บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 372 โปรดสัตว์วิญญาณอาฆาต อีกาดำลึกลับ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 372 โปรดสัตว์วิญญาณอาฆาต อีกาดำลึกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 372 โปรดสัตว์วิญญาณอาฆาต อีกาดำลึกลับ

นักพรตอ้วนเยวี่ยอวิ๋นเต๋อเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นหนึ่งในช่วงพันปีมานี้ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ และเป็นศิษย์คนแรกที่แท้จริงของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จางหลงหยวน

ตอนที่เยวี่ยอวิ๋นเต๋อเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กำลังอยู่ในช่วงไม่ต่อเนื่องกันและตกต่ำ เทียบกับแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นไม่ได้เลย

โดยเฉพาะรุ่นเยาว์ หลังจากสองโอรสสวรรค์จางหลงหยวนกับฉู่หรงเหอ ก็แทบจะไม่มีใครมีสุดยอดพรสวรรค์อีก

มีเพียงคนเดียวที่พอตาเป็นประกายได้บ้าง นั่นคือเยวี่ยอวิ๋นเต๋อ

เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรกหลังจางหลงหยวนดำรงตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เยวี่ยอวิ๋นเต๋อย่อมได้รับความคาดหวังและเฝ้ารอคอยอย่างมาก

พรสวรรค์ของเยวี่ยอวิ๋นเต๋อเทียบจางหลงหยวนกับฉู่หรงเหอไม่ได้ สู้ไม่ได้แล้วต้องทำอย่างไร

มีวิธีเดียว…ฝึกในรูปแบบกรอกใส่ปาก!

ต้องรู้ว่าเดิมทีเยวี่ยอวิ๋นเต๋อเป็นเด็กหนุ่มสะโอดสะอง แม้หน้าตาจะเทียบเสิ่นเทียนไม่ได้ แต่อย่างน้อยหุ่นก็ถือว่าได้มาตรฐานถูกต้อง

ต่อให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะกรอกยาใส่ปากเยวี่ยอวิ๋นเต๋ออย่างเต็มที่ บังคับให้เขากินวัตถุดิบยาบำรุงต่างๆ มากมาย เลี้ยงเขาจนอ้วน

แต่การฝึกแบบกรอกใส่ปากเช่นนี้ก็ได้ผลลัพธ์ที่แน่นอนจริงๆ

ถึงเยวี่ยอวิ๋นเต๋อจะมีรูปร่าง ‘อุดมสมบูรณ์’ ขึ้นทุกวัน แต่การฝึกวิชาอัสนีก็ชำนาญและแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

ในรุ่นเยาว์ตอนนั้น ขอไม่บอกว่าเป็นที่หนึ่ง แต่อย่างน้อยก็โดดเด่นกว่าใคร ไม่ทำให้เสียหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

และเมื่อเยวี่ยอวิ๋นเต๋อเติบใหญ่ขึ้นทุกวัน ก็ได้เข้าใจว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ง่ายเลย ทรัพยากรที่เสียไปกับตนพวกนั้น ล้ำค่าสำหรับสำนักเพียงใดกันแน่

ดังนั้น แม้ภายนอกเขาจะไม่คิดเช่นนั้น แต่ก็แอบสาบานในใจว่าจะต้องหาทางตอบแทนสำนักให้ได้

มีโอกาสโดยบังเอิญครั้งหนึ่ง เยวี่ยอวิ๋นเต๋อพบคัมภีร์ลับนอกรีตลี้ลับส่วนหนึ่ง ‘คัมภีร์ค้นชีพจรวิญญาณมังกร’

ในคัมภีร์ลับส่วนนี้บรรยายความรู้ด้าน ‘เขตแดน’ ‘ชีพจรวิญญาณ’ ‘สุสาน’ ไว้มากมาย มีความลี้ลับยิ่งใหญ่

ถ้าไปตามตำแหน่งค้นมังกรในวิชาคัมภีร์ชีพจรวิญญาณนี้ ก็จะพบสถานที่พิเศษมากมาย และยังเจอโบราณสถานที่ปรัชญาเมธีฝากไว้ในนั้น

ใช่ คัมภีร์ลับส่วนนี้ทำให้เยวี่ยอวิ๋นเต๋อได้เปิดประตูของโลกใหม่

นับจากนั้นมาเจ้านี่ก็หลงใหลในการปล้นสุสาน!

……

อย่างเบาก็ผู้จริงแท้แก่นพลังทอง อย่างใหญ่ก็ผู้อริยะฝ่าด่านเคราะห์ ขอแค่เป็นขุมอำนาจหรือตระกูลที่ไม่ค่อยเท่าไร เยวี่ยอวิ๋นเต๋อก็เคยปล้นสุสานมาหมดแล้ว

ก็เหมือนกับคำพูดนั้น ปล้นคนรวยช่วยคนจน

ปล้นคนที่ร่ำรวยแต่ไม่มีเมตตา ช่วยคือช่วยตัวเองที่ไม่มีเงิน!

และสมบัติที่เยวี่ยอวิ๋นเต๋อได้มาจากสุสานและใช้เองไม่ได้ ปกติจะมอบให้แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด

พูดได้ว่าแม้เจ้านี่จะดูมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่ดี แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการอุทิศตัวให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ผู้อาวุโสระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ส่วนใหญ่ก็อาจจะเอาชนะเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ!

ถ้าไม่ใช่เพราะเยวี่ยอวิ๋นเต๋อทำอะไรไม่ค่อยมีเกียรติ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นต่อไปก็อาจจะเป็นเขาก็ได้

และเพราะรู้ว่าตนไม่มีทางเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้ถูกต้องและยิ่งใหญ่ได้ เยวี่ยอวิ๋นเต๋อจึงยิ่งไม่มีแรงกดดันทางด้านจิตใจ

ตอนปล้นสุสานยังไร้ศักดิ์ศรียิ่งกว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเสียอีก!

ช่วงนั้นที่กำเริบเสิบสานที่สุด เจ้านี่ถึงขั้นไปขุดสุสานบรรพบุรุษของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งในดินแดนกลาง และเพราะเหตุนี้เองผู้อาวุโสสูงสุดจากแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นถึงเหน็บแนมมายังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

ดังนั้น สองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่จึงเกือบจะรูดแขนเสื้อทะเลาะวิวาทกัน!

ก่อนราชวงศ์เซียนต้าฮวงจะออกหน้ามาไกล่เกลี่ย ให้สองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์และบุตรศักดิ์สิทธิ์จากสองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ประลองกันอย่างยุติธรรม แก้ปัญหาความขัดแย้งนี้

สุดท้ายเยวี่ยอวิ๋นเต๋อถูกบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกฝ่ายทุบตีจนหน้าบวม จากนั้นใช้เคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมอย่างเจ้าเล่ห์ ผ่าอีกฝ่ายจนดำเป็นเถ้าถ่าน

ส่วนเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อีกฝ่ายสู้กันในรอยแยกมิติสามวันสามคืน สุดท้ายแทบจะตัดสินแพ้ชนะไม่ได้

ความขัดแย้งของสองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ถือว่าจบลงไปก่อน

แต่การกระทำอันน่ารังเกียจของเยวี่ยอวิ๋นเต๋อ ถือว่าเสื่อมเสียมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์

ฟูจื่อแห่งสำนักศึกษาจี้เซี่ยออกหน้าพาเจ้านี่ไปสำนักศึกษาด้วยตัวเอง ลงโทษให้เขาปิดด่านบำเพ็ญคิดทบทวนในหอคัมภีร์ร้อยปี

ตอนนี้ผ่านไปร้อยปีแล้ว เขาถึงถูกปล่อยมาจากสำนักศึกษาจี้เซี่ย และยังได้ถือโอกาสตามคนกลุ่มใหญ่มาผจญภัยในเกาะมหานทีด้วยกัน

ครั้งนี้ ถือว่าปล้นสุสานอย่างถูกต้อง~

เพราะผู้อริยะแทบทุกคนคิดว่าเจ้านี่คือผู้เชี่ยวชาญด้านการปล้นสุสาน

หากมีอะไรแปลกๆ ในสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองจริงๆ บางทีเจ้านี่อาจจะมีประโยชน์ก็ได้

และที่บังเอิญคือ เยวี่ยอวิ๋นเต๋อค้นพบที่ที่ผิดปกติจริงๆ

นั่นคือสุสานจักรพรรดิแห่งนี้ชั่วร้ายมาก

……

บึ้ม~

เสิ่นเทียนกับวิญญาณอาฆาตในเปลวไฟสีดำอมแดงนั้นยังคงปะทะกันต่อไป

อาวุธระดับเตรียมเซียนค้อนเทพกำราบสมุทรเสริมด้วยน้ำมวลหนักปฐมกาล ทำให้อานุภาพแข็งแกร่งถึงขีดสุด

ด้วยอัสนีเทพกำเนิดฟ้าทรงพลังนี้ ไม่อยากเชื่อว่าเสิ่นเทียนจะสู้กับวิญญาณอาฆาตนั่นอย่างสูสี กระทั่งไม่ตกเป็นรอง

แม้วิญญาณอาฆาตนั่นจะมีพลังระดับอริยะ แต่ไม่มีสติปัญญาของผู้อริยะแท้จริง ได้แต่โจมตีตามสัญชาตญาณ แต่ก็มากพอจะทำให้คนตื่นตกใจ

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นพลังของผู้อริยะ หากเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์คนอื่นมา ก็อาจจะถูกฉีกตายไปนานแล้ว

ค้อนทุบดาว!

ค้อนงัดจันทร์!

ค้อนตะวันเดือด!

ค้อนตะวันตก!

ค้อนเสียงอัสนี!

ค้อนอำนาจมังกรสวรรค์!

ค้อนปราบมารอนันต์!

เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรบนตัวเสิ่นเทียนเปล่งแสงสว่างพร่างพราว ทั้งตัวเขาเหมือนกับดวงตะวันสีทองดวงหนึ่ง

เปลวไฟสีดำอมแดงล้นฟ้านั้นคล้ายกับดวงตะวันสีโลหิต ทั้งสองปะทะกันไม่หยุดในเส้นทาง สู้กันอย่างดุเดือด

“นายท่าน พลังของวิญญาณอาฆาตนี่มาจากเขตแดนพิเศษและกลิ่นอายอาฆาต ท่านลองใช้ถาดวัฏจักรหกมรรคทำให้แรงอาฆาตของเขาบริสุทธิ์ดูเถอะ”

ลูกประคำเก้าโอรสในมือสั่นไหวเบาๆ เสียงของจิ่วเอ๋อร์ดังขึ้นในความคิดเสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย เขาคิดเรื่องนี้ได้ตั้งนานแล้ว

แต่กว่าจะเจอคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมมีศักยภาพระหว่างผู้อริยะกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ไม่ใช่ง่ายๆ เสิ่นเทียนจึงอยากประลองต่ออีกสักครู่หนึ่ง

ถึงอย่างไร ตอนนี้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ธรรมดาอยู่ตรงหน้าเสิ่นเทียนก็ไม่มีความท้าทายอะไรจริงๆ

“ดูเจ้าแล้วก็น่าสงสารเหมือนกัน ช่างเถอะ ข้าจะโปรดสัตว์ให้เจ้า!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารน่ากลัวจากในเปลวไฟสีดำอมแดงนั้นแล้ว เสิ่นเทียนก็แอบส่ายหน้า

เขาพลันทุบค้อนใส่วิญญาณอาฆาตนั้นให้ถอยไป ขณะเดียวกันยังมีถาดหยกสีเงินลอยขึ้นมาในกายเขา หมุนวนช้าๆ

ถาดหยกใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ด้านบนแกะสลักลายเทพวัฏจักรหกมรรคไว้ ประกายเซียนวนเวียน เปล่งประกายเซียนโปรดสัตว์อันลี้ลับ

มีเสียงสวดของเทพเจ้าและพระพุทธองค์ดังขึ้นในมวลอากาศ เหมือนกับมีเซียนแท้จริงบรรลุมรรคกำลังสวดมนต์โปรดสัตว์

…..

“อะ…อาวุธเซียน!”

เมื่อเห็นถาดวัฏจักรหกมรรคที่ลอยข้างหลังเสิ่นเทียนแล้ว นักพรตอ้วนถึงกับเบิกตาโต!

เขาปล้นสุสานมาหลายร้อยปี ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นของดีจริงๆ มาก่อน พูดได้ว่าแม้แต่อาวุธอริยะยังเคยสัมผัสมาไม่น้อย

แต่อาวุธเซียน อย่าว่าแต่สัมผัสเลย แม้แต่เห็นยังไม่เคยเห็น!

ศิษย์น้องเล็ก เจ้าได้สมบัติสุดยอดชิ้นนี้มาได้อย่างไรกัน!

นักพรตอ้วนอิจฉาริษยาและสงสัยในชีวิตอยู่ตรงนั้น ส่วนเสิ่นเทียนเริ่มกระตุ้นพลังแท้จริงของถาดวัฏจักรหกมรรคแล้ว

แรงอาฆาตในเปลวไฟสีดำอมแดงนั้นเริ่มถูกถาดวัฏจักรหกมรรคหลอมรวมด้วยความเร็วระดับสายตามองทัน เปลี่ยนเป็นพลังแห่งกุศลบนถาดวัฏจักร

ส่วนเปลวไฟสีดำอมแดงที่แปรเปลี่ยนเป็นแรงอาฆาตก็เริ่มกลายเป็นสีแดงอมทอง ถูกเสิ่นเทียนโคจรคัมภีร์คบเพลิงดูดซับเข้าไปในกาย หลอมรวมกับต้นกำเนิดไฟแท้สุริยะ

เสิ่นเทียนสัมผัสได้ว่าเมื่อดูดซับเพลิงเทพอีกาทองเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ต้นกำเนิดไฟเทพสุริยะในกายก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว

ความรู้สึกเช่นนี้ สบายจนไม่รู้จะสบายอย่างไรแล้ว

ขณะเดียวกัน เมื่อแรงอาฆาตถูกสลายไป เปลวไฟสีดำอมแดงนั้นก็เริ่มเบาบางขึ้น

สัตว์ประหลาดนั้นที่ซ่อนในเปลวเพลิงสีดำอมแดง ก็ค่อยๆ เผยใบหน้าแท้จริงออกมาตรงหน้าเสิ่นเทียนและนักพรตอ้วน

สัตว์ประหลาดวิญญาณอาฆาตที่ซ่อนในเปลวเพลิงนั้นก็คือ อีกาดำตัวหนึ่ง!

อีกาดำสีแดงอมทอง!

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด