บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 395 ข้าโคจรวิชาบีบออกมาได้

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 395 ข้าโคจรวิชาบีบออกมาได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 395 ข้าโคจรวิชาบีบออกมาได้

ครึ่งเดือนต่อมา บนน่านฟ้าเกาะไร้นามทะเลอุดร

ห้วงอากาศถูกมือใหญ่น่ากลัวฉีกออก เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ร่างเงาหนึ่งพลันลอยขึ้นมา เหมือนถูกคนถีบออกมา ตกลงมาอย่างรวดเร็วยิ่ง

ร่างเงานี้ก็คือเสิ่นเทียน

ผ่านไปครึ่งเดือน ในที่สุดเขาก็ออกจากกระแสมิติปั่นป่วนได้

“บ้าจริง รุนแรงเช่นนี้เพื่ออะไรกัน! ก่อนหน้านี้ตอนอยู่บนเตียง ไม่ใช่แบบนี้นี่”

ไม่นานเสิ่นเทียนก็ทรงตัวได้ แต่กลับพูดบ่นไม่หยุด

ทันใดนั้นมีเสียงเฉยชาดังแว่วมาจากในมวลอากาศ แต่ลมหายใจเหมือนจะหนักหน่วงเล็กน้อย

“เจ้าเด็กเหม็นโฉ่ ข้าทำเช่นนี้เพียงเพื่อรักษาบาดแผลเท่านั้น เรื่องนี้เจ้าเก็บไว้ในใจจะดีที่สุด หากกล้าแพร่งพรายออกไป ข้าจะฆ่าเจ้า!”

อำนาจคุกคามแผ่มาจากในห้วงอากาศ แต่เสิ่นเทียนไม่ได้สนใจอะไรมาก

เขาลูบคางพลางถามด้วยความแปลกใจ “เกิดมีคนสงสัยขึ้นมาจะทำอย่างไร”

เป็นอย่างที่คิดไว้ อากาศเกิดการสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง

ท้องนภาครึ่งหนึ่งถูกปกคลุมด้วยหมอกแดง เหมือนมีเปลวไฟไร้ที่สิ้นสุดกำลังลุกโชตช่วง เผาทำลายท้องนภา

แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ถูกควบคุมเอาไว้ ทำให้ฟ้าดินกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง

“ไม่หรอก ของที่เจ้าฝากไว้ในตัวข้า ข้าจะโคจรวิชาบีบออกมาเอง”

เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นห้วงมิติที่เดิมทีถูกฉีกกลับมาเป็นดังเดิมอีกครั้ง ก่อนเข้าสู่ความเงียบสงบ

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย “แล้วจะบีบเจ้านี่ออกมาอย่างไร?

สุดยอด!

ไม่สิ เป็นหงส์ที่สุดยอด!”

……

ราชินีหงส์อมตะกลางกระแสมิติปั่นป่วนตัวสั่นไหวเบาๆ

นางถอนหายใจเบา “ไม่นึกเลยว่าธาตุไฟเข้าแทรกครั้งนี้ ข้าจะทำตัวน่าอัปยศต่อหน้าเจ้าหนูนี่ และที่น่าอัปยศยิ่งกว่านั้นคือข้าดันวางมาดต่อหน้าเจ้าหนูนี่ไม่ได้ น่าขายหน้าจริงๆ เป็นแค่มนุษย์ตัวเล็กๆ เหตุใดกายเนื้อถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ จริงๆ เลย!”

ราชินีหงส์อมตะไม่นึกเลยว่าธาตุไฟเข้าแทรกจะเผาทำลายร่าง จิตวิญญาณสั่นไหว ตนจะทำในสิ่งที่ไร้เหลวแหลกเช่นนี้ได้

กว่านางจะได้สติกลับมา ทุกอย่างก็ไม่ทันการแล้ว

ครั้งแรกอันล้ำค่าของนางเสียไปเช่นนี้

แต่เจ้าหนูนี่ก็หล่อเหลามากจริงๆ ในด้านใบหน้าคู่ควรกับข้า

และที่สำคัญกว่านั้นคือไอ้นั่น~

ราชินีหงส์อมตะหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนพูดงึมงำ “ไม่ได้การ ข้าต้องจัดการให้เรียบร้อย จะไปเจอเจ้าหนูนี่ด้วยสภาพเช่นนี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าหนูนี่จะไม่ลอยขึ้นฟ้าไปเลยรึ เจ้าเด็กเหม็นโฉ่ เจอกันครั้งหน้าข้าจะออกมาด้วยความสูงส่ง จะกู้ภาพลักษณ์กลับมา”

ราชินีหงส์อมตะกัดฟันงาม แต่ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ใบหน้างดงามมีความลำพองใจขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

“เอ๋าปิง เจ้าก็ยังสู้ข้าไม่ได้ ได้ลงนามก่อนแล้วอย่างไร ครั้งแรกของบุรุษคนนี้ก็เป็นของข้า!”

ราชินีหงส์อมตะมองห้วงมิติก่อนจะย่างก้างเบาๆ เข้าไปในมิติบินไปทางดินแดนทักษิณ

……

เสิ่นเทียนลงบนเกาะไร้นามช้าๆ

ตอนนี้เขายังคงพูดงึมงำ รู้สึกว่าตนขาดทุนยับเยิน

“นี่มันนกอะไรกัน! เสร็จแล้วก็หมดแรงเลย ข้าเหนื่อยจนขาอ่อน ไม่อยากเชื่อว่าจะต้องใช้พลังฤทธิ์บีบออกมาอีก”

เขาหน้าซีดขาวเล็กน้อย ขาลอยนิดๆ เดินซวนเซ

เขานำของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานขวดหนึ่งออกมาจากแหวนเวหา ดื่มลงท้องดังอึกๆ สีหน้าถึงได้ดีขึ้นมาเล็กน้อย

ครึ่งเดือนมานี้ เสิ่นเทียนฝึกวิชาลับคัมภีร์จักรพรรดิเทพหงส์ทุกวัน ฝึกฝนกับราชินีหงส์อมตะในระดับสูง

ถึงอย่างไรก็ครึ่งเดือน~

ครึ่งเดือนเลยนะพี่น้อง ไม่หยุดเลยนะพี่น้อง!

กายทองกำเนิดฟ้าเก้ารอบยังต้องเดินจับกำแพง ไม่อ่อนแรงสิแปลก!

“ครั้งนี้ขาดทุนยับจริงๆ สุสานมหาจักรพรรดิจินอูถูกกระบี่ทะลวง ไม่รู้ว่าจะเหลือสมบัติอีกเท่าไร ทั้งยังเสียความเป็นชายอันล้ำค่าไป หญิงปีศาจนั่นหลับนอนกับข้ามาครึ่งเดือน ไม่ให้ข้าสักร้อยหยวนเลย”

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ฝึกคัมภีร์คบเพลิงทะลวงพลัง ไม่ใช่เรื่องดีเลย

เฮ้อ~

แต่ว่าเสิ่นเทียนก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรมาเลย

การฝึกฝนระดับสูงครึ่งเดือนนี้ ทำให้พลังแห่งเทพหงส์ในตัวเขาหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ

กระทั่งคัมภีร์จักรพรรดิเทพหงส์ เสิ่นเทียนยังฝึกไปถึงขั้นสูง

ต้องรู้ว่าคัมภีร์จักรพรรดิเทพหงส์เป็นวิชามรดกที่สำคัญที่สุดของเผ่าเทพหงส์ดินแดนทักษิณ เป็นสุดยอดคัมภีร์จักรพรรดิเหมือนกับคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้แห่งเกาะมังกรดำ

หลังจากการผ่านขัดปืนมาครึ่งเดือน เสิ่นเทียนก็ตระหนักพลังแห่งเทพหงส์ลึกล้ำยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

‘จัดระเบียบพลังในกายก่อนดีกว่า แล้วค่อยคิดถึงเรื่องอื่น!’

เสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิลงฝึกบำเพ็ญบนเกาะไร้นาม

เวลานี้ พลังงานหนาแน่นยิ่งหลั่งทะลักมาจากในกายเสิ่นเทียน

แสงสีแดงวนเวียน แผ่มาจากในกาย ทำให้เสิ่นเทียนดูมหัศจรรย์อย่างยิ่ง

ข้างหลังเสิ่นเทียนเป็นเงามายาหงส์เทพสีแดงฉานลอยขึ้นมา สยายปีกเทพพร้อมกับเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นฟ้า

นี่คือพลังแห่งเทพหงส์ อีกทั้งยังเป็นพลังแห่งเทพหงส์ระดับสูงสุดแบบเดียวกับราชินีหงส์อมตะ

ตอนนี้เอง เสิ่นเทียนตัวสั่นไหว

พลังงานอีกชนิดในตัวเขาพลันพุ่งขึ้น เหมือนถูกพลังแห่งเทพหงส์เหนี่ยวนำ แขนขาและกระดูกทั่วร่างสั่นไหวอย่างรุนแรง

“อืม

นี่มันเกิดอะไรขึ้น

พลังแห่งเทพมังกรขยับรึ”

เสิ่นเทียนเพ่งสายตา แต่ไม่ได้ห้ามไว้

เขาอยากดูว่าพลังงานสองชนิดนี้มันคืออะไรกันแน่

พลังงานมหาศาลสองชนิดปะทะกันในกายเสิ่นเทียน กระแทกเป็นอานุภาพมหาศาล

เหมือนว่ามีเสียงมังกรคำรามดังขึ้นในกายเขา และมีเสียงหงส์ดังสั่นไหว อานุภาพหลั่งทะลัก เหมือนกับคลื่นลูกใหญ่

พลังงานสองชนิดพลันปะทะกันเหมือนมังกรกับหงส์ต่อสู้กัน

พลังงานสองชนิดอยากจะเป็นฝ่ายได้เปรียบในกายเสิ่นเทียน ไม่มีใครยอมใคร

‘น่าสนใจ มังกรกับหงส์ปะทะกัน จะเกิดเรื่องประหลาดอะไรขึ้นกันนะ’

เสิ่นเทียนไม่สนใจพลังงานบ้าคลั่งในกาย เขามีกายทองกำเนิดฟ้า กายเนื้อแข็งแกร่งทนทาน

ต่อให้พลังแห่งมังกรและหงส์ปะทะกันรุนแรงกว่านี้ก็ไม่ทำอันตรายเขา

แต่ในใจเขามีการคาดเดาบางอย่าง

เผ่ามังกรและหงส์เดิมทีไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เห็นได้จากเอ๋าปิงกับราชินีหงส์อมตะเมื่อหมื่นปีก่อน สองคนล้วนเป็นสุดยอดธิดาสวรรค์ในตอนนั้น ต่างฝ่ายต่างไม่ถูกกัน

สาเหตุหลักเป็นเพราะว่าพลังแห่งเทพมังกรกับพลังแห่งเทพหงส์สองชนิดนี้เป็นปฏิปักษ์กัน

ก็เหมือนเปลวไฟร้อนแรงกับน้ำแข็งมืดเร้น ทั้งสองยากจะคงอยู่ร่วมกันได้

แต่เสิ่นเทียนมีคุณสมบัติกายพิเศษ หลอมรวมได้กระทั่งสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดิน จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงพลังแห่งมังกรและหงส์เล็กจ้อย

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงอยากรู้ว่าพลังแห่งมังกรและหงส์ปะทะกันต่อไปแล้ว จะเกิดผลลัพธ์อย่างไรขึ้น

“หืม?”

ไม่นานเสิ่นเทียนก็พบว่าพลังงานสองชนิดปะทะกันอย่างแรงแล้วพลันวนเวียนกัน สะท้อนออกมาเป็นภาพมังกรหงส์เริงระบำ!

เพียงแต่ในพลังงานนี้ พลังแห่งเทพมังกรจะใหญ่กว่า กินพื้นที่มากกว่า หลักๆ เป็นเพราะหลังจากเสิ่นเทียนกินผลต้นกำเนิดมังกรแล้วก็สำเร็จกายศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิมังกร

พลังแห่งเทพมังกรในกายหนาแน่นอย่างยิ่ง เหนือเกินกว่าพลังแห่งเทพหงส์ อีกทั้งพลังสองชนิดนี้ตัดสลับกันไปเรื่อยๆ ก็ยกระดับขึ้นรางๆ เหมือนจะเปลี่ยนเป็นพลังงานใหม่

แต่ตอนนี้เองกลับหยุดชะงัก

“เฮ้อ ข้าก็คิดว่าข้าจะพัฒนาอีกแล้วเสียอีก?”

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก ดูผิดหวังเล็กน้อย

สาเหตุหลักเป็นเพราะพลังแห่งเทพหงส์ในกายไม่หนาแน่นพอ หากถึงระดับพลังแห่งเทพมังกรจะต้องเกิดผลัดเปลี่ยนแน่นอน

‘ไว้ก่อนแล้วกัน!’

การจะยกระดับพลังแห่งเทพหงส์ง่ายที่ไหนกัน เว้นแต่จะเจอสมบัติฟ้าดินระดับอย่างผลจุดกำเนิดมังกร

ตอนนี้เสิ่นเทียนดวงชะตาลดลง รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยจริงๆ

ต้องหาทางไปเก็บเกี่ยวผักกุยช่ายก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

“หืม เหตุใดในตัวข้าถึงมีไฟศักดิ์สิทธิ์เพิ่มมาอีกชนิดล่ะ”

เสิ่นเทียนพลันอึ้งไป พบว่าในตัวเขา นอกจากอัคคีอรุณใต้กับไฟแท้สุริยะแล้ว ก็มีไฟศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่สามลอยขึ้นมา

นั่นคือเปลวไฟสีแดงฉาน สว่างและมอดดับไม่แน่นอน ลอยออกมาเป็นลักษณะของหงส์เล็ก

“นี่มัน…เพลิงอมตะหงส์เทพของเผ่าหงส์อมตะ”

เสิ่นเทียนมีสีหน้าดีอกดีใจ ไม่นึกเลยว่าหลังจากฝึกคู่ประสานกับราชินีหงส์อมตะแล้ว จะไม่ใช่แค่ได้พลังแห่งเทพหงส์ กระทั่งเพลิงอมตะหงส์เทพของเผ่าหงส์อมตะยังฝากเป็นเมล็ดพันธุ์เพลิง

มีเพลิงอมตะหงส์เทพนี้ ความสามารถในการเอาตัวรอดของเสิ่นเทียนแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก

ถึงอย่างไรเพลิงอมตะหงส์เทพก็ได้รับขนานนามว่าเพลิงเทพนิพพาน แฝงไว้ด้วยพลังชีวิตทรงพลังอย่างยิ่ง มอบพลังอายเพลิงกำเนิดใหม่แก่ผู้ควบคุมได้

เมื่อมีไฟศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้ ในด้านการฟื้นฟูจะแข็งแกร่งขึ้นถึงขีดสุด ต่อให้บาดเจ็บสาหัสเจียนตายก็ยังใช้มันนิพพานเกิดใหม่ได้

ประสิทธิผลแทบจะไม่ด้อยไปกว่าสามประกายวารีเทพและของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพาน กระทั่งเหนือกว่าในบางด้าน

เพียงแต่เปลวไฟชนิดนี้อ่อนแอเกินไป ไม่อาจแสดงผลของมันได้ แต่ว่าการจะเสริมความแกร่งให้เพลิงอมตะหงส์เทพก็ไม่ใช่เรื่องยาก

เสิ่นเทียนใช้ไม้วิญญาณในกายผ่านการเกื้อกูลปัญจธาตุค่อยๆ เสริมความแกร่งให้กับเพลิงเทพ และยังกลืนกินพลังงานธาตุไฟอื่นๆ มาเร่งความเร็วในการเสริมความแกร่งเพลิงเทพ

สำหรับเสิ่นเทียนที่มีสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินสิบกว่าชนิดในกาย นี่ไม่ถือว่ายากเลย

“รู้อย่างนี้แต่แรก ตอนแรกน่าจะเก็บของเหลวต้นกำเนิดสุริยะไว้หน่อย”

ของเหลวต้นกำเนิดสุริยะคือพลังงานธาตุไฟสูงสุด อีกทั้งยังมีความบริสุทธิ์อย่างยิ่ง

ตอนแรกที่เสิ่นเทียนอยู่ในของเหลวต้นกำเนิดสุริยะ ก็เสริมความแกร่งให้กับเมล็ดพันธุ์เพลิงของไฟแท้สุริยะในกายไปแล้ว เพียงแต่ว่าของเหลวล้ำค่าเช่นนี้ ใช้หมดไปแล้วตอนหล่อหลอมกายทองกำเนิดฟ้าเก้ารอบ

‘ช่างเถอะ อย่างมากก็ไปหาพวกพี่น้องกุยช่ายที่น่ารักอีกหน่อย เก็บเกี่ยวโชคลิขิตมาอีกสักรอบ’

เสิ่นเทียนมีทรัพยากรจำนวนมากในมือ การจะแลกเปลี่ยนกับสมบัติพลังงานธาตุไฟก็เป็นเรื่องง่ายไม่ใช่หรือ

……

‘หายไปนานขนาดนี้ ทุกคนน่าจะเป็นห่วงมากเลยกระมัง! ติดต่อพวกอาจารย์ดีกว่า!’

เสิ่นเทียนนำป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ออกมา เมื่อแสงสว่างหนาแน่นขยับแสง ร่างเงาของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

“อาจารย์ ข้าออกมาจากกระแสมิติปั่นป่วนได้อย่างปลอดภัยแล้ว ตอนนี้อยู่บนเกาะทะเล”

เสิ่นเทียนเอ่ยขึ้น รายงานความปลอดภัยกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

“ดี ดีมาก!

เทียนเอ๋อร์ เจ้าสมกับเป็นบุตรแห่งโชคที่แท้จริง ขนาดกระแสมิติปั่นป่วนยังออกมาได้อย่างปลอดภัย”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อม เขาคาดการณ์เรื่องนี้ไว้นานแล้ว

ก่อนหน้านี้ผู้อริยะมากมายเคยเข้าไปตามหาเสิ่นเทียนในกระแสมิติปั่นป่วน แต่ก็ไม่ได้อะไรเลย

ทว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่กังวล เขามองว่าเสิ่นเทียนจะรอดพ้นจากวิกฤติในไม่ช้าก็เร็ว ถึงอย่างไรเทียนเอ๋อร์ก็คือบุตรแห่งสวรรค์ที่มีดวงชะตาสูงสุด!

เรื่องไม่ต่างจากที่เขาคาดการณ์ไว้เลยแม้แต่น้อย

“เทียนเอ๋อร์ครั้งนี้เจ้าเข้าไปในกระแสมิติปั่นป่วน ได้พบมหาโชคลิขิตหรือไม่”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยขึ้นอีกครั้ง คลื่นประกายเซียนขยายใหญ่กว่าเดิม

“เปล่า…”

เสิ่นเทียนหน้าดำมืด อย่าว่าแต่โชคลิขิตเลย ตัวเขายังเกือบถูกคั้นน้ำจนแห้ง

หนนี้ขาดทุนยับเลย

ครั้งหน้าใกล้ทะลวงพลัง ข้าจะไม่ออกไปเที่ยวเล่นอีกแล้ว

ไม่พบมหาโชคลิขิตรึ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “ไม่เป็นไร เทียนเอ๋อร์มีมหาดวงชะตากับตัว จะต้องมีมหาโชคลิขิตรออยู่แน่นอน ออกเดินทางอีกสักครั้ง จนกว่าเจ้าจะพบมหาโชคลิขิต แล้วข้าจะทะลวงมิติมารับเจ้ากลับแล้วกัน”

เมื่อเอ่ยจบ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ตัดการเชื่อมต่อไปทันที

…..

“หืม อาจารย์ นี่ๆๆ ได้ยินหรือไม่อาจารย์ ที่นี่เส้นผ่าศูนย์กลางหลายหมื่นลี้เป็นทะเลหมดเลยนะ จะไปหาโชคลิขิตมาจากที่ใดล่ะ!”

เสิ่นเทียนมีสีหน้างุนงง จะให้ข้าตามหาโชคลิขิต ท่านก็ส่งพี่น้องกุยช่ายมาให้ข้าสิ!

ถ้าไม่มีบุตรแห่งโชคคนอื่น ข้าจะหาโชคลิขิตอย่างไร

อาจารย์ ข้าไม่ใช่บุตรแห่งโชคจริงๆ นะ!

บนทะเลอันเงียบสงบ ไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆ เลย

เสิ่นเทียนรู้สึกไร้ที่พึ่งมาก

“ช่างเถอะ พึ่งคนอื่นสู้พึ่งตัวเองไม่ได้หรอก!”

เสิ่นเทียนถอนหายใจ ไม่อยากเชื่อว่าจะต้องบินกลับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอง แค่คิดก็สิ้นหวัง

ครั้งนี้กลับไปแล้วข้าจะต้องเติมให้เต็ม

อืม ตุ๋นไป๋ตี้น่าจะบำรุงได้ดีมาก

เฮ้อ~

ตอนนี้ขายิ่งอ่อนๆ อยู่!

เหนื่อยล้าไปทั้งตัว เสิ่นเทียนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พลางใช้ปีกเทพทองคำกระตุ้นวิชาคุนเผิงกลายเป็นแสงทองบินไปทาง ‘ใต้’

…..

ผ่านไปครึ่งวันกว่า เสิ่นเทียนพลันหยุดชะงัก

มองเขตทะเลกว้างใหญ่รอบๆ มุมปากกระตุกขึ้นมา

แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ข้าก็เหมือนจะ…หลงทางอีกแล้ว!

ใช่ เสิ่นเทียนหลงทาง

ตำแหน่งเดิมของเขาคือเขตรอบนอกทะเลอุดร

แต่เมื่อเขาเดินทางไปทาง ‘ใต้’ ตลอด ก็บุกไปถึงส่วนลึกของทะเลอุดร

ออกห่างจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไกลยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!

…..

กรรซ์!

ตอนนี้เองมีเสียงคำรามดังแว่วมา

ก่อนจะเห็นละอองน้ำแตกเต็มฟ้าไม่ไกล พลังถาโถมรุนแรง หมุนม้วนไปสามพันลี้

“หืม มีการต่อสู้รึ”

เสิ่นเทียนทำหน้าดีใจ มีการต่อสู้ก็แสดงว่ามีสิ่งมีชีวิต

ถ้ามีสิ่งมีชีวิตก็หมายความว่ามีคนรู้ทาง

มีคนรู้ทาง ข้าก็จะออกจากที่นี่ได้

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็กางปีกเทพทองคำพุ่งตรงไปเขตต่อสู้

ด้วยความเร็วของเสิ่นเทียน พริบตาเดียวก็ไปถึงสนามต่อสู้

ตรงหน้าห่างไปไม่ไกล มีหลายคนกำลังต่อสู้กันอยู่

ร่างหนึ่งสูงใหญ่ สูงร้อยจั้ง ทั่วร่างปกคลุมด้วยหนามกระดูกแหลมคม เหมือนกับมังกรปลา กลิ่นอายพลังน่ากลัวสุดขีด

นี่เป็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง มองจากกลิ่นอายพลังแล้ว มีศักยภาพถึงจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์สวรรค์

เพียงแต่ดวงตาสัตว์ร้ายตัวนี้เป็นสีแดงฉาน เห็นได้ชัดว่าไม่มีสติปัญญา แต่สู้โดยสัญชาตญาณ

คนที่ต่อสู้กับมันเป็นร่างเงาเล็ก เห็นได้ชัดมากว่าเป็นเผ่ามนุษย์

มนุษย์คนนี้แผ่กลิ่นอายที่แหลมคมอย่างยิ่ง เหมือนกับกระบี่เทพยดาวนเวียนรอบกาย เจตจำนงกระบี่หนาวเยือก เหี้ยมโหดถึงที่สุด

ข้างหลังร่างเงานี้ยังมีร่างเงาเล็กๆ สีแดงเพลิงอยู่อีกร่าง

รอบตัวนางปกคลุมด้วยเปลวเพลิงสีแดงฉาน ข้างหลังยังสะท้อนออกมาเป็นเงามายาหงส์ตัวหนึ่ง พลังทรงอำนาจ

สองร่างเงาร่วมมือกันสู้กับสัตว์ร้ายคล้ายมังกรปลานั่น อานุภาพแก่กล้าสั่นสะท้านแปดทิศ เหนี่ยวนำให้น้ำทะเลหมุนม้วน พายุหมุนพัดเข้ามา

“ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นพวกนาง”

เมื่อเห็นคนนี้ เสิ่นเทียนตาเป็นประกายขึ้นมา

สองร่างเงานี้ไม่ใช่คนอื่น นั่นคือองค์หญิงหลิงหลงที่เขาเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน รวมถึงสหายลงนามกับนาง องค์หญิงเผ่าหงส์อมตะ…เฟิ่งอู่!

ตอนนี้ องค์หญิงหลิงหลงกำลังสู้กับสัตว์ร้ายนั้น

กรรซ์!

สัตว์ร้ายคำรามเสียงดังสนั่นฟ้า เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น

น้ำทะเลไร้ที่สิ้นสุดหลั่งทะลักพุ่งขึ้นท้องนภา กลายเป็นกระแสน้ำหลายสิบสายพุ่งลงมา เหมือนกับเขตทะเลจะพลิกกลับ

สัตว์ร้ายตัวนี้ก้าวสู่จุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์สวรรค์ มีพละกำลังบ้าคลั่งถึงที่สุด

แม้แต่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับเดียวกันก็อาจจะต้านไว้ไม่ได้

“หนึ่งกระบี่ฟ้าทมิฬ”

องค์หญิงหลิงหลงตะคอกเบาๆ ปราณกระบี่ไร้ที่สิ้นสุดรอบตัวปะทุขึ้น เหมือนสร้างเป็นเขตแดนวิถีกระบี่ เหนี่ยวนำหมื่นกระบี่ให้ลอยขึ้นพร้อมกัน

เวลานี้ ท้องนภาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

ปราณกระบี่แหลมคมอย่างยิ่งพุ่งขึ้นฟ้า เหนี่ยวนำพลังวิญญาณฟ้าดินให้กระเพื่อมตาม

ปราณกระบี่มากมายในอากาศเชื่อมต่อกัน รวมเป็นกระบี่ยักษ์มหึมาเล่มหนึ่ง

ปราณกระบี่ยักษ์หนาวเหน็บ ฟันใส่สัตว์ร้ายนั้น

ทันใดนั้น ห้วงอากาศพังทลายลง~

…………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด