บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 283 ขี่มังกร เป็นความรู้สึกอย่างไร! (1)

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 283 ขี่มังกร เป็นความรู้สึกอย่างไร! (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 283 ขี่มังกร เป็นความรู้สึกอย่างไร! (1)

ทะเลเหนือ วิหารเทพมังกร

เอ๋าเย่ราชามังกรรุ่นปัจจุบันนั่งขัดสมาธิบนบัลลังก์ราชา

เขาสวมเกราะลายมังกรสีดำทมิฬ กลิ่นอายพลังเหมือนกับหุบเหวใหญ่ที่มองไม่เห็นก้น ลึกไม่อาจหยั่งถึง

ตอนนี้เขากำลังฝึกฝนคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงอันเป็นมรดกสูงสุดของเกาะมังกรดำ นี่ก็เป็นรากฐานในการคงอยู่ของเกาะมังกรดำทะเลเหนือ

ยุคโบราณเมื่อหมื่นปีก่อน เกาะมังกรดำทะเลเหนือกับเทือกเขานิพพานดินแดนทักษิณเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของเผ่าปีศาจ แบ่งกันปกครองเผ่าปักษาและเผ่าทะเล

เดิมทียังมีเผ่ากิเลนที่ปกครองสัตว์บก น่าเสียดายสายเลือดเผ่ากิเลนแทบจะสูญสิ้นไปในมหาสงครามสะท้านโลกในยุคบรรพกาล

ตอนนี้ในห้าดินแดน แม้จะมีกิเลนน้อยมากไม่กี่ตัว ไม่รุ่งเรืองดั่งในอดีตอีก แต่เผ่ามังกรดำก็เสียหายอย่างหนักในสงครามครั้งนั้นเช่นกัน

ในสงครามครั้งนั้น ความเสียหายที่มากที่สุดของเผ่ามังกรดำคือองค์หญิงเอ๋าปิงหายสาบสูญไป

ต้องรู้ไว้ว่า เมื่อหมื่นปีก่อนองค์หญิงเอ๋าปิงแห่งเกาะมังกรดำมีสายเลือดมังกรดำระดับเก้าที่อยู่สูงสุด มีสายเลือดสูงสุดของเผ่าปีศาจ

นางมีชื่อเสียงเลื่องลือเท่ากับราชินีหงส์อมตะที่มีสายเลือดหงส์ระดับเก้าเช่นกัน ต่อสู้กันบนเส้นทางแห่งความยิ่งใหญ่ มองว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูเพียงหนึ่งเดียวมาตลอด

น่าเสียดาย ราชินีหงส์อมตะรอดมาจากสงครามร้ายแรงครั้งนั้นได้ จากนั้นก็ได้เป็นเจ้าปกครองดินแดนทักษิณ

ส่วนเอ๋าปิงกลับถูกเซียนบางคนจากโลกเซียนลอบเล่นงาน ถูกผนึกไว้ก่อนที่จะได้ไร้เทียมทาน

ในสงครามตอนนั้นมิติเกิดรอยแยกมากมาย เอ๋าปิงถูกผนึกในอีกมิติ เผ่ามังกรค้นหาหลายรอบก็ไม่พบ

และนี่ทำให้เกาะมังกรดำสิ้นความหวังในความยิ่งใหญ่มากที่สุด โดนเผ่าหงส์ดินแดนทักษิณที่มีกำลังรบสูงสุดกดขี่มานานกว่าหมื่นปี

แม้ราชินีหงส์อมตะไม่ค่อยสนใจในอำนาจเท่าไร การปกครองหมื่นปีมานี้ก็ไม่ได้อาศัยช่วงทุกข์ยากทำการบุกรุกรานเผ่าปีศาจทะเลเหนือ

แต่เผ่ามังกรก็มีความโอหังของเผ่ามังกร พวกเขาไม่อยากประคองชีวิตไปวันๆ ด้วยความสงสารของอีกฝ่าย

หมื่นปีมานี้ ราชามังกรดำกับองค์รัชทายาทมังกรทุกรุ่นจะพยายามฝึกฝนสุดชีวิต หวังว่าจะให้ศักยภาพของเผ่ามังกรแข็งแกร่งขึ้น

ต่อให้สายเลือดและพรสวรรค์ของตนมีจำกัด ไม่หวังจะเทียบเท่าราชินีหงส์อมตะแล้ว แต่ตนทำไม่ได้ก็ยังมีบุตรชาย หลานชายและลูกๆ หลานๆ อีก!

ตามกฎการสืบทอดของเผ่ามังกรแล้ว ปกติยิ่งบุพการีมีระดับพลังสูงมากเท่าไร สายเลือดพรสวรรค์ของลูกหลานก็จะมีอัตราสูงมากเท่านั้น

และเพื่อให้บุตรชายบุตรสาวตนชนะตั้งแต่ออกตัววิ่ง บุพการีมังกรดำพวกนั้นจึงพยายามที่แข็งแกร่งขึ้นกันเต็มที่

หวังว่าบุตรจะได้ดี นี่ก็เพื่อปกป้องเกียรติของเผ่ามังกร!

“ถึงบทต้องห้ามของคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงจะแข็งแกร่ง แต่สายเลือดและพรสวรรค์ข้าก็ยังแกร่งไม่พอ”

หลังจากโคจรไปพักใหญ่แล้ว เอ๋าเย่ก็เก็บวิชายืนตัวตรง ใบหน้ามีความปลงอนิจจัง กลัดกลุ้มเหมือนมีอะไรขาดหาย “ปราการนั้นก็ยังคงอยู่”

เทียบกับเผ่ามนุษย์แล้ว เผ่าปีศาจพึ่งพาสายเลือดกับพรสวรรค์มากกว่า

หากบอกว่าเส้นขีดความสำเร็จของเผ่ามนุษย์ พรสวรรค์ พรแสวงและทรัพยากรคือห้าส่วนละก็ เช่นนั้นสำหรับเผ่ามังกรแล้ว พรสวรรค์และสายเลือดแทบจะตัดสินเส้นขีดเจ้าได้เก้าส่วน ยิ่งระดับสูงมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกถึงขีดจำกัดของสายเลือด

สายเลือดมังกรดำระดับแปดก็ยังไม่อาจเทียบกับสายเลือดสูงสุดระดับเก้าได้ แม้เอ๋าเย่จะฝึกหนักทุกคืนวันก็ยากจะข้ามผ่านไปได้

……..

ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งรวมขึ้นกลางวิหารเทพมังกรช้าๆ

เอ๋าเย่ตาเป็นสมาธิเล็กน้อย ก่อนรีบโค้งตัว “ลูกขอต้อนรับท่านพ่อด้วยความยินดี ท่านพ่อมีอะไรจะกำชับรึ”

ร่างเงานี้ก็คือเอ๋าเหลย ใบหน้าเขายากจะปกปิดรอยยิ้มได้ “พ่อมาแจ้งข่าวดีกับเจ้าเป็นพิเศษ”

เอ๋าเย่อึ้งไป ในภาพจำของเขา บิดาตนเป็นมังกรที่เคร่งขรึมไม่ยิ้มมาตลอด พูดได้ว่าพันปียากจะเห็นเขายิ้มสักครั้งสองครั้ง

จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่ยิ้มเหมือนกับคนซื่อเลย

เอ๋าเย่ถามด้วยความแปลกใจ “ไม่ทราบว่าข่าวดีอะไรกันถึงทำให้ท่านพ่อมีความสุขเช่นนี้”

เอ๋าเหลยยิ้ม “เจ้ายังจำท่านป้าใหญ่เอ๋าปิงของเจ้าได้หรือไม่ นางยังไม่ตาย แค่ถูกผนึกไว้ในสนามรบบรรพกาลหมื่นปี และตอนนี้นางทะลวงผนึกออกมาได้แล้ว นิพพานเกิดใหม่ ขอแค่ให้เวลานางมากพอ ไม่นานก็จะขึ้นเป็นผู้อริยะอีกครั้ง ฟื้นฟูกลับมาในสภาพสมบูรณ์”

อะไรนะ

ท่านป้าใหญ่เอ๋าปิงยังไม่ตาย?

เอ๋าเย่กังวลตามจิตใต้สำนึก ท่านพ่อรีบร้อนฝึกฝนเกินไปจนธาตุไฟเข้าแทรกหรือไม่

แต่เมื่อตั้งใจสัมผัสกลิ่นอายพลังของเอ๋าเหลย เอ๋าเย่ก็พบว่ากลิ่นอายพลังของเขาสุขุมมั่นคง ไม่มีท่าทีธาตุไฟเข้าแทรกเลย

น่าจะ…ไม่ได้บ้าไปแล้ว…กระมัง!

“ท่านพ่อ ท่านจำได้หรือไม่ว่าท่านแม่มีนามว่าอะไร”

เพียะ!

เสียงตบกะโหลกดังขึ้น ตบเอ๋าเย่ล้มกลิ้งไปกับพื้น

เอ๋าเหลยทำเสียงหึ “ข้ายังสติดีอยู่มาก นี่เจ้ามองว่าข้าโง่รึ แม้แต่พ่อเจ้ายังสงสัยรึ”

เป็นความรู้สึกคุ้นเคย ความรักจากบิดาที่คุ้นเคย

เอ๋าเย่คลึงซาลาเปาบนศีรษะ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความดีใจ

ท่านพ่อไม่ได้บ้า หรือก็คือข่าวนี้เป็นความจริง ท่านป้าใหญ่ยังไม่ตายจริงๆ

ความดีใจรุนแรงพลันตีขึ้นมาในใจเอ๋าเย่ ทำให้เขารู้สึกว่าแรงกดดันบนบ่าเบาลงไปหลายเท่า

ต้องรู้ว่าสำหรับเผ่ามังกรดำทะเลเหนือแล้ว คำว่าราชามังกรดำไม่ได้หมายถึงพลังและอำนาจเท่านั้น แต่ยังหมายถึงภาระหน้าที่

มีเพียงกำราบเผ่าปีศาจทั้งหมดของทะเลเหนือได้อย่างแท้จริง และยังมีอำนาจคุกคามต่ออีกสี่ดินแดนได้เท่านั้นถึงจะขึ้นเป็นราชาได้

แต่การนั่งบนตำแหน่งราชานี้ต้องทุ่มกำลังเผชิญหน้ากับอำนาจคุกคามจากสี่ทิศ ตรึกตรองถึงศัตรูทุกคนที่อาจจะคุกคามถึงเผ่ามังกรดำ

สารภาพตามตรง เอ๋าเย่มีแรงกดดันสูงมาก ดึกดื่นนอนหลับยากทุกคืน แม้แต่เส้นผมยังร่วงไปเยอะมาก

ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าท่านป้าใหญ่เอ๋าปิงยังไม่ตาย เอ๋าเย่ก็เหมือนกับเด็กน้อยไร้ที่พึ่งที่หาเสาเอกพบ จึงดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทั้งตัวมังกร

ถึงอย่างไรเขาก็ได้ฟังเรื่องเล่าตำนานของท่านป้าใหญ่เอ๋าปิงมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่

“ท่านพ่อ ตอนนี้ท่านป้าใหญ่เอ๋าปิงอยู่ที่ใด ลูกจะพาเหล่าผู้อาวุโสไปรับนางกลับมาด้วยตัวเอง”

เอ๋าเหลยพูดเสียงเฉยชา “ไม่ต้อง ตอนนี้พี่หญิงใหญ่เจอเจ้าหนูเผ่ามนุษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ทำสัญญาเทพมังกรไปแล้ว นางส่งพลังจิตมาให้ข้า บอกว่าอยู่ในสนามรบโบราณอึดอัดมานานมาก เลยยังไม่อยากกลับเกาะมังกรดำตอนนี้ อยากจะเที่ยวเล่นในเผ่ามนุษย์ก่อน”

เอ๋าเย่อึ้งไปเล็กน้อย “ท่านป้าใหญ่เอ๋าปิงทำสัญญาเทพมังกรกับเผ่ามนุษย์หรือ นะ…นี่มันได้ที่ไหนกัน!”

ถึงพันธมิตรทุกรุ่นจะมาจากการทำสัญญากับชนรุ่นหลังที่เป็นแกนหลักของเผ่ามังกรกันอยู่แล้ว แต่เอ๋าปิงเป็นใคร นั่นคือธิดาสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในหมื่นปีมานี้ของเผ่ามังกรดำ จะมีใครในเผ่ามนุษย์คู่ควรกับนาง

เอ๋าเหลยพูดด้วยความจำใจ “นางบอกว่าเผ่ามนุษย์คนนี้คือบุตรศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ มีพรสวรรค์บำเพ็ญเซียนแกร่งกว่านาง อีกทั้งยังหน้าตาหล่อเหลายิ่ง พี่หญิงใหญ่เชื่อว่าการทำสัญญาเทพมังกรกับบุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้ ปกป้องให้เขาเติบใหญ่ขึ้น ภายภาคหน้าจะมีโอกาสสูงที่จะสำเร็จเป็นมหาจักรพรรดิ ถึงตอนนั้นทั้งเผ่ามังกรดำเราจะรุ่งโรจน์ตามไปด้วยเช่นกัน”

ภายในใจเอ๋าเหลยไม่เชื่อเรื่อง ‘บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีพรสวรรค์แกร่งกว่านาง’ อย่างที่พี่หญิงบอกเลยสักนิด

ตลกแล้ว เอ๋าปิงมีพรสวรรค์เป็นอย่างไร

นับโอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์ทั้งหมดตลอดหมื่นปีมานี้ มีคนที่มีพรสวรรค์เทียบเท่านางไม่เกินสามคน

อีกทั้งพรสวรรค์ของพวกเขาก็แค่สูสีกับเอ๋าปิง คนที่อยู่เหนือกว่าเอ๋าปิงอย่างแท้จริงมีเพียงจักรพรรดิฮวงสือเท่านั้น

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ใดคนนี้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม เจ้าจะบอกข้าว่าเขามีพรสวรรค์แกร่งกว่าพี่หญิงรึ ล้อข้าเล่นเถอะ!

ในมุมมองของเอ๋าเหลย ที่พี่หญิงตนทำสัญญาเทพมังกรกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ หัวใจสำคัญคงจะเป็นคำว่า ‘หน้าตาหล่อเหลายิ่ง’ มากกว่า

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นน้องรอง เอ๋าเหลยเติบโตมาพร้อมกับเอ๋าปิง รู้ดีว่าพี่สาวตนเป็นพวกหลงแต่รูปภายนอก

อึดอัดในสนามรบโบราณมาหมื่นปี หากได้หนุ่มน้อยเผ่ามนุษย์ที่หน้าตาหล่อเหลายิ่งช่วยไว้จริงๆ จนทำสัญญาเทพมังกรด้วยความลุ่มหลง นี่ก็เป็นเรื่องปกติ

เอ๋าเย่พูดด้วยความจนปัญญา “เช่นนั้นท่านพ่อ เราจะปล่อยให้ท่านป้าเอ๋าปิงอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ”

หากนิพพานเกิดใหม่ เกรงว่าท่านป้าเอ๋าปิงตอนนี้คงจะมีระดับพลังไม่ได้สูงมากกระมัง!

หากเจออันตรายจะไม่แย่เอาหรือ

เอ๋าเหลยพูด “เกาะมังกรดำตอนนี้ นอกจากบรรพบุรุษที่อายุขัยหมดสิ้นเข้าสู่ห้วงหลับใหลพวกนั้นแล้ว ศักดิ์ของพี่หญิงใหญ่สูงสุดแล้ว พี่หญิงใหญ่ยังไม่อยากกลับเกาะมังกร พวกเราก็จะบังคับนางไม่ได้ เพียงแต่ต้องรับรองความปลอดภัยของนางจริงๆ

เอาอย่างนี้แล้วกัน! เจ้าไปแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไปเป็นองครักษ์เทพมังกรให้กับพี่หญิงใหญ่ จำไว้ให้ดีว่าจะต้องรับรองความปลอดภัยของพี่หญิงใหญ่ให้ดีที่สุด!

หากพี่หญิงใหญ่ผมหายไปสักเส้น เจ้าก็มารับโทษกับพ่อที่ภูเขาไฟอัคคีแดงแล้วกัน!”

เอ๋าเย่ตัวสั่นเบาๆ “ขอให้ท่านพ่อวางใจ ลูกจะไปเดี๋ยวนี้!”

กรรซ~!

เสียงคำรามดังขึ้น เอ๋าเย่กลายเป็นมังกรแท้จริง

มังกรดำพุ่งออกจากทะเลเหนือไปพร้อมกับคลื่นลมหมื่นจั้ง ฟ้าดินเปลี่ยนไปทั้งหมด!

…….

ข้ามเรื่องชนชั้นสูงเกาะมังกรดำทะเลเหนือที่ตอนนี้สั่นสะเทือนเพราะเอ๋าปิงปรากฏตัวในห้าดินแดนไปก่อน

ใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ฉีเซ่าเสวียนกลับมาเป็นจุดเด่นของทุกคนอีกครั้ง แม้เขาจะไม่อยากมากก็ตาม

เรียก ไม่เรียก เรียก ไม่เรียก เรียก หรือจะไม่เรียก

ฉีเซ่าเสวียนในไอม่วงเป็นบ้าไปแล้ว เซลล์ทุกส่วนในร่างกายกำลังพะอืดพะอม

เป็นบุรุษด้อยกว่า อีกฝ่ายจะฆ่าจะแกงจะทำอะไรก็ช่างเถอะ ทว่าเป็นโอรสสวรรค์เหมือนกัน เจ้าเอาศักดิ์มากดขี่กันเช่นนี้ มันจะเกินไปแล้ว!

ฉีเซ่าเสวียนมองเสิ่นเทียนจากใจจริง กระแอมเบาๆ “ได้ยินมานานว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีเอกลักษณ์เหนือธรรมดา พรสวรรค์ก้องโลก วันนี้ได้พบช่างสมคำร่ำลือจริงๆ แซ่ฉีเคยวางคำพูดใหญ่โตว่าจะ ‘หนึ่งสู้สี่’ กับทุกท่าน นั่นแซ่ฉีบุ่มบ่ามเกินไป วันนี้ต้องขออภัยทุกท่านด้วย

สี่อัจฉริยะเทพสวรรค์ พรสวรรค์ของทุกคนมากพอจะโอหังต่อดินแดนบูรพา เป็นเขตกำเนิดของอัจฉริยะจริงๆ”

สารภาพตามตรง ด้วยความโอหังของฉีเซ่าเสวียน การให้เขาฝืนใจยกย่องแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ไม่ลงรอยกันเช่นนี้ มันสร้างความลำบากให้เขามากจริงๆ

แต่เขาจะทำอะไรได้

วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้คือมองข้ามคำพูดของเอ๋าปิง เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป

น่าเสียดายที่เอ๋าปิงอ่านความคิดตรงนี้ของฉีเซ่าเสวียนออกหมด “นี่ อย่าเปลี่ยนเรื่อง รีบเรียกท่านปู่น้อย!”

ฉีเซ่าเสวียนพูดไม่ออก

ฉีเซ่าเสวียนฝืนยิ้มมองเสิ่นเทียน “เมื่อครู่แซ่ฉีประมือกับฟางฉาง จางอวิ๋นถิงกับจางอวิ๋นซีแล้ว ได้เข้าใจอะไรเยอะมาก ขอตัวกลับไปปิดด่านบำเพ็ญก่อน วันหลังจะมาเยี่ยมเยือนบุตรศักดิ์สิทธิ์ใหม่”

เมื่อเอ่ยจบ ฉีเซ่าเสวียนก็กลายเป็นไอม่วงหนีเข้าไปในรถศึกมังกรดำ คิดจะหนีไปเลย

ช่วยไม่ได้ การแบ่งรุ่นกดดันถึงตาย ไม่ถอยไม่ได้แล้ว!

พอเห็นฉีเซ่าเสวียนหนีเตลิดไป เอ๋าปิงก็เผยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าเยาว์วัย “แม้แต่คำว่าท่านย่ายังไม่เรียก ยังหน้าด้านจะขี่รถของเผ่ามังกรข้าอีกรึ”

กรรซ~

เสียงมังกรคำรามดังขึ้น ใบหน้าเอ๋าปิงเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม

ทันทีที่นางส่งเสียงคำราม มังกรดำหกตัวที่ลากรถศึกมังกรดำก็เริ่มตัวสั่น

พวกมันเหวี่ยงฉีเซ่าเสวียนลงจากรถศึก จากนั้นลากรถศึกบินมาทางเอ๋าปิงอย่างว่านอนสอนง่าย แต่ละตัวนอนหมอบตรงหน้าเอ๋าปิง

ในเผ่ามังกร มังกรดำระดับสูงมีแรงกดดันอย่างยิ่งยวดต่อมังกรดำระดับต่ำอยู่แล้ว

จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเอ๋าปิงในตอนนี้ แม้ระดับพลังจะลดลงอย่างมาก ก็ยังมีระดับพลังใกล้เคียงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดกับดวงจิตดรุณ กำลังรบกดขี่อยู่เหนือมังกรดำหกตัวอย่างสมบูรณ์

สายเลือดผนวกกับกำลังรบกดดันสองเท่า ต่อให้เอ๋าปิงให้มังกรดำสองตัวกับมังกรน้ำสี่ตัวกัดกัน เดาว่าพวกมันก็คงไม่กล้าขัดขืน

เอ๋าปิงลูบรถศึกที่องอาจไม่ธรรมดาเบาๆ พลางพูดอย่างเฉยชา “เจ้าหลานตัวน้อย รถศึกนี่น่าจะเป็นของเจ้าล่ะสิ!”

เมื่อเห็นเอ๋าปิงวางอำนาจใหญ่โต เอ๋าอูก็เลือกเชื่อฟังอย่างแน่วแน่ “หากท่านย่าชอบ ข้าก็จะให้รถศึกนี่กับท่านย่าเลย”

ฉีเซ่าเสวียนพูดไม่ออก

เอ๋าปิงเผยรอยยิ้มบนใบหน้า “ถึงระดับจะต่ำไปบ้าง มังกรน้ำลากรถก็อ่อนแอไปหน่อย แต่ดีเลวอย่างไรก็เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากเจ้าหลานชาย

ย่าจะรับไว้แล้วกัน ส่วนเจ้าหนูเผ่ามนุษย์นั่น เจ้าตกลงไหวหรือไม่ ข้าอายุหมื่นปีแล้ว ไม่พอจะเป็นย่าเจ้ารึ ไม่รู้จักมารยาท!”

พลังวิญญาณสีม่วงหมุนม้วนอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าฉีเซ่าเสียนเหมือนกับกินเด็กตาย

เอ๋าอูด้านข้างพูดกระซิบ “พี่เซ่าเสวียน เรียกเถอะ! เกาะมังกรดำตอนนี้ ท่านย่ามีศักดิ์ใหญ่สุดแล้ว หากพี่เสียมารยาทกับนาง ท่านพ่อกับท่านปู่จะต้องโมโหแน่ ถึงตอนนั้นเกิดบังคับยกเลิกสัญญาเทพมังกร เราจะเล่นด้วยกันไม่ได้แล้วนะ”

ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุกรัว เค้นออกมาจากปากหลายคำ “ทะ…ท่าน…ท่านป้า…”

เอ๋าปิงแสยะปาก “ท่านป้าอะไร ท่านย่า! เหตุใดถึงยังเอาเปรียบกันอีก! แล้วก็พูดให้มันดังๆ ข้าไม่ได้ยิน”

“ทะ…ท่านย่า!”

เสียงตะโกนจากในลำคอดังมาจากกลุ่มพลังวิญญาณสีม่วง

ท่านย่ายังพอฝืนใจเรียกได้ แต่ถ้าท่านปู่น้อยอย่าหวังเลย!

ฉีเซ่าเสวียนพลันกลายเป็นสายรุ้งสีม่วงพุ่งขึ้นฟ้าไปไกล

ภายในใจเขาไม่มีความคิดที่จะท้าทายเสิ่นเทียนอีก เพราะแค่อยู่ต่อหน้าหญิงพันธพาลนี้อีกเค่อเดียว เขาก็ใจสั่นไปหมดแล้ว

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สารชั่ว แค่เพราะไม่อยากสู้กับแซ่ฉีอย่างถูกต้อง ถึงขนาดคิดวิธีต่ำทรามเช่นนี้ได้

เขาไปขุดคนแก่หัวโบราณเช่นนี้มาจากที่ใดกัน ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!

ฉีเซ่าเสวียนไม่เคยดวงซวยขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่

ครั้งนี้ขายหน้าไปถึงบ้านแล้ว!

……

“พี่สาวปิง การนับรุ่นของท่านเอาถึงตายเลยจริงๆ”

เมื่อเห็นฉีเซ่าเสวียนที่ ‘หนีเตลิด’ ไปแล้ว เสิ่นเทียนก็มุมปากกระตุกเล็กน้อย

เอ๋าปิงเด็กสาวโลลิอายุราวห้าหกขวบ แต่เนื้อแท้ก็ยังเป็นมังกรยักษ์ชั่วร้าย!

คนอื่นเขามาท้าทายไกลถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปรากฏว่าท้าทายไปๆ มาๆ ดันมาพบว่าตนมีท่านย่าเพิ่มมาคนหนึ่งอย่างน่าประหลาด

อีกทั้งเป้าหมายที่มาท้าทายยังกลายเป็นท่านปู่น้อยของตน เรื่องเช่นนี้แค่คิดก็เป็นบ้าแล้ว

ใครว่าหัวใหญ่ต้องไร้สมอง เขาชั่วร้ายสองเขาของพี่สาวปิงไม่ส่งผลถึงสติปัญญาชัดๆ แถมยังเหมือนจะเพิ่มสติปัญญาอีกต่างหาก

แน่นอนว่าเสิ่นเทียนมีความสุขที่เอ๋าปิงใช้ฝีปากไล่ฉีเซ่าเสวียนไปได้

เหตุการณ์ที่โดนลัทธิวิญญาณร้ายหมายตาในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้เสิ่นเทียนรู้จักคำว่านกที่โผล่หัวมาจะถูกยิง การอยู่เงียบๆ ต่างหากคือราชธรรม

ตอนนี้เสิ่นเทียนมีชื่อเสียงในดินแดนบูรพามากพอแล้ว

ในบางด้านถึงขั้นสูสีกับฉีเซ่าเสวียนแล้ว

หากเขาอัดฉีเซ่าเสวียนหมอบลงไปอีก นั่นจะไม่เท่ากับเป็นโอรสสวรรค์อันดับหนึ่งของดินแดนบูรพารึ

อยู่ที่สูงคงหนีไม่พ้นความหนาวเหน็บ!

สิ่งที่เยี่ยฉิงชางกับฉู่หรงเหอประสบมาบอกเสิ่นเทียนว่าการทำตัวเด่นไม่มีจุดจบที่ดีเลย การอยู่เงียบๆ เหมือนอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะปลอดภัยที่สุด

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงพอใจกับการที่ฉีเซ่าเสวียนไม่สู้และหนีไปมาก

ได้ทั้งปกป้องเกียรติของแดนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งไม่ต้องเด่นมากเกินไป

มั่นคงขึ้นไปอีก!

………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 283 ขี่มังกร เป็นความรู้สึกอย่างไร! (1)

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 283 ขี่มังกร เป็นความรู้สึกอย่างไร! (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 283 ขี่มังกร เป็นความรู้สึกอย่างไร! (1)

ทะเลเหนือ วิหารเทพมังกร

เอ๋าเย่ราชามังกรรุ่นปัจจุบันนั่งขัดสมาธิบนบัลลังก์ราชา

เขาสวมเกราะลายมังกรสีดำทมิฬ กลิ่นอายพลังเหมือนกับหุบเหวใหญ่ที่มองไม่เห็นก้น ลึกไม่อาจหยั่งถึง

ตอนนี้เขากำลังฝึกฝนคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงอันเป็นมรดกสูงสุดของเกาะมังกรดำ นี่ก็เป็นรากฐานในการคงอยู่ของเกาะมังกรดำทะเลเหนือ

ยุคโบราณเมื่อหมื่นปีก่อน เกาะมังกรดำทะเลเหนือกับเทือกเขานิพพานดินแดนทักษิณเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของเผ่าปีศาจ แบ่งกันปกครองเผ่าปักษาและเผ่าทะเล

เดิมทียังมีเผ่ากิเลนที่ปกครองสัตว์บก น่าเสียดายสายเลือดเผ่ากิเลนแทบจะสูญสิ้นไปในมหาสงครามสะท้านโลกในยุคบรรพกาล

ตอนนี้ในห้าดินแดน แม้จะมีกิเลนน้อยมากไม่กี่ตัว ไม่รุ่งเรืองดั่งในอดีตอีก แต่เผ่ามังกรดำก็เสียหายอย่างหนักในสงครามครั้งนั้นเช่นกัน

ในสงครามครั้งนั้น ความเสียหายที่มากที่สุดของเผ่ามังกรดำคือองค์หญิงเอ๋าปิงหายสาบสูญไป

ต้องรู้ไว้ว่า เมื่อหมื่นปีก่อนองค์หญิงเอ๋าปิงแห่งเกาะมังกรดำมีสายเลือดมังกรดำระดับเก้าที่อยู่สูงสุด มีสายเลือดสูงสุดของเผ่าปีศาจ

นางมีชื่อเสียงเลื่องลือเท่ากับราชินีหงส์อมตะที่มีสายเลือดหงส์ระดับเก้าเช่นกัน ต่อสู้กันบนเส้นทางแห่งความยิ่งใหญ่ มองว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูเพียงหนึ่งเดียวมาตลอด

น่าเสียดาย ราชินีหงส์อมตะรอดมาจากสงครามร้ายแรงครั้งนั้นได้ จากนั้นก็ได้เป็นเจ้าปกครองดินแดนทักษิณ

ส่วนเอ๋าปิงกลับถูกเซียนบางคนจากโลกเซียนลอบเล่นงาน ถูกผนึกไว้ก่อนที่จะได้ไร้เทียมทาน

ในสงครามตอนนั้นมิติเกิดรอยแยกมากมาย เอ๋าปิงถูกผนึกในอีกมิติ เผ่ามังกรค้นหาหลายรอบก็ไม่พบ

และนี่ทำให้เกาะมังกรดำสิ้นความหวังในความยิ่งใหญ่มากที่สุด โดนเผ่าหงส์ดินแดนทักษิณที่มีกำลังรบสูงสุดกดขี่มานานกว่าหมื่นปี

แม้ราชินีหงส์อมตะไม่ค่อยสนใจในอำนาจเท่าไร การปกครองหมื่นปีมานี้ก็ไม่ได้อาศัยช่วงทุกข์ยากทำการบุกรุกรานเผ่าปีศาจทะเลเหนือ

แต่เผ่ามังกรก็มีความโอหังของเผ่ามังกร พวกเขาไม่อยากประคองชีวิตไปวันๆ ด้วยความสงสารของอีกฝ่าย

หมื่นปีมานี้ ราชามังกรดำกับองค์รัชทายาทมังกรทุกรุ่นจะพยายามฝึกฝนสุดชีวิต หวังว่าจะให้ศักยภาพของเผ่ามังกรแข็งแกร่งขึ้น

ต่อให้สายเลือดและพรสวรรค์ของตนมีจำกัด ไม่หวังจะเทียบเท่าราชินีหงส์อมตะแล้ว แต่ตนทำไม่ได้ก็ยังมีบุตรชาย หลานชายและลูกๆ หลานๆ อีก!

ตามกฎการสืบทอดของเผ่ามังกรแล้ว ปกติยิ่งบุพการีมีระดับพลังสูงมากเท่าไร สายเลือดพรสวรรค์ของลูกหลานก็จะมีอัตราสูงมากเท่านั้น

และเพื่อให้บุตรชายบุตรสาวตนชนะตั้งแต่ออกตัววิ่ง บุพการีมังกรดำพวกนั้นจึงพยายามที่แข็งแกร่งขึ้นกันเต็มที่

หวังว่าบุตรจะได้ดี นี่ก็เพื่อปกป้องเกียรติของเผ่ามังกร!

“ถึงบทต้องห้ามของคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงจะแข็งแกร่ง แต่สายเลือดและพรสวรรค์ข้าก็ยังแกร่งไม่พอ”

หลังจากโคจรไปพักใหญ่แล้ว เอ๋าเย่ก็เก็บวิชายืนตัวตรง ใบหน้ามีความปลงอนิจจัง กลัดกลุ้มเหมือนมีอะไรขาดหาย “ปราการนั้นก็ยังคงอยู่”

เทียบกับเผ่ามนุษย์แล้ว เผ่าปีศาจพึ่งพาสายเลือดกับพรสวรรค์มากกว่า

หากบอกว่าเส้นขีดความสำเร็จของเผ่ามนุษย์ พรสวรรค์ พรแสวงและทรัพยากรคือห้าส่วนละก็ เช่นนั้นสำหรับเผ่ามังกรแล้ว พรสวรรค์และสายเลือดแทบจะตัดสินเส้นขีดเจ้าได้เก้าส่วน ยิ่งระดับสูงมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกถึงขีดจำกัดของสายเลือด

สายเลือดมังกรดำระดับแปดก็ยังไม่อาจเทียบกับสายเลือดสูงสุดระดับเก้าได้ แม้เอ๋าเย่จะฝึกหนักทุกคืนวันก็ยากจะข้ามผ่านไปได้

……..

ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งรวมขึ้นกลางวิหารเทพมังกรช้าๆ

เอ๋าเย่ตาเป็นสมาธิเล็กน้อย ก่อนรีบโค้งตัว “ลูกขอต้อนรับท่านพ่อด้วยความยินดี ท่านพ่อมีอะไรจะกำชับรึ”

ร่างเงานี้ก็คือเอ๋าเหลย ใบหน้าเขายากจะปกปิดรอยยิ้มได้ “พ่อมาแจ้งข่าวดีกับเจ้าเป็นพิเศษ”

เอ๋าเย่อึ้งไป ในภาพจำของเขา บิดาตนเป็นมังกรที่เคร่งขรึมไม่ยิ้มมาตลอด พูดได้ว่าพันปียากจะเห็นเขายิ้มสักครั้งสองครั้ง

จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่ยิ้มเหมือนกับคนซื่อเลย

เอ๋าเย่ถามด้วยความแปลกใจ “ไม่ทราบว่าข่าวดีอะไรกันถึงทำให้ท่านพ่อมีความสุขเช่นนี้”

เอ๋าเหลยยิ้ม “เจ้ายังจำท่านป้าใหญ่เอ๋าปิงของเจ้าได้หรือไม่ นางยังไม่ตาย แค่ถูกผนึกไว้ในสนามรบบรรพกาลหมื่นปี และตอนนี้นางทะลวงผนึกออกมาได้แล้ว นิพพานเกิดใหม่ ขอแค่ให้เวลานางมากพอ ไม่นานก็จะขึ้นเป็นผู้อริยะอีกครั้ง ฟื้นฟูกลับมาในสภาพสมบูรณ์”

อะไรนะ

ท่านป้าใหญ่เอ๋าปิงยังไม่ตาย?

เอ๋าเย่กังวลตามจิตใต้สำนึก ท่านพ่อรีบร้อนฝึกฝนเกินไปจนธาตุไฟเข้าแทรกหรือไม่

แต่เมื่อตั้งใจสัมผัสกลิ่นอายพลังของเอ๋าเหลย เอ๋าเย่ก็พบว่ากลิ่นอายพลังของเขาสุขุมมั่นคง ไม่มีท่าทีธาตุไฟเข้าแทรกเลย

น่าจะ…ไม่ได้บ้าไปแล้ว…กระมัง!

“ท่านพ่อ ท่านจำได้หรือไม่ว่าท่านแม่มีนามว่าอะไร”

เพียะ!

เสียงตบกะโหลกดังขึ้น ตบเอ๋าเย่ล้มกลิ้งไปกับพื้น

เอ๋าเหลยทำเสียงหึ “ข้ายังสติดีอยู่มาก นี่เจ้ามองว่าข้าโง่รึ แม้แต่พ่อเจ้ายังสงสัยรึ”

เป็นความรู้สึกคุ้นเคย ความรักจากบิดาที่คุ้นเคย

เอ๋าเย่คลึงซาลาเปาบนศีรษะ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความดีใจ

ท่านพ่อไม่ได้บ้า หรือก็คือข่าวนี้เป็นความจริง ท่านป้าใหญ่ยังไม่ตายจริงๆ

ความดีใจรุนแรงพลันตีขึ้นมาในใจเอ๋าเย่ ทำให้เขารู้สึกว่าแรงกดดันบนบ่าเบาลงไปหลายเท่า

ต้องรู้ว่าสำหรับเผ่ามังกรดำทะเลเหนือแล้ว คำว่าราชามังกรดำไม่ได้หมายถึงพลังและอำนาจเท่านั้น แต่ยังหมายถึงภาระหน้าที่

มีเพียงกำราบเผ่าปีศาจทั้งหมดของทะเลเหนือได้อย่างแท้จริง และยังมีอำนาจคุกคามต่ออีกสี่ดินแดนได้เท่านั้นถึงจะขึ้นเป็นราชาได้

แต่การนั่งบนตำแหน่งราชานี้ต้องทุ่มกำลังเผชิญหน้ากับอำนาจคุกคามจากสี่ทิศ ตรึกตรองถึงศัตรูทุกคนที่อาจจะคุกคามถึงเผ่ามังกรดำ

สารภาพตามตรง เอ๋าเย่มีแรงกดดันสูงมาก ดึกดื่นนอนหลับยากทุกคืน แม้แต่เส้นผมยังร่วงไปเยอะมาก

ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าท่านป้าใหญ่เอ๋าปิงยังไม่ตาย เอ๋าเย่ก็เหมือนกับเด็กน้อยไร้ที่พึ่งที่หาเสาเอกพบ จึงดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทั้งตัวมังกร

ถึงอย่างไรเขาก็ได้ฟังเรื่องเล่าตำนานของท่านป้าใหญ่เอ๋าปิงมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่

“ท่านพ่อ ตอนนี้ท่านป้าใหญ่เอ๋าปิงอยู่ที่ใด ลูกจะพาเหล่าผู้อาวุโสไปรับนางกลับมาด้วยตัวเอง”

เอ๋าเหลยพูดเสียงเฉยชา “ไม่ต้อง ตอนนี้พี่หญิงใหญ่เจอเจ้าหนูเผ่ามนุษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ทำสัญญาเทพมังกรไปแล้ว นางส่งพลังจิตมาให้ข้า บอกว่าอยู่ในสนามรบโบราณอึดอัดมานานมาก เลยยังไม่อยากกลับเกาะมังกรดำตอนนี้ อยากจะเที่ยวเล่นในเผ่ามนุษย์ก่อน”

เอ๋าเย่อึ้งไปเล็กน้อย “ท่านป้าใหญ่เอ๋าปิงทำสัญญาเทพมังกรกับเผ่ามนุษย์หรือ นะ…นี่มันได้ที่ไหนกัน!”

ถึงพันธมิตรทุกรุ่นจะมาจากการทำสัญญากับชนรุ่นหลังที่เป็นแกนหลักของเผ่ามังกรกันอยู่แล้ว แต่เอ๋าปิงเป็นใคร นั่นคือธิดาสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในหมื่นปีมานี้ของเผ่ามังกรดำ จะมีใครในเผ่ามนุษย์คู่ควรกับนาง

เอ๋าเหลยพูดด้วยความจำใจ “นางบอกว่าเผ่ามนุษย์คนนี้คือบุตรศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ มีพรสวรรค์บำเพ็ญเซียนแกร่งกว่านาง อีกทั้งยังหน้าตาหล่อเหลายิ่ง พี่หญิงใหญ่เชื่อว่าการทำสัญญาเทพมังกรกับบุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้ ปกป้องให้เขาเติบใหญ่ขึ้น ภายภาคหน้าจะมีโอกาสสูงที่จะสำเร็จเป็นมหาจักรพรรดิ ถึงตอนนั้นทั้งเผ่ามังกรดำเราจะรุ่งโรจน์ตามไปด้วยเช่นกัน”

ภายในใจเอ๋าเหลยไม่เชื่อเรื่อง ‘บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีพรสวรรค์แกร่งกว่านาง’ อย่างที่พี่หญิงบอกเลยสักนิด

ตลกแล้ว เอ๋าปิงมีพรสวรรค์เป็นอย่างไร

นับโอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์ทั้งหมดตลอดหมื่นปีมานี้ มีคนที่มีพรสวรรค์เทียบเท่านางไม่เกินสามคน

อีกทั้งพรสวรรค์ของพวกเขาก็แค่สูสีกับเอ๋าปิง คนที่อยู่เหนือกว่าเอ๋าปิงอย่างแท้จริงมีเพียงจักรพรรดิฮวงสือเท่านั้น

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ใดคนนี้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม เจ้าจะบอกข้าว่าเขามีพรสวรรค์แกร่งกว่าพี่หญิงรึ ล้อข้าเล่นเถอะ!

ในมุมมองของเอ๋าเหลย ที่พี่หญิงตนทำสัญญาเทพมังกรกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ หัวใจสำคัญคงจะเป็นคำว่า ‘หน้าตาหล่อเหลายิ่ง’ มากกว่า

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นน้องรอง เอ๋าเหลยเติบโตมาพร้อมกับเอ๋าปิง รู้ดีว่าพี่สาวตนเป็นพวกหลงแต่รูปภายนอก

อึดอัดในสนามรบโบราณมาหมื่นปี หากได้หนุ่มน้อยเผ่ามนุษย์ที่หน้าตาหล่อเหลายิ่งช่วยไว้จริงๆ จนทำสัญญาเทพมังกรด้วยความลุ่มหลง นี่ก็เป็นเรื่องปกติ

เอ๋าเย่พูดด้วยความจนปัญญา “เช่นนั้นท่านพ่อ เราจะปล่อยให้ท่านป้าเอ๋าปิงอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ”

หากนิพพานเกิดใหม่ เกรงว่าท่านป้าเอ๋าปิงตอนนี้คงจะมีระดับพลังไม่ได้สูงมากกระมัง!

หากเจออันตรายจะไม่แย่เอาหรือ

เอ๋าเหลยพูด “เกาะมังกรดำตอนนี้ นอกจากบรรพบุรุษที่อายุขัยหมดสิ้นเข้าสู่ห้วงหลับใหลพวกนั้นแล้ว ศักดิ์ของพี่หญิงใหญ่สูงสุดแล้ว พี่หญิงใหญ่ยังไม่อยากกลับเกาะมังกร พวกเราก็จะบังคับนางไม่ได้ เพียงแต่ต้องรับรองความปลอดภัยของนางจริงๆ

เอาอย่างนี้แล้วกัน! เจ้าไปแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไปเป็นองครักษ์เทพมังกรให้กับพี่หญิงใหญ่ จำไว้ให้ดีว่าจะต้องรับรองความปลอดภัยของพี่หญิงใหญ่ให้ดีที่สุด!

หากพี่หญิงใหญ่ผมหายไปสักเส้น เจ้าก็มารับโทษกับพ่อที่ภูเขาไฟอัคคีแดงแล้วกัน!”

เอ๋าเย่ตัวสั่นเบาๆ “ขอให้ท่านพ่อวางใจ ลูกจะไปเดี๋ยวนี้!”

กรรซ~!

เสียงคำรามดังขึ้น เอ๋าเย่กลายเป็นมังกรแท้จริง

มังกรดำพุ่งออกจากทะเลเหนือไปพร้อมกับคลื่นลมหมื่นจั้ง ฟ้าดินเปลี่ยนไปทั้งหมด!

…….

ข้ามเรื่องชนชั้นสูงเกาะมังกรดำทะเลเหนือที่ตอนนี้สั่นสะเทือนเพราะเอ๋าปิงปรากฏตัวในห้าดินแดนไปก่อน

ใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ฉีเซ่าเสวียนกลับมาเป็นจุดเด่นของทุกคนอีกครั้ง แม้เขาจะไม่อยากมากก็ตาม

เรียก ไม่เรียก เรียก ไม่เรียก เรียก หรือจะไม่เรียก

ฉีเซ่าเสวียนในไอม่วงเป็นบ้าไปแล้ว เซลล์ทุกส่วนในร่างกายกำลังพะอืดพะอม

เป็นบุรุษด้อยกว่า อีกฝ่ายจะฆ่าจะแกงจะทำอะไรก็ช่างเถอะ ทว่าเป็นโอรสสวรรค์เหมือนกัน เจ้าเอาศักดิ์มากดขี่กันเช่นนี้ มันจะเกินไปแล้ว!

ฉีเซ่าเสวียนมองเสิ่นเทียนจากใจจริง กระแอมเบาๆ “ได้ยินมานานว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีเอกลักษณ์เหนือธรรมดา พรสวรรค์ก้องโลก วันนี้ได้พบช่างสมคำร่ำลือจริงๆ แซ่ฉีเคยวางคำพูดใหญ่โตว่าจะ ‘หนึ่งสู้สี่’ กับทุกท่าน นั่นแซ่ฉีบุ่มบ่ามเกินไป วันนี้ต้องขออภัยทุกท่านด้วย

สี่อัจฉริยะเทพสวรรค์ พรสวรรค์ของทุกคนมากพอจะโอหังต่อดินแดนบูรพา เป็นเขตกำเนิดของอัจฉริยะจริงๆ”

สารภาพตามตรง ด้วยความโอหังของฉีเซ่าเสวียน การให้เขาฝืนใจยกย่องแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ไม่ลงรอยกันเช่นนี้ มันสร้างความลำบากให้เขามากจริงๆ

แต่เขาจะทำอะไรได้

วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้คือมองข้ามคำพูดของเอ๋าปิง เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป

น่าเสียดายที่เอ๋าปิงอ่านความคิดตรงนี้ของฉีเซ่าเสวียนออกหมด “นี่ อย่าเปลี่ยนเรื่อง รีบเรียกท่านปู่น้อย!”

ฉีเซ่าเสวียนพูดไม่ออก

ฉีเซ่าเสวียนฝืนยิ้มมองเสิ่นเทียน “เมื่อครู่แซ่ฉีประมือกับฟางฉาง จางอวิ๋นถิงกับจางอวิ๋นซีแล้ว ได้เข้าใจอะไรเยอะมาก ขอตัวกลับไปปิดด่านบำเพ็ญก่อน วันหลังจะมาเยี่ยมเยือนบุตรศักดิ์สิทธิ์ใหม่”

เมื่อเอ่ยจบ ฉีเซ่าเสวียนก็กลายเป็นไอม่วงหนีเข้าไปในรถศึกมังกรดำ คิดจะหนีไปเลย

ช่วยไม่ได้ การแบ่งรุ่นกดดันถึงตาย ไม่ถอยไม่ได้แล้ว!

พอเห็นฉีเซ่าเสวียนหนีเตลิดไป เอ๋าปิงก็เผยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าเยาว์วัย “แม้แต่คำว่าท่านย่ายังไม่เรียก ยังหน้าด้านจะขี่รถของเผ่ามังกรข้าอีกรึ”

กรรซ~

เสียงมังกรคำรามดังขึ้น ใบหน้าเอ๋าปิงเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม

ทันทีที่นางส่งเสียงคำราม มังกรดำหกตัวที่ลากรถศึกมังกรดำก็เริ่มตัวสั่น

พวกมันเหวี่ยงฉีเซ่าเสวียนลงจากรถศึก จากนั้นลากรถศึกบินมาทางเอ๋าปิงอย่างว่านอนสอนง่าย แต่ละตัวนอนหมอบตรงหน้าเอ๋าปิง

ในเผ่ามังกร มังกรดำระดับสูงมีแรงกดดันอย่างยิ่งยวดต่อมังกรดำระดับต่ำอยู่แล้ว

จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเอ๋าปิงในตอนนี้ แม้ระดับพลังจะลดลงอย่างมาก ก็ยังมีระดับพลังใกล้เคียงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดกับดวงจิตดรุณ กำลังรบกดขี่อยู่เหนือมังกรดำหกตัวอย่างสมบูรณ์

สายเลือดผนวกกับกำลังรบกดดันสองเท่า ต่อให้เอ๋าปิงให้มังกรดำสองตัวกับมังกรน้ำสี่ตัวกัดกัน เดาว่าพวกมันก็คงไม่กล้าขัดขืน

เอ๋าปิงลูบรถศึกที่องอาจไม่ธรรมดาเบาๆ พลางพูดอย่างเฉยชา “เจ้าหลานตัวน้อย รถศึกนี่น่าจะเป็นของเจ้าล่ะสิ!”

เมื่อเห็นเอ๋าปิงวางอำนาจใหญ่โต เอ๋าอูก็เลือกเชื่อฟังอย่างแน่วแน่ “หากท่านย่าชอบ ข้าก็จะให้รถศึกนี่กับท่านย่าเลย”

ฉีเซ่าเสวียนพูดไม่ออก

เอ๋าปิงเผยรอยยิ้มบนใบหน้า “ถึงระดับจะต่ำไปบ้าง มังกรน้ำลากรถก็อ่อนแอไปหน่อย แต่ดีเลวอย่างไรก็เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากเจ้าหลานชาย

ย่าจะรับไว้แล้วกัน ส่วนเจ้าหนูเผ่ามนุษย์นั่น เจ้าตกลงไหวหรือไม่ ข้าอายุหมื่นปีแล้ว ไม่พอจะเป็นย่าเจ้ารึ ไม่รู้จักมารยาท!”

พลังวิญญาณสีม่วงหมุนม้วนอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าฉีเซ่าเสียนเหมือนกับกินเด็กตาย

เอ๋าอูด้านข้างพูดกระซิบ “พี่เซ่าเสวียน เรียกเถอะ! เกาะมังกรดำตอนนี้ ท่านย่ามีศักดิ์ใหญ่สุดแล้ว หากพี่เสียมารยาทกับนาง ท่านพ่อกับท่านปู่จะต้องโมโหแน่ ถึงตอนนั้นเกิดบังคับยกเลิกสัญญาเทพมังกร เราจะเล่นด้วยกันไม่ได้แล้วนะ”

ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุกรัว เค้นออกมาจากปากหลายคำ “ทะ…ท่าน…ท่านป้า…”

เอ๋าปิงแสยะปาก “ท่านป้าอะไร ท่านย่า! เหตุใดถึงยังเอาเปรียบกันอีก! แล้วก็พูดให้มันดังๆ ข้าไม่ได้ยิน”

“ทะ…ท่านย่า!”

เสียงตะโกนจากในลำคอดังมาจากกลุ่มพลังวิญญาณสีม่วง

ท่านย่ายังพอฝืนใจเรียกได้ แต่ถ้าท่านปู่น้อยอย่าหวังเลย!

ฉีเซ่าเสวียนพลันกลายเป็นสายรุ้งสีม่วงพุ่งขึ้นฟ้าไปไกล

ภายในใจเขาไม่มีความคิดที่จะท้าทายเสิ่นเทียนอีก เพราะแค่อยู่ต่อหน้าหญิงพันธพาลนี้อีกเค่อเดียว เขาก็ใจสั่นไปหมดแล้ว

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สารชั่ว แค่เพราะไม่อยากสู้กับแซ่ฉีอย่างถูกต้อง ถึงขนาดคิดวิธีต่ำทรามเช่นนี้ได้

เขาไปขุดคนแก่หัวโบราณเช่นนี้มาจากที่ใดกัน ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!

ฉีเซ่าเสวียนไม่เคยดวงซวยขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่

ครั้งนี้ขายหน้าไปถึงบ้านแล้ว!

……

“พี่สาวปิง การนับรุ่นของท่านเอาถึงตายเลยจริงๆ”

เมื่อเห็นฉีเซ่าเสวียนที่ ‘หนีเตลิด’ ไปแล้ว เสิ่นเทียนก็มุมปากกระตุกเล็กน้อย

เอ๋าปิงเด็กสาวโลลิอายุราวห้าหกขวบ แต่เนื้อแท้ก็ยังเป็นมังกรยักษ์ชั่วร้าย!

คนอื่นเขามาท้าทายไกลถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปรากฏว่าท้าทายไปๆ มาๆ ดันมาพบว่าตนมีท่านย่าเพิ่มมาคนหนึ่งอย่างน่าประหลาด

อีกทั้งเป้าหมายที่มาท้าทายยังกลายเป็นท่านปู่น้อยของตน เรื่องเช่นนี้แค่คิดก็เป็นบ้าแล้ว

ใครว่าหัวใหญ่ต้องไร้สมอง เขาชั่วร้ายสองเขาของพี่สาวปิงไม่ส่งผลถึงสติปัญญาชัดๆ แถมยังเหมือนจะเพิ่มสติปัญญาอีกต่างหาก

แน่นอนว่าเสิ่นเทียนมีความสุขที่เอ๋าปิงใช้ฝีปากไล่ฉีเซ่าเสวียนไปได้

เหตุการณ์ที่โดนลัทธิวิญญาณร้ายหมายตาในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้เสิ่นเทียนรู้จักคำว่านกที่โผล่หัวมาจะถูกยิง การอยู่เงียบๆ ต่างหากคือราชธรรม

ตอนนี้เสิ่นเทียนมีชื่อเสียงในดินแดนบูรพามากพอแล้ว

ในบางด้านถึงขั้นสูสีกับฉีเซ่าเสวียนแล้ว

หากเขาอัดฉีเซ่าเสวียนหมอบลงไปอีก นั่นจะไม่เท่ากับเป็นโอรสสวรรค์อันดับหนึ่งของดินแดนบูรพารึ

อยู่ที่สูงคงหนีไม่พ้นความหนาวเหน็บ!

สิ่งที่เยี่ยฉิงชางกับฉู่หรงเหอประสบมาบอกเสิ่นเทียนว่าการทำตัวเด่นไม่มีจุดจบที่ดีเลย การอยู่เงียบๆ เหมือนอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะปลอดภัยที่สุด

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงพอใจกับการที่ฉีเซ่าเสวียนไม่สู้และหนีไปมาก

ได้ทั้งปกป้องเกียรติของแดนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งไม่ต้องเด่นมากเกินไป

มั่นคงขึ้นไปอีก!

………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+