บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 429 ข้ายังไม่ได้ออกแรงเลย เหตุใดเจ้าถึงแตกแล้ว
บทที่ 429 ข้ายังไม่ได้ออกแรงเลย เหตุใดเจ้าถึงแตกแล้ว
สี่อัจฉริยะเทพสวรรค์สำแดงอานุภาพเปิดยอดเขาวิญญาณสิบลูกแรก สร้างความตื่นตะลึงไปทั้งแปดทิศ
ฉีเซ่าเสวียนกับหวังเสินซวีก็ไม่ยอมล้าหลังเช่นกัน ก้าวออกมาเตรียมท้าสู้กับยอดเขาวิญญาณสิบลูกแรก!
การปรากฏตัวของสองคนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรง
ถึงอย่างไรผลการต่อสู้ของพวกเขาก็โดดเด่นยิ่งกว่าสี่อัจฉริยะเทพสวรรค์ แบ่งกันเอาชนะพวกสือหลิงกับสือขุย มากพอจะทำให้สองคนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย
“บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะออกมือแล้วรึ”
“ได้ยินว่าฉีเซ่าเสวียนมีท่วงท่าแห่งมหาจักรพรรดิ ไม่รู้ว่าจะเลือกยอดเขาใด”
“แต่ก็น่าจะไม่แย่ไปกว่ายอดเขาที่สี่อัจฉริยะเทพสวรรค์เลือกกระมัง!”
“และยังมีบุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภา สายเลือดท้องนภาแข็งแกร่งมาตลอด!”
“ดูท่าศักยภาพของบุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้คงไม่อ่อนแอไปที่ใด!”
“ใช่ ได้ยินว่าเขาเคยเอาชนะท่านผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้นได้ในพริบตาเดียว!”
…..
ฉีเซ่าเสวียนเป็นอดีตอันดับหนึ่งในรายนามแก่นพลังทองดินแดนบูรพา มีชื่อเสียงเลื่องลือไปถึงดินแดนกลางมานานแล้ว!
ก่อนหน้าที่เสิ่นเทียนจะปรากฏกาย เขาใช้พลังไร้พ่ายประกาศศักดากับรุ่นเยาว์ดินแดนบูรพา ทำให้คนมากมายเคารพยำเกรง
ทว่าหวังเสินซวีเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภารุ่นนี้ก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน และที่สำคัญกว่านั้นคือเขาเคยตัดชีวิตไปหลายร้อยปีในขณะประมือกับสือขุย เอาชนะสือขุยได้ในพริบตา
ขอไม่พูดว่าเอาชนะสือขุยได้ในกระบวนท่าเดียว แต่พลังโจมตีต้องน่ากลัวเพียงใดกัน
แค่การ ‘ประมือกระชับมิตร’ เช่นนี้ ยังกล้าตัดอายุขัยไปหลายร้อยปี…
เดาว่าทั้งห้าดินแดนคงมีไม่กี่คนที่กล้าล่วงเกิน
ถึงอย่างไรคนโหดก็กลัวมึน คนมึนกลัวคนไม่กลัวตาย!
……
กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งที่แผ่มาจากฉีเซ่าเสวียนกับหวังเสินซวีทำให้โอรสสวรรค์มากมายแอบกลัวในใจ
นั่นคือพลังของผู้แข็งแกร่งระดับหลอมรวมเทพ!
ทะลวงระดับหลอมรวมเทพได้ด้วยอายุเท่านี้ นี่คือผู้โดดเด่นสูงสุดในโอรสสวรรค์รุ่นเดียวกันของห้าดินแดน!
เหล่าโอรสสวรรค์เฝ้ารอคอยเป็นอย่างยิ่งว่ากำลังรบของสองคนจะแกร่งเพียงใด
……
หวังเสินซวีมองยอดเขาสี่ลูกแรกด้วยดวงตาร้อนแรง
ด้วยพลังบำเพ็ญและฐานะของพวกเขา ย่อมเลือกยอดเขาวิญญาณลูกที่สี่และสาม
ในยอดเขาวิญญาณสิบลูกแรกที่อ่อนแอที่สุดก็ต้องมีกำลังรบผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตอนกลางถึงจะทำลายได้แล้ว ยอดเขาวิญญาณลูกที่สี่และสามต้องมีกำลังรบของจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์สวรรค์!
ส่วนยอดเขาวิญญาณลูกที่สองกับหนึ่งน่ากลัวยิ่งกว่า ต้องมีกำลังรบระดับผู้อริยะถึงทำลายได้
ยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งกับสองย่อมไม่อยู่ในขอบเขตการใคร่ครวญของสองคน แม้พวกเขาจะท้าสู้ข้ามขั้นได้ แต่ก็ไม่คิดว่าตนจะมีกำลังรบท้าสู้ระดับอริยะได้
หวังเสินซวีมองยอดเขาวิญญาณตั้งตระหง่านตรงหน้าพลางเผยรอยยิ้ม “ฉีเซ่าเสวียน เจ้ากล้าประชันกับข้าหรือไม่”
หวังเสินซวีเลิกคิ้วขึ้น ยั่วยุฉีเซ่าเสวียน
หลังจากทะลวงระดับหลอมรวมเทพ หวังเสินซวีมีอายุขัยเพิ่มมากขึ้น ส่วนลึกในใจพองโตยิ่งกว่าเดิม
เขาอยากชิงฉายาอันดับหนึ่งใต้ฟ้ากับฉีเซ่าเสวียนมานานแล้ว
แต่ก็จนปัญญาเพราะฉีเซ่าเสวียนก็มีกำลังรบไม่ธรรมดา หากสู้กับเขาจะต้องสู้สุดชีวิตกันนานมาก ไม่รู้ว่าจะเสียอายุขัยไปกี่ปี!
ดังนั้นเขาจึงอยากประชันกับฉีเซ่าเสวียนด้วยวิธีอื่นอย่างแท้จริง
ฉีเซ่าเสวียนดวงตาวาววับ ก่อนเอ่ยอย่างเฉยชา “ไฉนจะไม่กล้าล่ะ”
หวังเสินซวีมีศักยภาพไม่ธรรมดา ซึ่งฉีเซ่าเสวียนคิดว่าเป็นศัตรูที่แกร่งที่สุดในการชิงอันดับหนึ่งใต้ฟ้า
ฉีเซ่าเสวียนมีจิตใจโอหังมาตลอด คิดว่าตนไม่อ่อนแอกว่าใครใต้เสิ่นเทียน!
เขาย่อมไม่ปฏิเสธการท้าสู้ของหวังเสินซวี!
หวังเสินซวียกมุมปากเล็กน้อย ก่อนพูดหัวเราะอย่างสนุกสนาน “ดีมาก เช่นนั้นแซ่หวังขอไปก่อนละ”
เมื่อเอ่ยจบเขาก็เหยียบอากาศ พุ่งไปยอดเขาวิญญาณลูกที่สามก่อน
“คิกๆ ฉีเซ่าเสวียนเจ้าโง่กระมัง แซ่หวังโจมตียอดเขาวิญญาณลูกที่สามได้เมื่อไร เจ้าก็แพ้แล้ว!”
หวังเสินซวีมีความคิดชัดเจนมาก
ยอดเขาวิญญาณลูกที่สามกับสี่มีความยากไม่ต่างกันมาก ต้องมีกำลังรบของจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์สวรรค์ถึงจะเปิดได้ ขอแค่เขาเปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่สามได้ก็จะอยู่เหนือกว่าฉีเซ่าเสวียน
ถึงอย่างไรที่สามก็เจ๋งกว่าที่สี่!
หากเขาเปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่สามได้จะต้องได้โอ้อวดครั้งใหญ่!
ฉีเซ่าเสวียนหน้าไม่เปลี่ยนสีไป แค่เอ่ยนิ่งๆ “รอเจ้าเปิดได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ!”
หวังเสินซวีตะโกนเสียงดัง “ดูให้ดี แซ่หวังโจมตีภูเขานี้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!”
เมื่อพูดจบหวังเสินซวีก็เปล่งแสงเทพในกาย พลังแห่งมิติไหลหลาก รวมเป็นดาบยาวมิติยักษ์!
พริบตานั้น ดาบยาวลากผ่านออกไปและฉีกห้วงอากาศ แทงใส่ยอดเขาวิญญาณลูกที่สาม!
ชิ้ง!
ดาบมิติฟันใส่ผนังหินยอดเขาวิญญาณลูกที่สาม ก่อเกิดแสงเรืองรองไม่มีสิ้นสุด
กฎเกณฑ์สีสันหลากสีพุ่งออกเหมือนคลื่น บดบังฟ้าบังดวงตะวัน!
หมอกวนเวียนหนาทึบบนยอดเขาวิญญาณลูกที่สาม ลำดับกฎเกณฑ์เชื่อมต่อฟ้าดิน ผนึกมากมายพุ่งขึ้นฟ้า!
ดาบแห่งมิติแหลมคม ฉีกผนึกเป็นรูใหญ่
“ฉีเซ่าเสวียน เห็นหรือไม่! ไม่นานแซ่หวังก็จะทำลายผนึกได้!”
หวังเสินซวีพกความมั่นใจมาเต็ม มั่นใจว่ายอดเขาวิญญาณลูกที่สามขวางตนไม่ได้แน่!
ทว่าภาพต่อมากลับทำให้เขาโกรธจนกระทืบเท้า
พบว่ารูที่ถูกฟันแตกบนยอดเขาวิญญาณลูกที่สามกลับยังมีผนึกวนเวียนอยู่ชั้นหนึ่ง ทั้งยังมีพลังกฎเกณฑ์ไหลเวียนไม่ขาดสาย ฟื้นฟูรอยแยก
“ระยำ ข้าพลาดอะไรไปหรือไม่ เล่นเช่นนี้ได้ด้วยรึ”
หวังเสินซวีเบิกตาโต ผนึกบ้านี่ฟื้นฟูตัวเองได้ด้วยรึ
ผนึกยอดเขาวิญญาณลูกที่สามวนเวียน ไม่นานก็คืนสภาพรอยแยกนั้นกลับมาเป็นดังเดิม!
ดาบแห่งมิติ!
กระบี่แห่งมิติ!
ตัดมิติ!
หวังเสินซวีรีบออกกระบวนท่าสังหารจำนวนมาก อยากจะใช้การโจมตีรุนแรงเปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่สาม!
ทว่าต่อให้เขาทุ่มสุดความสามารถก็ยังห่างจากการทำลายผนึกอีกไม่น้อย!
นอกจากนี้ ฉีเซ่าเสวียนยังเดินเข้ามา เริ่มใช้บุคลิกองอาจห้าวหาญโจมตียอดเขาวิญญาณลูกที่สี่!
ก่อนจะเห็นเขาถือง้าวมังกรสวรรค์ ไอม่วงพวยพุ่งข้างหลัง รวมเป็นปรากฏการณ์มังกรม่วงคำรามจักรวาล!
เขาพลันกวัดแกว่งง้าวมังกรสวรรค์ ฟันเป็นประกายทวนน่าสะพรึง พลังอำนาจสะท้านฟ้า
ในไม่กี่กระบวนท่า ยอดเขาวิญญาณลูกที่สี่ถูกทำลายเป็นรอยแตกร้าว
ยอดเขาวิญญาณมีกฎเกณฑ์วนเวียนเช่นกัน ฟื้นฟูรอยแตกร้าวเรื่อยๆ หมายจะต้านไว้ ทว่าความเร็วในการฟื้นฟูช้ากว่ายอดเขาวิญญาณลูกที่สามไม่น้อย
ประกายคมของง้าวมังกรสวรรค์แหลมคม ขณะกวัดแกว่งประกายทวน ยังต่อต้านพลังของผนึกไปเรื่อยๆ
ฉีเซ่าเสวียนออกมืออย่างทรงพลัง ไอม่วงภูผานทีสามสิบสามชั้นส่องสะท้อนฟ้าดิน ง้าวมังกรสั่นสะเทือนและขยับแสงแปดทิศ ฟันลงอย่างดุดัน
แสงเทพสว่างวูบไหว กลายเป็นมังกรเทพไอม่วงฟันใส่ยอดเขาวิญญาณลูกที่สี่
พลังเทพไม่มีสิ้นสุดถาโถมออกมาทำลายผนึกของยอดเขาวิญญาณลูกที่สี่
เดิมทีฉีเซ่าเสวียนมีกำลังรบไม่ธรรมดาอยู่แล้ว หลังใช้โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า คุณสมบัติกายยิ่งเกิดการผลัดเปลี่ยน เหนือกว่าขีดจำกัด!
เขาออกมืออย่างเต็มที่ ระเบิดอานุภาพไม่ด้อยไปกว่าการโจมตีเต็มที่ของจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์สวรรค์!
ต่อให้ยอดเขาวิญญาณลูกที่สี่จะเต็มไปด้วยผนึกก็ยืนหยัดได้ไม่นาน ถูกพลังแก่กล้าของฉีเซ่าเสวียนทำลายลง
เมื่อเห็นภาพนี้ โอรสสวรรค์มากมายเผยแววตาตื่นตกใจ
“สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ไม่อยากเชื่อว่าจะใช้สามสิบหกกระบวนท่าก็เปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่สี่ได้!”
“กำลังรบเช่นนี้ พวกเราห่างชั้นเทียบไม่ได้เลย!”
“สมกับเป็นอดีตโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในดินแดนบูรพา ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
…..
จากนั้นเหล่าโอรสสวรรค์ก็เบนสายตาไปที่หวังเสินซวี
“แต่ว่าทางบุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภา เหตุใดยังเปิดไม่ได้อีก”
“เหมือนว่าก่อนหน้านี้ข้าจะได้ยินบุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาบอกว่าทำลายยอดเขาวิญญาณที่สามง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือไม่ใช่รึ หรือว่าจะฟังผิดไป”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาดูจะอ่อนแอไปหน่อยนะ โจมตีใส่ตั้งนานแล้วยังไม่เป็นผลอะไรมากเลย”
“เป็นโอรสสวรรค์ระดับหลอมรวมเทพตอนต้นเหมือนกัน เหตุใดถึงต่างกันมากขนาดนี้”
…..
หวังเสินซวีมีสีหน้าร้อนใจ ก่อนพูดพึมพำ “เยื่อชั้นนี้ทะลวงยากชะมัดเลย! ขืนยังทำลายไม่ได้อีก แซ่หวังได้ขายหน้าไปถึงบ้านแน่”
ยอดเขาวิญญาณลูกที่สามกับสี่ แม้จะต้องใช้กำลังรบจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์สวรรค์ถึงจะทำลายได้ แต่ผนึกของยอดเขาวิญญาณลูกที่สามก็ยังแกร่งกว่ายอดเขาวิญญาณลูกที่สี่เล็กน้อย อีกทั้งพลังฟื้นฟูยังแกร่งกว่า
การโจมตีปกติพอจะบดไปได้ แต่ต้องใช้เวลานานมาก
“บ้าจริง อย่างมากก็กลับไปเรียนแบบเต่าดำต่อแล้วกัน! ยอดเขาวิญญาณสุนัข เจ้ารับกระบวนท่าของข้าเถอะ!”
ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ชื่อเสียงได้เหม็นโฉ่ไปหมดแน่!
มิหนำซ้ำฉีเซ่าเสวียนยังทำสำเร็จแล้ว กำลังกอดอกรอดูอยู่
หวังเสินซวีไม่อยากเสียเวลา ต่อให้ต้องตัดชีวิตก็ต้องเปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่สามให้ได้!
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็ออกมือทันที เผาอายุขัยหกร้อยปีรวมเป็นหัตถ์ยักษ์มิติ ก่อนจะตบใส่ยอดเขาวิญญาณลูกที่สามอย่างฉับพลัน
การโจมตีเผาชีวิตไม่เหมือนกัน
เมื่อฝ่ามือยิ่งใหญ่กดลงมา กฎเกณฑ์ยอดเขาวิญญาณลูกที่สามพลันแตกกระจาย
ยอดเขาวิญญาณใหญ่ปรากฏในฟ้าดิน พลังวิญญาณไม่มีสิ้นสุดละลายเป็นกระแสคลื่นหลั่งทะลักออกไปรอบๆ
ยอดเขาวิญญาณลูกที่สาม…เปิด!
ในที่สุดก็เปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่สามได้ หวังเสินซวีมีใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เขามองฉีเซ่าเสวียนด้วยความลำพองใจ รูจมูกแหงนขึ้นฟ้า “ฉีเซ่าเสวียนเจ้าเห็นแล้วหรือไม่ เปิดได้ในฝ่ามือเดียว สุดหรือไม่”
ฉีเซ่าเสวียนชำเลืองตามองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะพ่นหลายคำออกมาอย่างเย็นชา “หกร้อยปี!”
หวังเสินซวีมุมปากกระตุก อดเกิดความทุกข์ขึ้นในใจมิได้
ครั้งนี้ขาดทุนยับ เสียไปหกร้อยปีเต็มๆ!
แต่ตัดชีวิตไปแล้ว จะไม่โอ้อวดได้อย่างไร
เขายืดอกขึ้นพูดเยาะเย้ย เอ่ยปากแข็งว่า “ยอดเขาวิญญาณข้ามีอันดับสูงกว่าเจ้า”
“เจ้าตัดอายุขัยไปหกร้อยปี!”
“ยอดเขาวิญญาณข้ามีพลังวิญญาณเข้มข้นว่ายอดเขาวิญญาณของเจ้า!”
“เจ้าตัดอายุขัยไปหกร้อยปี!”
หวังเสินซวีอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา “ไม่พูดถึงหกร้อยปีไม่ได้รึ”
ฉีเซ่าเสวียนมีใบหน้าไร้อารมณ์ “เจ้าตัดอายุขัยมากกว่าห้าร้อยปีไปหนึ่งร้อยปี”
หวังเสินซวีไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว
…….
เหล่าโอรสสวรรค์มองหวังเสินซวีที่ยืนบนยอดเขาวิญญาณลูกที่สามอย่างโอหัง มุมปากถึงกับกระตุกขึ้นมา
เจ้านี่เป็นคนโหดมาก ตัดชีวิตเหมือนกับของเล่นเลย!
ล่วงเกินไม่ได้ ภายภาคหน้าต้องห่างเจ้านี่ไว้หน่อย ถึงอย่างไรจู่ๆ ก็ตัดชีวิตโจมตี ใครจะต้านไหวกัน!
เสิ่นเทียนมองหวังเสินซวีพลางรู้สึกปวดไข่นิดๆ เช่นกัน
เจ้าเด็กนี่สิ้นเปลืองจริงๆ แล้วเมื่อไรถึงจะเติมอายุขัยเต็ม
มาถึงสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยสองวันก็ตัดอายุขัยไปพันกว่าปีแล้ว ตัดชีวิตเช่นนี้ เป็นเต่าหมื่นปีก็ไม่พอให้เผา!
หรือว่าการตัดชีวิตจะน่าเสพติดเหมือนเรื่องนั้นกัน
เสิ่นเทียนเห็นใบหน้าขาวซีด ขอบตาดำของหวังเสินซวีแล้วพยักหน้าเล็กน้อย
มิน่าเจ้านี่ถึงถูกเรียกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภา!
สัมผัสสิ่งนี้มาหลายครั้ง เสียกำลังวังชาอย่างหนัก จะไม่อ่อนแรงได้อย่างไร
…….
“ในโอรสสวรรค์สูงสุดของดินแดนบูรพา น่าจะเหลือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ยังไม่ออกมือแล้ว!”
“ไม่รู้ว่าเขาจะท้าสู้กับยอดเขาวิญญาณลูกใด”
“อย่างไรก็ไม่แย่ไปกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภากระมัง!”
“พวกเจ้าว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะโจมตียอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งหรือไม่”
“อันตรายไปหน่อยกระมัง! ถึงอย่างไรนั่นก็คือระดับอริยะแท้นะ!”
เหล่าโอรสสวรรค์เข้าสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยได้ มีใครบ้างไม่ใช่ผู้โดดเด่นในรุ่นเยาว์
แต่หลังจากพวกเขาพบพวกเสิ่นเทียนถึงรู้ว่าความต่างของศักยภาพห่างกันเหมือนเมฆและดินเลน
ตอนนี้ทุกคนต่างแปลกใจขึ้นมา
เสิ่นเทียนจะแสดงผลงานน่าตกใจเพียงใดตรงหน้ายอดเขาวิญญาณสามสิบหกลูกนี้!
ตอนนี้ กระทั่งผู้อาวุโสซูยังเกิดความแปลกใจนิดๆ
ถึงอย่างไรเจ้าเด็กนี่ก็เป็นที่สนใจของจักรพรรดิ!
…..
ในยอดเขาวิญญาณสิบลูกแรกตอนนี้ เหลือเพียงสองลูกแรกกับสองลูกสุดท้าย!
ด้วยบารมีของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จะต้องไม่เลือกยอดเขาวิญญาณสองลูกสุดท้ายแน่นอน!
เช่นนั้นก็เหลือเป้าหมายลูกที่หนึ่งกับสอง!
ทว่ายอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งกับสองไม่ได้จะทำลายกันได้ง่ายๆ
การจะเปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่สองต้องมีกำลังรบของผู้อริยะเคราะห์แรก!
ห้าพันปีมานี้ ในสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยมีศิษย์ใหม่สามคนที่ทำได้
สามคนนั้นเป็นการคงอยู่ระดับสุดยอด เติบใหญ่เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคปกครองหนึ่งดินแดนไปนานแล้ว!
ทว่ายอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งยากยิ่งกว่า ต้องมีกำลังรบของอริยะแท้สี่ด่านเคราะห์ถึงทำลายได้
ตั้งแต่ก่อตั้งสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยมายังไม่มีใครสร้างสถิตินี้ได้!
ไม่รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ผู้มีพรสวรรค์อัศจรรย์คนนั้นจะท้าสู้กับยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งสำเร็จหรือไม่ หรือบางทีเขาอาจมีเพียงชื่อเสียงจอมปลอม ทำลายยอดเขาวิญญาณลูกที่สองไม่ได้ด้วยซ้ำ!
ตอนนี้ เสิ่นเทียนเป็นที่จับตามองของทุกคน!
…….
เมื่อสัมผัสได้ถึงแววตาเร่าร้อนจากรอบทิศ เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย
เดิมทีเขาแค่อยากฟาร์มไปเงียบๆ เก็บเกี่ยวกุยช่ายไปเงียบๆ ไม่นึกเลยว่าในสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
อีกทั้งพี่น้องกุยช่ายข้างกายยังคุยโม้ให้ข้ากันหมด
เฮ้อ อยากอยู่เงียบๆ คงไม่ได้แล้วจริงๆ
ดีที่ยอดเขาวิญญาณพวกนี้มีผลประโยชน์ไม่ธรรมดา เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์บำเพ็ญ
ทำลายผนึกพวกนี้ได้ยังมีแต้มศึกษาและรางวัลสมบัติล้ำค่า ถือว่าเป็นการปลอบใจ
รอเดี๋ยว!
เสิ่นเทียนครุ่นคิดก่อนจะตาเป็นประกายขึ้นมา
หากอยากซ่อนตัว ตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีไม่ใช่รึ
ขอแค่แสดงชั้นสูง รางวัลตุ๊กตาทองออสการ์ยังไม่มีค่าให้เอ่ยถึงละก็ จะหลอกเจ้าเด็กน้อยพวกนี้ไม่ได้ได้อย่างไร
อืม เอาตามนี้!
……
เสิ่นเทียนตัดสินใจอยู่ข้างใน ก่อนเดินไปยังยอดเขาวิญญาณลูกที่สอง
เป็นอย่างที่คิดไว้ เมื่อเห็นเสิ่นเทียนเคลื่อนไหว ทุกคนก็เพ่งสมาธิมองมา
“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ขยับแล้ว!”
“เขาเลือกยอดเขาวิญญาณลูกที่สอง ไม่เลือกลูกที่หนึ่งรึ”
“ก็จริง ยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งยากเกินไป ท้าสู้ยอดเขาวิญญาณลูกที่สองสำเร็จก็ไม่ธรรมดาแล้ว”
“ทุกคนเดาสิว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะใช้กี่กระบวนท่าเปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่สอง”
เสิ่นเทียนมีชื่อเสียงเลื่องลือห้าดินแดนมานานนม กระทั่งถูกเล่าลือว่าเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ยอดมรรค สู้กับผู้อริยะได้!
ทุกคนมองว่าเสิ่นเทียนจะเปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่สองน่าจะไม่ยาก!
แต่ผู้อริยะก็มีแข็งแกร่งและอ่อนแอเช่นกัน
กำลังรบของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะเทียบได้กับผู้อริยะกี่ด่านเคราะห์กัน
เหล่าโอรสสวรรค์ต่างเฝ้ารอคอยบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ออกมือ
พวกเขาแปลกใจมาก!
เสิ่นเทียนยิ้มพลางเดินไปอยู่หน้ายอดเขาวิญญาณลูกที่สอง
เมื่อแสงสีม่วงขยับวูบวาบ ก็ปรากฏค้อนใหญ่สีม่วงในมือเขา
เสิ่นเทียนพูดเบาๆ “ทุบร้อยแปดสิบค้อนแล้วฝืนจะทำลายยอดเขาวิญญาณลูกที่สองได้ น่าจะไม่เด่นแล้ว!”
ทุกคนรู้ว่าข้ามีกำลังรบระดับอริยะ แสดงปลอมเกินไปต้องไม่มีคนเชื่อแน่
เช่นนั้นก็แสร้งเทียบเท่าผู้อริยะเคราะห์แรก แบบนี้น่าจะทำให้คนเชื่อกระมัง!
เสิ่นเทียนมีใจปิดบัง กระทั่งไม่นำค้อนเทพกำราบสมุทรออกมา
กลัวว่าจะโจมตีแรงเกินไป เดี๋ยวจะทำคนอื่นตกใจ
เขาควงค้อนนภาม่วงสะท้านฟ้าพุ่งเข้าไป ก่อนจะทุบใส่ยอดเขาวิญญาณลูกที่สองอย่างแรง
ค้อนนภาม่วงสะท้านฟ้ายิงแสงเทพออกไป อานุภาพสั่นไหวไม่แน่นอน พลังเหมือนกับคลื่นลูกใหญ่สะท้านฟ้า
แต่ความจริง เสิ่นเทียนเพียงแค่สำแดงพลังส่วนเล็กเท่านั้น!
อาจจะพูดได้ว่า…กระจิริด~
ตึง!
ตึง!
ตึง!
ทุกการโจมตีจะทำให้ผนึกยอดเขาวิญญาณลูกที่สองสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง กฎเกณฑ์สั่นไหว ทว่าผนึกของยอดเขาวิญญาณลูกที่สองก็ทนทานมาก ทำลายไม่ได้เลย
อานุภาพเทพถาโถมเข้ามาทำให้โอรสสวรรค์มากมายตื่นตะลึง
“สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไม่อยากเชื่อว่าจะทำให้ผนึกยอดเขาวิญญาณลูกที่สองเป็นเช่นนี้ได้!”
“เห็นทีว่าอีกไม่นานก็คงเปิดผนึกได้อย่างเป็นทางการ!”
“ข้าว่านะ กำลังรบของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เทียบได้กับผู้อริยะเคราะห์แรกแล้ว!”
“ใช่ๆๆ ต่อให้ไม่ชนะ ก็คงไม่แพ้!”
แม้เสิ่นเทียนจะใช้ศักยภาพไปเพียงนิดเดียว แต่ก็ยังทำให้โอรสสวรรค์มากมายตื่นตกใจและยอมศิโรราบ
ถึงอย่างไรก็สั่นสะเทือนยอดเขาวิญญาณลูกที่สองได้ ซึ่งตอนนี้มีเพียงเขาคนเดียวที่สั่นผนึกระดับอริยะได้ ในสายตาคนหนุ่มพวกนี้ นี่ถือว่ายอดสุดแล้ว
ส่วนผู้สูงศักดิ์สวรรค์ข้ามขั้นไปสู้กับอริยะแท้ กระทั่งดวงจิตดรุณข้ามขั้นไปสู้อริยะแท้…
ขออภัย พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด!
…….
“การแสดงของข้าไร้พ่ายจริงๆ ไม่ไปเล่นหนังถือว่าเสียของเลยจริงๆ!”
เสิ่นเทียนหูตั้งฟังคำพูดของโอรสสวรรค์พวกนั้นเกี่ยวกับตนพลางยกมุมปาก
เหอะๆ เทียบได้กับผู้อริยะเคราะห์แรกรึ
ดีมาก ต้องการข่าวลือเช่นนี้แหละ
กำลังรบของข้าเทียบเท่าผู้อริยะเคราะห์แรกเท่านั้น
ใครบอกว่าข้าทุบค้อนเดียวอริยะแท้หกด่านเคราะห์ปลิวไปได้ และยังมีทุบค้อนเดียวสังหารอริยะแท้อะไรนั่นอีก ทุกอย่างเป็นข่าวลือ ข่าวลือ!
ดูท่าในที่สุดหัวข้อสนทนาก็จะค่อยๆ ย้อนกลับมาแล้ว เสิ่นเทียนรู้สึกตื่นเต้นในใจ
พอตื่นเต้นขึ้นมา…พลังของค้อนในมือก็เพิ่มขึ้นมา ‘เล็กน้อย’
อืม แค่เล็กน้อยเท่านั้น
จากนั้นผนึกของยอดเขาวิญญาณลูกที่สองพลันแตกกระจาย กลายเป็นเศษเต็มฟ้า!
แสงเทพทำลายล้างผนึก ประตูยอดเขาวิญญาณลูกที่สองเปิดออก
ตอนนี้เงียบเป็นเป่าสาก!
……
เหล่าโอรสสวรรค์อดกลืนน้ำลายมิได้ “ทะ…ทำลายได้แล้วรึ”
“ใช้เพียงเจ็ดค้อนก็ทุบแตก และยังใช้อาวุธวิญญาณระดับสูงสุดอีก”
“เหตุใดข้ารู้สึกว่าหกค้อนแรกไม่มีผลอะไรเลย แต่ค้อนสุดท้ายคือกุญแจสำคัญล่ะ”
“ข้าก็รู้สึกว่าค้อนสุดท้ายนั่นโหดมาก ค้อนเดียวแกร่งกว่าหกค้อน!”
“พวกเจ้าว่าค้อนสุดท้ายนั่นจะเป็นศักยภาพแท้จริงของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หรือไม่”
“ซี้ด ถ้าเป็นเช่นนั้น ศักยภาพของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์…”
ทุกคนต่างตกใจจนอึ้งไปแล้ว
พวกเขารู้ว่าเสิ่นเทียนมีกำลังรบไม่ธรรมดา แต่ไม่นึกว่าจะน่ากลัวขนาดนี้
ต้องรู้ว่าตอนที่ฉีเซ่าเสวียนโจมตียอดเขาวิญญาณลูกที่สี่ยังใช้สามสิบหกกระบวนท่าถึงทำลายได้
ตอนนี้เสิ่นเทียนใช้เจ็ดค้อนเปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่สอง เทียบได้กับผู้อริยะเคราะห์แรก!
ทว่าค้อนสุดท้าย ศักยภาพกลับแกร่งขึ้นหลายเท่าอย่างชัดเจน!
ซี้ด!
น่ากลัวยิ่งนัก!
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นๆ เฮือกหนึ่ง
และที่ไร้สาระที่สุดคืออาวุธของเสิ่นเทียนเป็นเพียงค้อนนภาม่วงสะท้านฟ้า!
นี่คืออาวุธวิญญาณระดับสูงสุด ไม่นับว่าเป็นอาวุธอริยะระดับล่างด้วยซ้ำ
ใช้อาวุธวิญญาณระดับสูงสุดก็เปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่สองได้หรือ
เช่นนั้นหากใช้อาวุธอริยะระดับสูงสุด ยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งจะไม่ถูกเปิดเลยรึ
ดังนั้น การใช้ค้อนทุบอริยะแท้ปลิวก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้กระมัง!
บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือผู้สูงศักดิ์สวรรค์ยอดมรรคจริงๆ ครั้งนี้นอนตายตาหลับแล้ว!
ทุกคนต่างยอมสยบต่อศักยภาพที่เสิ่นเทียนแสดงออกมา แต่เสิ่นเทียนกลับสงสัยในชีวิตแล้ว
เขามองยอดเขาวิญญาณลูกที่สองที่เปิดประตูออกด้วยความมึนงงนิดๆ
เกิดอะไรขึ้น
เมื่อครู่ยังดีอยู่ไม่ใช่รึ พอไม่ระวังเพิ่มแรงไปนิดเดียว เหตุใดถึงแตกแล้ว
โอ้ จักรพรรดิฮวงสือของข้า!
นี่คงไม่ใช่ภูเขาคุณภาพต่ำหรอกกระมัง!
ขอสาบานต่อฟ้าเลยว่าข้าไม่ได้ออกแรงเยอะเลยจริงๆ!
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาเลื่อมใสที่มองมาจากแปดทิศแล้ว เสิ่นเทียนรู้สึกขนหัวลุกขึ้นมา
ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ลดอำนาจอิทธิพลลง แต่ยังเหมือนจะมีชื่อเสียงมากกว่าเดิมอีก
…..
เฮ้อ!
จนปัญญายิ่งนัก~
ข้ามีใจอยากอยู่เงียบๆ แต่ศักยภาพไม่อนุญาต
ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี
กรุณารอสายสักครู่ มีธุระด่วน!
………………..
Comments