอทกับกระต่ายบินตัวหนึ่ง โดนกระต่ายนั่นถีบกระเด็นไปหลายร้อยจั้ง หากไม่ใช่เพราะมีสายเลือดมังกรแข็งแกร่ง พลังชีวิตแกร่งถึงขีดสุดละก็ เขาก็อาจจะถูกถีบตายไปแล้ว

นี่ทำให้เอ๋าอูค่อนข้างคับอกคับใจ ร้องคำรามด้วยความโมโห!

…..

ทว่าบนเกาะแห่งนี้ สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่สัตว์แปลกพวกนี้ แต่เป็นย่าหลง[1] ที่แข็งแกร่งจนน่ากลัว

ใช่ ย่าหลง เผ่ามังกรปลอมแข็งแกร่งที่มีสายเลือดมังกรแท้จริง!

ดังคำกล่าวว่ามังกรให้กำเนิดบุตรเก้าคนต่างกัน บนโลกนี้มีชนรุ่นหลังมังกรมากมาย

ผิดต่างกับมังกรดำสายเลือดบริสุทธิ์บนเกาะมังกร เผ่าย่าหลงบนเกาะนี้ไม่มีสติปัญญาใดๆ พวกมันเหมือนกับมังกรทางตะวันตกที่เสิ่นเทียนเห็นในภาพยนตร์เมื่อภพก่อน มีพละกำลังแข็งแกร่งและยังดุร้ายอย่างยิ่ง

อย่างเช่นมังกรไฟหนวดแดงที่มีความสามารถควบคุมหินหนืดจากภูเขาไฟได้ จามทีเดียวทำให้ภูเขาไฟระเบิด

อย่างเช่นมังกรบินเทพวายุที่ควบคุมพลังแห่งพายุ ไปที่ใดจะเกิดพายุคลั่ง คมของพายุหมุนตัดสิ่งกีดขวางได้ทุกอย่าง

และยังมีมังกรป่าเถื่อนวัชระควบคุมพลังแห่งแผ่นดิน ทั่วร่างถูกหุ้มด้วยศิลาวิญญาณวัชระใสแวววาว แทบจะเป็นสุดยอดการป้องกัน

รวมถึงมังกรฟ้าแปดแขนที่ควบคุมพลังแห่งมหาสมุทร มังกรศักดิ์สิทธิ์ทองคำที่ควบคุมพลังแห่งแสงสว่าง มังกรพิษเงามืดที่ควบคุมพลังแห่งพิษร้ายเป็นต้น

เผ่าย่าหลงแข็งแกร่งพวกนี้ปกครองเกาะแห่งนี้ ในนั้นส่วนใหญ่เติบโตเป็นมังกรยักษ์มีศักยภาพเทียบเท่ากับผู้สูงศักดิ์สวรรค์โลกภายนอก

กระทั่งเสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนยังรู้สึกว่าส่วนลึกของเกาะนี้มีกลิ่นอายพลังที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ นั่นคืออำนาจคุกคามของเขตแดนอริยะ

บนเกาะนี้ มีสิ่งมีชีวิตสูงสุดที่มีศักยภาพเทียบเท่ากับผู้อริยะอยู่!

นี่ทำให้สามคนที่เดิมทีคิดจะเป็น ‘มหาโจร’ ปล้นเกาะนี้ เกิดความกลัวขึ้นมาในใจ

ถึงอย่างไรถ้ามีมังกรยักษ์ระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตัวสองตัว ก็อาศัยการกดขี่จากพลังต้นกำเนิดมังกรได้ สามคนก็ยังไม่ใจฝ่อ แต่มังกรยักษ์ระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บนเกาะนี้ไม่ได้มีหลายร้อยตัวก็มีแปดสิบถึงร้อยตัว อีกทั้งศักยภาพส่วนใหญ่ยังเทียบเท่ากับกำลังรบของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับสูงสุด

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การอวดดีเกินไปไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย

………………….

[1] ย่าหลง คล้ายๆ กับงู ไม่มีขา ร่างใหญ่ มีเกล็ดเต็มตัว ไม่มีปีก บินไม่ได้ ได้แต่คลานบนพื้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+