บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 229 น้องสิบสามดีกว่าจริงๆ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 229 น้องสิบสามดีกว่าจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 229 น้องสิบสามดีกว่าจริงๆ

ถ้าถามว่าคนที่เกิดคลื่นอารมณ์รุนแรงที่สุดในกลุ่ม นั่นคงเป็นจินอวี่

แม้เขาจะไม่ใช่คนก็ตาม

เดิมทีก่อนเข้าสนามรบบรรพกาล จินอวี่เป็นโอรสสวรรค์แห่งเผ่าเผิงปีกทองผู้ยิ่งใหญ่องอาจห้าวหาญ นอกจากข่งเมิ่งแล้ว เขาชายตามองโอรสสวรรค์ทั้งหมดในดินแดนทักษิณอย่างโอหังได้ เจอศัตรูในระดับเดียวกันยากมาก แทบจะไร้พ่าย

แต่หลังจากเข้าสนามรบบรรพกาลมา จินอวี่ถูกกระทบกระเทือนต่อเนื่องกัน

ก่อนอื่นโดนปืนประหลาดนั่นของฉินอวิ๋นตี๋ยิงใส่จนต้านไม่ไหวหน้าลากถูไปกับพื้น ต่อมาโดนมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณผดุงครรภ์ ได้โอรสสวรรค์ศัตรูเสิ่นเทียนช่วยไว้ ก็ยิ่งไม่มีศักดิ์ศรีอะไรเหลือแล้ว

กว่าจะเจอมหาโชคลิขิตหอคอยเทพสงครามไม่ใช่ง่ายๆ ทั้งยังเจอวิชาอินทรีสวรรค์ปะทะมังกรที่หายสาบสูญไปนานในเผ่าเทพอินทรีสวรรค์

แต่กลับถูกกระทบกระเทือนหนักกว่าเดิม!

ข่งเมิ่งถูกประเมินให้เป็นธิดาสวรรค์ห้าดาว ติดอันดับเทพสงคราม

แต่เขากลับติดแค่ด่านโอรสสวรรค์สามดาว ทั้งยังเจอกับการประลองแบบเหยียบย่ำติดต่อกัน

จินอวี่สงสัยว่าดวงชะตาของตนถูกลดลงอย่างต่อเนื่องจนหมดหรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้นเหตุใดทุกครั้งถึงเจอกับวิญญาณวีรบุรุษที่เอาชนะทางตนตลอด

ครั้งแรกคือเหยียนเช่อ ชนรุ่นหลังเผ่าเทพคันศร ยิงจนจินอวี่เป็นรูพรุนทั้งตัว

คู่ต่อสู้คนที่สองคือหงส์ไฟสวรรค์ ความเร็วและการโจมตีไม่ด้อยไปกว่าจินอวี่ ชำนาญวิชาธาตุไฟ ก็ยิ่งเอาชนะทางจินอวี่อยู่หมัด

คู่ต่อสู้คนที่สามไม่ได้ชนะทางจินอวี่ขนาดนั้น ปัญหาคือจินอวี่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้เช่นกัน

เพราะอีกฝ่ายคือชนรุ่นหลังของเผ่าคุนเทพ ‘พันธนาการแห่งวารี’ ทำให้จินอวี่ใช้ความเร็วสูงสุดไม่ได้ ‘การแยกแห่งวารี’ ทำให้การฟันจู่โจมของจินอวี่แทบจะไม่มีผล

สุดท้ายลากจนจินอวี่หมดพลัง และพ่ายแพ้ไปอย่างจนปัญญา

…..

เติมเงินและประลองหลายต่อหลายครั้ง ทุกครั้งเหมือนจะห่างจากความสำเร็จแค่เล็กน้อย แต่ทุกครั้งก็เหมือนยังมีระยะห่างอีก

สุดท้าย ในที่สุดจินอวี่ก็พบโอรสสวรรค์ธาตุไม้ เห็นทีพญาเผิงจะได้พลิกตัวลบล้างความพ่ายแพ้แล้ว

ปรากฏว่าช่วงที่จินอวี่จู่โจมใส่โอรสสวรรค์ธาตุไม้อย่างห้าวหาญ ก็เกิดแสงสีสันตรงหน้าเขา ก่อนจะถูกบังคับให้ออกมา

ระยำ ข้าลุยเดี่ยวจนใกล้จะชนะแล้ว!

นี่เจ้าดึงสายเน็ตรึ

จินอวี่รู้สึกว่าหัวใจจะระเบิดออก!

เจ้าเข้าใจ…

ก็เหมือนกับเล่นเป็นวีรบุรุษฆ่าศูนย์ตายสิบ กว่าจะเจอไก่ในเกมให้ตบได้ จู่ๆ ไวไฟก็ตัดการเชื่อมต่อ

จินอวี่รู้สึกโมโหจนขนทั้งตัวจะลุกชันขึ้นมา

ถ้าไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าตนอาจจะสู้ดวงจิตหอคอยเทพสงครามไม่ได้ ตอนนี้เขาคงโมโหจนขาดสติแล้ว!

“เพราะอะไรกัน! ดวงจิตเทพสงคราม ข้ายังประลองไม่จบ เหตุใดถึงบังคับให้ออกมา”

จินอวี่กลั้นเพลิงโทสะในใจไว้พลางจ้องหอคอยเทพสงครามสีม่วงที่ลอยข้างกายเสิ่นเทียน

เขาไม่เห็นร่างของเยี่ยฉิงชาง และเพราะเช่นนี้เอง เมื่อเจอกับหอคอยเทพสงครามที่มีเสียงสตรีน่าดึงดูด น้ำเสียงเขาถึงไม่ได้ฉุนเฉียวมากเป็นพิเศษ

“อินทรีทองหนุ่มเอ๋ย! ต้องขออภัยจริงๆ เพราะข้ายอมรับองค์ชายเสิ่นเทียนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นนายแล้ว ดังนั้นการฝึกฝนของทุกท่านจึงยุติไว้ชั่วคราวก่อน

ค่าใช้จ่ายในการท้าประลองครั้งนี้ของทุกท่าน ข้าจะเป็นคนจ่ายให้เอง แต้มเทพสงครามที่พวกท่านจ่าย ข้าก็จะคืนให้เป็นสองเท่า”

เสียงสตรีนุ่มนวลดั่งสายน้ำดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้โทสะบนใบหน้าจินอวี่ค่อยๆ หายไป

‘คืนแต้มเทพสงครามที่จ่ายไปครั้งนี้ให้ข้าสองเท่าหรือ’

จินอวี่พยักหน้าเหมือนมีความคิดบางอย่าง “ถือว่าเจ้าหอคอยมีจิตใจดี ไม่ได้ทำร้ายข้า!”

รอเดี๋ยว~!

แม่นางหอคอยนี่เพิ่งพูดว่าอะไรนะ

นางบอกว่าหอคอยเทพสงครามยอมรับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนเป็นนายหรือ

วัยหนุ่มสาวของข้าจบลงแล้ว!

หรือก็คือจากนี้หากข้าอยากจะเข้าหอคอยเทพสงครามอีก ก็ต้องถามเจ้าหนูเสิ่นเทียนนี่ก่อนหรือ

เมื่อคิดได้ดังนั้น จินอวี่รู้สึกปวดฟัน เขาเป็นโอรสสวรรค์เผ่าเทพพญาเผิงปีกทองผู้ยิ่งใหญ่ ยังต้องขอร้องเจ้าหนูนี่ด้วยรึ

“ดวงจิตหอคอย เจ้าบอกว่ามีเพียงชนะร่างเงาโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในหอคอย เป็นโอรสสวรรค์เจ็ดดาวถึงจะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของหอคอยเทพสงครามไม่ใช่รึ

เหตุใดแค่สิบวันสั้นๆ เจ้าก็ยอมรับเสิ่นเทียนเป็นนายแล้ว หอคอยนี่มีเส้นสายไม่ดีอะไรหรือไม่ ไม่ยุติธรรมหรือไม่!”

จินอวี่คับแค้นใจเล็กน้อย อีกทั้งเสียงยังเบาลงเรื่อยๆ เพราะเขารู้ว่านี่ไม่น่าจะเป็นไปได้

ถึงอย่างไรก็เป็นหอคอยที่ตกมาจากโลกเซียน จะไม่ยุติธรรมได้อย่างไร

มิหนำซ้ำ ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนยังแสดงกำลังรบไร้พ่ายในระดับเดียวกันออกมา แข็งแกร่งกว่าข่งเมิ่งจริงๆ

จินอวี่เพียงแค่ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะแกร่งขนาดนี้!

อีกทั้งมองจากตอนนี้ที่เสิ่นเทียนเปล่งแสงสว่างสีทองทั้งตัว เห็นได้ชัดว่าเริ่มรวมกายทองแล้ว

เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เคยทำหน้าหนา ท้าเสิ่นเทียนว่าหากทะลวงแก่นพลังทองหรือกายทองแล้วค่อยมาสู้กันใหม่ จินอวี่ก็รู้สึกขนหัวลุก

ตอนนี้หางลีบ หนีไปยังทันหรือไม่

แต่ว่า ข้ายังใช้เงินในหอคอยไม่หมดเลย!

ทว่าตอนนี้หอคอยเทพสงครามมีเจ้านายแล้ว การจะเข้าไปในหอคอยเพื่อใช้เงินให้หมดต้องมาหาเสิ่นเทียน

แต่ถ้าไปหาเสิ่นเทียน เกิดเขาเอ่ยถึงการประลองกับข้าที่นัดกันไว้ล่ะ ข้าจะทำอย่างไร

ตอนนี้สภาพจิตใจจินอวี่ระเบิดต่อไป ศักดิ์ศรีของนกแทบจะพังลง!

ถ้าไม่ใช่เพราะสิบวันนี้ประลองกับโอรสสวรรค์ระดับเดียวกันไม่หยุด ทำให้จิตใจจินอวี่ได้รับการขัดเกลาครั้งใหญ่ และขณะเดียวกับที่ใช้พลังนั้น ประสิทธิผลในการดูดซับของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานยังพุ่งสูงสุด ทำให้กายหยาบและจิตใจพัฒนาขึ้นอย่างมากแล้ว

เกรงว่าตอนนี้จินอวี่คงจะเดินรอยตามฟางฉางกับเฉินจงเทียน ธาตุไฟเข้าแทรกเหมือนกันไปแล้ว

…….

ชั่วขณะที่มีคนสุขและเศร้านั้น แสงทองรอบกายเสิ่นเทียนค่อยๆ หุบกลับมา

ร่างที่ตอนแรกถูกสะท้อนเหมือนกับทองคำ ตอนนี้กลายเป็นสีเช่นคนปกติ

เพียงแค่ผิวหนังเขาขาวผ่องยิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกันลายเส้นกล้ามเนื้อยังคมชัดยิ่งขึ้น

ไม่เหมือนกล้ามเนื้อของพวกที่ฝึกวิชาหลอมกายหินยานพวกนั้น กล้ามใหญ่เป็นก้อนๆ ราวกับปีศาจหมีป่า แต่นี่เป็นกล้ามเนื้อของวีรบุรุษ

ใส่อาภรณ์ดูผอม แต่ถอดอาภรณ์มีแต่กล้ามเนื้อ

สรุปคือ ตอนนี้เสิ่นเทียนสง่างามยิ่งกว่าเดิม

เส้นผมยาวของเขาตกลงมาดั่งสาดหมึก ดวงตาที่เปิดปิดเล็กน้อยมีประกายแววตาผลุบๆ โผล่ๆ

เหมือนกับผืนดาราผลุบโผล่อยู่หลังเมฆ ทั้งลึกลับและน่าเฝ้าใฝ่หาอย่างยิ่ง ทำให้อดเคลิบเคลิ้มมิได้

‘เกิดจากเสด็จพ่อคนเดียวกัน ไฉนน้องสิบสามถึงหล่อเหลายิ่งขึ้นเรื่อยๆ’

เสิ่นเอ้ามองเสิ่นเทียนที่สตรีทุกคนจับจ้องพลางรู้สึกเปรี้ยวๆ หวานๆ

เปรี้ยวคือปวดร้าวว่าตนก็สืบสายเลือดจากเสิ่นเซี่ยวเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะพรสวรรค์หรือใบหน้ากลับเทียบเทียมไม่ได้

หวานคือโชคดีที่สุดยอดโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคอย่างเสิ่นเทียนคือน้องสิบสามของตน ขอแค่เขาละวางความโอหัง ‘ที่ต้องมี’ พวกนั้นลง

หากเกาะขาน้องสิบสามก็จะไปได้ทั่วในโลกบำเพ็ญเซียนแห่งนี้ อนาคตไร้ที่สิ้นสุด

ก็เหมือนกับการฝึกในสนามรบบรรพกาลครั้งนี้ ในเวลายี่สิบกว่าวันสั้นๆ ไม่ถึงเดือน เขาได้โชคลิขิตมาตั้งเท่าไรแล้ว

พูดได้ว่าหากไม่ติดตามเสิ่นเทียน โชคลิขิตโภคทรัพย์ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เสิ่นเอ้าใช้เวลาร้อยปีก็อาจจะรวมมาไม่ได้ครบด้วยซ้ำ

ถึงอย่างไรสมุนไพรวิญญาณระดับสูงสุดอย่างว่านโลหิตมังกรและผลใจกระบี่ก็ล้ำค่าอย่างยิ่ง เป็นของที่ต่อให้มีเงินก็ซื้อมาไม่ได้

การฝึกไร้สาระของเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์อะไรนั่น เมื่อเทียบกันแล้ว… น้องสิบสามดีกว่าจริงๆ!

……………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 229 น้องสิบสามดีกว่าจริงๆ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 229 น้องสิบสามดีกว่าจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 229 น้องสิบสามดีกว่าจริงๆ

ถ้าถามว่าคนที่เกิดคลื่นอารมณ์รุนแรงที่สุดในกลุ่ม นั่นคงเป็นจินอวี่

แม้เขาจะไม่ใช่คนก็ตาม

เดิมทีก่อนเข้าสนามรบบรรพกาล จินอวี่เป็นโอรสสวรรค์แห่งเผ่าเผิงปีกทองผู้ยิ่งใหญ่องอาจห้าวหาญ นอกจากข่งเมิ่งแล้ว เขาชายตามองโอรสสวรรค์ทั้งหมดในดินแดนทักษิณอย่างโอหังได้ เจอศัตรูในระดับเดียวกันยากมาก แทบจะไร้พ่าย

แต่หลังจากเข้าสนามรบบรรพกาลมา จินอวี่ถูกกระทบกระเทือนต่อเนื่องกัน

ก่อนอื่นโดนปืนประหลาดนั่นของฉินอวิ๋นตี๋ยิงใส่จนต้านไม่ไหวหน้าลากถูไปกับพื้น ต่อมาโดนมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณผดุงครรภ์ ได้โอรสสวรรค์ศัตรูเสิ่นเทียนช่วยไว้ ก็ยิ่งไม่มีศักดิ์ศรีอะไรเหลือแล้ว

กว่าจะเจอมหาโชคลิขิตหอคอยเทพสงครามไม่ใช่ง่ายๆ ทั้งยังเจอวิชาอินทรีสวรรค์ปะทะมังกรที่หายสาบสูญไปนานในเผ่าเทพอินทรีสวรรค์

แต่กลับถูกกระทบกระเทือนหนักกว่าเดิม!

ข่งเมิ่งถูกประเมินให้เป็นธิดาสวรรค์ห้าดาว ติดอันดับเทพสงคราม

แต่เขากลับติดแค่ด่านโอรสสวรรค์สามดาว ทั้งยังเจอกับการประลองแบบเหยียบย่ำติดต่อกัน

จินอวี่สงสัยว่าดวงชะตาของตนถูกลดลงอย่างต่อเนื่องจนหมดหรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้นเหตุใดทุกครั้งถึงเจอกับวิญญาณวีรบุรุษที่เอาชนะทางตนตลอด

ครั้งแรกคือเหยียนเช่อ ชนรุ่นหลังเผ่าเทพคันศร ยิงจนจินอวี่เป็นรูพรุนทั้งตัว

คู่ต่อสู้คนที่สองคือหงส์ไฟสวรรค์ ความเร็วและการโจมตีไม่ด้อยไปกว่าจินอวี่ ชำนาญวิชาธาตุไฟ ก็ยิ่งเอาชนะทางจินอวี่อยู่หมัด

คู่ต่อสู้คนที่สามไม่ได้ชนะทางจินอวี่ขนาดนั้น ปัญหาคือจินอวี่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้เช่นกัน

เพราะอีกฝ่ายคือชนรุ่นหลังของเผ่าคุนเทพ ‘พันธนาการแห่งวารี’ ทำให้จินอวี่ใช้ความเร็วสูงสุดไม่ได้ ‘การแยกแห่งวารี’ ทำให้การฟันจู่โจมของจินอวี่แทบจะไม่มีผล

สุดท้ายลากจนจินอวี่หมดพลัง และพ่ายแพ้ไปอย่างจนปัญญา

…..

เติมเงินและประลองหลายต่อหลายครั้ง ทุกครั้งเหมือนจะห่างจากความสำเร็จแค่เล็กน้อย แต่ทุกครั้งก็เหมือนยังมีระยะห่างอีก

สุดท้าย ในที่สุดจินอวี่ก็พบโอรสสวรรค์ธาตุไม้ เห็นทีพญาเผิงจะได้พลิกตัวลบล้างความพ่ายแพ้แล้ว

ปรากฏว่าช่วงที่จินอวี่จู่โจมใส่โอรสสวรรค์ธาตุไม้อย่างห้าวหาญ ก็เกิดแสงสีสันตรงหน้าเขา ก่อนจะถูกบังคับให้ออกมา

ระยำ ข้าลุยเดี่ยวจนใกล้จะชนะแล้ว!

นี่เจ้าดึงสายเน็ตรึ

จินอวี่รู้สึกว่าหัวใจจะระเบิดออก!

เจ้าเข้าใจ…

ก็เหมือนกับเล่นเป็นวีรบุรุษฆ่าศูนย์ตายสิบ กว่าจะเจอไก่ในเกมให้ตบได้ จู่ๆ ไวไฟก็ตัดการเชื่อมต่อ

จินอวี่รู้สึกโมโหจนขนทั้งตัวจะลุกชันขึ้นมา

ถ้าไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าตนอาจจะสู้ดวงจิตหอคอยเทพสงครามไม่ได้ ตอนนี้เขาคงโมโหจนขาดสติแล้ว!

“เพราะอะไรกัน! ดวงจิตเทพสงคราม ข้ายังประลองไม่จบ เหตุใดถึงบังคับให้ออกมา”

จินอวี่กลั้นเพลิงโทสะในใจไว้พลางจ้องหอคอยเทพสงครามสีม่วงที่ลอยข้างกายเสิ่นเทียน

เขาไม่เห็นร่างของเยี่ยฉิงชาง และเพราะเช่นนี้เอง เมื่อเจอกับหอคอยเทพสงครามที่มีเสียงสตรีน่าดึงดูด น้ำเสียงเขาถึงไม่ได้ฉุนเฉียวมากเป็นพิเศษ

“อินทรีทองหนุ่มเอ๋ย! ต้องขออภัยจริงๆ เพราะข้ายอมรับองค์ชายเสิ่นเทียนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นนายแล้ว ดังนั้นการฝึกฝนของทุกท่านจึงยุติไว้ชั่วคราวก่อน

ค่าใช้จ่ายในการท้าประลองครั้งนี้ของทุกท่าน ข้าจะเป็นคนจ่ายให้เอง แต้มเทพสงครามที่พวกท่านจ่าย ข้าก็จะคืนให้เป็นสองเท่า”

เสียงสตรีนุ่มนวลดั่งสายน้ำดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้โทสะบนใบหน้าจินอวี่ค่อยๆ หายไป

‘คืนแต้มเทพสงครามที่จ่ายไปครั้งนี้ให้ข้าสองเท่าหรือ’

จินอวี่พยักหน้าเหมือนมีความคิดบางอย่าง “ถือว่าเจ้าหอคอยมีจิตใจดี ไม่ได้ทำร้ายข้า!”

รอเดี๋ยว~!

แม่นางหอคอยนี่เพิ่งพูดว่าอะไรนะ

นางบอกว่าหอคอยเทพสงครามยอมรับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนเป็นนายหรือ

วัยหนุ่มสาวของข้าจบลงแล้ว!

หรือก็คือจากนี้หากข้าอยากจะเข้าหอคอยเทพสงครามอีก ก็ต้องถามเจ้าหนูเสิ่นเทียนนี่ก่อนหรือ

เมื่อคิดได้ดังนั้น จินอวี่รู้สึกปวดฟัน เขาเป็นโอรสสวรรค์เผ่าเทพพญาเผิงปีกทองผู้ยิ่งใหญ่ ยังต้องขอร้องเจ้าหนูนี่ด้วยรึ

“ดวงจิตหอคอย เจ้าบอกว่ามีเพียงชนะร่างเงาโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในหอคอย เป็นโอรสสวรรค์เจ็ดดาวถึงจะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของหอคอยเทพสงครามไม่ใช่รึ

เหตุใดแค่สิบวันสั้นๆ เจ้าก็ยอมรับเสิ่นเทียนเป็นนายแล้ว หอคอยนี่มีเส้นสายไม่ดีอะไรหรือไม่ ไม่ยุติธรรมหรือไม่!”

จินอวี่คับแค้นใจเล็กน้อย อีกทั้งเสียงยังเบาลงเรื่อยๆ เพราะเขารู้ว่านี่ไม่น่าจะเป็นไปได้

ถึงอย่างไรก็เป็นหอคอยที่ตกมาจากโลกเซียน จะไม่ยุติธรรมได้อย่างไร

มิหนำซ้ำ ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนยังแสดงกำลังรบไร้พ่ายในระดับเดียวกันออกมา แข็งแกร่งกว่าข่งเมิ่งจริงๆ

จินอวี่เพียงแค่ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะแกร่งขนาดนี้!

อีกทั้งมองจากตอนนี้ที่เสิ่นเทียนเปล่งแสงสว่างสีทองทั้งตัว เห็นได้ชัดว่าเริ่มรวมกายทองแล้ว

เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เคยทำหน้าหนา ท้าเสิ่นเทียนว่าหากทะลวงแก่นพลังทองหรือกายทองแล้วค่อยมาสู้กันใหม่ จินอวี่ก็รู้สึกขนหัวลุก

ตอนนี้หางลีบ หนีไปยังทันหรือไม่

แต่ว่า ข้ายังใช้เงินในหอคอยไม่หมดเลย!

ทว่าตอนนี้หอคอยเทพสงครามมีเจ้านายแล้ว การจะเข้าไปในหอคอยเพื่อใช้เงินให้หมดต้องมาหาเสิ่นเทียน

แต่ถ้าไปหาเสิ่นเทียน เกิดเขาเอ่ยถึงการประลองกับข้าที่นัดกันไว้ล่ะ ข้าจะทำอย่างไร

ตอนนี้สภาพจิตใจจินอวี่ระเบิดต่อไป ศักดิ์ศรีของนกแทบจะพังลง!

ถ้าไม่ใช่เพราะสิบวันนี้ประลองกับโอรสสวรรค์ระดับเดียวกันไม่หยุด ทำให้จิตใจจินอวี่ได้รับการขัดเกลาครั้งใหญ่ และขณะเดียวกับที่ใช้พลังนั้น ประสิทธิผลในการดูดซับของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานยังพุ่งสูงสุด ทำให้กายหยาบและจิตใจพัฒนาขึ้นอย่างมากแล้ว

เกรงว่าตอนนี้จินอวี่คงจะเดินรอยตามฟางฉางกับเฉินจงเทียน ธาตุไฟเข้าแทรกเหมือนกันไปแล้ว

…….

ชั่วขณะที่มีคนสุขและเศร้านั้น แสงทองรอบกายเสิ่นเทียนค่อยๆ หุบกลับมา

ร่างที่ตอนแรกถูกสะท้อนเหมือนกับทองคำ ตอนนี้กลายเป็นสีเช่นคนปกติ

เพียงแค่ผิวหนังเขาขาวผ่องยิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกันลายเส้นกล้ามเนื้อยังคมชัดยิ่งขึ้น

ไม่เหมือนกล้ามเนื้อของพวกที่ฝึกวิชาหลอมกายหินยานพวกนั้น กล้ามใหญ่เป็นก้อนๆ ราวกับปีศาจหมีป่า แต่นี่เป็นกล้ามเนื้อของวีรบุรุษ

ใส่อาภรณ์ดูผอม แต่ถอดอาภรณ์มีแต่กล้ามเนื้อ

สรุปคือ ตอนนี้เสิ่นเทียนสง่างามยิ่งกว่าเดิม

เส้นผมยาวของเขาตกลงมาดั่งสาดหมึก ดวงตาที่เปิดปิดเล็กน้อยมีประกายแววตาผลุบๆ โผล่ๆ

เหมือนกับผืนดาราผลุบโผล่อยู่หลังเมฆ ทั้งลึกลับและน่าเฝ้าใฝ่หาอย่างยิ่ง ทำให้อดเคลิบเคลิ้มมิได้

‘เกิดจากเสด็จพ่อคนเดียวกัน ไฉนน้องสิบสามถึงหล่อเหลายิ่งขึ้นเรื่อยๆ’

เสิ่นเอ้ามองเสิ่นเทียนที่สตรีทุกคนจับจ้องพลางรู้สึกเปรี้ยวๆ หวานๆ

เปรี้ยวคือปวดร้าวว่าตนก็สืบสายเลือดจากเสิ่นเซี่ยวเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะพรสวรรค์หรือใบหน้ากลับเทียบเทียมไม่ได้

หวานคือโชคดีที่สุดยอดโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคอย่างเสิ่นเทียนคือน้องสิบสามของตน ขอแค่เขาละวางความโอหัง ‘ที่ต้องมี’ พวกนั้นลง

หากเกาะขาน้องสิบสามก็จะไปได้ทั่วในโลกบำเพ็ญเซียนแห่งนี้ อนาคตไร้ที่สิ้นสุด

ก็เหมือนกับการฝึกในสนามรบบรรพกาลครั้งนี้ ในเวลายี่สิบกว่าวันสั้นๆ ไม่ถึงเดือน เขาได้โชคลิขิตมาตั้งเท่าไรแล้ว

พูดได้ว่าหากไม่ติดตามเสิ่นเทียน โชคลิขิตโภคทรัพย์ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เสิ่นเอ้าใช้เวลาร้อยปีก็อาจจะรวมมาไม่ได้ครบด้วยซ้ำ

ถึงอย่างไรสมุนไพรวิญญาณระดับสูงสุดอย่างว่านโลหิตมังกรและผลใจกระบี่ก็ล้ำค่าอย่างยิ่ง เป็นของที่ต่อให้มีเงินก็ซื้อมาไม่ได้

การฝึกไร้สาระของเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์อะไรนั่น เมื่อเทียบกันแล้ว… น้องสิบสามดีกว่าจริงๆ!

……………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+