บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 184 ความสามารถของวงรัศมีสีแดง

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 184 ความสามารถของวงรัศมีสีแดง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 184 ความสามารถของวงรัศมีสีแดง

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนจึงพยักหน้า “ศิษย์น้องหลี่เป็นคนมีความสามารถจริงๆ ในเมื่อเขาอยากเข้าร่วมกลุ่มก็ให้เขาเข้ามาเถอะ! แต่ข้ามีเงื่อนไขเดียว พวกเจ้าต้องคุยกับเขาให้ชัดเจนว่าหลังเข้ากลุ่มแล้วจะบอกความลับในกลุ่มตามอำเภอใจไม่ได้อีก”

หลิวไท่อี่รีบหยิบแผ่นหยกออกมาจากอกเสื้อและบันทึกไว้ ‘ท่านปรมาจารย์สวรรค์ไม่ชอบให้สาวกเผยความลับสำคัญตามอำเภอใจ’

เถ้าแก่ซ่งพยักหน้าเช่นกัน “ท่านปรมาจารย์สวรรค์บุตรศักดิ์สิทธิ์วางใจเถอะ ข้าบอกเขาเรื่องนี้แล้ว”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ดี ช่วงนี้ข้าจะออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย ช่วงที่ข้าไม่อยู่ พวกเจ้าจำไว้ว่าต้องหมั่นฝึกบำเพ็ญ ใช้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานพวกนั้นให้หมด กำลังรบจะเพิ่มขึ้นเท่าไรก็เท่านั้น”

พูดความจริง เสิ่นเทียนไม่วางใจเลย ถึงอย่างไรศิษย์ในการฝึกสิบวันให้หลังก็มีจ้าวเฮ่าอยู่ ก่อนหน้านี้เจ้านี่เป็นตัวเอกรูปแบบเซ่นไหว้ในแบบอุดมคติ เซ่นไหว้บุพการีเป็นอัจฉริยะ เซ่นไหว้อาจารย์เป็นกายนักรบเก้าตะวัน

แม้ตอนนี้วงรัศมีเหนือศีรษะจะเป็นสีทองบริสุทธิ์แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นหรือไม่

สังเกตไปสักช่วงก่อนแล้วกัน! ออกไปครั้งนี้ไม่เอาเจ้านี้ไปด้วยจะปลอดภัยขึ้นมาหน่อย

กำชับทุกคนเสร็จแล้ว พลังวิญญาณที่เสียไปในกายเสิ่นเทียนก็ฟื้นกลับมามากกว่าครึ่งเช่นกัน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนเก็บเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร เปลี่ยนกลายเป็นเกราะข้างในแบบเรียบง่าย

นี่คือรูปแบบที่สองของเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร แม้จะไม่มีอานุภาพและความเท่เท่ารูปแบบแรก แต่รูปแบบนี้ชนะในเรื่องเก็บตัว สวมแล้วมองไม่เห็นถึงความพิเศษเลย ไม่เป็นเป้าโจมตีในสถานการณ์อันตรายง่ายๆ

หลังจากรู้ว่าเทพสวรรค์ใช้หนึ่งสู้เจ็ดและถูกลอบกัดจนต้องทำลายวิชาและฝึกใหม่แล้ว เสิ่นเทียนก็สุขุมขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ไพ่ตายที่เผยออกไปนั่นไม่เรียกว่าไพ่ตายแล้ว เขาคิดว่าควรจะกักพลังเอาไว้เยอะๆ

เมื่อสั่งการงานทุกอย่างบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้ว เสิ่นเทียนก็ขี่ปืนจากไป

ออกไปครั้งนี้ เขาไม่คิดจะระดมกำลังไปเป็นกลุ่มแบบครั้งก่อนอีก เพราะเขาพบว่าต่อให้เขาพาคนไปมากกว่านี้ ถึงเวลาซวยก็ต้องซวยไปตามนั้น

อีกอย่างเจ้าเสี่ยงอันตรายกับกลุ่มบุตรแห่งโชค ไม่แน่ว่าเมื่ออันตรายมาถึง เจ้าอาจจะต้องเป็นแพะรับบาปทุกนาทีเลยก็ได้!

ก็เหมือนกับเถาจองจำเซียนบุกเมืองครั้งก่อน พวกจางอวิ๋นซีไม่เป็นไรเลย แต่เสิ่นเทียนถูกจับไป

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงได้ข้อสรุปว่า ‘อยู่กับพวกคนยุโรปมีแต่ต้องร่ำรวยเหมือนกัน แล้วจะไม่ลำบากด้วยกัน!’

เสิ่นเทียนขี่ปืนปทุมฆาตเทพมาไม่นานก็ถึงค่ายกลเคลื่อนย้ายของเมืองเทพสวรรค์ แม้ครั้งนี้จะไปเสี่ยงอันตรายคนเดียว แต่ในใจเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ

หนึ่ง ถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือจะมีวงรัศมีสีสองเช่นกัน แต่ระดับความสว่างน้อยกว่าฟางฉางไม่น้อย

สอง ตอนนี้วงรัศมีของเสิ่นเทียนออกสีแดงแล้ว ห่างจากวงรัศมีสีทองอ่อนของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือไม่มาก!

สาม สำคัญที่สุด นั่นคือหลังจากวงรัศมีออกแสงสีแดงแล้ว ความสามารถของเสิ่นเทียนยกระดับขึ้นอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้แม้เสิ่นเทียนจะเห็นโชคลิขิตในอนาคตของผู้มีมหาดวงชะตา แต่ก็เป็นแค่ภาพ ก็เหมือนกับภาพเหนือศีรษะของฟางฉาง น่าจะเป็นโชคลิขิตในหลายวันให้หลัง

เสิ่นเทียนไปแย่งชิงก่อนด้วยความตื่นเต้นอยู่เต็มอก ปรากฏว่าเอาหัวดิ่งไปชนกับเถากลืนกินเซียนบุกเมือง

ถ้าไม่ใช่เพราะในช่วงสำคัญได้ดวงชะตาของเจ้าจ้าวเฮ่าช่วยไว้ บางทีเขาอาจจะไปพบกับมารดาเขาแล้ว แต่หลังจากดวงชะตายกระดับ เขาก็พบว่าตนยืนยันเวลาที่จะเกิดโชคลิขิตได้แล้ว

เขาเพิ่งแบ่งของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานให้ฟางฉาง วงรัศมีสีเขียวเข้มก็ปรากฏแสงสีแดง ก่อนจะพบว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือที่เดิมทีไม่มีโชคลิขิต จู่ๆ มีโชคลิขิตโผล่มา

เสิ่นเทียนคาดเดาว่านี่น่าจะเป็นเพราะดวงชะตายกระดับขึ้น เวลาการคาดการณ์โชคลิขิตจึงเยอะขึ้นเช่นกัน

พอลองเปรียบเทียบดู ตอนเสิ่นเทียนมีวงรัศมีสีเขียวก็คาดการณ์โชคลิขิตได้ภายในสามวัน แต่เมื่อวงรัศมีปรากฏแสงสีแดง ก็คาดการณ์โชคลิขิตได้ภายในห้าวัน

เหตุใดถึงมั่นใจว่าเป็นในห้าวัน เพราะโชคลิขิตของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือจะเกิดในอีกห้าวันให้หลัง!

เสิ่นเทียนตัดสินใจแน่วแน่ว่าครั้งนี้เขาจะนั่งกินเมล็ดแตงคอยอยู่ในเงามืดเงียบๆ รอทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว รอจนเวลาโชคลิขิตในอีกห้าวันนั้นมาถึง

เขาค่อยออกมือก่อนเวลาครู่เดียว ตัดโชคลิขิตของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมา!

แบบนี้ก็น่าจะเลี่ยงเหตุไม่คาดคิดได้แล้ว

เฮ้อ คิดๆ แล้วก็ยุ่งยากมาก สู้ใช้กลอุบายหลอกเอายังสบายกว่า

แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือไม่มีทางเชื่อเสิ่นเทียนเลย แล้วเขาก็อยากทำการทดสอบด้วย ดูว่าหลังผู้มีมหาดวงชะตาถูกแย่งโชคลิขิตไปแล้วจะดวงซวยหนักเพราะดวงชะตาลดลงจริงๆ หรือไม่

ถ้าไม่อย่างนั้นเสิ่นเทียนคงไม่ทำเรื่องเสี่ยงอันตรายเช่นนี้! นี่คือการอุทิศตัวเพื่อวิทยาศาสตร์!

เขาให้กำลังใจตัวเองในใจไปเรื่อยๆ พลางก้าวเข้าไปในค่ายกลช้าๆ

ปรากฏแสงสีสันมากมายตรงหน้า มิติเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ราวครึ่งเค่อต่อมา เสิ่นเทียนมาปรากฏในเมืองที่มีแสงระยิบระยับ

เหตุใดถึงบอกว่าเมืองนี้มีแสงระยิบระยับ ก็เพราะบนฟ้าเมืองนี้ไม่มีดวงตะวัน บนฟ้าของเมืองมีดาวสีเงินลอยอยู่เจ็ดดวง สาดแสงเงินลงมา ดูสวยงามมาก

นี่คือเมืองศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ เป็นเมืองใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ วางยอดค่ายกลดาวเหนือไว้

ดาวเหนือเจ็ดดวงบนฟ้าของเมืองนั่นก็เกิดจากแสงดาวเหนือ

ผู้ฝึกวิชาของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือฝึกบำเพ็ญในค่ายกลนี้จะได้ผลคุ้มค่า

เสิ่นเทียนแหงนหน้ามองดาวเหนือเจ็ดดวงพลางแอบตกใจเงียบๆ อย่างอื่นไม่ว่า แค่หน้าตาภายนอก เมืองศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็มีระดับสูงกว่าเมืองเทพสวรรค์แล้ว ดูเหมือนแก้ฟ้าเปลี่ยนดินเลย

แน่นอนว่าไม่มีทางแก้ฟ้าเปลี่ยนดินจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงน่าเหลือเชื่อเกินไป

…..

ภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือไม่อยู่ใกล้ๆ เมืองศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ แต่เป็นภูเขารกร้างห่างไกล

เสิ่นเทียนรู้อย่างเดียวคือข้างๆ ภูเขารกร้างนั่นมีเมืองคนธรรมดาอยู่ ชื่อว่าเมืองภูเขาดำ

เพื่อประหยัดเวลา เสิ่นเทียนจึงจ่ายเงินหาอำนาจอิทธิพลท้องถิ่นใกล้ๆ ไว้ จ่ายศิลาวิญญาณไปสองก้อนก็ได้แผนที่มา ถึงอย่างไรสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ศิลาวิญญาณสองก้อนก็คือเงินเหมือนกัน!

แผนที่ในแถบท้องถิ่นนี้ชัดเจนมาก มองปราดเดียวก็เห็นจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ถึงเมืองภูเขาดำ อีกทั้งระยะทางระหว่างเมืองศักดิ์สิทธิ์ถึงเมืองภูเขาดำก็ไม่ได้ไกลมาก แค่ห้าพันลี้เท่านั้น

หลังจากสี่วันสั้นๆ เสิ่นเทียนก็เจอขบวนพ่อค้าระหว่างทาง จึงพาเขาไปถึงที่หมาย

ใช่ สี่วัน! สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเสิ่นเทียนมาได้อย่างไร!

ตอนแรกเขาคิดว่าไปตามแผนที่แล้ว ขอแค่ทิศทางไม่ผิดเพี้ยนก็จะยิงตรงห้าพันลี้ถึงเมืองภูเขาดำได้สบายๆ

แต่ภูเขาใหญ่ สัตว์อสูรและพายุทรายของแดนบูรพาได้สอนบทเรียนเสิ่นเทียนดีๆ บทหนึ่งเลย

ควรรู้ไว้ว่าระยะทางห้าพันลี้เต็มๆ แค่เพี้ยนมุมเดียวก็เกิดความต่างกันอย่างมากแล้ว

เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตนมาตามแผนที่นั่นไม่ทำตัวเองหายก็เจ๋งจริงๆ แล้ว!

แต่แม้จะเดินทางลำบาก ทว่าก็ถือว่าถึงเมืองภูเขาดำแล้ว

ต่อไป เขาแค่กะเวลาแย่งโชคลิขิตให้ดี ก็จะถือว่าการเดินทางมาแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือครั้งนี้ครบสมบูรณ์

เสิ่นเทียนกอดภาพจินตนาการอันสวยงามเข้าไปในเมืองภูเขาดำ เตรียมจะหาที่พักเหนื่อย

เมืองภูเขาดำเป็นเมืองเล็ก คนส่วนใหญ่ในเมืองเป็นคนธรรมดา ระดับสร้างฐานยังหายากมาก

เสิ่นเทียนขี้เกียจขี่กระบี่บินไปหาเรื่องใคร จึงกดหัวปืนลงนอกเมืองและเดินเข้าไป

ตอนที่เขาเดินมาถึงประตูเมืองก็เห็นสิ่งที่น่าสนใจ

นั่นคือใบประกาศเงินรางวัล ‘ฆ่าปีศาจรับเงินรางวัลหนึ่งหมื่นตำลึงเงิน’

เหตุใดเสิ่นเทียนถึงสนใจล่ะ เพราะปีศาจในประกาศนั้นคือปีศาจยุงที่เห็นในภาพโชคลิขิตของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ

…..

ปีศาจยุงสมควรตาย!

ไม่อยากเชื่อว่าจะทำให้ข้าหลงทางตั้งสี่วัน

เจ้ารู้หรือไม่ว่าสี่วันข้าหาเงินได้ตั้งเท่าไร

อภัยให้ไม่ได้!

…………………..……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 184 ความสามารถของวงรัศมีสีแดง

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 184 ความสามารถของวงรัศมีสีแดง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 184 ความสามารถของวงรัศมีสีแดง

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนจึงพยักหน้า “ศิษย์น้องหลี่เป็นคนมีความสามารถจริงๆ ในเมื่อเขาอยากเข้าร่วมกลุ่มก็ให้เขาเข้ามาเถอะ! แต่ข้ามีเงื่อนไขเดียว พวกเจ้าต้องคุยกับเขาให้ชัดเจนว่าหลังเข้ากลุ่มแล้วจะบอกความลับในกลุ่มตามอำเภอใจไม่ได้อีก”

หลิวไท่อี่รีบหยิบแผ่นหยกออกมาจากอกเสื้อและบันทึกไว้ ‘ท่านปรมาจารย์สวรรค์ไม่ชอบให้สาวกเผยความลับสำคัญตามอำเภอใจ’

เถ้าแก่ซ่งพยักหน้าเช่นกัน “ท่านปรมาจารย์สวรรค์บุตรศักดิ์สิทธิ์วางใจเถอะ ข้าบอกเขาเรื่องนี้แล้ว”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ดี ช่วงนี้ข้าจะออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย ช่วงที่ข้าไม่อยู่ พวกเจ้าจำไว้ว่าต้องหมั่นฝึกบำเพ็ญ ใช้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานพวกนั้นให้หมด กำลังรบจะเพิ่มขึ้นเท่าไรก็เท่านั้น”

พูดความจริง เสิ่นเทียนไม่วางใจเลย ถึงอย่างไรศิษย์ในการฝึกสิบวันให้หลังก็มีจ้าวเฮ่าอยู่ ก่อนหน้านี้เจ้านี่เป็นตัวเอกรูปแบบเซ่นไหว้ในแบบอุดมคติ เซ่นไหว้บุพการีเป็นอัจฉริยะ เซ่นไหว้อาจารย์เป็นกายนักรบเก้าตะวัน

แม้ตอนนี้วงรัศมีเหนือศีรษะจะเป็นสีทองบริสุทธิ์แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นหรือไม่

สังเกตไปสักช่วงก่อนแล้วกัน! ออกไปครั้งนี้ไม่เอาเจ้านี้ไปด้วยจะปลอดภัยขึ้นมาหน่อย

กำชับทุกคนเสร็จแล้ว พลังวิญญาณที่เสียไปในกายเสิ่นเทียนก็ฟื้นกลับมามากกว่าครึ่งเช่นกัน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนเก็บเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร เปลี่ยนกลายเป็นเกราะข้างในแบบเรียบง่าย

นี่คือรูปแบบที่สองของเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร แม้จะไม่มีอานุภาพและความเท่เท่ารูปแบบแรก แต่รูปแบบนี้ชนะในเรื่องเก็บตัว สวมแล้วมองไม่เห็นถึงความพิเศษเลย ไม่เป็นเป้าโจมตีในสถานการณ์อันตรายง่ายๆ

หลังจากรู้ว่าเทพสวรรค์ใช้หนึ่งสู้เจ็ดและถูกลอบกัดจนต้องทำลายวิชาและฝึกใหม่แล้ว เสิ่นเทียนก็สุขุมขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ไพ่ตายที่เผยออกไปนั่นไม่เรียกว่าไพ่ตายแล้ว เขาคิดว่าควรจะกักพลังเอาไว้เยอะๆ

เมื่อสั่งการงานทุกอย่างบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้ว เสิ่นเทียนก็ขี่ปืนจากไป

ออกไปครั้งนี้ เขาไม่คิดจะระดมกำลังไปเป็นกลุ่มแบบครั้งก่อนอีก เพราะเขาพบว่าต่อให้เขาพาคนไปมากกว่านี้ ถึงเวลาซวยก็ต้องซวยไปตามนั้น

อีกอย่างเจ้าเสี่ยงอันตรายกับกลุ่มบุตรแห่งโชค ไม่แน่ว่าเมื่ออันตรายมาถึง เจ้าอาจจะต้องเป็นแพะรับบาปทุกนาทีเลยก็ได้!

ก็เหมือนกับเถาจองจำเซียนบุกเมืองครั้งก่อน พวกจางอวิ๋นซีไม่เป็นไรเลย แต่เสิ่นเทียนถูกจับไป

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงได้ข้อสรุปว่า ‘อยู่กับพวกคนยุโรปมีแต่ต้องร่ำรวยเหมือนกัน แล้วจะไม่ลำบากด้วยกัน!’

เสิ่นเทียนขี่ปืนปทุมฆาตเทพมาไม่นานก็ถึงค่ายกลเคลื่อนย้ายของเมืองเทพสวรรค์ แม้ครั้งนี้จะไปเสี่ยงอันตรายคนเดียว แต่ในใจเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ

หนึ่ง ถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือจะมีวงรัศมีสีสองเช่นกัน แต่ระดับความสว่างน้อยกว่าฟางฉางไม่น้อย

สอง ตอนนี้วงรัศมีของเสิ่นเทียนออกสีแดงแล้ว ห่างจากวงรัศมีสีทองอ่อนของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือไม่มาก!

สาม สำคัญที่สุด นั่นคือหลังจากวงรัศมีออกแสงสีแดงแล้ว ความสามารถของเสิ่นเทียนยกระดับขึ้นอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้แม้เสิ่นเทียนจะเห็นโชคลิขิตในอนาคตของผู้มีมหาดวงชะตา แต่ก็เป็นแค่ภาพ ก็เหมือนกับภาพเหนือศีรษะของฟางฉาง น่าจะเป็นโชคลิขิตในหลายวันให้หลัง

เสิ่นเทียนไปแย่งชิงก่อนด้วยความตื่นเต้นอยู่เต็มอก ปรากฏว่าเอาหัวดิ่งไปชนกับเถากลืนกินเซียนบุกเมือง

ถ้าไม่ใช่เพราะในช่วงสำคัญได้ดวงชะตาของเจ้าจ้าวเฮ่าช่วยไว้ บางทีเขาอาจจะไปพบกับมารดาเขาแล้ว แต่หลังจากดวงชะตายกระดับ เขาก็พบว่าตนยืนยันเวลาที่จะเกิดโชคลิขิตได้แล้ว

เขาเพิ่งแบ่งของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานให้ฟางฉาง วงรัศมีสีเขียวเข้มก็ปรากฏแสงสีแดง ก่อนจะพบว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือที่เดิมทีไม่มีโชคลิขิต จู่ๆ มีโชคลิขิตโผล่มา

เสิ่นเทียนคาดเดาว่านี่น่าจะเป็นเพราะดวงชะตายกระดับขึ้น เวลาการคาดการณ์โชคลิขิตจึงเยอะขึ้นเช่นกัน

พอลองเปรียบเทียบดู ตอนเสิ่นเทียนมีวงรัศมีสีเขียวก็คาดการณ์โชคลิขิตได้ภายในสามวัน แต่เมื่อวงรัศมีปรากฏแสงสีแดง ก็คาดการณ์โชคลิขิตได้ภายในห้าวัน

เหตุใดถึงมั่นใจว่าเป็นในห้าวัน เพราะโชคลิขิตของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือจะเกิดในอีกห้าวันให้หลัง!

เสิ่นเทียนตัดสินใจแน่วแน่ว่าครั้งนี้เขาจะนั่งกินเมล็ดแตงคอยอยู่ในเงามืดเงียบๆ รอทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว รอจนเวลาโชคลิขิตในอีกห้าวันนั้นมาถึง

เขาค่อยออกมือก่อนเวลาครู่เดียว ตัดโชคลิขิตของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมา!

แบบนี้ก็น่าจะเลี่ยงเหตุไม่คาดคิดได้แล้ว

เฮ้อ คิดๆ แล้วก็ยุ่งยากมาก สู้ใช้กลอุบายหลอกเอายังสบายกว่า

แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือไม่มีทางเชื่อเสิ่นเทียนเลย แล้วเขาก็อยากทำการทดสอบด้วย ดูว่าหลังผู้มีมหาดวงชะตาถูกแย่งโชคลิขิตไปแล้วจะดวงซวยหนักเพราะดวงชะตาลดลงจริงๆ หรือไม่

ถ้าไม่อย่างนั้นเสิ่นเทียนคงไม่ทำเรื่องเสี่ยงอันตรายเช่นนี้! นี่คือการอุทิศตัวเพื่อวิทยาศาสตร์!

เขาให้กำลังใจตัวเองในใจไปเรื่อยๆ พลางก้าวเข้าไปในค่ายกลช้าๆ

ปรากฏแสงสีสันมากมายตรงหน้า มิติเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ราวครึ่งเค่อต่อมา เสิ่นเทียนมาปรากฏในเมืองที่มีแสงระยิบระยับ

เหตุใดถึงบอกว่าเมืองนี้มีแสงระยิบระยับ ก็เพราะบนฟ้าเมืองนี้ไม่มีดวงตะวัน บนฟ้าของเมืองมีดาวสีเงินลอยอยู่เจ็ดดวง สาดแสงเงินลงมา ดูสวยงามมาก

นี่คือเมืองศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ เป็นเมืองใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ วางยอดค่ายกลดาวเหนือไว้

ดาวเหนือเจ็ดดวงบนฟ้าของเมืองนั่นก็เกิดจากแสงดาวเหนือ

ผู้ฝึกวิชาของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือฝึกบำเพ็ญในค่ายกลนี้จะได้ผลคุ้มค่า

เสิ่นเทียนแหงนหน้ามองดาวเหนือเจ็ดดวงพลางแอบตกใจเงียบๆ อย่างอื่นไม่ว่า แค่หน้าตาภายนอก เมืองศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็มีระดับสูงกว่าเมืองเทพสวรรค์แล้ว ดูเหมือนแก้ฟ้าเปลี่ยนดินเลย

แน่นอนว่าไม่มีทางแก้ฟ้าเปลี่ยนดินจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงน่าเหลือเชื่อเกินไป

…..

ภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือไม่อยู่ใกล้ๆ เมืองศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ แต่เป็นภูเขารกร้างห่างไกล

เสิ่นเทียนรู้อย่างเดียวคือข้างๆ ภูเขารกร้างนั่นมีเมืองคนธรรมดาอยู่ ชื่อว่าเมืองภูเขาดำ

เพื่อประหยัดเวลา เสิ่นเทียนจึงจ่ายเงินหาอำนาจอิทธิพลท้องถิ่นใกล้ๆ ไว้ จ่ายศิลาวิญญาณไปสองก้อนก็ได้แผนที่มา ถึงอย่างไรสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ศิลาวิญญาณสองก้อนก็คือเงินเหมือนกัน!

แผนที่ในแถบท้องถิ่นนี้ชัดเจนมาก มองปราดเดียวก็เห็นจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ถึงเมืองภูเขาดำ อีกทั้งระยะทางระหว่างเมืองศักดิ์สิทธิ์ถึงเมืองภูเขาดำก็ไม่ได้ไกลมาก แค่ห้าพันลี้เท่านั้น

หลังจากสี่วันสั้นๆ เสิ่นเทียนก็เจอขบวนพ่อค้าระหว่างทาง จึงพาเขาไปถึงที่หมาย

ใช่ สี่วัน! สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเสิ่นเทียนมาได้อย่างไร!

ตอนแรกเขาคิดว่าไปตามแผนที่แล้ว ขอแค่ทิศทางไม่ผิดเพี้ยนก็จะยิงตรงห้าพันลี้ถึงเมืองภูเขาดำได้สบายๆ

แต่ภูเขาใหญ่ สัตว์อสูรและพายุทรายของแดนบูรพาได้สอนบทเรียนเสิ่นเทียนดีๆ บทหนึ่งเลย

ควรรู้ไว้ว่าระยะทางห้าพันลี้เต็มๆ แค่เพี้ยนมุมเดียวก็เกิดความต่างกันอย่างมากแล้ว

เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตนมาตามแผนที่นั่นไม่ทำตัวเองหายก็เจ๋งจริงๆ แล้ว!

แต่แม้จะเดินทางลำบาก ทว่าก็ถือว่าถึงเมืองภูเขาดำแล้ว

ต่อไป เขาแค่กะเวลาแย่งโชคลิขิตให้ดี ก็จะถือว่าการเดินทางมาแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือครั้งนี้ครบสมบูรณ์

เสิ่นเทียนกอดภาพจินตนาการอันสวยงามเข้าไปในเมืองภูเขาดำ เตรียมจะหาที่พักเหนื่อย

เมืองภูเขาดำเป็นเมืองเล็ก คนส่วนใหญ่ในเมืองเป็นคนธรรมดา ระดับสร้างฐานยังหายากมาก

เสิ่นเทียนขี้เกียจขี่กระบี่บินไปหาเรื่องใคร จึงกดหัวปืนลงนอกเมืองและเดินเข้าไป

ตอนที่เขาเดินมาถึงประตูเมืองก็เห็นสิ่งที่น่าสนใจ

นั่นคือใบประกาศเงินรางวัล ‘ฆ่าปีศาจรับเงินรางวัลหนึ่งหมื่นตำลึงเงิน’

เหตุใดเสิ่นเทียนถึงสนใจล่ะ เพราะปีศาจในประกาศนั้นคือปีศาจยุงที่เห็นในภาพโชคลิขิตของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ

…..

ปีศาจยุงสมควรตาย!

ไม่อยากเชื่อว่าจะทำให้ข้าหลงทางตั้งสี่วัน

เจ้ารู้หรือไม่ว่าสี่วันข้าหาเงินได้ตั้งเท่าไร

อภัยให้ไม่ได้!

…………………..……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 184 ความสามารถของวงรัศมีสีแดง

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 184 ความสามารถของวงรัศมีสีแดง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 184 ความสามารถของวงรัศมีสีแดง

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนจึงพยักหน้า “ศิษย์น้องหลี่เป็นคนมีความสามารถจริงๆ ในเมื่อเขาอยากเข้าร่วมกลุ่มก็ให้เขาเข้ามาเถอะ! แต่ข้ามีเงื่อนไขเดียว พวกเจ้าต้องคุยกับเขาให้ชัดเจนว่าหลังเข้ากลุ่มแล้วจะบอกความลับในกลุ่มตามอำเภอใจไม่ได้อีก”

หลิวไท่อี่รีบหยิบแผ่นหยกออกมาจากอกเสื้อและบันทึกไว้ ‘ท่านปรมาจารย์สวรรค์ไม่ชอบให้สาวกเผยความลับสำคัญตามอำเภอใจ’

เถ้าแก่ซ่งพยักหน้าเช่นกัน “ท่านปรมาจารย์สวรรค์บุตรศักดิ์สิทธิ์วางใจเถอะ ข้าบอกเขาเรื่องนี้แล้ว”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ดี ช่วงนี้ข้าจะออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย ช่วงที่ข้าไม่อยู่ พวกเจ้าจำไว้ว่าต้องหมั่นฝึกบำเพ็ญ ใช้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานพวกนั้นให้หมด กำลังรบจะเพิ่มขึ้นเท่าไรก็เท่านั้น”

พูดความจริง เสิ่นเทียนไม่วางใจเลย ถึงอย่างไรศิษย์ในการฝึกสิบวันให้หลังก็มีจ้าวเฮ่าอยู่ ก่อนหน้านี้เจ้านี่เป็นตัวเอกรูปแบบเซ่นไหว้ในแบบอุดมคติ เซ่นไหว้บุพการีเป็นอัจฉริยะ เซ่นไหว้อาจารย์เป็นกายนักรบเก้าตะวัน

แม้ตอนนี้วงรัศมีเหนือศีรษะจะเป็นสีทองบริสุทธิ์แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นหรือไม่

สังเกตไปสักช่วงก่อนแล้วกัน! ออกไปครั้งนี้ไม่เอาเจ้านี้ไปด้วยจะปลอดภัยขึ้นมาหน่อย

กำชับทุกคนเสร็จแล้ว พลังวิญญาณที่เสียไปในกายเสิ่นเทียนก็ฟื้นกลับมามากกว่าครึ่งเช่นกัน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนเก็บเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร เปลี่ยนกลายเป็นเกราะข้างในแบบเรียบง่าย

นี่คือรูปแบบที่สองของเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร แม้จะไม่มีอานุภาพและความเท่เท่ารูปแบบแรก แต่รูปแบบนี้ชนะในเรื่องเก็บตัว สวมแล้วมองไม่เห็นถึงความพิเศษเลย ไม่เป็นเป้าโจมตีในสถานการณ์อันตรายง่ายๆ

หลังจากรู้ว่าเทพสวรรค์ใช้หนึ่งสู้เจ็ดและถูกลอบกัดจนต้องทำลายวิชาและฝึกใหม่แล้ว เสิ่นเทียนก็สุขุมขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ไพ่ตายที่เผยออกไปนั่นไม่เรียกว่าไพ่ตายแล้ว เขาคิดว่าควรจะกักพลังเอาไว้เยอะๆ

เมื่อสั่งการงานทุกอย่างบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้ว เสิ่นเทียนก็ขี่ปืนจากไป

ออกไปครั้งนี้ เขาไม่คิดจะระดมกำลังไปเป็นกลุ่มแบบครั้งก่อนอีก เพราะเขาพบว่าต่อให้เขาพาคนไปมากกว่านี้ ถึงเวลาซวยก็ต้องซวยไปตามนั้น

อีกอย่างเจ้าเสี่ยงอันตรายกับกลุ่มบุตรแห่งโชค ไม่แน่ว่าเมื่ออันตรายมาถึง เจ้าอาจจะต้องเป็นแพะรับบาปทุกนาทีเลยก็ได้!

ก็เหมือนกับเถาจองจำเซียนบุกเมืองครั้งก่อน พวกจางอวิ๋นซีไม่เป็นไรเลย แต่เสิ่นเทียนถูกจับไป

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงได้ข้อสรุปว่า ‘อยู่กับพวกคนยุโรปมีแต่ต้องร่ำรวยเหมือนกัน แล้วจะไม่ลำบากด้วยกัน!’

เสิ่นเทียนขี่ปืนปทุมฆาตเทพมาไม่นานก็ถึงค่ายกลเคลื่อนย้ายของเมืองเทพสวรรค์ แม้ครั้งนี้จะไปเสี่ยงอันตรายคนเดียว แต่ในใจเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ

หนึ่ง ถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือจะมีวงรัศมีสีสองเช่นกัน แต่ระดับความสว่างน้อยกว่าฟางฉางไม่น้อย

สอง ตอนนี้วงรัศมีของเสิ่นเทียนออกสีแดงแล้ว ห่างจากวงรัศมีสีทองอ่อนของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือไม่มาก!

สาม สำคัญที่สุด นั่นคือหลังจากวงรัศมีออกแสงสีแดงแล้ว ความสามารถของเสิ่นเทียนยกระดับขึ้นอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้แม้เสิ่นเทียนจะเห็นโชคลิขิตในอนาคตของผู้มีมหาดวงชะตา แต่ก็เป็นแค่ภาพ ก็เหมือนกับภาพเหนือศีรษะของฟางฉาง น่าจะเป็นโชคลิขิตในหลายวันให้หลัง

เสิ่นเทียนไปแย่งชิงก่อนด้วยความตื่นเต้นอยู่เต็มอก ปรากฏว่าเอาหัวดิ่งไปชนกับเถากลืนกินเซียนบุกเมือง

ถ้าไม่ใช่เพราะในช่วงสำคัญได้ดวงชะตาของเจ้าจ้าวเฮ่าช่วยไว้ บางทีเขาอาจจะไปพบกับมารดาเขาแล้ว แต่หลังจากดวงชะตายกระดับ เขาก็พบว่าตนยืนยันเวลาที่จะเกิดโชคลิขิตได้แล้ว

เขาเพิ่งแบ่งของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานให้ฟางฉาง วงรัศมีสีเขียวเข้มก็ปรากฏแสงสีแดง ก่อนจะพบว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือที่เดิมทีไม่มีโชคลิขิต จู่ๆ มีโชคลิขิตโผล่มา

เสิ่นเทียนคาดเดาว่านี่น่าจะเป็นเพราะดวงชะตายกระดับขึ้น เวลาการคาดการณ์โชคลิขิตจึงเยอะขึ้นเช่นกัน

พอลองเปรียบเทียบดู ตอนเสิ่นเทียนมีวงรัศมีสีเขียวก็คาดการณ์โชคลิขิตได้ภายในสามวัน แต่เมื่อวงรัศมีปรากฏแสงสีแดง ก็คาดการณ์โชคลิขิตได้ภายในห้าวัน

เหตุใดถึงมั่นใจว่าเป็นในห้าวัน เพราะโชคลิขิตของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือจะเกิดในอีกห้าวันให้หลัง!

เสิ่นเทียนตัดสินใจแน่วแน่ว่าครั้งนี้เขาจะนั่งกินเมล็ดแตงคอยอยู่ในเงามืดเงียบๆ รอทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว รอจนเวลาโชคลิขิตในอีกห้าวันนั้นมาถึง

เขาค่อยออกมือก่อนเวลาครู่เดียว ตัดโชคลิขิตของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมา!

แบบนี้ก็น่าจะเลี่ยงเหตุไม่คาดคิดได้แล้ว

เฮ้อ คิดๆ แล้วก็ยุ่งยากมาก สู้ใช้กลอุบายหลอกเอายังสบายกว่า

แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือไม่มีทางเชื่อเสิ่นเทียนเลย แล้วเขาก็อยากทำการทดสอบด้วย ดูว่าหลังผู้มีมหาดวงชะตาถูกแย่งโชคลิขิตไปแล้วจะดวงซวยหนักเพราะดวงชะตาลดลงจริงๆ หรือไม่

ถ้าไม่อย่างนั้นเสิ่นเทียนคงไม่ทำเรื่องเสี่ยงอันตรายเช่นนี้! นี่คือการอุทิศตัวเพื่อวิทยาศาสตร์!

เขาให้กำลังใจตัวเองในใจไปเรื่อยๆ พลางก้าวเข้าไปในค่ายกลช้าๆ

ปรากฏแสงสีสันมากมายตรงหน้า มิติเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ราวครึ่งเค่อต่อมา เสิ่นเทียนมาปรากฏในเมืองที่มีแสงระยิบระยับ

เหตุใดถึงบอกว่าเมืองนี้มีแสงระยิบระยับ ก็เพราะบนฟ้าเมืองนี้ไม่มีดวงตะวัน บนฟ้าของเมืองมีดาวสีเงินลอยอยู่เจ็ดดวง สาดแสงเงินลงมา ดูสวยงามมาก

นี่คือเมืองศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ เป็นเมืองใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ วางยอดค่ายกลดาวเหนือไว้

ดาวเหนือเจ็ดดวงบนฟ้าของเมืองนั่นก็เกิดจากแสงดาวเหนือ

ผู้ฝึกวิชาของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือฝึกบำเพ็ญในค่ายกลนี้จะได้ผลคุ้มค่า

เสิ่นเทียนแหงนหน้ามองดาวเหนือเจ็ดดวงพลางแอบตกใจเงียบๆ อย่างอื่นไม่ว่า แค่หน้าตาภายนอก เมืองศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็มีระดับสูงกว่าเมืองเทพสวรรค์แล้ว ดูเหมือนแก้ฟ้าเปลี่ยนดินเลย

แน่นอนว่าไม่มีทางแก้ฟ้าเปลี่ยนดินจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงน่าเหลือเชื่อเกินไป

…..

ภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือไม่อยู่ใกล้ๆ เมืองศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ แต่เป็นภูเขารกร้างห่างไกล

เสิ่นเทียนรู้อย่างเดียวคือข้างๆ ภูเขารกร้างนั่นมีเมืองคนธรรมดาอยู่ ชื่อว่าเมืองภูเขาดำ

เพื่อประหยัดเวลา เสิ่นเทียนจึงจ่ายเงินหาอำนาจอิทธิพลท้องถิ่นใกล้ๆ ไว้ จ่ายศิลาวิญญาณไปสองก้อนก็ได้แผนที่มา ถึงอย่างไรสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ศิลาวิญญาณสองก้อนก็คือเงินเหมือนกัน!

แผนที่ในแถบท้องถิ่นนี้ชัดเจนมาก มองปราดเดียวก็เห็นจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ถึงเมืองภูเขาดำ อีกทั้งระยะทางระหว่างเมืองศักดิ์สิทธิ์ถึงเมืองภูเขาดำก็ไม่ได้ไกลมาก แค่ห้าพันลี้เท่านั้น

หลังจากสี่วันสั้นๆ เสิ่นเทียนก็เจอขบวนพ่อค้าระหว่างทาง จึงพาเขาไปถึงที่หมาย

ใช่ สี่วัน! สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเสิ่นเทียนมาได้อย่างไร!

ตอนแรกเขาคิดว่าไปตามแผนที่แล้ว ขอแค่ทิศทางไม่ผิดเพี้ยนก็จะยิงตรงห้าพันลี้ถึงเมืองภูเขาดำได้สบายๆ

แต่ภูเขาใหญ่ สัตว์อสูรและพายุทรายของแดนบูรพาได้สอนบทเรียนเสิ่นเทียนดีๆ บทหนึ่งเลย

ควรรู้ไว้ว่าระยะทางห้าพันลี้เต็มๆ แค่เพี้ยนมุมเดียวก็เกิดความต่างกันอย่างมากแล้ว

เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตนมาตามแผนที่นั่นไม่ทำตัวเองหายก็เจ๋งจริงๆ แล้ว!

แต่แม้จะเดินทางลำบาก ทว่าก็ถือว่าถึงเมืองภูเขาดำแล้ว

ต่อไป เขาแค่กะเวลาแย่งโชคลิขิตให้ดี ก็จะถือว่าการเดินทางมาแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือครั้งนี้ครบสมบูรณ์

เสิ่นเทียนกอดภาพจินตนาการอันสวยงามเข้าไปในเมืองภูเขาดำ เตรียมจะหาที่พักเหนื่อย

เมืองภูเขาดำเป็นเมืองเล็ก คนส่วนใหญ่ในเมืองเป็นคนธรรมดา ระดับสร้างฐานยังหายากมาก

เสิ่นเทียนขี้เกียจขี่กระบี่บินไปหาเรื่องใคร จึงกดหัวปืนลงนอกเมืองและเดินเข้าไป

ตอนที่เขาเดินมาถึงประตูเมืองก็เห็นสิ่งที่น่าสนใจ

นั่นคือใบประกาศเงินรางวัล ‘ฆ่าปีศาจรับเงินรางวัลหนึ่งหมื่นตำลึงเงิน’

เหตุใดเสิ่นเทียนถึงสนใจล่ะ เพราะปีศาจในประกาศนั้นคือปีศาจยุงที่เห็นในภาพโชคลิขิตของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ

…..

ปีศาจยุงสมควรตาย!

ไม่อยากเชื่อว่าจะทำให้ข้าหลงทางตั้งสี่วัน

เจ้ารู้หรือไม่ว่าสี่วันข้าหาเงินได้ตั้งเท่าไร

อภัยให้ไม่ได้!

…………………..……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+