บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 490 โถงสวรรค์บรรพกาล มรดกของร้อยแปดขุนพล! (1)

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 490 โถงสวรรค์บรรพกาล มรดกของร้อยแปดขุนพล! (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 490 โถงสวรรค์บรรพกาล มรดกของร้อยแปดขุนพล! (1)

หลังจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย เสิ่นเทียนก็มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกเขตทะเลเบิกฟ้า

เขาขี่สายรุ้งเทพพุ่งไปในเขตทะเลหลายแสนลี้

ท้องนภาลากเป็นสายรุ้งเทพสว่างจ้า พุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ไอเบิกฟ้าสั่นไหวไม่มั่นคง

เมื่อเสิ่นเทียนเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ไอเบิกฟ้าก็ไหลหลากยิ่งขึ้นเช่นกัน

หมอกเทาเหมือนคมดาบภายใต้การเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง แหลมคมอย่างยิ่ง

ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซียนแท้ก็ยากจะต้านพลังนี้ไหว กายเนื้ออาจจะแหลกสลายไปได้

แต่ไอเบิกฟ้าพวกนี้ไม่มีผลอะไรกับเสิ่นเทียนเลย เขาเปล่งแสงเทพทั้งตัว กายเนื้อทนทานยิ่ง ขวางไอเบิกฟ้าทั้งหมดไว้

ห้อทะยานไปหลายชั่วยาม ในที่สุดเขาก็มาถึงส่วนลึกสุดของเขตทะเล

…..

หมอกที่นี่กว้างใหญ่ คลื่นโหมซัดสาด!

ไอเบิกฟ้าขมุกขมัวหมุนม้วนออกมา อานุภาพเอ่อล้นฟ้า

เสิ่นเทียนถูกหมอกปกคลุม ยื่นมือมาไม่เห็นห้านิ้วมือ

เมื่อสัมผัสอย่างละเอียด เขาพบว่าไอเบิกฟ้าที่นี่น่ากลัวสุดขีด บรรลุถึงสภาพควบแน่น

หากไม่ใช่คนที่มีกายเบิกฟ้า จะไม่กล้าเข้ามาที่นี่เด็ดขาด

และในตอนนี้เอง เสิ่นเทียนเพ่งสายตามองเล็กน้อย

เขารู้สึกถึงกลิ่นอายใกล้ชิดแผ่มาจากก้นทะเล เหมือนมีบางอย่างกำลังเหนี่ยวนำ

เมื่อนึกได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ดำลงไปยังส่วนลึกก้นทะเล

ดำไปเกือบล้านจั้งในที่สุดก็มาถึงก้นทะเล

ตรงหน้าเขาเป็นตำหนักทรุดโทรมลอยอยู่แห่งหนึ่ง

ตรงนั้นทั้งโบราณและเก่าแก่ ทั้งตำหนักถูกดินทรายปกคลุม มืดสลัวไร้แสงสว่าง

รอบๆ มีแต่ซากปรักหักพัง หินแตกตั้งระเกะระกะ เสื่อมสภาพยิ่งนัก

และยังมีเสาแตกหักเป็นสองส่วน ออกเป็นสีแดงเข้ม

นี่คือถูกโลหิตย้อม แห้งกร้านถึงที่สุด สภาพน่าตื่นตกใจ

แค่เห็นภาพนี้ ก็เห็นได้ว่าที่นี่ผ่านสงครามดุเดือดเพียงใดมา

วิญญาณวีรชนมากมายสาดเลือดร้อน สู้สุดชีวิต แต่ก็ยังปกป้องที่นี่ไม่ได้

สุดท้าย ทุกอย่างจมลงก้นทะเลอุดร ความรุ่งเรืองถูกกลบไปทั้งหมด

…..

เสิ่นเทียนหุบสายตาเล็กน้อย เขามั่นใจได้ว่าตำหนักทรุดโทรมนี่คือซากโถงสวรรค์โบราณ

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะตั้งสติและเดินหน้าไปยังโถงสวรรค์โบราณ

ได้รู้จากคนเฝ้าสุสานว่าที่นี่เต็มไปด้วยความอัปมงคล เคยถูกเผ่าวิญญาณร้ายสาป

ดังนั้นจะต้องระวังไว้

ช่วงที่เสิ่นเทียนก้าวเข้าไปในตำหนักสวรรค์โบราณ กลิ่นอายชั่วร้ายแผ่กระจายออกมา

กลิ่นอายชั่วร้ายรวดเร็วและดุดันมาก เต็มไปด้วยพลังกระชากจิตวิญญาณคน

พลังนี้น่ารังเกียจอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยอารมณ์ด้านลบรุนแรงที่สุดในกาย

แค่สัมผัสเล็กน้อยก็กัดกินสติปัญญา กลายเป็นมารคลั่งเสียสติ

อีกทั้งพลังชั่วร้ายนี้ยังแข็งแกร่งมาก ต่อให้เป็นการคงอยู่ระดับเตรียมเซียนก็ไม่มีทางต้านพลังนี้ไหว

“นี่คือคำสาปของเผ่าวิญญาณร้ายรึ”

เสิ่นเทียนทำเสียงขึ้นจมูก ภายในกายเปล่งแสงทองสว่างพร่างพราว

แสงทองหมื่นจั้ง โอ่อ่ายิ่งใหญ่ ส่องสะท้อนในฟ้าดิน

ข้างหลังเสิ่นเทียนปรากฏเป็นวงล้อทองสว่างจ้าสูงใหญ่ยิ่ง เปล่งแสงเทพบริสุทธิ์

พลังชั่วร้ายถอยไปอย่างรวดเร็วภายใต้แสงทองนี้ ไม่นานก็สลายเป็นควันหายไปในฟ้าดิน

ภายใต้การชะล้างด้วยแสงทอง ที่นี่ชัดเจนขึ้น เต็มไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์

พลังนี้คือกงล้อทองโปรดสัตว์ของเสิ่นเทียน

กงล้อทองโปรดสัตว์เต็มไปด้วยปฏิปักษ์ต่อกลิ่นอายชั่วร้าย สองสิ่งไม่ถูกกัน อยู่ร่วมกันไม่ได้

กลิ่นอายชั่วร้ายที่นี่ถูกเสิ่นเทียนชะล้างไปมากกว่าครึ่ง ทำให้ฟ้าดินสว่างสดใสมีราศี

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เกิดคำถามขึ้นในใจ

ตามหลักแล้วคำสาประดับนี้ อย่างมากคุกคามได้แค่เตรียมเซียนบางส่วน แต่ไม่มีความหมายอะไรกับผู้แข็งแกร่งจริงแท้เลย

เหตุใดต่อมาถึงไม่มีใครบูรณะมันขึ้นอีกครั้ง ฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ของโถงสวรรค์โบราณอีก

หรือว่าในนี้จะซ่อนความน่ากลัวอะไรไว้

…..

เสิ่นเทียนไม่ประมาท ยังเดินหน้าต่อไป

ทว่าตอนนี้เองห้วงอากาศพลันสั่นไหว

กลิ่นอายชั่วร้ายหมุนม้วนเข้ามาอีกครั้ง ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน

พลังมหาศาลยากจะคาดเดาหมุนม้วนออกมา น่าสะพรึงถึงขีดสุด

กลิ่นอายชั่วร้ายไหลหลากมาอย่างบ้าคลั่ง ความคิดชั่วร้ายกระจายไปรอบๆ รวมเป็นลูกตาดำมหึมาบดบังฟ้าบังตะวัน

หมอกชั่วร้ายหนาทึบโหมซัดสาด แผ่พลังรวดเร็วและดุดันยิ่ง ซึบซาบสู่จิตใจ

แม้ลูกตาดำนั้นจะสร้างขึ้นจากหมอก แต่กลับมีชีวิตชีวายิ่ง เหมือนมีคนกำลังจ้องมอง

เสิ่นเทียนพลันรู้สึกเย็นทีแผ่นหลัง ขนลุกชูชัน

เขาเพ่งสายตามองไปพบว่าลูกตาดำสีแดงฉานนั้นเหมือนตะวันโลหิต เต็มไปด้วยพลังกระชากจิตวิญญาณคน

การสบตามันเหมือนจะดูดวิญญาณคน ดำดิ่งลงไปในนั้นทั้งหมด

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย จิตใจหนักอึ้ง

นี่ต่างหากคือพลังคำสาปที่แท้จริงของเผ่าวิญญาณร้ายรึ

มิน่าถึงไม่มีใครฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของโถงสวรรค์โบราณได้ แค่พลังนี้ก็ต้านผู้แข็งแกร่งเก้าส่วนเก้าของห้าดินแดนได้

พลังนี้น่ากลัวยิ่งนัก เหนือกว่าเซียนแท้ บรรลุถึงขอบเขตสูงสุด

……

ตอนนี้เองดวงตาสีแดงมองมา แผ่พลังที่ทำให้คนหนาวสั่น

พลังนี้ชั่วร้ายอย่างยิ่ง แฝงไว้ด้วยพลังยิ่งใหญ่ เหมือนจะส่องความว่างเปล่า

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ผิวกายมีไอเบิกฟ้าวนเวียน ปกคลุมตัวเองไว้ทั้งหมด

หมอกขาวเงินพันรอบกาย ทำให้เสิ่นเทียนเข้ากับไอเบิกฟ้าโดยรอบ

ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งเหนือกว่าเซียนแท้มาก็ยากจะทลายได้

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ดวงตานั้นฉายแววตกใจระคนสงสัยเสี้ยวหนึ่ง มองทะลุเสิ่นเทียนไม่ได้จริงๆ

แต่จากนั้นมันก็สั่นไหวอย่างรุนแรง พลังชั่วร้ายไหลหลาก พลังอำนาจเอ่อล้นฟ้า

เสียงแหบแห้งดังมาจากห้วงอากาศ “เป็นเจ้า! ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะกลับมา!”

เสียงนี้เหมือนดังมาจากห้วงอากาศไร้พรมแดน กว้างไกล ทำให้คนสัมผัสไม่ได้

แต่เสิ่นเทียนรู้สึกได้ว่าเสียงนี้เต็มไปด้วยความตื่นกลัวและเหลือเชื่อ

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วมุ่น ไม่เข้าใจ

คนนี้ คือผู้แข็งแกร่งสูงสุดของเผ่าวิญญาณร้าย แต่เสิ่นเทียนไม่รู้จัก วิญญาณร้ายที่เขาเคยพบมาตายหมดแล้ว!

เสียงนี้ทำให้เสิ่นเทียนเกิดความสงสัยขึ้นในใจ

…..

“เจ้าเป็นใคร”

เสิ่นเทียนถาม แต่ไม่ได้คำตอบ

ผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณร้ายนั้นบ้าคลั่งขึ้นมา แผ่จิตสังหารน่าสะพรึง

ดวงตานั้นคือร่างแปลงของผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณร้าย ระเบิดพลังดุร้ายออกมา

วิ้ง!

แสงสีแดงพุ่งมาจากดวงตา มาพร้อมกับพลังทำลายล้างทุกสรรพสัตว์ อานุภาพมหาศาลยากจะปัดป้อง

แสงสีแดงลึกล้ำยิ่ง เต็มไปด้วยพลังชั่วร้าย ทำให้ฟ้าดินกลายเป็นสีแดงเลือด

เสิ่นเทียนมีสีหน้าจริงจัง เกิดความรู้สึกขนลุกข้างหลัง

พลังนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว กระทั่งรู้สึกได้ว่าสังหารการคงอยู่เซียนแท้ได้ในการโจมตีเดียว

นี่ยังเป็นเพียงพลังคำสาป เป็นเงาสะท้อนของเจ้านี่

หากร่างจริงมาเยือนจะน่ากลัวเพียงใดกัน

เสิ่นเทียนเรียกกระดานหมากฟ้าขุ่นออกมาอย่างไม่ลังเลเลย กระตุ้นค่ายกลเหนี่ยวนำพลังแห่งดาราฟ้าดิน

กระดานหมากโบราณเปล่งแสงเทพไม่มีสิ้นสุด สว่างพร่างพราว ลอยอยู่เหนือศีรษะเสิ่นเทียน

ม่านดาราไม่มีสิ้นสุดตกลงมา ปกคลุมเขาไว้ทั้งหมด

บึ้ม!

เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ม่านแสงดาราสั่นไหวอย่างรุนแรง เหมือนจะทลายลงด้วยการโจมตีนี้!

เสิ่นเทียนตัวสั่นไหวเล็กน้อย นัยน์ตาฉายประกายตกใจเสี้ยวหนึ่ง

ต้องรู้ว่ากระดานหมากฟ้าขุ่นเป็นยอดอาวุธมรดกของราชาเซียนฟ้าขุ่น แฝงไว้ด้วยอานุภาพมหาศาล

ทว่าการโจมตีของวิญญาณร้ายนี่กลับสั่นคลอนมันได้

วิญญาณร้ายตนนี้มีที่มายิ่งใหญ่เพียงใดกัน

…..

“ตายไปเสีย!”

วิญญาณร้ายแผดเสียงคำรามก่อนจะจู่โจมเสิ่นเทียนอีกครั้ง

เสิ่นเทียนมีดวงตาเฉยชา เตรียมวางมือสู้

แม้พลังนี้จะน่ากลัว แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่มีที่ให้โต้กลับเลย

เพราะพลังนี้ถูกจำกัดบางอย่าง ไม่ได้ระเบิดพลังออกมาไม่มีสิ้นสุด

ทันใดนั้นเองโถงสวรรค์โบราณสั่นไหวอย่างรุนแรง ฟ้าดินโคลงเคลง

ส่วนลึกยิงแสงทองสว่างพร่างพราวออกมา สว่างจ้าดั่งดวงตะวัน แสงส่องสว่างฟ้าดิน

พลังบ้าอำนาจเป็นหนึ่งและอยู่สูงสุดพุ่งออกมา

พลังนั้นยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยพลังถูกต้องชอบธรรม เหมือนจะสังหารมารเงามืดทั้งหมดในโลก

ก่อนจะเห็นว่ารวมเป็นตราโบราณสีทองใหญ่ยักษ์ในอากาศข้างหลังเสิ่นเทียน

ตราโบราณมีความสูงใหญ่หลายหมื่นจั้ง บดบังฟ้าบังดวงตะวัน พลังอำนาจมากมายมหาศาล

มันกดทับลงมา กวาดล้างทุกสิ่ง เหมือนจะกดฟ้าดินลง

“ตราราชันมนุษย์!”

เหมือนไปแตะโดนการคงอยู่น่าสะพรึงอะไรเข้า วิญญาณร้ายแข็งแกร่งตนนี้เอ่ยเสียงแหลมเล็ก หวาดกลัวสุดขีด

หมอกชั่วร้ายสั่นไหวอย่างรุนแรง ไหลเชี่ยวกรากไม่หยุด

ดวงตานั้นยังเป็นสีแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ ระเบิดพลังออกมาทั้งหมดหมายจะต่อต้าน

ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าตราโบราณนี้ ทุกอย่างก็เปราะบางเหลือเกิน

พริบตานั้น แสงเทพไม่มีสิ้นสุดระเบิดกระจาย

ดวงตาโลหิตยักษ์ที่รวมขึ้นจากผู้แข็งแกร่งสูงสุดเผ่าวิญญาณร้ายนั้นถูกตบสลายเป็นผุยผง

แม้แต่ห้วงอากาศตรงนั้นยังทลายลง กระแสมิติปั่นป่วนไหลเชี่ยวกรากไปพันลี้

……

เสิ่นเทียนจิตใจสั่นไหว ดวงตาวาววับ

เขาจ้องตราโบราณยักษ์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ ภายในใจเกิดความรู้สึกใกล้ชิดอย่างน่าประหลาด

เมื่อครู่นี้เขารู้สึกถึงกลิ่นอายพลังใกล้ชิดว่ามาจากตราโบราณนี้!

และในตอนนี้เอง ตราโบราณขยับแสงวาววับ ยิ่งใหญ่ขึ้นไม่หยุด

สุดท้ายแสงเทพหุบไปข้างใน กลับคืนสู่ความเงียบสงบ

ตราโบราณยักษ์นั้นก็กลายเป็นตราทองขนาดเท่าฝ่ามือ ตกลงในมือเสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนจิตใจสั่นไหว เขารู้สึกว่าในตราทองนี้มีกลิ่นอายพลังจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน

กลิ่นอายพลังนี้เหมือนกับคุณสมบัติกายเขา หลอมรวมกันและกัน

เสิ่นเทียนพึมพำกับตัวเอง “ตราราชันมนุษย์รึ หรือว่านี่จะเป็นยอดอาวุธสูงสุดของราชันมนุษย์รุ่นหนึ่งกัน”

เสิ่นเทียนได้รู้จากคนเฝ้าสุสานว่าราชันมนุษย์รุ่นหนึ่งมียอดอาวุธเบิกฟ้าชิ้นหนึ่ง

ยอดอาวุธนั้นกำเนิดมาจากอากาศธาตุสลัว แฝงด้วยพลังวิญญาณสวรรค์ประทาน เป็นอาวุธสูงสุด

ตอนนั้นราชันมนุษย์รุ่นหนึ่งอาศัยตราราชันมนุษย์ปลุกพลังมหาศาลขึ้น ถึงได้สู้กับจักรพรรดิเซียนวิญญาณร้ายสามตนด้วยตัวคนเดียวและตายพร้อมกันได้

เพียงแต่ว่าตราราชันมนุษย์ต้นกำเนิดเสียหายในสงครามนั้น เสียอานุภาพส่วนใหญ่ไป

ตอนแรกราชาเซียนสามสิบหกท่านผนึกห้าดินแดน ก็อาศัยพลังของตราราชันมนุษย์

นี่ทำให้เสียพลังสุดท้ายของตราราชันมนุษย์ไป เงียบสงบลงแล้ว

จากนั้นในมหาสงครามต่อมา ตราราชันมนุษย์ก็ไม่อาจระเบิดพลังเทพได้อีกเลย

ไม่อย่างนั้นเผ่ามนุษย์คงไม่น่าเวทนาขนาดนั้น

……

จนเมื่อสี่แสนเก้าหมื่นปีก่อน ราชันมนุษย์รุ่นสองกำเนิด ทำให้ตราราชันมนุษย์ฟื้นคืนกลับมา

ด้วยกายราชันมนุษย์ ในที่สุดยอดอาวุธชิ้นนี้ก็เผยความน่ากลัวออกมา

ตอนนั้นราชันมนุษย์รุ่นสองอาศัยตราราชันมนุษย์สังหารวิญญาณร้ายครั้งใหญ่ ฆ่าล้างศัตรูทั้งหมด ส่วนยอดอาวุธชิ้นนี้ก็ฟื้นอานุภาพกลับมาเรื่อยๆ สังหารจนมีชื่อเสียงเลื่องลือ

น่าเสียดาย ราชันมนุษย์รุ่นสองพลันหายตัวไป ตราราชันมนุษย์ก็เงียบสงบลงตาม

เมื่อขาดกายราชันมนุษย์ ตราราชันมนุษย์จึงสำแดงอานุภาพสูงสุดไม่ได้

นี่คืออาวุธสุดยอดสูงสุดที่เหมาะกับกายราชันมนุษย์ที่สุด เป็นยอดอาวุธประจำกายของราชันมนุษย์รุ่นหนึ่ง

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็เข้าใจแจ่มแจ้ง

ดูท่าตราราชันมนุษย์น่าจะรู้สึกถึงกลิ่นอายของกายราชันมนุษย์ เลยจู่โจมด้วยตัวมันเอง

เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย ดีใจอยู่ข้างใน

ตอนนี้ตราราชันมนุษย์หลอมรวมเข้าไปในฝ่ามือ พร้อมปลุกพลังทุกเมื่อ

แม้ตราราชันมนุษย์จะต้นกำเนิดพลังเสียหาย ยังไม่ฟื้นกลับมาสู่จุดสูงสุด

แต่เสิ่นเทียนรู้สึกได้ว่าตอนนี้ตราราชันมนุษย์มีอานุภาพไม่ด้อยไปกว่ากระดานหมากฟ้าขุ่นเลย

ไม่นึกเลยว่าเพิ่งเข้าซากโบราณโถงสวรรค์จะได้ผลประโยชน์มากมายขนาดนี้ อีกทั้งยังจัดการอุปสรรคไปได้ชั่วคราวก่อนด้วย

แต่ผู้แข็งแกร่งวิญญาณร้ายตนนั้นยังไม่ตาย จะต้องจ้องเขาอยู่แน่นอน

เสิ่นเทียนไม่ได้กังวลตรงนี้มากนัก

ถึงอย่างไรผู้แข็งแกร่งสูงสุดเผ่าวิญญาณร้ายก็เข้ามาในโลกนี้ไม่ได้ เสิ่นเทียนยังมีเวลาฟาร์มอยู่

รอเขาเติบใหญ่ จะต้องกลัวอะไรอีก

ในเมื่อกอดหัวใจไร้พ่าย ก็ต้องกำราบศัตรูทั้งหมดในโลกลง!

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด