บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 246 เกาะพลังแห่งเคราะห์สวรรค์

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 246 เกาะพลังแห่งเคราะห์สวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 246 เกาะพลังแห่งเคราะห์สวรรค์

เรือเหาะเทพสวรรค์ค่อยๆ จอดลงกลางโลกเล็ก ศิษย์พากันลงเรืออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ศิษย์ที่รับผิดชอบเฝ้าเรือเหาะเทพสวรรค์ตรวจสอบศิลาวิญญาณที่เหลือในคลังเรือเหาะอย่างละเอียดแล้วก็ใส่กลอนประตูคลังอย่างระมัดระวัง

จากตรงนี้ จะถือว่าการฝึกฝนในสนามรบบรรพกาลได้สิ้นสุดลงอย่างแท้จริง

ศิษย์เทพสวรรค์ร้อยกว่าคนที่ผ่านการฝึกฝนที่ทั้งอันตรายและเร้าใจครั้งนี้มาต่างมีสภาพง่วงงุนกันเล็กน้อย

แต่ไม่มีใครในตอนนี้กลับไปพักผ่อนในห้องพักของตนเลย เพราะนอกโลกเล็กตอนนี้กำลังมีอะไรสนุกๆ ให้ชม

เมฆเคราะห์นับไม่ถ้วนกำลังมารวมกันในระยะร้อยลี้นอกโลกเล็กเทพสวรรค์ ในนั้นมีสายฟ้าที่บริสุทธิ์และทรงพลังอย่างยิ่ง

นั่นคือเคราะห์สวรรค์ เป็นเคราะห์อัสนีที่จะพบเมื่อผู้สูงศักดิ์สวรรค์จุดสูงสุดของระดับหลอมรวมเทพจะฝ่าด่านเคราะห์เลื่อนเป็นผู้อริยะ

นี่หมายความว่าแดนศักดิ์สิทธิ์มีผู้สูงศักดิ์สวรรค์ที่แข็งแกร่งกำลังฝ่าด่านเคราะห์เลื่อนเป็นผู้อริยะ!

เสิ่นเทียนกางปีกเทพทองคำข้างหลัง ทั้งตัวเขากลายเป็นเงาเทพสีทองบินไปนอกโลกเล็กทันที ช่วงที่เขาเข้าใกล้ในระยะสิบลี้จากเมฆเคราะห์ ก็เห็นใบหน้าแท้จริงของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับสูงสุดคนนั้น

นั่นเป็นสตรีสวมชุดกระโปรงยาวผ้าบางสีเงิน รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น

นางยืนอยู่กลางฟ้าด้วยความโอหัง ใต้เท้ามีพลังวิญญาณวนเวียนล้อมรอบประหนึ่งหมอกเซียน

ส่วนร่างที่อ้อนแอ้นเหมือนไร้กระดูกของนางในตอนแรกอบอวลไปด้วยหมอกวิญญาณ ทำให้ดูน่าหลงใหลยิ่งกว่าเดิม

กล่าวได้ว่านี่คือหญิงงามที่สุดแห่งยุคคนหนึ่ง ทุกการขมวดคิ้วและรอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยเสน่ห์สูงสุดของสตรีเพศ

โดยเฉพาะความชั่วร้ายที่โหมซัดสาดนั้น ทัดเทียมกับมังกรดำบางตนได้

ใช่ คนที่ฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะในตอนนี้ก็คือมารดาสุดยั่วยวนของฉินอวิ๋นตี๋…ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำ

……

“ท่านแม่ฝ่าด่านเคราะห์เลื่อนเป็นผู้อริยะแล้ว”

ฉินอวิ๋นตี๋พูดด้วยความกังวลใจอย่างยิ่ง “จะให้เกิดเรื่องไม่ได้เด็ดขาด”

ตั้งแต่อดีตมา ระดับความยากของผู้อริยะเป็นที่ยอมรับแล้ว

การจะเป็นผู้อริยะต้องผ่านการทดสอบฝ่าด่านเคราะห์สวรรค์ ได้รับการยอมรับจากฟ้าดิน

และเคราะห์เช่นนี้ก็ยากมาก กล่าวได้ว่าในผู้สูงศักดิ์สวรรค์จุดสูงสุดระดับหลอมรวมเทพสิบคน จะมีสักคนหนึ่งที่เป็นผู้อริยะ

ฉินอวิ๋นตี๋ไม่อยากให้มารดาตนเป็นอะไรเลย

เสิ่นเทียนกลับยิ้มราบเรียบ “ไม่เป็นไร อาจารย์อาบัวทองคำต้องไม่เป็นไร”

ถึงเสิ่นเทียนจะไม่รู้ศักยภาพของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำแน่ชัด แต่ข้างกายเขาตอนนี้ยังมีตาแก่เยี่ยฉิงชางอยู่!

การคาดการณ์คร่าวๆ ว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพจะฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะสำเร็จหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเยี่ยฉิงชาง

ด้วยเหตุนี้ เยี่ยฉิงชางจึงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับตรงนี้เลย แสดงว่าการฝ่าด่านเคราะห์ครั้งนี้ไม่มีปัญหา

สิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนแปลกใจกว่าคือข้างๆ เมฆเคราะห์ของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำยังมีศิษย์เทพสวรรค์นั่งขัดสมาธิอยู่สามคน

หนึ่งในสามคนนี้สวมชุดคลุมสีเขียว ข้างหลังแบกพิณล้ำค่า ดูเป็นคนอัธยาศัยดีมาก

อีกคนสวมเกราะนักรบสีแดงอมทอง ตรงหัวเข่าสองข้างวางทวนมังกรเพลิงชาดอันหนึ่ง ข้างหลังมีร่างเงาสัตว์เทพหลายชนิดลอยอยู่

ใช่ สองคนนี้คือศิษย์พี่ใหญ่ฟางฉางกับศิษย์พี่รองจางอวิ๋นถิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ และสตรีคนที่สามก็คือสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ พยัคฆ์ขาวธาตุทองจางอวิ๋นซี

สาเหตุที่พวกเขามาอยู่ใกล้เมฆเคราะห์ในตอนนี้ก็ง่ายมาก

นั่นเพราะจะอาศัยเคราะห์อัสนีฝึกฝนวิชาลับเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์!

นี่คือบทต้องห้ามสุดท้ายในคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ และยังเป็นวิชาลับสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

ผู้อาวุโสมากมายในแดนศักดิ์สิทธิ์ผ่านการหารือกันมาหลายครั้ง สุดท้ายก็ยังตัดสินใจทำลายกฎสักครั้ง ให้พวกฟางฉางสองคนฝึกฝนวิชาลับ

ตอนนี้ ไม่ใช่แค่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำ พวกฟางฉางสามคนก็เตรียมตัวอย่างจริงจังเช่นกัน

ถึงอย่างไรการฝ่าด่านเคราะห์ของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ก็ไม่ใช่จะพบเจอกันได้ง่ายๆ ทั้งในดินแดนบูรพา

ควรรู้ไว้ว่าต่อให้เป็นทั้งดินแดนบูรพา จำนวนของผู้อริยะก็นับกันได้ง่ายๆ การจะเป็นผู้อริยะนั้นยากมาก!

………..

“ศิษย์น้อง ในที่สุดพวกเจ้าก็กลับมาแล้ว!”

เดิมทีจางอวิ๋นซีกำลังนั่งขัดสมาธิ แผ่นกลิ่นอายพลังแข็งแกร่งอย่างยิ่งออกมาทั้งตัว กระทั่งแกร่งกว่าจางอวิ๋นถิง

แต่เมื่อพบเสิ่นเทียน พลังมหาศาลในตัวนางพลันหุบกลับไปมากกว่าครึ่ง องอาจแต่ไม่สิ้นความสง่างาม

เสิ่นเทียนยิ้มพลางกระพือปีกเทพทองคำลงมาตรงหน้าพวกจางอวิ๋นซีและฟางฉางทั้งสามคน

ตอนนี้ฟางฉางฟื้นอาการบาดเจ็บกลับมาหายดีนานแล้ว อีกทั้งยังมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานช่วย ทำให้ศักยภาพของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

มีแก่นพลังทองเก้ารอบ มองไปทั้งดินแดนบูรพา เขาถือว่าเป็นหนึ่งในโอรสสวรรค์หนุ่มที่แกร่งที่สุดแล้ว พานพบคู่ต่อสู้ได้ยาก

“ศิษย์น้อง เจ้ากลับมาแล้ว”

ฟางฉางยิ้มตรงไปตรงมา ทั้งยังกะพริบตาปริบๆ “หนึ่งเดือนมานี้ศิษย์น้องหญิงอวิ๋นซีคิดถึงเจ้าจะตายอยู่แล้ว”

เขาเพิ่งพูดจบก็เห็นสายฟ้าสีทองสายหนึ่งพุ่งมาจากด้านข้าง ผ่าเขาจนขากระตุก เส้นผมตั้งชี้

“ไม่ใช่รึ ศิษย์น้องหญิง! ศิษย์พี่กำลังพูดแทนเจ้า! ก็ยังเอาฟ้าผ่าข้าอีกรึ”

ฟางฉางอ้าปากพ่นควันดำออกมา ทั้งตัวมีกระแสสายฟ้าไหลเวียน

เขาไม่นึกเลยว่าเมื่อก่อนตนตามเกี้ยวจางอวิ๋นซีตั้งนานขนาดนั้น แต่ยังทำให้ศิษย์น้องหญิงชายตามองสักครั้งไม่ได้ ปรากฏว่าวันนี้กลับถูกศิษย์น้องหญิงเอาสายฟ้าผ่า อีกทั้ง…ยังรุนแรงมากด้วย

อานุภาพของอัสนีเทพกำเนิดฟ้าปัญจธาตุใหญ่นี่แข็งแกร่ง!

จางอวิ๋นซีมองเสิ่นเทียนด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้องไปฝึกฝนสนามรบมาครั้งนี้ได้อะไรมาไม่ใช่น้อยๆ เลย หากอวิ๋นซีมองไม่ผิด ปีกเทพทองคำคู่นั้นข้างหลังเจ้าน่าจะเป็นทองคำเซียนปีกปักษาอันดับแปดในรายนามทองคำเซียนกระมัง!”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ใช่ ก็ได้อะไรในสนามรบมาบ้าง ไม่มีค่าให้เอ่ยถึงๆ~”

จางอวิ๋นถิงแทบจะทนฟังไม่ได้แล้ว

ศิษย์น้องบุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้พูดจากระเทือนจิตใจคนมากจริงๆ

ถ้าทองคำเซียนปีกปักษาอันดับแปดในรายนามทองคำเซียนยังไม่มีค่าให้เอ่ยถึง เช่นนั้นยังมีอะไรที่คู่ควรให้เรียกได้อีกล่ะ

พึงรู้ไว้ว่าแม้แต่ระดับไร้พ่ายอย่างผู้อริยะก็ยังมองว่าสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินที่ติดรายนามสิบอันดับแรกเป็นสุดยอดสมบัติล้ำค่า!

จางอวิ๋นถิงพูดด้วยความจำใจ “ศิษย์น้อง วันนี้อาจารย์อาบัวทองคำฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะ นี่เป็นโอกาสดีที่สุดที่ให้เราฝึกเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์

ในตัวเจ้ายังมีแก่นรากอัสนีเทพกำเนิดฟ้า รีบไปหาที่ดีๆ เริ่มเตรียมหลอมรวมพลังแห่งเคราะห์สวรรค์เถอะ!”

ในหนึ่งมังกรหนึ่งหงส์และหนึ่งกิเลนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จางอวิ๋นถิงถูกเรียกว่า ‘มังกร’ อยู่อันดับแรกไม่ใช่แค่เพราะเขามีกายวิญญาณอัสนีเทพธาตุไม้ลำดับหนึ่งที่สอดคล้องกับมังกรเขียว

แต่จางอวิ๋นถิงยังมีจิตใจที่มั่นคงที่สุด ทำอะไรจะน่าเชื่อถือมั่นคงมีความสามารถด้านการบริหารเหมือนกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ นี่คือหัวใจสำคัญ

นี่คือสิ่งที่ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยอมรับ

กล่าวได้ว่าหากไม่ใช่เพราะมี ‘บุตรแห่งชะตาสวรรค์’ อย่างเสิ่นเทียนปรากฏตัวขึ้น ตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ยังไม่ใช่ฟางฉางจริงๆ แต่เป็นจางอวิ๋นถิง

ถึงอย่างไรถ้าให้ฟางฉางเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็คงจะหนีความวุ่นวายไม่พ้น

……

“ขอบคุณที่ศิษย์พี่อวิ๋นถิงเตือน”

เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหาที่นั่งขัดสมาธิรอบนอกเมฆเคราะห์ภัย เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรโผล่ขึ้นมาบนผิวกาย

ในดวงตาจางอวิ๋นซีเป็นประกายระยิบระยับ แอบขยับที่เงียบๆ เข้าไปใกล้เสิ่นเทียนทีละนิด

ตำแหน่งที่ดีที่สุดในการฝึกเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์คือเขตรอบนอกเมฆเคราะห์

พลังของเคราะห์อัสนีตรงนี้จะไม่แกร่งมากเกินไป เป็นเพียงอานุภาพกระจัดกระจายเท่านั้น เคราะห์สวรรค์จะไม่ถือว่าเจ้าส่งผลกระทบกับผู้ฝ่าด่านเคราะห์

หากเข้าไปตรงเขตใจกลางเมฆเคราะห์ หนึ่งคือจะได้รับผลจากอัสนีเทพที่แกร่งที่สุดได้ง่ายมาก จะต้องโดนอัสนีเทพระดับผู้อริยะชะล้างโดยตรง

อีกด้านคือหากถูกเคราะห์สวรรค์จับตามอง ถึงตอนนั้นคิดหนีก็ยากแล้ว

หลังจากเสิ่นเทียน จางอวิ๋นถิง ฟางฉางและจางอวิ๋นซีนั่งลงได้ไม่นาน เมฆเคราะห์เหนือศีรษะของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำก็หนาทึบมากขึ้นเรื่อยๆ

ภายใต้เมฆเคราะห์ที่หมุนม้วน การฝ่าด่านเคราะห์…ได้เริ่มขึ้นแล้ว!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 246 เกาะพลังแห่งเคราะห์สวรรค์

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 246 เกาะพลังแห่งเคราะห์สวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 246 เกาะพลังแห่งเคราะห์สวรรค์

เรือเหาะเทพสวรรค์ค่อยๆ จอดลงกลางโลกเล็ก ศิษย์พากันลงเรืออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ศิษย์ที่รับผิดชอบเฝ้าเรือเหาะเทพสวรรค์ตรวจสอบศิลาวิญญาณที่เหลือในคลังเรือเหาะอย่างละเอียดแล้วก็ใส่กลอนประตูคลังอย่างระมัดระวัง

จากตรงนี้ จะถือว่าการฝึกฝนในสนามรบบรรพกาลได้สิ้นสุดลงอย่างแท้จริง

ศิษย์เทพสวรรค์ร้อยกว่าคนที่ผ่านการฝึกฝนที่ทั้งอันตรายและเร้าใจครั้งนี้มาต่างมีสภาพง่วงงุนกันเล็กน้อย

แต่ไม่มีใครในตอนนี้กลับไปพักผ่อนในห้องพักของตนเลย เพราะนอกโลกเล็กตอนนี้กำลังมีอะไรสนุกๆ ให้ชม

เมฆเคราะห์นับไม่ถ้วนกำลังมารวมกันในระยะร้อยลี้นอกโลกเล็กเทพสวรรค์ ในนั้นมีสายฟ้าที่บริสุทธิ์และทรงพลังอย่างยิ่ง

นั่นคือเคราะห์สวรรค์ เป็นเคราะห์อัสนีที่จะพบเมื่อผู้สูงศักดิ์สวรรค์จุดสูงสุดของระดับหลอมรวมเทพจะฝ่าด่านเคราะห์เลื่อนเป็นผู้อริยะ

นี่หมายความว่าแดนศักดิ์สิทธิ์มีผู้สูงศักดิ์สวรรค์ที่แข็งแกร่งกำลังฝ่าด่านเคราะห์เลื่อนเป็นผู้อริยะ!

เสิ่นเทียนกางปีกเทพทองคำข้างหลัง ทั้งตัวเขากลายเป็นเงาเทพสีทองบินไปนอกโลกเล็กทันที ช่วงที่เขาเข้าใกล้ในระยะสิบลี้จากเมฆเคราะห์ ก็เห็นใบหน้าแท้จริงของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับสูงสุดคนนั้น

นั่นเป็นสตรีสวมชุดกระโปรงยาวผ้าบางสีเงิน รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น

นางยืนอยู่กลางฟ้าด้วยความโอหัง ใต้เท้ามีพลังวิญญาณวนเวียนล้อมรอบประหนึ่งหมอกเซียน

ส่วนร่างที่อ้อนแอ้นเหมือนไร้กระดูกของนางในตอนแรกอบอวลไปด้วยหมอกวิญญาณ ทำให้ดูน่าหลงใหลยิ่งกว่าเดิม

กล่าวได้ว่านี่คือหญิงงามที่สุดแห่งยุคคนหนึ่ง ทุกการขมวดคิ้วและรอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยเสน่ห์สูงสุดของสตรีเพศ

โดยเฉพาะความชั่วร้ายที่โหมซัดสาดนั้น ทัดเทียมกับมังกรดำบางตนได้

ใช่ คนที่ฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะในตอนนี้ก็คือมารดาสุดยั่วยวนของฉินอวิ๋นตี๋…ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำ

……

“ท่านแม่ฝ่าด่านเคราะห์เลื่อนเป็นผู้อริยะแล้ว”

ฉินอวิ๋นตี๋พูดด้วยความกังวลใจอย่างยิ่ง “จะให้เกิดเรื่องไม่ได้เด็ดขาด”

ตั้งแต่อดีตมา ระดับความยากของผู้อริยะเป็นที่ยอมรับแล้ว

การจะเป็นผู้อริยะต้องผ่านการทดสอบฝ่าด่านเคราะห์สวรรค์ ได้รับการยอมรับจากฟ้าดิน

และเคราะห์เช่นนี้ก็ยากมาก กล่าวได้ว่าในผู้สูงศักดิ์สวรรค์จุดสูงสุดระดับหลอมรวมเทพสิบคน จะมีสักคนหนึ่งที่เป็นผู้อริยะ

ฉินอวิ๋นตี๋ไม่อยากให้มารดาตนเป็นอะไรเลย

เสิ่นเทียนกลับยิ้มราบเรียบ “ไม่เป็นไร อาจารย์อาบัวทองคำต้องไม่เป็นไร”

ถึงเสิ่นเทียนจะไม่รู้ศักยภาพของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำแน่ชัด แต่ข้างกายเขาตอนนี้ยังมีตาแก่เยี่ยฉิงชางอยู่!

การคาดการณ์คร่าวๆ ว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพจะฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะสำเร็จหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเยี่ยฉิงชาง

ด้วยเหตุนี้ เยี่ยฉิงชางจึงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับตรงนี้เลย แสดงว่าการฝ่าด่านเคราะห์ครั้งนี้ไม่มีปัญหา

สิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนแปลกใจกว่าคือข้างๆ เมฆเคราะห์ของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำยังมีศิษย์เทพสวรรค์นั่งขัดสมาธิอยู่สามคน

หนึ่งในสามคนนี้สวมชุดคลุมสีเขียว ข้างหลังแบกพิณล้ำค่า ดูเป็นคนอัธยาศัยดีมาก

อีกคนสวมเกราะนักรบสีแดงอมทอง ตรงหัวเข่าสองข้างวางทวนมังกรเพลิงชาดอันหนึ่ง ข้างหลังมีร่างเงาสัตว์เทพหลายชนิดลอยอยู่

ใช่ สองคนนี้คือศิษย์พี่ใหญ่ฟางฉางกับศิษย์พี่รองจางอวิ๋นถิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ และสตรีคนที่สามก็คือสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ พยัคฆ์ขาวธาตุทองจางอวิ๋นซี

สาเหตุที่พวกเขามาอยู่ใกล้เมฆเคราะห์ในตอนนี้ก็ง่ายมาก

นั่นเพราะจะอาศัยเคราะห์อัสนีฝึกฝนวิชาลับเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์!

นี่คือบทต้องห้ามสุดท้ายในคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ และยังเป็นวิชาลับสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

ผู้อาวุโสมากมายในแดนศักดิ์สิทธิ์ผ่านการหารือกันมาหลายครั้ง สุดท้ายก็ยังตัดสินใจทำลายกฎสักครั้ง ให้พวกฟางฉางสองคนฝึกฝนวิชาลับ

ตอนนี้ ไม่ใช่แค่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำ พวกฟางฉางสามคนก็เตรียมตัวอย่างจริงจังเช่นกัน

ถึงอย่างไรการฝ่าด่านเคราะห์ของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ก็ไม่ใช่จะพบเจอกันได้ง่ายๆ ทั้งในดินแดนบูรพา

ควรรู้ไว้ว่าต่อให้เป็นทั้งดินแดนบูรพา จำนวนของผู้อริยะก็นับกันได้ง่ายๆ การจะเป็นผู้อริยะนั้นยากมาก!

………..

“ศิษย์น้อง ในที่สุดพวกเจ้าก็กลับมาแล้ว!”

เดิมทีจางอวิ๋นซีกำลังนั่งขัดสมาธิ แผ่นกลิ่นอายพลังแข็งแกร่งอย่างยิ่งออกมาทั้งตัว กระทั่งแกร่งกว่าจางอวิ๋นถิง

แต่เมื่อพบเสิ่นเทียน พลังมหาศาลในตัวนางพลันหุบกลับไปมากกว่าครึ่ง องอาจแต่ไม่สิ้นความสง่างาม

เสิ่นเทียนยิ้มพลางกระพือปีกเทพทองคำลงมาตรงหน้าพวกจางอวิ๋นซีและฟางฉางทั้งสามคน

ตอนนี้ฟางฉางฟื้นอาการบาดเจ็บกลับมาหายดีนานแล้ว อีกทั้งยังมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานช่วย ทำให้ศักยภาพของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

มีแก่นพลังทองเก้ารอบ มองไปทั้งดินแดนบูรพา เขาถือว่าเป็นหนึ่งในโอรสสวรรค์หนุ่มที่แกร่งที่สุดแล้ว พานพบคู่ต่อสู้ได้ยาก

“ศิษย์น้อง เจ้ากลับมาแล้ว”

ฟางฉางยิ้มตรงไปตรงมา ทั้งยังกะพริบตาปริบๆ “หนึ่งเดือนมานี้ศิษย์น้องหญิงอวิ๋นซีคิดถึงเจ้าจะตายอยู่แล้ว”

เขาเพิ่งพูดจบก็เห็นสายฟ้าสีทองสายหนึ่งพุ่งมาจากด้านข้าง ผ่าเขาจนขากระตุก เส้นผมตั้งชี้

“ไม่ใช่รึ ศิษย์น้องหญิง! ศิษย์พี่กำลังพูดแทนเจ้า! ก็ยังเอาฟ้าผ่าข้าอีกรึ”

ฟางฉางอ้าปากพ่นควันดำออกมา ทั้งตัวมีกระแสสายฟ้าไหลเวียน

เขาไม่นึกเลยว่าเมื่อก่อนตนตามเกี้ยวจางอวิ๋นซีตั้งนานขนาดนั้น แต่ยังทำให้ศิษย์น้องหญิงชายตามองสักครั้งไม่ได้ ปรากฏว่าวันนี้กลับถูกศิษย์น้องหญิงเอาสายฟ้าผ่า อีกทั้ง…ยังรุนแรงมากด้วย

อานุภาพของอัสนีเทพกำเนิดฟ้าปัญจธาตุใหญ่นี่แข็งแกร่ง!

จางอวิ๋นซีมองเสิ่นเทียนด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้องไปฝึกฝนสนามรบมาครั้งนี้ได้อะไรมาไม่ใช่น้อยๆ เลย หากอวิ๋นซีมองไม่ผิด ปีกเทพทองคำคู่นั้นข้างหลังเจ้าน่าจะเป็นทองคำเซียนปีกปักษาอันดับแปดในรายนามทองคำเซียนกระมัง!”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ใช่ ก็ได้อะไรในสนามรบมาบ้าง ไม่มีค่าให้เอ่ยถึงๆ~”

จางอวิ๋นถิงแทบจะทนฟังไม่ได้แล้ว

ศิษย์น้องบุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้พูดจากระเทือนจิตใจคนมากจริงๆ

ถ้าทองคำเซียนปีกปักษาอันดับแปดในรายนามทองคำเซียนยังไม่มีค่าให้เอ่ยถึง เช่นนั้นยังมีอะไรที่คู่ควรให้เรียกได้อีกล่ะ

พึงรู้ไว้ว่าแม้แต่ระดับไร้พ่ายอย่างผู้อริยะก็ยังมองว่าสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินที่ติดรายนามสิบอันดับแรกเป็นสุดยอดสมบัติล้ำค่า!

จางอวิ๋นถิงพูดด้วยความจำใจ “ศิษย์น้อง วันนี้อาจารย์อาบัวทองคำฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะ นี่เป็นโอกาสดีที่สุดที่ให้เราฝึกเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์

ในตัวเจ้ายังมีแก่นรากอัสนีเทพกำเนิดฟ้า รีบไปหาที่ดีๆ เริ่มเตรียมหลอมรวมพลังแห่งเคราะห์สวรรค์เถอะ!”

ในหนึ่งมังกรหนึ่งหงส์และหนึ่งกิเลนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จางอวิ๋นถิงถูกเรียกว่า ‘มังกร’ อยู่อันดับแรกไม่ใช่แค่เพราะเขามีกายวิญญาณอัสนีเทพธาตุไม้ลำดับหนึ่งที่สอดคล้องกับมังกรเขียว

แต่จางอวิ๋นถิงยังมีจิตใจที่มั่นคงที่สุด ทำอะไรจะน่าเชื่อถือมั่นคงมีความสามารถด้านการบริหารเหมือนกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ นี่คือหัวใจสำคัญ

นี่คือสิ่งที่ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยอมรับ

กล่าวได้ว่าหากไม่ใช่เพราะมี ‘บุตรแห่งชะตาสวรรค์’ อย่างเสิ่นเทียนปรากฏตัวขึ้น ตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ยังไม่ใช่ฟางฉางจริงๆ แต่เป็นจางอวิ๋นถิง

ถึงอย่างไรถ้าให้ฟางฉางเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็คงจะหนีความวุ่นวายไม่พ้น

……

“ขอบคุณที่ศิษย์พี่อวิ๋นถิงเตือน”

เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหาที่นั่งขัดสมาธิรอบนอกเมฆเคราะห์ภัย เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรโผล่ขึ้นมาบนผิวกาย

ในดวงตาจางอวิ๋นซีเป็นประกายระยิบระยับ แอบขยับที่เงียบๆ เข้าไปใกล้เสิ่นเทียนทีละนิด

ตำแหน่งที่ดีที่สุดในการฝึกเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์คือเขตรอบนอกเมฆเคราะห์

พลังของเคราะห์อัสนีตรงนี้จะไม่แกร่งมากเกินไป เป็นเพียงอานุภาพกระจัดกระจายเท่านั้น เคราะห์สวรรค์จะไม่ถือว่าเจ้าส่งผลกระทบกับผู้ฝ่าด่านเคราะห์

หากเข้าไปตรงเขตใจกลางเมฆเคราะห์ หนึ่งคือจะได้รับผลจากอัสนีเทพที่แกร่งที่สุดได้ง่ายมาก จะต้องโดนอัสนีเทพระดับผู้อริยะชะล้างโดยตรง

อีกด้านคือหากถูกเคราะห์สวรรค์จับตามอง ถึงตอนนั้นคิดหนีก็ยากแล้ว

หลังจากเสิ่นเทียน จางอวิ๋นถิง ฟางฉางและจางอวิ๋นซีนั่งลงได้ไม่นาน เมฆเคราะห์เหนือศีรษะของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำก็หนาทึบมากขึ้นเรื่อยๆ

ภายใต้เมฆเคราะห์ที่หมุนม้วน การฝ่าด่านเคราะห์…ได้เริ่มขึ้นแล้ว!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+