บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 212 ข้าประเมินราคายุติธรรมที่สุด

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 212 ข้าประเมินราคายุติธรรมที่สุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 212 ข้าประเมินราคายุติธรรมที่สุด!

เมื่อเสียงดังขึ้น ไข่สีดำที่ห่อไว้ข้างหลังเสิ่นเทียนก็กระโดดออกมา

บนไข่นั้นปรากฏลายมังกรเล็กน้อย นี่ก็คือไข่มังกรดั้งเดิมที่เกิดจากเอ๋าปิงบรรลุนิพพานไปก่อนหน้านี้

ตอนนี้ไข่มังกรลอยขึ้นฟ้า แสงสีดำรวมเป็นร่างคนหนึ่ง หน้าตาเหมือนกับเอ๋าปิงมาก แค่อายุน้อยกว่ามาก

ก่อนหน้านี้บนโครงกระดูกมังกรศักดิ์สิทธิ์ หญิงมังกรเอ๋าปิงที่เสิ่นเทียนเห็นเป็นหญิงวัยสาวอายุยี่สิบกว่า แต่ร่างหญิงที่ลอยขึ้นมาจากไข่มังกรตอนนี้กลับเป็นเด็กหญิงน้อยชุดกระโปรงดำอายุราวหกเจ็ดขวบ

นางเท้าสะเอว ทำปากพอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห ดูเหมือนเด็กหญิงน้อยโดนคนอื่นแย่งขนมไป

และสิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนตกใจคือส่วนสูงและความงามของหญิงมังกรลดน้อยลง ทว่าความชั่วร้ายกลับไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด

ร่างเล็กๆ แบกรับแรงกดดันที่ไม่ควรจะรับ ช่างน่าปลงอนิจจังจริงๆ

เสิ่นเทียนมองเอ๋าปิงบนไข่มังกรพลางอดนึกไปถึงจิ้งจอกน้อยไม่ได้

อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ถ้าให้เอ๋าปิงเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงแดง แบกน้ำเต้าสุราใหญ่ เปลี่ยนเขามังกรสีชมพูเป็นใบหูจิ้งจอก ก็พอจะมีความสง่างามอยู่บ้าง

เพียงแต่เสิ่นเทียนแปลกใจเล็กน้อย หลังจากเถากลืนกินเซียนนิพพานก็เหมือนจะมีกำลังรบลดลงไปอย่างมาก ไม่รู้ว่าหลังหญิงมังกรน้อยนี่นิพพานแล้ว กำลังรบจะลดลงหรือไม่ มีโอกาสพลิกมาเป็นมังกรให้ขี่ได้หรือไม่

เวลานี้เสิ่นเทียนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ถึงอย่างไรนักรบมังกรก็เป็นความใฝ่ฝันสูงสุดของเด็กผู้ชายส่วนมาก!

…..

ขอข้ามว่าตอนนี้เสิ่นเทียนมองเอ๋าปิงพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่ ตอนนี้เอ๋าปิงกับข่งเมิ่งปะทะกันแล้ว

เอ๋าปิงเอามือซ้ายเท้าสะเอว มือขวาชี้หน้าข่งเมิ่ง “ยัยหนูเผ่านกยูง เสิ่นเทียนเป็นของข้า! ข้าทำสัญญากับเขาแล้ว ตอนนี้เขาคือพันธมิตรของเกาะมังกรดำข้า ไม่มีทางทำสัญญากับเผ่านกยูงพวกเจ้าได้อีก!”

แม้ข่งเมิ่งจะดูเหมือนเย็นชา แต่เป็นโอรสสวรรค์อันดับหนึ่งของดินแดนทักษิณ จะไม่มีความโอหังของตัวเองได้อย่างไร

นางพิจารณามองเอ๋าปิงอย่างเฉยชา “หญิงมังกรแห่งเกาะมังกรดำทะเลอุดรรึ ช่างบังเอิญมาก แต่สหายเสิ่นทำสัญญาเทพมังกรกับเกาะมังกรดำพวกเจ้าก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการทำสัญญากับเผ่าข้า

เจ้าก็รู้ว่าในสงครามครั้งนั้นเมื่อหมื่นปีก่อนก็มียอดโอรสสวรรค์หลายคนทำสัญญาควบกับหลายเผ่า กระทั่งพกตราเทพหกเผ่าทีเดียว!”

ข่งเมิ่งเอ่ยจบก็มองเสิ่นเทียนพลางพูดนิ่งๆ “สหายเสิ่นมีสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินหลายชนิด เหมาะจะฝึกฝนวิชาปัญจธาตุกับพลังปัญจธาตุที่สุด!

เมิ่งยืนยันได้ว่า นอกจากเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว ในโลกนี้ไม่มีวิชาเซียนใดเหมาะสมกับสหายเสิ่นไปกว่าแสงเทพห้าสี หากสหายเสิ่นยินดี เมิ่งมั่นใจว่าจะเกลี้ยกล่อมผู้อาวุโสในเผ่าให้ทำสัญญาเป็นลำดับสองกับสหายเป็นกรณีพิเศษได้

ด้วยศักยภาพ พรสวรรค์และท่วงท่าสง่างามเช่นสหาย เมิ่งไม่ถือสาที่จะทำสัญญาร่วมกับเผ่ามังกร”

เห็นได้ชัดมากว่าเสิ่นเทียนใช้พลังบำเพ็ญระดับสร้างฐานทำลายกรงแสงเทพห้าสีปัญจธาตุของข่งเมิ่งได้ ทำให้ได้รับการยอมรับจากนางทั้งหมดแล้ว

ถ้าไม่เช่นนั้น ต่อให้เสิ่นเทียนมีใบหน้าหล่อเหลาที่สุด ข่งเมิ่งก็อาจจะไม่ยินดีทำสัญญาร่วมกับเอ๋าปิง

ถึงอย่างไรการที่เผ่ามนุษย์เป็นพันธมิตรกับเผ่าปีศาจ นี่เท่ากับว่าเผ่าปีศาจให้ความเคารพกับเผ่ามนุษย์อย่างยิ่ง

หากเจ้าไม่ได้ทำสัญญากับแค่เผ่าเรา แต่ยังพลิกมือไปทำสัญญากับเผ่าอื่น ถึงในด้านหลักการเดิมจะไม่ผิดอะไร แต่สัตว์เทพก็มีเกียรติไม่ใช่หรือ

ตั้งแต่โบราณมามีเพียงโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคที่มีพรสวรรค์ส่องประกายแสงตั้งแต่โบราณกาลมาจนถึงปัจจุบันอย่างแท้จริงเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ได้รับการยอมรับจากหลายเผ่าสัตว์เทพใหญ่ๆ ได้ทำสัญญาร่วมกัน

และในมุมมองข่งเมิ่ง ความสง่างาม เอกลักษณ์ ศักยภาพและพรสวรรค์ของเสิ่นเทียนก็มีคุณสมบัติที่จะได้รับสิ่งนี้

ทว่าเทพธิดาของเผ่าเทพนกยูงตกลง แต่หญิงมังกรที่นิพพานมาเป็นเด็กกลับไม่เห็นด้วย

หญิงมังกรชุดกระโปรงเล็กสีดำแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา “ข้าจะไม่ยอมทำสัญญาร่วมกับเจ้าเด็ดขาด”

ข่งเมิ่งหัวเราะเบาๆ “ถ้าน้องมังกรไม่ยอมก็เลิกสัญญากับสหายเสิ่นก็จบ สัญญาคนกับเทพขึ้นอยู่กับความยินยอมของตนเอง ใครจะไปบังคับเจ้าได้กัน!”

เอ๋าปิงว่า “เจ้า!”

ข่งเมิ่งเผยอมุมปากเล็กน้อย แสงเทพห้าสีข้างหลังแกว่งไกวเบาๆ “ยังไม่ออกจากเปลือกด้วยซ้ำก็รู้จักทำสัญญาเทพมังกรแล้วรึ น้องมังกรเจ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้วรึ ระวังคนที่บ้านรู้นะว่าเจ้าแอบผู้อาวุโสมาทำสัญญา กลับไปจะโดนตีก้น!”

เอ๋าปิงโมโหจนควันสีขาวออกจมูก ความชั่วร้ายโหมซัดสาดเป็นคลื่นลูกใหญ่ แต่ไม่นานก็สงบลง

นางมองข่งเมิ่งด้วยรอยยิ้มมั่นใจในตนเอง “จะว่าไปสตรีแห่งเผ่านกยูงพวกเจ้าเป็นโรคพิการแต่กำเนิดรึ ดูเจ้าสิโตเป็นสาวแล้วเหตุใดยังแบนขนาดนั้นล่ะ คนที่รู้จะคิดว่าเจ้าเป็นเทพธิดานกยูง คนที่ไม่รู้สิจะคิดว่าเจ้าเป็นคุณชายนกยูง!

ยัยหนู ถ้าเจ้าเป็นชายแต่งหญิงก็ไม่ต้องใส่ชั้นในหรอก!”

เอ๋าปิงพูดไปพลางตั้งใจยืดหน้าอกไปพลาง “ข้านิพพานมาเป็นร่างเด็กยังใหญ่กว่าเจ้าอีก!”

บึ้ม~!

จู่โจมอย่างหนัก -999999…

จิตสังหารรุนแรงปกคลุมไปทั้งหุบเขามังกรศักดิ์สิทธิ์

ข่งเมิ่งกัดฟันกรอด แสงเทพห้าสีข้างหลังกางออกอีกครั้ง “ข้าจะทำลายเจ้า!”

ปีศาจหญิงจากเผ่านกจาบฝนข้างๆ รีบดึงข่งเมิ่งไว้ “พี่เมิ่ง อย่าบุ่มบ่าม นางเป็นเผ่ามังกรดำ”

ดินแดนทักษิณมีเผ่าหงส์เป็นใหญ่ และทะเลอุดรก็มีเผ่ามังกรเป็นใหญ่ เป็นสองขุมอำนาจใหญ่ของเผ่าปีศาจ

ถึงเผ่าเทพนกยูงที่ข่งเมิ่งอยู่จะเป็นสุดยอดของเผ่าปีศาจ แต่เทียบกับมังกรและหงส์สองเผ่าแล้ว ก็ยังด้อยกว่าเล็กน้อย

เอ๋าปิงกลับมาเหนือกว่าได้ก็หัวเราะเยาะ “ว่าไง แค่นี้ก็โมโหแล้วรึ ข้าแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง นี่โตเต็มวัยแล้วหรือ เหอะๆ ข้ามีชื่อเสียงมาเมื่อหมื่นปีก่อนแล้ว ต่อให้บิดาเจ้าพบข้ายังต้องเรียกผู้อาวุโสเลย อย่างเจ้าน่ะหรือจะมีสิทธิ์โอหังต่อหน้าข้า ช่างไม่รู้อะไรเลย!”

นิพพาน?

ข่งเมิ่งอึ้งไปแล้ว จากนั้นเหมือนนึกอะไรออก

ใช่ มังกรนี่น่าจะใช่ไข่มังกรที่รอฟักของเผ่าเทพมังกรดำ ไม่อย่างนั้นจะฝีปากกล้าเช่นนี้ได้อย่างไร

น่าจะเป็นเผ่ามังกรที่บาดเจ็บหนัก สำแดงวิชาลับนิพพานเพื่อฟื้นพลังปราณเดิม ถึงได้กลายเป็นร่างเยาว์วัยอีกครั้ง

สถานการณ์เช่นนี้มีให้เห็นไม่น้อยในโลกบำเพ็ญเซียน ทั้งยังเกิดขึ้นถี่มาก เพราะระดับพลังที่สี่ของศาสตร์หลอมกายเทพมารก็มีชื่อว่า ‘ระดับนิพพาน’

สอดคล้องกับศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทองคือ ‘หลอมปราณ สร้างฐาน แก่นพลังทอง ดวงจิตดรุณ หลอมรวมเทพ ฝ่าด่านเคราะห์ และมหายาน’ ศาสตร์หลอมกายเทพมารก็มีเจ็ดระดับพลังใหญ่เช่นกัน

นั่นคือ ‘หลอมกาย เหนือสามัญ กายทอง นิพพาน ผ่านเทวะ เคราะห์เกิดดับ และแดนเทวา’

ระดับกายทองในนั้นจะยกระดับกายหยาบให้ถึงระดับสมบูรณ์ไร้สิ่งเจือปน หลอมเป็นกายทองเทพมารที่ไม่มีข้อบกพร่องใดๆ

ต่อไปจะหลอมรวมพลังเทพแท้จริงออกมาจากกายทองเทพมาร นำมาหลอมรวมเป็นทวารเทพในร่างกาย เก็บต้นกำเนิดชีวิตไว้ในทวาร

เมื่อถึงระดับพลังนี้ ขอแค่ทวารเทพมีมากพอ เช่นนั้นการเชื่อมต่อระหว่างร่างกายก็จะแน่นแฟ้นอย่างยิ่ง

ถ้าผู้แข็งแกร่งระดับดวงจิตดรุณถูกโจมตีกายหยาบก็จะให้ดวงจิตดรุณหนีออกไปนอกร่างกายได้ ไปชิงกายหยาบคนอื่นหรือใส่วิญญาณในศพได้

ทางด้านผู้แข็งแกร่งระดับนิพพาน หากถูกสังหารกายหยาบก็จะใช้ทวารเทพที่มีมากพอสร้างกายหยายกลับมาใหม่ได้

เล่าลือว่าหากมีทวารเทพมากพอ ผู้แข็งแกร่งศาสตร์หลอมกายเทพมารบางคนถึงขั้นใช้หยดโลหิตกำเนิดชีวิตใหม่ได้! และด้วยเหตุนี้เอง ผู้ฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมารที่แข็งแกร่งจึงเป็นที่ยอมรับว่าสังหารได้ยาก อย่างมากก็ได้แค่ผนึกไว้

ถ้าไข่มังกรดำนี่เป็นผู้แข็งแกร่งเผ่ามังกรเมื่อหมื่นปีก่อนนิพพานมาจริงๆ เช่นนั้นก็คงมีเบื้องหลังน่าสะพรึงกลัวแล้ว

ข่งเมิ่งเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่านกยูง ย่อมไม่ใช่คนที่อกใหญ่ไร้สมอง

ถึงอย่างไรอกนางก็ไม่ได้ใหญ่อยู่แล้ว

‘ถ้านางเป็นผู้แข็งแกร่งเผ่ามังกรยุคบรรพกาลจริงๆ ก็ยิ่งให้นางครอบครองสหายเสิ่นคนเดียวไม่ได้’

ข่งเมิ่งแอบระแวงอยู่ในใจ ถึงเผ่าปีศาจทะเลอุดรกับเผ่าปีศาจดินแดนทักษิณจะเป็นเผ่าปีศาจเหมือนกัน แต่ไม่ได้ผูกพันกันเท่าไร

หากเกาะมังกรดำทะเลอุดรได้เสิ่นเทียนเป็นพันธมิตรมนุษย์เช่นนี้ ได้ผูกมิตรกับแดนศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์ ภายภาคหน้าจะมีศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน

ตนเป็นเผ่าเทพสุดยอดของดินแดนทักษิณ ข่งเมิ่งคิดว่าจะยอมให้เผ่ามังกรเอาเปรียบเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด

เมื่อคิดได้ดังนั้น ข่งเมิ่งก็ยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสแก่เผ่ามังกรดำที่ถูกผนึกในสนามรบบรรพกาลมาหมื่นปีนี่เอง! ผู้อาวุโส สหายเสิ่นยังหนุ่มเช่นนี้ ท่านอายุหมื่นปีกว่าแล้ว ไม่อายที่จะให้เขาขี่รึ! มังกรแก่กินหญ้าอ่อนหรือ”

เอ๋าปิงโมโหจนควันออกเขามังกร ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้กำลังนิพพาน ไข่มังกรดำก็แทบจะพุ่งชนใส่ข่งเมิ่งแล้ว

นางสาบานว่ารอนางนิพพานสำเร็จเมื่อไร จะต้องบุกไปเผ่านกยูงอัดยัยเด็กนี่ให้ทุกข์ทรมานสักครั้ง

ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าด่าข้าแก่ ตอนนี้ข้าอยู่ในช่วงวัยกำลังหยาดเยิ้มชัดๆ!

อายุกับขนาดเป็นอาวุธสังหารตลอดกาล เมื่อเห็นเอ๋าปิงโมโหจนไข่กระโดดแล้ว ข่งเมิ่งก็ยิ้ม

“สหายเสิ่นเจ้าโดดเด่นเพียงนี้ ทั้งยังมีกายเทพอัสนีปัญจธาตุ เหมาะจะฝึกฝนแสงเทพห้าสีที่สุด อีกทั้งเมิ่งจะไม่ห้ามเจ้าทำสัญญากับเผ่าอื่น กระทั่งยังช่วยแนะนำให้เจ้าด้วย!

องค์หญิงน้อยแห่งเผ่าหงส์เป็นอย่างไร แล้วยังมีเผ่าพญาอินทรีปีกทอง…”

ข่งเมิ่งยังพูดไม่จบก็โดนเสียงตะคอกด้วยความโกรธขัดไว้

แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่เอ๋าปิง แต่เป็นจินอวี่ที่ทนฟังไม่ได้ตั้งนานแล้ว

“หุบปาก!”

……

ตนแพ้ให้ฉินอวิ๋นตี๋ จินอวี่จึงฟังคนอื่นคุยกันด้วยความรู้สึกต่ำต้อยมาตลอด ขณะเดียวกันยังรักษาบาดแผลไปด้วย

เมื่อเห็นข่งเมิ่งกับเอ๋าปิงแย่งกันทำสัญญาเทพกับเสิ่นเทียน จินอวี่ก็สงสัยในชีวิตแล้ว

ถึงอย่างไรเขาก็เชิญข่งเมิ่งมาดินแดนบูรพาเพื่อสร้างปัญหาให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จับตัวบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไป

ตอนนี้เอาล่ะ ไม่ใช่แค่จับตัวบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไปดินแดนทักษิณเพื่อบังคับให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเดินทางมาตกหลุมพรางในดินแดนทักษิณไม่สำเร็จ

แต่แม้แต่ธิดาสวรรค์ข่งเมิ่งแห่งเผ่าเทพนกยูงยังย้ายข้าง เรียกร้องจะทำสัญญากับเสิ่นเทียน

ควรรู้ไว้ว่าข่งเมิ่งคือหญิงงามในฝันของปักษาตัวผู้มากมายในดินแดนทักษิณ!

โอรสสวรรค์เผ่าปักษาตั้งเท่าไรที่ทำดีกับนางแต่ไม่ได้ตอบรับแม้แต่นิด นางเย็นชาและสูงส่งมาตลอด ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นเทียน นางกลับยอมทำสัญญาร่วมกับหญิงมังกร ติดหนึบถึงที่สุด

ความแตกต่างกันอย่างชัดเจนเช่นนี้ทำให้จินอวี่รู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก รู้สึกว่าโลกนี้ช่างโหดร้ายกับตนยิ่งนัก

ข่งเมิ่งย้ายข้างไปเองไม่เท่าไร แต่ยังคิดว่าแนะนำเสิ่นเทียนให้กับองค์หญิงน้อยของเผ่าหงส์อีกหรือ กระทั่งยังมีองค์หญิงน้อยของเผ่าพญาอินทรีปีกทองอีก นั่นมันน้องสาวแท้ๆ ของจินอวี่นะ!

“ข่งเมิ่ง เจ้าทำเกินไปแล้ว! เรื่องแบบนี้มันเซ็นหนึ่งแถมสองกันได้รึ”

ใบหน้าจินอวี่เต็มไปด้วยความโมโห เขามองเสิ่นเทียน “บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ข้ากับเจ้าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้! วันนี้ในสนามรบบรรพกาล ข้าสำแดงพลังไม่ได้ จะปล่อยเจ้าไปสักครั้ง! วันหลังอย่าให้ข้าเจอเจ้าจะดีที่สุด! ไม่อย่างนั้นข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ ข้าสาบาน!”

พูดจบแล้วจินอวี่ก็ลากร่างบาดเจ็บที่ยังไม่หายดีพุ่งออกไปนอกหุบเขามังกรศักดิ์สิทธิ์ ทว่าช่วงที่จินอวี่จะบินออกจากหุบเขามังกรศักดิ์สิทธิ์นั้นพลันรู้สึกเย็นเยียบข้างหลัง

หันไปมอง จินอวี่พลันขนลุกไปทั้งตัว พบว่าตอนนี้เสิ่นเทียนกำลังนั่งท่าขี่ม้า สองมือห่อเป็นโคนอุ้มช่อดอกไม้ จินอวี่คุ้นท่ามือนี้จนไม่รู้จะคุ้นอย่างไรแล้ว เพราะเขาเพิ่งเคยเห็นเมื่อไม่นานมานี้เอง

นั่นคือกระบวนท่าสังหารสูงสุดที่ทำลายแสงเทพห้าสีได้ ถ้ายิงใส่ตน นั่นจะมีทางรอดอีกหรือ

“สารเลว นี่เจ้าลอบกัดข้างหลังคนอื่นหรือ เจ้าทำเช่นนี้ยังใช่บุรุษอยู่หรือ”

จินอวี่กระพือปีกสุดชีวิตด้วยความตกใจ หมายจะหนีออกจากหุบเขา

แต่ก็จนปัญญาเพราะก่อนหน้านี้บาดเจ็บมาจากฉินอวิ๋นตี๋ สภาพไม่ดีอยู่แล้ว จึงถูกเสิ่นเทียนเล็งเป้าไว้เรียบร้อย

“พูดจาว่าร้ายจะจัดการข้าแล้วยังคิดหนีอีกหรือ ข้าจะเอาชีวิตเจ้าตอนที่เจ้ายังเจ็บอยู่นี่แหละ!”

สายฟ้าห้าสีปกคลุมตัวเสิ่นเทียน รวมเป็นไอกระบี่สายฟ้านับไม่ถ้วนในสองมือเขา

“จงหยุดเดี๋ยวนี้! หมื่นกระบี่หวนคืน!”

เสียงเย็นชาดังขึ้นในหุบเขามังกรโลหิต ไอกระบี่สายฟ้าตรงกลางมือเสิ่นเทียนพุ่งออกไป

ไอกระบี่ที่มีความยาวนิ้วกว่ากลายเป็นกระบี่ยาวสามฉื่อสีดำ สีขาว สีแดง สีเหลืองและสีเขียวไล่ตามจินอวี่ไปในหลายลมหายใจ

นั่นคือไอกระบี่สายฟ้าธาตุทองลำดับเจ็ด ไอกระบี่สายฟ้าธาตุไม้ลำดับหนึ่ง ไอกระบี่สายฟ้าธาตุไฟลำดับสาม ไอกระบี่สายฟ้าธาตุน้ำลำดับแปดและไอกระบี่สายฟ้าธาตุดินลำดับห้า

แม้อานุภาพของพวกมันจะเทียบกับอัสนีเทพกำเนิดฟ้าไม่ได้ แต่ปริมาณมีเต็มที่ มากพอจะทักทายจินอวี่

“สารเลว เจ้าจะรังแกกันเกินไปแล้ว!”

จินอวี่มีเปลวไฟสีทองลุกท่วมตัว ก่อนจะกวัดแกว่งดาบยาวในมือทันที

ไอดาบทะลวงอากาศ ทำลายไอกระบี่พวกนั้น แต่สายฟ้าก็ยังไหลผ่านดาบยาวสีทองดุจดั่งแมลงวันไต่ขึ้นมาตามเท้า

เส้นผมจินอวี่ตั้งขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วระดับสายตามองทัน ท่ากำดาบเริ่มสั่นไหวเช่นกัน ควันลอยโชยขึ้นทั้งตัวนก

ข่งเมิ่งพูดด้วยความจนปัญญา “สหายเสิ่น เผ่าพญาอินทรีปีกทองกับเผ่าเทพนกยูงเป็นพันธมิตรกันมานาน เห็นแก่หน้าข่ง ไว้ชีวิตมันสักครั้งได้หรือไม่”

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้า “ช่างเถอะ จะเห็นแก่หน้าท่านหญิงเซียน!”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็ประสานมุทราเคล็ดกระบี่ ไอกระบี่ทั้งหมดกลายเป็นตาข่ายใหญ่ทันที

ตาข่ายใหญ่ห้าสีคลุมทั้งตัวจินอวี่ไว้ ทั้งยังผ่าสายฟ้าลงมาจนเขาชักกระตุกไม่หยุด

เสิ่นเทียนเดินเนิบนาบมาข้างจินอวี่ ก่อนชำเลืองตามองโอรสสวรรค์เผ่าปักษาอย่างเฮ่ออู๋ซวง ทูจิ้วและไป๋หลิงอีกด้าน

เฮ่ออู๋ซวงกับทูจิ้วพลันหนาวสั่น รีบหมุนตัวกลับแสร้งทำเป็นไม่เห็น

ทางด้านไป๋หลิงดวงตาเป็นประกายวาว แอบคิดว่าจะให้ท่านหญิงเซียนข่งเมิ่งช่วยใช้เส้นสายให้ได้หรือไม่ เผ่านกจาบฝนพวกนางก็ทำสัญญากับมนุษย์ได้เช่นกัน

เสิ่นเทียนยิ้มแป้นพลางนั่งยองลงข้างจินอวี่ช้าๆ “สหายจิน ข้าว่าระหว่างเรามีเรื่องเข้าใจผิดกัน”

จินอวี่กำลังจะหยาบคายใส่ แต่เมื่อนึกถึงผลจากคำพูดนั้นเมื่อครู่แล้ว เขาก็ยอมจากใจจริง

ใบหน้าเค้นรอยยิ้มที่ดูแย่เสียยิ่งกว่าร้องไห้ “ใช่ เข้าใจผิดกัน”

เสิ่นเทียนมองศีรษะจินอวี่ด้วยรอยยิ้มครุ่นคิด “ในเมื่อเข้าใจผิดกัน เราก็มาหารือแก้ไขปัญหากันดีกว่า!”

จินอวี่กลืนน้ำลาย รู้สึกโดนฟ้าผ่าไหม้เกรียมกรอบไปทั้งตัว ทั้งยังมีกลิ่นหอมโชยออกมา “แก้ปัญหาอย่างไรรึ”

เสิ่นเทียนเผยอมุมปากเล็กน้อย “เดิมทีแซ่เสิ่นกำลังปิดด่านบำเพ็ญอยู่ พวกเจ้าก็บุกเข้ามาในหุบเขา เกือบทำให้แซ่เสิ่นธาตุไฟเข้าแทรก ต้องชดใช้ความรู้สึกทางจิตใจ!

สหายจินเจ้าไม่แยกแยะถูกผิดโจมตีศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ ทำให้ศิษย์น้องเสียยันต์อัสนีไปจำนวนมาก ทั้งยังเสียพลังต้นกำเนิดไป ค่ารักษากับค่ายันต์ก็ต้องชดใช้!

รวมกับที่ก่อนหน้านี้เจ้าเสียมารยาทกับข้า ทำให้ชื่อเสียงของข้าได้รับความอัปยศ ค่ารักษาชื่อเสียงก็ต้องชดใช้!

รวมกับค่าออกโรงของข้า ค่าบำรุงร่างกาย ค่ารักษาสมบัติวิเศษ ค่าโอสถฟื้นฟูกับค่าปรับความเข้าใจกัน…รวมแล้ว คิดสหายจินอวี่เป็นศิลาวิญญาณห้าสิบล้านก้อนแล้วกัน!”

เสิ่นเทียนยิ้มแป้น “จ่ายเป็นศิลาวิญญาณ ผลึกวิญญาณ หรือแก่นวิญญาณก็ได้ หรือจะใช้เกราะนักรบ อาวุธหรือโอสถศักดิ์สิทธิ์เยียวยามาแทนก็ได้ แซ่เสิ่นจะเป็นคนประเมินราคาเอง รับรองว่ายุติธรรม

ถ้าสหายจินไม่มีศิลาวิญญาณมากขนาดนั้นก็ใช้นามของเผ่าพญาอินทรีปีกทองเซ็นสัญญาหนี้สินแล้วค่อยชำระภายหลังได้

ขอแค่สหายจินจ่ายศิลาวิญญาณครบ แซ่เสิ่นรับรองว่าจะส่งเจ้าออกจากหุบเขามังกรศักดิ์สิทธิ์อย่างครบสมบูรณ์ จากนี้ไปหากสหายจินยินดี ก็มาหาคุยเรื่องเก่าๆ กับแซ่เสิ่นได้ตลอด”

เมื่อได้ฟังเสิ่นเทียนแจ้งใบเสร็จ จินอวี่ถึงกับเวียนศีรษะ

ศิลาวิญญาณห้าสิบล้านก้อน เจ้าไม่ปล้นกันเลยล่ะ!

ไม่ใช่สิ นี่มันก็ปล้นกันอยู่ชัดๆ!

จินอวี่มองข่งเมิ่งด้วยความเคียดแค้น “ท่านหญิงเซียนข่งเมิ่ง เจ้าจะเอาแต่มองเผ่าปักษาโดนเหยียดหยามเช่นนี้จริงๆ หรือ”

ข่งเมิ่งพูดอย่างจำใจ “เมื่อครู่เจ้าก็เห็นชัดแล้วนี่ ต่อให้ข้าลงมือก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสหายเสิ่น อีกทั้งสหายเสิ่นยังจะเป็นพันธมิตรกับเผ่าข้าแล้ว เป็นสหายสนิทของเผ่าข้า

ถ้าไม่อย่างนั้น วันนี้เกรงว่าเจ้าคงไม่ได้แค่ชดใช้เท่านั้นแล้ว จะจ่ายเงินหรือจ่ายชีวิต เจ้าตรึกตรองให้ดีๆ เถอะ!”

ทันทีที่เห็นใบหน้าที่อยากช่วยแต่ช่วยไม่ได้ของข่งเมิ่งแล้ว จินอวี่รู้สึกอ้างว้างในใจ

ไหนบอกว่าเผ่าเทพนกยูงกับเผ่าเทพพญาอินทรีมาจากสายเลือดเดียวกัน เมื่อยามอันตรายจะเผชิญหน้าด้วยกันไม่ทิ้งกันไง!

ไปๆ มาๆ เจ้ากลับมองข้าโดนรีดไถเช่นนี้หรือ

แต่ข่งเมิ่งก็พูดไม่ผิดเหมือนกัน ต่อให้นางคัดค้านหัวชนฝาจริงๆ แล้วอย่างไร

แสงเทพห้าสีของนางยังโดนเสิ่นเทียนทำลาย ทั้งกายยอมเสิ่นเทียนแล้ว ยังเอาอะไรมาสู้กับเสิ่นเทียนอีก

จินอวี่กดศีรษะอันโอหังลงด้วยความจำใจ “เสิ่นเทียน วันนี้ข้ายอมแพ้แล้ว!”

ข้าหรือ

เสิ่นเทียนมองวงรัศมีเหนือศีรษะของจินอวี่ด้วยรอยยิ้มบางๆ “ดีมาก เช่นนั้นก็เริ่มประเมินราคาได้!”

เสิ่นเทียนยื่นมือมาหยิบดาบนักรบทองคำข้างๆ จินอวี่ ก่อนพยักหน้า “ดาบเล่มนี้ดูไม่เลวเลย ให้ราคาเป็นศิลาวิญญาณพันก้อน สหายจินคิดว่ายุติธรรมหรือไม่”

อะไรนะ

ศิลาวิญญาณพันก้อน?

จินอวี่ตะลึงค้างไปแล้ว

นี่คือรับรองว่าจะประเมินราคาอย่างยุติธรรมที่เจ้าบอกหรือ

นี่มันสมบัติวิญญาณระดับสูง สมบัติวิญญาณระดับสูงนะ!

ต่อให้ขายเป็นของโจรอย่างน้อยต้องขายได้หลักหมื่นผลึกวิญญาณ หรือก็คือศิลาวิญญาณสิบล้านก้อน

นี่เจ้าประเมินราคาให้ข้าเป็นศิลาวิญญาณพันก้อนหรือ

เช่นนั้นข้าจะให้ศิลาวิญญาณเจ้าแสนก้อน เจ้าส่งมาให้ข้าสักร้อยชิ้นดีหรือไม่

จินอวี่กัดฟันด้วยความโมโห จ้องเสิ่นเทียนด้วยความไม่ยอม “เหอะๆ ราคานี้…ยุติธรรมมาก! สหายเสิ่นเสนอราคาเป็นจริงๆ”

เสิ่นเทียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”

“อ้อ ยังมีชุดขนนกทองคำที่สหายจินใส่ด้วย ถ้าแซ่เสิ่นมองไม่ผิด น่าจะเป็นแบบมีจำกัดกระมัง! แซ่เสิ่นให้ราคาเป็นศิลาวิญญาณหมื่นก้อน ไม่รู้ว่าสหายจินคิดว่าอย่างไร”

พรวด!

จินอวี่โมโหจนกระอักเลือด

อะไรคือศิลาวิญญาณหมื่นก้อน นี่มันชุดขนนกพญาอินทรีปีกทอง เป็นสมบัติวิญญาณระดับสูงสุดที่หลอมขึ้นจากขนนกที่หลุดมาจากพญาอินทรีปีกทองระดับหลอมรวมเทพ

เจ้ากลับให้ราคาข้าหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณหรือ

เจ้าไม่เจ็บปวดมโนธรรมบ้างรึ ไม่สิ เจ้ายังมีมโนธรรมอยู่หรือไม่

ข้าว่าเจ้าไม่ใช่ลูกศิษย์ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หรอก แต่เป็นผู้สืบทอดของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตต่างหาก!

เสิ่นเทียนยังคงประเมินราคาต่อไป

ทางด้านจินอวี่เป็นบ้าไปแล้ว

………………………………………………..……..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 212 ข้าประเมินราคายุติธรรมที่สุด

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 212 ข้าประเมินราคายุติธรรมที่สุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 212 ข้าประเมินราคายุติธรรมที่สุด!

เมื่อเสียงดังขึ้น ไข่สีดำที่ห่อไว้ข้างหลังเสิ่นเทียนก็กระโดดออกมา

บนไข่นั้นปรากฏลายมังกรเล็กน้อย นี่ก็คือไข่มังกรดั้งเดิมที่เกิดจากเอ๋าปิงบรรลุนิพพานไปก่อนหน้านี้

ตอนนี้ไข่มังกรลอยขึ้นฟ้า แสงสีดำรวมเป็นร่างคนหนึ่ง หน้าตาเหมือนกับเอ๋าปิงมาก แค่อายุน้อยกว่ามาก

ก่อนหน้านี้บนโครงกระดูกมังกรศักดิ์สิทธิ์ หญิงมังกรเอ๋าปิงที่เสิ่นเทียนเห็นเป็นหญิงวัยสาวอายุยี่สิบกว่า แต่ร่างหญิงที่ลอยขึ้นมาจากไข่มังกรตอนนี้กลับเป็นเด็กหญิงน้อยชุดกระโปรงดำอายุราวหกเจ็ดขวบ

นางเท้าสะเอว ทำปากพอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห ดูเหมือนเด็กหญิงน้อยโดนคนอื่นแย่งขนมไป

และสิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนตกใจคือส่วนสูงและความงามของหญิงมังกรลดน้อยลง ทว่าความชั่วร้ายกลับไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด

ร่างเล็กๆ แบกรับแรงกดดันที่ไม่ควรจะรับ ช่างน่าปลงอนิจจังจริงๆ

เสิ่นเทียนมองเอ๋าปิงบนไข่มังกรพลางอดนึกไปถึงจิ้งจอกน้อยไม่ได้

อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ถ้าให้เอ๋าปิงเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงแดง แบกน้ำเต้าสุราใหญ่ เปลี่ยนเขามังกรสีชมพูเป็นใบหูจิ้งจอก ก็พอจะมีความสง่างามอยู่บ้าง

เพียงแต่เสิ่นเทียนแปลกใจเล็กน้อย หลังจากเถากลืนกินเซียนนิพพานก็เหมือนจะมีกำลังรบลดลงไปอย่างมาก ไม่รู้ว่าหลังหญิงมังกรน้อยนี่นิพพานแล้ว กำลังรบจะลดลงหรือไม่ มีโอกาสพลิกมาเป็นมังกรให้ขี่ได้หรือไม่

เวลานี้เสิ่นเทียนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ถึงอย่างไรนักรบมังกรก็เป็นความใฝ่ฝันสูงสุดของเด็กผู้ชายส่วนมาก!

…..

ขอข้ามว่าตอนนี้เสิ่นเทียนมองเอ๋าปิงพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่ ตอนนี้เอ๋าปิงกับข่งเมิ่งปะทะกันแล้ว

เอ๋าปิงเอามือซ้ายเท้าสะเอว มือขวาชี้หน้าข่งเมิ่ง “ยัยหนูเผ่านกยูง เสิ่นเทียนเป็นของข้า! ข้าทำสัญญากับเขาแล้ว ตอนนี้เขาคือพันธมิตรของเกาะมังกรดำข้า ไม่มีทางทำสัญญากับเผ่านกยูงพวกเจ้าได้อีก!”

แม้ข่งเมิ่งจะดูเหมือนเย็นชา แต่เป็นโอรสสวรรค์อันดับหนึ่งของดินแดนทักษิณ จะไม่มีความโอหังของตัวเองได้อย่างไร

นางพิจารณามองเอ๋าปิงอย่างเฉยชา “หญิงมังกรแห่งเกาะมังกรดำทะเลอุดรรึ ช่างบังเอิญมาก แต่สหายเสิ่นทำสัญญาเทพมังกรกับเกาะมังกรดำพวกเจ้าก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการทำสัญญากับเผ่าข้า

เจ้าก็รู้ว่าในสงครามครั้งนั้นเมื่อหมื่นปีก่อนก็มียอดโอรสสวรรค์หลายคนทำสัญญาควบกับหลายเผ่า กระทั่งพกตราเทพหกเผ่าทีเดียว!”

ข่งเมิ่งเอ่ยจบก็มองเสิ่นเทียนพลางพูดนิ่งๆ “สหายเสิ่นมีสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินหลายชนิด เหมาะจะฝึกฝนวิชาปัญจธาตุกับพลังปัญจธาตุที่สุด!

เมิ่งยืนยันได้ว่า นอกจากเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว ในโลกนี้ไม่มีวิชาเซียนใดเหมาะสมกับสหายเสิ่นไปกว่าแสงเทพห้าสี หากสหายเสิ่นยินดี เมิ่งมั่นใจว่าจะเกลี้ยกล่อมผู้อาวุโสในเผ่าให้ทำสัญญาเป็นลำดับสองกับสหายเป็นกรณีพิเศษได้

ด้วยศักยภาพ พรสวรรค์และท่วงท่าสง่างามเช่นสหาย เมิ่งไม่ถือสาที่จะทำสัญญาร่วมกับเผ่ามังกร”

เห็นได้ชัดมากว่าเสิ่นเทียนใช้พลังบำเพ็ญระดับสร้างฐานทำลายกรงแสงเทพห้าสีปัญจธาตุของข่งเมิ่งได้ ทำให้ได้รับการยอมรับจากนางทั้งหมดแล้ว

ถ้าไม่เช่นนั้น ต่อให้เสิ่นเทียนมีใบหน้าหล่อเหลาที่สุด ข่งเมิ่งก็อาจจะไม่ยินดีทำสัญญาร่วมกับเอ๋าปิง

ถึงอย่างไรการที่เผ่ามนุษย์เป็นพันธมิตรกับเผ่าปีศาจ นี่เท่ากับว่าเผ่าปีศาจให้ความเคารพกับเผ่ามนุษย์อย่างยิ่ง

หากเจ้าไม่ได้ทำสัญญากับแค่เผ่าเรา แต่ยังพลิกมือไปทำสัญญากับเผ่าอื่น ถึงในด้านหลักการเดิมจะไม่ผิดอะไร แต่สัตว์เทพก็มีเกียรติไม่ใช่หรือ

ตั้งแต่โบราณมามีเพียงโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคที่มีพรสวรรค์ส่องประกายแสงตั้งแต่โบราณกาลมาจนถึงปัจจุบันอย่างแท้จริงเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ได้รับการยอมรับจากหลายเผ่าสัตว์เทพใหญ่ๆ ได้ทำสัญญาร่วมกัน

และในมุมมองข่งเมิ่ง ความสง่างาม เอกลักษณ์ ศักยภาพและพรสวรรค์ของเสิ่นเทียนก็มีคุณสมบัติที่จะได้รับสิ่งนี้

ทว่าเทพธิดาของเผ่าเทพนกยูงตกลง แต่หญิงมังกรที่นิพพานมาเป็นเด็กกลับไม่เห็นด้วย

หญิงมังกรชุดกระโปรงเล็กสีดำแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา “ข้าจะไม่ยอมทำสัญญาร่วมกับเจ้าเด็ดขาด”

ข่งเมิ่งหัวเราะเบาๆ “ถ้าน้องมังกรไม่ยอมก็เลิกสัญญากับสหายเสิ่นก็จบ สัญญาคนกับเทพขึ้นอยู่กับความยินยอมของตนเอง ใครจะไปบังคับเจ้าได้กัน!”

เอ๋าปิงว่า “เจ้า!”

ข่งเมิ่งเผยอมุมปากเล็กน้อย แสงเทพห้าสีข้างหลังแกว่งไกวเบาๆ “ยังไม่ออกจากเปลือกด้วยซ้ำก็รู้จักทำสัญญาเทพมังกรแล้วรึ น้องมังกรเจ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้วรึ ระวังคนที่บ้านรู้นะว่าเจ้าแอบผู้อาวุโสมาทำสัญญา กลับไปจะโดนตีก้น!”

เอ๋าปิงโมโหจนควันสีขาวออกจมูก ความชั่วร้ายโหมซัดสาดเป็นคลื่นลูกใหญ่ แต่ไม่นานก็สงบลง

นางมองข่งเมิ่งด้วยรอยยิ้มมั่นใจในตนเอง “จะว่าไปสตรีแห่งเผ่านกยูงพวกเจ้าเป็นโรคพิการแต่กำเนิดรึ ดูเจ้าสิโตเป็นสาวแล้วเหตุใดยังแบนขนาดนั้นล่ะ คนที่รู้จะคิดว่าเจ้าเป็นเทพธิดานกยูง คนที่ไม่รู้สิจะคิดว่าเจ้าเป็นคุณชายนกยูง!

ยัยหนู ถ้าเจ้าเป็นชายแต่งหญิงก็ไม่ต้องใส่ชั้นในหรอก!”

เอ๋าปิงพูดไปพลางตั้งใจยืดหน้าอกไปพลาง “ข้านิพพานมาเป็นร่างเด็กยังใหญ่กว่าเจ้าอีก!”

บึ้ม~!

จู่โจมอย่างหนัก -999999…

จิตสังหารรุนแรงปกคลุมไปทั้งหุบเขามังกรศักดิ์สิทธิ์

ข่งเมิ่งกัดฟันกรอด แสงเทพห้าสีข้างหลังกางออกอีกครั้ง “ข้าจะทำลายเจ้า!”

ปีศาจหญิงจากเผ่านกจาบฝนข้างๆ รีบดึงข่งเมิ่งไว้ “พี่เมิ่ง อย่าบุ่มบ่าม นางเป็นเผ่ามังกรดำ”

ดินแดนทักษิณมีเผ่าหงส์เป็นใหญ่ และทะเลอุดรก็มีเผ่ามังกรเป็นใหญ่ เป็นสองขุมอำนาจใหญ่ของเผ่าปีศาจ

ถึงเผ่าเทพนกยูงที่ข่งเมิ่งอยู่จะเป็นสุดยอดของเผ่าปีศาจ แต่เทียบกับมังกรและหงส์สองเผ่าแล้ว ก็ยังด้อยกว่าเล็กน้อย

เอ๋าปิงกลับมาเหนือกว่าได้ก็หัวเราะเยาะ “ว่าไง แค่นี้ก็โมโหแล้วรึ ข้าแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง นี่โตเต็มวัยแล้วหรือ เหอะๆ ข้ามีชื่อเสียงมาเมื่อหมื่นปีก่อนแล้ว ต่อให้บิดาเจ้าพบข้ายังต้องเรียกผู้อาวุโสเลย อย่างเจ้าน่ะหรือจะมีสิทธิ์โอหังต่อหน้าข้า ช่างไม่รู้อะไรเลย!”

นิพพาน?

ข่งเมิ่งอึ้งไปแล้ว จากนั้นเหมือนนึกอะไรออก

ใช่ มังกรนี่น่าจะใช่ไข่มังกรที่รอฟักของเผ่าเทพมังกรดำ ไม่อย่างนั้นจะฝีปากกล้าเช่นนี้ได้อย่างไร

น่าจะเป็นเผ่ามังกรที่บาดเจ็บหนัก สำแดงวิชาลับนิพพานเพื่อฟื้นพลังปราณเดิม ถึงได้กลายเป็นร่างเยาว์วัยอีกครั้ง

สถานการณ์เช่นนี้มีให้เห็นไม่น้อยในโลกบำเพ็ญเซียน ทั้งยังเกิดขึ้นถี่มาก เพราะระดับพลังที่สี่ของศาสตร์หลอมกายเทพมารก็มีชื่อว่า ‘ระดับนิพพาน’

สอดคล้องกับศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทองคือ ‘หลอมปราณ สร้างฐาน แก่นพลังทอง ดวงจิตดรุณ หลอมรวมเทพ ฝ่าด่านเคราะห์ และมหายาน’ ศาสตร์หลอมกายเทพมารก็มีเจ็ดระดับพลังใหญ่เช่นกัน

นั่นคือ ‘หลอมกาย เหนือสามัญ กายทอง นิพพาน ผ่านเทวะ เคราะห์เกิดดับ และแดนเทวา’

ระดับกายทองในนั้นจะยกระดับกายหยาบให้ถึงระดับสมบูรณ์ไร้สิ่งเจือปน หลอมเป็นกายทองเทพมารที่ไม่มีข้อบกพร่องใดๆ

ต่อไปจะหลอมรวมพลังเทพแท้จริงออกมาจากกายทองเทพมาร นำมาหลอมรวมเป็นทวารเทพในร่างกาย เก็บต้นกำเนิดชีวิตไว้ในทวาร

เมื่อถึงระดับพลังนี้ ขอแค่ทวารเทพมีมากพอ เช่นนั้นการเชื่อมต่อระหว่างร่างกายก็จะแน่นแฟ้นอย่างยิ่ง

ถ้าผู้แข็งแกร่งระดับดวงจิตดรุณถูกโจมตีกายหยาบก็จะให้ดวงจิตดรุณหนีออกไปนอกร่างกายได้ ไปชิงกายหยาบคนอื่นหรือใส่วิญญาณในศพได้

ทางด้านผู้แข็งแกร่งระดับนิพพาน หากถูกสังหารกายหยาบก็จะใช้ทวารเทพที่มีมากพอสร้างกายหยายกลับมาใหม่ได้

เล่าลือว่าหากมีทวารเทพมากพอ ผู้แข็งแกร่งศาสตร์หลอมกายเทพมารบางคนถึงขั้นใช้หยดโลหิตกำเนิดชีวิตใหม่ได้! และด้วยเหตุนี้เอง ผู้ฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมารที่แข็งแกร่งจึงเป็นที่ยอมรับว่าสังหารได้ยาก อย่างมากก็ได้แค่ผนึกไว้

ถ้าไข่มังกรดำนี่เป็นผู้แข็งแกร่งเผ่ามังกรเมื่อหมื่นปีก่อนนิพพานมาจริงๆ เช่นนั้นก็คงมีเบื้องหลังน่าสะพรึงกลัวแล้ว

ข่งเมิ่งเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่านกยูง ย่อมไม่ใช่คนที่อกใหญ่ไร้สมอง

ถึงอย่างไรอกนางก็ไม่ได้ใหญ่อยู่แล้ว

‘ถ้านางเป็นผู้แข็งแกร่งเผ่ามังกรยุคบรรพกาลจริงๆ ก็ยิ่งให้นางครอบครองสหายเสิ่นคนเดียวไม่ได้’

ข่งเมิ่งแอบระแวงอยู่ในใจ ถึงเผ่าปีศาจทะเลอุดรกับเผ่าปีศาจดินแดนทักษิณจะเป็นเผ่าปีศาจเหมือนกัน แต่ไม่ได้ผูกพันกันเท่าไร

หากเกาะมังกรดำทะเลอุดรได้เสิ่นเทียนเป็นพันธมิตรมนุษย์เช่นนี้ ได้ผูกมิตรกับแดนศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์ ภายภาคหน้าจะมีศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน

ตนเป็นเผ่าเทพสุดยอดของดินแดนทักษิณ ข่งเมิ่งคิดว่าจะยอมให้เผ่ามังกรเอาเปรียบเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด

เมื่อคิดได้ดังนั้น ข่งเมิ่งก็ยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสแก่เผ่ามังกรดำที่ถูกผนึกในสนามรบบรรพกาลมาหมื่นปีนี่เอง! ผู้อาวุโส สหายเสิ่นยังหนุ่มเช่นนี้ ท่านอายุหมื่นปีกว่าแล้ว ไม่อายที่จะให้เขาขี่รึ! มังกรแก่กินหญ้าอ่อนหรือ”

เอ๋าปิงโมโหจนควันออกเขามังกร ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้กำลังนิพพาน ไข่มังกรดำก็แทบจะพุ่งชนใส่ข่งเมิ่งแล้ว

นางสาบานว่ารอนางนิพพานสำเร็จเมื่อไร จะต้องบุกไปเผ่านกยูงอัดยัยเด็กนี่ให้ทุกข์ทรมานสักครั้ง

ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าด่าข้าแก่ ตอนนี้ข้าอยู่ในช่วงวัยกำลังหยาดเยิ้มชัดๆ!

อายุกับขนาดเป็นอาวุธสังหารตลอดกาล เมื่อเห็นเอ๋าปิงโมโหจนไข่กระโดดแล้ว ข่งเมิ่งก็ยิ้ม

“สหายเสิ่นเจ้าโดดเด่นเพียงนี้ ทั้งยังมีกายเทพอัสนีปัญจธาตุ เหมาะจะฝึกฝนแสงเทพห้าสีที่สุด อีกทั้งเมิ่งจะไม่ห้ามเจ้าทำสัญญากับเผ่าอื่น กระทั่งยังช่วยแนะนำให้เจ้าด้วย!

องค์หญิงน้อยแห่งเผ่าหงส์เป็นอย่างไร แล้วยังมีเผ่าพญาอินทรีปีกทอง…”

ข่งเมิ่งยังพูดไม่จบก็โดนเสียงตะคอกด้วยความโกรธขัดไว้

แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่เอ๋าปิง แต่เป็นจินอวี่ที่ทนฟังไม่ได้ตั้งนานแล้ว

“หุบปาก!”

……

ตนแพ้ให้ฉินอวิ๋นตี๋ จินอวี่จึงฟังคนอื่นคุยกันด้วยความรู้สึกต่ำต้อยมาตลอด ขณะเดียวกันยังรักษาบาดแผลไปด้วย

เมื่อเห็นข่งเมิ่งกับเอ๋าปิงแย่งกันทำสัญญาเทพกับเสิ่นเทียน จินอวี่ก็สงสัยในชีวิตแล้ว

ถึงอย่างไรเขาก็เชิญข่งเมิ่งมาดินแดนบูรพาเพื่อสร้างปัญหาให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จับตัวบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไป

ตอนนี้เอาล่ะ ไม่ใช่แค่จับตัวบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไปดินแดนทักษิณเพื่อบังคับให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเดินทางมาตกหลุมพรางในดินแดนทักษิณไม่สำเร็จ

แต่แม้แต่ธิดาสวรรค์ข่งเมิ่งแห่งเผ่าเทพนกยูงยังย้ายข้าง เรียกร้องจะทำสัญญากับเสิ่นเทียน

ควรรู้ไว้ว่าข่งเมิ่งคือหญิงงามในฝันของปักษาตัวผู้มากมายในดินแดนทักษิณ!

โอรสสวรรค์เผ่าปักษาตั้งเท่าไรที่ทำดีกับนางแต่ไม่ได้ตอบรับแม้แต่นิด นางเย็นชาและสูงส่งมาตลอด ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นเทียน นางกลับยอมทำสัญญาร่วมกับหญิงมังกร ติดหนึบถึงที่สุด

ความแตกต่างกันอย่างชัดเจนเช่นนี้ทำให้จินอวี่รู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก รู้สึกว่าโลกนี้ช่างโหดร้ายกับตนยิ่งนัก

ข่งเมิ่งย้ายข้างไปเองไม่เท่าไร แต่ยังคิดว่าแนะนำเสิ่นเทียนให้กับองค์หญิงน้อยของเผ่าหงส์อีกหรือ กระทั่งยังมีองค์หญิงน้อยของเผ่าพญาอินทรีปีกทองอีก นั่นมันน้องสาวแท้ๆ ของจินอวี่นะ!

“ข่งเมิ่ง เจ้าทำเกินไปแล้ว! เรื่องแบบนี้มันเซ็นหนึ่งแถมสองกันได้รึ”

ใบหน้าจินอวี่เต็มไปด้วยความโมโห เขามองเสิ่นเทียน “บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ข้ากับเจ้าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้! วันนี้ในสนามรบบรรพกาล ข้าสำแดงพลังไม่ได้ จะปล่อยเจ้าไปสักครั้ง! วันหลังอย่าให้ข้าเจอเจ้าจะดีที่สุด! ไม่อย่างนั้นข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ ข้าสาบาน!”

พูดจบแล้วจินอวี่ก็ลากร่างบาดเจ็บที่ยังไม่หายดีพุ่งออกไปนอกหุบเขามังกรศักดิ์สิทธิ์ ทว่าช่วงที่จินอวี่จะบินออกจากหุบเขามังกรศักดิ์สิทธิ์นั้นพลันรู้สึกเย็นเยียบข้างหลัง

หันไปมอง จินอวี่พลันขนลุกไปทั้งตัว พบว่าตอนนี้เสิ่นเทียนกำลังนั่งท่าขี่ม้า สองมือห่อเป็นโคนอุ้มช่อดอกไม้ จินอวี่คุ้นท่ามือนี้จนไม่รู้จะคุ้นอย่างไรแล้ว เพราะเขาเพิ่งเคยเห็นเมื่อไม่นานมานี้เอง

นั่นคือกระบวนท่าสังหารสูงสุดที่ทำลายแสงเทพห้าสีได้ ถ้ายิงใส่ตน นั่นจะมีทางรอดอีกหรือ

“สารเลว นี่เจ้าลอบกัดข้างหลังคนอื่นหรือ เจ้าทำเช่นนี้ยังใช่บุรุษอยู่หรือ”

จินอวี่กระพือปีกสุดชีวิตด้วยความตกใจ หมายจะหนีออกจากหุบเขา

แต่ก็จนปัญญาเพราะก่อนหน้านี้บาดเจ็บมาจากฉินอวิ๋นตี๋ สภาพไม่ดีอยู่แล้ว จึงถูกเสิ่นเทียนเล็งเป้าไว้เรียบร้อย

“พูดจาว่าร้ายจะจัดการข้าแล้วยังคิดหนีอีกหรือ ข้าจะเอาชีวิตเจ้าตอนที่เจ้ายังเจ็บอยู่นี่แหละ!”

สายฟ้าห้าสีปกคลุมตัวเสิ่นเทียน รวมเป็นไอกระบี่สายฟ้านับไม่ถ้วนในสองมือเขา

“จงหยุดเดี๋ยวนี้! หมื่นกระบี่หวนคืน!”

เสียงเย็นชาดังขึ้นในหุบเขามังกรโลหิต ไอกระบี่สายฟ้าตรงกลางมือเสิ่นเทียนพุ่งออกไป

ไอกระบี่ที่มีความยาวนิ้วกว่ากลายเป็นกระบี่ยาวสามฉื่อสีดำ สีขาว สีแดง สีเหลืองและสีเขียวไล่ตามจินอวี่ไปในหลายลมหายใจ

นั่นคือไอกระบี่สายฟ้าธาตุทองลำดับเจ็ด ไอกระบี่สายฟ้าธาตุไม้ลำดับหนึ่ง ไอกระบี่สายฟ้าธาตุไฟลำดับสาม ไอกระบี่สายฟ้าธาตุน้ำลำดับแปดและไอกระบี่สายฟ้าธาตุดินลำดับห้า

แม้อานุภาพของพวกมันจะเทียบกับอัสนีเทพกำเนิดฟ้าไม่ได้ แต่ปริมาณมีเต็มที่ มากพอจะทักทายจินอวี่

“สารเลว เจ้าจะรังแกกันเกินไปแล้ว!”

จินอวี่มีเปลวไฟสีทองลุกท่วมตัว ก่อนจะกวัดแกว่งดาบยาวในมือทันที

ไอดาบทะลวงอากาศ ทำลายไอกระบี่พวกนั้น แต่สายฟ้าก็ยังไหลผ่านดาบยาวสีทองดุจดั่งแมลงวันไต่ขึ้นมาตามเท้า

เส้นผมจินอวี่ตั้งขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วระดับสายตามองทัน ท่ากำดาบเริ่มสั่นไหวเช่นกัน ควันลอยโชยขึ้นทั้งตัวนก

ข่งเมิ่งพูดด้วยความจนปัญญา “สหายเสิ่น เผ่าพญาอินทรีปีกทองกับเผ่าเทพนกยูงเป็นพันธมิตรกันมานาน เห็นแก่หน้าข่ง ไว้ชีวิตมันสักครั้งได้หรือไม่”

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้า “ช่างเถอะ จะเห็นแก่หน้าท่านหญิงเซียน!”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็ประสานมุทราเคล็ดกระบี่ ไอกระบี่ทั้งหมดกลายเป็นตาข่ายใหญ่ทันที

ตาข่ายใหญ่ห้าสีคลุมทั้งตัวจินอวี่ไว้ ทั้งยังผ่าสายฟ้าลงมาจนเขาชักกระตุกไม่หยุด

เสิ่นเทียนเดินเนิบนาบมาข้างจินอวี่ ก่อนชำเลืองตามองโอรสสวรรค์เผ่าปักษาอย่างเฮ่ออู๋ซวง ทูจิ้วและไป๋หลิงอีกด้าน

เฮ่ออู๋ซวงกับทูจิ้วพลันหนาวสั่น รีบหมุนตัวกลับแสร้งทำเป็นไม่เห็น

ทางด้านไป๋หลิงดวงตาเป็นประกายวาว แอบคิดว่าจะให้ท่านหญิงเซียนข่งเมิ่งช่วยใช้เส้นสายให้ได้หรือไม่ เผ่านกจาบฝนพวกนางก็ทำสัญญากับมนุษย์ได้เช่นกัน

เสิ่นเทียนยิ้มแป้นพลางนั่งยองลงข้างจินอวี่ช้าๆ “สหายจิน ข้าว่าระหว่างเรามีเรื่องเข้าใจผิดกัน”

จินอวี่กำลังจะหยาบคายใส่ แต่เมื่อนึกถึงผลจากคำพูดนั้นเมื่อครู่แล้ว เขาก็ยอมจากใจจริง

ใบหน้าเค้นรอยยิ้มที่ดูแย่เสียยิ่งกว่าร้องไห้ “ใช่ เข้าใจผิดกัน”

เสิ่นเทียนมองศีรษะจินอวี่ด้วยรอยยิ้มครุ่นคิด “ในเมื่อเข้าใจผิดกัน เราก็มาหารือแก้ไขปัญหากันดีกว่า!”

จินอวี่กลืนน้ำลาย รู้สึกโดนฟ้าผ่าไหม้เกรียมกรอบไปทั้งตัว ทั้งยังมีกลิ่นหอมโชยออกมา “แก้ปัญหาอย่างไรรึ”

เสิ่นเทียนเผยอมุมปากเล็กน้อย “เดิมทีแซ่เสิ่นกำลังปิดด่านบำเพ็ญอยู่ พวกเจ้าก็บุกเข้ามาในหุบเขา เกือบทำให้แซ่เสิ่นธาตุไฟเข้าแทรก ต้องชดใช้ความรู้สึกทางจิตใจ!

สหายจินเจ้าไม่แยกแยะถูกผิดโจมตีศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ ทำให้ศิษย์น้องเสียยันต์อัสนีไปจำนวนมาก ทั้งยังเสียพลังต้นกำเนิดไป ค่ารักษากับค่ายันต์ก็ต้องชดใช้!

รวมกับที่ก่อนหน้านี้เจ้าเสียมารยาทกับข้า ทำให้ชื่อเสียงของข้าได้รับความอัปยศ ค่ารักษาชื่อเสียงก็ต้องชดใช้!

รวมกับค่าออกโรงของข้า ค่าบำรุงร่างกาย ค่ารักษาสมบัติวิเศษ ค่าโอสถฟื้นฟูกับค่าปรับความเข้าใจกัน…รวมแล้ว คิดสหายจินอวี่เป็นศิลาวิญญาณห้าสิบล้านก้อนแล้วกัน!”

เสิ่นเทียนยิ้มแป้น “จ่ายเป็นศิลาวิญญาณ ผลึกวิญญาณ หรือแก่นวิญญาณก็ได้ หรือจะใช้เกราะนักรบ อาวุธหรือโอสถศักดิ์สิทธิ์เยียวยามาแทนก็ได้ แซ่เสิ่นจะเป็นคนประเมินราคาเอง รับรองว่ายุติธรรม

ถ้าสหายจินไม่มีศิลาวิญญาณมากขนาดนั้นก็ใช้นามของเผ่าพญาอินทรีปีกทองเซ็นสัญญาหนี้สินแล้วค่อยชำระภายหลังได้

ขอแค่สหายจินจ่ายศิลาวิญญาณครบ แซ่เสิ่นรับรองว่าจะส่งเจ้าออกจากหุบเขามังกรศักดิ์สิทธิ์อย่างครบสมบูรณ์ จากนี้ไปหากสหายจินยินดี ก็มาหาคุยเรื่องเก่าๆ กับแซ่เสิ่นได้ตลอด”

เมื่อได้ฟังเสิ่นเทียนแจ้งใบเสร็จ จินอวี่ถึงกับเวียนศีรษะ

ศิลาวิญญาณห้าสิบล้านก้อน เจ้าไม่ปล้นกันเลยล่ะ!

ไม่ใช่สิ นี่มันก็ปล้นกันอยู่ชัดๆ!

จินอวี่มองข่งเมิ่งด้วยความเคียดแค้น “ท่านหญิงเซียนข่งเมิ่ง เจ้าจะเอาแต่มองเผ่าปักษาโดนเหยียดหยามเช่นนี้จริงๆ หรือ”

ข่งเมิ่งพูดอย่างจำใจ “เมื่อครู่เจ้าก็เห็นชัดแล้วนี่ ต่อให้ข้าลงมือก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสหายเสิ่น อีกทั้งสหายเสิ่นยังจะเป็นพันธมิตรกับเผ่าข้าแล้ว เป็นสหายสนิทของเผ่าข้า

ถ้าไม่อย่างนั้น วันนี้เกรงว่าเจ้าคงไม่ได้แค่ชดใช้เท่านั้นแล้ว จะจ่ายเงินหรือจ่ายชีวิต เจ้าตรึกตรองให้ดีๆ เถอะ!”

ทันทีที่เห็นใบหน้าที่อยากช่วยแต่ช่วยไม่ได้ของข่งเมิ่งแล้ว จินอวี่รู้สึกอ้างว้างในใจ

ไหนบอกว่าเผ่าเทพนกยูงกับเผ่าเทพพญาอินทรีมาจากสายเลือดเดียวกัน เมื่อยามอันตรายจะเผชิญหน้าด้วยกันไม่ทิ้งกันไง!

ไปๆ มาๆ เจ้ากลับมองข้าโดนรีดไถเช่นนี้หรือ

แต่ข่งเมิ่งก็พูดไม่ผิดเหมือนกัน ต่อให้นางคัดค้านหัวชนฝาจริงๆ แล้วอย่างไร

แสงเทพห้าสีของนางยังโดนเสิ่นเทียนทำลาย ทั้งกายยอมเสิ่นเทียนแล้ว ยังเอาอะไรมาสู้กับเสิ่นเทียนอีก

จินอวี่กดศีรษะอันโอหังลงด้วยความจำใจ “เสิ่นเทียน วันนี้ข้ายอมแพ้แล้ว!”

ข้าหรือ

เสิ่นเทียนมองวงรัศมีเหนือศีรษะของจินอวี่ด้วยรอยยิ้มบางๆ “ดีมาก เช่นนั้นก็เริ่มประเมินราคาได้!”

เสิ่นเทียนยื่นมือมาหยิบดาบนักรบทองคำข้างๆ จินอวี่ ก่อนพยักหน้า “ดาบเล่มนี้ดูไม่เลวเลย ให้ราคาเป็นศิลาวิญญาณพันก้อน สหายจินคิดว่ายุติธรรมหรือไม่”

อะไรนะ

ศิลาวิญญาณพันก้อน?

จินอวี่ตะลึงค้างไปแล้ว

นี่คือรับรองว่าจะประเมินราคาอย่างยุติธรรมที่เจ้าบอกหรือ

นี่มันสมบัติวิญญาณระดับสูง สมบัติวิญญาณระดับสูงนะ!

ต่อให้ขายเป็นของโจรอย่างน้อยต้องขายได้หลักหมื่นผลึกวิญญาณ หรือก็คือศิลาวิญญาณสิบล้านก้อน

นี่เจ้าประเมินราคาให้ข้าเป็นศิลาวิญญาณพันก้อนหรือ

เช่นนั้นข้าจะให้ศิลาวิญญาณเจ้าแสนก้อน เจ้าส่งมาให้ข้าสักร้อยชิ้นดีหรือไม่

จินอวี่กัดฟันด้วยความโมโห จ้องเสิ่นเทียนด้วยความไม่ยอม “เหอะๆ ราคานี้…ยุติธรรมมาก! สหายเสิ่นเสนอราคาเป็นจริงๆ”

เสิ่นเทียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”

“อ้อ ยังมีชุดขนนกทองคำที่สหายจินใส่ด้วย ถ้าแซ่เสิ่นมองไม่ผิด น่าจะเป็นแบบมีจำกัดกระมัง! แซ่เสิ่นให้ราคาเป็นศิลาวิญญาณหมื่นก้อน ไม่รู้ว่าสหายจินคิดว่าอย่างไร”

พรวด!

จินอวี่โมโหจนกระอักเลือด

อะไรคือศิลาวิญญาณหมื่นก้อน นี่มันชุดขนนกพญาอินทรีปีกทอง เป็นสมบัติวิญญาณระดับสูงสุดที่หลอมขึ้นจากขนนกที่หลุดมาจากพญาอินทรีปีกทองระดับหลอมรวมเทพ

เจ้ากลับให้ราคาข้าหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณหรือ

เจ้าไม่เจ็บปวดมโนธรรมบ้างรึ ไม่สิ เจ้ายังมีมโนธรรมอยู่หรือไม่

ข้าว่าเจ้าไม่ใช่ลูกศิษย์ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หรอก แต่เป็นผู้สืบทอดของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตต่างหาก!

เสิ่นเทียนยังคงประเมินราคาต่อไป

ทางด้านจินอวี่เป็นบ้าไปแล้ว

………………………………………………..……..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+