บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 353 เขาจะต้องชอบข้าแน่!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 353 เขาจะต้องชอบข้าแน่! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 353 เขาจะต้องชอบข้าแน่!

แข็งแกร่งมาก!

บ้าอำนาจมาก!

ชอบมาก!

สิ่งมีชีวิตเพศเมียทั้งหมดจะชอบผู้แข็งแกร่งโดยสัญชาตญาณ

และมนุษย์คือสัตว์ประเสริฐของทุกสรรพสัตว์ บางครั้งก็สนใจหน้าตามากกว่าผู้แข็งแกร่ง

บุรุษผู้มีใบหน้าทะลุปรอทและยังแข็งแกร่งสุดขีดคนหนึ่ง ย่อมมีแรงดึงดูดต่อสตรีเพศถึงแก่ชีวิต!

องค์หญิงหลิงหลงมองเสิ่นเทียนด้วยความเคลิบเคลิ้ม ร่างเงาสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์สีทองนั้น ตอนนี้สะท้อนเข้ามาในใจนาง แกะสลักกระดูกฝังลงใจ

มือข้างเดียวก็รับไอกระบี่สวรรค์เก้าชั้นของข้าได้อย่างง่ายดาย ศักยภาพของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหนือธรรมดาจริงๆ ข้าจะต้องผูกมิตรกับเขาเพื่อราชวงศ์เซียนต้าฮวงให้ได้!

อืม ต่อให้ต้องขายเสน่ห์เปลี่ยนจากผูกมิตรเป็นผูกพันกันก็ยอม!

…..

เสิ่นเทียนไม่รู้ความคิดในใจองค์หญิงหลิงหลง

เขาแค่มองหน้าผากขององค์หญิงหลิงหลงตาไม่กะพริบ มองจนเหมือนจะสนใจอย่างจริงจัง

นี่ทำให้ใบหน้าขาวผ่องและงดงามของจางอวิ๋นซีค่อยๆ ดำขึ้น ทางด้านใบหน้าขาวผ่องเช่นกันขององค์หญิงหลิงหลง กลับแดงขึ้นเรื่อยๆ~

เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถึงจ้องข้าเช่นนี้ หรือว่า ข้าจะเกิดรักแรบพบกับข้ากัน อู้ น่าอายจริงๆ~

องค์หญิงหลิงหลงเอียงหน้า “บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีศักยภาพเหนือธรรมดา ครั้งหน้าข้าจะขอกลยุทธ์เด็ดจากท่าน”

เสิ่นเทียนยิ้ม “องค์หญิงไม่ฉวยโอกาสตอนศิษย์พี่หญิงทะลวงพลัง ช่างสมกับเป็นองค์หญิงของราชวงศ์เซียนต้าฮวง มีบุคลิกน่านับถือ ไม่รู้ว่ายินดีจะร่วมผจญภัยกับพวกเราหรือไม่”

อะไรนะ!

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กำลังเชื้อเชิญข้าให้ร่วมเดินทางรึ

มีหรือที่เจอกันครั้งแรกจะมีไมตรีเช่นนี้ เขาจะต้องชอบข้าแน่ๆ!

องค์หญิงหลิงหลงหน้าแดงขึ้นมาเรื่อยๆ ก่อนจะเก็บกระบี่ศักดิ์สิทธิ์หยกขาวเข้าฝัก “บุตรศักดิ์สิทธิ์เชื้อเชิญอย่างมีไมตรีเช่นนี้ หลิงหลงปฏิเสธไปคงจะเสียมารยาท”

จางอวิ๋นซีพูดไม่ออก

ศิษย์น้องมีไมตรีที่ไหนกัน

เขาแค่มองหน้าผากเจ้า เชื้อเชิญเจ้าพอเป็นมารยาทเท่านั้น

แต่ว่าเหตุใดศิษย์น้องถึงต้องมองหน้าผากขององค์หญิงหลิงหลง หรือว่าหน้าผากขององค์หญิงบ้าอะไรนี่จะงดงามกว่าหน้าผากของข้ารึ

จะว่าไปศิษย์น้องมีการประเมินความงามของสตรีแปลกมาก คนอื่นเขาดูหญิงงามต้องดูหน้า ดูหน้าอก ดูเรียวขา มีหรือที่จะจ้องหน้าผากคนอื่นเขา

จางอวิ๋นซีเริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อยในใจอีกแล้ว

สารภาพตามตรง นางรู้สึกประทับใจในตัวองค์หญิงหลิงหลงจริงๆ นี่เป็นผู้ดีในสตรี

คนปกติเวลาต่อสู้กันหากเห็นอีกฝ่ายทะลวงพลัง ไม่ขัดให้อีกฝ่ายธาตุไฟเข้าแทรกก็ถือว่าดีแล้ว

แต่องค์หญิงหลิงหลงไม่ใช่แค่ไม่ขัดจางอวิ๋นซีทะลวงพลัง แต่ยังสร้างแรงกดดันที่ได้ประโยชน์พอดีช่วยนาง

เดิมทีจางอวิ๋นซีอยู่จุดสูงสุดแก่นพลังทองเก้ารอบ ชั่วขณะที่กำลังโกรธก็ทะลวงไปครึ่งก้าวแก่นพลังทองสิบรอบ ห่างจากแก่นพลังทองสิบรอบที่แท้จริงเพียงครึ่งก้าว

สุดท้าย การต่อสู้กับองค์หญิงหลิงหลงทำให้นางเดินก้าวสุดท้ายนั้นได้ สำเร็จแก่นพลังทองสิบรอบสมบูรณ์อย่างแท้จริง

มองจากในระดับบางอย่าง กระทั่งจางอวิ๋นซียังติดค้างองค์หญิงหลิงหลงครั้งใหญ่ ส่งผลไปถึงทั้งชีวิต

หากองค์หญิงหลิงหลงไม่มีใจหมายปองศิษย์น้อง ก็คงจะเป็นสหายสนิทในชีวิตนี้ของนาง

น่าเสียดาย สตรีที่คิดจะแย่งศิษย์น้องคือศัตรู!

……..

สะเก็ดไฟที่มองไม่เห็นในอากาศยังคงแตกกระเซ็น

ทว่าองค์หญิงหลิงหลงได้ร่วมกลุ่มใหญ่ดั่งใจหวังจริงๆ ตอนนี้มีความสุขมาก กระทั่งยังอยากจะฮัมเพลงหน่อยๆ

ทางด้านหงส์ที่องค์หญิงหลิงหลงขี่ในตอนแรก ตอนนี้เขย่าร่างกลายเป็นเด็กสาวชุดคลุมแดงอายุราวสิบกว่าขวบคนหนึ่ง ไว้ผมเปียทรงเกลียวสีแดงสองอัน

ดูแล้วน่ารักมาก!

ครั้งนี้ที่องค์หญิงหลิงหลงร้องขอจะมาเกาะมหานที มีสาเหตุส่วนใหญ่เพราะมาเป็นเพื่อนเฟิ่งอู่ ให้นางกลืนกินปีศาจเพลิง

หินผลึกในตัวปีศาจเพลิงพวกนี้มีส่วนช่วยในการเพิ่มศักยภาพให้เผ่าหงส์อย่างยิ่งยวด เรียกได้ว่าเป็นพรจากสวรรค์!

สาวโลลิผมแดงจะควักหินผลึกออกมาจากกระเป๋าและยัดใส่ปากเคี้ยวกรุบๆ ตลอดเวลา

ท่าทางเสพสุขเล็กๆ นั่นเหมือนกับเคี้ยวลูกอม

ภายใต้การนำของเสิ่นเทียน กลุ่มคนได้บุกเข้ามาแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางได้

ไม่นาน ทุกคนก็มาอยู่หน้าทะเลสาบใหญ่แห่งหนึ่งทางตะวันตกของเกาะมหานที พลังวิญญาณเพลิงที่นี่เบาบางมาก

อาจพูดได้ว่าพลังวิญญาณเพลิงที่นี่อาจจะเบาบางเสียจนใช้ไม่ได้ เหมือนกับไม่มีพลังวิญญาณธาตุไฟอยู่เลย กระทั่งแปลกนิดๆ

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเกาะมหานที สถานที่ฝึกบำเพ็ญสำคัญของมหาจักรพรรดิจินอู ทุกที่ก็ควรจะเต็มไปด้วยพลังวิญญาณเปลวเพลิงถึงจะถูก

จ้าวเฮ่าหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย เขาสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง “ศิษย์พี่ ข้ารู้สึกแปลกๆ”

อัคคีอรุณใต้เข้มข้นทะลักออกมาจากในกายจ้าวเฮ่า กระเพื่อมอย่างรุนแรง เหมือนเจอบางสิ่งที่สุดยอดเข้า จึงตัวสั่นงันงกขึ้นมา

เสิ่นเทียนเผยรอยยิ้มชาญฉลาด “ไม่ต้องฝืนต้านปฏิกิริยาโต้ตอบของไฟศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นเรื่องปกติ ที่นี่คือสถานฝึกบำเพ็ญตอนยังมีชีวิตของมหาจักรพรรดิจินอู มหาจักรพรรดิจินอูฝึกฝนคัมภีร์จักรพรรดิสุริยะ ควบคุมไฟแท้สุริยะ เป็นราชาแห่งเปลวไฟ แม้อัคคีอรุณใต้จะเป็นเจ้าปกครองในเปลวไฟ แต่เจ้าปกครองก็ต้องยอมสยบเมื่ออยู่ต่อหน้าราชา”

จ้าวเฮ่าสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ศิษย์พี่หมายความว่านี่ใกล้กับไฟแท้สุริยะรึ”

นั่นคือการคงอยู่อันน่าสะพรึงในอันดับสองของรายนามไฟศักดิ์สิทธิ์ เล่าลือว่าเป็นเปลวไฟที่ไม่มอดดับชั่วนิรันดร์บนดวงตะวัน เผาทุกสรรพสิ่งในโลกได้

แม้แต่มหาจักรพรรดิเซียนแท้จริงยังเคยตายตกด้วยเปลวไฟน่ากลัวชนิดนี้มาแล้วหลายคน

หากใกล้ๆ นี้มีไฟแท้สุริยะที่ไม่มีเจ้าของจริงๆ เกิดปะทุขึ้นมา เกรงว่าแม้แต่ผู้อริยะก็อาจจะคุมไว้ไม่อยู่ อาจจะเกิดเรื่องใหญ่ได้!

……

“ไม่ต้องกังวล มีแซ่เสิ่นอยู่ไม่เป็นไร”

เสิ่นเทียนยิ้มพลางมองหน้าผากของจ้าวเฮ่า ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “ในทะเลสาบนี้มีบางสิ่งจริงๆ แต่ว่าไม่ใช่ไฟแท้สุริยะ”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็ยื่นมือขวาของตนออกไปช้าๆ

อัคคีอรุณใต้ที่เข้มข้นอย่างยิ่งพลันหดตัวถึงขีดสุด เผามวลอากาศจนบิดรูป เห็นได้ชัดว่ามีพลังอำนาจแข็งแกร่งถึงที่สุด

สาวโลลิผมแดงเบิกตาโต ในดวงตาเต็มไปด้วยความกระหายและต้องการ “เป็นอัคคีอรุณใต้!”

แม้อัคคีอรุณใต้จะอยู่อันดับสิบในรายนามไฟศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียวในห้าดินแดน ขณะเดียวกันมันยังเป็นไฟเทพมรดกจากเทือกเขานิพพานดินแดนทักษิณ

ราชินีหงส์อมตะผู้แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนทักษิณก็มีอัคคีอรุณใต้เช่นกัน ทั้งยังสำแดงอานุภาพของมันถึงระดับน่าเหลือเชื่อ กระทั่งเทียบได้กับอันดับห้าในรายนามไฟศักดิ์สิทธิ์

เฟิ่งอู่ได้ฟังตำนานของราชินีหงส์อมตะมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ย่อมคุ้นเคยกับเปลวไฟชนิดนี้มาก

น่าเสียดาย อัคคีอรุณใต้ที่เสิ่นเทียนรวมออกมาไม่ได้โยนให้นาง แต่โยนไปกลางทะเลสาบยักษ์

บึ้ม~

ทะเลสาบมีเส้นผ่าศูนย์กลางพันจั้ง โดยรอบไม่มีพลังวิญญาณธาตุไฟเลย

ทว่าทันทีที่อัคคีอรุณใต้เสี้ยวนั้นกระทบผิวทะเลสาบ ทั้งผิวทะเลสาบก็เกิดทะเลเพลิงขึ้น พลังวิญญาณธาตุไฟมหาศาลแผ่มาจากกลางทะเลสาบ กลายเป็นอีกาเทพเพลิงพุ่งขึ้นชั้นเมฆเก้าชั้น ประหนึ่งดวงตะวันสีแดงมหึมา!

เปรี้ยง~

เปรี้ยงๆ~

เปรี้ยงๆๆ~

มีเสียงดังมาจากในทะเลเพลิงนั้น เหมือนกับสายฟ้าสั่นสะท้านใจคน

ขณะเดียวกัน ศิลาโบราณสีแดงฉานก็ลอยขึ้นมาจากก้นทะเลสาบช้าๆ วนเวียนดูดซับประกายแสงของอัคคีอรุณใต้

อักษรลึกลับยากจะเข้าใจค่อยๆ ลอยขึ้นมาบนศิลาโบราณทีละตัว~

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด