บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 451 อยากให้เปล่ายากขนาดนี้เลยรึ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 451 อยากให้เปล่ายากขนาดนี้เลยรึ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 451 อยากให้เปล่ายากขนาดนี้เลยรึ

ทุกคนกำลังเฝ้ารอจักรพรรดิฮวงสือมาเยือน!

ตอนนี้เอง ห้วงอากาศกระเพื่อม มิติบิดรูป

แสงเทพไม่มีสิ้นสุดพุ่งมาจากอากาศ พลังวนเวียนหนาทึบวนขึ้นฟ้าเก้าชั้น สะท้อนเป็นภาพสีสันหลากสี!

ร่างเงายิ่งใหญ่เดินออกมาจากอากาศ เหมือนหลอมรวมกับอากาศเป็นหนึ่ง พลังมหาศาลยากจะคาดเดา!

เขาย่างก้าวเข้ามา ทุกก้าวจะเหนี่ยวนำหมื่นกฎเกณฑ์ลงมา เหมือนเจ้าสูงสุด สยบฟ้าดิน!

นั่นเป็นเงาสะท้อน แต่กลิ่นอายพลังก็ยังแข็งแกร่งที่สุด ทำให้ทุกคนจิตใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เหมือนกับเทพเจ้ามาเยือน น่าเกรงขามยิ่ง!

ทุกคนเผยแววตากระตือรือร้น พากันก้มหน้าลง ตะโกนเสียงดังด้วยน้ำเสียงเคารพ “ขอต้อนรับท่านจักรพรรดิ!”

เงาสะท้อนนี้ก็คือจักรพรรดิฮวงสือ!

“สหายทุกท่านเกรงใจไปแล้ว!”

จักรพรรดิฮวงสือมีน้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนสายลมเบาพัดมา ทำให้คนไม่รู้สึกถึงแรงกดดันใดๆ เลย

“โลกสะพานเชื่อมฟ้ากำลังจะเปิด แต่โลกนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนในคำเล่าลือ ข้าจะบอกสถานการณ์ในโลกสะพานกับพวกเจ้า! มีเรื่องที่ต้องระวัง หวังว่าทุกท่านจะจดจำไว้!”

เงาสะท้อนจักรพรรดิฮวงสือเอ่ยเนิบนาบ น้ำเสียงเหมือนเสียงลี้ลับสวรรค์เก้าชั้น ดังก้องข้างหูทุกคน!

“ขอบคุณที่ท่านจักรพรรดิชี้แนะ!”

ทุกคนต่างพากันร้องอุทาน

จักรพรรดิฮวงสือยินดีถ่ายทอดประสบการณ์ให้ นี่คือเกียรติยศยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา!

มิหนำซ้ำยังเป็นสถานการณ์ในโลกสะพานเชื่อมฟ้า นี่สำคัญในสำคัญ!

ตอนแรกจักรพรรดิฮวงสือตระหนักมรรคร้อยปีในโลกสะพาน สำเร็จจุดสูงสุดสมบูรณ์ ได้ประโยชน์มากมาย!

เขาต้องเข้าใจสถานการณ์ในโลกสะพานได้ทะลุปรุโปร่งแน่นอน!

การที่การคงอยู่ระดับนี้ถ่ายทอดประสบการณ์ให้ นั่นจะไม่ลอยขึ้นฟ้าไปเลยรึ

ทุกคนพลันรวมสมาธิตั้งใจฟังอย่างดี

จักรพรรดิฮวงสือพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเล่าเรื่องต้องระวังในโลกสะพานเชื่อมฟ้า

…..

โลกสะพานเชื่อมฟ้าต่างกับแดนผาสุกโชคลิขิตอื่น ที่นี่ตั้งอยู่ในเขตต้องห้ามพิเศษนอกฟ้าดิน!

เงื่อนไขการเข้าโลกสะพานสูงมาก คนธรรมดาไม่อาจทำได้!

ไม่ใช่แค่ต้องมีพรสวรรค์การตระหนักรู้แข็งแกร่ง แต่ยังต้องเปล่งเสียงกำเนิดเจตจำนงมรรคาขึ้นพร้อมกับสะพานเชื่อมฟ้า ถึงจะเข้าไปได้

ต่อให้เข้าโลกสะพานได้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลประโยชน์สูงสุด!

นั่นคือทะเลแดนมรรคา แฝงไว้ด้วยเจตจำนงมรรคานับพันนับหมื่นชนิด

เจตจำนงมรรคาแข็งแกร่งกดดัน ทำให้จิตใจคนแตกสลาย ไม่อาจสงบใจตระหนักรู้ได้

ผู้มีพรสวรรค์ค่อนข้างอ่อนแอ ต่อให้เข้าโลกสะพานได้ก็อยู่ได้ไม่กี่วัน!

โลกสะพานเชื่อมฟ้ามีเจตจำนงมรรคามากมาย ทุกชนิดเต็มไปด้วยความเย้ายวนมากมายยากจะคาดเดา ทำให้หลงทางได้ง่ายมาก

หากสถานการณ์ปั่นป่วน ละโมบเกินไป อยากจะตระหนักเจตจำนงมรรคาเยอะๆ ก็จะได้ผลตรงกันข้าม

แบบนี้จะถูกมหามรรคแว้งกัดเอาได้ง่ายที่สุด เจตจำนงมรรคาปั่นป่วน!

เช่นนั้นผลสุดท้ายจะร้ายแรงอย่างยิ่ง!

หากบาดเจ็บมหามรรค อย่างเบาก็จิตมรรคแตกสลาย อย่างหนักก็ธาตุไฟเข้าแทรก!

มีเพียงผู้มีจิตใจเข้มแข็ง ยืนหยัดเจตนาเดิมเท่านั้นถึงจะได้ผลประโยชน์!

…..

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง โลกสะพานยังมีอันตรายอื่นอีก

ที่นี่ไม่ใช่แค่มีมหามรรคสมบูรณ์ แต่ยังมีเจตจำนงมรรคาเสียหายมากมาย ยิ่งผ่านกาลเวลาก็ยิ่งเสื่อมลง เวลาผ่านไป เจตจำนงมรรคาเสียหายพวกนั้นก็เกิดสติปัญญาขึ้น

พวกมันค่อยๆ กลายเป็นร่างสิ่งมีชีวิตและถูกเรียกว่ามารมรรค

แม้ว่ามารมรรคจะมีสติปัญญา แต่กลับไร้ความรู้สึก รู้จักแต่การเข่นฆ่า!

พวกมันมีศักยภาพแข็งแกร่ง กุมพลังแห่งมหามรรคต่างๆ เป็นอำนาจคุกคามที่สุดในโลกสะพาน!

มารมรรคเหมือนกับมารจิตใจ จะรบกวนผู้ตระหนักรู้ตลอด กระทั่งเริ่มจู่โจม กลืนกินเพื่อเสริมความแกร่ง

ต่อให้ผู้บำเพ็ญจะมีพรสวรรค์ดีกว่านี้ หากไม่มีกำลังรบแข็งแกร่งก็ยากจะยืนหยัดในมือมารมรรคได้

กล่าวได้ว่าสะพานเชื่อมฟ้าสร้างมาเพื่อสุดยอดอัจฉริยะพวกนั้นโดยเฉพาะ มีเพียงคนที่มีพรสวรรค์และกำลังรบแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะได้ประโยชน์มหาศาล และเดินบนเส้นทางไร้พ่าย

นอกจากนี้ ในโลกสะพานยังมีมหาโชคลิขิตอย่างหนึ่ง หากสังหารมารมรรคได้ ศพมันจะกลายเป็นเศษมหามรรค

เศษมหามรรครวมขึ้นจากเจตจำนงมรรคาบริสุทธิ์ ให้ผู้บำเพ็ญหลอมรวมได้ ด้วยสิ่งนี้ ก็อาจจะเพิ่มความเร็วในการตระหนักมหามรรคได้เป็นพันเท่า!

…..

เมื่อข้อมูลนี้กระจายออกไป มีคนสุขก็มีคนกลุ้ม

คนที่กลุ้มย่อมเป็นคนที่มีพรสวรรค์การตระหนักรู้ไม่พอแต่อยากเข้าไปเสี่ยงด้วย

การเข้าโลกสะพานยากยิ่ง และยังซ่อนอันตรายไว้มากมาย ทำให้หลายคนลืมหยุดฝีก้าว

ส่วนคนที่สุขคือพวกที่มีพรสวรรค์และศักยภาพแข็งแกร่ง!

พวกเขาไม่ใช่แค่เข้าไปในโลกสะพานตระหนักมหามรรคได้ แต่ยังสังหารมารมรรครับเศษมหามรรคมายกระดับเจตจำนงมรรคาได้

ขอแค่สังหารมารมรรคได้มาก ได้เศษมหามรรคมาจำนวนมาก ความเร็วในการตระหนักรู้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก!

คนมากมายมีสีหน้าตื่นเต้น กระทั่งอยากจะเข้าไปในเทือกเขาคุนหลุนใจจะขาด!

“ข้าขอพูดจบไว้เท่านี้ หวังว่าพวกเจ้าจะทำกันอย่างเต็มที่ อย่าบุ่มบ่ามชั่วขณะจนได้ไม่คุ้มเสีย!

ต่อไปจะมีอาจารย์สำนักศึกษาวางค่ายกลเคลื่อนย้ายส่งพวกเจ้าไปที่เทือกเขาคุนหลุน! ขอให้พวกเจ้าราบรื่นทุกประการ เส้นทางมรรคยาวไกล!”

น้ำเสียงในคำพูดของจักรพรรดิฮวงสือเต็มไปด้วยความจริงจัง

ในโลกนี้ไม่ขาดแคลนอัจฉริยะมากที่สุด! แต่การจะเหนือกว่าอัจฉริยะมากมายขนาดนี้ได้ต่างหากยากที่สุด!

บำเพ็ญเซียนร้อยปีในโลกสะพานเชื่อมฟ้าก็สามารถแยกอัจฉริยะแท้จริงกับคนอื่นได้แล้ว และนี่ คือสิ่งที่จักรพรรดิฮวงสือให้ความสำคัญมากที่สุด!

“ไม่รู้ว่าร้อยปีจากนี้จะมีกี่คนที่เหลืออยู่…”

จักรพรรดิฮวงสือถอนหายใจ ก่อนเงาสะท้อนจะค่อยๆ หายไป

“ขอบคุณท่านจักรพรรดิ!”

ทุกคนตะโกนขอบคุณเสียงดัง

การชี้แนะของจักรพรรดิฮวงสือไม่ใช่แค่บอกสถานการณ์ในโลกสะพานเชื่อมฟ้ากับพวกเขา แต่ยังให้พวกเขารู้ถึงอันตรายในโลกสะพาน!

นี่คือข้อมูลสำคัญ!

หลังรู้สถานการณ์พวกนี้ ขอแค่พวกเขาระวังหน่อยก็จะอยู่รอดในโลกสะพานได้

เวลานี้ ทุกคนซาบซึ้งใจต่อจักรพรรดิฮวงสืออย่างยิ่ง!

……

และตอนนี้เอง อาจารย์ทุกคนก็เริ่มทำงานกัน เริ่มวางค่ายกลเคลื่อนย้าย

เนื่องจากเทือกเขาคุนหลุนอยู่ทางตะวันตกของดินแดนกลาง ห่างไกลจากสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยมาก จึงต้องการค่ายกลเคลื่อนย้ายที่แข็งแกร่งยิ่ง

อาจารย์หลายท่านเป็นสุดยอดของสำนักศึกษา พลังบำเพ็ญแข็งแกร่ง จึงไม่ได้ใช้เวลานานเท่าไรในการสร้างค่ายกลเคลื่อนย้าย

ค่ายกลเปิด ปล่อยให้ผู้บำเพ็ญเลือกได้ตามใจ

แต่ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด โอรสสวรรค์เก้าส่วนขึ้นไปของสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยจะได้ออกเดินทางกัน

เส้นทางการบำเพ็ญ เดิมทีคือการช่วงชิงชีวิตเส้นหนึ่งกับฟ้าดิน!

โลกสะพานเชื่อมฟ้าเปิดทุกแปดพันปี เป็นแดนลับสูงสุด!

แม้จะมีอันตรายก็ยังไม่มีใครถอย!

ไม่นานนัก ศิษย์ส่วนใหญ่เข้าค่ายกลเคลื่อนย้าย เดินทางไปเทือกเขาคุนหลุน

“พวกเราก็ไปกันเถอะ!”

เสิ่นเทียนเอ่ยก่อนจะเข้าค่ายกลเคลื่อนย้ายไปพร้อมกับกลุ่มโอรสสวรรค์ที่สนิทสนมกัน!

จนเมื่อพวกเขาปรากฏตัวก็มาอยู่อีกพื้นที่หนึ่ง!

……

เทือกเขาคุนหลุน!

ที่นี่มีหมู่เขารายล้อม เทือกเขาเต็มไปหมด สูงตระหง่านเหมือนเมฆ

ในอากาศยังเต็มไปด้วยหมอกขมุกขมัวหนาทึบและเปล่งแสง หมอกพลังวิญญาณกระจายไปทั้งฟ้าดิน

ต้นไม้โบราณหนาเท่าถังน้ำค้ำฟ้าดิน เต็มไปด้วยร่องรอยกาลเวลา อยู่มาเนิ่นนาน

พลังวิญญาณเต็มฟ้าไหลเข้ามา ระดับความเข้มข้นไม่ด้อยไปกว่าจวนสวรรค์

เมื่อเข้ามาที่นี่ ทุกคนรู้สึกสุขใจ เหมือนเข้าไปในแดนเซียนโลกมนุษย์

คนมากมายเริ่มพิจารณามองไปรอบๆ อยากจะเที่ยวเล่นในนี้

แต่ผู้อาวุโสซูกลับตะโกนห้ามไว้ “พวกเจ้าอย่าไปไหนสุ่มสี่สุ่มห้า ระวังจะหลงทาง! เล่าลือว่าส่วนในคุนหลุนซ่อนความน่าสะพรึงกลัวไว้! หากหลงทาง จะไม่มีใครกลับออกมาได้!”

เทือกเขาคุนหลุนลึกลับอย่างยิ่ง ไม่มีใครรู้ว่าที่นี่ซ่อนอะไรเอาไว้

เคยมีเตรียมเซียนเข้าไปในส่วนลึกคุนหลุนกลับหลงทาง และไม่เคยปรากฏตัวมาอีกเลย จนถึงตอนนี้แม้แต่ผู้แข็งแกร่งสุดยอดยังไม่เข้าไปในส่วนลึกคุนหลุนกันง่ายๆ

เมื่อได้ฟังคำพูดของผู้อาวุโสซู ทุกคนต่างตกใจกัน ไม่กล้าไปไหนตามใจ

“ขอแค่ไม่เข้าไปเขตในก็ไม่มีอันตรายอะไร!”

ผู้อาวุโสซูอธิบายก่อนจะพาทุกคนเข้าเทือกเขาคุนหลุน

…..

สะพานเชื่อมฟ้าอยู่เขตรอบนอกคุนหลุน

ภายใต้การนำของอาจารย์สำนักศึกษา ไม่นานทุกคนก็มาถึงที่อยู่ของสะพานเชื่อมฟ้า

ที่นี่กว้างขวางมาก หมอกพวยพุ่ง มองไปมีแต่สีขาวโพลน มีเพียงตรงกลางที่มีต้นไม้โบราณมหึมายิ่งต้นหนึ่ง

ต้นไม้โบราณนี้สูงจนไม่เห็นยอด แค่ความกว้างก็มีหลายหมื่นจั้ง ดูไม่เหมือนต้นไม้เลย แต่เหมือนเสาสวรรค์ ค้ำยันฟ้าดินมากกว่า!

กระทั่งมีคำเล่าลือว่าบนยอดสุดของต้นไม้สะพานนี้ไปถึงโลกเซียน

ดังนั้นต้นสะพานจึงถูกเรียกว่า…บันไดสวรรค์!

“นี่คือสะพานเชื่อมฟ้ารึ”

“โอ่อ่ามาก!”

คนมากมายต่างร้องอุทาน

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการเห็นต้นไม้โบราณที่โอ่อ่ายิ่งใหญ่ที่สุดครั้งแรกในชีวิต!

เนื่องจากสะพานเชื่อมฟ้าเพิ่งปรากฏ โลกสะพานจึงยังไม่เสถียรภาพ ยังเข้าไปไม่ได้

แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ยังมีท่วงทำนองมรรคแข็งแกร่งกระจายออกมา ทำให้คนจิตใจปลอดโปร่ง

แค่อยู่ที่นี่ ก็ทำให้คนใกล้ชิดกับมหามรรคยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

มิหนำซ้ำ พวกเขายังมีโอกาสเข้าโลกสะพานเชื่อมฟ้าอีก ไม่ต้องคิดเลยว่าประสิทธิภาพในนั้นจะต้องแกร่งกว่าภายนอกมากแน่นอน

….

ช่วงเวลานี้ นอกจากสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยแล้ว ยังมีผู้บำเพ็ญแข็งแกร่งมากมายทยอยกันเข้ามา

พวกเขามีส่วนหนึ่งเป็นผู้บำเพ็ญพเนจร มาตามคำเล่าลือ อยากจะมีโอกาสได้โชคลิขิต

และยังมีส่วนหนึ่งเป็นการคงอยู่ระดับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโสสูงสุดจากทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ในห้าดินแดน

พวกเขาอายุยังไม่เกินสามพันปี ยังมีโอกาสเข้าโลกสะพานเชื่อมฟ้า

เมื่อผู้แข็งแกร่งมากมายมาถึงก็ทักทายกับอาจารย์สำนักศึกษา เพราะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโสสูงสุดพวกนี้ ส่วนใหญ่เป็นศิษย์ที่ออกมาจากสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย

สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยเปิดกว้างรับโอรสสวรรค์ห้าดินแดน เรียกได้ว่าเป็นสำนักศักดิ์สิทธิ์ใต้ฟ้า มีศิษย์กระจายอยู่ทุกที่

ผู้บำเพ็ญที่นี่ค่อนข้างกลมเกลียวกัน รอโลกสะพานเชื่อมฟ้าเปิดเงียบๆ

……

และตอนนี้เอง เสิ่นเทียนกับพวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึงที่นี่เช่นกัน

โลกสะพานยังเข้าไม่ได้ ทุกคนเองก็ไม่ได้ร้อนใจ เริ่มคุยเล่นกัน

มีผู้บำเพ็ญบางส่วนเริ่มตระหนักมหามรรคแล้ว เพื่อเข้าไปเป็นคนแรกหลังโลกสะพานเสถียรภาพ

เสิ่นเทียนทำอาชีพเก่าทันที เริ่มนำอ่างมาต้มชา

ชาที่เขาต้มก็คือใบชาตระหนักรู้!

ที่นี่ เป็นแดนผาสุกโชคลิขิตที่ตระหนักมหามรรคฟ้าดิน หากใช้คู่กับชาตระหนักรู้จะเห็นผลชัดเจน!

เสิ่นเทียนเห็นเหนือศีรษะโอรสสวรรค์ส่วนใหญ่มีภาพโชคลิขิตผลุบๆ โผล่ๆ เห็นได้ชัดว่านี่คือโอกาสดีในการสร้างความรู้สึกดีและเกาะโชคลิขิต

อีกอย่าง พวกกุ้ยกงกงก็อยู่ข้างกายด้วย!

เสิ่นเทียนย่อมต้องดีกับคนของตนมากกว่า จึงต้มชาตระหนักรู้ให้พวกเขา เพิ่มโอกาสการเข้าโลกสะพาน

เขาขยับมือเร็วมาก ต้มชาตระหนักรู้เสร็จด้วยความชำนาญ

ครั้งนี้เขาจ่ายหนัก ใส่ใบชาตระหนักรู้สีเงินไปสองใบ

ท่วงทำนองมหามรรคพลันแผ่กระจาย โชยไปพันลี้พร้อมกับกลิ่นหอมเข้มข้น

“กลิ่นอะไร”

ทุกคนถูกดึงดูดมาทันที ในนั้นยังมีการคงอยู่ระดับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

“เป็นชาตระหนักรู้!”

“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ต้มชาตระหนักรู้อีกแล้ว!”

ตอนที่เห็นอ่างชายักษ์ตรงหน้าเสิ่นเทียน ทุกคนทำหน้ากระหาย

สะพานเชื่อมฟ้าปรากฏ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าไปได้ มีเพียงได้ยินเสียงแห่งมหามรรคและเข้าสู่สภาวะตระหนักรู้ เกิดการกู่ร้องคู่กับต้นสะพานถึงจะเข้าไปได้

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!

แม้จะเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ก็ต้องใช้เวลานานถึงอาจจะทำได้!

โลกสะพานจะอยู่เพียงร้อยปี ทุกนาทีทุกวินาทีล้ำค่าอย่างยิ่ง

แค่เข้าไปก็เสียเวลาไปมาก จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงหาโชคลิขิตหรือสมบัติ

ได้ยินว่าในโลกสะพานมีพลังวิเศษที่สุดแห่งยุคและทักษะยุทธ์โลกเซียนมากมาย การได้เข้าไปก่อนก็หมายความว่าจะได้โอกาสชิงมาก่อน

ได้ทั้งตระหนักมหามรรคฟ้าดินและยังมีโอกาสตามหาสมบัติ

เวลานี้ทุกคนมองไปที่ชาตระหนักรู้ของเสิ่นเทียน น้ำลายจะไหลมาเป็นหยด

และตอนนี้เองเสิ่นเทียนต้มชาตระหนักรู้เสร็จแล้ว เขาถือสามถ้วยเดินไปทางพวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

“อาจารย์ อาจารย์ลุงบัวมรกต ท่านราชาวานร เชิญดื่มชา!”

สามคนเป็นคนของตน ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมสูงส่ง ย่อมต้องเชิญดื่มชาก่อน

“เทียนเอ๋อร์มีน้ำใจ!”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ จากนั้นรับชาตระหนักรู้มาดื่ม

ไม่นานผิวกายเขาก็เปล่งแสงเทพสว่างไม่มีสิ้นสุด ทำให้กฎเกณฑ์ฟ้าดินใกล้ชิดขึ้น

คนมากมายเห็นภาพนี้แล้วต่างอิจฉากันมาก!

“ศิษย์หลาน ข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตยิ้มแป้น ก่อนจะรับชาตระหนักรู้มาดื่มอย่างไม่เกรงใจเลย

…..

มีเพียงฉีเต๋อหรงที่เห็นชาตระหนักรู้แล้วอดตื่นเต้นขึ้นมามิได้

ชาตระหนักรู้ระดับนี้มีมูลค่าประเมินไม่ได้ หากเป็นปกติ มูลค่าของชาตระหนักรู้อาจจะไม่เท่าอาวุธอริยะ

แต่เมื่ออยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ตระหนักรู้เช่นโลกสะพานเชื่อมฟ้า กลับมีมูลค่าเหนือกว่าอาวุธอริยะ ต่อให้มีอาวุธอริยะมากกว่านี้จะมีประโยชน์อะไร เพิ่มการตระหนักรู้ได้หรือไม่

ไม่ได้!

แต่ชาตระหนักรู้ทำได้!

ชาตระหนักรู้ล้ำค่าเช่นนี้ เสิ่นเทียนกลับยินดีมอบให้อย่างใจกว้าง ทำให้ฉีเต๋อหรงใจสั่นไหว

ฉีเต๋อหรงเผยรอยยิ้มชัดเจน “สหายน้อยใจกว้างเช่นนี้ ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วกัน เอาอย่างนี้! ข้าจะใช้อาวุธอริยะระดับสูงสุดแลก!”

เมื่อเอ่ยจบ ฉีเต๋อหรงก็ควักอาวุธอริยะลักษณะกระบองออกมา แผ่แรงกดดันวิญญาณแก่กล้า

ตัวกระบองมีแสงเทพหลากสีวนเวียน ยิ่งใหญ่ไม่อาจคาดเดา

ต่อให้อยู่ในอาวุธอริยะระดับสูงสุดก็ยังเป็นสุดยอด!

เสิ่นเทียนยิ้ม “แค่ชาตระหนักรู้ถ้วยเดียว ท่านราชาวานรไม่ต้องทำเช่นนี้เลย!”

อาวุธอริยะอะไรนั่น เสิ่นเทียนไม่ได้ต้องการเลย ถึงอย่างไรในกระเป๋าก็ยังมีอีกเข่ง

แต่ราชาวานรออกหน้าปกป้องเขา และยังเป็นบิดาของฉีจ้าน

ด้วยความคิดที่ว่าต้องดูแลกุยช่ายอย่างดีนั้น เสิ่นเทียนจึงไม่ขี้เหนียว มิหนำซ้ำชาตระหนักรู้อะไรนี่มีเยอะมาก!

เสิ่นเทียนต้มทีเป็นอ่างใหญ่ ไม่ต้องใส่ใจเลย

ฉีเต๋อหรงส่ายหน้า “เช่นนั้นจะได้อย่างไร ชาตระหนักรู้ล้ำค่าอย่างยิ่ง จะให้สหายน้อยใช้สิ้นเปลืองไปได้อย่างไร!

ของสิ่งนี้ถือว่าเป็นของขวัญพบหน้าที่ข้ามอบให้เจ้าแล้วกัน บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ รับไว้เถอะ!”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “เช่นนั้นก็ตกลง ขอบคุณท่านราชาวานรมาก!”

ฉีเต๋อหรงยืนกรานจะให้ได้ เสิ่นเทียนก็กระดากใจจะปฏิเสธอีก

“ไม่เลยๆ ข้าต้องขอบคุณเจ้ามากต่างหาก!”

ฉีเต๋อหรงยิ้มแป้น ถึงได้รับชาตระหนักรู้ไว้ได้อย่างสบายใจ

ถึงอย่างไรมูลค่าของอาวุธอริยะระดับสูงสุดในที่นี้ก็สู้ชาตระหนักรู้ไม่ได้

เขาคิดว่าตนกำไรเลือดสาด!

……

เสิ่นเทียนเริ่มแจกจ่ายชาตระหนักรู้ให้กับโอรสสวรรค์คนอื่น โอรสสวรรค์ที่สนิทกับเสิ่นเทียนย่อมได้แบ่งไปถ้วยหนึ่ง

พวกเขามีใบหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณสหายเสิ่นมาก!”

โอรสสวรรค์ทุกคนต่างปลงอนิจจังในใจอย่างยิ่ง

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ใจกว้าง จะคิดเผื่อพวกเขาตลอดเวลา การได้ผูกมิตรกับโอรสสวรรค์อย่างบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือเกียรติยศอันยิ่งใหญ่!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่นมองภาพนี้แล้วคันหัวใจยิบๆ

พวกเขาก็อยากดื่มชาตระหนักรู้เช่นกัน แต่อายที่จะเข้ามาขอ!

กระทั่งยังมีคนเคลื่อนไหวไปหาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต ดูว่าจะแลกมาได้บ้างหรือไม่

“เรื่องนี้ข้าตัดสินใจไม่ได้! แต่ว่าช่วยพวกเจ้าถามความเห็นของเทียนเอ๋อร์ให้ได้!”

ถึงอย่างไรชาตระหนักรู้ก็เป็นของเสิ่นเทียน เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จึงตัดสินใจโดยพลการไม่ได้

“เทียนเอ๋อร์ เจ้ามองอย่างไร”

เสิ่นเทียนได้ยินดังนั้นก็พูดอย่างถูกต้องชอบธรรม “ห้าดินแดนจะเจอกับมหาเคราะห์ภัยแล้ว ถึงตอนนั้นทุกคนต้องสามัคคีร่วมใจกัน เป็นสหายร่วมรบที่บุกและถอยร่วมกัน ทุกคนเพิ่มพูนศักยภาพขึ้นก็รับมือกับมหาเคราะห์ภัยฟ้าดินได้ดีกว่า ปกป้องห้าดินแดนได้ แซ่เสิ่นเองก็ไม่ใช่คนขี้เหนียว ยินดีจะแบ่งชาตระหนักรู้ให้ผู้อาวุโสทุกท่าน”

เดิมทีเสิ่นเทียนจะใช้ชาตระหนักรู้ผูกมิตรกับบุตรแห่งมหาโชคทุกคนอยู่แล้ว ต่อให้พวกเขาไม่พูด เสิ่นเทียนก็ว่าจะให้เหมือนกัน

ถึงอย่างไรของสิ่งนี้ก็ล้ำค่ากับคนอื่นมาก แต่ไม่มีค่าสำหรับเขาเลย สู้เอาไปเก็บกุยช่ายมาให้เยอะๆ หาโชคลิขิตเกาะจะดีกว่า

เพิ่มดวงชะตาของตนต่างหากคือสิ่งสำคัญในสำคัญ!

…..

เมื่อได้ฟังคำพูดเสิ่นเทียน ทุกคนจิตใจสั่นไหว

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ใจกว้างเช่นนี้เชียว แม้แต่ของล้ำค่าอย่างชาตระหนักรู้ยังยินดีมอบให้

จิตใจเช่นนี้ การกระทำยิ่งใหญ่เช่นนี้

พวกข้าละอายใจสู้มิได้เลย!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยอย่างเฉยชา “ดี! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สหายทุกท่านก็รับชาตระหนักรู้ไปคนละถ้วยแล้วกัน แน่นอน เกิดชาตระหนักรู้ไม่พอ ก็หวังว่าสหายที่ไม่ได้รับจะไม่ถือสากัน!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยขึ้น พลันทำให้ทุกคนดีใจกันใหญ่

คนมากมายอดใจไม่ไหวเดินเข้ามา จะรับชาตระหนักรู้

ตอนนี้เองมีคนตะโกนเสียงดัง

“มันจะได้อย่างไรกัน บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แจกจ่ายอย่างใจกว้าง เราจะไร้ยางอาย รับชาตระหนักรู้ไปเฉยๆ ได้อย่างไร ถึงอย่างไรเงินของทุกคนก็ไม่ได้ลมพัดมา

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้ชานี้มา จะต้องจ่ายไปอย่างหนักแน่นอน อีกทั้งเขายังยินดีแบ่งให้กับทุกคน นี่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน!

หากไม่มีบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เราจะมีวาสนาได้ดื่มชาตระหนักรู้หรือ ไม่ได้ ข้าจะต้องเอาอาวุธอริยะมาแลก หวังว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์จะรับไว้ด้วย”

วานรเทพขนทองตัวหนึ่งก้าวออกมา ก่อนจะตะโกนเสียงดังด้วยความคับแค้นอยู่เต็มอก

วานรนี้คือเผ่าวานรอัคคีเนตรทอง

เขาได้รับคำสั่งจากฉีเต๋อหรงให้รับผิดชอบการนำพาบรรยากาศ

ฉีเต๋อหรงมองเสิ่นเทียนเป็นพวกตนเองมานานแล้ว จะไปยอมให้เขาเสียเปรียบได้อย่างไร อีกอย่างเขาเอาอาวุธอริยะมาแลก คนอื่นคิดจะรับไปเฉยๆ หรือ

ไม่มีทาง ไม่มีทางเด็ดขาด!

……

พอได้ฟังคำพูดของวานรเทพ ทุกคนล้วนหน้าแข็งค้าง

คำพูดพวกนี้ชัดเจนมาก บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยินดีมอบให้ นั่นคือเขาใจกว้าง!

แต่หากเจ้าไม่เอาของมาแลก นั่นคือขี้เหนียวแล้ว!

ทุกคนที่นี่เป็นการคงอยู่สูงสุดระดับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโสสูงสุด ก็ต้องมีเกียรติ

หากไม่มีใครพูดเช่นนี้ ย่อมไม่มีใครสนใจ

แต่เมื่อเอ่ยคำนี้ออกมาแล้ว พวกเขาจะหน้าด้านรับไปเฉยๆ ได้หรือ

ด้วยน้ำใจและเหตุผล พวกเขาก็ควรจะนำสมบัติมาแลก

โดยเฉพาะกลิ่นหอมและประสิทธิภาพนี้ ไม่มีใครปฏิเสธได้

เวลานี้ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโสสูงสุดจากทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างอายที่จะขอมาเปล่าๆ จึงนำอาวุธอริยะออกมาแลกกัน

“ผู้อาวุโสทุกท่าน ไม่เป็นไรเลย”

เสิ่นเทียนมองอาวุธอริยะที่กองแทบจะเป็นภูเขาตรงหน้าด้วยความงุนงง

…..

เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจริงๆ

อะไรกัน

เหตุใดไปๆ มาๆ ถึงกลายเป็นงานแลกเปลี่ยนล่ะ

ขอพูดความจริง ข้าไม่ได้ต้มชามาทำการค้านะ!

เฮ้อ~

อยากจะให้ไปเปล่าๆ เหตุใดถึงยากขนาดนี้

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด