บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 471 สหายเสิ่น รับการโจมตีเต็มที่ของข้าเถอะ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 471 สหายเสิ่น รับการโจมตีเต็มที่ของข้าเถอะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 471 สหายเสิ่น รับการโจมตีเต็มที่ของข้าเถอะ!

เมื่อได้รับมรดกพลังจิตจากเสิ่นเทียน โอรสสวรรค์ทุกคนมีสีหน้าดีใจ

นี่คือความเข้าใจในการตระหนักรู้ที่บริสุทธิ์ที่สุด มากมายมหาศาล แฝงไว้ด้วยหลักการสูงสุดมหามรรค ทำให้คนตระหนักรู้ได้อย่างรวดเร็ว

อีกทั้ง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ในตำนานเสิ่นเทียนยังถ่ายทอดให้ด้วยตนเอง เรียกได้ว่าไม่อาจประเมินค่าได้

โอรสสวรรค์ทุกคนรู้ว่าเสิ่นเทียนมีพรสวรรค์สุดยอด กำลังรบเป็นหนึ่ง

การตระหนักรู้คัมภีร์จักรพรรดิของเขาจะต้องถึงระดับที่ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาได้แน่นอน!

โอรสสวรรค์ทุกคนดีใจเหมือนบ้า รีบขอบคุณ “ขอบคุณท่านน้ามาก…”

พวกเขานั่งขัดสมาธิลง หลับตาตกอยู่ในห้วงความคิด เริ่มตระหนักมรดกพลังจิต

…..

เมื่อเห็นในที่สุดทุกคนก็เงียบลง เสิ่นเทียนก็พ่นลมหายใจยาว

เจ้าเด็กนี่พวกนี้ก่อเรื่องกันเก่งจริงๆ!

ขืนให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าจะมีหลานเพิ่มมาอีกเท่าไร

แค่กๆ แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว

หลังจบเรื่องนี้ เสิ่นเทียนพบปัญหาหนึ่ง

รุ่นเยาว์พวกนี้ ส่วนใหญ่เป็นบุตรของโอรสสวรรค์ยุคพวกเขา

เหตุใดผู้บำเพ็ญห้าดินแดนถึงมีครอบครัวกันเร็วเช่นนี้ล่ะ

เสิ่นเทียนเพ่งสายตาเล็กน้อย ก่อนถามด้วยความแปลกใจ “ศิษย์พี่ เหตุใดโอรสสวรรค์มากมายถึงมีบุตรกัน”

โอรสสวรรค์พวก…หลี่ฉางเกอ คุนหมิงอะไรพวกนี้ ความจริงอายุแค่ไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น

สำหรับอายุขัยของผู้อริยะที่ไปถึงหมื่นปีแล้ว อายุแค่นี้เรียกได้ว่าหนุ่มมาก

ปรากฏว่าพวกเขากลับมีบุตรกันเร็วเช่นนี้ ทั้งยังโตขนาดนี้แล้ว นี่น่าแปลกใจจริงๆ

ตามความเข้าใจเสิ่นเทียน มีผู้บำเพ็ญน้อยมากที่จะมีบุตรกันในอายุเท่านี้

ผู้บำเพ็ญเมื่อก่อน อายุหลายพันปีมีบุตรกันไม่แปลกเลย อีกทั้งผู้บำเพ็ญที่อายุพันกว่าปียังไม่มีคู่ครองก็มีให้เห็นถมไป

ทุกคนมีใจฝึกบำเพ็ญ คิดหาทางยกระดับศักยภาพ มีน้อยคนมากที่จะให้ความสำคัญกับความรักหญิงชาย ตบแต่งมีบุตรกัน

ปกติจะต้องรอประสบความสำเร็จที่แน่นอนก่อน ว่างไม่มีอะไรทำถึงได้คิดจะมีบุตรมาเล่น

ตอนนี้ผู้บำเพ็ญอายุร้อยปีก็เริ่มมีบุตร นี่อาจจะแปลกไปหน่อย

จางอวิ๋นถิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนอธิบาย “เพราะมหาเคราะห์ภัยมาเยือน ราชวงศ์เซียนต้าฮวงเลยส่งเสริมให้เหล่าโอรสสวรรค์ตบแต่งและมีบุตรกันเร็วๆ มีบุตรกันมาเยอะๆ จะได้เสริมความแกร่งให้กับศักยภาพแฝงของผู้บำเพ็ญห้าดินแดน!

แนวความคิดเช่นนี้ปกติจะไปตกอยู่ในทุกครัวเรือน ดังนั้นทุกๆ หลายสิบปีจะปรากฏโอรสสวรรค์กลุ่มหนึ่ง”

เสิ่นเทียนพูดไม่ออก

หรือว่าต้องมีบุตรถึงจะต้านสิ่งนี้ไว้ได้กัน

แต่ว่าก็มีเหตุผลจริงๆ

เนื่องจากยุคแห่งการแย่งชิงถือบังเกิด พลังวิญญาณเอ่อล้น กฎเกณฑ์ใกล้ชิด โอรสสวรรค์ยุคนี้เติบโตกันเร็วมาก

อย่างเช่นโอรสสวรรค์หลายคนในยุคนี้ เพิ่งอายุยี่สิบสามสิบกว่าปีก็ทะลวงผู้สูงศักดิ์สวรรค์แล้ว

หากเป็นเมื่อก่อน นี่เป็นเรื่องที่ให้คิดยังไม่กล้าคิดเลย

ไม่มีหลายร้อยปีพันปีก็ไม่มีทางทำได้

และการเสริมความแกร่งให้การกำเนิด ยิ่งมีบุตรมากเท่าไรก็ยิ่งอาจจะกำเนิดโอรสสวรรค์ที่มีพรสวรรค์สุดยอดเยอะกว่าเดิม

หนึ่งในหมื่น หนึ่งในล้าน ให้กำเนิดสุดยอดโอรสสวรรค์สองสามคนก็ไม่ถือว่ายาก!

แม้ห้าดินแดนกำลังเจอมหาเคราะห์ภัย วิญญาณร้ายต่างแดนรุกรานมาไม่หยุด แต่ด้วยศักยภาพแฝงของขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ก็ยังต้านไว้ได้ช่วงหนึ่ง

ช่วงเวลานี้ก็เพียงพอจะให้บุตรมากมายเติบใหญ่ขึ้น เข้ากลุ่มผู้แข็งแกร่ง ร่วมกันต้านมหาเคราะห์ภัย

…..

ตอนนี้เองเหล่าโอรสสวรรค์ทุกคนตระหนักรู้ความเข้าใจในคัมภีร์จักรพรรดิลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ

ฝนแสงสว่างสาดกระจายกลางนภา โปรยปรายลงมาเหมือนดอกผลึก ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นอายตระหนักรู้

กลิ่นอายพลังของเหล่าโอรสสวรรค์ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เตรียมพร้อมรอปะทุ รับการชะล้างจากฝนลำแสง กลายเป็นมหัศจรรย์ยิ่งขึ้น

พวกเขาแผ่พลังลี้ลับมาจากในกาย เปล่งแสงเทพหนาทึบทั้งตัว ตระหนักรู้มหามรรคฟ้าดินไปเรื่อยๆ

ครืนๆๆ!

พลังเทพน่าสะพรึงมากมายมหาศาลดั่งมหาสมุทร ยิ่งใหญ่ถึงที่สุด

เพียงชั่วครู่ก็มีคนตระหนักรู้สำเร็จ พลังบำเพ็ญเพิ่มขึ้นอย่างมาก

กลิ่นอายการทะลวงพลังพุ่งออกมา หมุนม้วนฟ้าดิน ทำให้ทั้งแท่นวิหคทองแดงถูกพลังวิญญาณมากมายปกคลุม

ไม่นานนัก โอรสสวรรค์ทุกคนได้รับผลประโยชน์ในการตระหนักรู้ครั้งใหญ่ กระทั่งคนที่ทะลวงพลังบำเพ็ญเล็กยังมีไม่น้อย

พวกเขาตื่นขึ้นมาช้าๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี ตื่นเต้นกันมาก

ทุกคนร้องตกใจ “เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิลึกซึ้งมาก ทิ้งห่างพวกเราไปหลายสิบขุม”

“หลังตระหนักความเข้าใจในคัมภีร์จักรพรรดิแล้ว ข้าเข้าใจในคัมภีร์จักรพรรดิเพิ่มขึ้นไปหลายเท่าเลย!”

“ข้าก็เหมือนกัน ข้าฝึกคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันถึงขั้นสูงแล้ว!”

“ข้าด้วย ข้าด้วย!”

“ข้าก็เช่นกัน”

“ขอบคุณผู้อาวุโสเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มาก!”

“ขอบคุณท่านน้ามาก!”

…….

โอรสสวรรค์ทุกคนซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง หลังผ่านการตระหนักรู้ครั้งนี้ พวกเขาได้ประโยชน์ไปไม่น้อย อย่างน้อยก็ประหยัดเวลาการฝึกฝนอย่างหนักไปหลายสิบปี

ดังนั้นโอรสสวรรค์ทุกคนจึงซึ้งใจและเคารพเสิ่นเทียนมาก

ทว่าช่วงที่พวกเขาจะลุกขึ้นขอบคุณนั้นก็พบว่าเสิ่นเทียนพลันกลายเป็นแสงเทพ พุ่งไปบนชั้นเมฆเก้าหมื่นจั้ง

เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนทำหน้างุนงง ไม่เข้าใจเหตุผล

“เหตุใดเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถึงไปล่ะ”

“ใช่! ตอนแรกข้าว่าจะหารือกับเขาว่าจะรับท่านน้าข้าไว้หรือไม่อยู่เลย!”

“ใช่ๆ ท่านน้าข้ารอมาหลายปี ถึงเวลาออกเรือนแล้ว!”

“ข้าก็เช่นกันๆ!”

…..

บนทะเลเมฆ เสิ่นเทียนเหงื่อตก

เขาพ่นลมหายใจยาว ใบหน้าเต็มไปด้วยความปวดไข่ “ฟู่ ยังดีที่ข้าตั้งตัวทัน! หากให้เจ้าหนูพวกนี้เกาะแกะ คงหัวระเบิดแน่! เป็นผู้อาวุโสอะไรกัน น่ากลัวชะมัด!”

เสิ่นเทียนผู้กล้าหาญไร้พ่ายมาตลอด เจอกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เช่นนี้ก็ต้องถอย

เพราะจิตใจของเขาแทบจะไม่เปลี่ยนไปเลยกับเมื่อร้อยปีก่อน จู่ๆ มีคนมาพูดเรื่องรักใคร่มากขนาดนี้ ใครจะไปรับไหวกัน!

ดังนั้นต้องถอยก่อน ไปตั้งหลัก!

พอเห็นว่าในที่สุดก็สลัดเจ้าหนูพวกนี้หลุดได้ เสิ่นเทียนก็โล่งอก

…..

ตอนนี้เองห้วงอากาศสั่นไหวอย่างรุนแรง มิติบิดเบี้ยว แสงสว่างวนเวียน เต็มไปด้วยกลิ่นอายน่าเกรงขาม

ห้วงอากาศถูกพลังสูงสุดบางอย่างฉีกออก ปรากฏถ้ำแสงสว่างแสบตายิ่งลอยขึ้นมา

ในนั้นมีแสงสว่างพร่างพราว แสงเรืองรองหนาทึบ พลังยิ่งใหญ่

เสิ่นเทียนเพ่งสายตามอง เห็นสองร่างคนก้าวออกมาจากในความว่างเปล่า

หนึ่งในนั้นสวมชุดคลุมยาวสุภาพสีม่วง รูปร่างสูงใหญ่ ในดวงตาเหมือนซ่อนฟ้าดินไว้ ลึกล้ำยิ่ง

แต่กลิ่นอายพลังเขาอ่อนนุ่มมาก ระหว่างย่างก้าวเหมือนหลอมรวมกับฟ้าดิน ว่างเปล่าลอยล่อง ทำให้คนจับต้องไม่ได้

ส่วนอีกคนสวมชุดคลุมขาว ตรงระหว่างคิ้วเผยการผ่านโลกมาอย่างโชกโชนเสี้ยวหนึ่ง ความดื้อรั้นหายไปส่วนหนึ่ง แต่มีความเป็นผู้ใหญ่เพิ่มมา

เขามีกลิ่นอายพลังแข็งแกร่งถึงที่สุด แม้จะซ่อนไว้ในกาย ก็ยังรู้สึกได้ว่ากายเนื้อมีพลังที่บ้าคลั่งอย่างยิ่ง

สองคนนี้คือจักรพรรดิฮวงสือกับสือเทียนจื่อ

เมื่อเห็นดังนั้น ม่านตาเสิ่นเทียนหดลงเล็กน้อย

ต่อให้ถึงระดับอย่างเขาก็ยังไม่อาจอ่านจักรพรรดิฮวงสือได้ แต่กลับรู้สึกลึกล้ำไม่อาจคาดเดายิ่งกว่าเดิม

เสิ่นเทียนปลงในใจ จักรพรรดิฮวงสือช่างสมกับเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในห้าดินแดน

มีผู้แข็งแกร่งระดับนี้ปกป้องอยู่ ต่อให้เป็นวิญญาณร้ายต่างแดนก็ไม่อาจบุกห้าดินแดนได้ง่ายๆ!

จากนั้นเสิ่นเทียนหันไปมองสือเทียนจื่อ เขาพบว่าพลังบำเพ็ญของเจ้านี่ก้าวหน้าอย่างมากเช่นกัน

เวลาร้อยแปดสิบปีทำให้สือเทียนจื่อทะลวงจากผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตอนกลางไปอริยะแท้หกด่านเคราะห์แล้ว!

แต่ด้วยกำลังรบของสือเทียนจื่อ ต่อให้เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับมหาอริยะก็ยังสู้ไหว!

สมกับเป็นยอดผู้สูงส่งหนุ่มในตอนนั้น มีพรสวรรค์แข็งแกร่งจริงๆ!

พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็เดินไปด้วยรอยยิ้ม “อาสือ สหายเทียนจื่อ ไม่ได้พบกันนานเลย!”

จักรพรรดิฮวงสือเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “กลับมาแล้วรึ”

หลังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของเสิ่นเทียน จักรพรรดิฮวงสือก็พาสือเทียนจื่อมา

เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนจะพูดปลง “ปิดด่านบำเพ็ญเลยเถิดไปถึงได้ออกมาช้า”

จักรพรรดิฮวงสือพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เทียนเอ๋อร์ เจ้าปิดด่านบำเพ็ญในกระดานหมากฟ้าขุ่นนานขนาดนี้ จะต้องได้อะไรมามากมายแน่นอน!”

เขาเข้าใจในโลกสะพานเชื่อมฟ้าอย่างยิ่ง จะไม่รู้ว่ากระดานหมากฟ้าขุ่นหมายถึงอะไรได้อย่างไร

นั่นคือแดนโชคลิขิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกสะพาน มีโชคลิขิตยิ่งใหญ่

อีกทั้งตอนที่สือเทียนจื่อกลับมายังบอกจักรพรรดิฮวงสือถึงสถานการณ์ในกระดานหมากฟ้าขุ่นอย่างละเอียด

ดังนั้น จักรพรรดิฮวงสือย่อมรู้ว่าเสิ่นเทียนได้มรดกจากราชาเซียนฟ้าขุ่น

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ได้มาจริงๆ ศักยภาพเพิ่มขึ้นมาส่วนหนึ่ง”

อยู่ต่อหน้าจักรพรรดิฮวงสือ เสิ่นเทียนก็ยังถ่อมตัวมาก

จักรพรรดิฮวงสือยิ้มสบายใจ “ดี ดีมาก! มีเจ้าอยู่ ห้าดินแดนมีความหวังเพิ่มมาอีกหน่อยแล้ว!”

จักรพรรดิฮวงสือมองเสิ่นเทียนเป็นลูกหลานตนมานานแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มอบคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์กับท้อเซียนอมตะให้เขา

เห็นเสิ่นเทียนประสบความสำเร็จเช่นนี้ ภายในใจเขาจึงเต็มไปด้วยความปลื้มใจ

…..

เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “อาสือ โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าที่ท่านบอกในตอนนั้น ข้าหลอมสำเร็จแล้ว เพียงแต่ว่าไม่ใช่โอสถเสริมสวรรค์ท้อเซียน แต่เป็นโอสถเสริมสวรรค์กล้วยหอม!”

เสิ่นเทียนเล่าสถานการณ์ในจวนสัประยุทธ์ให้จักรพรรดิฮวงสือฟัง “โอสถเสริมสวรรค์กล้วยหอมมีประสิทธิผลไม่เท่าโอสถเสริมสวรรค์ท้อเซียน แซ่เสิ่นจึงยินดีจะมอบโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าสองเม็ดเป็นการชดเชย”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็นำโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าออกมาสองเม็ด ส่งให้จักรพรรดิฮวงสือ

สรรพคุณยาของโอสถเสริมสวรรค์กล้วยหอมอย่างเดียวเทียบโอสถเสริมสวรรค์ท้อเซียนไม่ได้ก็จริง แต่ก็ต่างกันไม่มาก อีกทั้งถ้าเป็นโอสถเสริมสวรรค์กล้วยหอมสองเม็ด มูลค่าจะสูงกว่าโอสถเสริมสวรรค์ท้อเซียนมาก

ถึงอย่างไรของสิ่งนี้คนกินได้แค่เม็ดเดียว มีเพิ่มมาอีกเม็ดก็เท่ากับว่าจะสร้างผู้แข็งแกร่งได้อีกคน

แต่เสิ่นเทียนไม่สนใจ จักรพรรดิฮวงสือเป็นผู้แข็งแกร่งสุดยอดของห้าดินแดน แบกรับหน้าที่มากกว่าที่คนธรรมดาจะรับไหว

ทุกคนกำลังพัฒนาตัวเองอย่างสุขสบาย แต่เขาต้องจ้องผู้แข็งแกร่งสุดยอดของเผ่าวิญญาณร้ายตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิด

ไม่อย่างนั้น มาถึงระดับผู้แข็งแกร่งอย่างพวกเขา หากเปิดฉากสังหาร ทุกชีวิตจะสิ้นลง

ดังนั้นจักรพรรดิฮวงสือจึงเป็นผู้อาวุโสที่ควรค่าแก่การเคารพมากที่สุดในห้าดินแดน

การมอบโอสถเสริมสวรรค์ให้เขา ไม่ใช่แค่เสริมศักยภาพให้จักรพรรดิฮวงสือ ปกป้องห้าดินแดนได้ดีกว่าเดิม แต่อีกเม็ดที่เพิ่มมาก็สร้างผู้แข็งแกร่งอีกคนได้เช่นกัน

ตอนนี้ห้าดินแดนเจอวิกฤติ ทุกคนอยู่แนวรบเดียวกัน ต้องร่วมกันปราบวิญญาณร้าย

ราชวงศ์เซียนต้าฮวงปรากฏผู้แข็งแกร่งมาอีกคน นี่เป็นเรื่องดีกับห้าดินแดน

……

จักรพรรดิฮวงสือพยักหน้า ก่อนพูดด้วยความปลื้มใจ “เทียนเอ๋อร์มีน้ำใจ! ตรงนี้ให้คนหนุ่มอย่างพวกเจ้าคุยกันไปแล้วกัน ข้ามีธุระต้องไปจัดการ ขอตัวก่อน”

จักรพรรดิฮวงสือรับโอสถเสริมสวรรค์สองเม็ดแล้วก้าวเท้าเบา จมเข้าไปในห้วงอากาศไร้พรมแดน

เขาจะกินโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้ายกระดับศักยภาพให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่อาจต่อต้านได้ อีกทั้งยังต้องเลือกผู้อาวุโสสูงสุดจากในสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยมาอีกคน ให้กินโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า

แบบนั้น สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยก็จะมีผู้พิทักษ์ที่แกร่งที่สุดสองคน และยังเพิ่มความมั่นใจในการต่อต้านวิญญาณร้ายขึ้นอีกหน่อย

เมื่อเห็นจักรพรรดิฮวงสือไปแล้ว สือเทียนจื่อก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นเต้น

“สหายเสิ่น ในที่สุดเจ้าก็ออกมาแล้ว!”

สือเทียนจื่อดวงตาลุกวาว มองเสิ่นเทียนด้วยความปลงอนิจจังอย่างยิ่ง

ตอนนั้นในกระดานหมากฟ้าขุ่น เนื่องจากเสิ่นเทียนยังปิดด่านบำเพ็ญ สือเทียนจื่อเลยไม่ทันได้บอกลาเขาก็ต้องออกไปก่อน

ไม่นึกเลยว่าการแยกจากครั้งนั้น สองคนจะต้องห่างกันร้อยปีถึงได้พบกัน

ภายในใจสือเทียนจื่อเต็มไปด้วยความเคารพและนับถือเสิ่นเทียน ขณะเดียวกันยังเต็มไปด้วยจิตมุ่งมั่นในการต่อสู้

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นยอดผู้สูงส่งหนุ่ม ใช้พลังไร้พ่ายยิ่งใหญ่ในดินแดนกลางตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ แล้ว

เพียงแต่ว่ามาเจอเสิ่นเทียนถึงทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้

แต่จิตมรรคของสือเทียนจื่อไม่ได้รับผลกระทบ ในทางตรงข้ามกลับแน่วแน่ยิ่งขึ้น

เขามองเสิ่นเทียนเป็นคู่ต่อสู้ มองเสิ่นเทียนเป็นสหาย มองเสิ่นเทียนเป็นเป้าหมายไล่ตาม

เมื่อเห็นคู่ต่อสู้ในอดีตกลับมาอย่างปลอดภัย สือเทียนจื่อมีความสุขมาก

…..

เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้ม “ไม่ได้เจอกันมาหลายปี สหายเทียนจื่อยังสง่างามเหมือนเดิมเลย ดูท่าสหายเทียนจื่อคงจะฝึกคัมภีร์มรรคครอบฟ้าถึงขั้นสมบูรณ์แล้วกระมัง!”

หากไม่ใช่เพราะสือเทียนจื่อ เสิ่นเทียนคงไม่ได้มรดกราชาเซียนฟ้าขุ่น

เขารู้สึกดีกับกุยช่ายใหญ่ที่มีพรสวรรค์สุดยอดและศักยภาพแข็งแกร่ง ทั้งยังดวงชะตาสูงสุดคนนี้ยิ่งนัก!

ถึงอย่างไรกุยช่ายต้นนี้ก็อวบพอ~

พอได้ฟังคำพูดเสิ่นเทียน สือเทียนจื่อมุมปากกระตุกเล็กน้อย

“ที่ไหนกันๆ เทียบกับสหายเสิ่นแล้ว ยังห่างอีกไกล!”

เขายังไม่ลืมความสุขที่คิดว่าตนแซงหน้าเสิ่นเทียนได้ในตอนนั้น ปรากฏว่าความจริงอันโหดร้ายทุบตีหัวใจอันเยาว์วัยของเขาอย่างแรง

ดังนั้น ในหลายปีมานี้หลังออกจากกระดานหมากฟ้าขุ่น สือเทียนจื่อหมั่นฝึกบำเพ็ญ มุ่งตระหนักคัมภีร์มรรคครอบฟ้า

ในที่สุดฟ้าดินย่อมให้ความเป็นธรรมกับผู้มีจิตใจดีงาม เขาฝึกคัมภีร์มรรคครอบฟ้าถึงขั้นสูงเมื่อสามสิบปีก่อน

แต่เทียบกับเสิ่นเทียนแล้วยังต่างกันเหมือนเมฆและดินเลน

สามปีปะทะร้อยห้าสิบปี!

นี่จะเทียบกันได้หรือ

สือเทียนจื่อถอนหายใจหนักๆ ในใจ

ว่างๆ ก็อย่าไปเทียบพรสวรรค์กับสหายเสิ่น มีแรงกดดันมากเกินไปจริงๆ!

ทำให้ยอดผู้สูงส่งแต่กำเนิดแห่งยุคอย่างข้าเหมือนขยะเลย

เฮ้อ ข้าแซ่สืออยู่ยากจริงๆ!

……

ในเมื่อเทียบพรสวรรค์ไม่ได้เลย สือเทียนจื่อจึงคิดหาทางกู้หน้ากลับมาจากในด้านอื่น

หลายปีมานี้ เขาคิดหาทางเอาชัยชนะคืนมาจากเสิ่นเทียนตลอด!

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนกลับมา สือเทียนจื่อพลันแปลกใจขึ้นมา “สหายเสิ่น พลังบำเพ็ญเจ้าบรรลุถึงระดับใดแล้ว”

สือเทียนจื่อรู้ว่าพลังบำเพ็ญและกำลังรบของเสิ่นเทียนไม่อาจเทียบกันได้เลย

ตอนแรกที่เสิ่นเทียนยังอยู่จุดสูงสุดดวงจิตดรุณก็เอาชนะเขาในระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตอนกลางได้

ตอนนั้นกำลังรบสองคนเทียบเท่าอริยะแท้

และนี่ผ่านไปร้อยแปดสิบปี พลังบำเพ็ญของเสิ่นเทียนต้องพัฒนาขึ้นแน่นอน ดังนั้นสือเทียนจื่อจึงอยากดูว่าเสิ่นเทียนฝึกถึงพลังบำเพ็ญใดแล้ว

เสิ่นเทียนยิ้ม “ครึ่งก้าวฝ่าด่านเคราะห์!”

สือเทียนจื่อได้ยินดังนั้นก็ตาเป็นประกาย

ตอนแรกเสิ่นเทียนอยู่หลอมรวมเทพตอนต้นก็สู้เจ้าอริยะเจ็ดด่านเคราะห์ได้ ตอนนี้ทะลวงครึ่งก้าวฝ่าด่านเคราะห์ ก็น่าจะมีกำลังรบของมหาอริยะ!

และเขาสือเทียนจื่อเป็นครึ่งก้าวเจ้าอริยะจุดสูงสุดหกด่านเคราะห์ มีกำลังรบสู้กับมหาอริยะได้เช่นกัน!

นี่หมายความว่าแซ่สือมีโอกาสตัดสินสูงต่ำกับสหายเสิ่นหรือไม่

พอคิดถึงตรงนี้ สือเทียนจื่อจิตต่อสู้เอ่อล้นขึ้นมา “สหายเสิ่น พวกเรามาสู้กันสักรอบเป็นอย่างไร ครั้งนี้สหายเสิ่นจะต้องออกมืออย่างเต็มที่ ตัดสินสูงต่ำกับแซ่สือ!”

สือเทียนจื่อน้ำเสียงแน่วแน่ ตอนนั้นเขาสงสัยว่าเสิ่นเทียนออมมือ ไม่ได้สู้เต็มที่ ไม่เช่นนั้นเขาต้องแพ้ย่อยยับกว่าเดิมแน่

แต่สือเทียนจื่อเองก็มีความหยิ่งผยอง เขาอยากสู้กับเสิ่นเทียนอย่างเต็มที่และผึ่งผาย!

ต่อให้ระหว่างสองคนจะมีความต่าง เขาก็อยากดูว่าต่างกันมากเท่าไร!

เสิ่นเทียนได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าลำบากใจ “สหายเทียนจื่อ แบบนี้ไม่ดีกระมัง!”

“มีอะไรไม่ดีกัน สหายเสิ่นออกมือได้เต็มที่เลย แซ่สือจะรับไว้ทั้งหมด!”

สือเทียนจื่อมีใบหน้ามั่นใจมาก หลายปีมานี้เขาไม่ได้เสียเปล่า ศักยภาพและพลังบำเพ็ญพัฒนาขึ้นอย่างมาก

เขามั่นใจว่าตนจะต้องกดดันให้เสิ่นเทียนใช้กำลังทั้งหมดได้แน่นอน

“แต่ว่า…”

เสิ่นเทียนยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกสือเทียนจื่อห้ามไว้ “สหายเสิ่นไม่ต้องพูดมาก ออกมือให้เต็มที่เถอะ!”

“ก็ได้!”

เสิ่นเทียนถอนหายใจ จากนั้นโบกมือกว้าง พลันปรากฏแสงเทพสว่างจ้าขึ้น

เตาหลอมเทพมหึมาลอยขึ้นตรงหน้าเขา

บนเตาหลอมเทพเต็มไปด้วยเพลิงเทพสุริยะ ลุกโชติช่วง เผาห้วงอากาศเป็นความว่างเปล่า

อำนาจจักรพรรดิยิ่งใหญ่ที่สุดหมุนม้วนฟ้าดิน ปกคลุมจักรวาล มากมายมหาศาลดั่งมหาสมุทร เหมือนจะสั่นทำลายฟ้าดินแห่งนี้

เตาหลอมนี้คือเตาหลอมเทพสุริยะ

ในเมื่อสือเทียนจื่ออยากให้เขาออกมือเต็มที่ เสิ่นเทียนก็ได้แต่ทำตามที่อีกฝ่ายขอ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการไม่เคารพอีกฝ่าย

เมื่อเห็นภาพนี้ สือเทียนจื่อพลันเบิกตาโต กลืนน้ำลายลงคออย่างบ้าคลั่ง

“สหายเสิ่น ไม่อย่างนั้นเรามาประชันหมัดเทพฟ้าขุ่นกันเถอะ!”

สือเทียนจื่อมุมปากกระตุกรัว

มารดาเถอะ แซ่สือบอกให้เจ้าสู้เต็มที่ ไม่ใช่จะทุบตีข้า

เจ้าเอาอาวุธจักรพรรดิออกมา ใครจะไปต้านไหวกัน!

“อ้อ ก็ได้!”

เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนจะเก็บเตาหลอมเทพสุริยะกลับไป

จะว่าไปนี่ก็ยังไม่ใช่ไพ่ตายของเขา ยังไม่ได้เอากระดานหมากฟ้าขุ่นออกมาเลย!

สือเทียนจื่อพลันโล่งอก ขอแค่เสิ่นเทียนไม่เอาอาวุธจักรพรรดิออกมา เขาก็มั่นใจว่าจะสู้ได้!

เขาดวงตาลุกวาว ป้องมือกล่าว “ขอให้สหายเสิ่นชี้แนะด้วย!”

เมื่อเอ่ยจบ สือเทียนจื่อก็พุ่งตรงไปหาเสิ่นเทียนก่อน!

ร่างเงาเขาพลันกลายเป็นแสงเทพสว่างจ้า เหมือนดาวหางพุ่งตกลงมาทะเลเมฆฟ้าเก้าชั้น!

สือเทียนจื่อกำหมัด แผ่พลังหนาแน่นหมื่นชั่ง เหมือนดาวใหญ่ตกลงมา ทำลายอากาศไร้พรมแดน!

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนตาเป็นประกาย

ในร้อยแปดสิบปีนี้ สือเทียนจื่อวุ่นอยู่กับการฝึกหมัดเทพฟ้าขุ่น บรรลุถึงระดับชำนาญมานานแล้ว

ด้วยพลังบำเพ็ญจุดสูงสุดอริยะแท้หกด่านเคราะห์ จึงแสดงอานุภาพของหมัดเทพฟ้าขุ่นออกมาได้ทั้งหมด

หมัดนี้มีอานุภาพน่าสะพรึงอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งมหาอริยะก็ยากจะต้านไว้ได้ตรงๆ

นี่กระตุ้นจิตมุ่งมั่นในการต่อสู้ของเสิ่นเทียน เขาคำรามเสียงดัง “เข้ามา!”

เสิ่นเทียนพุ่งขึ้น แสงดาราอาบรอบกาย

เขากลายเป็นแสงเทพสว่างจ้าพุ่งขึ้นฟ้า

ชกหมัดออกไป ลำแสงกำปั้นปกคลุมโลก!

ทันใดนั้น เสิ่นเทียนรวมหมัดยักษ์ใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดขึ้นตรงหน้า

ลำแสงกำปั้นพร้อมด้วยพลังทำลายล้างเข้าปะทะกับสือเทียนจื่อ!

บึ้ม!

เสียงดังสนั่นฟ้าดิน!

นี่ไม่เหมือนศึกตัดสินธรรมดา แต่เหมือนดาวตกนอกฟ้าสองดวงชนกันมากกว่า อานุภาพสั่นคลอนฟ้าดิน เหมือนจะทำลายจักรวาลทั้งหมด

พลันระเบิดแสงเทพขึ้นกลางฟ้า สว่างจ้าแสบตา พลังเทพมหาศาลถาโถมมาถึงที่สุด ราวกับมหาสมุทรถมฟ้าดิน

มองไป เห็นกลางท้องนภาถูกแสงเทพปกคลุมทั้งหมด แสงสว่างบดบังฟ้าบังดวงตะวันทำให้ตะวันจันทราถอดสี จนเมื่อแสงสว่างหายไป เสิ่นเทียนยืนอยู่กลางอากาศ พลังยิ่งใหญ่มหาศาล ยากจะประเมินได้

อีกด้าน สือเทียนจื่อตัวลอยขึ้น

เขาตัวสั่นสะท้านเล็กน้อย ก้าวถอยไปหลายก้าว นัยน์ตาเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม

ดูท่าสหายเสิ่นคงตระหนักรู้หมัดเทพฟ้าขุ่นลึกซึ้งเช่นกัน!

…..

แต่ปัญหาไม่ใหญ่ ข้าเป็นยอดผู้สูงส่งโดยกำเนิด ตกตะกอนฝึกหมัดเทพฟ้าขุ่นร้อยปี

ศึกนี้ ไม่มีเหตุผลให้แพ้!

สหายเสิ่น เตรียมรับการโจมตีเต็มที่ที่ข้าเพาะบ่มมาร้อยปีเถอะ!

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด