บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 118 ลงโทษคัดกฎฝ่ายเราสามพันจบ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 118 ลงโทษคัดกฎฝ่ายเราสามพันจบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 118 ลงโทษคัดกฎฝ่ายเราสามพันจบ
แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ วิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

บนเขาลูกนี้ ร่างของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถูกปกคลุมอยู่กลางสายฟ้าประกายเซียน ด้านล่างบัลลังก์เป็นนักพรตชราที่มีสีหน้าไม่เป็นมิตร “ศิษย์น้องรอง เจ้าหลอกข้า!”

สายฟ้าประกายเซียนบนตัวเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเล็กน้อย เขาเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ไยพูดเช่นนั้น ข้าเคยไปหลอกท่านด้วยรึ”

นักพรตชราแค่นเสียงขึ้นจมูก “ก่อนหน้านี้เราคุยกันเรื่องสามเงื่อนไขแลกกับจี้มังกรพยัคฆ์ ถูกหรือไม่”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้า “ใช่ แต่ศิษย์พี่ไม่ได้มอบจี้มังกรพยัคฆ์ให้ข้า”

นักพรตชราพูดด้วยความคับอกคับใจอย่างยิ่ง “แต่ว่าก็แบ่งมรดกให้เจ้าไปส่วนหนึ่งไม่ใช่รึ ถ้าอย่างนั้น จี้มังกรพยัคฆ์ก็เป็นแค่สิ่งยืนยันสำหรับเจ้านี่ แดนศักดิ์สิทธิ์เราตลอดหมื่นปีมานี้ไม่ใช่แค่ศิษย์น้องที่ไม่มีสิ่งยืนยัน”

สายฟ้าประกายเซียนของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ค่อยๆ สงบลง “ที่แท้ศิษย์พี่ก็พูดถึงเรื่องนี้เอง”

นักพรตชราอึ้งไป “ถ้าไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะพูดถึงเรื่องใดล่ะ ยังมีเรื่องอื่นอีกรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้า “ไม่มี ดังนั้นความหมายของศิษย์พี่คือจี้มังกรพยัคฆ์หายไปแล้ว ก็ต้องชดใช้ให้ท่านรึ”

นักพรตชราแค่นเสียงหยัน “ก่อนหน้านี้ข้าโดนเจ้าดึงไปตามแผนการของเจ้า มันคนละเรื่องกันเลย จี้มังกรพยัคฆ์ไว้ใช้แลกกับยอดเขาวิญญาณ ตอนนี้จี้มังกรพยัคฆ์หายไป แต่ศิลาวิญญาณล้านก้อนที่ศิษย์พี่ออกมือช่วยบุตรสาวที่รักของเจ้ากับศิลาวิญญาณอีกห้าแสนก้อนค่าน่องพญาอินทรี ศิษย์น้องก็ควรจะให้หรือไม่!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้า “ค่าตอบแทนที่ศิษย์พี่ช่วยซีเอ๋อร์กับค่าน่องพญาอินทรี ข้าควรจะให้ท่านจริงๆ แต่ศิษย์พี่อย่าลืมว่าซีเอ๋อร์ให้ท่านดูแลจี้มังกรพยัคฆ์ ตอนนี้มันกลับหายไปในมือท่าน สิ่งยืนยันเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อะไรพวกนี้ไม่สำคัญ แต่มูลค่าในตัวของจี้มังกรพยัคฆ์ไม่ได้มีแค่ศิลาวิญญาณแค่นี้!

ศิษย์พี่คิดว่าซีเอ๋อร์ควรจะมาเรียกร้องค่าชดใช้เป็นศิลาวิญญาณจากท่านเท่าไรกันถึงจะเหมาะสม!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยจบ นักพรตชราพลันมีสีหน้าหลากหลายอารมณ์

“ศิษย์น้องถือว่าวันนี้ข้าไม่เคยมาแล้วกัน ขอตัว!”

พูดจบ นักพรตชราก็หมุนตัวเดินไปนอกวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยนิ่งๆ “ความจริงถ้าศิษย์พี่อยากได้ศิลาวิญญาณมันง่ายมาก”

นักพรตชราหยุดเดินทันที ก่อนจะเค้นรอยยิ้ม “ศิษย์น้อง เชิญเจ้าพูดมาตรงๆ เลย”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าว “ศิษย์พี่ยังจำคำพูดที่ข้าเคยพูดกับท่านได้หรือไม่ว่าเสิ่นเทียนคือบุตรแห่งโชคที่แท้จริง ขอแค่ศิษย์พี่ยินดีทุ่มสุดตัวถ่ายทอดวิชาหลอมกายให้เขา ผูกวาสนาดีกับเขา ภายภาคหน้าจะต้องได้ปรับแก้ดวงชะตาโชคลิขิตให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แน่”

รอยยิ้มบนใบหน้านักพรตชราค่อยๆ แข็งทื่อ “เหอะๆ เจ้าคิดว่าศิษย์พี่เป็นคนโง่ไว้หลอกรึ เจ้าหนูนั่นเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเดือนก็สร้างเรื่องใหญ่โต ไม่รู้ว่ามีศิษย์กี่คนที่กล่าวโทษเขา กระทั่งข้าเดาว่าเมื่อฟางฉางออกด่านบำเพ็ญ จะต้องไปทุบตีเจ้าหนูนั่นหนักๆ สักยกแน่

ยังฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงไม่ประสบผลสำเร็จอะไรก็ซวยถึงขนาดนี้แล้ว ศิษย์น้องเจ้าว่าเขาคือบุตรแห่งโชครึ น่าขำจริงๆ ให้ศิษย์พี่รับเจ้าหนูนี่เป็นศิษย์รึ ไม่มีทาง!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา “ศิษย์พี่ท่านคิดดีแล้วจริงๆ หรือ”

นักพรตชราเบ้ปาก “ข้าฉู่หลงเหอพูดอะไรเคยสำนึกเสียใจด้วยรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดนิ่งๆ “ครั้งนี้ท่านจะต้องสำนึกเสียใจแน่ อีกทั้งในเร็วๆ นี้ด้วย”

นักพรตชราหัวเราะเยาะ “คิดจะหลอกข้ารึ ถ้าศิษย์พี่สำนึกเสียใจ ข้าจะเป็นหลานเจ้าเลย!”

เพิ่งเอ่ยจบ นักพรตชราขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดมักจะรู้สึกเหมือนเคยพูดเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว

…..

ตอนนี้เอง พลันมีเสียงดังสนั่นมาแต่ไกล

บึ้ม!

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ขยับแสงเล็กน้อย สายตามองทะลุมวลอากาศ

เขาเอ่ยนิ่งๆ ว่า “ที่ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเด็กโง่ฟางฉางออกด่านบำเพ็ญมาสร้างปัญหาให้เสิ่นเทียนจริงๆ”

นักพรตชราพูดด้วยความดีใจที่เห็นคนอื่นลำบาก “เป็นอย่างไร ศิษย์พี่ก็บอกแล้วว่าเจ้าหนูนี่จะต้องดวงซวยแน่ คนดวงซวยที่ฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงจะไปเป็นบุตรแห่งโชคได้อย่างไร เจ้าหนูนี่คงไม่โดนฟางฉางทุบตีจนพิการหรอกกระมัง!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตอบ “เปล่า ตรงกันข้ามเลย หลังจากฟางฉางเรียนวิชากายกับท่านไม่กี่วันก็ยิ่งไร้…”

สายฟ้าประกายเซียนสั่นไหว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจอย่างพบเห็นได้ยาก

เขาเดินหนึ่งก้าวช้าๆ ตรงหน้าพลันปรากฏประตูมิติบานหนึ่ง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เดินหนึ่งก้าวเข้าไปในประตูมิติ หายลับไปในวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ หนึ่งก้าวหมื่นจั้ง เมื่อประตูมิติโผล่มาอีกครั้ง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาปรากฏเหนือยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ อยู่นอกค่ายกลสายฟ้ามหึมานั่น

ตอนนี้โดยรอบยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์มีพวกชอบมุงดูยืนกันเต็มไปหมด ต่างกำลังมองการปะทะกันของเสิ่นเทียนกับฟางฉาง

“บ้าจริง ในที่สุดท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ก็สู้กับศิษย์พี่ใหญ่แล้วรึ ข้ารอมาครึ่งเดือนแล้ว”

“ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ไหวเลย! ยังทำลายมหาค่ายกลไม่ได้ก็พุ่งข้ามค่ายกลเข้าไปฝืนต่อสู้แล้ว”

“อะไรคือศิษย์พี่ใหญ่ไม่ไหว เป็นนักสู้ก็ต้องกล้าหาญไม่เกรงกลัวใครสิ!”

“ข้ามค่ายกลเข้าไปแล้วอย่างไร ผู้ฝึกบำเพ็ญที่มัวแต่กลัวหดหัวจะบรรลุเซียนได้อย่างไร”

“ก็จริง เห็นเลยว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่หลบไม่ยอมสู้ แถมยังหลบในมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาอีก”

“เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เราถึงไม่มีความกล้ารับท้าสู้ตรงๆ เลย น่าผิดหวังยิ่งนัก!”

“นี่น่าจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่ขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ ที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เราแล้วกระมัง! ถ้าจากนี้เขาเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่จบสิ้นเลยหรือ”

“เจ้าคิดมากไปแล้ว ศิษย์น้อง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะเลือกผู้ที่โดดเด่นที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดจากบุตรศักดิ์สิทธิ์สิบรุ่นมาเป็น เอาแค่การต่อสู้ในวันนี้ เดาว่าพวกลูกศิษย์ที่มาดูการต่อสู้คงจะไม่มีความเคารพใดๆ กับบุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้แล้ว แล้วยังคิดจะแย่งฐานะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อีกหรือ” ไอรีนโนเวล

“ก็ใช่ๆ บุตรศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่กล้าแม้แต่รับคำท้าสู้ตรงๆ จะเป็นที่ยอมรับของเราได้อย่างไร”

“เหอะๆ พูดอย่างกับคนโง่ที่มีกล้ามเนื้ออยู่เต็มสมองอย่างศิษย์พี่ใหญ่จะได้รับการยอมรับจากพวกเจ้าอย่างนั้นแหละ รู้ทั้งรู้ว่ามหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาต้านได้กระทั่งระดับหลอมรวมเทพ ก็ยังโง่มุดหัวเข้าไปในนั้น”

“ถ้าสมองอย่างศิษย์พี่ใหญ่ได้เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จริงๆ แดนศักดิ์สิทธิ์เราสิจะเป็นอันตรายของจริง!”

“ใช่ ข้าก็คิดว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ไม่เลว มีสติปัญญาสูง รู้ว่าใช้สมองแก้ปัญหาได้ เหตุใดจะต้องสู้กับศิษย์พี่ใหญ่ด้วยล่ะ และที่สำคัญกว่านั้นคือบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่หล่อเหลากว่า!”

“นี่สิถึงจะแบกรับหน้าตาที่แดนศักดิ์สิทธิ์ควรจะมีได้!”

“ใช่ๆ อิจฉาศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีนัก!”

“อ๊า! ประกายสายฟ้าแสบตามาก!”

“เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ออกมาจากการปิดด่านแล้ว!”

“ทุกคนเงียบ รีบเตรียมตัวต้อนรับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เถอะ!”

……

“ยินดีต้อนรับท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มาเยือน!”

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ปรากฏกาย พวกศิษย์จำนวนมากที่ตอนแรกยังกระซิบกระซาบรีบโค้งตัวคารวะพร้อมกัน

สำหรับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่แบกธงใหญ่นำพาให้แดนศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ขึ้นด้วยตัวคนเดียวแล้ว ลูกศิษย์ทุกคนต่างเคารพเขาอย่างยิ่ง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย ร่างซ่อนอยู่กลางสายฟ้าประกายเซียนอันไร้ขีดจำกัด เหมือนกับเทพเจ้าผู้ควบคุมสายฟ้าลงมาเยือนโลกมนุษย์

เขามองยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างเฉยชา ยกมือขวาขึ้นช้าๆ ก่อนจะดีดนิ้วเบาๆ

ทันใดนั้น สายฟ้าสัตว์เทพสิบตัวที่เปล่งแสงสว่างจ้าพวกนั้นแตกสลายเป็นมวลอากาศ ส่วนฟางฉางที่ถูกสายฟ้าผ่าจนตัวดำก็หลุดจากพันธนาการเช่นกัน

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มองฟางฉางที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ โมโห และแข็งกร้าว พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ

“ฟางฉาง เจ้าเป็นศิษย์สายตรง แต่กระทำความผิดต่อเบื้องบน บุกประตูภูเขาที่พำนักของบุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะลงโทษให้เจ้ายืนหันหน้าเข้ากำแพงหนึ่งเดือน คัดกฎของฝ่ายเราสามพันจบ

ห้ามใช้วิชา ห้ามให้อวิ๋นถิงช่วยเจ้าคัดแทน ข้าจำลายมือของเจ้าได้”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พูดจบ ฟางฉางที่เดิมทีมีสีหน้าคับอกคับใจ…ความแข็งกร้าวบนใบหน้าก็พลันหายไปจนหมดสิ้น

…………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 118 ลงโทษคัดกฎฝ่ายเราสามพันจบ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 118 ลงโทษคัดกฎฝ่ายเราสามพันจบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 118 ลงโทษคัดกฎฝ่ายเราสามพันจบ
แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ วิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

บนเขาลูกนี้ ร่างของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถูกปกคลุมอยู่กลางสายฟ้าประกายเซียน ด้านล่างบัลลังก์เป็นนักพรตชราที่มีสีหน้าไม่เป็นมิตร “ศิษย์น้องรอง เจ้าหลอกข้า!”

สายฟ้าประกายเซียนบนตัวเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเล็กน้อย เขาเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ไยพูดเช่นนั้น ข้าเคยไปหลอกท่านด้วยรึ”

นักพรตชราแค่นเสียงขึ้นจมูก “ก่อนหน้านี้เราคุยกันเรื่องสามเงื่อนไขแลกกับจี้มังกรพยัคฆ์ ถูกหรือไม่”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้า “ใช่ แต่ศิษย์พี่ไม่ได้มอบจี้มังกรพยัคฆ์ให้ข้า”

นักพรตชราพูดด้วยความคับอกคับใจอย่างยิ่ง “แต่ว่าก็แบ่งมรดกให้เจ้าไปส่วนหนึ่งไม่ใช่รึ ถ้าอย่างนั้น จี้มังกรพยัคฆ์ก็เป็นแค่สิ่งยืนยันสำหรับเจ้านี่ แดนศักดิ์สิทธิ์เราตลอดหมื่นปีมานี้ไม่ใช่แค่ศิษย์น้องที่ไม่มีสิ่งยืนยัน”

สายฟ้าประกายเซียนของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ค่อยๆ สงบลง “ที่แท้ศิษย์พี่ก็พูดถึงเรื่องนี้เอง”

นักพรตชราอึ้งไป “ถ้าไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะพูดถึงเรื่องใดล่ะ ยังมีเรื่องอื่นอีกรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้า “ไม่มี ดังนั้นความหมายของศิษย์พี่คือจี้มังกรพยัคฆ์หายไปแล้ว ก็ต้องชดใช้ให้ท่านรึ”

นักพรตชราแค่นเสียงหยัน “ก่อนหน้านี้ข้าโดนเจ้าดึงไปตามแผนการของเจ้า มันคนละเรื่องกันเลย จี้มังกรพยัคฆ์ไว้ใช้แลกกับยอดเขาวิญญาณ ตอนนี้จี้มังกรพยัคฆ์หายไป แต่ศิลาวิญญาณล้านก้อนที่ศิษย์พี่ออกมือช่วยบุตรสาวที่รักของเจ้ากับศิลาวิญญาณอีกห้าแสนก้อนค่าน่องพญาอินทรี ศิษย์น้องก็ควรจะให้หรือไม่!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้า “ค่าตอบแทนที่ศิษย์พี่ช่วยซีเอ๋อร์กับค่าน่องพญาอินทรี ข้าควรจะให้ท่านจริงๆ แต่ศิษย์พี่อย่าลืมว่าซีเอ๋อร์ให้ท่านดูแลจี้มังกรพยัคฆ์ ตอนนี้มันกลับหายไปในมือท่าน สิ่งยืนยันเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อะไรพวกนี้ไม่สำคัญ แต่มูลค่าในตัวของจี้มังกรพยัคฆ์ไม่ได้มีแค่ศิลาวิญญาณแค่นี้!

ศิษย์พี่คิดว่าซีเอ๋อร์ควรจะมาเรียกร้องค่าชดใช้เป็นศิลาวิญญาณจากท่านเท่าไรกันถึงจะเหมาะสม!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยจบ นักพรตชราพลันมีสีหน้าหลากหลายอารมณ์

“ศิษย์น้องถือว่าวันนี้ข้าไม่เคยมาแล้วกัน ขอตัว!”

พูดจบ นักพรตชราก็หมุนตัวเดินไปนอกวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยนิ่งๆ “ความจริงถ้าศิษย์พี่อยากได้ศิลาวิญญาณมันง่ายมาก”

นักพรตชราหยุดเดินทันที ก่อนจะเค้นรอยยิ้ม “ศิษย์น้อง เชิญเจ้าพูดมาตรงๆ เลย”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าว “ศิษย์พี่ยังจำคำพูดที่ข้าเคยพูดกับท่านได้หรือไม่ว่าเสิ่นเทียนคือบุตรแห่งโชคที่แท้จริง ขอแค่ศิษย์พี่ยินดีทุ่มสุดตัวถ่ายทอดวิชาหลอมกายให้เขา ผูกวาสนาดีกับเขา ภายภาคหน้าจะต้องได้ปรับแก้ดวงชะตาโชคลิขิตให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แน่”

รอยยิ้มบนใบหน้านักพรตชราค่อยๆ แข็งทื่อ “เหอะๆ เจ้าคิดว่าศิษย์พี่เป็นคนโง่ไว้หลอกรึ เจ้าหนูนั่นเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเดือนก็สร้างเรื่องใหญ่โต ไม่รู้ว่ามีศิษย์กี่คนที่กล่าวโทษเขา กระทั่งข้าเดาว่าเมื่อฟางฉางออกด่านบำเพ็ญ จะต้องไปทุบตีเจ้าหนูนั่นหนักๆ สักยกแน่

ยังฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงไม่ประสบผลสำเร็จอะไรก็ซวยถึงขนาดนี้แล้ว ศิษย์น้องเจ้าว่าเขาคือบุตรแห่งโชครึ น่าขำจริงๆ ให้ศิษย์พี่รับเจ้าหนูนี่เป็นศิษย์รึ ไม่มีทาง!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา “ศิษย์พี่ท่านคิดดีแล้วจริงๆ หรือ”

นักพรตชราเบ้ปาก “ข้าฉู่หลงเหอพูดอะไรเคยสำนึกเสียใจด้วยรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดนิ่งๆ “ครั้งนี้ท่านจะต้องสำนึกเสียใจแน่ อีกทั้งในเร็วๆ นี้ด้วย”

นักพรตชราหัวเราะเยาะ “คิดจะหลอกข้ารึ ถ้าศิษย์พี่สำนึกเสียใจ ข้าจะเป็นหลานเจ้าเลย!”

เพิ่งเอ่ยจบ นักพรตชราขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดมักจะรู้สึกเหมือนเคยพูดเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว

…..

ตอนนี้เอง พลันมีเสียงดังสนั่นมาแต่ไกล

บึ้ม!

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ขยับแสงเล็กน้อย สายตามองทะลุมวลอากาศ

เขาเอ่ยนิ่งๆ ว่า “ที่ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเด็กโง่ฟางฉางออกด่านบำเพ็ญมาสร้างปัญหาให้เสิ่นเทียนจริงๆ”

นักพรตชราพูดด้วยความดีใจที่เห็นคนอื่นลำบาก “เป็นอย่างไร ศิษย์พี่ก็บอกแล้วว่าเจ้าหนูนี่จะต้องดวงซวยแน่ คนดวงซวยที่ฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงจะไปเป็นบุตรแห่งโชคได้อย่างไร เจ้าหนูนี่คงไม่โดนฟางฉางทุบตีจนพิการหรอกกระมัง!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตอบ “เปล่า ตรงกันข้ามเลย หลังจากฟางฉางเรียนวิชากายกับท่านไม่กี่วันก็ยิ่งไร้…”

สายฟ้าประกายเซียนสั่นไหว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจอย่างพบเห็นได้ยาก

เขาเดินหนึ่งก้าวช้าๆ ตรงหน้าพลันปรากฏประตูมิติบานหนึ่ง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เดินหนึ่งก้าวเข้าไปในประตูมิติ หายลับไปในวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ หนึ่งก้าวหมื่นจั้ง เมื่อประตูมิติโผล่มาอีกครั้ง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาปรากฏเหนือยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ อยู่นอกค่ายกลสายฟ้ามหึมานั่น

ตอนนี้โดยรอบยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์มีพวกชอบมุงดูยืนกันเต็มไปหมด ต่างกำลังมองการปะทะกันของเสิ่นเทียนกับฟางฉาง

“บ้าจริง ในที่สุดท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ก็สู้กับศิษย์พี่ใหญ่แล้วรึ ข้ารอมาครึ่งเดือนแล้ว”

“ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ไหวเลย! ยังทำลายมหาค่ายกลไม่ได้ก็พุ่งข้ามค่ายกลเข้าไปฝืนต่อสู้แล้ว”

“อะไรคือศิษย์พี่ใหญ่ไม่ไหว เป็นนักสู้ก็ต้องกล้าหาญไม่เกรงกลัวใครสิ!”

“ข้ามค่ายกลเข้าไปแล้วอย่างไร ผู้ฝึกบำเพ็ญที่มัวแต่กลัวหดหัวจะบรรลุเซียนได้อย่างไร”

“ก็จริง เห็นเลยว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่หลบไม่ยอมสู้ แถมยังหลบในมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาอีก”

“เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เราถึงไม่มีความกล้ารับท้าสู้ตรงๆ เลย น่าผิดหวังยิ่งนัก!”

“นี่น่าจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่ขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ ที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เราแล้วกระมัง! ถ้าจากนี้เขาเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่จบสิ้นเลยหรือ”

“เจ้าคิดมากไปแล้ว ศิษย์น้อง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะเลือกผู้ที่โดดเด่นที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดจากบุตรศักดิ์สิทธิ์สิบรุ่นมาเป็น เอาแค่การต่อสู้ในวันนี้ เดาว่าพวกลูกศิษย์ที่มาดูการต่อสู้คงจะไม่มีความเคารพใดๆ กับบุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้แล้ว แล้วยังคิดจะแย่งฐานะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อีกหรือ” ไอรีนโนเวล

“ก็ใช่ๆ บุตรศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่กล้าแม้แต่รับคำท้าสู้ตรงๆ จะเป็นที่ยอมรับของเราได้อย่างไร”

“เหอะๆ พูดอย่างกับคนโง่ที่มีกล้ามเนื้ออยู่เต็มสมองอย่างศิษย์พี่ใหญ่จะได้รับการยอมรับจากพวกเจ้าอย่างนั้นแหละ รู้ทั้งรู้ว่ามหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาต้านได้กระทั่งระดับหลอมรวมเทพ ก็ยังโง่มุดหัวเข้าไปในนั้น”

“ถ้าสมองอย่างศิษย์พี่ใหญ่ได้เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จริงๆ แดนศักดิ์สิทธิ์เราสิจะเป็นอันตรายของจริง!”

“ใช่ ข้าก็คิดว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ไม่เลว มีสติปัญญาสูง รู้ว่าใช้สมองแก้ปัญหาได้ เหตุใดจะต้องสู้กับศิษย์พี่ใหญ่ด้วยล่ะ และที่สำคัญกว่านั้นคือบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่หล่อเหลากว่า!”

“นี่สิถึงจะแบกรับหน้าตาที่แดนศักดิ์สิทธิ์ควรจะมีได้!”

“ใช่ๆ อิจฉาศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีนัก!”

“อ๊า! ประกายสายฟ้าแสบตามาก!”

“เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ออกมาจากการปิดด่านแล้ว!”

“ทุกคนเงียบ รีบเตรียมตัวต้อนรับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เถอะ!”

……

“ยินดีต้อนรับท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มาเยือน!”

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ปรากฏกาย พวกศิษย์จำนวนมากที่ตอนแรกยังกระซิบกระซาบรีบโค้งตัวคารวะพร้อมกัน

สำหรับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่แบกธงใหญ่นำพาให้แดนศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ขึ้นด้วยตัวคนเดียวแล้ว ลูกศิษย์ทุกคนต่างเคารพเขาอย่างยิ่ง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย ร่างซ่อนอยู่กลางสายฟ้าประกายเซียนอันไร้ขีดจำกัด เหมือนกับเทพเจ้าผู้ควบคุมสายฟ้าลงมาเยือนโลกมนุษย์

เขามองยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างเฉยชา ยกมือขวาขึ้นช้าๆ ก่อนจะดีดนิ้วเบาๆ

ทันใดนั้น สายฟ้าสัตว์เทพสิบตัวที่เปล่งแสงสว่างจ้าพวกนั้นแตกสลายเป็นมวลอากาศ ส่วนฟางฉางที่ถูกสายฟ้าผ่าจนตัวดำก็หลุดจากพันธนาการเช่นกัน

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มองฟางฉางที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ โมโห และแข็งกร้าว พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ

“ฟางฉาง เจ้าเป็นศิษย์สายตรง แต่กระทำความผิดต่อเบื้องบน บุกประตูภูเขาที่พำนักของบุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะลงโทษให้เจ้ายืนหันหน้าเข้ากำแพงหนึ่งเดือน คัดกฎของฝ่ายเราสามพันจบ

ห้ามใช้วิชา ห้ามให้อวิ๋นถิงช่วยเจ้าคัดแทน ข้าจำลายมือของเจ้าได้”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พูดจบ ฟางฉางที่เดิมทีมีสีหน้าคับอกคับใจ…ความแข็งกร้าวบนใบหน้าก็พลันหายไปจนหมดสิ้น

…………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 118 ลงโทษคัดกฎฝ่ายเราสามพันจบ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 118 ลงโทษคัดกฎฝ่ายเราสามพันจบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 118 ลงโทษคัดกฎฝ่ายเราสามพันจบ
แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ วิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

บนเขาลูกนี้ ร่างของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถูกปกคลุมอยู่กลางสายฟ้าประกายเซียน ด้านล่างบัลลังก์เป็นนักพรตชราที่มีสีหน้าไม่เป็นมิตร “ศิษย์น้องรอง เจ้าหลอกข้า!”

สายฟ้าประกายเซียนบนตัวเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเล็กน้อย เขาเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ไยพูดเช่นนั้น ข้าเคยไปหลอกท่านด้วยรึ”

นักพรตชราแค่นเสียงขึ้นจมูก “ก่อนหน้านี้เราคุยกันเรื่องสามเงื่อนไขแลกกับจี้มังกรพยัคฆ์ ถูกหรือไม่”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้า “ใช่ แต่ศิษย์พี่ไม่ได้มอบจี้มังกรพยัคฆ์ให้ข้า”

นักพรตชราพูดด้วยความคับอกคับใจอย่างยิ่ง “แต่ว่าก็แบ่งมรดกให้เจ้าไปส่วนหนึ่งไม่ใช่รึ ถ้าอย่างนั้น จี้มังกรพยัคฆ์ก็เป็นแค่สิ่งยืนยันสำหรับเจ้านี่ แดนศักดิ์สิทธิ์เราตลอดหมื่นปีมานี้ไม่ใช่แค่ศิษย์น้องที่ไม่มีสิ่งยืนยัน”

สายฟ้าประกายเซียนของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ค่อยๆ สงบลง “ที่แท้ศิษย์พี่ก็พูดถึงเรื่องนี้เอง”

นักพรตชราอึ้งไป “ถ้าไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะพูดถึงเรื่องใดล่ะ ยังมีเรื่องอื่นอีกรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้า “ไม่มี ดังนั้นความหมายของศิษย์พี่คือจี้มังกรพยัคฆ์หายไปแล้ว ก็ต้องชดใช้ให้ท่านรึ”

นักพรตชราแค่นเสียงหยัน “ก่อนหน้านี้ข้าโดนเจ้าดึงไปตามแผนการของเจ้า มันคนละเรื่องกันเลย จี้มังกรพยัคฆ์ไว้ใช้แลกกับยอดเขาวิญญาณ ตอนนี้จี้มังกรพยัคฆ์หายไป แต่ศิลาวิญญาณล้านก้อนที่ศิษย์พี่ออกมือช่วยบุตรสาวที่รักของเจ้ากับศิลาวิญญาณอีกห้าแสนก้อนค่าน่องพญาอินทรี ศิษย์น้องก็ควรจะให้หรือไม่!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้า “ค่าตอบแทนที่ศิษย์พี่ช่วยซีเอ๋อร์กับค่าน่องพญาอินทรี ข้าควรจะให้ท่านจริงๆ แต่ศิษย์พี่อย่าลืมว่าซีเอ๋อร์ให้ท่านดูแลจี้มังกรพยัคฆ์ ตอนนี้มันกลับหายไปในมือท่าน สิ่งยืนยันเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อะไรพวกนี้ไม่สำคัญ แต่มูลค่าในตัวของจี้มังกรพยัคฆ์ไม่ได้มีแค่ศิลาวิญญาณแค่นี้!

ศิษย์พี่คิดว่าซีเอ๋อร์ควรจะมาเรียกร้องค่าชดใช้เป็นศิลาวิญญาณจากท่านเท่าไรกันถึงจะเหมาะสม!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยจบ นักพรตชราพลันมีสีหน้าหลากหลายอารมณ์

“ศิษย์น้องถือว่าวันนี้ข้าไม่เคยมาแล้วกัน ขอตัว!”

พูดจบ นักพรตชราก็หมุนตัวเดินไปนอกวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยนิ่งๆ “ความจริงถ้าศิษย์พี่อยากได้ศิลาวิญญาณมันง่ายมาก”

นักพรตชราหยุดเดินทันที ก่อนจะเค้นรอยยิ้ม “ศิษย์น้อง เชิญเจ้าพูดมาตรงๆ เลย”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าว “ศิษย์พี่ยังจำคำพูดที่ข้าเคยพูดกับท่านได้หรือไม่ว่าเสิ่นเทียนคือบุตรแห่งโชคที่แท้จริง ขอแค่ศิษย์พี่ยินดีทุ่มสุดตัวถ่ายทอดวิชาหลอมกายให้เขา ผูกวาสนาดีกับเขา ภายภาคหน้าจะต้องได้ปรับแก้ดวงชะตาโชคลิขิตให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แน่”

รอยยิ้มบนใบหน้านักพรตชราค่อยๆ แข็งทื่อ “เหอะๆ เจ้าคิดว่าศิษย์พี่เป็นคนโง่ไว้หลอกรึ เจ้าหนูนั่นเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเดือนก็สร้างเรื่องใหญ่โต ไม่รู้ว่ามีศิษย์กี่คนที่กล่าวโทษเขา กระทั่งข้าเดาว่าเมื่อฟางฉางออกด่านบำเพ็ญ จะต้องไปทุบตีเจ้าหนูนั่นหนักๆ สักยกแน่

ยังฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงไม่ประสบผลสำเร็จอะไรก็ซวยถึงขนาดนี้แล้ว ศิษย์น้องเจ้าว่าเขาคือบุตรแห่งโชครึ น่าขำจริงๆ ให้ศิษย์พี่รับเจ้าหนูนี่เป็นศิษย์รึ ไม่มีทาง!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา “ศิษย์พี่ท่านคิดดีแล้วจริงๆ หรือ”

นักพรตชราเบ้ปาก “ข้าฉู่หลงเหอพูดอะไรเคยสำนึกเสียใจด้วยรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดนิ่งๆ “ครั้งนี้ท่านจะต้องสำนึกเสียใจแน่ อีกทั้งในเร็วๆ นี้ด้วย”

นักพรตชราหัวเราะเยาะ “คิดจะหลอกข้ารึ ถ้าศิษย์พี่สำนึกเสียใจ ข้าจะเป็นหลานเจ้าเลย!”

เพิ่งเอ่ยจบ นักพรตชราขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดมักจะรู้สึกเหมือนเคยพูดเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว

…..

ตอนนี้เอง พลันมีเสียงดังสนั่นมาแต่ไกล

บึ้ม!

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ขยับแสงเล็กน้อย สายตามองทะลุมวลอากาศ

เขาเอ่ยนิ่งๆ ว่า “ที่ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเด็กโง่ฟางฉางออกด่านบำเพ็ญมาสร้างปัญหาให้เสิ่นเทียนจริงๆ”

นักพรตชราพูดด้วยความดีใจที่เห็นคนอื่นลำบาก “เป็นอย่างไร ศิษย์พี่ก็บอกแล้วว่าเจ้าหนูนี่จะต้องดวงซวยแน่ คนดวงซวยที่ฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงจะไปเป็นบุตรแห่งโชคได้อย่างไร เจ้าหนูนี่คงไม่โดนฟางฉางทุบตีจนพิการหรอกกระมัง!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตอบ “เปล่า ตรงกันข้ามเลย หลังจากฟางฉางเรียนวิชากายกับท่านไม่กี่วันก็ยิ่งไร้…”

สายฟ้าประกายเซียนสั่นไหว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจอย่างพบเห็นได้ยาก

เขาเดินหนึ่งก้าวช้าๆ ตรงหน้าพลันปรากฏประตูมิติบานหนึ่ง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เดินหนึ่งก้าวเข้าไปในประตูมิติ หายลับไปในวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ หนึ่งก้าวหมื่นจั้ง เมื่อประตูมิติโผล่มาอีกครั้ง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาปรากฏเหนือยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ อยู่นอกค่ายกลสายฟ้ามหึมานั่น

ตอนนี้โดยรอบยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์มีพวกชอบมุงดูยืนกันเต็มไปหมด ต่างกำลังมองการปะทะกันของเสิ่นเทียนกับฟางฉาง

“บ้าจริง ในที่สุดท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ก็สู้กับศิษย์พี่ใหญ่แล้วรึ ข้ารอมาครึ่งเดือนแล้ว”

“ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ไหวเลย! ยังทำลายมหาค่ายกลไม่ได้ก็พุ่งข้ามค่ายกลเข้าไปฝืนต่อสู้แล้ว”

“อะไรคือศิษย์พี่ใหญ่ไม่ไหว เป็นนักสู้ก็ต้องกล้าหาญไม่เกรงกลัวใครสิ!”

“ข้ามค่ายกลเข้าไปแล้วอย่างไร ผู้ฝึกบำเพ็ญที่มัวแต่กลัวหดหัวจะบรรลุเซียนได้อย่างไร”

“ก็จริง เห็นเลยว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่หลบไม่ยอมสู้ แถมยังหลบในมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาอีก”

“เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เราถึงไม่มีความกล้ารับท้าสู้ตรงๆ เลย น่าผิดหวังยิ่งนัก!”

“นี่น่าจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่ขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ ที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เราแล้วกระมัง! ถ้าจากนี้เขาเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่จบสิ้นเลยหรือ”

“เจ้าคิดมากไปแล้ว ศิษย์น้อง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะเลือกผู้ที่โดดเด่นที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดจากบุตรศักดิ์สิทธิ์สิบรุ่นมาเป็น เอาแค่การต่อสู้ในวันนี้ เดาว่าพวกลูกศิษย์ที่มาดูการต่อสู้คงจะไม่มีความเคารพใดๆ กับบุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้แล้ว แล้วยังคิดจะแย่งฐานะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อีกหรือ” ไอรีนโนเวล

“ก็ใช่ๆ บุตรศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่กล้าแม้แต่รับคำท้าสู้ตรงๆ จะเป็นที่ยอมรับของเราได้อย่างไร”

“เหอะๆ พูดอย่างกับคนโง่ที่มีกล้ามเนื้ออยู่เต็มสมองอย่างศิษย์พี่ใหญ่จะได้รับการยอมรับจากพวกเจ้าอย่างนั้นแหละ รู้ทั้งรู้ว่ามหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาต้านได้กระทั่งระดับหลอมรวมเทพ ก็ยังโง่มุดหัวเข้าไปในนั้น”

“ถ้าสมองอย่างศิษย์พี่ใหญ่ได้เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จริงๆ แดนศักดิ์สิทธิ์เราสิจะเป็นอันตรายของจริง!”

“ใช่ ข้าก็คิดว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ไม่เลว มีสติปัญญาสูง รู้ว่าใช้สมองแก้ปัญหาได้ เหตุใดจะต้องสู้กับศิษย์พี่ใหญ่ด้วยล่ะ และที่สำคัญกว่านั้นคือบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่หล่อเหลากว่า!”

“นี่สิถึงจะแบกรับหน้าตาที่แดนศักดิ์สิทธิ์ควรจะมีได้!”

“ใช่ๆ อิจฉาศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีนัก!”

“อ๊า! ประกายสายฟ้าแสบตามาก!”

“เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ออกมาจากการปิดด่านแล้ว!”

“ทุกคนเงียบ รีบเตรียมตัวต้อนรับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เถอะ!”

……

“ยินดีต้อนรับท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มาเยือน!”

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ปรากฏกาย พวกศิษย์จำนวนมากที่ตอนแรกยังกระซิบกระซาบรีบโค้งตัวคารวะพร้อมกัน

สำหรับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่แบกธงใหญ่นำพาให้แดนศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ขึ้นด้วยตัวคนเดียวแล้ว ลูกศิษย์ทุกคนต่างเคารพเขาอย่างยิ่ง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย ร่างซ่อนอยู่กลางสายฟ้าประกายเซียนอันไร้ขีดจำกัด เหมือนกับเทพเจ้าผู้ควบคุมสายฟ้าลงมาเยือนโลกมนุษย์

เขามองยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างเฉยชา ยกมือขวาขึ้นช้าๆ ก่อนจะดีดนิ้วเบาๆ

ทันใดนั้น สายฟ้าสัตว์เทพสิบตัวที่เปล่งแสงสว่างจ้าพวกนั้นแตกสลายเป็นมวลอากาศ ส่วนฟางฉางที่ถูกสายฟ้าผ่าจนตัวดำก็หลุดจากพันธนาการเช่นกัน

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มองฟางฉางที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ โมโห และแข็งกร้าว พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ

“ฟางฉาง เจ้าเป็นศิษย์สายตรง แต่กระทำความผิดต่อเบื้องบน บุกประตูภูเขาที่พำนักของบุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะลงโทษให้เจ้ายืนหันหน้าเข้ากำแพงหนึ่งเดือน คัดกฎของฝ่ายเราสามพันจบ

ห้ามใช้วิชา ห้ามให้อวิ๋นถิงช่วยเจ้าคัดแทน ข้าจำลายมือของเจ้าได้”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พูดจบ ฟางฉางที่เดิมทีมีสีหน้าคับอกคับใจ…ความแข็งกร้าวบนใบหน้าก็พลันหายไปจนหมดสิ้น

…………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 118 ลงโทษคัดกฎฝ่ายเราสามพันจบ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 118 ลงโทษคัดกฎฝ่ายเราสามพันจบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 118 ลงโทษคัดกฎฝ่ายเราสามพันจบ
แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ วิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

บนเขาลูกนี้ ร่างของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถูกปกคลุมอยู่กลางสายฟ้าประกายเซียน ด้านล่างบัลลังก์เป็นนักพรตชราที่มีสีหน้าไม่เป็นมิตร “ศิษย์น้องรอง เจ้าหลอกข้า!”

สายฟ้าประกายเซียนบนตัวเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเล็กน้อย เขาเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ไยพูดเช่นนั้น ข้าเคยไปหลอกท่านด้วยรึ”

นักพรตชราแค่นเสียงขึ้นจมูก “ก่อนหน้านี้เราคุยกันเรื่องสามเงื่อนไขแลกกับจี้มังกรพยัคฆ์ ถูกหรือไม่”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้า “ใช่ แต่ศิษย์พี่ไม่ได้มอบจี้มังกรพยัคฆ์ให้ข้า”

นักพรตชราพูดด้วยความคับอกคับใจอย่างยิ่ง “แต่ว่าก็แบ่งมรดกให้เจ้าไปส่วนหนึ่งไม่ใช่รึ ถ้าอย่างนั้น จี้มังกรพยัคฆ์ก็เป็นแค่สิ่งยืนยันสำหรับเจ้านี่ แดนศักดิ์สิทธิ์เราตลอดหมื่นปีมานี้ไม่ใช่แค่ศิษย์น้องที่ไม่มีสิ่งยืนยัน”

สายฟ้าประกายเซียนของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ค่อยๆ สงบลง “ที่แท้ศิษย์พี่ก็พูดถึงเรื่องนี้เอง”

นักพรตชราอึ้งไป “ถ้าไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะพูดถึงเรื่องใดล่ะ ยังมีเรื่องอื่นอีกรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้า “ไม่มี ดังนั้นความหมายของศิษย์พี่คือจี้มังกรพยัคฆ์หายไปแล้ว ก็ต้องชดใช้ให้ท่านรึ”

นักพรตชราแค่นเสียงหยัน “ก่อนหน้านี้ข้าโดนเจ้าดึงไปตามแผนการของเจ้า มันคนละเรื่องกันเลย จี้มังกรพยัคฆ์ไว้ใช้แลกกับยอดเขาวิญญาณ ตอนนี้จี้มังกรพยัคฆ์หายไป แต่ศิลาวิญญาณล้านก้อนที่ศิษย์พี่ออกมือช่วยบุตรสาวที่รักของเจ้ากับศิลาวิญญาณอีกห้าแสนก้อนค่าน่องพญาอินทรี ศิษย์น้องก็ควรจะให้หรือไม่!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้า “ค่าตอบแทนที่ศิษย์พี่ช่วยซีเอ๋อร์กับค่าน่องพญาอินทรี ข้าควรจะให้ท่านจริงๆ แต่ศิษย์พี่อย่าลืมว่าซีเอ๋อร์ให้ท่านดูแลจี้มังกรพยัคฆ์ ตอนนี้มันกลับหายไปในมือท่าน สิ่งยืนยันเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อะไรพวกนี้ไม่สำคัญ แต่มูลค่าในตัวของจี้มังกรพยัคฆ์ไม่ได้มีแค่ศิลาวิญญาณแค่นี้!

ศิษย์พี่คิดว่าซีเอ๋อร์ควรจะมาเรียกร้องค่าชดใช้เป็นศิลาวิญญาณจากท่านเท่าไรกันถึงจะเหมาะสม!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยจบ นักพรตชราพลันมีสีหน้าหลากหลายอารมณ์

“ศิษย์น้องถือว่าวันนี้ข้าไม่เคยมาแล้วกัน ขอตัว!”

พูดจบ นักพรตชราก็หมุนตัวเดินไปนอกวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยนิ่งๆ “ความจริงถ้าศิษย์พี่อยากได้ศิลาวิญญาณมันง่ายมาก”

นักพรตชราหยุดเดินทันที ก่อนจะเค้นรอยยิ้ม “ศิษย์น้อง เชิญเจ้าพูดมาตรงๆ เลย”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าว “ศิษย์พี่ยังจำคำพูดที่ข้าเคยพูดกับท่านได้หรือไม่ว่าเสิ่นเทียนคือบุตรแห่งโชคที่แท้จริง ขอแค่ศิษย์พี่ยินดีทุ่มสุดตัวถ่ายทอดวิชาหลอมกายให้เขา ผูกวาสนาดีกับเขา ภายภาคหน้าจะต้องได้ปรับแก้ดวงชะตาโชคลิขิตให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แน่”

รอยยิ้มบนใบหน้านักพรตชราค่อยๆ แข็งทื่อ “เหอะๆ เจ้าคิดว่าศิษย์พี่เป็นคนโง่ไว้หลอกรึ เจ้าหนูนั่นเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเดือนก็สร้างเรื่องใหญ่โต ไม่รู้ว่ามีศิษย์กี่คนที่กล่าวโทษเขา กระทั่งข้าเดาว่าเมื่อฟางฉางออกด่านบำเพ็ญ จะต้องไปทุบตีเจ้าหนูนั่นหนักๆ สักยกแน่

ยังฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงไม่ประสบผลสำเร็จอะไรก็ซวยถึงขนาดนี้แล้ว ศิษย์น้องเจ้าว่าเขาคือบุตรแห่งโชครึ น่าขำจริงๆ ให้ศิษย์พี่รับเจ้าหนูนี่เป็นศิษย์รึ ไม่มีทาง!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา “ศิษย์พี่ท่านคิดดีแล้วจริงๆ หรือ”

นักพรตชราเบ้ปาก “ข้าฉู่หลงเหอพูดอะไรเคยสำนึกเสียใจด้วยรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดนิ่งๆ “ครั้งนี้ท่านจะต้องสำนึกเสียใจแน่ อีกทั้งในเร็วๆ นี้ด้วย”

นักพรตชราหัวเราะเยาะ “คิดจะหลอกข้ารึ ถ้าศิษย์พี่สำนึกเสียใจ ข้าจะเป็นหลานเจ้าเลย!”

เพิ่งเอ่ยจบ นักพรตชราขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดมักจะรู้สึกเหมือนเคยพูดเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว

…..

ตอนนี้เอง พลันมีเสียงดังสนั่นมาแต่ไกล

บึ้ม!

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ขยับแสงเล็กน้อย สายตามองทะลุมวลอากาศ

เขาเอ่ยนิ่งๆ ว่า “ที่ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเด็กโง่ฟางฉางออกด่านบำเพ็ญมาสร้างปัญหาให้เสิ่นเทียนจริงๆ”

นักพรตชราพูดด้วยความดีใจที่เห็นคนอื่นลำบาก “เป็นอย่างไร ศิษย์พี่ก็บอกแล้วว่าเจ้าหนูนี่จะต้องดวงซวยแน่ คนดวงซวยที่ฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงจะไปเป็นบุตรแห่งโชคได้อย่างไร เจ้าหนูนี่คงไม่โดนฟางฉางทุบตีจนพิการหรอกกระมัง!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตอบ “เปล่า ตรงกันข้ามเลย หลังจากฟางฉางเรียนวิชากายกับท่านไม่กี่วันก็ยิ่งไร้…”

สายฟ้าประกายเซียนสั่นไหว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจอย่างพบเห็นได้ยาก

เขาเดินหนึ่งก้าวช้าๆ ตรงหน้าพลันปรากฏประตูมิติบานหนึ่ง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เดินหนึ่งก้าวเข้าไปในประตูมิติ หายลับไปในวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ หนึ่งก้าวหมื่นจั้ง เมื่อประตูมิติโผล่มาอีกครั้ง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาปรากฏเหนือยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ อยู่นอกค่ายกลสายฟ้ามหึมานั่น

ตอนนี้โดยรอบยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์มีพวกชอบมุงดูยืนกันเต็มไปหมด ต่างกำลังมองการปะทะกันของเสิ่นเทียนกับฟางฉาง

“บ้าจริง ในที่สุดท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ก็สู้กับศิษย์พี่ใหญ่แล้วรึ ข้ารอมาครึ่งเดือนแล้ว”

“ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ไหวเลย! ยังทำลายมหาค่ายกลไม่ได้ก็พุ่งข้ามค่ายกลเข้าไปฝืนต่อสู้แล้ว”

“อะไรคือศิษย์พี่ใหญ่ไม่ไหว เป็นนักสู้ก็ต้องกล้าหาญไม่เกรงกลัวใครสิ!”

“ข้ามค่ายกลเข้าไปแล้วอย่างไร ผู้ฝึกบำเพ็ญที่มัวแต่กลัวหดหัวจะบรรลุเซียนได้อย่างไร”

“ก็จริง เห็นเลยว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่หลบไม่ยอมสู้ แถมยังหลบในมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาอีก”

“เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เราถึงไม่มีความกล้ารับท้าสู้ตรงๆ เลย น่าผิดหวังยิ่งนัก!”

“นี่น่าจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่ขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ ที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เราแล้วกระมัง! ถ้าจากนี้เขาเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่จบสิ้นเลยหรือ”

“เจ้าคิดมากไปแล้ว ศิษย์น้อง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะเลือกผู้ที่โดดเด่นที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดจากบุตรศักดิ์สิทธิ์สิบรุ่นมาเป็น เอาแค่การต่อสู้ในวันนี้ เดาว่าพวกลูกศิษย์ที่มาดูการต่อสู้คงจะไม่มีความเคารพใดๆ กับบุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้แล้ว แล้วยังคิดจะแย่งฐานะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อีกหรือ” ไอรีนโนเวล

“ก็ใช่ๆ บุตรศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่กล้าแม้แต่รับคำท้าสู้ตรงๆ จะเป็นที่ยอมรับของเราได้อย่างไร”

“เหอะๆ พูดอย่างกับคนโง่ที่มีกล้ามเนื้ออยู่เต็มสมองอย่างศิษย์พี่ใหญ่จะได้รับการยอมรับจากพวกเจ้าอย่างนั้นแหละ รู้ทั้งรู้ว่ามหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาต้านได้กระทั่งระดับหลอมรวมเทพ ก็ยังโง่มุดหัวเข้าไปในนั้น”

“ถ้าสมองอย่างศิษย์พี่ใหญ่ได้เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จริงๆ แดนศักดิ์สิทธิ์เราสิจะเป็นอันตรายของจริง!”

“ใช่ ข้าก็คิดว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ไม่เลว มีสติปัญญาสูง รู้ว่าใช้สมองแก้ปัญหาได้ เหตุใดจะต้องสู้กับศิษย์พี่ใหญ่ด้วยล่ะ และที่สำคัญกว่านั้นคือบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่หล่อเหลากว่า!”

“นี่สิถึงจะแบกรับหน้าตาที่แดนศักดิ์สิทธิ์ควรจะมีได้!”

“ใช่ๆ อิจฉาศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีนัก!”

“อ๊า! ประกายสายฟ้าแสบตามาก!”

“เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ออกมาจากการปิดด่านแล้ว!”

“ทุกคนเงียบ รีบเตรียมตัวต้อนรับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เถอะ!”

……

“ยินดีต้อนรับท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มาเยือน!”

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ปรากฏกาย พวกศิษย์จำนวนมากที่ตอนแรกยังกระซิบกระซาบรีบโค้งตัวคารวะพร้อมกัน

สำหรับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่แบกธงใหญ่นำพาให้แดนศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ขึ้นด้วยตัวคนเดียวแล้ว ลูกศิษย์ทุกคนต่างเคารพเขาอย่างยิ่ง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย ร่างซ่อนอยู่กลางสายฟ้าประกายเซียนอันไร้ขีดจำกัด เหมือนกับเทพเจ้าผู้ควบคุมสายฟ้าลงมาเยือนโลกมนุษย์

เขามองยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างเฉยชา ยกมือขวาขึ้นช้าๆ ก่อนจะดีดนิ้วเบาๆ

ทันใดนั้น สายฟ้าสัตว์เทพสิบตัวที่เปล่งแสงสว่างจ้าพวกนั้นแตกสลายเป็นมวลอากาศ ส่วนฟางฉางที่ถูกสายฟ้าผ่าจนตัวดำก็หลุดจากพันธนาการเช่นกัน

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มองฟางฉางที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ โมโห และแข็งกร้าว พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ

“ฟางฉาง เจ้าเป็นศิษย์สายตรง แต่กระทำความผิดต่อเบื้องบน บุกประตูภูเขาที่พำนักของบุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะลงโทษให้เจ้ายืนหันหน้าเข้ากำแพงหนึ่งเดือน คัดกฎของฝ่ายเราสามพันจบ

ห้ามใช้วิชา ห้ามให้อวิ๋นถิงช่วยเจ้าคัดแทน ข้าจำลายมือของเจ้าได้”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พูดจบ ฟางฉางที่เดิมทีมีสีหน้าคับอกคับใจ…ความแข็งกร้าวบนใบหน้าก็พลันหายไปจนหมดสิ้น

…………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+