บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 443 ขายหน้าวานรอริยะสัประยุทธ์หมดแล้ว!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 443 ขายหน้าวานรอริยะสัประยุทธ์หมดแล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 443 ขายหน้าวานรอริยะสัประยุทธ์หมดแล้ว!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เป็นคนปลูกป่าผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะลอยขึ้นฟ้า

หลังจากผ่านการบ่มเพาะด้วยค่ายกลแสนกว่าปี ผลไม้วิญญาณจึงมีจำนวนมาก กิ่งไม้เต็มไปหมด

ด้วยความเร็วในการเก็บเกี่ยวของเสิ่นเทียนกับฉีจ้าน ใช้เวลาไปจำนวนมากก็กวาดสวนผลไม้แห่งนี้หมดเกลี้ยง

นอกจากต้นแม่แล้ว ทั้งสวนผลไม้ไม่เหลือผลไม้วิญญาณเลยสักนิด

ด้วยกฎไม่เก็บจะสิ้นเปลือง ทำให้สองคนเก็บผลไม้วิญญาณทั้งหมดเข้ากระเป๋าอย่างไม่เกรงใจเลย

ถึงอย่างไรที่นี่นอกจากพวกเขาแล้วก็ไม่มีใครเข้ามาได้

“พี่ใหญ่ ได้มาเท่าไร”

ฉีจ้านเกาหูเกาแก้มอย่างมีความสุข

ครั้งนี้เขาอิ่มหนำสำราญ ได้ลิ้มลองผลไม้วิญญาณเลิศรสมากมาย กินจนหนังท้องโตขึ้นมา!

ทว่าฉีจ้านก็ยังชอบกล้วยทองกำเนิดฟ้ามากที่สุด กินจนมีแต่เปลือกกล้วยเต็มพื้น!

พลังงานมหาศาลชะล้างรอบกายฉีจ้านร้อยรอบ ทำให้ขนทองของเขาดูอัศจรรย์ยิ่งกว่าเดิม

ทั้งตัวเขาดูเหมือนหลอมขึ้นจากทองคำ องอาจห้าวหาญมาก

แม้จะกินไปเยอะมาก แต่ฉีจ้านก็เก็บผลไม้วิญญาณมาไม่น้อย หากใช้ประหยัดหน่อยก็จะให้เขากินไปได้หลายปี!

เสิ่นเทียนยิ้มราบเรียบ “ก็ใช้ได้อยู่!”

เขาได้มาไม่น้อยเช่นกัน แค่กล้วยหอมทองกำเนิดฟ้าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงก็ได้มาเกือบร้อยต้น!

ส่วนกล้วยหอมทองกำเนิดฟ้าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางและล่าง เก็บเข้าแหวนมิติไปเป็นร้อยเป็นพันต้น

มิหนำซ้ำยังมีผลไม้วิญญาณอื่นๆ อีก การเดินทางครั้งนี้เรียกได้ว่ากำไรอย่างงาม

สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เยอะขนาดนี้ ต่อให้เอามาหลอมโอสถก็ยังหลอมได้พักหนึ่งเลย หากส่งสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ไปโลกข้างนอก ก็มากพอจะทำให้ขุมอำนาจมากมายบ้าคลั่งได้

ขอพูดอย่างไม่เกินจริง แม้แต่มหาอริยะยังอดใจเข้ามาแย่งชิงมิได้!

ถึงอย่างไรสมุนไพรวิญญาณพวกนี้ก็มีจำนวนน่ากลัวจริงๆ!

ขุมอำนาจใดจะมีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เป็นร้อยเป็นพันต้นได้ แค่คิดยังไม่กล้าคิดเลย!

หากไม่ใช่เพราะที่นี่เป็นลานมรรคมหาจักรพรรดิ ทั้งยังตกตะกอนมาแสนกว่าปี คงไม่มีทางออกผลไม้ศักดิ์สิทธิ์มากขนาดนี้ได้!

แต่สำหรับเสิ่นเทียน นี่ไม่ใช่ผลประโยชน์ที่มากที่สุด

ตอนนี้เสิ่นเทียนตาเป็นประกาย เพ่งสายตามองศีรษะฉีจ้าน เห็นวงรัศมีที่เดิมทีม่วงเข้มกลายเป็นสว่างจ้ากว่าเดิม

แสงสีม่วงลึกล้ำกว่าเดิม ผลัดเปลี่ยนไปทางสีม่วงทึบ!

เห็นได้ชัดว่านี่สะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของดวงชะตา!

จวนศักดิ์สิทธิ์สัประยุทธ์เดิมทีเป็นโชคลิขิตของฉีจ้าน

หลังจากฉีจ้านได้โชคลิขิตแล้ว ดวงชะตาย่อมเพิ่มขึ้นอย่างมาก และตอนนี้เอง เสิ่นเทียนตัวเบาขึ้นมา ความสุขที่ห่างหายไปนานแล่นเข้ามา

เสิ่นเทียนรีบควักกระจกออกมาส่องดูวงรัศมีดวงชะตาเหนือศีรษะ

วงรัศมีดวงชะตาสีทองในตอนแรกเปล่งแสงสว่างยิ่งกว่าเดิม แสงทองส่องสว่าง ผลัดเปลี่ยนไปทางสีทองเข้ม ขาดอีกนิดเดียวก็จะบรรลุถึง

ทันใดนั้น เสิ่นเทียนพลันเกิดความดีใจสุดขีด!

ขึ้นแล้วๆ!

ผ่านมาหลายวัน ในที่สุดดวงชะตาข้าก็เพิ่มขึ้นแล้ว

กลับมาเป็นสีทองเข้มในทันที!

ครั้งนี้กำไรเลือดสาด!

……

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนควักกระจกออกมา ฉีจ้านก็เกาศีรษะ “พี่ใหญ่ทำอะไรหรือ หรือว่ากินอิ่มแล้วอยากจะชมใบหน้าตนเองกัน เหอะๆ ข้าก็เอาด้วย!”

เมื่อเอ่ยจบ ฉีจ้านก็ควักกระจกออกมา ชื่นชมอยู่เงียบๆ ทั้งยังอดปลงอนิจจังมิได้ “เฮ้อ ข้าสมกับเป็นราชาวานรรูปหล่อแห่งเขาผลบุปผาจริงๆ ยังหล่อเหลาเหมือนเดิม!”

เสิ่นเทียนพูดไม่ออก

เจ้าลิงกังนี่หลงตัวเองชะมัดเลย

หาได้ยากจริงๆ!

พอเห็นฉีจ้านเคลิ้มกับความหล่อเหลาของตัวเองแล้ว เสิ่นเทียนจึงพูดด้วยความจำใจ “สหายฉี พวกเราสำรวจกันต่อเถอะ ที่นี่อาจจะมีโชคลิขิตอื่นอยู่!”

“ดี พี่ใหญ่!”

ฉีจ้านตั้งสติกลับมาได้ก็รีบเก็บกระจกกลับไป

ที่นี่คือลานมรรคมหาจักรพรรดิ โชคลิขิตต้องไม่ได้มีแค่นี้แน่!

สองคนออกจากสวนผลไม้ มุ่งหน้าไปทางจวนอริยะสัประยุทธ์

…..

พวกเขาผ่านเส้นทางเล็กหลายสาย ไม่นานก็มาถึงถ้ำแห่งหนึ่ง

ที่นี่มีพืชสีเขียวโอบล้อม พลังวิญญาณหนาแน่น ถ้ำดูเลิศล้ำเหมือนสร้างจากฟ้าดิน ลี้ลับยิ่ง

น้ำแร่วิญญาณไหลลงมาจากยอดถ้ำภูเขา ชายคาถ้ำมีสายน้ำไหลลงมา คล้ายกับประตูม่านไข่มุก มหัศจรรย์อย่างยิ่ง

และด้านบนถ้ำภูเขายังแกะสลักอักษะใหญ่ไว้ ‘ถ้ำม่านวารี’

แสงทองสว่าง พลังยิ่งใหญ่ ทำให้คนใจสั่นสะท้าน!

ฉีจ้านทำหน้าตื่นเต้นก่อนจะร้องตกใจ “ที่นี่คือถ้ำม่านวารี เป็นแดนมรดกของบรรพบุรุษ!”

สถานที่ที่จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ชอบมากที่สุดก็คือถ้ำม่านวารีเขาผลบุปผา!

ฉีจ้านมั่นใจว่าที่นี่มีมรดกของจักรพรรดิอริยะอยู่

เขาตื่นเต้นมาก ตนเป็นชนรุ่นหลังจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ ย่อมอยากได้มรดกของบรรพบุรุษ ส่งเสริมให้มันยิ่งใหญ่!

“พี่ใหญ่ เราเข้าไปกันเถอะ!”

สองคนเดินเข้าถ้ำม่านวารี ไม่นานก็มาถึงส่วนใน ราบรื่นไร้อุปสรรค

นี่ทำให้ฉีจ้านตกใจเล็กน้อย

“สวนผลไม้ยังมีค่ายกล แต่แดนมรดกกลับไม่มีหรือ ดูท่าบรรพบุรุษจะต้องเป็นลิงตะกละแน่!”

ฉีจ้านมุมปากกระตุกนิดๆ แอบพูดแขวะในใจ

หลังจากสองคนเข้าถ้ำม่านวารีแล้วถึงพบว่าที่นี่มีอีกความลี้ลับ

ที่นี่กว้างใหญ่มาก เหมือนกับโลกหนึ่ง เป็นโลกเล็กแดนเทวาอิสระแห่งหนึ่ง

และตรงกลางโลกเล็กนี้มีรูปปั้นหินยักษ์ตั้งอยู่!

รูปปั้นหินมีความสูงแปดร้อยจั้ง แกะสลักเป็นลักษณะวานร ในมือถือกระบองหินยักษ์

เขาแหงนหน้าขึ้นฟ้า หยิ่งผยองไม่ยอมใคร!

แม้จะเป็นเพียงรูปปั้นหิน เสิ่นเทียนก็ยังรู้สึกถึงพลังที่บ้าอำนาจที่สุดแห่งยุค

มันเหมือนกับสุดยอดจักรพรรดิยุทธ์ หมายจะสู้ฟ้าสู้ดิน คำรามใส่ท้องนภาอย่างโอหัง!

เมื่อตั้งใจสัมผัสก็รู้สึกได้ถึงจิตต่อสู้ที่อหังการเป็นหนึ่ง หมายจะพลิกฟ้าดิน!

เหมือนว่าเมื่อนานมาแล้ว เจ้าของรูปปั้นนี้เคยใช้กระบองนักรบในมือกระแทกฟ้าดินแตกเป็นรู

น่ากลัว น่าตกใจ น่าตื่นตะลึง น่ายำเกรง!

อารมณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นในใจสองคน ทำให้พวกเขาตัวสั่นอย่างรุนแรง

“นี่คือ…รูปปั้นของบรรพบุรุษรึ”

หลังสัมผัสได้ถึงจิตต่อสู้นี้แล้ว สายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์ในกายฉีจ้านก็เดือดพล่านขึ้นมา ทำให้เขาแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า

ตอนนี้เอง พลันมีแสงทองสว่างยิงมาจากรูปปั้นหิน สว่างจ้าแสบตา ปกคลุมที่นี่ไว้ทั้งหมด

แสงทองสว่างพุ่งมาจากรูปปั้นหิน กลายเป็นร่างเงายิ่งใหญ่

นั่นคือวานรเทพขนทองตัวหนึ่ง ดูหนุ่มมาก รูปร่างกลับกำยำกว่าฉีจ้าน พลังอำนาจพุ่งขึ้นฟ้า

เขาสวมเกราะนักรบทองคำ มือถือกระบองเทพทอง ทั่วร่างมีจิตต่อสู้ไหลเวียนไม่ขาดสาย ราวกับเทพสงครามฟ้าดินหมายจะพลิกท้องนภา!

ยืนอยู่ตรงนี้ ทำให้ห้วงอากาศรอบตัวสั่นไหวไม่หยุด

ราวกับว่าขอแค่เขาเคลื่อนไหวเล็กน้อย ห้วงอากาศก็จะแตกกระจายเป็นผุยผง!

ร่างเงานี้ปรากฏกายขึ้น ทำให้สองคนมีสีหน้าเคารพ พวกเขารู้ว่าคนนี้คือจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ เป็นมหาจักรพรรดิที่สุดแห่งยุคเมื่อแสนกว่าปีก่อน

มีเพียงจักรพรรดิที่สุดแห่งยุคเท่านั้นถึงจะมีท่วงท่าสง่างามเช่นนี้ได้!

……

ร่างเงานั้นเอ่ยเนิบนาบ เสียงเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามยิ่งใหญ่ ทำให้ทุกสรรพสัตว์สั่นกลัว

“ข้าคือจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์!”

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ทำให้ฟ้าดินเกิดคลื่นกระเพื่อมไม่มีสิ้นสุด หมุนม้วนไปทั้งมิติ!

“จวนนักรบของข้าคงอยู่มาแสนกว่าปี ในที่สุดวันนี้ก็ได้พบผู้มีวาสนา ไม่นึกเลยว่าจะยังมีสายเลือดเผ่าข้าด้วย! สายเลือดวานรอริยะมีชนรุ่นหลัง ข้าปลื้มใจยิ่งนัก!”

ในน้ำเสียงของจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์มีความชื่นชมและปลงอนิจจัง

ตั้งแต่จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ลอยขึ้นโลกเซียนและฝากจวนอริยะสัประยุทธ์ไว้ ก็ผ่านไปแสนกว่าปีแล้ว แต่ไม่เคยมีใครเข้ามาได้!

หลักๆ เป็นเพราะการจะเข้ามาที่นี่มีเงื่อนไขยากเกินไป

ไม่นึกเลยว่าจวนอริยะสัประยุทธ์เปิดครั้งแรกจะมีชนรุ่นหลังสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์เข้ามา!

วานรอริยะสัประยุทธ์เป็นสายเลือดที่แข็งแกร่งมาก ในยุคดึกดำบรรพ์ยังเคยปรากฏวานรอริยะสัประยุทธ์ตัวหนึ่ง สำเร็จสู่ยอดผู้สูงส่ง สั่นคลอนตะวันจันทราและดาราได้ เข่นฆ่ากับยอดผู้สูงส่งฟ้าดิน!

แต่ก็น่าจำใจเพราะสายเลือดนี้มีน้อยมาก มีเพียงสายเลือดเข้มข้นถึงขีดสุดเท่านั้นถึงผลัดเปลี่ยนเป็นวานรอริยะสัประยุทธ์!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ก็เป็นวานรอริยะสัประยุทธ์ตัวที่สองหลังจากยอดฝีมือในยุคดึกดำบรรพ์ท่านนั้น จากนี้จะเห็นได้ว่าเผ่านี้มีน้อยมาก

แต่เรื่องความแกร่งของเผ่านี้ไม่เป็นที่ต้องสงสัยเลย ทุกตนเป็นบุคคลที่สุดแห่งยุคในประวัติการณ์!

ฉีจ้านเป็นชนรุ่นหลังของจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ เป็นวานรอริยะสัประยุทธ์ตัวที่สามในฟ้าดิน

ช่วงเวลาแสนแปดหมื่นปีถึงปรากฏวานรอริยะสัประยุทธ์ตัวหนึ่ง ทั้งยังปรากฏในสุสานของตน ย่อมทำให้จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ปลื้มใจมาก

เพราะมรดกของเขาเหมาะกับการฝึกของเผ่าวานรอริยะสัประยุทธ์ที่สุด!

ฉีจ้านมาถึง จะทำให้มรดกของเขายิ่งใหญ่ขึ้น!

โชคชะตา ลี้ลับไม่อาจกล่าว!

…………

เมื่อเห็นจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ ฉีจ้านก็มีความสุขมากเช่นกัน

นี่คือบุคคลในตำนานของเผ่า เป็นบรรพบุรุษของเผ่าวานรอัคคีเนตรทอง!

เขารีบป้องมือพูดด้วยความเคารพ “ท่านบรรพบุรุษ ข้ามีนามว่าฉีจ้าน เป็นนายน้อยของเผ่าวานรอัคคีเนตรทอง! ท่านนี้คือพี่ใหญ่ของข้า เสิ่นเทียน!”

เมื่อเผชิญหน้ากับมหาจักรพรรดิที่สุดแห่งยุคที่ท่องห้าดินแดนเมื่อแสนแปดหมื่นปีก่อนและมีสายเลือดเดียวกันแล้ว ฉีจ้านรู้สึกใกล้ชิดมาก

แต่เขาไม่ลืมแนะนำตัวให้เสิ่นเทียนเพื่อสร้างความรู้สึกดี

สองคนเดินเข้ามาพร้อมกัน ฉีจ้านหวังว่าเสิ่นเทียนจะได้มรดกของมหาจักรพรรดิเช่นกัน!

“ดี ดีมาก!”

มหาจักรพรรดิสัประยุทธ์ยิ้มชื่นชม แต่จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ในเมื่อพวกเจ้าเข้ามาที่นี่ได้ ก็หมายความว่ามีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา ข้าจะถ่ายทอดคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ให้ แต่จำกัดเพียงสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์เท่านั้น!

ส่วนสหายน้อยท่านนี้ ข้าจะถ่ายทอดมรดกอื่นให้เจ้า แต่ให้คัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ไม่ได้”

วานรอริยะสัประยุทธ์เดิมทีมีนิสัยหยิ่งผยองดื้อรั้น กล้าสู้กับสวรรค์ ไม่ว่าจะสายเลือดหรือทักษะรบก็ล้ำค่าอย่างยิ่ง มรดกธรรมดาไม่อาจเทียบได้!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เป็นจักรพรรดิที่สุดแห่งยุค ย่อมไม่อยากให้มรดกไปอยู่ในมือเผ่าอื่น

พอได้ยินดังนั้น ฉีจ้านก็ทำหน้าขมขื่น ก่อนพูดอย่างลำบากใจ “ท่านบรรพบุรุษ หากไม่ได้พี่ใหญ่เสิ่นเทียน ข้าคงเข้ามาที่นี่ไม่ได้ ท่านถ่ายทอดมรดกให้พี่ใหญ่ส่วนหนึ่งได้หรือไม่”

ฉีจ้านเป็นคนมีคุณธรรมน้ำมิตรสูง ทนเห็นเสิ่นเทียนกลับไปมือเปล่าไม่ได้

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ส่ายหน้าปฏิเสธ “คัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์เป็นมรดกของสายเลือดวานรอริยะ ไม่เผยแพร่สู่ภายนอก!”

พอได้ยินดังนั้น ฉีจ้านก็ถอนหายใจ

ในเมื่อจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ไม่ตกลง เขาก็จะไม่ดึงดัน

ฉีจ้านพูดเชิงขอโทษ “พี่ใหญ่ ขอโทษด้วยจริงๆ ถึงตอนนั้นข้าจะเอาอาวุธอริยะอื่นหรือสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ชดเชยให้ท่าน!”

เสิ่นเทียนไม่สนใจเลย เขาส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ก็แค่วิชาจักรพรรดิเดียว ไม่ต้องดึงดัน”

เสิ่นเทียนมีวิชาจักรพรรดิอยู่กับตัวไม่น้อย มีเพิ่มหรือน้อยลงอีกวิชาไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลยจริงๆ

แต่คำพูดของเสิ่นเทียนกลับทำให้จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์อึ้งงัน

เจ้าหนูนี่ เหมือนจะดูถูกคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ของข้าเลย

“แค่วิชาจักรพรรดิเดียวอย่างนั้นรึ เจ้าหนู เจ้ารู้หรือไม่ว่าคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์หมายถึงสิ่งใด นี่คือวิชาพิสูจน์มรรคของข้า คงอยู่สุดยอดในวิชาจักรพรรดิ!”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์พูดอย่างมั่นใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจ

ศักยภาพเขาแข็งแกร่งมาก คงอยู่สูงสุดในมหาจักรพรรดิระดับเดียวกัน

คัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่สร้างโดยจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ย่อมแกร่งกว่าคัมภีร์จักรพรรดิที่สร้างจากมหาจักรพรรดิคนอื่นมากมาย!

นี่คือความมั่นใจของเขา และเป็นความจริงที่ไม่เป็นที่ต้องสงสัย

ทว่าคัมภีร์จักรพรรดินี้กลับไม่มีค่าให้เอ่ยถึงในสายตารุ่นเยาว์คนหนึ่งรึ

วิชาไร้พ่ายเช่นนี้จะมีคนไม่สนใจได้หรือ

ข้าไม่เชื่อ เจ้าหนูนี่จะต้องกำลังปั่นประสาทเขาแน่นอน

เขาคิดจะหลอกข้า พยายามให้ได้มรดกที่แกร่งที่สุดของสายเลือดข้า

ข้าเป็นลิงฉลาด ไม่ถูกหลอกอยู่แล้ว!

…….

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์จ้องเสิ่นเทียน อยากเห็นความกระหายในใจเขา ทว่าเสิ่นเทียนกลับไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปเลย ยังคงเฉยชามาก!

เจ้าหนูนี่ แสดงได้แนบเนียนมาก!

ตอนนี้เอง ฉีจ้านพยักหน้า “ได้ พี่ใหญ่! ถึงตอนนั้นข้าจะเอาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์อื่นชดเชยให้ท่าน แต่ว่าคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์นี่ไม่มีประโยชน์กับท่านมากจริงๆ!”

ฉีจ้านรู้ดีถึงสาเหตุที่เสิ่นเทียนไม่สนใจคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์

ถึงอย่างไรเมื่อไม่นานมานี้ตอนที่เสิ่นเทียนปะทะเจ้าอริยะเสียหั่ว ก็ใช้วิชาจักรพรรดิไปแล้วสิบชนิด

บางทีนี่อาจจะยังไม่ใช่ขีดจำกัดของพี่ใหญ่

ตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิสิบกว่าชนิด ทั้งยังเป็นวิชาจักรพรรดิสุดยอด ไม่จำเป็นต้องสนใจคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์จริงๆ

มีมันเพิ่มมาอีกวิชาก็ไม่มากขึ้น มีน้อยลงไปก็ไม่ถือว่าน้อย

พอได้ยินฉีจ้านเรียกเสิ่นเทียนคำก็พี่ใหญ่สองคำก็พี่ใหญ่ จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์มุมปากกระตุกขึ้น

เขาขนตั้งขึ้น ก่อนพูดด้วยความโกรธ “เจ้าลิงน้อย คัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์มีเพียงวานรยุทธ์ที่หยิ่งผยองเท่านั้นถึงจะแสดงอานุภาพที่แกร่งที่สุดได้ แต่ดูสภาพเจ้าตอนนี้สิ เรียกคนอื่นว่าพี่ใหญ่ ขายหน้าข้าหมดแล้ว”

สายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์มีใครบ้างไม่อยู่สูงค้ำฟ้าดิน เป็นเจ้าผู้ครองราชาอสูรที่สุดแห่งยุคผู้คว่ำนภา

แม้แต่ฟ้าดินนี้ยังสยบพวกเขาไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์คนหนึ่ง

ฉีจ้านไม่ใช่แค่ไม่มีความอหังการที่สู้ฟ้าสู้ดิน กระทั่งไม่มีความโอหังหยิ่งผยอง ทำให้จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์โกรธจัด

ชนรุ่นหลังเช่นนี้จะรับวิถีแห่งการสู้ฟ้าได้อย่างไร

ฉีจ้านหดคอ เขากลัวบรรพบุรุษคนนี้มาก!

แต่เขาก็ยังพึมพำอยู่ในใจ

ข้ารู้ว่าสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์หยิ่งผยอง โอหัง!

ตอนแรกข้าก็โหดเช่นนั้น ฟ้าไม่กลัวดินไม่กลัว!

แต่เมื่อพี่ใหญ่เสิ่นเทียนเข้ามา ก็หมดหนทางจริงๆ!

เจ้าหยิ่งผยองกว่านี้แล้วอย่างไร สู้ไม่ได้ก็คือสู้ไม่ได้ ยื้อต่อไปมีแต่ถูกทุบตี!

ท่านบรรพบุรุษ ท่านไม่เคยเห็นความบ้าของพี่ใหญ่!

นี่ไม่ใช่คนแล้วนะ!

…..

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์โบกแขนเสื้อ “เจ้าลิงน้อย ไม่ต้องพูดแล้ว! ศักยภาพของเจ้าอ่อนแอเกินไป! ข้าจะถ่ายทอดคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ให้เจ้า ให้เจ้าเข้าใจความแกร่งของสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์ วานรอริยะสัประยุทธ์ใช้การต่อสู้พิสูจน์มรรคมาตลอด แม้แต่ฟ้าดินยังทำให้พวกเรายอมสยบมิได้!”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เตรียมจะเปลี่ยนฉีจ้าน ไม่ให้เขาทำสายเลือดนี้อับอาย!

เขาโบกมือใหญ่ ควักกล้วยหอมเหลืองอร่ามออกมาผลหนึ่ง ด้านบนมีแสงสว่างพร่างพราววนเวียน สว่างจ้าแสบตา

เมื่อกล้วยหอมนี้ปรากฏ กลิ่นอายชีวิตก็พุ่งพรวดขึ้น เข้มข้นถึงที่สุด เหมือนกระแสน้ำไหลหลากในฟ้าดิน

ฉีจ้านเบิกตาโต จ้องกล้วยหอมนั้นเขม็ง ไม่ละสายตาออกเลย

กล้วยหอมนี้เต็มไปด้วยความเย้ายวนรุนแรง ทำให้เขาเพิ่มศักยภาพขึ้นได้อย่างมาก!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์พูดด้วยความลำพองใจ “นี่คือกล้วยหอมอมตะ เป็นสมุนไพรจักรพรรดิ มีประโยชน์กับสายเลือดวานรอริยะมาก! ขอแค่เจ้าฝึกคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ถึงระดับสูงสุด ข้าจะมอบมันให้เจ้า!”

เขาทำเช่นนี้เพื่อเป็นการปลุกเร้าฉีจ้าน

มีเป้าหมายถึงมีแรงขับเคลื่อน!

ใช้สมุนไพรจักรพรรดิเป็นรางวัล ย่อมทำให้ฉีจ้านมีใจฝึกบำเพ็ญ!

ฉีจ้านได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าดีใจใหญ่ “ขอบคุณท่านบรรพบุรุษมาก! ข้าจะตั้งใจฝึกฝนแน่นอน!”

สมุนไพรจักรพรรดิมีความเย้ายวนอย่างยิ่ง ไม่อาจปฏิเสธได้เลย!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์พยักหน้าพอใจ

นัยน์ตาเขาเผยความเสียดายเสี้ยวหนึ่งอย่างพบเห็นได้ยาก “น่าเสียดายที่ข้าหาท้อเซียนอมตะไม่พบ! พลาดโอกาสไปต่อหน้าต่อตา เป็นความเสียดายในชีวิตข้าจริงๆ! กลิ่นของลูกท้อหอมกว่ากล้วยมาก!”

จนถึงตอนนี้ จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ยังคงอยากกินลูกท้อ!

นี่ไม่ใช่แค่ประสิทธิผลของท้อเซียนอมตะดีกว่ากล้วยหอมอมตะ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเทียบกับกล้วยหอมแล้ว จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ชอบลูกท้อมากกว่า

ฉีจ้านพยักหน้ารัว ยอมรับคำพูดของจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์!

มีลิงใดบ้างไม่ชอบกินลูกท้อ เทียบกับลูกท้อแล้ว ต่อให้เป็นกล้วยหอมก็ยังต้องเอาไว้ข้างหลัง

เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ เสิ่นเทียนก็เลิกคิ้วขึ้น “ผู้อาวุโสมหาจักรพรรดิ ท่านหมายถึงอันนี้รึ”

พอพูดจบ เสิ่นเทียนก็ควักลูกท้อออกมาลูกหนึ่ง

ไอเซียนวนเวียนบนนั้น แดงสดแทบจะออกมาเป็นหยด ส่งกลิ่นหอมเข้มข้นและพลังชีวิต

“อะไร นี่มันท้อเซียนอมตะรึ”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ม่านตาพลันขยายใหญ่ จ้องท้อเซียนอมตะเขม็ง น้ำลายยังไหลลงมา

ฉีจ้านก็เช่นกัน มองตาไม่กะพริบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกระหาย

ถึงอย่างไรลิงก็ชอบลูกท้อมากที่สุด!

มิหนำซ้ำยังเป็นท้อเซียนระดับสมุนไพรจักรพรรดิ ยิ่งทำให้ลิงไม่อาจปฏิเสธได้

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์พลันเปลี่ยนสีหน้าไป พูดด้วยรอยยิ้ม “สหายน้อย ท้อเซียนอมตะของเจ้านี่ มาแลกเปลี่ยนกับข้าได้หรือไม่ ข้าจะใช้มรดกคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์สมบูรณ์แลกกับเจ้า!”

ความเย้ายวนของท้อเซียนอมตะนั้น แม้แต่มหาจักรพรรดิยังทนไม่ไหว!

ฉีจ้านทำหน้างุนงง “ท่านบรรพบุรุษ ท่านบอกว่าจะไม่ถ่ายทอดคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ให้คนนอกไม่ใช่รึ”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ถลึงตามองฉีจ้านไปทีหนึ่ง ก่อนจะหน้าแดงขึ้นมา “แค่กๆ อะไร สหายน้อยนี่เป็นพี่ใหญ่เจ้าไม่ใช่รึ ในเมื่อเป็นพี่ใหญ่เจ้า ก็ไม่ถือว่าเป็นคนอื่นคนไกล! ข้ามีจิตใจโอบอ้อมอารีมาตลอด ย่อมไม่ยึดกรอบเอาโคนปาประตู! สหายน้อย เจ้ามองว่าอย่างไร”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์มองเสิ่นเทียน แววตาเต็มไปด้วยความหวัง

ท้อเซียนอมตะ ท้อเซียนอมตะเชียวนะ!

ข้าตามหามาหมื่นปีก็ยังไม่เคยได้สมความปรารถนา!

ตอนนี้อยู่ตรงหน้าข้า จะพลาดโอกาสนี้ไปได้หรือ

ดังนั้น เขาจึงจะใช้คัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์มาแลก

แต่เสิ่นเทียนกลับส่ายหน้าปฏิเสธ “ผู้อาวุโสจักรพรรดิ ท้อเซียนอมตะนี้ยังมีประโยชน์กับผู้เยาว์ ต้องไว้หลอมโอสถ!”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ได้ยินดังนั้นก็โกรธจัด “อะไรนะ หลอมโอสถรึ ไร้สาระ ไร้สาระ! นี่จะทำเสียของดีเปล่าๆ! เอาท้อมาหลอมโอสถ คือการหมิ่นต่อลูกท้อ”

ในมุมมองของจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ มีโอสถใดหอมหวานลูกท้อบ้าง

ลูกท้อสวยงามเช่นนี้ กินคำเดียวหมดจะดีหรือ

แต่เสิ่นเทียนกลับพูดด้วยความแน่วแน่มาก “หากหลอมท้อเซียนอมตะเป็นโอสถ มูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว!”

จักรพรรดิฮวงสือเป็นคนมอบท้อเซียนอมตะให้ ต้องใช้หลอมโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า

โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าที่หลอมมาได้ยังต้องให้จักรพรรดิฮวงสืออีกเม็ดด้วย!

เสิ่นเทียนย่อมไม่เอามาแลกคัมภีร์จักรพรรดิ อีกอย่างเสิ่นเทียนมองว่ามูลค่าของคัมภีร์จักรพรรดิเทียบกับท้อเซียนอมตะไม่ได้!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เกาหูเกาแก้มด้วยความร้อนใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

หากไม่ใช่เพราะตอนนี้จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เป็นเพียงดวงจิต เกรงว่าคงอดใจไม่ไหวออกมือแย่งชิงมาแล้ว

ท้อเซียนอมตะเย้ายวนเขาเกินไป แม้แต่กล้วยหอมอมตะในมือยังไม่หอมแล้ว!

แต่เขาก็ลงมือกับเสิ่นเทียนไม่ได้จริงๆ ต่อให้ได้ท้อเซียนอมตะมาก็กินไม่ได้!

ถึงอย่างไรเป็นดวงจิต จะกินลูกท้ออย่างไรล่ะ!

เขาเองก็ไม่ทำเช่นนั้นอยู่แล้ว มหาจักรพรรดิก็มีศักดิ์ศรี จะไปหน้าไม่อายลงมือกับรุ่นเยาว์ได้อย่างไร

อีกทั้งเสิ่นเทียนยังเป็นรุ่นเยาว์ที่สนิทสนมกับชนรุ่นหลังสายเลือดตนอีก!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์คิดหน้าคิดหลัง สุดท้ายก็พูดขึ้น “เช่นนั้นก็ใช้คัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์กับกล้วยหอมอมตะนี่แลกกับท้อเซียนอมตะผลนี้เป็นอย่างไร

เป็นสมุนไพรจักรพรรดิเช่นกัน หนึ่งต้นแลกกับหนึ่งผล รวมกับคัมภีร์จักรพรรดิด้วย เจ้ากำไรแน่นอน!”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์พูดอย่างมั่นใจ แสร้งทำทีเป็นปวดใจ!

แต่เสิ่นเทียนก็ยังไม่สนใจ “ขอบคุณในความหวังดีของผู้อาวุโสมหาจักรพรรดิมาก แต่ของพวกนี้ไม่จำเป็นกับข้า! อีกอย่าง กล้วยหอมอมตะมีสรรพคุณยาเหมือนจะเทียบกับท้อเซียนอมตะไม่ได้กระมัง!”

เสิ่นเทียนชำเลืองตามองจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ทีหนึ่ง ก่อนพูดพึมพำ

…..

เจ้าลิงแก่นี่เจ้าเล่ห์จริงๆ

คิดว่าข้าไม่รู้อะไรเลยรึ!

ยังคิดจะหลอกข้าอีก

ฝันไปเถอะ!

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด