บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 345 ซีโกรธตี๋ หลานยิ้มร่าทั่วแดนปรโลก

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 345 ซีโกรธตี๋ หลานยิ้มร่าทั่วแดนปรโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 345 ซีโกรธตี๋ หลานยิ้มร่าทั่วแดนปรโลก

ตัดกลับมาที่ทะเลอุดร

เรือเหาะเทพสวรรค์ยักษ์ถูกหุ้มด้วยค่ายกลกันน้ำมุ่งหน้าไปในน้ำทะเลด้วยความเร็วสูงสุด

บนดาดฟ้าเรือเหาะ น้ำแร่วิญญาณในเหยือกชาขนาดใหญ่เท่าโอ่งน้ำกำลังเดือดปุดๆ ไม่หยุด ไอความร้อนโชยเข้ามาทำให้ศิษย์โดยรอบอดกลืนน้ำลายมิได้

พูดได้ว่าเพียงแค่น้ำแร่วิญญาณพวกนี้ก็แฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณที่เอ่อล้นอย่างยิ่ง มีความเย้ายวนสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนธรรมดา

จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงใบชาตระหนักรู้ในมือเสิ่นเทียน นั่นคือสมบัติล้ำค่าที่มีเงินก็หาซื้อไม่ได้!

บนชั้นสองเรือเหาะเทพสวรรค์ เหล่าผู้อาวุโสพวกนั้นเดิมทียังคงวางมาดเย็นชาและสูงส่ง

กับอีแค่น้ำแร่วิญญาณ ยังไม่มากพอจะทำให้พวกเขาสนใจหรอก

แต่ตอนนี้ ผู้อาวุโสทุกคนหน้าเปลี่ยนสีไป มุมปากกระตุกด้วยความปวดใจ

นั่นคือใบชาตระหนักรู้ ถือว่าเป็นสมบัติสุดยอดสูงสุดที่ต่อให้เป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้ดื่มหนึ่งแก้วก็จะได้ประโยชน์มากมาย

เจ้าจะใช้โอ่งน้ำต้มก็ช่างเถอะ แต่ยังให้เด็กน้อยแก่นพลังทองกระทั่งระดับสร้างฐานพวกนี้ดื่มรึ พวกเขาดื่มไปจะตระหนักอะไรได้!

ประสิทธิผลที่มากที่สุดของชาตระหนักรู้คือยกระดับการตระหนักรู้ของผู้ฝึกบำเพ็ญ และหลังจากฝึกถึงระดับดวงจิตดรุณและหลอมรวมเทพแล้ว ก็จะยิ่งต้องการกฎเกณฑ์ตระหนักรู้สูงขึ้นเรื่อยๆ

หากให้ใบชาตระหนักรู้พวกนี้กับพวกผู้อาวุโสใช้ พวกเขาจะพัฒนายิ่งขึ้นไปอีก ทะลวงถึงระดับที่สูงกว่า

ส่วนศิษย์พวกนั้นสามารถใช้ยาลูกกลอนธรรมดาอื่นๆ มาช่วย ก็ได้ประสิทธิผลเหมือนกัน

ให้พวกเขาดื่มชาตระหนักรู้ นี่บุตรศักดิ์สิทธิ์จะฟุ่มเฟือยเกินไปแล้วกระมัง!

หากศิษย์ตนสิ้นเปลืองเช่นนี้ ผู้อาวุโสพวกนั้นคงจะตบหลังศีรษะไปที สั่งสอนเขา

แต่คนที่ทำเช่นนี้คือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน ผู้อาวุโสพวกนี้จึงไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ถึงอย่างไรอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ยังอยู่ที่นี่!

อีกทั้งดูจากทัศนคติของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว เหมือนจะไม่มีทีท่าว่าจะห้ามปรามเสิ่นเทียน เพียงแค่สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายสั่นไหวเบาๆ อ่านอารมณ์ไม่ออก

ไม่รู้ท่าทีของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ชัดเจน เหล่าผู้อาวุโสจึงค่อนข้างว้าวุ่นกันใหญ่

ได้แต่มองเสิ่นเทียนแบ่งชาให้พวกลูกศิษย์ พวกเขาปวดใจจนตับสั่น

แต่จะให้ผู้อาวุโสอย่างพวกเขาลงไปแย่งชาพวกลูกศิษย์ดื่ม ก็วางเกียรติไม่ลงอีก

เพราะอย่างไรก็ไม่ใช่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ทุกคนที่จะชื่อบัวมรกต

ตอนนี้ในใจผู้อาวุโสเทพสวรรค์ทุกคนจึงกำลังรำพันว่าให้มีใครสักคนนำ ขอแค่มีคนลงไปขอแบ่งชาตระหนักรู้ดื่มก่อน พวกเขาก็จะตามไปได้

แบบนี้ทั้งไม่เสียหน้าและยังได้ผลประโยชน์จริงๆ มาถึงมือ กำไรเลือดสาด!

น่าเสียดายก็แต่ผู้อาวุโสทุกคนบนชั้นสองต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครอยากเป็นนกที่โผล่หัวออกไปคนแรก

ถึงอย่างไรศิษย์ของพวกเขาก็อยู่ข้างล่างกันหมด ถ้าเห็นอาจารย์ตนลงมาแย่งชาดื่มเป็นคนแรก เช่นนั้นคงน่าขายหน้าเกินไป

คนที่หนังหน้าบางหน่อยถึงขั้นสิ้นชีพทางสังคมไปเลย!

…..

ในที่สุดเสิ่นเทียนก็โยนใบชาพวกนั้นใส่ในเหยือกชา ใบชาตระหนักรู้สีม่วงห้าใบ ทุกส่วนมีแสงแห่งกฎเกณฑ์วนเวียน แช่ลงไปในน้ำแร่วิญญาณเดือดพล่านนั้น

ภายใต้การต้มด้วยน้ำแร่วิญญาณ ไม่นานชาตระหนักรู้ก็ส่งกลิ่นหอมเข้มข้น กระทั่งในชายังมีปรากฏการณ์ลอยขึ้นมา

ผีซิว เถาอู้ งูเหิน สายฟ้า…

ปรากฏการณ์สว่างจ้าปกคลุมไปมากกว่าครึ่งเรือเหาะเทพสวรรค์ กลิ่นหอมชาเย้ายวนก็ลอยโชยไปทั้งเรือเหาะเช่นกัน

เหล่าผู้อาวุโสบนชั้นสองของเรือเหาะ ตอนนี้ต่างน้ำลายแทบจะไหลออกมาแล้ว

ชาตระหนักรู้โอ่งใหญ่นี้ เหลือไว้ให้ข้าสักอึกเถอะ!

ไม่เช่นนั้น วันนี้วันนี้ได้วางหนังหน้าแก่ลงแน่

ตอนนี้เองเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น

พบว่าจู่ๆ ก็มีนักพรตชราเป็นคนแก่สุขภาพดีคนหนึ่งกระโดดลงจากชั้นสามของเรือเหาะ

ใบหน้าเขามีรอยยิ้มเจิดจรัสและอบอุ่น จ้องเหยือกชานั้นเขม็ง “ศิษย์หลาน เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าชาตระหนักรู้ของเจ้าถึงเปรี้ยวจัง”

เสิ่นเทียนชะงักไปเล็กน้อย “เปรี้ยวรึ”

ตลกอะไร ต่อให้ใบชาพวกนี้ยังไม่สุกงอม ก็ยังเป็นสมบัติสุดยอดนะ!

เสิ่นเทียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “อาจารย์ลุงพูดเล่นแล้ว ชาตระหนักรู้นี่จะเปรี้ยวได้อย่างไร!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “ต้องเปรี้ยวแน่ ข้าดมกลิ่นออก หมดอายุหรือไม่ ไม่ได้การ ถ้าชาตระหนักรู้มีปัญหา ดื่มแล้วอาจจะธาตุไฟเข้าแทรกได้ จะเสี่ยงไม่ได้”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพูดพลางเดินมาหน้าเหยือกชายักษ์นั่น ก่อนจะนำชามยักษ์ขนาดเท่าศีรษะคนออกมาจากแหวนเก็บของ “ให้ข้าลองชิมก่อน ถ้าหมดอายุก็ให้ข้าธาตุไฟเข้าแทรกแล้วกัน! พวกเจ้าคือความหวังในอนาคตของแดนศักดิ์สิทธิ์ จะให้เป็นอะไรไปไม่ได้”

พูดจบแล้ว ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็ใช้ชามยักษ์ตักชาตระหนักรู้ยกกรอกใส่ปาก

อึกๆๆๆๆ~

“รสชาติไม่มีปัญหา แต่พลังแห่งกฎเกณฑ์เหมือนจะขาดหาย รู้สึกแปลกๆ ต้องลองอีกชามถึงจะรู้รส”

อึกๆๆๆๆ~

เสิ่นเทียน ศิษย์ทุกคนรวมถึงเหล่าผู้อาวุโสต่างพูดไม่ออก

ระยำ!

ไร้ยางอาย ไร้ยางอายเกินไปแล้ว ไม่เอาบัวมรกต!

เหล่าผู้อาวุโสบนชั้นสองต่างเผยรอยยิ้มดูถูก เจ้านี่จะหน้าด้านเกินไปแล้ว

ไม่อยากเชื่อว่าจะคิดข้ออ้างเลวทรามเช่นนี้ได้ ไปแย่งชาพวกลูกศิษย์กินถึงในกลุ่มศิษย์ ไม่มีแบบอย่างของผู้อาวุโสสักนิด!

ผู้อาวุโสทุกคนทำเสียงขึ้นจมูกดังไม่ขาดสาย แต่ละคนกระโดดลงมาบนดาดฟ้าเรือ หมายจะห้ามไม่ให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตกระทำเรื่องน่าอับอายของผู้อาวุโส

“ศิษย์พี่บัวมรกตท่านไม่เข้าใจวิถีแห่งการชงชา จะรู้ได้อย่างไรว่าชาตระหนักรู้นี่ดีหรือไม่ดี สิ้นเปลืองชาตระหนักรู้ล้ำค่านี่เปล่าๆ ให้ข้าเสี่ยงตรงนี้เองเถอะ!”

“ท่านคู่ควรรึ ในผู้อาวุโส นอกจากศิษย์หลานบัวขาวแล้ว ก็ข้านี่แหละที่มีศาสตร์การชงชาแกร่งที่สุด อึกเดียวก็รู้ว่าชาตระหนักรู้นี่มีคุณภาพดีหรือไม่ดี”

“อาจารย์ลุงท่านอายุปูนนี้แล้ว กระดูกไม่ค่อยดี เกิดดื่มแล้วเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ ให้ข้าเองเถอะ!”

……

เมื่อเห็นเหล่าผู้อาวุโสที่ล้อมรอบเหยือกชาและแย่งกันเป็นก้อนกลมแล้ว ศิษย์เทพสวรรค์บนดาดฟ้าเรือต่างมองหน้ากัน

แค่กๆ จะว่าไปอาจารย์ลงมาเพื่อชิมชาดูว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่จริงๆ รึ

เราก็ไม่รู้ และก็ไม่กล้าถามด้วย!

แต่มั่นใจได้แน่นอนว่านับจากวันนี้ไปผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตจะยืดหลังตรงขึ้นได้อีกนิดหน่อยในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แน่นอน

เพราะตอนนี้ทุกคนคือผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต!

“หลบไปให้หมด! มีระเบียบกันบ้างหรือไม่”

ตอนนี้เอง เสียงเฉยชาของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ดังมาจากบนสุดของเรือเหาะเทพสวรรค์ “ชาตระหนักรู้นี่ไม่มีปัญหา ทุกคนไม่ต้องตื่นตูม”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตยังคงดื่มชาตระหนักรู้ดังอึกๆๆ “ศิษย์น้องเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าชาตระหนักรู้นี่ไม่มีปัญหา พวกเราต้องรับรองความปลอดภัยให้ลูกศิษย์”

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์สั่นไหวอย่างรุนแรง สายฟ้าสีทองกลายเป็นมือใหญ่ข้างหนึ่งหิ้วตัวผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตกลับมาบนชั้นสาม

“เทียนเอ๋อร์ได้ใบชาตระหนักรู้ในเขตทะเลเบิกฟ้ามาไม่น้อย ได้รายงานกับข้าอย่างละเอียดก่อนแล้ว”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นำใบชาตระหนักรู้สีเงินอ่อนออกมาใบหนึ่ง “เขาเคยบอกกับข้าว่าจะใช้ใบชาตระหนักรู้ที่ดีที่สุดต้อนรับเหล่าผู้อาวุโส ข้าจะต้มชาอยู่บนชั้นสาม หากทุกท่านไม่อยากพลาดก็ขึ้นมาเถอะ”

ขณะพูดอยู่นั้น สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กระเพื่อมขึ้นเรื่อยๆ

นั่น คือใบชาตระหนักรู้สีเงิน!

ตอนที่เห็นใบชาในมือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ชัดเจน ผู้อาวุโสผู้สูงศักดิ์สวรรค์ทุกคนถึงกับตะลึงงัน

บ้าจริง!

ห้าดินแดนนี้ มีใบชาตระหนักรู้ระดับนี้อยู่จริงๆ รึ

ไม่อยากเชื่อว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์จะพบสมบัติสุดยอดสูงสุดเช่นนี้ในเขตทะเลเบิกฟ้า ทั้งยังมอบให้แดนศักดิ์สิทธิ์อีก

นี่มันบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพเซียนอะไรกัน เราได้บุตรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้มา ภายภาคหน้ายังต้องกังวลว่าจะไม่ยิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง จะพิชิตดินแดนบูรพาห้าดินแดนไม่ได้อีกหรือ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คนต่อไปก็คือเขาแล้ว!

ใครกล้าคัดค้านไม่ให้บุตรศักดิ์สิทธิ์สืบทอดตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะควงปากใหญ่ด่ามัน!

ฟุบ~

ฟุบๆๆ~

ฟุบๆๆๆ~

ประกายเซียนขยับวูบไหว ผู้อาวุโสทุกคนบินกลับไปชั้นบน วางมาด ‘ผู้สูงส่งบรรลุธรรม’ อีกครั้ง

“เมื่อครู่ข้าได้ดื่มไปถ้วยเล็ก ชาตระหนักรู้โอ่งนี้ไม่มีปัญหาจริงๆ ถึงจะไม่มีประโยชน์กับพวกข้ามากนัก แต่มีประโยชน์ในการเพิ่มระดับพลังของพวกเจ้าอย่างมาก”

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ใจกว้างมอบชาให้ พวกเจ้าต้องคว้าโอกาสนี้ตระหนักกฎเกณฑ์ อาศัยชาตระหนักรู้ขึ้นไปในระดับที่สูงกว่า อย่าให้ผิดต่อความมุ่งมั่นของบุตรศักดิ์สิทธิ์เด็ดขาด”

“วันนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์มอบชาให้คือเหตุ ภายภาคหน้าหากพวกเจ้ามีโอกาสจะต้องสนับสนุนบุตรศักดิ์สิทธิ์ รักษาความน่าเกรงขามของเทพสวรรค์เราไว้ เรื่องนี้พวกเจ้าต้องจำให้ขึ้นใจ”

“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง ศิษย์พี่สาม ยังบ่นไม่เสร็จอีกรึ ท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เริ่มต้มชาแล้ว ถ้ายังไม่เข้ามาอีกจะโดนเจ้าบัวมรกตแย่งไปหมดแล้วนะ!”

“ระยำ รอข้าด้วย!”

“เหลือให้ข้าถ้วยหนึ่ง ไม่เช่นนั้นข้าจะใช้กุมอัสนีผ่าเจ้าให้ตาย!”

……..

ฟุบ~!

ผู้อาวุโสทั้งหมดบนดาดฟ้าเรือชั้นสองหายวับไปในทันที

ฟางฉางกับจางอวิ๋นถิงมองหน้ากัน เวลานี้หน้าชาดูปวดไข่นิดๆ

นี่คือเหล่าผู้อาวุโสที่พวกเขาเคารพเมื่อก่อนรึ เหตุใดถึงรู้สึกว่ามีแต่ตาแก่ไม่ได้เรื่อง

ทางด้านจางอวิ๋นซี ตอนนี้ยังคงมองเสิ่นเทียน สายตาที่มองใครก็เย็นชา ตอนนี้กลับอ่อนโยนดั่งสายน้ำใบไม้ร่วง

นางเดินมาข้างกายเสิ่นเทียนช้าๆ ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้องไปผจญภัยทะเลอุดรครั้งนี้ ระดับพลังลึกล้ำไม่อาจคาดเดาได้ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก แต่ไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่เผ่ามังกรคนนั้น ตอนนี้อยู่ที่ใด ไฉนถึงไม่ร่วมเดินทางกับศิษย์น้องล่ะ”

เสิ่นเทียนต้มชาตระหนักใหม่ไปพลาง ยิ้มไปพลาง “พี่สาวปิงปิดด่านบำเพ็ญอยู่เกาะมังกร เหมือนเตรียมจะฟื้นระดับพลัง หากศิษย์พี่หญิงสนใจ ช่วงค่ำๆ หน่อยข้าจะหาเวลามาเล่าให้ท่านฟังอย่างละเอียด และจะได้ต้มชาแบบพิเศษให้ศิษย์พี่หญิงดื่มด้วย”

ต้มชาแบบพิเศษให้ข้าดื่มรึ

จางอวิ๋นซีอึ้งไปเล็กน้อย ใบหน้าแดงขึ้นมา

ดังนั้น ศิษย์น้องนี่เจ้ากำลังนัดเจอข้าตอนตีสาม ดื่มชาใต้แสงจันทร์ด้วยกันและบอกความในใจรึ

จางอวิ๋นซีพยักหน้าช้าๆ “เรื่องที่ศิษย์น้องออกผจญภัยครึ่งปีมานี้ ศิษย์พี่หญิงย่อมสนใจ…”

จางอวิ๋นซียังเอ่ยไม่จบก็มีเสียงตื่นเต้นดังขัดขึ้นมาก่อน “ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ๆ ท่านกลับมาแล้วรึ”

ตึงๆๆ~

ดาดฟ้าเรือสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หุ่นเหล็กยักษ์ตัวหนึ่งวิ่งเข้ามา ข้างหลังมันแบกเสาเหล็ก ด้านบนแกะสลักภาพลวดลายลี้ลับอย่างยิ่งหลากหลาย

ตรงส่วนเอวของหุ่นเหล็กยังผูกลูกเหล็กสีเงินขนาดเท่าศีรษะคนหลายลูก เปล่งประกายเย็นยะเยือก

ปึง~

ส่วนศีรษะของหุ่นเหล็กแยกออกช้าๆ เผยใบหน้าหล่อเหลา

ผมมีเส้นผมสีทอง ส่องแสงระยิบระยับภายใต้แสงตะวันส่องสะท้อน ดูสวยงามเป็นพิเศษ

นี่เป็นบุรุษรูปงามที่พบเห็นได้ยาก มีอย่างเดียวที่ทำให้รู้สึกแปลกคือมีความเป็นหยางด้อยไปเล็กน้อย กระทั่งมีเสน่ห์ของสตรีอยู่บ้าง

ร่างผอมและสง่างามกับเกราะนักรบเหล็กกล้าแข็งแกร่ง เกิดเป็นการเปรียบเทียบกันอย่างชัดเจนมาก

แปลกแต่ก็เข้ากันได้ดี~

ยามนี้บุรุษคนนี้มองเสิ่นเทียน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและบ้าคลั่ง “ศิษย์พี่ๆ ข้าเพิ่งปิดด่านบำเพ็ญศึกษาการยกระดับของเกราะหุ่นเหล็ก ได้ยินว่าท่านกลับมาแล้วก็เลยออกด่านบำเพ็ญเลย!

เกี่ยวกับด้านเกราะหุ่นเหล็กนี่ ข้ายังมีจุดที่ไม่เข้าใจอีกเยอะ อยากจะถามท่าน! ศิษย์พี่มีเวลาสอนข้าหน่อยหรือไม่!”

จางอวิ๋นซี “!!”

บัดซบ ไม่อยากเชื่อว่าจะขัดการคุยของข้ากับศิษย์น้อง!

สายตาเย็นชามองไปที่ฉินอวิ๋นตี๋ น่าเสียดายก็แต่ตอนนี้ในสายตาเขาตอนนี้มีเพียงเสิ่นเทียน ไม่สังเกตเห็นกลิ่นอายสังหารจากแววตาของสตรีศักดิ์สิทธิ์เลย

ตึงๆๆ~

หุ่นเหล็กยักษ์เดินมาหน้าเสิ่นเทียน หย่อนก้นนั่งลง ทั้งดาดฟ้าสั่นสะเทือน

เสิ่นเทียนเห็นเกราะเหล็กข้างล่างตัวฉินอวิ๋นตี๋แล้วก็ตกใจเล็กน้อยเช่นกัน

ไม่นึกเลยว่าตอนแรกที่ตนแค่พูดเชิงล้อเล่นกับฉินอวิ๋นตี๋ จะทำให้เขารวมระเบิดกับหุ่นกระบอกเข้าด้วยกันได้ ไม่อยากเชื่อว่าเจ้านี่จะสร้างหุ่นเหล็กขึ้นมาได้จริงๆ

อีกทั้ง รูปทรงยังเจ๋งสุดๆ!

นี่ตรงตามตำราชุดเกราะอย่างสมบูรณ์ งานมือทุกชิ้นสุดยอดเหนือจินตนาการ!

เสิ่นเทียนตบหุ่นเหล็กที่ให้สัมผัสโลหะเต็มเปี่ยมเบาๆ ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวตี๋เจ้าคืออัจฉริยะจริงๆ!”

ฉินอวิ๋นตี๋เผยรอยยิ้มเก้อเขินบนใบหน้าหล่อเหลา “ที่ไหนกันๆ เทียบกับศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์แล้ว ข้ายังโง่เขลาเกินไปนัก”

เสิ่นเทียนยิ้ม “ปิดด่านบำเพ็ญมานานเช่นนี้คงจะเหนื่อยแล้วกระมัง! มา ดื่มชาตระหนักรู้พักผ่อนสักหน่อย เรื่องหุ่นเหล็กนี่ ไว้ค่ำๆ เราค่อยดื่มชาไปคุยไปเป็นการส่วนตัวแล้วกัน!”

จางอวิ๋นซีงุนงง

นี่มันอะไรกัน ข้ามาก่อนเห็นๆ!

จางอวิ๋นซีจ้องเสิ่นเทียนเขม็ง “ศิษย์น้อง เจ้าบอกว่าจะชงชาคุยกับข้าตอนค่ำๆ ไม่ใช่รึ”

เอ่อ มีด้วยรึ

เสิ่นเทียนผงะไปก่อนจะเกาหัวยิ้มๆ “พอเห็นหุ่นเหล็กนี่เลยตื่นเต้นไปหน่อย เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเลย! ข้ายังมีใบชาสีเงินเหมือนของอาจารย์อยู่อีกหน่อย”

ศิษย์พี่ศิษย์น้องข้างกายพวกนี้ล้วนเป็นผักกุยช่ายระดับสูงสุด คู่ควรให้เสิ่นเทียนนำใบชาตระหนักรู้สีเงินที่เก็บไว้ส่วนตัวพวกนั้นออกมา

ด้วยกันรึ

ไหนพูดไว้ดิบดีว่าโลกของเราสองคน ไม่มีแล้วรึ

จางอวิ๋นซีมุมปากกระตุกเล็กน้อย มองฉินอวิ๋นตี๋ที่นั่งอยู่ข้างเสิ่นเทียน

หรือว่าในใจศิษย์น้อง ก้อนเหล็กเย็นๆ เช่นนี้จะสำคัญกว่าการอยู่กับข้าเพียงลำพังกัน

อยากจะฉีกหุ่นเหล็กนี่ชะมัด!

ความรู้สึกด้านลบจากจางอวิ๋นซี +66666

……..

ชาตระหนักรู้ลงท้องไปถ้วยหนึ่ง ฉินอวิ๋นตี๋ก็เปล่งแสงสีม่วงทั้งตัว

โดยเฉพาะศีรษะ เส้นผมทองเหมือนเป็นสีม่วง เต็มไปด้วยกลิ่นอายของสติปัญญา

เขาเหมือนนึกอะไรได้จึงมองเสิ่นเทียนด้วยความเลื่อมใส “เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว คอขวดของทักษะนั่น!

ศิษย์พี่ชาตระหนักรู้ของท่านสุดยอดมาก ข้าครุ่นคิดอย่างหนักมาหลายเดือนก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้เลย แต่ชาถ้วยเดียวกลับทำให้เข้าใจได้

วิเศษ วิเศษมาก! ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าในความคิดมีแรงบันดาลใจกำลังชนกันอยู่ทุกที่! ไม่ได้ จะสิ้นเปลืองไม่ได้ ข้าต้องกลับไปปิดด่านบำเพ็ญต่อ!”

ตึงๆๆๆ~

หุ่นเหล็กยักษ์ลุกขึ้นอีกครั้ง ฉินอวิ๋นตี๋วิ่งฮืดฮาดไปในห้องลับปิดด่านบำเพ็ญต่อ “ศิษย์พี่ ช่วงค่ำๆ หน่อย ข้าจะมาหาท่านอีก!”

เสิ่นเทียนมองแผ่นหลังที่รีบร้อนจากไปของฉินอวิ๋นตี๋ก่อนจะหลุดยิ้มออกมา “ไม่อยากเชื่อว่าเจ้านี่จะสร้างหุ่นเหล็กได้จริงๆ!”

ในใจเด็กชายทุกคนล้วนมีความฝันหุ่นเหล็กอันโรแมนติกและความฝันฝึกบำเพ็ญเซียนได้ขี่กระบี่เซียน

เสิ่นเทียนอยากรู้จริงๆ ว่าหากสนับสนุนเจ้านี่เต็มที่แล้ว เขาจะเดินบนเส้นทางนี้ไปได้ถึงระดับใด

อืม เดี๋ยวต้องแบ่งชาตระหนักรู้ให้ฉินอวิ๋นตี๋สักหน่อย

ถึงอย่างไรก็เป็นทีมวิจัย ใช้งานสมองมากที่สุด

ต้องดื่มชาบำรุงหน่อย!

……

ชาตระหนักรู้ในเหยือกชายังคงต้มอยู่ ตอนนี้น้ำแร่วิญญาณเดือดพล่านนั้นดูดซับฤทธิ์ยาของใบชามากพอแล้ว

เสิ่นเทียนกำชับให้พวกเถ้าแก่ซ่งและหลิวไท่อี่ แบ่งชาตระหนักรู้กับศิษย์เทพสวรรค์ทุกคนคนละหนึ่งถ้วย ให้พวกเขาดื่ม

ทันใดนั้น ศิษย์เทพสวรรค์ทุกคนก็เปล่งแสงสว่างพร่างพราว คอขวดที่ไม่เข้าใจในการฝึกบำเพ็ญ ตอนนี้ทะลวงไปอย่างรวดเร็ว

ศิษย์แทบทุกคนยกระดับความเข้าใจในวิชาและศาสตร์ต่างๆ อย่างรวดเร็ว กระทั่งมีหลายคนทะลวงพลังเพราะเหตุนี้

เปรี๊ยะ~

ประกายสายฟ้าหลากสีสันสว่างจ้า!

ศิษย์แกนหลักเทพสวรรค์คนหนึ่งมีแก่นพลังทองสว่างวาววับลอยขึ้นมาเหนือศีรษะ หมุนวนช้าๆ กลิ่นอายพลังเพิ่มขึ้นตามอย่างมาก!

ทะลวงพลังแล้ว!

ตอนนี้เขากระบอกตาร้อนผ่าว โค้งตัวให้เสิ่นเทียน “ขอบคุณที่ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์มอบชาให้ ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณยิ่งใหญ่นี้!”

ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว!

ตอนนี้ผู้โชคดีที่ทะลวงพลังพร้อมกับศิษย์คนนี้มีไม่น้อย พวกเขาถูกขังอยู่ในคอขวดไม่ก็ความคิดยึดมั่น ไม่ทะลวงพลังมานานมาก

ตอนนี้ชาตระหนักรู้ถ้วยหนึ่งลงท้อง จิตใจใสสะอาดถึงขั้นทะลวงระดับพลัง กระทั่งคนที่ทะลวงต่อเนื่องก็ใช่ว่าจะไม่มี

เส้นทางแห่งการบำเพ็ญเซียน การขวางคนบรรลุมรรคเหมือนสังหารบุพการี และการช่วยคนบรรลุมรรคไม่ด้อยไปกว่าบุญคุณสร้างชีวิตใหม่

ตอนนี้ศิษย์เทพสวรรค์ที่ได้รับผลประโยชน์ทุกคนต่างขอบคุณจากใจจริง

“ขอบคุณที่ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์มอบชาให้ ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณยิ่งใหญ่นี้!”

“ขอบคุณที่ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์มอบชาให้ ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณยิ่งใหญ่นี้!”

“ขอบคุณที่ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์มอบชาให้ ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณยิ่งใหญ่นี้!”

……

เสียงขอบคุณดังขึ้นเป็นปึกแผ่น มีความจริงใจชัดเจน

เรือเหาะเทพสวรรค์ทะลวงมวลอากาศ กลิ่นหอมชาตระหนักรู้เข้มข้นคงอยู่นานไม่จางหาย

เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันอบอุ่นยิ่งแล้ว แม้แต่กุ้ยกงกงยังอดเผยรอยยิ้มปลื้มใจมิได้

นึกถึงเมื่อปีก่อน องค์ชายยังเป็นเพียงองค์ชายสิบสามที่ไม่เป็นที่ชื่นชอบที่สุดในอาณาจักรต้าเหยียนอยู่เลย ถูกทุกคนมองว่าเป็นดาวร้ายอัปมงคล

ตอนนี้ผ่านไปเพียงหนึ่งปีสั้นๆ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป องค์ชายไม่ใช่แค่เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แต่ยังเป็นตำนานเลื่องลือไปในทั้งห้าดินแดน

และยังมีแดนศักดิ์สิทธิ์มากมาย ธิดาสวรรค์จากเผ่าเทพต่างๆ โอบล้อมอยู่ข้างกายองค์ชาย ทุกคนคือเซียนหญิงเลิศล้ำที่สุดแห่งยุค

ได้เห็นภาพนี้กับตา ต่อให้ตายไปตอนนี้ บ่าวก็ไม่เสียใจ

เสิ่นเทียนยิ้มพลางเดินมาทางกุ้ยกงกง “ลุงกุ้ย นี่ชาของท่าน”

กุ้ยกงกงรับชาที่เสิ่นเทียนยื่นให้มาแล้ว กระบอกตาก็แดงขึ้นมานิดๆ เขามองทอดไกลไปทางตะวันออก นั่นคือทิศทางของอาณาจักรต้าเหยียน

“ในที่สุดองค์ชายก็เติบใหญ่ วันทุกข์ผ่านไปวันสุขก็เข้ามา มีสวรรค์คอยปกปัก และยังมีศิษย์พี่ศิษย์น้องที่สนับสนุนองค์ชายอย่างจริงใจมากมายเช่นนี้

พระสนมหลาน หากท่านมีดวงจิตอยู่บนฟ้า จะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน”

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด