บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 235 ข้ายกดาบไม่ไหวหรือ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 235 ข้ายกดาบไม่ไหวหรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 235 ข้ายกดาบไม่ไหวหรือ

ตอนนี้เองเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นบนฟ้าไกลๆ

“โอหัง ปีศาจมารร้ายที่ใดกันกล้าทำร้ายศิษย์หลานเสิ่นเทียนของข้า!”

เพิ่งสิ้นคำพูดก็พบว่ามีแสงสว่างสีเงินสว่างพร่างพราวพุ่งเข้ามา

แสงเทพนี้ผ่านไปที่ใด แม้แต่อากาศยังเป็นน้ำแข็ง เหมือนแฝงไว้ด้วยพลังหนาวเหน็บที่สุดในฟ้าดิน

“กระจกฐานหยกอาวุธอริยะของแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก?”

ประมุขชุดคลุมโลหิตมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย พลันปรากฏม่านสีโลหิตขึ้นรอบตัวเพื่อต้านแสงเทพสีเงินขาวนั้น

กึก~!

เมื่อม่านแสงสีโลหิตปะทะกับแสงเทพสีเงิน ทั้งม่านแสงสีโลหิตก็ถูกแช่แข็ง ก่อนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

เสิ่นเทียนรู้สึกว่ามวลอากาศรอบตัวเปลี่ยนไป ปรากฏร่างคนสองคนขึ้นตรงหน้าเขา

“เทียนเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว มีอาจารย์อาอยู่ เจ้าสารเลวนี่ทำอะไรเจ้าไม่ได้!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวพูดพร้อมกันอย่างน่าประหลาด ปกป้องเสิ่นเทียนไว้ข้างหลังพร้อมกัน

จากนั้นสองคนมองประมุขชุดคลุมโลหิตด้วยสีหน้าจริงจัง “ประมุขแห่งวิหารโลหิตสังหารลัทธิวิญญาณร้ายหรือ ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าบุกมาในสนามรบบรรพกาล”

ประมุขชุดคลุมโลหิตมองผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวด้วยแววตามืดดำ “ไม่นึกว่าเจ้าพวกจะมาถึงเร็วเช่นนี้ น่าเสียดาย พลังบำเพ็ญพวกเจ้าอ่อนแอเกินไป ไม่ใช่คู่ต่อสู้ข้า!

อีกทั้งก่อนที่ข้าจะลงมือได้ใช้วิชาลับผนึกมิติในระยะพันลี้ไว้หมดแล้ว เว้นแต่พวกเจ้าจะติดต่อผู้อริยะของฝ่ายเจ้าในผนึกมิติของข้าได้ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีใครรู้เรื่องที่นี่”

ประมุขชุดคลุมโลหิตพูดด้วยใบหน้าลำพองใจ “อีกทั้งต่อให้พวกเจ้าติดต่อผู้อริยะฝ่ายเจ้าก่อนมา ก็คงไม่ทันการแล้ว ด้วยศักยภาพของข้า แค่พลิกฝ่ามือก็เอาชนะพวกเจ้าได้ทุกครั้ง!”

ประมุขชุดคลุมโลหิตหัวเราะเยาะ ก่อนจะประสานมุทรา พริบตานั้นมีกระดูกสีขาวน่าสยดสยองมากมายผุดขึ้นมาจากใต้ดิน กลายเป็นป่ากระดูกในระยะหลายร้อยลี้รอบๆ

กระดูกพวกนั้นแหลมคมเหมือนกับทวนเทพ ขยับประกายแสงมืดหม่น แม้แต่มวลอากาศยังเกิดรอยแตกแยก

“โลกกระดูก ปรากฏ!”

ประมุขชุดคลุมโลหิตแค่นเสียงขึ้นจมูก วินาทีนั้นกระดูกมากมายก็พุ่งเข้าใส่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวและเสิ่นเทียนราวกับทวนเทพ

เห็นได้ชัดว่านี่คือสุดยอดวิชา

กระดูกขาวพวกนี้สามารถทะลวงปราการคุ้มกันของผู้แข็งแกร่งจุดสูงสุดระดับหลอมรวมเทพได้

หากโดนทวนเทพพวกนี้ทะลวงเข้ามา ต่อให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่จะมีพลังบำเพ็ญสูงส่ง ก็ยังบาดเจ็บสาหัสได้

“แสงแห่งจันทร์หยก!”

“บัวขาวเบ่งบาน!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนรีบเรียกสมบัติสุดยอดคุ้มกันของตนออกมา

กระจกที่ทุกส่วนขาวบริสุทธิ์ดั่งหยกกับช่อบัวขาวสะอาดเจ็ดดอกลอยขึ้นมาเหนือศีรษะสองคน

พวกมันสาดแสงอ่อนๆ ลงมาเป็นปราการคุ้มกันสองชั้น ขวางไว้หน้ากระดูกขาวพวกนั้น ทำให้มันยากจะทำอันตรายเสิ่นเทียนได้

กระดูกขาวจู่โจมใส่ปราการแสงคุ้มกันอย่างรุนแรง ลดทอนพลังป้องกันของปราการแสงไปเรื่อยๆ ทว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวก็ส่งพลังฤทธิ์เข้าไปเสริมพลังตลอด

ในเพียงชั่วครู่ยังทำอะไรสามคนนี้ไม่ได้จริงๆ

“แดนศักดิ์สิทธิ์ก็คือแดนศักดิ์สิทธิ์ ร่ำรวยจริงๆ แม้แต่ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับหลอมรวมเทพยังมีอาวุธอริยะคนละชิ้น น่าอิจฉาจริงๆ”

ประมุขชุดคลุมโลหิตทำหน้าสนใจ “น่าเสียดายก็แต่นับจากนี้ไป อาวุธอริยะสองชิ้นนี้จะเป็นของข้าแล้ว!”

เพิ่งพูดจบก็เห็นว่ามีแสงสีแดงขยับไหวในมือประมุขชุดคลุมโลหิต

ไข่มุกสีแดงเข้มดั่งโลหิตปรากฏขึ้นในมือประมุขชุดคลุมโลหิต เปล่งแสงสว่างมืดหม่น

เมื่อไข่มุกนี้ปรากฏ ป่ากระดูกขาวสะอาดน่าสยดสยองในตอนแรกพลันอาบไปด้วยแสงสีโลหิตอ่อนๆ

ฟิ้ว~!

ทวนยาวกระดูกสีแดงโลหิตเล่มหนึ่งพุ่งเข้าใส่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาว ก่อนจะทะลวงปราการสองชั้นไปได้อย่างยากลำบาก

แม้จะทะลวงปราการสองชั้นมาแล้ว พลังของทวนนี้ก็ลดลงไปพอประมาณ จึงถูกสกัดเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย

แต่นี่แค่เริ่มต้น เพราะยังมีกระดูกสีโลหิตมากกว่านี้กำลังสั่งสมพลังอย่างรวดเร็ว

กระดูกสีโลหิตหลายร้อยพุ่งเข้าใส่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาว มวลอากาศตรงปลายหอกยังแตกเป็นเสี่ยงๆ

“นี่มันไข่มุกเจ็ดสังหาร อาวุธชั่วร้ายประจำวิหารโลหิตสังหาร เจ้านี่มีอาวุธสังหารนี้ในมือ พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ เจ้ารีบพาเทียนเอ๋อร์หนีไป!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวแผ่ท่วงทำนองแห่งเซียนออกมาทั่วร่าง จะเห็นพลังวิญญาณกลายเป็นผีเสื้อเซียนพากันโบยบิน

นางประสานมุทราเตรียมจะต้านประมุขชุดคลุมโลหิตไว้สุดชีวิต

“ได้ยินมาว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวได้รับขนานนามว่าเป็นสุดยอดในวิถีโอสถแห่งดินแดนบูรพา ไฉนต้องเป็นศัตรูกับข้าด้วย”

ประมุขชุดคลุมโลหิตแค่นยิ้ม “ข้าเคยบอกแล้วว่าหากไม่มีผู้อริยะมา ต่อให้พวกเจ้าดิ้นรนกว่านี้ก็เป็นแค่เอาไม้ซีกไปงัดกับไม้ซุง ช่างเถอะ จะไม่เล่นกับพวกเจ้าแล้ว!”

ประมุขชุดคลุมโลหิตเอามือขวาคว้าอากาศ พลันรวมเป็นทวนกระดูกสีโลหิตเล่มหนึ่ง

เขากวัดแกว่งทวนกระดูกอย่างแรง ทวนกระดูกขยายใหญ่ขึ้นพันเท่าทันที กลายเป็นทวนยักษ์พันจั้งฟาดลงมาอย่างฉับพลัน

มวลอากาศพังทลายไปตามที่ทวนลากไป พลังของทวนกระดูกโลหิตควบคุมทั้งสามคนไว้อย่างแน่นหนา ทำให้หลบไม่ได้เลย

“ตาเยี่ย เตรียมลงมือเถอะ!”

เสิ่นเทียนถอนหายใจอย่างจนปัญญา ก่อนจะพูดในใจ

เทียบกับชีวิตแล้ว ไม่ว่าจะทรัพยากรอะไรก็ต้องวางไว้ข้างหลัง เสิ่นเทียนไม่ใช่คนที่เห็นคนอื่นลำบากแล้วไม่ช่วย

โดยเฉพาะคนพวกนี้มาเพราะช่วยตน!

ทว่ากลับมีเสียงหัวเราะของเยี่ยฉิงชางดังขึ้นในความคิดเขา “ไม่ต้องรีบ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาข้าออกมือ!”

…….

กระดูกสีโลหิตยังฟาดลงมาต่อไป มวลอากาศพังทลายแทบจะลุกลามมาถึงตรงหน้าเสิ่นเทียน

นัยน์ตาผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวฉายประกายเด็ดขาด เหมือนตัดสินใจจะปกป้องเสิ่นเทียนสุดชีวิต

ถึงอย่างไร เทียนเอ๋อร์ก็เป็นศิษย์ของเขา!

ทว่าตอนนี้เองทวนกระดูกสีโลหิตพันจั้งหยุดค้าง

มวลอากาศพังทลายหยุดลุกลาม กระดูกสีขาวบดบังฟ้าแหลกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นผุยผง

เสียงเย็นชาดังขึ้นในความว่างเปล่า “เป็นข้าที่ยกดาบไม่ไหว หรือเป็นเพราะช่วงนี้หนูอย่างพวกเจ้าว่างงานกัน หลายร้อยปีมานี้ไม่เคยไปสร้างปัญหาให้หนูอย่างพวกเจ้า แต่ตอนนี้กลับกล้าลงมือกับคนของข้ารึ”

บนทวนกระดูกสีโลหิตยาวพันจั้งค่อยๆ เกิดรอยร้าวขึ้น ทั้งยังลุกลามไปอย่างรวดเร็ว

ตรงจุดเริ่มของรอยร้าวจะเห็นนักพรตชรายืนอยู่คนหนึ่ง

เขาสวมชุดเซียนยันต์แปดทิศ ดูเป็นคนแก่สุขภาพดี ทว่าตอนนี้แขนสองข้างกลับแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ แผ่ความหยิ่งยโสเอ่อล้นออกมาทั้งตัว

หมัดขวาของนักพรตชราทะลวงเข้าไปกลางทวนกระดูก พละกำลังน่าสะพรึงสั่นสะเทือนทวนกระดูกพันจั้งจนแตกหักเป็นตอกระดูกชิ้นๆ

“ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต?”

เมื่อเห็นนักพรตชราหนวดเคราและเส้นผมเป็นสีขาวหมดคนนั้นแล้ว ประมุขชุดคลุมโลหิตมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย

รุ่นเยาว์อาจจะไม่รู้ถึงความน่ากลัวของนักพรตชราคนนี้ แต่ประมุขชุดคลุมโลหิตเป็นคนจากสมัยนั้น

เขาเข้าใจดีกว่าทุกคนว่าเจ้านี่บ้าและแข็งแกร่งเพียงใด

ตอนนั้นอาจารย์ของเขาก็ถูกเจ้านี่ข้ามระดับพลังมาตบตาย!

แม้จากนั้นผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตจะสิ้นพลังบำเพ็ญ ได้แต่เริ่มฝึกใหม่ แต่หลายปีมานี้ พลังบำเพ็ญของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็กลับมาผู้สูงศักดิ์สวรรค์อีกครั้ง มิหนำซ้ำยังเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ศาสตร์หลอมกายเทพมาร

สารภาพตามตรง แม้จะเป็นผู้อริยะ ประมุขชุดคลุมโลหิตก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะได้

……

ขอไม่เอ่ยว่าประมุขชุดคลุมโลหิตจริงจังและหวาดกลัวเพียงใด ตอนนี้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวถอนหายใจโล่งอกแล้ว

โดยเฉพาะผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ ตอนนี้ใบหน้าแดงเรื่อนิดๆ เมื่อครู่นี้ศิษย์พี่ฉู่เหอบอกว่าข้าเป็นคนของเขารึ

ซี้ด อายุขนาดนี้แล้ว ยังจะมาพูดเรื่องน่าอายเช่นนี้อีก

ทั้งยังพูดต่อหน้าเด็ก หน้าไม่อาย!

“ศิษย์พี่ใหญ่มาทันพอดี อย่าปล่อยเจ้ามารลัทธิชั่วร้ายนี่ไปนะ!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวมีความเมตตามาแต่กำเนิด ฝึกศาสตร์หลอมโอสถเป็นหลัก ลงเขาไปช่วยสรรพสัตว์บ่อยครั้ง

เมื่อครู่ตอนที่เผชิญหน้ากับวิชาลับของประมุขชุดคลุมโลหิต ‘โลกกระดูกขาว’ นางรู้สึกได้ชัดเจนถึงความแค้นสูงสุดที่แฝงอยู่ในโลกกระดูกขาวนั้น

เห็นได้ชัดมากว่าสมบัติวิเศษชิ้นนี้ไม่ใช่สมบัติที่ถูกต้องชอบธรรมอะไร แต่สังเวยจากโลหิตสิ่งมีชีวิตมากมาย

แม้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวจะมีนิสัยอ่อนโยน แต่ตอนนี้ก็ยังมีจิตสังหารกับประมุขชุดคลุมโลหิต

แน่นอน ไม่ใช่เพราะศิษย์พี่ใหญ่มาแน่นอน แต่เป็นเพราะศิษย์พี่รองไม่มาจึงลงความแค้นกับประมุขชุดคลุมโลหิต

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตฉู่หรงเหอพยักหน้า “วางใจเถอะ เจ้าหนูเสวี่ยซานี่กล้าลงมือกับศิษย์หลานของข้า ข้าจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพูดพลางตบบ่าเสิ่นเทียน ก่อนจะพูดด้วยใบหน้ารักและมีเมตตา “เทียนเอ๋อร์ เจ้าไปอยู่ข้างอาจารย์อาทั้งสองก่อน ดูว่าข้าจะระบายโทสะให้เจ้าอย่างไร!”

ถึงจะรู้สึกว่าบัวมรกตในตอนนี้ต่างไปจากบัวมรกตที่เจอกันครั้งแรกเล็กน้อย แต่เสิ่นเทียนก็ยังไปยืนข้างๆ อย่างว่าง่าย เพราะอย่างไรถ้าให้ผู้อาวุโสออกมือจัดการได้ เขาจะเผาเงินเติมบัตรทองสู้เพื่ออะไรกัน

‘เจ้าหนูนี่มาสนามรบบรรพกาลครั้งเดียวกลับได้มหาโชคลิขิต ตอนนี้ขนาดทองคำเซียนปีกปักษาอันดับแปดในรายนามทองคำเซียนยังได้มาติดหลัง!

อีกทั้งยังรู้สึกว่าตอนนี้พลังปัญจธาตุในตัวเขายังหมุนเวียนไร้ที่สิ้นสุด รากฐานแน่นมาก

หึ จะต้องได้ผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ในสนามรบบรรพกาลแน่นอน ข้าจะต้องคิดหาทางแบ่งน้ำแกงมาสักถ้วย! อาศัยจังหวะนี้กระชับความสัมพันธ์กับเจ้าหนูนี่ให้เป็นว่าที่อาจารย์!’

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนค่อยๆ ปลดกระบองยาวข้างหลังออกมา

พลังที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ปะทุขึ้นบนผิวกายผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต กล้ามเนื้อเขาเริ่มขยายตัวถึงขีดสุด

ชุดเซียนยันต์แปดทิศแทบจะถูกตรึงไว้สุดขีด มองผ่านชุดเซียนไปจะเห็นกล้ามเนื้อเป็นสัดส่วนชัดเจน ทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่หน้าแดงหูแดง

“เสวี่ยซา เจ้าคงรู้แล้วสิ!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตใช้มือขวาชูกระบองยาวพร้อมกับพุ่งเข้าหาประมุขชุดคลุมโลหิต

เมื่อฟาดกระบองลงไป ไม่มีหรอกกระบองพันจั้งปกคลุมฟ้าดิน มีเพียงพลังที่หดตัวถึงขีดสุดเท่านั้น

กระบองยาวผ่านไปที่ใด มวลอากาศจะแหลกเป็นผุยผง มิติสีดำแตกออกพร้อมกับนักพรตชราพุ่งเข้าใส่ประมุขชุดคลุมโลหิต

“บัดซบ ข้าเป็นผู้อริยะผู้ยิ่งใหญ่ จะไปแพ้หมดปลวกที่ยังไม่ก้าวสู่ผู้อริยะอย่างเจ้าได้อย่างไร”

นัยน์ตาประมุขชุดคลุมโลหิตฉายแววตื่นตระหนกเสี้ยวหนึ่ง แต่ไม่ได้เผยออกมา

ถึงอย่างไรในหุบเขาข้างล่างนี้ก็ยังมีน้องเล็กอยู่!

เขาส่งโลหิตบริสุทธิ์เข้าไปในไข่มุกเจ็ดสังหารในมืออย่างเงียบเชียบ พริบตาเดียวนั้นไข่มุกเจ็ดโลหิตเปล่งแสงสว่างจ้า รวมเป็นทวนกระดูกสีแดงคล้ำยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ภายนอกทวนปกคลุมด้วยลวดลายสีแดงเข้มประหลาด มีเงามารร้ายวนเวียนอยู่รางๆ

“ฆ่าฟ้าฆ่าดินฆ่าเทพฆ่าพุทธ ฆ่าผีฆ่ามารฆ่าทุกสรรพสัตว์ เจ็ดสังหารสิ้น!”

ประมุขชุดคลุมโลหิตเส้นผมปลิวไสว ทั่วร่างอยู่กลางแม่น้ำยาวสีโลหิต กลิ่นอายมารปกคลุมลงมามืดฟ้ามัวดิน

เขาแทงทวนยาวในมือออกไป กลายเป็นเงาทวนเป็นพันเป็นหมื่นเล่มในทันใด ปิดตายทางหนีทุกทางของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตฉู่หรงเหอ

แม้จะเจอกับศัตรูที่ระดับต่ำกว่าหนึ่งระดับพลังใหญ่ แต่ก็ไม่กล้าดูถูกแม้แต่นิด

หนึ่งทวนแทงออกไป นี่คือการทุ่มสุดกำลังแล้ว!

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 235 ข้ายกดาบไม่ไหวหรือ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 235 ข้ายกดาบไม่ไหวหรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 235 ข้ายกดาบไม่ไหวหรือ

ตอนนี้เองเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นบนฟ้าไกลๆ

“โอหัง ปีศาจมารร้ายที่ใดกันกล้าทำร้ายศิษย์หลานเสิ่นเทียนของข้า!”

เพิ่งสิ้นคำพูดก็พบว่ามีแสงสว่างสีเงินสว่างพร่างพราวพุ่งเข้ามา

แสงเทพนี้ผ่านไปที่ใด แม้แต่อากาศยังเป็นน้ำแข็ง เหมือนแฝงไว้ด้วยพลังหนาวเหน็บที่สุดในฟ้าดิน

“กระจกฐานหยกอาวุธอริยะของแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก?”

ประมุขชุดคลุมโลหิตมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย พลันปรากฏม่านสีโลหิตขึ้นรอบตัวเพื่อต้านแสงเทพสีเงินขาวนั้น

กึก~!

เมื่อม่านแสงสีโลหิตปะทะกับแสงเทพสีเงิน ทั้งม่านแสงสีโลหิตก็ถูกแช่แข็ง ก่อนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

เสิ่นเทียนรู้สึกว่ามวลอากาศรอบตัวเปลี่ยนไป ปรากฏร่างคนสองคนขึ้นตรงหน้าเขา

“เทียนเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว มีอาจารย์อาอยู่ เจ้าสารเลวนี่ทำอะไรเจ้าไม่ได้!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวพูดพร้อมกันอย่างน่าประหลาด ปกป้องเสิ่นเทียนไว้ข้างหลังพร้อมกัน

จากนั้นสองคนมองประมุขชุดคลุมโลหิตด้วยสีหน้าจริงจัง “ประมุขแห่งวิหารโลหิตสังหารลัทธิวิญญาณร้ายหรือ ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าบุกมาในสนามรบบรรพกาล”

ประมุขชุดคลุมโลหิตมองผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวด้วยแววตามืดดำ “ไม่นึกว่าเจ้าพวกจะมาถึงเร็วเช่นนี้ น่าเสียดาย พลังบำเพ็ญพวกเจ้าอ่อนแอเกินไป ไม่ใช่คู่ต่อสู้ข้า!

อีกทั้งก่อนที่ข้าจะลงมือได้ใช้วิชาลับผนึกมิติในระยะพันลี้ไว้หมดแล้ว เว้นแต่พวกเจ้าจะติดต่อผู้อริยะของฝ่ายเจ้าในผนึกมิติของข้าได้ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีใครรู้เรื่องที่นี่”

ประมุขชุดคลุมโลหิตพูดด้วยใบหน้าลำพองใจ “อีกทั้งต่อให้พวกเจ้าติดต่อผู้อริยะฝ่ายเจ้าก่อนมา ก็คงไม่ทันการแล้ว ด้วยศักยภาพของข้า แค่พลิกฝ่ามือก็เอาชนะพวกเจ้าได้ทุกครั้ง!”

ประมุขชุดคลุมโลหิตหัวเราะเยาะ ก่อนจะประสานมุทรา พริบตานั้นมีกระดูกสีขาวน่าสยดสยองมากมายผุดขึ้นมาจากใต้ดิน กลายเป็นป่ากระดูกในระยะหลายร้อยลี้รอบๆ

กระดูกพวกนั้นแหลมคมเหมือนกับทวนเทพ ขยับประกายแสงมืดหม่น แม้แต่มวลอากาศยังเกิดรอยแตกแยก

“โลกกระดูก ปรากฏ!”

ประมุขชุดคลุมโลหิตแค่นเสียงขึ้นจมูก วินาทีนั้นกระดูกมากมายก็พุ่งเข้าใส่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวและเสิ่นเทียนราวกับทวนเทพ

เห็นได้ชัดว่านี่คือสุดยอดวิชา

กระดูกขาวพวกนี้สามารถทะลวงปราการคุ้มกันของผู้แข็งแกร่งจุดสูงสุดระดับหลอมรวมเทพได้

หากโดนทวนเทพพวกนี้ทะลวงเข้ามา ต่อให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่จะมีพลังบำเพ็ญสูงส่ง ก็ยังบาดเจ็บสาหัสได้

“แสงแห่งจันทร์หยก!”

“บัวขาวเบ่งบาน!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนรีบเรียกสมบัติสุดยอดคุ้มกันของตนออกมา

กระจกที่ทุกส่วนขาวบริสุทธิ์ดั่งหยกกับช่อบัวขาวสะอาดเจ็ดดอกลอยขึ้นมาเหนือศีรษะสองคน

พวกมันสาดแสงอ่อนๆ ลงมาเป็นปราการคุ้มกันสองชั้น ขวางไว้หน้ากระดูกขาวพวกนั้น ทำให้มันยากจะทำอันตรายเสิ่นเทียนได้

กระดูกขาวจู่โจมใส่ปราการแสงคุ้มกันอย่างรุนแรง ลดทอนพลังป้องกันของปราการแสงไปเรื่อยๆ ทว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวก็ส่งพลังฤทธิ์เข้าไปเสริมพลังตลอด

ในเพียงชั่วครู่ยังทำอะไรสามคนนี้ไม่ได้จริงๆ

“แดนศักดิ์สิทธิ์ก็คือแดนศักดิ์สิทธิ์ ร่ำรวยจริงๆ แม้แต่ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับหลอมรวมเทพยังมีอาวุธอริยะคนละชิ้น น่าอิจฉาจริงๆ”

ประมุขชุดคลุมโลหิตทำหน้าสนใจ “น่าเสียดายก็แต่นับจากนี้ไป อาวุธอริยะสองชิ้นนี้จะเป็นของข้าแล้ว!”

เพิ่งพูดจบก็เห็นว่ามีแสงสีแดงขยับไหวในมือประมุขชุดคลุมโลหิต

ไข่มุกสีแดงเข้มดั่งโลหิตปรากฏขึ้นในมือประมุขชุดคลุมโลหิต เปล่งแสงสว่างมืดหม่น

เมื่อไข่มุกนี้ปรากฏ ป่ากระดูกขาวสะอาดน่าสยดสยองในตอนแรกพลันอาบไปด้วยแสงสีโลหิตอ่อนๆ

ฟิ้ว~!

ทวนยาวกระดูกสีแดงโลหิตเล่มหนึ่งพุ่งเข้าใส่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาว ก่อนจะทะลวงปราการสองชั้นไปได้อย่างยากลำบาก

แม้จะทะลวงปราการสองชั้นมาแล้ว พลังของทวนนี้ก็ลดลงไปพอประมาณ จึงถูกสกัดเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย

แต่นี่แค่เริ่มต้น เพราะยังมีกระดูกสีโลหิตมากกว่านี้กำลังสั่งสมพลังอย่างรวดเร็ว

กระดูกสีโลหิตหลายร้อยพุ่งเข้าใส่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาว มวลอากาศตรงปลายหอกยังแตกเป็นเสี่ยงๆ

“นี่มันไข่มุกเจ็ดสังหาร อาวุธชั่วร้ายประจำวิหารโลหิตสังหาร เจ้านี่มีอาวุธสังหารนี้ในมือ พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ เจ้ารีบพาเทียนเอ๋อร์หนีไป!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวแผ่ท่วงทำนองแห่งเซียนออกมาทั่วร่าง จะเห็นพลังวิญญาณกลายเป็นผีเสื้อเซียนพากันโบยบิน

นางประสานมุทราเตรียมจะต้านประมุขชุดคลุมโลหิตไว้สุดชีวิต

“ได้ยินมาว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวได้รับขนานนามว่าเป็นสุดยอดในวิถีโอสถแห่งดินแดนบูรพา ไฉนต้องเป็นศัตรูกับข้าด้วย”

ประมุขชุดคลุมโลหิตแค่นยิ้ม “ข้าเคยบอกแล้วว่าหากไม่มีผู้อริยะมา ต่อให้พวกเจ้าดิ้นรนกว่านี้ก็เป็นแค่เอาไม้ซีกไปงัดกับไม้ซุง ช่างเถอะ จะไม่เล่นกับพวกเจ้าแล้ว!”

ประมุขชุดคลุมโลหิตเอามือขวาคว้าอากาศ พลันรวมเป็นทวนกระดูกสีโลหิตเล่มหนึ่ง

เขากวัดแกว่งทวนกระดูกอย่างแรง ทวนกระดูกขยายใหญ่ขึ้นพันเท่าทันที กลายเป็นทวนยักษ์พันจั้งฟาดลงมาอย่างฉับพลัน

มวลอากาศพังทลายไปตามที่ทวนลากไป พลังของทวนกระดูกโลหิตควบคุมทั้งสามคนไว้อย่างแน่นหนา ทำให้หลบไม่ได้เลย

“ตาเยี่ย เตรียมลงมือเถอะ!”

เสิ่นเทียนถอนหายใจอย่างจนปัญญา ก่อนจะพูดในใจ

เทียบกับชีวิตแล้ว ไม่ว่าจะทรัพยากรอะไรก็ต้องวางไว้ข้างหลัง เสิ่นเทียนไม่ใช่คนที่เห็นคนอื่นลำบากแล้วไม่ช่วย

โดยเฉพาะคนพวกนี้มาเพราะช่วยตน!

ทว่ากลับมีเสียงหัวเราะของเยี่ยฉิงชางดังขึ้นในความคิดเขา “ไม่ต้องรีบ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาข้าออกมือ!”

…….

กระดูกสีโลหิตยังฟาดลงมาต่อไป มวลอากาศพังทลายแทบจะลุกลามมาถึงตรงหน้าเสิ่นเทียน

นัยน์ตาผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวฉายประกายเด็ดขาด เหมือนตัดสินใจจะปกป้องเสิ่นเทียนสุดชีวิต

ถึงอย่างไร เทียนเอ๋อร์ก็เป็นศิษย์ของเขา!

ทว่าตอนนี้เองทวนกระดูกสีโลหิตพันจั้งหยุดค้าง

มวลอากาศพังทลายหยุดลุกลาม กระดูกสีขาวบดบังฟ้าแหลกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นผุยผง

เสียงเย็นชาดังขึ้นในความว่างเปล่า “เป็นข้าที่ยกดาบไม่ไหว หรือเป็นเพราะช่วงนี้หนูอย่างพวกเจ้าว่างงานกัน หลายร้อยปีมานี้ไม่เคยไปสร้างปัญหาให้หนูอย่างพวกเจ้า แต่ตอนนี้กลับกล้าลงมือกับคนของข้ารึ”

บนทวนกระดูกสีโลหิตยาวพันจั้งค่อยๆ เกิดรอยร้าวขึ้น ทั้งยังลุกลามไปอย่างรวดเร็ว

ตรงจุดเริ่มของรอยร้าวจะเห็นนักพรตชรายืนอยู่คนหนึ่ง

เขาสวมชุดเซียนยันต์แปดทิศ ดูเป็นคนแก่สุขภาพดี ทว่าตอนนี้แขนสองข้างกลับแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ แผ่ความหยิ่งยโสเอ่อล้นออกมาทั้งตัว

หมัดขวาของนักพรตชราทะลวงเข้าไปกลางทวนกระดูก พละกำลังน่าสะพรึงสั่นสะเทือนทวนกระดูกพันจั้งจนแตกหักเป็นตอกระดูกชิ้นๆ

“ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต?”

เมื่อเห็นนักพรตชราหนวดเคราและเส้นผมเป็นสีขาวหมดคนนั้นแล้ว ประมุขชุดคลุมโลหิตมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย

รุ่นเยาว์อาจจะไม่รู้ถึงความน่ากลัวของนักพรตชราคนนี้ แต่ประมุขชุดคลุมโลหิตเป็นคนจากสมัยนั้น

เขาเข้าใจดีกว่าทุกคนว่าเจ้านี่บ้าและแข็งแกร่งเพียงใด

ตอนนั้นอาจารย์ของเขาก็ถูกเจ้านี่ข้ามระดับพลังมาตบตาย!

แม้จากนั้นผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตจะสิ้นพลังบำเพ็ญ ได้แต่เริ่มฝึกใหม่ แต่หลายปีมานี้ พลังบำเพ็ญของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็กลับมาผู้สูงศักดิ์สวรรค์อีกครั้ง มิหนำซ้ำยังเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ศาสตร์หลอมกายเทพมาร

สารภาพตามตรง แม้จะเป็นผู้อริยะ ประมุขชุดคลุมโลหิตก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะได้

……

ขอไม่เอ่ยว่าประมุขชุดคลุมโลหิตจริงจังและหวาดกลัวเพียงใด ตอนนี้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวถอนหายใจโล่งอกแล้ว

โดยเฉพาะผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ ตอนนี้ใบหน้าแดงเรื่อนิดๆ เมื่อครู่นี้ศิษย์พี่ฉู่เหอบอกว่าข้าเป็นคนของเขารึ

ซี้ด อายุขนาดนี้แล้ว ยังจะมาพูดเรื่องน่าอายเช่นนี้อีก

ทั้งยังพูดต่อหน้าเด็ก หน้าไม่อาย!

“ศิษย์พี่ใหญ่มาทันพอดี อย่าปล่อยเจ้ามารลัทธิชั่วร้ายนี่ไปนะ!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวมีความเมตตามาแต่กำเนิด ฝึกศาสตร์หลอมโอสถเป็นหลัก ลงเขาไปช่วยสรรพสัตว์บ่อยครั้ง

เมื่อครู่ตอนที่เผชิญหน้ากับวิชาลับของประมุขชุดคลุมโลหิต ‘โลกกระดูกขาว’ นางรู้สึกได้ชัดเจนถึงความแค้นสูงสุดที่แฝงอยู่ในโลกกระดูกขาวนั้น

เห็นได้ชัดมากว่าสมบัติวิเศษชิ้นนี้ไม่ใช่สมบัติที่ถูกต้องชอบธรรมอะไร แต่สังเวยจากโลหิตสิ่งมีชีวิตมากมาย

แม้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวจะมีนิสัยอ่อนโยน แต่ตอนนี้ก็ยังมีจิตสังหารกับประมุขชุดคลุมโลหิต

แน่นอน ไม่ใช่เพราะศิษย์พี่ใหญ่มาแน่นอน แต่เป็นเพราะศิษย์พี่รองไม่มาจึงลงความแค้นกับประมุขชุดคลุมโลหิต

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตฉู่หรงเหอพยักหน้า “วางใจเถอะ เจ้าหนูเสวี่ยซานี่กล้าลงมือกับศิษย์หลานของข้า ข้าจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพูดพลางตบบ่าเสิ่นเทียน ก่อนจะพูดด้วยใบหน้ารักและมีเมตตา “เทียนเอ๋อร์ เจ้าไปอยู่ข้างอาจารย์อาทั้งสองก่อน ดูว่าข้าจะระบายโทสะให้เจ้าอย่างไร!”

ถึงจะรู้สึกว่าบัวมรกตในตอนนี้ต่างไปจากบัวมรกตที่เจอกันครั้งแรกเล็กน้อย แต่เสิ่นเทียนก็ยังไปยืนข้างๆ อย่างว่าง่าย เพราะอย่างไรถ้าให้ผู้อาวุโสออกมือจัดการได้ เขาจะเผาเงินเติมบัตรทองสู้เพื่ออะไรกัน

‘เจ้าหนูนี่มาสนามรบบรรพกาลครั้งเดียวกลับได้มหาโชคลิขิต ตอนนี้ขนาดทองคำเซียนปีกปักษาอันดับแปดในรายนามทองคำเซียนยังได้มาติดหลัง!

อีกทั้งยังรู้สึกว่าตอนนี้พลังปัญจธาตุในตัวเขายังหมุนเวียนไร้ที่สิ้นสุด รากฐานแน่นมาก

หึ จะต้องได้ผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ในสนามรบบรรพกาลแน่นอน ข้าจะต้องคิดหาทางแบ่งน้ำแกงมาสักถ้วย! อาศัยจังหวะนี้กระชับความสัมพันธ์กับเจ้าหนูนี่ให้เป็นว่าที่อาจารย์!’

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนค่อยๆ ปลดกระบองยาวข้างหลังออกมา

พลังที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ปะทุขึ้นบนผิวกายผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต กล้ามเนื้อเขาเริ่มขยายตัวถึงขีดสุด

ชุดเซียนยันต์แปดทิศแทบจะถูกตรึงไว้สุดขีด มองผ่านชุดเซียนไปจะเห็นกล้ามเนื้อเป็นสัดส่วนชัดเจน ทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่หน้าแดงหูแดง

“เสวี่ยซา เจ้าคงรู้แล้วสิ!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตใช้มือขวาชูกระบองยาวพร้อมกับพุ่งเข้าหาประมุขชุดคลุมโลหิต

เมื่อฟาดกระบองลงไป ไม่มีหรอกกระบองพันจั้งปกคลุมฟ้าดิน มีเพียงพลังที่หดตัวถึงขีดสุดเท่านั้น

กระบองยาวผ่านไปที่ใด มวลอากาศจะแหลกเป็นผุยผง มิติสีดำแตกออกพร้อมกับนักพรตชราพุ่งเข้าใส่ประมุขชุดคลุมโลหิต

“บัดซบ ข้าเป็นผู้อริยะผู้ยิ่งใหญ่ จะไปแพ้หมดปลวกที่ยังไม่ก้าวสู่ผู้อริยะอย่างเจ้าได้อย่างไร”

นัยน์ตาประมุขชุดคลุมโลหิตฉายแววตื่นตระหนกเสี้ยวหนึ่ง แต่ไม่ได้เผยออกมา

ถึงอย่างไรในหุบเขาข้างล่างนี้ก็ยังมีน้องเล็กอยู่!

เขาส่งโลหิตบริสุทธิ์เข้าไปในไข่มุกเจ็ดสังหารในมืออย่างเงียบเชียบ พริบตาเดียวนั้นไข่มุกเจ็ดโลหิตเปล่งแสงสว่างจ้า รวมเป็นทวนกระดูกสีแดงคล้ำยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ภายนอกทวนปกคลุมด้วยลวดลายสีแดงเข้มประหลาด มีเงามารร้ายวนเวียนอยู่รางๆ

“ฆ่าฟ้าฆ่าดินฆ่าเทพฆ่าพุทธ ฆ่าผีฆ่ามารฆ่าทุกสรรพสัตว์ เจ็ดสังหารสิ้น!”

ประมุขชุดคลุมโลหิตเส้นผมปลิวไสว ทั่วร่างอยู่กลางแม่น้ำยาวสีโลหิต กลิ่นอายมารปกคลุมลงมามืดฟ้ามัวดิน

เขาแทงทวนยาวในมือออกไป กลายเป็นเงาทวนเป็นพันเป็นหมื่นเล่มในทันใด ปิดตายทางหนีทุกทางของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตฉู่หรงเหอ

แม้จะเจอกับศัตรูที่ระดับต่ำกว่าหนึ่งระดับพลังใหญ่ แต่ก็ไม่กล้าดูถูกแม้แต่นิด

หนึ่งทวนแทงออกไป นี่คือการทุ่มสุดกำลังแล้ว!

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+