บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 398 จักรพรรดิชิงเอ่ย ทุบตีข้า ทุบตีข้าให้แรงที่สุด!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 398 จักรพรรดิชิงเอ่ย ทุบตีข้า ทุบตีข้าให้แรงที่สุด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 398 จักรพรรดิชิงเอ่ย ทุบตีข้า ทุบตีข้าให้แรงที่สุด!

เมื่อสัมผัสได้ถึงปราณเบิกฟ้าในกายเสิ่นเทียน จักรพรรดิชิงตัวสั่น ดึงเคราขาวไว้แน่น

“คุณสมบัติกายเจ้าน่ากลัวเกินไปแล้ว ไม่ใช่แค่บรรจุสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินสิบกว่าชนิด แม้แต่ปราณเบิกฟ้ายังกล้าใส่ไว้ในกาย”

จักรพรรดิชิงสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาฉายแววตกตะลึงอยู่นานก็ยังไม่หายไป

ตนเป็นผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิ จักรพรรดิชิงจะไม่รู้ถึงความน่ากลัวของปราณเบิกฟ้าได้อย่างไร

นั่นคือพลังงานที่แม้แต่มหาจักรพรรดิยังควบคุมไม่ได้!

บทสรุปล่ะ

เขากลับเห็นมันในตัวไก่อ่อนระดับนิพพานเท่านั้น ไม่ใช่แค่ปนเปื้อน แต่ยังหลอมรวมเข้าไปในกาย

น่ากลัวยิ่งนัก!

“ผู้อาวุโสจักรพรรดิชิง ไม่รู้ว่าผู้เยาว์ผ่านการทดสอบนี้หรือไม่”

เสิ่นเทียนยิ้มบางๆ ใบหน้าไม่สะทกสะท้าน

คิดว่าเขาแค่หลอมรวมปราณเบิกฟ้าไว้ในกายรึ เมื่ออยู่ต่อหน้ากายกำเนิดฟ้าสวรรค์ประทาน ต่อให้เป็นปราณเบิกฟ้าก็เป็นได้แค่สารอาหารของเขา ควบคุมได้เหมือนกับแขน

จักรพรรดิชิงมุมปากกระตุก

เจ้าหนูนี่พูดไร้สาระอะไร

ไม่ใช่แค่มีสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินธาตุไม้สองชนิด แต่ยังควบคุมเพลิงเทพระดับสูงสุดสามชนิด นี่เกิดมาเพื่อหลอมโอสถชัดๆ!

และยังมีปราณแห่งเบิกฟ้า…

นั่นคือสิ่งที่ข้าใฝ่หามาทั้งชีวิตเชียวนะ!

จักรพรรดิชิงตื่นตะลึงในใจ ขณะเดียวกันภายในใจยังเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ

เหมือนว่าข้าจะดวงดีระเบิดเลย!

ไม่นึกเลยว่าสุสานจักรพรรดิชิงเปิดครั้งแรกจะเจอกับผู้มีวาสนาที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำมากขนาดนี้ ข้ามเรื่องคุณสมบัติกายบ้าไปแล้วของเสิ่นเทียนไปก่อน แค่กายศักดิ์สิทธิ์วิจิตรของเด็กสาวคนนี้ ก็ถือว่าอยู่แนวหน้าในยุคเมื่อแสนปีก่อนแล้ว

หงส์น้อยแห่งเผ่าหงส์อมตะนั่น ถึงจะด้อยกว่าหน่อย ในกายไม่มีพลังงานธาตุไม้ แต่ก็ค่อนข้างใช้ได้

หรือว่าในที่สุดมรดกวิถีโอสถของข้าจะได้เผยแพร่ไปอย่างยิ่งใหญ่อย่างนั้นหรือ

“คุณสมบัติกายของพวกเจ้าตรงกับความต้องการของข้าชั่วคราว ต่อไปเป็นการทดสอบที่สอง การทดสอบที่สอง ทดสอบพรสวรรค์การหลอมโอสถของพวกเจ้า เส้นทางการหลอมโอสถ ไม่ใช่แค่ต้องมีคุณสมบัติกายที่สอดคล้องกัน แต่ต้องมีพรสวรรค์ในการหลอมโอสถด้วย”

จักรพรรดิชิงแสร้งทำทีเป็นสุขุม ก่อนจะอธิบายการทดสอบต่อไปให้ทุกคนฟัง

“ที่นี่มีภาพฝาผนังหลอมโอสถร้อยแปดภาพ บันทึกวิธีการหลอมโอสถร้อยแปดวิธี พวกเจ้ามีเวลาสามวันในการตระหนักรู้อย่างสุดความสามารถ ในสามวันนี้จะไม่มีใครมารบกวนพวกเจ้าได้ ขอแค่พวกเจ้าฝึกศาสตร์หลอมโอสถได้มากพอ ก็จะได้รับการยอมรับจากข้า”

จักรพรรดิชิงโบกมือ บรรยากาศรอบตัวพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง

ปรากฏผนังหินใหญ่ยักษ์ลอยขึ้นมาตรงหน้าสามคน

บนผนังหินแกะสลักภาพฝาผนังร้อยแปดภาพ บันทึกศาสตร์การหลอมโอสถสูงส่งลึกลับร้อยแปดวิธี

ต้องรู้ว่าจักรพรรดิชิงเป็นจักรพรรดิอันดับหนึ่งในวิถีโอสถ ศาสตร์การหลอมโอสถของเขาเรียกได้ว่าอยู่ในระดับสูงสุด ระดับความล้ำค่าเทียบได้กับคัมภีร์จักรพรรดิ

ภาพฝาผนังพวกนั้นมีหมอกหนาทึบอบอวลและมีชีวิตชีวา เหมือนจะแปลงเป็นฟ้าดินในภาพฝาผนัง ลี้ลับยากจะคาดเดา

“ศาสตร์หลอมโอสถ…ร้อยแปดรูปแบบรึ เยอะขนาดนั้นเลยรึ”

เสิ่นเทียนเลิกคิ้วขึ้น เขาไม่เคยสัมผัสการหลอมโอสถมาก่อน จึงไม่รู้แนวทางในศาสตร์หลอมโอสถเป็นพิเศษ

แต่ในใจผู้บำเพ็ญเซียนห้าดินแดน ความแกร่งของศาสตร์หลอมโอสถไม่เป็นที่ต้องสงสัยเลย

ลองคิดดู เจ้ากำลังต่อสู้เป็นตายกับคนอื่น สองฝ่ายสูสีกันยากจะตัดสินสูงต่ำได้ สู้กันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย

ตอนนี้เอง อีกฝ่ายควักยาลูกกลอนเติมเลือดคืนชีพออกมาเม็ดหนึ่ง เจ้าจะสิ้นหวังหรือไม่

นี่ไม่ใช่โอสถ แต่เป็นชีวิต!

แน่นอน ยาลูกกลอนธรรมดาไม่มีผลกับเสิ่นเทียนมากเท่าไร

ภายในกายเขามีปัญจธาตุสัมพันธ์กัน ความสามารถในการฟื้นฟูแกร่งสุดยอด เรียกได้ว่ามีการเสริมพลังฤทธิ์ไร้ขีดจำกัดกับตัว

ผนวกกับมีสามประกายวารีเทพกับของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานเป็นตัน พวกนี้คือสมบัติศักดิ์สิทธิ์เยียวยา ไม่ด้อยไปกว่ายาลูกกลอนระดับสุดยอดเลย

กล่าวได้ว่าเสิ่นเทียนเป็นบุรุษที่เหนือกว่าพวกเสพยารสนิยมต่ำ!

แต่เสิ่นเทียนก็ยังสนใจศาสตร์หลอมโอสถพวกนี้

หลักๆ คือเขามีโอสถล้ำค่าจำนวนมาก ล้วนได้มาจากแดนลับต่างๆ กองอยู่ในแหวนมิติทั้งหมด

โอสถล้ำค่าพวกนี้ล้ำค่าอย่างยิ่ง ทุกต้นนำออกไปมากพอจะทำให้กลุ่มผู้บำเพ็ญต้องแย่งชิงกันหัวแตกเลือดไหล กระทั่งสังหารกันโลหิตนองเป็นสายน้ำก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

แต่สำหรับเสิ่นเทียนแล้ว สมุนไพรพวกนี้มีประโยชน์ไม่มากจริงๆ ปกติจะเอามาเป็นผักผลไม้หลังมื้ออาหารแก้เลี่ยน

แต่ศาสตร์หลอมโอสถนี้ในตอนนี้ทำให้เสิ่นเทียนตาเป็นประกาย หากเขาได้เรียนศาสตร์หลอมโอสถ ก็จะหลอมโอสถล้ำค่าพวกนี้เป็นยาลูกกลอนได้

เทียบกับการแทะสดแล้ว หลอมเป็นยาลูกกลอนย่อมให้สัมผัสปากที่ดีกว่าไม่ใช่รึ

อีกอย่างต่อให้เสิ่นเทียนกินไม่หมด ก็เอาไปให้คนอื่นได้

มีมารยาทมากเกินก็ไม่มีอะไรเสียหาย ภายภาคหน้าเจอผู้มีมหาดวงชะตาก็จะมอบยาลูกกลอนให้ได้

เช่นนั้นแผนการเก็บเกี่ยวผักกุยช่ายของของข้าจะไม่สะดวกขึ้นมากเลยรึ

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนพลันรู้สึกสนอกสนใจขึ้นมา

ข้าจะต้องเรียนศาสตร์หลอมโอสถให้ได้!

…….

“การทดสอบเริ่มแล้ว!”

เสียงจักรพรรดิชิงดังขึ้น โดยรอบพลันเข้าสู่ความเงียบ ภาพฝาผนังร้อยแปดภาพแผ่ท่วงทำนองมรรคออกมาจางๆ พร้อมกัน บรรยายศาสตร์หลอมโอสถที่เลิศล้ำที่สุด

สือหลิงหลงนั่งขัดสมาธิลงก่อน คู่ดวงตางามจ้องภาพฝาผนังบนผนังหินเขม็งพลางครุ่นคิดอย่างหนัก

นางสะบัดสองมือไม่หยุด ร่างเป็นภาพการหลอมโอสถภาพหนึ่ง กำลังสาธิตศาสตร์หลอมโอสถกลางภาพฝาผนัง

เมื่อฝึกฝนไปเรื่อยๆ ระดับความชำนาญในศาสตร์หลอมโอสถพวกนี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เวลาผ่านไปทีละวินาที นางออกมือได้ชำนาญขึ้นเรื่อยๆ มองไปดูมีท่วงท่างดงาม เหมือนสอดคล้องกับมหามรรคฟ้าดิน

ทันใดนั้น ผิวกายสือหลิงหลงเปล่งแสงสว่างจ้า ถ้ำแสงที่มีหมอกหนาทึบลอยขึ้นมาจากข้างหลังนาง เปล่งแสงเรืองรองสีสันหลากสี

ถ้ำแสงดูว่างเปล่าลอยล่อง กำลังแสดงภาพการหลอมโอสถไปเรื่อยๆ ทำให้แสงเทพบนผิวกายนางสว่างจ้ายิ่งขึ้น

นางขยับสิบนิ้วมือ แสงเรืองรองหนาทึบเหมือนชิงโชควาสนาของฟ้าดิน

‘เด็กสาวคนนี้มีพรสวรรค์ใช้ได้ แค่หนึ่งก้านธูปก็ตระหนักศาสตร์หลอมโอสถในภาพฝาผนังแรกสำเร็จแล้ว’

จักรพรรดิชิงพยักหน้า เขามองออกว่าสือหลิงหลงมีพื้นฐานการหลอมโอสถอยู่บ้าง อีกทั้งกายศักดิ์สิทธิ์วิจิตรยังเข้าใกล้กับมหามรรคหมื่นวิญญาณ เสริมทักษะการตระหนักรู้อย่างมาก ถึงทำให้นางตระหนักรู้ได้เร็วขนาดนี้

‘ไม่รู้ว่าเด็กสาวคนนี้จะตระหนักไปได้เท่าไร’

นัยน์ตาจักรพรรดิชิงแฝงไว้ด้วยการเฝ้ารอคอยเด่นชัด

ในภาพฝาผนังโอสถร้อยแปดภาพ ซ่อนศาสตร์หลอมโอสถที่จักรพรรดิชิงเรียนรู้มาทั้งชีวิตไว้ ทุกศาสตร์หลอมโอสถมีความพิเศษอย่างยิ่ง ทุกศาสตร์ยอดเยี่ยมเลิศล้ำที่สุด

นักหลอมโอสถปกติได้ไปเพียงหนึ่งชนิดในนั้นก็มากพอจะทำให้ทักษะการหลอมโอสถยกระดับขึ้นไปได้หลายขั้นแล้ว แน่นอน การฝึกในนั้นก็มีความยากยิ่งเช่นกัน

ต่อให้เป็นกายศักดิ์สิทธิ์วิจิตรก็ไม่มีทางตระหนักรู้ทั้งหมดได้ในเวลาที่กำหนด แต่ขอแค่ตระหนักได้หนึ่งสองส่วนสิบก็มากพอจะใช้ไปได้ทั้งชีวิตแล้ว

‘ไม่รู้ว่าเจ้าหนูนั่นจะตระหนักรู้เป็นอย่างไรบ้าง’

จักรพรรดิชิงมองเสิ่นเทียน นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยการเฝ้ารอคอยเด่นชัด

เขาอยากรู้มากว่าเด็กหนุ่มที่มีร่างกายวิปริตคนนี้จะมีการตระหนักรู้แข็งแกร่งเพียงใด

เขาเห็นเสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าภาพฝาผนัง แสงสว่างในกายสว่างจ้า เหมือนกับดวงตะวันลุกโชตช่วง ข้างหลังเขาเป็นปรากฏการณ์มหึมายิ่งใหญ่

กฎเกณฑ์วนเวียนรอบตัวร่างเงานั้น ลำดับตัดสลับกัน เหมือนจะทำให้มหามรรคใต้หล้าตกลงมาที่แห่งนี้ แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือท่าทางมือของร่างเงานั้น ลี้ลับยากจะคาดเดา

ท่ามือเขาเร็วมาก เพียงครู่เดียวก็วาดจากภาพฝาผนังแรกมาถึงภาพฝาผนังที่สี่ เร็วจนน่าเหลือเชื่อ

“บ้าจริง เจ้าหนูนี่เป็นปีศาจจากที่ใดกัน เพียงหนึ่งก้านธูปก็ตระหนักถึงภาพที่สี่แล้วรึ อีกทั้งหากข้ามองไม่ผิด ก่อนหน้านี้เจ้าหนูนี่หลอมโอสถไม่เป็นนี่ ไม่เช่นนั้น ตอนตระหนักภาพแรกคงไม่ติดขัดขนาดนั้น หรือก็คือเขาเป็นมือใหม่หรือ”

เพิ่งเคยสัมผัสศาสตร์หลอมโอสถครั้งแรก แต่ตระหนักศาสตร์หลอมโอสถระดับจักรพรรดิสูงสุดสี่ชนิดได้ในอึดใจเดียวรึ ต่อให้มีปัจจัยที่จักรพรรดิชิงตั้งใจถ่ายทอดมรดกให้ แต่ก็ไร้เหตุผลอยู่ดี

ความเร็วเช่นนี้ทำให้จักรพรรดิชิงสงสัยในชีวิต

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นความสำเร็จทั้งหมดในความชำนาญด้านวิถีโอสถทั้งชีวิตเขา เรียกได้ว่าเป็นมรดกสุดยอดในด้านวิถีโอสถของทั้งห้าดินแดน สูงสุดและลี้ลับมหัศจรรย์

เขาใช้เวลาเป็นหมื่นปีในการจัดระเบียบประสบการณ์การหลอมโอสถที่ได้มา เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นเด็กน้อยกำลังเล่นในสวนหลังบ้านรึ

ไม่มีทางง่ายขนาดนั้นหรอก! นี่ไม่สมเหตุผลเลยนะ!

…..

เสิ่นเทียนไม่รู้ว่าความเร็วในการตระหนักศาสตร์หลอมโอสถของตนจะทำให้จักรพรรดิชิงสงสัยในชีวิต

ตอนนี้เขากำลังเร่งรัดเนตรมรรคสวรรค์ประทานเต็มกำลัง อนุมานฝึกฝนศาสตร์โอสถพวกนี้

กายมรรคสวรรค์ประทาน เดิมทีเข้าใกล้มหามรรคหมื่นวิชา

ไม่ว่าจะเป็นการตระหนักรู้วิชาใด เมื่ออยู่ต่อหน้ากายมรรคสวรรค์ประทาน ล้วนเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย

ด้วยการเสริมของกายมรรคสวรรค์ประทาน เสิ่นเทียนตระหนักศาสตร์หลอมโอสถพวกนี้ได้รวดเร็วจนน่ากลัว

ห้าภาพ!

สิบภาพ!

สิบห้าภาพ!

…..

ร้อยเจ็ดภาพ!

ร้อยแปดภาพ!

หากบอกว่าตอนแรกเริ่มตระหนักภาพฝาผนังสองสามภาพ เสิ่นเทียนยังได้แค่เพิ่งสัมผัสศาสตร์หลอมโอสถ ยังไม่ชำนาญ เช่นนั้นเมื่อเข้าใจศาสตร์หลอมโอสถมากขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วในการตระหนักภาพฝาผนังของเสิ่นเทียนก็เพิ่มมากขึ้นอีก

เพียงครึ่งวัน เสิ่นเทียนตระหนักร้อยแปดภาพฝาผนังทั้งหมดได้อย่างถ่องแท้

จักรพรรดิชิงที่ดูอยู่ข้างๆ ทั้งดอกบัวอึ้งไปแล้ว

“ผู้อาวุโสจักรพรรดิชิง ผู้เยาว์เข้าใจหมดแล้ว”

เสิ่นเทียนหยัดกายขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตามีประกายแสงไหลเวียนลับๆ

ร่างมายาใหญ่นั้นหายไปเช่นกัน เข้าไปในกายเสิ่นเทียนทั้งหมด นี่ทำให้พลังของเสิ่นเทียนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับปรมาจารย์หลอมโอสถท่านหนึ่ง สูงตระหง่านดั่งขุนเขา

ความจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ

เสิ่นเทียนตระหนักศาสตร์หลอมโอสถร้อยแปดภาพ ล้วนเป็นยอดวิชาทั้งชีวิตของจักรพรรดิชิง

หยิบมาหนึ่งชนิด ก็ทิ้งห่างนักหลอมโอสถธรรมดาได้หลายถนน

ตอนนี้เสิ่นเทียนเรียนศาสตร์หลอมโอสถร้อยแปดชนิดทั้งหมด ความชำนาญในการหลอมโอสถบรรลุขั้นสูง ไม่ด้อยไปกว่ายอดฝีมือนักหลอมโอสถที่ฝึกฝนมาหลายพันปีเลย

หากเสิ่นเทียนยินดี แค่หลอมยาลูกกลอนมาง่ายๆ เม็ดหนึ่ง ก็มากพอจะทำให้ผู้บำเพ็ญมากมายในห้าดินแดนแย่งชิงกันจนโลหิตนองเป็นสายน้ำ!

“อืม~ ก็พอใช้ได้…ถือว่าไม่เลว”

จักรพรรดิชิงเลียริมฝีปาก แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง แต่ในใจเกิดคลื่นลูกใหญ่

นี่ใช่แค่ไม่เลวที่ใดกัน นี่เขาเรียกว่าปีศาจ!

ต่อให้เป็นตัวจักรพรรดิชิงเองก็ไม่มีทางเข้าใจศาสตร์หลอมโอสถร้อยแปดภาพได้ในเวลาครึ่งวัน แต่เจ้าหนูนี่ไม่ใช่แค่เข้าใจ แต่ยังตระหนักถึงขอบเขตขั้นสูงอีก

นี่มันความเร็วเทพเซียนอะไรกัน เร็วเกินไปแล้วกระมัง!

บุรุษจะเร็วเช่นนี้ไม่ได้!

หรือว่าเจ้าหนูนี่ไม่ใช่ไก่อ่อนระดับนิพพาน แต่เป็นโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคจากโลกเซียนลงมายังโลกมนุษย์กัน

เวลานี้ จักรพรรดิชิงสงสัยในชีวิตนิดๆ

เขาสงสัยว่าศาสตร์หลอมโอสถของตนจะแอบหลุดรอดออกไปแล้วเจ้าหนูนี่ได้ไปพอดีหรือไม่ ไม่เช่นนั้นทุกอย่างนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป

ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลย!

“เจ้าหนูมีพรสวรรค์ไม่เลวเลย ด้อยกว่าข้าตอนหนุ่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

ใบหน้าแก่ของจักรพรรดิชิงแดงขึ้นมา มองเสิ่นเทียนพลางเอ่ยขึ้น

“ผู้อาวุโสชมเกินไปแล้ว”

เสิ่นเทียนยิ้ม ศาสตร์หลอมโอสถอะไรนี่เขาไม่ชำนาญอยู่ก่อนแล้ว

เทียบกับจักรพรรดิอันดับหนึ่งในวิถีโอสถเมื่อหมื่นปีก่อน ถึงจะเทียบไม่ได้ แต่ก็ควรค่าแก่การภูมิใจ ถึงอย่างไรเขาก็แค่เรียนเล่นๆ หลอมลูกกวาดได้ก็พอ

เวลาสามวันผ่านไปในพริบตา

สือหลิงหลงตื่นจากการตระหนักรู้ ใบหน้านางมีความปลงอนิจจังและเสียดาย

ศาสตร์หลอมโอสถร้อยแปดชนิดลึกล้ำเกินไป ภายในแฝงไว้ด้วยมหามรรคมีหลักการสูงสุด

ต่อให้เป็นกายศักดิ์สิทธิ์วิจิตรก็ไม่อาจตระหนักศาสตร์หลอมโอสถบนภาพฝาผนังได้ทั้งหมดในสามวัน แต่นางก็ได้อะไรมามากมายจริงๆ

หลังผ่านการตระหนักมรรคในช่วงเวลานี้ ศาสตร์หลอมโอสถของสือหลิงหลงลึกล้ำยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อยก็ไม่ต้องฝึกฝนอย่างหนักเป็นร้อยปี

“ไม่เลว ถือว่าไม่เลวเลย ไม่อยากเชื่อว่าจะตระหนักศาสตร์หลอมโอสถสี่สิบเก้าชนิดได้ในสามวัน”

จักรพรรดิชิงเผยรอยยิ้มมีเมตตา พอใจกับองค์หญิงหลิงหลงมาก

ตระหนักศาสตร์หลอมโอสถสี่สิบเก้าชนิดได้ นี่คือการคงอยู่ที่มีพรสวรรค์สูงสุดแล้ว มองไปในโอสถสวรรค์ทั้งหมดในห้าดินแดน นี่คือผู้โดดเด่นที่อยู่แนวหน้าได้

แน่นอน ปีศาจบางคนถูกจักรพรรดิชิงปิดกั้นเอาไว้ก่อนแล้ว

หากจะเทียบพรสวรรค์กับปีศาจบางคน อย่าว่าแต่องค์หญิงหลิงหลงเลย ต่อให้เป็นมหาจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดใหม่ก็คงถูกกระทบกระเทือนจนถึงขั้นปิดกั้นตัวเอง

“ขอบคุณที่ผู้อาวุโสชื่นชม”

สือหลิงหลงก็ดีใจเช่นกัน ได้รับการยอมรับจากมหาจักรพรรดิย่อมเป็นเรื่องดี

แต่จากนั้นนางพลันนึกอะไรได้ จึงเอ่ยปากถาม “พี่เสิ่นเทียนล่ะ เขาตระหนักได้กี่ภาพ”

“เจ้าหนูนั่นตระหนักครบร้อยแปดภาพได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว”

จักรพรรดิชิงเผยสีหน้าแปลกประหลาด

เหตุใดเจ้าเด็กสาวนี่ถึงถามคำถามนี้กัน จะหาเรื่องให้กระทบกระเทือนจิตใจตัวเองรึ นี่จะโทษข้าไม่ได้นะ!

เดิมทีจักรพรรดิชิงคิดว่าหลังรู้ผลงานของเสิ่นเทียนแล้ว องค์หญิงหลิงหลงจะต้องถูกกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง ทำหน้าพ่ายแพ้และเศร้าซึม

แน่นอนว่าจักรพรรดิชิงก็ไม่ใช่ภูตผีปีศาจ เขาจึงแก้คำว่า ‘ครึ่งวัน’ เป็น ‘หนึ่งวัน’

แบบนี้คงไม่ถูกกระทบกระเทือนจิตใจจนน่าเวทนาเกินไปแล้วกระมัง!

แต่เขาก็คิดผิด

หลังได้ฟังผลงานของเสิ่นเทียน องค์หญิงหลิงหลงมีสีหน้าดีใจยิ่งกว่าเดิม ดีใจกว่าผลงานของตัวเองอีก

……

“วันแรกก็ตระหนักศาสตร์หลอมโอสถได้ร้อยแปดชนิดเลยรึ สุดยอดจริงๆ สมกับเป็นพี่เสิ่นเทียน!”

องค์หญิงหลิงหลงยิ้มแย้มร่าเริง

พรสวรรค์ของพี่เสิ่นเทียนได้รับการยอมรับจากมหาจักรพรรดิแล้ว ดูท่าท่านพ่อคงไม่ปฏิเสธพวกเราแล้ว…

เหมือนนึกอะไรได้ สือหลิงหลงก็หน้าแดงขึ้นมา

มีความสุขมาก~

เมื่อเห็นองค์หญิงหลิงหลงที่ไม่รู้คิดปรุงแต่งอะไรในความคิดแล้ว จักรพรรดิชิงก็มีเหงื่อเย็นๆ ไหลลงมาจากหน้าผากเม็ดหนึ่ง

อืม ผีเท่านั้นที่รู้ว่าเสี้ยวดวงจิตมีเหงื่อไหลมาได้อย่างไร!

“เอาละๆ ต่อไปจะเริ่มการทดสอบที่สามแล้ว การทดสอบรอบที่สาม เป็นการทดสอบพรสวรรค์การต่อสู้ของพวกเจ้า ถึงเส้นทางหลอมโอสถจะเน้นที่การหลอมโอสถ แต่การช่วยผู้อื่นต้องช่วยตัวเองก่อน

ผู้เป็นแพทย์จะต้องเอาตัวรอดให้ได้ก่อน ขอแค่มีศักยภาพแข็งแกร่งถึงจะมีต้นทุนช่วยช่วยเหลือชาวโลก ไม่เช่นนั้นเมื่อมีบุญคุณความแค้นเหตุและผลอยู่กับตัว ผู้ช่วยเหลือยากจะช่วยตัวเองได้ ถึงขั้นจุดไฟเผาตัวเองได้”

จักรพรรดิชิงถอนหายใจเบา นัยน์ตาฉายแววหวนรำลึกและเสียใจเสี้ยวหนึ่ง เหมือนนึกไปถึงเรื่องในอดีตอันน่าเสียใจ

เสิ่นเทียนมองจักรพรรดิชิงที่ทำหน้าห่อเหี่ยว ก่อนจะอดพึมพำในใจมิได้

มหาจักรพรรดิเมื่อหมื่นปีก่อนท่านนี้ ตอนหนุ่มคงไม่เจอเรื่องผิดจรรยาบรรณทางการแพทย์หรอกกระมัง!

ถึงอย่างไรเรื่องผิดจรรยาบรรณทางการแพทย์ก็มีอยู่ทั่วหมื่นโลก

จะเรียนวิชามีดช่วยคน ก็ต้องเรียกวิชามีดฆ่าคนก่อน!

“การทดสอบรอบที่สาม คือการต่อสู้กับร่างเงาสะท้อนของข้า พวกเจ้าจะได้เรียนวิชายุทธ์ของข้าผ่านร่างเงาสะท้อนของข้า”

แม้ว่าจักรพรรดิชิงจะเป็นจักรพรรดิด้วยวิถีโอสถ แต่ตั้งแต่อดีตมา ผู้เป็นจักรพรรดิล้วนไม่มีใครมีกำลังรบอ่อนแอ

ไม่ชอบต่อสู้ ไม่ได้หมายความว่าจะสู้ไม่เป็น!

“แน่นอน ข้าจะกดร่างเงาสะท้อนนี้ให้ลงมาอยู่ระดับเดียวกับพวกเจ้า พวกเจ้าแค่ต้องใช้ทุกอย่างที่เรียนมาอย่างเต็มที่ พยายามยืนหยัดต่อหน้าข้าอย่างสุดความสามารถ ข้าก็จะตัดสินศักยภาพของพวกเจ้าได้”

มหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให้กดระดับพลังมาอยู่เท่ากันก็มากพอจะไร้พ่ายแปดทิศในห้าดินแดน

ไม่นาน พลังงานมหาศาลก็ถาโถมลงมา ปกคลุมสามคนเอาไว้

ภาพตรงหน้าเสิ่นเทียนพลันเปลี่ยนไป รอบๆ เป็นห้วงอากาศขมุกขมัว

ตอนนี้ องค์หญิงหลิงหลงด้านข้างกับเฟิ่งอู่หายไปแล้ว

เห็นได้ชัดว่าการทดสอบจะเริ่มแบบแยกกัน

……

“เจ้าหนู คุณสมบัติกายกับพรสวรรค์ของเจ้าไม่เลวเลย แต่เส้นทางหลอมโอสถต้องเน้นที่การควบคุมพลังงานของตนเอง จะควบคุมพลังไว้ในขอบเขตที่แม่นยำได้อย่างไร นี่สำคัญมาก”

กลางห้วงอากาศ ร่างเงาสีครามก้าวออกมาช้าๆ ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายพลังแข็งแกร่ง

บนผิวกายเขามีเปลวเพลิงสีเขียวมรกตวนเวียนไม่ขาดสาย ข้างหลังยังมีเงามายาบัวครามดอกใหญ่

ร่างเงานี้ก็คือจักรพรรดิชิง!

“การหลอมโอสถต้องควบคุมพลังงานธาตุไฟและไม้สองชนิด แต่พลังงานสองชนิดนี้ ไม่ใช่แค่ใช้หลอมโอสถช่วยคนเท่านั้น แต่ยังระเบิดอานุภาพกำลังรบที่แข็งแกร่งได้ วันนี้ข้าจะสอนว่าเจ้าจะกระตุ้นพลังแห่งไม้และไฟถึงขีดสุดได้อย่างไร!”

เสียงจักรพรรดิชิงน่าเคารพ เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามสูงสุด

เปลวเพลิงสีมรดกบนผิวกายเขาพลันหลั่งทะลัก

เปลวไฟร้อนแรงพุ่งขึ้นฟ้า มาพร้อมกับพลังงานน่าสะพรึงที่มากพอจะเผาทำลายล้างฟ้าดิน พุ่งทะยานขึ้นท้องนภา

ห้วงอากาศเริ่มบิดเบี้ยวภายใต้พลังงานนี้ แตกกระจาย เหมือนถูกเผาทำลายเป็นความว่างเปล่าทั้งหมด

ดอกบัวครามข้างหลังจักรพรรดิชิงเบ่งบานออกช้าๆ พลังสั่นสะท้านฟ้าดิน

ดอกบัวระดับสิบสองนั้นบานออกด้วยโทสะ แสงสีครามสว่างจ้า เต็มไปด้วยพลังชีวิตรุนแรง สร้างความตื่นกลัวอย่างยิ่ง

เปลวเพลิงสีมรกตพุ่งขึ้นฟ้า ตัดสลับวนเวียนกับบัวครามระดับสิบสองนั้น สร้างเป็นดอกบัวเปลวเพลิงสีครามยักษ์ เหมือนกับบัวเพลิงพุทธพิโรธ

“ใช้พลังที่แกร่งที่สุดของเจ้าโจมตีข้า!”

จักรพรรดิชิงเอ่ยราบเรียบ ในมือเขายันดอกบัวเพลิงสีครามบนอากาศ เหมือนกับเทพอัคคีมาเยือน

เสิ่นเทียนเผยสีหน้าลำบากใจ “ผู้อาวุโส แบบนี้ไม่ดีกระมัง!”

“วางใจเถอะ เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”

จักรพรรดิชิงเอ่ยราบเรียบ เขาเป็นผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิ ต่อให้กดระดับพลังมาอยู่ดวงจิตดรุณก็ยังมีความมั่นใจว่าจะไร้พ่ายในระดับพลังเดียวกัน

ขอแค่เขาไม่ประมาท ต่อให้เป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์อาวุโสก็ทำอันตรายเขาไม่ได้แม้แต่น้อย

เจ้าหนูนี่อายุยังน้อย ถึงจะมีพรสวรรค์คุณสมบัติกายแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นเพียงระดับนิพพาน หรือคิดว่าจะทำข้าบาดเจ็บได้อย่างนั้นรึ

“แบบนี้เสียมารยาทเกินไปแล้ว”

เสิ่นเทียนส่ายหน้า รู้สึกเสียมารยาทนิดๆ

จักรพรรดิชิงกลับพูดด้วยความรำคาญ “เป็นบุรุษอย่าลีลา ทำอย่างกับเป็นเด็กสาวน้อย โจมตีข้าด้วยกำลังทั้งหมดของเจ้าเสีย”

ผู้บำเพ็ญเซียน ต้องแย่งชิงเสี้ยวโอกาสกับฟ้า

แม้แต่เสี้ยวดวงจิตของข้ายังไม่กล้าลงมือ ภายภาคหน้าจะแสวงหามหามรรคอย่างไร

…….

“เช่นนั้นก็ได้!”

เมื่อเห็นจักรพรรดิชิงยืนหยัดจะให้โจมตี เสิ่นเทียนก็ถอนหายใจ

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนเริ่มกระตุ้นพลังงานที่ซ่อนไว้ในร่างกายอย่างสมบูรณ์แบบ พลังงานของสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินสิบกว่าชนิดถูกขับเคลื่อน ทำให้พลังของเสิ่นเทียนทรงอานุภาพอย่างยิ่ง

พลันเกิดปรากฏการณ์น่ากลัวไร้ที่สิ้นสุดลอยขึ้นมาข้างหลังเสิ่นเทียน

เพลิงเทพร้อนแรงพุ่งขึ้นฟ้า เหมือนจะเผาทำลายท้องนภา

ในนั้นมีเปลวเพลิงสามชนิด ตัดสลับส่องประกายแสงกัน ระเบิดกลิ่นอายพลังทำลายล้างออกมา จากนั้นก็มีประกายวารีสูงเทียมฟ้าเหมือนกับคลื่นยักษ์ถาโถมลงมาพร้อมกับพลังอันบ้าคลั่งยิ่ง

และยังมีพลังแห่งไม้ พลังแห่งดิน พลังแห่งทอง…มากันไม่ขาดสาย!

ชั่วครู่เดียว พลังงานสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินในกายเสิ่นเทียนก็ปะทุออกมาทั้งหมด พลังแห่งปัญจธาตุหลั่งทะลักออกมา พุ่งขึ้นชั้นเมฆ ทำให้ท้องนภามืดครึ้มลงไร้ประกายแสง ถอดความสง่าราศีไป

และยังมีปรากฏการณ์มากมายเช่น มังกรเขียว พยัคฆ์ขาว วิหคชาด เต่าทมิฬ หงส์และนกยูงเป็นต้น เปล่งเสียงคำรามดังสนั่นสวรรค์เก้าชั้นปกครองโลกหล้า ราวกับภาพยิ่งใหญ่เทพมารชิงความเป็นหนึ่งกันในยุคโบราณ

ทันใดนั้น ห้วงอากาศสั่นสะเทือนต่อหน้าปรากฏการณ์มากมายนี้ เหมือนจะพังทลายลง

…..

ขณะเดียวกัน ผิวกายเสิ่นเทียนเปล่งแสงสว่างจ้า กลิ่นอายพลังสีทองกับสีเงินขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

เสิ่นเทียนกระตุ้นอานุภาพของกายทองกำเนิดฟ้าเก้ารอบถึงขีดจำกัด เกราะศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังสวมใส่บนตัวเสิ่นเทียนครบชุด

ปีกทองคำกางออก ทำให้เสิ่นเทียนดูมหัศจรรย์อย่างยิ่ง ราวกับเทพสงครามมาเยือน

เมื่อเห็นดังนั้น จักรพรรดิชิงถึงกับมุมปากกระตุกรัวอย่างบ้าคลั่ง

เดิมทีเขาคิดว่าเจ้าหนูนี่เพียงแค่มีพรสวรรค์ในวิถีโอสถสุดยอด แต่ไม่คาดคิดเลยว่ากำลังรบในระดับพลังเดียวกันของเสิ่นเทียนจะบ้าคลั่งจนน่าขนหัวลุกเช่นกัน

ระดับความแกร่งของพลังนี้เทียบได้กับผู้อริยะใหม่เลย!

เจ้าหนูนี่เป็นเพียงระดับนิพพานจริงๆ รึ

นี่ใช่ระดับนิพพานที่ใดกัน ไร้สาระ!

จักรพรรดิชิงรู้สึกชาในใจ ระดับพลังของร่างเงานี้เพียงแค่ระดับดวงจิตดรุณ

เหตุใดถึงรู้สึกเหมือน…เหมือนจะต้านการโจมตีนี้ไม่ได้ล่ะ

……

จักรพรรดิชิงหวาดกลัวนิดๆ แล้ว แต่ตอนนี้จิตต่อสู้ของเสิ่นเทียนเพิ่งจะปะทุขึ้น

ในมุมมองเสิ่นเทียน จักรพรรดิชิงเป็นผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิ ในเมื่อร้องขอให้ตนโจมตีสุดกำลัง เขาย่อมเคารพการเลือกของจักรพรรดิชิง

อีกอย่าง เสิ่นเทียนก็อยากเห็นว่ามหาจักรพรรดิจะมีกำลังรบในระดับพลังเดียวกันแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่!

ข้ากับมหาจักรพรรดิ มีความต่างกันมากเพียงใดในระดับพลังเดียวกัน!

เมื่อคิดได้ดังนั้น กำลังรบของเสิ่นเทียนที่เดิมทีทะลวงธรณีประตูระดับอริยะก็พุ่งขึ้นอีกครั้ง ทะลุปรอท!

“เปลี่ยนเทพสงคราม!”

เสิ่นเทียนคำรามเสียงต่ำทีหนึ่ง ภายในกายระเบิดแสงสว่างหมื่นจั้ง

พลังงานของสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินทั้งหมดของเขา ตอนนี้หลอมรวมกันตามการโคจรวิชาเปลี่ยนเทพสงคราม

ปัญจธาตุสัมพันธ์กัน ค่อยๆ หลอมรวมเข้าด้วยกัน

พลังงานของสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินทั้งหมดเข้าไปในกายเสิ่นเทียน ทำให้แสงเรืองรองส่องสว่างรอบตัวเขา พลังก็พุ่งสูงขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด

เสิ่นเทียนพลันมีเส้นผมชี้เด้งขึ้นมาเส้นหนึ่ง มีความยืดหยุ่น

ผิวกายเปล่งแสงสีทองสว่างจ้ายิ่งกว่าเดิม พลังงานของกายทองกำเนิดฟ้าเก้ารอบพุ่งถึงขีดจำกัด

ตอนนี้ เสิ่นเทียนเหมือนกับเทพสงครามมาเยือนจริงๆ แล้ว

ใบหน้าและกำลังรบบรรลุถึงจุดสูงสุด!

…..

เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง ก่อนจะมองจักรพรรดิชิงช้าๆ

“ผู้อาวุโส ช่วยชี้แนะด้วย!”

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด