บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 268 นักบวชลึกลับ บุตรศักดิ์สิทธิ์ชี้ทาง

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 268 นักบวชลึกลับ บุตรศักดิ์สิทธิ์ชี้ทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ศิษย์พี่เสิ่นเทียน ข้านับถือท่านมานานแล้ว!”

“ได้ยินว่าศิษย์พี่เป็นบุตรแห่งโชคที่สวรรค์ปกป้อง นี่จริงรึ”

“ได้ยินว่าท่านได้อันดับหนึ่งในหอคอยเทพสงคราม เป็นโอรสสวรรค์แปดดาวแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน สุดยอดมาก!”

“ศิษย์พี่ๆ ข้าได้ฟังเรื่องราวของท่านจนเติบใหญ่ ตอนนี้ท่านมีคู่ครองรึยัง พิจารณาข้าดูได้หรือไม่”

……

เสิ่นเทียนเพิ่งเดินมาข้างผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาว พวกนกน้อยกลุ่มหนึ่งก็หลั่งไหลกันเข้ามา

ใบหน้าพวกนางมีแต่แสงสว่าง แต่ละคนมาเกาะบนตัวเสิ่นเทียน

ทำให้เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตนวางแผนผิดพลาดไป

เดิมทีเสิ่นเทียนเข้ากลุ่มของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวมาเพราะเห็นคนกลุ่มนี้เยอะ จับปลาได้สะดวก แต่หลังจากเข้ากลุ่มมาเขาก็สำนึกเสียใจภายหลัง

เขาลืมว่าตนเป็นบุรุษรูปงามที่สุดแห่งยุคคนหนึ่ง ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ใดจะเป็นจุดรวมของทุกสายตา

แม้ในกลุ่มผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวจะมีคนร้อยกว่าคน เขาก็ยังถูกลิขิตว่าเป็นที่สนใจของคนมากที่สุด ไม่มีทางเลี่ยงได้เลย

หากโดนคนมองเยอะขนาดนี้ จะไปแอบจับปลาน้ำขุ่นได้อย่างไร ไม่ตลกเลยนะ!

เฮ้อ หน้าตาหล่อเหลาเป็นปัญหาจริงๆ!

“ศิษย์พี่หญิงน้องหญิงทุกท่านเงียบหน่อย ช่วยเงียบหน่อย!” เสิ่นเทียนทำหน้าเคร่ง “ครั้งนี้เป็นการปิดล้อมลัทธิวิญญาณร้ายไม่ใช่การเที่ยวเล่นตามป่าเขา ขอให้ทุกคนเพิ่มการระวังตัวด้วย อย่าคิดว่าไม่เป็นอะไร ขอเน้นย้ำอีกครั้ง นี่ไม่ใช่การฝึกซ้อม!

ข้าแซ่เสิ่นไม่อยากเห็นว่ามีศิษย์พี่หญิงน้องหญิงคนใดบาดเจ็บหลังจบการปิดล้อมครั้งนี้!”

คำพูดของเสิ่นเทียนมีอำนาจโน้มน้าว ทำให้ผู้ฝึกบำเพ็ญหญิงทั้งหมดไม่เสียงดังกันอีก

แต่สายตาที่พวกนางมองเสิ่นเทียนกลับมีความรักและเคารพมากขึ้น

สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไม่ใช่แค่หน้าตาองอาจห้าวหาญ แต่ยังอ่อนโยนอะไรเช่นนี้

แล้วก็ไม่ใช่แค่อ่อนโยน หากวางอำนาจขึ้นมาก็ทำให้คนเกิดคลื่นกระเพื่อม ดุดันมาก ชอบมาก~

ทำให้คนอยากจะฟังคำพูดของเขาโดยไม่รู้ตัว!

หลงรักเลยๆ~

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนมีบารมีสูงส่งเช่นนี้ในหมู่ศิษย์รุ่นเยาว์ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวก็ทำหน้าปลาบปลื้มใจ

ในทางตรงข้ามผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงมองกลุ่มศิษย์หญิงพวกนั้นด้วยสีหน้าไม่ดีนัก

รอบตัวนางมีอัสนีเทพวิหคชาดธาตุไฟลำดับสามสีแดงวนเวียนอยู่ มองไปแล้วดูสวยงาม สูงส่ง แต่ว่า…ฉุนเฉียว

“ตั้งใจหน่อย คิดว่านี่คือการเที่ยวเล่นในป่าเขารึ แล้วก็เจ้านั่น ทิ้งผลึกบันทึกภาพไป!

ในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงแห่งนี้ บางทีอาจจะมีผู้ฝึกบำเพ็ญลัทธิวิญญาณร้ายซ่อนอยู่ตรงมุมนั้น อาจจะซุ่มโจมตีมาได้ทุกเมื่อ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเจ้ากลับยังคิดเรื่องพวกนี้อีกรึ อยากตายรึ สภาพของพวกเจ้าตอนนี้ หากเจอลัทธิวิญญาณร้ายก็มีแต่ความตาย!”

ดาบใหญ่สีแดงเพลิงเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดง เกิดเป็นข้อแตกต่างกับร่างอรชรของนางอย่างชัดเจน

เปลวไฟร้อนแรงลุกแผดเผาบนดาบเล่มใหญ่ ก่อนที่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงจะเอ่ยอย่างเย็นชา “ต่อไปจะเข้าอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง อาจจะเจอกับอันตรายได้ทุกเมื่อ หากมีใครพูดเสียงดังอีก อย่าหาว่าข้าไร้น้ำใจแล้วกัน!”

เอ่ยจบแล้วผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงก็ถือดาบใหญ่แดงเพลิงกลับด้าน นำหน้าพุ่งเข้าไปในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง

อาจารย์อาผู้ฉุนเฉียวตัดการเชื่อมต่อ…

“ศิษย์พี่หญิงบัวแดงเป็นคนใจร้อน ทุกคนอย่าใส่ใจ สรุปว่าต้องระวังก็พอ”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวยิ้มพลางตามผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงไป ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ถือกระจกฐานหยกคุ้มกันอยู่ด้านข้าง

กลุ่มคนพุ่งเข้าไปในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงกันอย่างยิ่งใหญ่

……

ขณะเดียวกันภายในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง

ในซากพระราชวังมีนักบวชนั่งขัดสมาธิอยู่ท่านหนึ่ง

นักบวชท่านนี้แต่งตัวแปลกมาก ปลงผมเพียงครึ่งเดียว

ศีรษะครึ่งซ้ายเกลี้ยงเกลามันวาว แต่ครึ่งทางขวาเป็นผมยาวสีดำอ่อนนุ่มพาดลงมา

หน้าผากทางครึ่งซ้ายมีสัญลักษณ์สวัสติกะของฝ่ายพุทธ ทางขวากลับเป็นเพลิงสีดำประหลาด

ร่างครึ่งทางซ้ายคลุมด้วยจีวรสีขาวจันทร์ ร่างครึ่งทางขวาสวมชุดเกราะสีดำ เหมือนกับเทพอสุรา

เขาเพียงนั่งอยู่ในพระราชวังอย่างสบายๆ ทางขวาส่องแสงพุทธ สะท้อนความดีงามทุกอย่าง ความเป็นมงคล จริงจังและความสุข

ทางขวากลับมีควันดำหมุนม้วน จะเห็นโลหิตกับไฟจากตรงกลาง เห็นความวุ่นวายมุมหนึ่ง เห็นการเข่นฆ่าและกลิ่นคาวเลือดไม่มีสิ้นสุด

นักบวชประหลาดท่านนี้เหมือนอยู่ระหว่างพุทธแท้กับมารร้าย อยู่ระหว่างความเป็นและความตาย อยู่ระหว่างความถูกต้องและชั่วร้าย

พุทธมีคำกล่าวว่า ‘ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขตกลับใจคือฟากฝั่ง วางดาบลงจะสำเร็จอรหันต์โดยพลัน’

แต่นักบวชท่านนี้เหมือนจะไม่อยู่ฝั่งนี้ และก็ไม่อยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่อยู่กลางทะเลทุกข์ ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายขัดแย้งกัน

เขาท่องอาคมอะไรบางอย่าง

ทุกคำที่ท่องออกมาจะรวมเป็นอักขระ ลอยวนเวียนอยู่ข้างกายเขาไม่สลายไป

หากมีนักบวชชั้นสูงของฝ่ายพุทธอยู่ที่นี่ อาจจะฟังมนตร์ของเขาออกว่าเป็นคัมภีร์สูงสุดของฝ่ายพุทธ…มหาปรัชญาสูตร

แต่มหาปรัชญาสูตรที่เขาสวดไม่ใช่การท่องปกติ แต่เป็นการท่องย้อนกลับ

ต้องรู้ว่าในฝ่ายพุทธ มหาปรัชญาสูตรมีศักดิ์แทบจะเท่ากับคัมภีร์จักรพรรดิ ประเมินมูลค่าไม่ได้

สำหรับนักบวชแล้ว คัมภีร์บทนี้ศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจก้าวร่วง หากนักบวชท่านใดโชคดีได้ถ่ายทอดก็จะเหมือนกับเป็นเทพเจ้า

การท่องผิดคำเดียวก็ถือว่าดูหมิ่นแล้ว จึงไม่ต้องพูดถึงการท่องย้อนกลับอย่างคนนี้ ท่องย้อนตามอำเภอใจ นี่ขัดกับหลักทำนองคลองธรรม เป็นการหยามพุทธแท้!

แต่สิ่งที่ทำให้คนตกใจคือเห็นๆ อยู่ว่าคนนี้ท่องมหาปรัชญาสูตรย้อนกลับอย่างไม่คล่องแคล่ว ไม่มีความลึกลับใดๆ ที่กล่าวได้ชัดเลย

แต่มนตร์ของเขากลับเหนี่ยวนำกฎของฟ้าดิน สร้างขึ้นเป็นภาษาสันสกฤตแปลกๆ

ภาษาสันสกฤตพวกนี้ออกสีแดงเข้ม ทุกตัวแฝงไว้ด้วยพลังยิ่งใหญ่สูงสุด

เหมือนว่าจะซ่อนหลักการแท้จริงที่ตรงข้ามกับพุทธอย่างสิ้นเชิงไว้!

เวลาผ่านไปทีละนาที ภาษาสันสกฤตสีแดงเข้มข้างกายนักบวชมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นขนัดขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายภาษาสันสกฤตพวกนี้ก็ประทับตราบนตัวนักบวช ก่อนจะหายไป

นักบวชลืมตาขึ้นช้าๆ มีสามเงาคนยืนอยู่ตรงหน้าเขา

สามร่างเงาคนนี้สวมชุดคลุมยาวสีแดงเข้ม มีกฎเกณฑ์วนเวียนอยู่รอบตัวลับๆ

เห็นได้ชัดว่ามีระดับพลังไม่ธรรมดามาก

เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้านักบวชคนนี้ พวกเขากลับดูอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างยิ่ง ไม่กล้าเกินเลยแม้แต่นิด

“มหาราชอู๋เซิง คนจากฝ่ายเซียนพวกนั้นมาแล้ว ให้พวกเราออกมือหรือไม่”

นักบวชยกมุมปากเล็กน้อย ประกายแสงพุทธรวมตรงปลายนิ้วเขาเป็นดอกไม้จินผอหลัวสีดำดอกหนึ่ง ดูเคร่งขรึมและแปลกประหลาด

เขาคีบดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม “ช่วยไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลา”

พูดจบ เขาก็หลับตาลงอีกครั้งและสวดมหาปรัชญาสูตรย้อนกลับต่อ

ราวกับว่าตอนนี้กองทัพฝ่ายเซียนที่บุกมาอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงเป็นเพียงไก่ดินสุนัขกระเบื้อง ไม่มีค่าให้เขาแสดงสีหน้าใดๆ!

…..

“แหลกไปเสีย!”

ดาบเพลิงยาวเกือบร้อยจั้งฟันลงมา ทำลายค่ายกลคุ้มกันสีดำทันที

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงถือดาบใหญ่เพลิงพุ่งเข้าไปกลางค่ายกลคุ้มกันก่อน ศิษย์ฝ่ายเซียนคนอื่นๆ ตามหลังมาติดๆ

“เรียนผู้สูงศักดิ์สวรรค์ ไม่พบสาวกลัทธิชั่วร้าย”

“เรียนผู้สูงศักดิ์สวรรค์ พบห้องหลอมโอสถของลัทธิวิญญาณร้าย เตาหลอมกับโอสถถูกขนย้ายออกไปหมดแล้ว”

“เรียนผู้สูงศักดิ์สวรรค์ พบห้องหลอมอาวุธของลัทธิวิญญาณร้าย เตาหลอมอาวุธกับอาวุธวิเศษถูกย้ายไปหมดแล้ว”

“เรียนผู้สูงศักดิ์สวรรค์ พบคลังของลัทธิวิญญาณร้าย ประตูเปิด ของล้ำค่าถูกย้ายไปหมดแล้ว”

เมื่อได้ฟังรายงานจากศิษย์ทุกคน ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ทุกคนต่างมีสีหน้าจริงจัง

บุกมาตลอดทาง พวกเขาทำลายภูเขาที่มีค่ายกลคุ้มกันไปเจ็ดแปดลูกแล้ว ปรากฏว่าไม่เจอลัทธิวิญญาณร้ายสักคน อีกทั้งในภูเขายังว่างเปล่า

นี่เก็บกวาดได้สะอาดเช่นนี้เชียวหรือ ไอ้พวกแมลงสาบหิวโซ…

นี่หมายความว่าอย่างไร?

หมายความว่าสาวกลัทธิวิญญาณร้ายพวกนั้นของวิหารเจ็ดสังหารรู้ข่าวก่อนแล้วถึงได้เริ่มถอยไป

ตอนนี้ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะซ่อนอยู่ในมุมหนึ่งของอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง ยังไม่ได้หนีไปไหน

ไม่เช่นนั้นการปิดล้อมของฝ่ายเซียนแดนศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นเรื่องตลก!

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวมองเสิ่นเทียน “เทียนเอ๋อร์ ได้ยินศิษย์พี่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์บอกว่าเจ้าเป็นบุตรแห่งโชคที่มีสวรรค์ปกป้อง ก่อนหน้านี้เจ้าเองก็เป็นคนพบสาวกลัทธิชั่วร้ายของวิหารโลหิตสังหาร ตอนนี้กลุ่มเราไม่มีผลงานอะไรเลย

เจ้าคิดว่าต่อไป…เราน่าจะไปสำรวจที่ใดต่อ”

คำถามของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวพลันดึงดูดความสนใจของคนมากมาย

สายตาที่เต็มไปด้วยการเฝ้ารอคอยมารวมที่ใบหน้าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

มาแล้ว มาแล้ว!

การเลือกของบุตรศักดิ์สิทธิ์…ในตำนาน

ทุกคนได้ยินมาว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ใช่แค่มีใบหน้าเลิศล้ำ แต่ยังมีสวรรค์ปกป้องดูแล

ไม่ว่าเขาจะไปที่ใดจะเจอกับโชคลิขิต ไม่เคยไปเสียเที่ยว

ตอนนี้ ในที่สุดก็จะได้เห็นความสามารถมหัศจรรย์นี้

แค่คิดก็ทำทำให้คนเฝ้ารอคอยกันจริงๆ!

……..

เสิ่นเทียนมองผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาว ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่และผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงด้วยความจนปัญญา สารภาพตามตรง เขาอยากจะชี้ทางตั้งนานแล้ว

ปัญหาคืออาจารย์อาบัวแดงมีนิสัยมุทะลุมากจริงๆ ถือดาบใหญ่กวาดล้าง บ้าอำนาจยิ่งกว่าศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีอีก

อืม เหมือนว่าอัสนีธาตุไฟของศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีก็ได้นางสอน ถือว่าเป็นศิษย์ครึ่งหนึ่ง

สรุปคือเสิ่นเทียนไม่กล้าขวางหน้าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงเลยจริงๆ

กลัวนางคุมดาบไม่อยู่แล้วฟันใส่เขา

ดีที่ตอนนี้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวถามเสิ่นเทียน เขาจึงมีโอกาสขาย ‘สัมผัสที่หก’ ของเขา

เหอะๆ อาจารย์อาทุกท่าน เหล่าศิษย์พี่หญิงและศิษย์น้องหญิง

ข้าจะเกาะกินโชคลิขิตของพวกเจ้าอย่างแน่นอน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 268 นักบวชลึกลับ บุตรศักดิ์สิทธิ์ชี้ทาง

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 268 นักบวชลึกลับ บุตรศักดิ์สิทธิ์ชี้ทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ศิษย์พี่เสิ่นเทียน ข้านับถือท่านมานานแล้ว!”

“ได้ยินว่าศิษย์พี่เป็นบุตรแห่งโชคที่สวรรค์ปกป้อง นี่จริงรึ”

“ได้ยินว่าท่านได้อันดับหนึ่งในหอคอยเทพสงคราม เป็นโอรสสวรรค์แปดดาวแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน สุดยอดมาก!”

“ศิษย์พี่ๆ ข้าได้ฟังเรื่องราวของท่านจนเติบใหญ่ ตอนนี้ท่านมีคู่ครองรึยัง พิจารณาข้าดูได้หรือไม่”

……

เสิ่นเทียนเพิ่งเดินมาข้างผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาว พวกนกน้อยกลุ่มหนึ่งก็หลั่งไหลกันเข้ามา

ใบหน้าพวกนางมีแต่แสงสว่าง แต่ละคนมาเกาะบนตัวเสิ่นเทียน

ทำให้เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตนวางแผนผิดพลาดไป

เดิมทีเสิ่นเทียนเข้ากลุ่มของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวมาเพราะเห็นคนกลุ่มนี้เยอะ จับปลาได้สะดวก แต่หลังจากเข้ากลุ่มมาเขาก็สำนึกเสียใจภายหลัง

เขาลืมว่าตนเป็นบุรุษรูปงามที่สุดแห่งยุคคนหนึ่ง ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ใดจะเป็นจุดรวมของทุกสายตา

แม้ในกลุ่มผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวจะมีคนร้อยกว่าคน เขาก็ยังถูกลิขิตว่าเป็นที่สนใจของคนมากที่สุด ไม่มีทางเลี่ยงได้เลย

หากโดนคนมองเยอะขนาดนี้ จะไปแอบจับปลาน้ำขุ่นได้อย่างไร ไม่ตลกเลยนะ!

เฮ้อ หน้าตาหล่อเหลาเป็นปัญหาจริงๆ!

“ศิษย์พี่หญิงน้องหญิงทุกท่านเงียบหน่อย ช่วยเงียบหน่อย!” เสิ่นเทียนทำหน้าเคร่ง “ครั้งนี้เป็นการปิดล้อมลัทธิวิญญาณร้ายไม่ใช่การเที่ยวเล่นตามป่าเขา ขอให้ทุกคนเพิ่มการระวังตัวด้วย อย่าคิดว่าไม่เป็นอะไร ขอเน้นย้ำอีกครั้ง นี่ไม่ใช่การฝึกซ้อม!

ข้าแซ่เสิ่นไม่อยากเห็นว่ามีศิษย์พี่หญิงน้องหญิงคนใดบาดเจ็บหลังจบการปิดล้อมครั้งนี้!”

คำพูดของเสิ่นเทียนมีอำนาจโน้มน้าว ทำให้ผู้ฝึกบำเพ็ญหญิงทั้งหมดไม่เสียงดังกันอีก

แต่สายตาที่พวกนางมองเสิ่นเทียนกลับมีความรักและเคารพมากขึ้น

สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไม่ใช่แค่หน้าตาองอาจห้าวหาญ แต่ยังอ่อนโยนอะไรเช่นนี้

แล้วก็ไม่ใช่แค่อ่อนโยน หากวางอำนาจขึ้นมาก็ทำให้คนเกิดคลื่นกระเพื่อม ดุดันมาก ชอบมาก~

ทำให้คนอยากจะฟังคำพูดของเขาโดยไม่รู้ตัว!

หลงรักเลยๆ~

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนมีบารมีสูงส่งเช่นนี้ในหมู่ศิษย์รุ่นเยาว์ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวก็ทำหน้าปลาบปลื้มใจ

ในทางตรงข้ามผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงมองกลุ่มศิษย์หญิงพวกนั้นด้วยสีหน้าไม่ดีนัก

รอบตัวนางมีอัสนีเทพวิหคชาดธาตุไฟลำดับสามสีแดงวนเวียนอยู่ มองไปแล้วดูสวยงาม สูงส่ง แต่ว่า…ฉุนเฉียว

“ตั้งใจหน่อย คิดว่านี่คือการเที่ยวเล่นในป่าเขารึ แล้วก็เจ้านั่น ทิ้งผลึกบันทึกภาพไป!

ในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงแห่งนี้ บางทีอาจจะมีผู้ฝึกบำเพ็ญลัทธิวิญญาณร้ายซ่อนอยู่ตรงมุมนั้น อาจจะซุ่มโจมตีมาได้ทุกเมื่อ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเจ้ากลับยังคิดเรื่องพวกนี้อีกรึ อยากตายรึ สภาพของพวกเจ้าตอนนี้ หากเจอลัทธิวิญญาณร้ายก็มีแต่ความตาย!”

ดาบใหญ่สีแดงเพลิงเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดง เกิดเป็นข้อแตกต่างกับร่างอรชรของนางอย่างชัดเจน

เปลวไฟร้อนแรงลุกแผดเผาบนดาบเล่มใหญ่ ก่อนที่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงจะเอ่ยอย่างเย็นชา “ต่อไปจะเข้าอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง อาจจะเจอกับอันตรายได้ทุกเมื่อ หากมีใครพูดเสียงดังอีก อย่าหาว่าข้าไร้น้ำใจแล้วกัน!”

เอ่ยจบแล้วผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงก็ถือดาบใหญ่แดงเพลิงกลับด้าน นำหน้าพุ่งเข้าไปในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง

อาจารย์อาผู้ฉุนเฉียวตัดการเชื่อมต่อ…

“ศิษย์พี่หญิงบัวแดงเป็นคนใจร้อน ทุกคนอย่าใส่ใจ สรุปว่าต้องระวังก็พอ”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวยิ้มพลางตามผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงไป ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ถือกระจกฐานหยกคุ้มกันอยู่ด้านข้าง

กลุ่มคนพุ่งเข้าไปในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงกันอย่างยิ่งใหญ่

……

ขณะเดียวกันภายในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง

ในซากพระราชวังมีนักบวชนั่งขัดสมาธิอยู่ท่านหนึ่ง

นักบวชท่านนี้แต่งตัวแปลกมาก ปลงผมเพียงครึ่งเดียว

ศีรษะครึ่งซ้ายเกลี้ยงเกลามันวาว แต่ครึ่งทางขวาเป็นผมยาวสีดำอ่อนนุ่มพาดลงมา

หน้าผากทางครึ่งซ้ายมีสัญลักษณ์สวัสติกะของฝ่ายพุทธ ทางขวากลับเป็นเพลิงสีดำประหลาด

ร่างครึ่งทางซ้ายคลุมด้วยจีวรสีขาวจันทร์ ร่างครึ่งทางขวาสวมชุดเกราะสีดำ เหมือนกับเทพอสุรา

เขาเพียงนั่งอยู่ในพระราชวังอย่างสบายๆ ทางขวาส่องแสงพุทธ สะท้อนความดีงามทุกอย่าง ความเป็นมงคล จริงจังและความสุข

ทางขวากลับมีควันดำหมุนม้วน จะเห็นโลหิตกับไฟจากตรงกลาง เห็นความวุ่นวายมุมหนึ่ง เห็นการเข่นฆ่าและกลิ่นคาวเลือดไม่มีสิ้นสุด

นักบวชประหลาดท่านนี้เหมือนอยู่ระหว่างพุทธแท้กับมารร้าย อยู่ระหว่างความเป็นและความตาย อยู่ระหว่างความถูกต้องและชั่วร้าย

พุทธมีคำกล่าวว่า ‘ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขตกลับใจคือฟากฝั่ง วางดาบลงจะสำเร็จอรหันต์โดยพลัน’

แต่นักบวชท่านนี้เหมือนจะไม่อยู่ฝั่งนี้ และก็ไม่อยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่อยู่กลางทะเลทุกข์ ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายขัดแย้งกัน

เขาท่องอาคมอะไรบางอย่าง

ทุกคำที่ท่องออกมาจะรวมเป็นอักขระ ลอยวนเวียนอยู่ข้างกายเขาไม่สลายไป

หากมีนักบวชชั้นสูงของฝ่ายพุทธอยู่ที่นี่ อาจจะฟังมนตร์ของเขาออกว่าเป็นคัมภีร์สูงสุดของฝ่ายพุทธ…มหาปรัชญาสูตร

แต่มหาปรัชญาสูตรที่เขาสวดไม่ใช่การท่องปกติ แต่เป็นการท่องย้อนกลับ

ต้องรู้ว่าในฝ่ายพุทธ มหาปรัชญาสูตรมีศักดิ์แทบจะเท่ากับคัมภีร์จักรพรรดิ ประเมินมูลค่าไม่ได้

สำหรับนักบวชแล้ว คัมภีร์บทนี้ศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจก้าวร่วง หากนักบวชท่านใดโชคดีได้ถ่ายทอดก็จะเหมือนกับเป็นเทพเจ้า

การท่องผิดคำเดียวก็ถือว่าดูหมิ่นแล้ว จึงไม่ต้องพูดถึงการท่องย้อนกลับอย่างคนนี้ ท่องย้อนตามอำเภอใจ นี่ขัดกับหลักทำนองคลองธรรม เป็นการหยามพุทธแท้!

แต่สิ่งที่ทำให้คนตกใจคือเห็นๆ อยู่ว่าคนนี้ท่องมหาปรัชญาสูตรย้อนกลับอย่างไม่คล่องแคล่ว ไม่มีความลึกลับใดๆ ที่กล่าวได้ชัดเลย

แต่มนตร์ของเขากลับเหนี่ยวนำกฎของฟ้าดิน สร้างขึ้นเป็นภาษาสันสกฤตแปลกๆ

ภาษาสันสกฤตพวกนี้ออกสีแดงเข้ม ทุกตัวแฝงไว้ด้วยพลังยิ่งใหญ่สูงสุด

เหมือนว่าจะซ่อนหลักการแท้จริงที่ตรงข้ามกับพุทธอย่างสิ้นเชิงไว้!

เวลาผ่านไปทีละนาที ภาษาสันสกฤตสีแดงเข้มข้างกายนักบวชมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นขนัดขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายภาษาสันสกฤตพวกนี้ก็ประทับตราบนตัวนักบวช ก่อนจะหายไป

นักบวชลืมตาขึ้นช้าๆ มีสามเงาคนยืนอยู่ตรงหน้าเขา

สามร่างเงาคนนี้สวมชุดคลุมยาวสีแดงเข้ม มีกฎเกณฑ์วนเวียนอยู่รอบตัวลับๆ

เห็นได้ชัดว่ามีระดับพลังไม่ธรรมดามาก

เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้านักบวชคนนี้ พวกเขากลับดูอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างยิ่ง ไม่กล้าเกินเลยแม้แต่นิด

“มหาราชอู๋เซิง คนจากฝ่ายเซียนพวกนั้นมาแล้ว ให้พวกเราออกมือหรือไม่”

นักบวชยกมุมปากเล็กน้อย ประกายแสงพุทธรวมตรงปลายนิ้วเขาเป็นดอกไม้จินผอหลัวสีดำดอกหนึ่ง ดูเคร่งขรึมและแปลกประหลาด

เขาคีบดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม “ช่วยไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลา”

พูดจบ เขาก็หลับตาลงอีกครั้งและสวดมหาปรัชญาสูตรย้อนกลับต่อ

ราวกับว่าตอนนี้กองทัพฝ่ายเซียนที่บุกมาอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงเป็นเพียงไก่ดินสุนัขกระเบื้อง ไม่มีค่าให้เขาแสดงสีหน้าใดๆ!

…..

“แหลกไปเสีย!”

ดาบเพลิงยาวเกือบร้อยจั้งฟันลงมา ทำลายค่ายกลคุ้มกันสีดำทันที

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงถือดาบใหญ่เพลิงพุ่งเข้าไปกลางค่ายกลคุ้มกันก่อน ศิษย์ฝ่ายเซียนคนอื่นๆ ตามหลังมาติดๆ

“เรียนผู้สูงศักดิ์สวรรค์ ไม่พบสาวกลัทธิชั่วร้าย”

“เรียนผู้สูงศักดิ์สวรรค์ พบห้องหลอมโอสถของลัทธิวิญญาณร้าย เตาหลอมกับโอสถถูกขนย้ายออกไปหมดแล้ว”

“เรียนผู้สูงศักดิ์สวรรค์ พบห้องหลอมอาวุธของลัทธิวิญญาณร้าย เตาหลอมอาวุธกับอาวุธวิเศษถูกย้ายไปหมดแล้ว”

“เรียนผู้สูงศักดิ์สวรรค์ พบคลังของลัทธิวิญญาณร้าย ประตูเปิด ของล้ำค่าถูกย้ายไปหมดแล้ว”

เมื่อได้ฟังรายงานจากศิษย์ทุกคน ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ทุกคนต่างมีสีหน้าจริงจัง

บุกมาตลอดทาง พวกเขาทำลายภูเขาที่มีค่ายกลคุ้มกันไปเจ็ดแปดลูกแล้ว ปรากฏว่าไม่เจอลัทธิวิญญาณร้ายสักคน อีกทั้งในภูเขายังว่างเปล่า

นี่เก็บกวาดได้สะอาดเช่นนี้เชียวหรือ ไอ้พวกแมลงสาบหิวโซ…

นี่หมายความว่าอย่างไร?

หมายความว่าสาวกลัทธิวิญญาณร้ายพวกนั้นของวิหารเจ็ดสังหารรู้ข่าวก่อนแล้วถึงได้เริ่มถอยไป

ตอนนี้ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะซ่อนอยู่ในมุมหนึ่งของอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง ยังไม่ได้หนีไปไหน

ไม่เช่นนั้นการปิดล้อมของฝ่ายเซียนแดนศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นเรื่องตลก!

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวมองเสิ่นเทียน “เทียนเอ๋อร์ ได้ยินศิษย์พี่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์บอกว่าเจ้าเป็นบุตรแห่งโชคที่มีสวรรค์ปกป้อง ก่อนหน้านี้เจ้าเองก็เป็นคนพบสาวกลัทธิชั่วร้ายของวิหารโลหิตสังหาร ตอนนี้กลุ่มเราไม่มีผลงานอะไรเลย

เจ้าคิดว่าต่อไป…เราน่าจะไปสำรวจที่ใดต่อ”

คำถามของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวพลันดึงดูดความสนใจของคนมากมาย

สายตาที่เต็มไปด้วยการเฝ้ารอคอยมารวมที่ใบหน้าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

มาแล้ว มาแล้ว!

การเลือกของบุตรศักดิ์สิทธิ์…ในตำนาน

ทุกคนได้ยินมาว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ใช่แค่มีใบหน้าเลิศล้ำ แต่ยังมีสวรรค์ปกป้องดูแล

ไม่ว่าเขาจะไปที่ใดจะเจอกับโชคลิขิต ไม่เคยไปเสียเที่ยว

ตอนนี้ ในที่สุดก็จะได้เห็นความสามารถมหัศจรรย์นี้

แค่คิดก็ทำทำให้คนเฝ้ารอคอยกันจริงๆ!

……..

เสิ่นเทียนมองผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาว ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่และผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงด้วยความจนปัญญา สารภาพตามตรง เขาอยากจะชี้ทางตั้งนานแล้ว

ปัญหาคืออาจารย์อาบัวแดงมีนิสัยมุทะลุมากจริงๆ ถือดาบใหญ่กวาดล้าง บ้าอำนาจยิ่งกว่าศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีอีก

อืม เหมือนว่าอัสนีธาตุไฟของศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีก็ได้นางสอน ถือว่าเป็นศิษย์ครึ่งหนึ่ง

สรุปคือเสิ่นเทียนไม่กล้าขวางหน้าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงเลยจริงๆ

กลัวนางคุมดาบไม่อยู่แล้วฟันใส่เขา

ดีที่ตอนนี้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวถามเสิ่นเทียน เขาจึงมีโอกาสขาย ‘สัมผัสที่หก’ ของเขา

เหอะๆ อาจารย์อาทุกท่าน เหล่าศิษย์พี่หญิงและศิษย์น้องหญิง

ข้าจะเกาะกินโชคลิขิตของพวกเจ้าอย่างแน่นอน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+