บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 160 เหมืองแร่ศิลาวิญญาณ สุราวิญญาณเซียน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 160 เหมืองแร่ศิลาวิญญาณ สุราวิญญาณเซียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 160 เหมืองแร่ศิลาวิญญาณ สุราวิญญาณเซียน

แม้จะผ่านประสบการณ์ครั้งนี้ไป ได้ทักษะใหม่ๆ มากมาย แต่เสิ่นเทียนก็ตัดสินใจว่าจะเก็บไพ่ตายเอาไว้ให้มากที่สุด จะไม่ใช้ออกมาทั้งหมดเด็ดขาด

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นโลกบำเพ็ญเซียนที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก มีไพ่ตายไว้หนึ่งอย่างก็เท่ากับมีโอกาสรอดเพิ่มมาส่วนหนึ่ง

ถ้าเจ้าแสดงพลังเพียงแค่ระดับสร้างฐาน เช่นนั้นเวลาเจออันตรายก็อาจจะแค่ระดับแก่นพลังทองเท่านั้น ถ้าเสิ่นเทียนเผยศักยภาพทั้งหมด เกิดมีคนคิดไม่ดีกับเขา ก็คงต้องเจอกับหายนะไปสู่ความตาย

หลังผ่านอันตรายในที่ราบหมอกลับแลครั้งนี้ไป เสิ่นเทียนยิ่งรู้สึกถึงความสำคัญของความสุขุมกับกลยุทธ์การรบแบบซ่อนฝีมือเอาไว้

ถ้าให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาจะไม่เสี่ยงอันตรายออกมาหาสมบัติคนเดียวเด็ดขาด

เมื่อเสพสุขอาหารเลิศรสเสร็จแล้ว เสิ่นเทียนก็นับของที่ได้มาทั้งหมด จากนั้นเตรียมจะกลับ ทว่าตอนนี้เองเขาพลันรู้สึกว่าสมองพองบวมขึ้น

ความทรงจำมรดกทางสายเลือดพิเศษโพล่งขึ้นมาในความคิด

พริบตาเดียวเขารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเถาวัลย์ที่ทะลวงใส่ท้องนภา

ผิวกายเขาวนเวียนด้วยหมอกวิญญาณหนาหลายชั้น บดบังร่างอย่างสมบูรณ์ ดูลึกลับและไม่อาจคาดคะเนได้

แต่แค่เขายินดี ทั่วร่างเขาก็ทะลวงไปมาใต้ดินได้อย่างอิสระ ความเร็วยังเร็วกว่าสัตว์อสูรอีก

ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดมาก เพราะเสิ่นเทียนรู้สึกรางๆ ว่าถ้าเป็นเขาก็เหมือนจะได้เช่นกัน!

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร เสิ่นเทียนลืมตาขึ้น ลองหลอมรวมตราประทับของส่วนลึกความคิดนั้น

เขายื่นมือขวาออกมาช้าๆ และปล่อยเถากลืนกินเซียนเส้นหนึ่ง ผิวกายอบอวลไปด้วยหมอกวิญญาณ เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าหมอกวิญญาณที่ตนปล่อยออกมาแม้จะมีปริมาณเทียบกับที่ราบหมอกลับแลไม่ได้ แต่ในด้านคุณสมบัติเหมือนกันทุกประการ สามารถบดบังการตรวจจับของผู้ฝึกบำเพ็ญและอำพรางร่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สำหรับเสิ่นเทียนแล้วนี่เป็นเรื่องน่ายินดีที่เหนือความคาดหมายมาก เพราะเถากลืนกินเซียนควบคู่กับน้ำมวลหนักปฐมกาลก็รวมกันได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งแล้ว ตอนนี้มีหมอกวิญญาณช่วย นี่ยิ่งทำให้เถาน้ำที่เดิมทีลี้ลับยากจะคาดเดาโจมตีน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

คิดๆ ดูแล้ว ตอนสู้ เสิ่นเทียนจะปล่อยหมอกวิญญาณมาคลุมคู่ต่อสู้ไว้ก่อน เอาไม่พ่ายแพ้ไว้ก่อน จากนั้นเขาก็ซ่อนตัวในหมอกวิญญาณ ใช้เถากลืนกินเซียนน้ำมวลหนักสุดแกร่งลอบโจมตี

ดังนั้นแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองก็เสียเปรียบและพ่ายแพ้ได้ง่ายมากเช่นกัน

นี่คือความสามารถพิเศษแรกที่เสิ่นเทียนได้มาหลังดูดซับเถากลืนกินเซียน ‘ปล่อยหมอกวิญญาณ ประสิทธิภาพไม่เลว’

และความสามารถพิเศษที่สองหลังเสิ่นเทียนดูดซับเถากลืนกินเซียนก็คือ ‘เสริมความแกร่งมุดดินหนี’

ผู้ฝึกบำเพ็ญธาตุดินจำนวนมากจะเลือกฝึกฝนวิชาหนีตายอย่างพวกวิชาธาตุดิน แต่ไม่ใช่วิชาทุกวิชาธาตุดินจะรวดเร็วมาก บางวิชาก็ช้าเสียจนน่าโมโห

ทว่าความสามารถพิเศษของเสิ่นเทียนคือการใช้เถากลืนกินเซียนมุดไปในดิน ความเร็วเทียบเท่ากับขี่กระบี่บิน ถ้าเจอกับศัตรูแข็งแกร่งที่สู้ไม่ได้เลยหนีจากบนฟ้าไม่ได้ เขาก็จะหนีไปจากใต้ดินได้

“ทักษะเอาตัวรอด เยี่ยมมาก!”

ถึงขนาดที่เสิ่นเทียนให้ความสำคัญกับทักษะนี้มากกว่าระเบิดสายฟ้าเสียอีก เพราะเขาไม่ชอบการต่อสู้สุดชีวิตอะไรนั่น แต่ให้ความสำคัญกับการรักษาชีวิตมากกว่า

จากนี้ถ้าเจอศัตรูที่สู้ไม่ได้จริงๆ ก็ใช้หมอกวิญญาณอำพรางตัวก่อนจากนั้นมุดดินหนี

เช่นนี้ต่อให้อีกฝ่ายเทียบเท่ากับผู้สูงศักดิ์ ก็อาจจะตามเสิ่นเทียนไม่ทันในเวลาสั้นๆ กระมัง!

เสิ่นเทียนเป็นคนกล้าลอง พูดแล้วก็ลองทำเลย

เขารวมพลังนั้นไว้ตามการแนะนำจากตราประทับความจำในความคิด ชั่วครู่เดียวเขาก็รู้สึกว่าดินใต้เท้าเหมือนจะกลายเป็นของเหลว

ร่างมุดลงดินไปอย่างรวดเร็วภายใต้การเหนี่ยวนำของเถากลืนกินเซียน ไม่มีอุปสรรคใดๆ เลย กระทั่งเขายังรู้สึกรางๆ ว่าความเร็วในการมุดดินเหมือนจะเร็วกว่าขี่กระบี่บินเสียอีก

เสิ่นเทียนอดทำปากจิ๊ๆ แปลกใจมิได้ โลกบำเพ็ญเซียนยิ่งใหญ่ มีสิ่งมหัศจรรย์ทุกสิ่งอย่างจริงๆ

ถ้ามารดาเถาลวี่จีไม่เจอระดับฝ่าด่านเคราะห์และต้องออกมาฝ่าเคราะห์ภัยเป็นผู้อริยะละก็ ทั้งแดนบูรพาคงมีไม่กี่คนที่คุกคามนางได้จริงๆ

ต่อให้สู้ไม่ได้ก็หนีไปได้

แต่น่าเสียดาย ตอนนี้เถากลืนกินเซียนเป็นของข้าทั้งหมดแล้ว

เสิ่นเทียนใช้วิชามุดดินหนีอย่างเต็มที่ พริบตาเดียวก็หายไปจากบนพื้นดิน

เขาเคลื่อนผ่านไปในใต้ดินอย่างรวดเร็ว เหมือนรู้สึกว่าไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ เลย นี่เป็นประสบการณ์ที่วิเศษมาก

ทันใดนั้นก็เกิดอารมณ์กระหายอยากขึ้นมาในกายเขา

คัมภีร์คบเพลิงในกายเขาเหมือนจะสัมผัสอะไรได้และเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา

เสิ่นเทียนครุ่นคิดก่อนจะเสริมการป้องกันเต็มขั้นอย่างระมัดระวังแล้วมุดดินไปทางนั้น เมื่อเข้าใกล้ทางนั้นขึ้นเรื่อยๆ เขาก็รู้สึกว่าตนกำลังเสียพลังในการมุดดินมากขึ้น ถึงช่วงท้ายสุดถึงขั้นที่เหมือนเดินในหนองน้ำ ยกเท้ายาก เสียพลังวิญญาณจำนวนมากกว่าจะเดินหน้าไปได้เล็กน้อย

ในที่สุดก็เหมือนทะลวงเยื่อบางๆ ไร้รูปชั้นหนึ่ง

เสิ่นเทียนซึมเข้ามาจากผนังหิน เข้ามาในพื้นที่กว้างโล่งแห่งหนึ่ง

นี่เป็นห้องลับใต้ดินกว้างยาวหลายสิบจั้ง ทุกส่วนหุ้มด้วยหินหนืดแข็งๆ

เสิ่นเทียนเห็นชัดเจนว่าข้างๆ ห้องลับใต้ดินแห่งนี้มีเหมืองแร่ศิลาวิญญาณขนาดใหญ่อยู่

ใช่ เหมืองแร่ศิลาวิญญาณ!

นั่นคือเหมืองแร่ที่แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ยังมองว่ามันเป็นหัวใจสำคัญ!

ไม่อยากเชื่อว่าส่วนลึกของที่ราบหมอกลับแลจะซ่อนเหมืองแร่ศิลาวิญญาณขนาดเล็กเอาไว้ แม้ขนาดจะเทียบกับเหมืองแร่ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ได้ แต่มูลค่าของมันก็ไม่อาจประเมินได้เลย

และเพราะว่ามีพลังวิญญาณจำนวนมากสนับสนุนอยู่นี่เอง มารดาเถาลวี่จีถึงได้เติบโตมาหลายพันปีจนสัมผัสประตูแห่งฝ่าด่านเคราะห์

ถ้าเอาเหมืองแร่ศิลาวิญญาณนี้ไปได้ สำหรับเสิ่นเทียนในตอนนี้แล้วคือกำไรเลือดสาดไม่มีขาดทุน

แน่นอนเสิ่นเทียนไม่เคยคิดจะเอาเหมืองแร่วิญญาณนี้ไปอยู่แล้ว มันไม่สอดคล้องกับความจริง

ถึงอย่างไรเรื่องการย้ายเหมืองแร่ ขนาดระดับหลอมรวมเทพยังเหนื่อย ถ้าจะซ่อนเอาไว้ ภายภาคหน้าอาจจะโดนผู้มีมหาโชคคนอื่นพบ สู้รายงานต่อแดนศักดิ์สิทธิ์ ให้คนใหญ่คนโตสุดยอดของแดนศักดิ์สิทธิ์มาย้ายไปและแบ่งผลประโยชน์ไปจะดีกว่า

ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงคำเดิม เสิ่นเทียนไม่เคยขาดเงิน สำหรับเขาเงินเป็นเพียงตัวเลข ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก!

เขาเดินไปกลางพื้นที่กว้างเหมืองแร่ด้วยความระมัดระวัง ดูก็รู้ว่าที่นี่เคยเป็นที่อยู่ของมารเดาเถาลวี่จีมาก่อน

เขาเดินหน้าไปตามห้องลับใต้ดินช้าๆ ไม่นานก็เจอกับห้องหนึ่ง

มารดาเถาลวี่จีเหมือนจะใช้ค่ายกลไม่ได้ หรือไม่ก็คิดว่ามีตนอยู่เลยไม่น่าจะมีอะไรเหนือความคาดหมายก็ได้ ดังนั้นในห้องนี้เลยไม่ได้วางค่ายกลป้องกันไว้ แต่ตรงกลางห้องกลับวางสุราเซียนที่เก็บมานานหลายปีหลายไห

เสิ่นเทียนหยิบมาเปิดไหหนึ่ง พบว่าในนั้นใส่ของเหลวสีขาวขุ่นเต็ม กลิ่นหอมเข้มข้น

เห็นได้ชัดว่าสุราบ่มพวกนี้คือสุราเซียนที่ทำขึ้นจากของเหลวเถากลืนกินเซียน

เสิ่นเทียนนับคร่าวๆ อย่างไรก็ต้องมีหลายร้อยไห

…….

สุราเซียนพวกนี้แฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณเปี่ยมล้น มีประโยชน์กับผู้ฝึกบำเพ็ญอย่างมาก แม้แต่เจ้ากระบี่สุริยะฟ้าในระดับจุดสูงสุดหลอมรวมเทพยังอยากได้สุราเซียนนี้จนน้ำลายหก มันล้ำค่าอย่างยิ่ง

น่าเสียดาย เสิ่นเทียนรินมาแก้วหนึ่งเป็นตัวอย่าง แต่ไม่กล้าดื่มมั่วจริงๆ ไม่อย่างนั้นเกิดดื่มแล้วภาพตัดขึ้นมาเป็นปัญหาแน่

แม้ข้าจะไม่ชอบดื่มสุรา แต่ของดี ห่อกลับไปต้องดีแน่นอน เอาไปให้หมดแล้วกัน!

เสิ่นเทียนตัดสินใจอยู่ในใจก่อนย้ายไหสุราพวกนั้นเข้าแหวนเวหา

อ้อ เสิ่นเทียนจำได้รางๆ ว่าเจ้าหลี่ฉางเกอนั่นเป็นคนขี้เหล้า ไม่รู้ว่าบิดาเขาหลี่ชางหลันชอบดื่มหรือไม่ ถ้าชอบดื่มเหมือนกันละก็ เกิดเจอตาแก่นั่นก็ให้สุราเซียนเขาไปสักหนึ่งสองไห ก็น่าจะพยายามตีสนิทได้กระมัง!

อืม ให้สุราเซียนพวกนี้เป็นของขวัญกับรับแขกก็น่าจะมีน้ำหนักมากอยู่

ถึงอย่างไรนี่ก็บ่มมาจากของเหลวเถากลืนกินเซียนอันเป็นลำดับเก้าในรายนามไม้วิญญาณ

ทั้งโลกบำเพ็ญเซียนมีไม่กี่คนที่เสพสุขสิ่งนี้ได้

ใช่อย่างที่คิดไว้จริงๆ หลังดวงชะตาเขียวขึ้นแล้ว ดวงชะตาก็ดีขึ้นเช่นกัน

ไม่อยากเชื่อว่าจะเจอสมบัติล้ำค่าเช่นนี้!

……

เสิ่นเทียนกำลังกวาดล้างอย่างบ้าคลั่งในหุบเขาหมอกลับแล

ขณะเดียวกันบนพื้นสูงนอกหุบเขาหมอกลับแล เถาเล็กขนาดราวๆ สองชุ่นแผ่กลิ่นอายอาฆาตแค้นออกมาทั้งตัว มันมองไปทางหุบเขาหมอกลับแลไกลๆ คลื่นพลังจิตส่งเสียงเยาว์วัยออกมา

“นางผู้หญิงสาวเลว อย่าคิดว่าเก็บกลิ่นอายพลังแล้วจะไม่เป็นอะไร ข้าจำเจ้าไว้แล้ว เกราะนักรบสีฟ้า หน้ากากสีแดง กล้าขโมยของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานของข้า

อ๊ากๆๆๆ~! แค้นนี้ ข้าจะต้องล้างแค้นเจ้าให้ได้! อย่างแน่นอน!”

เถาเล็กยาวสองชุ่นนั้นกระโดดโลดเต้นด้วยความโมโหไม่หยุด

กระโดดรัวๆ ราวกับสายฟ้า!

………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 160 เหมืองแร่ศิลาวิญญาณ สุราวิญญาณเซียน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 160 เหมืองแร่ศิลาวิญญาณ สุราวิญญาณเซียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 160 เหมืองแร่ศิลาวิญญาณ สุราวิญญาณเซียน

แม้จะผ่านประสบการณ์ครั้งนี้ไป ได้ทักษะใหม่ๆ มากมาย แต่เสิ่นเทียนก็ตัดสินใจว่าจะเก็บไพ่ตายเอาไว้ให้มากที่สุด จะไม่ใช้ออกมาทั้งหมดเด็ดขาด

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นโลกบำเพ็ญเซียนที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก มีไพ่ตายไว้หนึ่งอย่างก็เท่ากับมีโอกาสรอดเพิ่มมาส่วนหนึ่ง

ถ้าเจ้าแสดงพลังเพียงแค่ระดับสร้างฐาน เช่นนั้นเวลาเจออันตรายก็อาจจะแค่ระดับแก่นพลังทองเท่านั้น ถ้าเสิ่นเทียนเผยศักยภาพทั้งหมด เกิดมีคนคิดไม่ดีกับเขา ก็คงต้องเจอกับหายนะไปสู่ความตาย

หลังผ่านอันตรายในที่ราบหมอกลับแลครั้งนี้ไป เสิ่นเทียนยิ่งรู้สึกถึงความสำคัญของความสุขุมกับกลยุทธ์การรบแบบซ่อนฝีมือเอาไว้

ถ้าให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาจะไม่เสี่ยงอันตรายออกมาหาสมบัติคนเดียวเด็ดขาด

เมื่อเสพสุขอาหารเลิศรสเสร็จแล้ว เสิ่นเทียนก็นับของที่ได้มาทั้งหมด จากนั้นเตรียมจะกลับ ทว่าตอนนี้เองเขาพลันรู้สึกว่าสมองพองบวมขึ้น

ความทรงจำมรดกทางสายเลือดพิเศษโพล่งขึ้นมาในความคิด

พริบตาเดียวเขารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเถาวัลย์ที่ทะลวงใส่ท้องนภา

ผิวกายเขาวนเวียนด้วยหมอกวิญญาณหนาหลายชั้น บดบังร่างอย่างสมบูรณ์ ดูลึกลับและไม่อาจคาดคะเนได้

แต่แค่เขายินดี ทั่วร่างเขาก็ทะลวงไปมาใต้ดินได้อย่างอิสระ ความเร็วยังเร็วกว่าสัตว์อสูรอีก

ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดมาก เพราะเสิ่นเทียนรู้สึกรางๆ ว่าถ้าเป็นเขาก็เหมือนจะได้เช่นกัน!

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร เสิ่นเทียนลืมตาขึ้น ลองหลอมรวมตราประทับของส่วนลึกความคิดนั้น

เขายื่นมือขวาออกมาช้าๆ และปล่อยเถากลืนกินเซียนเส้นหนึ่ง ผิวกายอบอวลไปด้วยหมอกวิญญาณ เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าหมอกวิญญาณที่ตนปล่อยออกมาแม้จะมีปริมาณเทียบกับที่ราบหมอกลับแลไม่ได้ แต่ในด้านคุณสมบัติเหมือนกันทุกประการ สามารถบดบังการตรวจจับของผู้ฝึกบำเพ็ญและอำพรางร่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สำหรับเสิ่นเทียนแล้วนี่เป็นเรื่องน่ายินดีที่เหนือความคาดหมายมาก เพราะเถากลืนกินเซียนควบคู่กับน้ำมวลหนักปฐมกาลก็รวมกันได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งแล้ว ตอนนี้มีหมอกวิญญาณช่วย นี่ยิ่งทำให้เถาน้ำที่เดิมทีลี้ลับยากจะคาดเดาโจมตีน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

คิดๆ ดูแล้ว ตอนสู้ เสิ่นเทียนจะปล่อยหมอกวิญญาณมาคลุมคู่ต่อสู้ไว้ก่อน เอาไม่พ่ายแพ้ไว้ก่อน จากนั้นเขาก็ซ่อนตัวในหมอกวิญญาณ ใช้เถากลืนกินเซียนน้ำมวลหนักสุดแกร่งลอบโจมตี

ดังนั้นแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองก็เสียเปรียบและพ่ายแพ้ได้ง่ายมากเช่นกัน

นี่คือความสามารถพิเศษแรกที่เสิ่นเทียนได้มาหลังดูดซับเถากลืนกินเซียน ‘ปล่อยหมอกวิญญาณ ประสิทธิภาพไม่เลว’

และความสามารถพิเศษที่สองหลังเสิ่นเทียนดูดซับเถากลืนกินเซียนก็คือ ‘เสริมความแกร่งมุดดินหนี’

ผู้ฝึกบำเพ็ญธาตุดินจำนวนมากจะเลือกฝึกฝนวิชาหนีตายอย่างพวกวิชาธาตุดิน แต่ไม่ใช่วิชาทุกวิชาธาตุดินจะรวดเร็วมาก บางวิชาก็ช้าเสียจนน่าโมโห

ทว่าความสามารถพิเศษของเสิ่นเทียนคือการใช้เถากลืนกินเซียนมุดไปในดิน ความเร็วเทียบเท่ากับขี่กระบี่บิน ถ้าเจอกับศัตรูแข็งแกร่งที่สู้ไม่ได้เลยหนีจากบนฟ้าไม่ได้ เขาก็จะหนีไปจากใต้ดินได้

“ทักษะเอาตัวรอด เยี่ยมมาก!”

ถึงขนาดที่เสิ่นเทียนให้ความสำคัญกับทักษะนี้มากกว่าระเบิดสายฟ้าเสียอีก เพราะเขาไม่ชอบการต่อสู้สุดชีวิตอะไรนั่น แต่ให้ความสำคัญกับการรักษาชีวิตมากกว่า

จากนี้ถ้าเจอศัตรูที่สู้ไม่ได้จริงๆ ก็ใช้หมอกวิญญาณอำพรางตัวก่อนจากนั้นมุดดินหนี

เช่นนี้ต่อให้อีกฝ่ายเทียบเท่ากับผู้สูงศักดิ์ ก็อาจจะตามเสิ่นเทียนไม่ทันในเวลาสั้นๆ กระมัง!

เสิ่นเทียนเป็นคนกล้าลอง พูดแล้วก็ลองทำเลย

เขารวมพลังนั้นไว้ตามการแนะนำจากตราประทับความจำในความคิด ชั่วครู่เดียวเขาก็รู้สึกว่าดินใต้เท้าเหมือนจะกลายเป็นของเหลว

ร่างมุดลงดินไปอย่างรวดเร็วภายใต้การเหนี่ยวนำของเถากลืนกินเซียน ไม่มีอุปสรรคใดๆ เลย กระทั่งเขายังรู้สึกรางๆ ว่าความเร็วในการมุดดินเหมือนจะเร็วกว่าขี่กระบี่บินเสียอีก

เสิ่นเทียนอดทำปากจิ๊ๆ แปลกใจมิได้ โลกบำเพ็ญเซียนยิ่งใหญ่ มีสิ่งมหัศจรรย์ทุกสิ่งอย่างจริงๆ

ถ้ามารดาเถาลวี่จีไม่เจอระดับฝ่าด่านเคราะห์และต้องออกมาฝ่าเคราะห์ภัยเป็นผู้อริยะละก็ ทั้งแดนบูรพาคงมีไม่กี่คนที่คุกคามนางได้จริงๆ

ต่อให้สู้ไม่ได้ก็หนีไปได้

แต่น่าเสียดาย ตอนนี้เถากลืนกินเซียนเป็นของข้าทั้งหมดแล้ว

เสิ่นเทียนใช้วิชามุดดินหนีอย่างเต็มที่ พริบตาเดียวก็หายไปจากบนพื้นดิน

เขาเคลื่อนผ่านไปในใต้ดินอย่างรวดเร็ว เหมือนรู้สึกว่าไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ เลย นี่เป็นประสบการณ์ที่วิเศษมาก

ทันใดนั้นก็เกิดอารมณ์กระหายอยากขึ้นมาในกายเขา

คัมภีร์คบเพลิงในกายเขาเหมือนจะสัมผัสอะไรได้และเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา

เสิ่นเทียนครุ่นคิดก่อนจะเสริมการป้องกันเต็มขั้นอย่างระมัดระวังแล้วมุดดินไปทางนั้น เมื่อเข้าใกล้ทางนั้นขึ้นเรื่อยๆ เขาก็รู้สึกว่าตนกำลังเสียพลังในการมุดดินมากขึ้น ถึงช่วงท้ายสุดถึงขั้นที่เหมือนเดินในหนองน้ำ ยกเท้ายาก เสียพลังวิญญาณจำนวนมากกว่าจะเดินหน้าไปได้เล็กน้อย

ในที่สุดก็เหมือนทะลวงเยื่อบางๆ ไร้รูปชั้นหนึ่ง

เสิ่นเทียนซึมเข้ามาจากผนังหิน เข้ามาในพื้นที่กว้างโล่งแห่งหนึ่ง

นี่เป็นห้องลับใต้ดินกว้างยาวหลายสิบจั้ง ทุกส่วนหุ้มด้วยหินหนืดแข็งๆ

เสิ่นเทียนเห็นชัดเจนว่าข้างๆ ห้องลับใต้ดินแห่งนี้มีเหมืองแร่ศิลาวิญญาณขนาดใหญ่อยู่

ใช่ เหมืองแร่ศิลาวิญญาณ!

นั่นคือเหมืองแร่ที่แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ยังมองว่ามันเป็นหัวใจสำคัญ!

ไม่อยากเชื่อว่าส่วนลึกของที่ราบหมอกลับแลจะซ่อนเหมืองแร่ศิลาวิญญาณขนาดเล็กเอาไว้ แม้ขนาดจะเทียบกับเหมืองแร่ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ได้ แต่มูลค่าของมันก็ไม่อาจประเมินได้เลย

และเพราะว่ามีพลังวิญญาณจำนวนมากสนับสนุนอยู่นี่เอง มารดาเถาลวี่จีถึงได้เติบโตมาหลายพันปีจนสัมผัสประตูแห่งฝ่าด่านเคราะห์

ถ้าเอาเหมืองแร่ศิลาวิญญาณนี้ไปได้ สำหรับเสิ่นเทียนในตอนนี้แล้วคือกำไรเลือดสาดไม่มีขาดทุน

แน่นอนเสิ่นเทียนไม่เคยคิดจะเอาเหมืองแร่วิญญาณนี้ไปอยู่แล้ว มันไม่สอดคล้องกับความจริง

ถึงอย่างไรเรื่องการย้ายเหมืองแร่ ขนาดระดับหลอมรวมเทพยังเหนื่อย ถ้าจะซ่อนเอาไว้ ภายภาคหน้าอาจจะโดนผู้มีมหาโชคคนอื่นพบ สู้รายงานต่อแดนศักดิ์สิทธิ์ ให้คนใหญ่คนโตสุดยอดของแดนศักดิ์สิทธิ์มาย้ายไปและแบ่งผลประโยชน์ไปจะดีกว่า

ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงคำเดิม เสิ่นเทียนไม่เคยขาดเงิน สำหรับเขาเงินเป็นเพียงตัวเลข ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก!

เขาเดินไปกลางพื้นที่กว้างเหมืองแร่ด้วยความระมัดระวัง ดูก็รู้ว่าที่นี่เคยเป็นที่อยู่ของมารเดาเถาลวี่จีมาก่อน

เขาเดินหน้าไปตามห้องลับใต้ดินช้าๆ ไม่นานก็เจอกับห้องหนึ่ง

มารดาเถาลวี่จีเหมือนจะใช้ค่ายกลไม่ได้ หรือไม่ก็คิดว่ามีตนอยู่เลยไม่น่าจะมีอะไรเหนือความคาดหมายก็ได้ ดังนั้นในห้องนี้เลยไม่ได้วางค่ายกลป้องกันไว้ แต่ตรงกลางห้องกลับวางสุราเซียนที่เก็บมานานหลายปีหลายไห

เสิ่นเทียนหยิบมาเปิดไหหนึ่ง พบว่าในนั้นใส่ของเหลวสีขาวขุ่นเต็ม กลิ่นหอมเข้มข้น

เห็นได้ชัดว่าสุราบ่มพวกนี้คือสุราเซียนที่ทำขึ้นจากของเหลวเถากลืนกินเซียน

เสิ่นเทียนนับคร่าวๆ อย่างไรก็ต้องมีหลายร้อยไห

…….

สุราเซียนพวกนี้แฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณเปี่ยมล้น มีประโยชน์กับผู้ฝึกบำเพ็ญอย่างมาก แม้แต่เจ้ากระบี่สุริยะฟ้าในระดับจุดสูงสุดหลอมรวมเทพยังอยากได้สุราเซียนนี้จนน้ำลายหก มันล้ำค่าอย่างยิ่ง

น่าเสียดาย เสิ่นเทียนรินมาแก้วหนึ่งเป็นตัวอย่าง แต่ไม่กล้าดื่มมั่วจริงๆ ไม่อย่างนั้นเกิดดื่มแล้วภาพตัดขึ้นมาเป็นปัญหาแน่

แม้ข้าจะไม่ชอบดื่มสุรา แต่ของดี ห่อกลับไปต้องดีแน่นอน เอาไปให้หมดแล้วกัน!

เสิ่นเทียนตัดสินใจอยู่ในใจก่อนย้ายไหสุราพวกนั้นเข้าแหวนเวหา

อ้อ เสิ่นเทียนจำได้รางๆ ว่าเจ้าหลี่ฉางเกอนั่นเป็นคนขี้เหล้า ไม่รู้ว่าบิดาเขาหลี่ชางหลันชอบดื่มหรือไม่ ถ้าชอบดื่มเหมือนกันละก็ เกิดเจอตาแก่นั่นก็ให้สุราเซียนเขาไปสักหนึ่งสองไห ก็น่าจะพยายามตีสนิทได้กระมัง!

อืม ให้สุราเซียนพวกนี้เป็นของขวัญกับรับแขกก็น่าจะมีน้ำหนักมากอยู่

ถึงอย่างไรนี่ก็บ่มมาจากของเหลวเถากลืนกินเซียนอันเป็นลำดับเก้าในรายนามไม้วิญญาณ

ทั้งโลกบำเพ็ญเซียนมีไม่กี่คนที่เสพสุขสิ่งนี้ได้

ใช่อย่างที่คิดไว้จริงๆ หลังดวงชะตาเขียวขึ้นแล้ว ดวงชะตาก็ดีขึ้นเช่นกัน

ไม่อยากเชื่อว่าจะเจอสมบัติล้ำค่าเช่นนี้!

……

เสิ่นเทียนกำลังกวาดล้างอย่างบ้าคลั่งในหุบเขาหมอกลับแล

ขณะเดียวกันบนพื้นสูงนอกหุบเขาหมอกลับแล เถาเล็กขนาดราวๆ สองชุ่นแผ่กลิ่นอายอาฆาตแค้นออกมาทั้งตัว มันมองไปทางหุบเขาหมอกลับแลไกลๆ คลื่นพลังจิตส่งเสียงเยาว์วัยออกมา

“นางผู้หญิงสาวเลว อย่าคิดว่าเก็บกลิ่นอายพลังแล้วจะไม่เป็นอะไร ข้าจำเจ้าไว้แล้ว เกราะนักรบสีฟ้า หน้ากากสีแดง กล้าขโมยของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานของข้า

อ๊ากๆๆๆ~! แค้นนี้ ข้าจะต้องล้างแค้นเจ้าให้ได้! อย่างแน่นอน!”

เถาเล็กยาวสองชุ่นนั้นกระโดดโลดเต้นด้วยความโมโหไม่หยุด

กระโดดรัวๆ ราวกับสายฟ้า!

………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 160 เหมืองแร่ศิลาวิญญาณ สุราวิญญาณเซียน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 160 เหมืองแร่ศิลาวิญญาณ สุราวิญญาณเซียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 160 เหมืองแร่ศิลาวิญญาณ สุราวิญญาณเซียน

แม้จะผ่านประสบการณ์ครั้งนี้ไป ได้ทักษะใหม่ๆ มากมาย แต่เสิ่นเทียนก็ตัดสินใจว่าจะเก็บไพ่ตายเอาไว้ให้มากที่สุด จะไม่ใช้ออกมาทั้งหมดเด็ดขาด

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นโลกบำเพ็ญเซียนที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก มีไพ่ตายไว้หนึ่งอย่างก็เท่ากับมีโอกาสรอดเพิ่มมาส่วนหนึ่ง

ถ้าเจ้าแสดงพลังเพียงแค่ระดับสร้างฐาน เช่นนั้นเวลาเจออันตรายก็อาจจะแค่ระดับแก่นพลังทองเท่านั้น ถ้าเสิ่นเทียนเผยศักยภาพทั้งหมด เกิดมีคนคิดไม่ดีกับเขา ก็คงต้องเจอกับหายนะไปสู่ความตาย

หลังผ่านอันตรายในที่ราบหมอกลับแลครั้งนี้ไป เสิ่นเทียนยิ่งรู้สึกถึงความสำคัญของความสุขุมกับกลยุทธ์การรบแบบซ่อนฝีมือเอาไว้

ถ้าให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาจะไม่เสี่ยงอันตรายออกมาหาสมบัติคนเดียวเด็ดขาด

เมื่อเสพสุขอาหารเลิศรสเสร็จแล้ว เสิ่นเทียนก็นับของที่ได้มาทั้งหมด จากนั้นเตรียมจะกลับ ทว่าตอนนี้เองเขาพลันรู้สึกว่าสมองพองบวมขึ้น

ความทรงจำมรดกทางสายเลือดพิเศษโพล่งขึ้นมาในความคิด

พริบตาเดียวเขารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเถาวัลย์ที่ทะลวงใส่ท้องนภา

ผิวกายเขาวนเวียนด้วยหมอกวิญญาณหนาหลายชั้น บดบังร่างอย่างสมบูรณ์ ดูลึกลับและไม่อาจคาดคะเนได้

แต่แค่เขายินดี ทั่วร่างเขาก็ทะลวงไปมาใต้ดินได้อย่างอิสระ ความเร็วยังเร็วกว่าสัตว์อสูรอีก

ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดมาก เพราะเสิ่นเทียนรู้สึกรางๆ ว่าถ้าเป็นเขาก็เหมือนจะได้เช่นกัน!

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร เสิ่นเทียนลืมตาขึ้น ลองหลอมรวมตราประทับของส่วนลึกความคิดนั้น

เขายื่นมือขวาออกมาช้าๆ และปล่อยเถากลืนกินเซียนเส้นหนึ่ง ผิวกายอบอวลไปด้วยหมอกวิญญาณ เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าหมอกวิญญาณที่ตนปล่อยออกมาแม้จะมีปริมาณเทียบกับที่ราบหมอกลับแลไม่ได้ แต่ในด้านคุณสมบัติเหมือนกันทุกประการ สามารถบดบังการตรวจจับของผู้ฝึกบำเพ็ญและอำพรางร่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สำหรับเสิ่นเทียนแล้วนี่เป็นเรื่องน่ายินดีที่เหนือความคาดหมายมาก เพราะเถากลืนกินเซียนควบคู่กับน้ำมวลหนักปฐมกาลก็รวมกันได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งแล้ว ตอนนี้มีหมอกวิญญาณช่วย นี่ยิ่งทำให้เถาน้ำที่เดิมทีลี้ลับยากจะคาดเดาโจมตีน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

คิดๆ ดูแล้ว ตอนสู้ เสิ่นเทียนจะปล่อยหมอกวิญญาณมาคลุมคู่ต่อสู้ไว้ก่อน เอาไม่พ่ายแพ้ไว้ก่อน จากนั้นเขาก็ซ่อนตัวในหมอกวิญญาณ ใช้เถากลืนกินเซียนน้ำมวลหนักสุดแกร่งลอบโจมตี

ดังนั้นแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองก็เสียเปรียบและพ่ายแพ้ได้ง่ายมากเช่นกัน

นี่คือความสามารถพิเศษแรกที่เสิ่นเทียนได้มาหลังดูดซับเถากลืนกินเซียน ‘ปล่อยหมอกวิญญาณ ประสิทธิภาพไม่เลว’

และความสามารถพิเศษที่สองหลังเสิ่นเทียนดูดซับเถากลืนกินเซียนก็คือ ‘เสริมความแกร่งมุดดินหนี’

ผู้ฝึกบำเพ็ญธาตุดินจำนวนมากจะเลือกฝึกฝนวิชาหนีตายอย่างพวกวิชาธาตุดิน แต่ไม่ใช่วิชาทุกวิชาธาตุดินจะรวดเร็วมาก บางวิชาก็ช้าเสียจนน่าโมโห

ทว่าความสามารถพิเศษของเสิ่นเทียนคือการใช้เถากลืนกินเซียนมุดไปในดิน ความเร็วเทียบเท่ากับขี่กระบี่บิน ถ้าเจอกับศัตรูแข็งแกร่งที่สู้ไม่ได้เลยหนีจากบนฟ้าไม่ได้ เขาก็จะหนีไปจากใต้ดินได้

“ทักษะเอาตัวรอด เยี่ยมมาก!”

ถึงขนาดที่เสิ่นเทียนให้ความสำคัญกับทักษะนี้มากกว่าระเบิดสายฟ้าเสียอีก เพราะเขาไม่ชอบการต่อสู้สุดชีวิตอะไรนั่น แต่ให้ความสำคัญกับการรักษาชีวิตมากกว่า

จากนี้ถ้าเจอศัตรูที่สู้ไม่ได้จริงๆ ก็ใช้หมอกวิญญาณอำพรางตัวก่อนจากนั้นมุดดินหนี

เช่นนี้ต่อให้อีกฝ่ายเทียบเท่ากับผู้สูงศักดิ์ ก็อาจจะตามเสิ่นเทียนไม่ทันในเวลาสั้นๆ กระมัง!

เสิ่นเทียนเป็นคนกล้าลอง พูดแล้วก็ลองทำเลย

เขารวมพลังนั้นไว้ตามการแนะนำจากตราประทับความจำในความคิด ชั่วครู่เดียวเขาก็รู้สึกว่าดินใต้เท้าเหมือนจะกลายเป็นของเหลว

ร่างมุดลงดินไปอย่างรวดเร็วภายใต้การเหนี่ยวนำของเถากลืนกินเซียน ไม่มีอุปสรรคใดๆ เลย กระทั่งเขายังรู้สึกรางๆ ว่าความเร็วในการมุดดินเหมือนจะเร็วกว่าขี่กระบี่บินเสียอีก

เสิ่นเทียนอดทำปากจิ๊ๆ แปลกใจมิได้ โลกบำเพ็ญเซียนยิ่งใหญ่ มีสิ่งมหัศจรรย์ทุกสิ่งอย่างจริงๆ

ถ้ามารดาเถาลวี่จีไม่เจอระดับฝ่าด่านเคราะห์และต้องออกมาฝ่าเคราะห์ภัยเป็นผู้อริยะละก็ ทั้งแดนบูรพาคงมีไม่กี่คนที่คุกคามนางได้จริงๆ

ต่อให้สู้ไม่ได้ก็หนีไปได้

แต่น่าเสียดาย ตอนนี้เถากลืนกินเซียนเป็นของข้าทั้งหมดแล้ว

เสิ่นเทียนใช้วิชามุดดินหนีอย่างเต็มที่ พริบตาเดียวก็หายไปจากบนพื้นดิน

เขาเคลื่อนผ่านไปในใต้ดินอย่างรวดเร็ว เหมือนรู้สึกว่าไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ เลย นี่เป็นประสบการณ์ที่วิเศษมาก

ทันใดนั้นก็เกิดอารมณ์กระหายอยากขึ้นมาในกายเขา

คัมภีร์คบเพลิงในกายเขาเหมือนจะสัมผัสอะไรได้และเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา

เสิ่นเทียนครุ่นคิดก่อนจะเสริมการป้องกันเต็มขั้นอย่างระมัดระวังแล้วมุดดินไปทางนั้น เมื่อเข้าใกล้ทางนั้นขึ้นเรื่อยๆ เขาก็รู้สึกว่าตนกำลังเสียพลังในการมุดดินมากขึ้น ถึงช่วงท้ายสุดถึงขั้นที่เหมือนเดินในหนองน้ำ ยกเท้ายาก เสียพลังวิญญาณจำนวนมากกว่าจะเดินหน้าไปได้เล็กน้อย

ในที่สุดก็เหมือนทะลวงเยื่อบางๆ ไร้รูปชั้นหนึ่ง

เสิ่นเทียนซึมเข้ามาจากผนังหิน เข้ามาในพื้นที่กว้างโล่งแห่งหนึ่ง

นี่เป็นห้องลับใต้ดินกว้างยาวหลายสิบจั้ง ทุกส่วนหุ้มด้วยหินหนืดแข็งๆ

เสิ่นเทียนเห็นชัดเจนว่าข้างๆ ห้องลับใต้ดินแห่งนี้มีเหมืองแร่ศิลาวิญญาณขนาดใหญ่อยู่

ใช่ เหมืองแร่ศิลาวิญญาณ!

นั่นคือเหมืองแร่ที่แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ยังมองว่ามันเป็นหัวใจสำคัญ!

ไม่อยากเชื่อว่าส่วนลึกของที่ราบหมอกลับแลจะซ่อนเหมืองแร่ศิลาวิญญาณขนาดเล็กเอาไว้ แม้ขนาดจะเทียบกับเหมืองแร่ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ได้ แต่มูลค่าของมันก็ไม่อาจประเมินได้เลย

และเพราะว่ามีพลังวิญญาณจำนวนมากสนับสนุนอยู่นี่เอง มารดาเถาลวี่จีถึงได้เติบโตมาหลายพันปีจนสัมผัสประตูแห่งฝ่าด่านเคราะห์

ถ้าเอาเหมืองแร่ศิลาวิญญาณนี้ไปได้ สำหรับเสิ่นเทียนในตอนนี้แล้วคือกำไรเลือดสาดไม่มีขาดทุน

แน่นอนเสิ่นเทียนไม่เคยคิดจะเอาเหมืองแร่วิญญาณนี้ไปอยู่แล้ว มันไม่สอดคล้องกับความจริง

ถึงอย่างไรเรื่องการย้ายเหมืองแร่ ขนาดระดับหลอมรวมเทพยังเหนื่อย ถ้าจะซ่อนเอาไว้ ภายภาคหน้าอาจจะโดนผู้มีมหาโชคคนอื่นพบ สู้รายงานต่อแดนศักดิ์สิทธิ์ ให้คนใหญ่คนโตสุดยอดของแดนศักดิ์สิทธิ์มาย้ายไปและแบ่งผลประโยชน์ไปจะดีกว่า

ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงคำเดิม เสิ่นเทียนไม่เคยขาดเงิน สำหรับเขาเงินเป็นเพียงตัวเลข ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก!

เขาเดินไปกลางพื้นที่กว้างเหมืองแร่ด้วยความระมัดระวัง ดูก็รู้ว่าที่นี่เคยเป็นที่อยู่ของมารเดาเถาลวี่จีมาก่อน

เขาเดินหน้าไปตามห้องลับใต้ดินช้าๆ ไม่นานก็เจอกับห้องหนึ่ง

มารดาเถาลวี่จีเหมือนจะใช้ค่ายกลไม่ได้ หรือไม่ก็คิดว่ามีตนอยู่เลยไม่น่าจะมีอะไรเหนือความคาดหมายก็ได้ ดังนั้นในห้องนี้เลยไม่ได้วางค่ายกลป้องกันไว้ แต่ตรงกลางห้องกลับวางสุราเซียนที่เก็บมานานหลายปีหลายไห

เสิ่นเทียนหยิบมาเปิดไหหนึ่ง พบว่าในนั้นใส่ของเหลวสีขาวขุ่นเต็ม กลิ่นหอมเข้มข้น

เห็นได้ชัดว่าสุราบ่มพวกนี้คือสุราเซียนที่ทำขึ้นจากของเหลวเถากลืนกินเซียน

เสิ่นเทียนนับคร่าวๆ อย่างไรก็ต้องมีหลายร้อยไห

…….

สุราเซียนพวกนี้แฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณเปี่ยมล้น มีประโยชน์กับผู้ฝึกบำเพ็ญอย่างมาก แม้แต่เจ้ากระบี่สุริยะฟ้าในระดับจุดสูงสุดหลอมรวมเทพยังอยากได้สุราเซียนนี้จนน้ำลายหก มันล้ำค่าอย่างยิ่ง

น่าเสียดาย เสิ่นเทียนรินมาแก้วหนึ่งเป็นตัวอย่าง แต่ไม่กล้าดื่มมั่วจริงๆ ไม่อย่างนั้นเกิดดื่มแล้วภาพตัดขึ้นมาเป็นปัญหาแน่

แม้ข้าจะไม่ชอบดื่มสุรา แต่ของดี ห่อกลับไปต้องดีแน่นอน เอาไปให้หมดแล้วกัน!

เสิ่นเทียนตัดสินใจอยู่ในใจก่อนย้ายไหสุราพวกนั้นเข้าแหวนเวหา

อ้อ เสิ่นเทียนจำได้รางๆ ว่าเจ้าหลี่ฉางเกอนั่นเป็นคนขี้เหล้า ไม่รู้ว่าบิดาเขาหลี่ชางหลันชอบดื่มหรือไม่ ถ้าชอบดื่มเหมือนกันละก็ เกิดเจอตาแก่นั่นก็ให้สุราเซียนเขาไปสักหนึ่งสองไห ก็น่าจะพยายามตีสนิทได้กระมัง!

อืม ให้สุราเซียนพวกนี้เป็นของขวัญกับรับแขกก็น่าจะมีน้ำหนักมากอยู่

ถึงอย่างไรนี่ก็บ่มมาจากของเหลวเถากลืนกินเซียนอันเป็นลำดับเก้าในรายนามไม้วิญญาณ

ทั้งโลกบำเพ็ญเซียนมีไม่กี่คนที่เสพสุขสิ่งนี้ได้

ใช่อย่างที่คิดไว้จริงๆ หลังดวงชะตาเขียวขึ้นแล้ว ดวงชะตาก็ดีขึ้นเช่นกัน

ไม่อยากเชื่อว่าจะเจอสมบัติล้ำค่าเช่นนี้!

……

เสิ่นเทียนกำลังกวาดล้างอย่างบ้าคลั่งในหุบเขาหมอกลับแล

ขณะเดียวกันบนพื้นสูงนอกหุบเขาหมอกลับแล เถาเล็กขนาดราวๆ สองชุ่นแผ่กลิ่นอายอาฆาตแค้นออกมาทั้งตัว มันมองไปทางหุบเขาหมอกลับแลไกลๆ คลื่นพลังจิตส่งเสียงเยาว์วัยออกมา

“นางผู้หญิงสาวเลว อย่าคิดว่าเก็บกลิ่นอายพลังแล้วจะไม่เป็นอะไร ข้าจำเจ้าไว้แล้ว เกราะนักรบสีฟ้า หน้ากากสีแดง กล้าขโมยของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานของข้า

อ๊ากๆๆๆ~! แค้นนี้ ข้าจะต้องล้างแค้นเจ้าให้ได้! อย่างแน่นอน!”

เถาเล็กยาวสองชุ่นนั้นกระโดดโลดเต้นด้วยความโมโหไม่หยุด

กระโดดรัวๆ ราวกับสายฟ้า!

………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+