บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 403 เขายังเป็นแค่เด็กนะ!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 403 เขายังเป็นแค่เด็กนะ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 403 เขายังเป็นแค่เด็กนะ!

เสิ่นเทียนยืนอยู่กลางอากาศ บุคลิกองอาจห้าวหาญ

ปรากฏการณ์บัวครามเบิกฟ้าข้างหลังเปล่งแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ บดบังฟ้าบังดวงตะวัน พัฒนาเป็นมหามรรค

แสงเทพไร้ที่สิ้นสุดยิ่งใหญ่ขึ้นไม่หยุด พลังหนาทึบวนเวียน เหนี่ยวนำกฎเกณฑ์ฟ้าดินตกลงมา อักขระลำดับตัดสลับกัน เหมือนจะทำให้ฟ้าดินอากาศธาตุสลัวปรากฏขึ้นในโลกอีกครั้ง

“เจ้าหนูนี่กำลังผลัดเปลี่ยน!”

จักรพรรดิชิงเผยแววตาตื่นตกใจ ไม่นึกเลยว่าสิ่งต้องห้ามก่อนอดีตกาลจะปรากฏขึ้นในตัวมนุษย์คนหนึ่ง

บัวครามเบิกฟ้า!

ปรากฏการณ์เช่นนี้ ต่อให้เป็นยุคบรรพกาลก็ยังเป็นเพียงตำนาน

จักรพรรดิชิงอดเฝ้ารอคอยมิได้ว่าเมื่อเสิ่นเทียนดูดซับฤทธิ์ยาหมดแล้ว จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร!

ตอนนี้ จิตใจเสิ่นเทียนเงียบสงบอยู่ในกาย

แม้ว่าโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าจะเพิ่มคุณสมบัติกับพรสวรรค์การตระหนักรู้ให้เขาไม่มาก แต่ฤทธิ์ยามหาศาลทำให้พลังบำเพ็ญเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันยังทำให้เขาเกิดการเปลี่ยนแปลงเหนือธรรมดาบางอย่าง

ตอนนี้เขามีความรู้สึกอย่างหนึ่งในใจ พลังบำเพ็ญตนถึงขีดจำกัดระดับแก่นพลังทองแล้ว ยกระดับไปต่อไม่ได้อีก เดินแค่ก้าวเดียวก็จะทุบแก่นเป็นดรุณ ทะลวงระดับดวงจิตดรุณ

แก่นพลังทองสว่างจ้าลอยขึ้นมาเหนือศีรษะเสิ่นเทียน ขยายใหญ่ขึ้นตามสายลม ไม่นานก็มีขนาดจั้งกว่า จักรพรรดิชิงกับองค์หญิงหลิงหลงที่ดูอยู่ด้านข้างถึงกับตาลาย

สุดยอด แก่นพลังทองของคนอื่นเขามีขนาดเท่าตามังกร แต่แก่นพลังของเจ้านี่เท่าไข่มังกรแล้ว

“ของพี่เสิ่นเทียนใหญ่มาก!”

องค์หญิงหลิงหลงอ้าปากกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

ต่อให้นางมาจากราชวงศ์เซียนดินแดนกลาง มีความรู้มากมาย ก็ยังไม่เคยเจอแก่นพลังทองใหญ่ขนาดนี้มาก่อน

แก่นพลังทองก้อนหนึ่งลงท้อง ชะตาข้าข้าลิขิตมิใช่สวรรค์รึ

แก่นพลังทองใหญ่ขนาดนี้ ยัดเข้าไปใครจะทนไหวกัน!

พี่เสิ่นเทียน สมกับเป็นท่าน!

“นี่คือแก่นพลังทองพิสดาร!”

จักรพรรดิชิงไม่ได้ตกใจอะไรมาก เขาเป็นมหาจักรพรรดิยุคบรรพกาล ก็เคยเจอโอรสสวรรค์ที่มีแก่นพลังทองพิสดาร

แน่นอน แก่นพลังทองกำเนิดฟ้ามีน้อยยิ่ง อย่างน้อยจักรพรรดิชิงก็ไม่เคยเห็นคนที่สอง

แก่นพลังทองกำเนิดฟ้าสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นจมเข้าไปในหนีหวานกงตรงระหว่างคิ้วเสิ่นเทียน

ที่นี่คือทะเลจิตของผู้บำเพ็ญ และยังถูกเรียกว่าโลกจิตวิมานม่วง

โลกจิตวิมานม่วงก็คือที่อยู่ของดวงจิตดรุณ ก่อนที่ผู้บำเพ็ญแก่นพลังทองจะทุบแก่นเป็นดรุณ แก่นพลังทองจะเข้าไปในโลกจิตวิมานม่วงและทำการผลัดเปลี่ยน เริ่มทุบแก่นเป็นดรุณ

ในโลกจิตวิมานม่วง ไอม่วงจะพวยพุ่งขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ พลังวิญญาณมหาศาลจะกลายเป็นมหาสมุทรกว้างใหญ่ ขยายพื้นที่นี้ให้กว้างใหญ่เป็นพิเศษ

ยิ่งผู้บำเพ็ญมีพลังจิตแข็งแกร่งมากเท่าไร พื้นที่ของโลกจิตวิมานม่วงจะยิ่งใหญ่มากเท่านั้น

ตอนนี้เอง ไอเบิกฟ้าถือกำเนิดขึ้นกลางโลกจิตวิมานม่วง แสงสว่างขมุกขมัว พลังหนาทึบวนเวียน เจริญงอกงามขึ้นมา

นี่คือพลังของโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า ฤทธิ์ยาไม่ได้แค่หลอมรวมไปทั่วร่าง แม้แต่อวัยวะภายในไปจนถึงวิมานม่วงตันเถียนยังถูกปกคลุม

ฤทธิ์ยามหาศาลโหมซัดสาดมารวมกันเรื่อยๆ พลังอำนาจกว้างใหญ่

ทั้งพื้นที่วิมานม่วงเต็มไปด้วยกลิ่นอายพลังชีวิตที่รุนแรงอย่างยิ่ง

บัวครามเบิกฟ้าระดับสิบสองเบ่งบานกลางอากาศธาตุสลัว รุกล้ำหนึ่งโลก เปล่งแสงสว่างพร่างพราว

แสงสว่างวนเวียน ไอเบิกฟ้าหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย กำเนิดขึ้นกลางวิมานม่วงไม่หยุดหย่อน

ใบบัวเปล่งแสงสว่าง เหมือนกำลังเชื่อมต่อกับฟ้าดิน

กฎเกณฑ์ไร้ที่สิ้นสุดไหลลงมาจากท้องนภา แสงสว่างหนาทึบ เหมือนธารสีเงินตกลงมา บดบังบัวครามเบิกฟ้าระดับสิบสองไปทั้งหมด

แสงเรืองรองส่องสว่าง กฎเกณฑ์ตัดสลับกันไปมา!

ไอเบิกฟ้ารดบนบัวครามเบิกฟ้าระดับสิบสอง เชื่อมต่อกับกฎเกณฑ์มหามรรคฟ้าดิน

ภายใต้การชะล้างด้วยกฎเกณฑ์หาที่สิ้นสุดมิได้ มันรวมออกมาเป็นเงามายาใบบัว แผ่พลังยิ่งใหญ่ เกิดการผลัดเปลี่ยนครั้งใหญ่!

ระดับสิบสอง!

ระดับสิบแปด!

ระดับยี่สิบสี่!

…..

ระดับสามสิบหก!

ใบบัวครามเบิกฟ้าระดับสามสิบหกแกว่งไกวเบาๆ เหมือนเชื่อมต่อฟ้าดิน บดบังทั้งวิมานม่วงไว้

ใบบัวสว่างจ้าขยายออก แบ่งไปในทุกเขตแดน เหนี่ยวนำไอเบิกฟ้าไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งใหญ่และสง่างาม

ทั้งโลกจิตวิมานม่วงถูกไอเบิกฟ้าไร้ที่สิ้นสุดปกคลุม ทุกที่มีแต่ความขมุกขมัว เหมือนกับแรกเริ่มเบิกฟ้า!

หากมีผู้มีพลังบำเพ็ญสูงส่งมาเห็นภาพนี้ จะต้องตื่นตกใจอย่างแน่นอน

หากบอกว่าบัวครามเบิกฟ้าระดับสิบสองคือสิ่งต้องห้าม เช่นนั้นบัวครามเบิกฟ้าระดับสามสิบหกก็เป็นการคงอยู่ระดับสร้างโลกแล้ว!

ใครจะไปคาดคิดว่าปรากฏการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับรุ่นเยาว์ที่กำลังจะทะลวงดวงจิตดรุณคนหนึ่ง

นี่มันน่าเหลือเชื่อ!

ขณะไอเบิกฟ้าหมุนม้วน โลกจิตวิมานม่วงของเสิ่นเทียนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ทะเลจิตสีทองกลายเป็นแผ่นดิน ไอเบิกฟ้ากำลังหมุนตลบ ท้องนภาถูกเงามืดปกคลุม ทำให้ทุกอย่างเงียบสงบอยู่ในอากาศธาตุสลัว

พลังงานบ้าคลั่งอย่างยิ่งเริ่มแผ่ขยายในโลกจิตวิมานม่วง

เพลิงเทพร้อนแรงโหมลุกขึ้นมา พุ่งขึ้นฟ้า เผาทำลายอากาศเป็นความว่างเปล่า

พายุคลั่งเย็นยะเยือกลอบจู่โจมไม่หยุดหย่อน ถาโถมทั้งฟ้าดิน ทำให้ไอเบิกฟ้าดุเดือดตาม

แผ่นดินสั่นสะเทือนและพังทลายลง เกิดเป็นรอยแยกมากมาย เหมือนจะพังทลายลงได้

กลางท้องนภาแฝงไว้ด้วยเคราะห์ภัยน่ากลัว เมฆสายลมรวมกัน มหามรรคปั่นป่วน เหมือนจะทำลายล้างมิติแห่งนี้ให้สิ้นซาก

ไม่ใช่แค่นั้น แก่นพลังทองกำเนิดฟ้าในกายเสิ่นเทียนก็กำลังเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

แก่นพลังทองกำเนิดฟ้าลูกนี้ ลอยมาอยู่ใต้ใจกลางดอกบัวครามเบิกฟ้าระดับสามสิบหกช้าๆ

ไอเบิกฟ้าเข้มข้นปะทุมาจากเมล็ดบัวครามเบิกฟ้าระดับสามสิบหก พวยพุ่งขึ้นไม่หยุด วนเวียนอยู่บนแก่นพลังทองกำเนิดฟ้าทั้งหมด แสงสว่างจ้าถึงที่สุด

แสงทองสว่างจ้า สายฟ้ามีสีสันหลากสี แก่นพลังทองกำเนิดฟ้าดูดซับไอเบิกฟ้าอย่างโจ่งแจ้ง

บึ้ม!

วิมานม่วงของเสิ่นเทียนสั่นสะเทือน เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง

แก่นพลังทองกำเนิดฟ้าเปล่งแสงสว่างแสบตาอย่างยิ่ง เหมือนจะทำลายอากาศธาตุสลัว!

ภายใต้การชะล้างด้วยไอเบิกฟ้า แม้แต่แก่นพลังทองกำเนิดฟ้ายังเกิดการเปลี่ยนแปลง ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ!

หนึ่งจั้ง!

สองจั้ง!

สี่จั้ง!

แปดจั้ง!

…..

สามสิบสามจั้ง!

แก่นพลังทองกำเนิดฟ้าที่มีขนาดสามสิบสามจั้งเหมือนกับครรภ์เทพกำเนิดจากสวรรค์ ตั้งตระหง่านอยู่มิติอากาศธาตุสลัว

รอบตัวมันมีไอเบิกฟ้าวนเวียน ระเบิดกลิ่นอายพลังเบิกฟ้าที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

เมื่อเห็นแก่นพลังทองนี้ เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกอย่างบ้าคลั่ง

เจ้านี่ คือแก่นพลังทองกำเนิดฟ้าของข้ารึ

เหตุใดถึงดูเหมือนไข่ไดโนเสาร์เลยล่ะ

ไม่สิ จะมีไข่ใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร

อย่าว่าแต่ไข่ไนโดเสาร์เลย ไข่มังกรแท้ยังไม่ใหญ่ขนาดนี้เลยกระมัง!

….

แต่เสิ่นเทียนก็ไม่กังวล ในทางตรงข้ามยังเฝ้ารอคอยนิดๆ

ต้องรู้ว่าดวงจิตดรุณกำเนิดมาจากแก่นพลังทอง ดูดซับพลังต้นกำเนิดชีวิตมาจากแก่นพลังทอง

ปกติยิ่งพลังของแก่นพลังทองแข็งแกร่งมากเท่าไร ดวงจิตดรุณที่รวมออกมาก็ยิ่งแกร่งมากเท่านั้น

เสิ่นเทียนมองแก่นพลังทองกำเนิดฟ้าที่มีความสูงใหญ่สามสิบสามจั้งพลางยกมุมปากนิดๆ

“แก่นพลังทองใหญ่ขนาดนี้ รวมดวงจิตดรุณออกมาจะต้องไร้พ่ายอย่างแน่นอน!”

แค่คิดก็น่าเฝ้ารอคอยแล้วละ!

“ทุบแก่นเป็นดรุณ!”

เสิ่นเทียนตะโกนเสียงดัง เหนี่ยวนำฤทธิ์ยาที่มีมาขาดสายพุ่งกระแทกใส่แก่นพลังทองกำเนิดฟ้า

ภายใต้การเสริมด้วยฤทธิ์ยาไร้ที่สิ้นสุดของโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า การทุบแก่นเป็นดรุณง่ายขึ้นมาก

ต่อให้แก่นพลังทองของเสิ่นเทียนจะ…ใหญ่…ไปหน่อย!

ก็ได้…ใหญ่สุดยอดเลย!

ฤทธิ์ยาที่มาไม่ขาดสายรวมเป็นธารน้ำพลังงาน ตกลงมาจากท้องนภาที่มีอากาศธาตุสลัวปกคลุม จมเข้าไปในไข่ยักษ์สีทองทั้งหมด

เวลานี้ ไข่ยักษ์สีทองเปล่งแสงสว่างจ้า

มันคละปนกับไอเบิกฟ้าสีเทา สะท้อนออกมาเป็นภาพที่มีสีสันหลากสี

ในมิติอากาศธาตุสลัวไร้พรมแดน มีดวงตะวันสีทองลุกโชตช่วงดวงหนึ่งลอยขึ้น เปล่งแสงสว่างเหมือนจะขจัดเงามืดออกไป

บึ้ม!

เกิดเสียงดังกึกก้อง!

แก่นพลังทองใหญ่ปริแตก พลันระเบิดออก ดวงจิตดรุณส่องแสงทะลวงไข่ออกมา

ดวงจิตดรุณนี้ใสแวววาวทุกส่วน ผิวพรรณขาวเนียนนุ่ม เปลือยกายทั้งตัว ใบหน้ามีความคล้ายกับเสิ่นเทียนหลายส่วน

หากไม่ใช่มันยาวไปหน่อย จะบอกว่าเป็นบุตรแท้ๆ ของเสิ่นเทียนก็เกรงว่าคงจะมีคนเชื่อ

อืม ใช่ รูปร่างของมัน…ใหญ่นิดหน่อย

ก็ได้ ดวงจิตดรุณนี่ไม่ได้ใหญ่นิดหน่อย!

แต่ใหญ่มาก ใหญ่สุดยอด!

เหมือนกับแก่นพลังทองกำเนิดฟ้านั่น!

ดวงจิตดรุณยักษ์สูงใหญ่สามสิบสามจั้งขดตัวอยู่ในวิมานม่วง

คนเห็นยังตาลาย รู้สึกว่าดวงจิตดรุณนี่นั่งทับลงมาทีก็ถึงตายได้

….

เมื่อเห็นดังนั้น เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก

คนอื่นทุบแก่นเป็นดรุณกลายเป็นดวงจิตดรุณ แต่ข้าทุบแท่นเป็นดรุณกลายเป็นดรุณยักษ์รึ

และที่บัดซบกว่านั้นคือขนาดตัวข้ายังไม่ใหญ่เท่ารูจมูกของดวงจิตดรุณตัวเองเลย นี่ดีหรือไม่

นี่ไม่ดี!

มองไปตามศีรษะของดรุณยักษ์ แขนเล็ก มองลงไปตามท้องเล็ก ตอนที่เห็นใต้หว่างขาของดรุณยักษ์…

อืม เสิ่นเทียนเงียบไปแล้ว

สวรรค์!

ไฉนท่านถึงไม่ยุติธรรมเช่นนี้

มันยังเป็นเพียงแค่เด็กเท่านั้นนะ!

“นี่ข้าสร้างดวงจิตดรุณมหัศจรรย์อะไรออกมากัน”

……

ขณะที่เสิ่นเทียนกำลังสงสัยในชีวิต พลันพบว่าพลังคัมภีร์คบเพลิงกำเนิดฟ้าในกายหมุนโคจรด้วยตัวเอง ภายใต้การเหนี่ยวนำด้วยพลังแห่งเบิกฟ้า พลังงานของสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินสิบกว่าชนิดถูกขับเคลื่อนขึ้นมาทันที

พวกมันหลอมรวมเข้าไปในคัมภีร์คบเพลิงกำเนิดฟ้า กระตุ้นให้เกิดแสงสว่างสีสันหลากสี

ปัญจธาตุรวมกันกลายเป็นแสงแห่งเบิกฟ้าวนเวียนรอบตัวดรุณยักษ์

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ไม่น่าใช่แล้ว! นี่มันดวงจิตดรุณชัดๆ เหตุใดถึงมีพลังของคัมภีร์คบเพลิงกัน”

เสิ่นเทียนตกใจระคนสงสัยอย่างยิ่ง ต้องรู้ว่าคัมภีร์คบเพลิงกำเนิดฟ้าเน้นที่การหลอมกาย เป็นวิชาศาสตร์หลอมกายเทพมาร

แต่ดวงจิตดรุณเป็นผลจากศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทอง เป็นผลจากสายเลือดหลอมปราณ คงอยู่ในโลกจิตวิมานม่วง

สองสิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกันเลย น่าจะไม่มีอะไรเกี่ยวกันได้

แต่ตอนนี้ดวงจิตดรุณยักษ์ของเสิ่นเทียนกลับเหนี่ยวนำพลังของสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดิน กระทั่งกู่ร้องร่วมกัน

นี่มันน่าเหลือเชื่อ ยากจะเชื่อได้!

ไม่ใช่แค่นั้น!

ยังมีทวารที่เปล่งแสงสว่างจ้าลอยขึ้นมาในกายดวงจิตดรุณยักษ์ เหมือนกับดวงดาราขยับแสง สว่างพร่างพราวและศักดิ์สิทธิ์

นั่นคือพลังแห่งทวารของระดับนิพพาน และยังถูกเรียกว่าพลังวิเศษ

ผู้บำเพ็ญระดับนิพพานจะใช้พลังงานมหาศาลหลอมรวมเทพทวารในกาย กระตุ้นความสามารถแฝงที่ซ่อนเร้นไว้ รวมเป็นพลังวิเศษ

และทวารเทพจะต้องกินพลังงานจำนวนมาก ทุกทวารเทพต้องการพลังงานแทบจะไม่เป็นรองพลังวิญญาณทั้งตัวของผู้บำเพ็ญแก่นพลังทอง

และเพราะเหตุนี้เอง ศาสตร์หลอมกายเทพมารหลังจากระดับนิพพานถึงเป็นที่ยอมรับว่าเป็นตัวผลาญเงิน บ้านใครไม่มีเหมืองจะผงาดขึ้นไม่ได้เลย!

แต่ภายใต้การเสริมด้วยไอเบิกฟ้า พลังของทวารพวกนี้สว่างแพรวพราวยิ่งขึ้น ดูดซับพลังงานจำนวนมากมาหลอมรวมเทพเรื่อยๆ!

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนตื่นตะลึงในใจ

พึงรู้ไว้ว่าทวารเทพก็เป็นวิถีหนึ่งของศาสตร์หลอมกายเทพมาร ไม่ใช่ของศาสตร์หลอมปราณ

ตอนนี้ดวงจิตดรุณของเสิ่นเทียนไม่ใช่แค่ดูดซับพลังงานของคัมภีร์คบเพลิงกำเนิดฟ้า กระทั่งยังเปิดทวาร ทั้งยังหลอมรวมเทพไปเรื่อยๆ!

นี่มันน่าเหลือเชื่อ ไม่สมเหตุสมผลมาก!

เสิ่นเทียนเหมือนนึกอะไรได้ก็พูดกับตัวเอง “เล่าลือว่าอากาศธาตุสลัวคือต้นกำเนิดของหมื่นวิชา วิชาหลอมกายและหลอมปราณทุกอย่างล้วนกำเนิดมาจากอากาศธาตุสลัว

ศาสตร์หลอมกายทั้งหมดก็มาจากต้นกำเนิดเดียวกัน เพียงแต่ว่าต่อมาเกิดการพัฒนาแตกแขนงออกไปในแบบที่ต่างกัน ดังนั้น ถึงได้มีศาสตร์ฝึกบำเพ็ญที่ต่างกันสิ้นเชิงอย่างหลอมกายและหลอมปราณขึ้น

ข้าสงสัยว่าไอเบิกฟ้าสามารถหลอมรวมทุกสรรพสิ่งในฟ้าดินได้ ด้วยการเหนี่ยวนำของไอเบิกฟ้า สองศาสตร์บำเพ็ญหลอมกายและหลอมปราณจะมุ่งสู่เส้นทางเดียวกัน”

เมื่อคิดได้ดังนั้น แสงสว่างในดวงตาเสิ่นเทียนลึกล้ำยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

เขาไม่ได้ขวางให้ทวารในกายดวงจิตดรุณหลอมรวมเทพ แต่อยากดูว่าเมื่อสองศาสตร์บำเพ็ญหลอมกายกับหลอมปราณรวมเข้าด้วยกันแล้วจะเกิดผลแบบใด!

และเขาจะเกิดการผลัดเปลี่ยนไปอย่างไร

บางทีอาจจะใช้โอกาสนี้บุกเบิกเส้นทางการบำเพ็ญของตนเองได้

ไอเบิกฟ้ารวมเข้าไป ทำให้ทวารที่ถูกหลอมรวมเทพในกายดวงจิตดรุณยักษ์มีมากขึ้นเรื่อยๆ แสงดาวยิ่งใหญ่ขึ้นไม่หยุด

พลังแห่งการกลืนกินแก่กล้าพุ่งออกมาจากในทวาร กระจายออกแปดทิศเหมือนจะกลืนกินฟ้าดิน

วิมานม่วงสั่นกระเพื่อม ไอเบิกฟ้าไร้ที่สิ้นสุดถูกเหนี่ยวนำเข้ามา จมเข้าไปในกายดรุณยักษ์ทั้งหมด ทำให้พลังของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

พลังแห่งทวารวนเวียนไปในกายดรุณยักษ์ ไหลเวียนไปทั่วร่าง

จากนั้น พลังนี้ก็ค่อยๆ ไหลเวียนออกมาจากมือขวาเปลี่ยนเป็นขวานสงครามยักษ์ด้ามหนึ่ง

นั่นรวมขึ้นจากไอเบิกฟ้า แฝงไว้ด้วยความหมายแห่งการทำลายล้าง การสร้างและความนิรันดร์ไม่มีสิ้นสุด ไม่อาจใช้คำมาบรรยายได้

จากนั้นดรุณยักษ์ลืมตาขึ้นช้าๆ แสงลุกโชตช่วงทะลวงฟ้าดิน

…..

‘อุแว้!’

ดรุณยักษ์เหมือนถูกโลกเสียงดังรบกวน ใบหน้ามีความรำคาญขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

ร่างเปลือยเปล่าออกมืออย่างเหี้ยมโหด กวัดแกว่งขวานสงครามในมือ ฟันใส่กฎเกณฑ์ไม่มีสิ้นสุดในอากาศธาตุสลัว

บึ้ม!

การโจมตีนี้ เหมือนจะทำลายล้างฟ้าดิน!

อานุภาพน่าสะพรึงพลันปะทุขึ้น ดวงดาราระเบิดกระจาย ท้องนภาถล่มลง เกิดเป็นรอยร้าวเต็มไปหมด

เพลิงเทพลุกโชตช่วงถูกกลืนกินไปทั้งหมด พายุคลั่งเย็นยะเยือกถูกกำราบ

แม้แต่เคราะห์ภัยทำลายล้างที่เกิดขึ้นกลางนภายังถูกขวานฟันทำลายลง จากนั้นดรุณยักษ์พุ่งตัวขึ้น เริ่มกำราบกฎเกณฑ์ไม่หยุด ปรับอากาศธาตุสลัวให้สงบนิ่ง อยากจะปรับแก้เป็นโลกอันสมบูรณ์แบบ

และเสิ่นเทียนได้เห็นภาพนี้

จิตใจเขาเงียบสงบ เหมือนมองขั้นตอนการสร้างจักรวาลอากาศธาตุสลัว ค่อยๆ เข้าสู่สภาพวะตระหนักรู้

ขณะเดียวกันยังเกิดพลังอันลี้ลับขึ้น ปกคลุมท้องนภาฟ้าดิน

เสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิกลางความว่างเปล่า หลับตาปิดสนิท

ในกายเขารวมเป็นทวารส่องแสงขึ้นทีละทวาร เกิดออกทั้งหมด แผ่แรงดึงดูดรุนแรงออกมา!

ทวารที่ถูกหลอมรวมเทพพวกนี้เปล่งแสงไปเรื่อยๆ แผ่กระจายพลังอำนาจน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง!

เวลานี้ ทั้งสุสานจักรพรรดิชิงเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมา

“เจ้าหนูนี่ทะลวงพลังแล้วสร้างเรื่องใหญ่โตเชียว!”

ดีเลวอย่างไรจักรพรรดิชิงก็เป็นจักรพรรดิหนึ่งยุค ย่อมมองออกว่าตอนนี้เสิ่นเทียนอยู่ในสภาวะตระหนักรู้ พลังบำเพ็ญก้าวหน้าอย่างมาก

และกายเนื้อเขาเปล่งแสงแห่งทวาร ทั้งยังกลืนกินพลังวิญญาณอย่างบ้าคลั่งราวกับหลุมดำ เห็นได้ชัดว่ากำลังเตรียมการเพื่อหลอมรวมทวารเทพ

“เจ้าหนู ข้าจะช่วยเจ้าสักครั้งแล้วกัน!”

จักรพรรดิชิงมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย เขาโบกมือ ดึงดูดพลังวิญญาณฟ้าดินเข้ามาทั้งหมด

พลังวิญญาณพวกนี้รวมเป็นธารยาว ไหลเข้าไปในกายเสิ่นเทียนทั้งหมด

เมื่อพลังวิญญาณฟ้าดินไหลเข้าไป พลังของเสิ่นเทียนก็แกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทวารพวกนั้นบนผิวกายเปล่งแสงลับๆ เหมือนกับแสงของดวงดารา

แต่ทุกอย่างนี้เหมือนจะยังไม่เพียงพอ!

ชั่วครู่เดียว พลังวิญญาณพวกนี้ถูกดูดไปทั้งหมด แม้แต่อากาศยังเหือดแห้ง

“เจ้าหนูนี่เป็นปีศาจจริงๆ พลังวิญญาณมากขนาดนี้ยังไม่พอใช้!”

จักรพรรดิชิงตกใจเล็กน้อย เขาเหนี่ยวนำพลังวิญญาณทั้งหมดในสุสานจักรพรรดิชิงเข้ามา แต่กลับเหมือนน้ำน้อยแพ้ไฟ

“พลังวิญญาณที่ข้าสั่งสมมาแสนปี ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายจะต้องใช้สนับสนุนเจ้า”

จักรพรรดิชิงส่ายหน้า ก่อนกดนิ้วทำมุทรามือ

เวลานี้ พลันมีพลังวิญญาณมหาศาลหลั่งทะลักมาจากสุสานจักรพรรดิชิง

พลังวิญญาณกลายเป็นหมอกขมุกขมัวหนาทึบวนเวียน พุ่งออกมาจากส่วนก้นของสุสานจักรพรรดิ

พวกนี้คือหมอกพลังวิญญาณ มีเพียงตอนที่พลังวิญญาณเข้มข้นถึงที่สุดเท่านั้นถึงจะกลายเป็นหมอก

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นพลังวิญญาณที่จักรพรรดิชิงสั่งสมมาแสนปี ระดับความเข้มข้นเหนือกว่าจินตนาการ

พลังวิญญาณมากมายเช่นนี้ มากพอจะสร้างผู้อริยะไม่ต่ำกว่าหนึ่งคน!

ภายใต้การเหนี่ยวนำของจักรพรรดิชิง หมอกวิญญาณมหาศาลหลั่งทะลักเข้ามา กลายเป็นมังกรยักษ์พลังวิญญาณตัวหนึ่งพุ่งเข้าไปในกายเสิ่นเทียนอย่างบ้าคลั่ง

ภายใต้การเสริมด้วยพลังวิญญาณนี้ พลังบำเพ็ญของเสิ่นเทียนจึงเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วน่าตกใจ

ดวงจิตดรุณตอนต้น!

ดวงจิตดรุณตอนกลาง!

ดวงจิตดรุณตอนปลาย!

ดวงจิตดรุณสมบูรณ์!

ขาดอีกเพียงก้าวเดียว เขาก็จะทะลวงระดับนิพพาน สำเร็จระดับผ่านเทวะ

แต่ทุกอย่างหยุดลงที่ตรงนี้

ทันใดนั้นเองมีกลิ่นอายพลังน่ากลัวอย่างยิ่งแผ่กระจายออกมา

นั่นคือเสิ่นเทียนกำลังผลัดเปลี่ยน ทวารใหญ่สามร้อยหกสิบห้าทวารรอบตัวเขาถูกหลอมรวมเป็นเทพทั้งหมด

แสงสว่างสีสันหลากสีถึงขีดสุดปกคลุมทั่วร่างเขา ยิงพลังอำนาจที่ล้นทะลักอย่างยิ่งออกมา

ขณะเดียวกัน ดวงจิตดรุณในกายเสิ่นเทียนยังระเบิดพลังอำนาจไร้พ่ายออกมาอย่างหนึ่ง

สองสิ่งไหลมารวมกัน อานุภาพเทพเจ้ามากมายมหาศาล พลังปราณสั่นสะเทือนแปดทิศ หมุนม้วนไปทั้งสุสานจักรพรรดิชิง

เวลานี้ ห้วงอากาศสั่นกระเพื่อมอย่างไร้รูป อานุภาพที่แฝงไว้ด้วยความหนักหน่วงยิ่งถาโถมลงมา

เมื่อเห็นภาพนี้ จักรพรรดิชิงตัวสั่นอย่างรุนแรง แววตามีความตื่นกลัว

“เป็นไปได้อย่างไร…พลังนี้มัน”

แววตาจักรพรรดิชิงฉายแววตื่นกลัว เขารู้สึกหนาวสั่นในใจ ขนพองสยองเกล้า!

เขารู้สึกว่าพลังงานนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง อยู่เหนือกว่าระดับความยิ่งใหญ่ในโลกนี้

ไม่ใช่พลัง แต่เป็นคุณภาพ!

ในระดับของต้นกำเนิด ถึงระดับความสูงที่เขาไม่อาจจินตนาการได้

นี่ คือพลังที่แม้แต่จักรพรรดิชิงยังไม่อาจจินตนาการได้!

….

อีกด้านหนึ่ง องค์หญิงหลิงหลงถูกอานุภาพยิ่งใหญ่นี้กดลงกับพื้น ขยับตัวไม่ได้เลย

‘เกิดอะไรขึ้น แค่คลื่นพลังงานที่กระจายมายังแข็งแกร่งเช่นนี้เชียวรึ ข้าขยับตัวไม่ได้เลย!’

องค์หญิงหลิงหลงนอนหมอบกับพื้น แรงกดดันนั้นเหมือนกับขุนเขาเทพบรรพกาล มาพร้อมกับอำนาจคุกคามไม่มีสิ้นสุด ทำให้นางต่อต้านไม่ได้เลย

‘ถึงข้าจะอยากถูกพี่เสิ่นเทียนกด แต่ก็ไม่ใช่กดเช่นนี้!’

องค์หญิงหลิงหลงมองร่างที่เผยความมหัศจรรย์ออกมาทั้งหมดด้วยใบหน้าแดงเรื่อ ในดวงตางามเต็มไปด้วยความอับอายและดิ้นรน

……

ขณะเดียวกัน ในโลกจิตวิมานม่วงของเสิ่นเทียน

ในที่สุดดรุณยักษ์นั่นก็สงบโลกพายุไฟลงได้ ทำให้อากาศธาตุสลัวกลับไปสู่ความเงียบสงบ

เพียงแต่ว่าดรุณยักษ์นี้เหมือนจะไม่ชอบโลกไร้สีสันที่ถูกไอเบิกฟ้าปกคลุม

เขาคลานออกมาจากกลางบัวครามเบิกฟ้าระดับสามสิบสองยักษ์นั้นช้าๆ ตบก้นอ้วนตุ้ยนุ้ยของตนเอง

ทันใดนั้น ไอเบิกฟ้าไม่มีสิ้นสุดก็กระจายออกไป

ไอเบิกฟ้าวนเวียนและค่อยๆ รวมเป็นกางเกงเปิดเป้าตัวหนึ่ง บัวส่วนที่ไม่อาจบรรยายได้ของดรุณยักษ์ไว้

เขาชูขวานสงครามไร้พ่ายในมือขึ้น ชี้ไปยังท้องนภาไกล!

ทันใดนั้น แสงเทพหลากสีก็ยิงออกจากขวานสงคราม พุ่งทะลวงท้องนภาอากาศธาตุสลัว

บึ้ม~

เสียงดังสนั่นไปทั้งวิมานม่วง!

ห้วงอากาศพังทลายลง อากาศธาตุสลัวไร้พรมแดนสลายไปภายใต้แสงแห่งขวานนี้

ความมืดถูกฟันขาด ฟ้าดินแบ่งเป็นสองส่วน ทำให้โลกอากาศธาตุสลัวเกิดแสงสว่างขึ้นอีกครั้ง

……

เสิ่นเทียนเห็นภาพตรงหน้าแล้ว หนังตากระตุกขึ้นมา

เขามองออกแล้วว่าเด็กน้อยที่คลอดมาจากแก่นพลังทองของตนเหมือนกำลังจะ…

เบิกฟ้าผ่าปฐพี!

……………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด