บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 311.2 เบิกฟ้าเข้าสู่กาย ยอมเป็นปีศาจ (2)

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 311.2 เบิกฟ้าเข้าสู่กาย ยอมเป็นปีศาจ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 311 เบิกฟ้าเข้าสู่กาย ยอมเป็นปีศาจ (2)

“ไม่~!”

คุณชายไป๋คุกเข่าลงแล้วทุบพื้น

ใบหน้าที่เดิมทีสุภาพเป็นกันเองเหมือนปัญญาชน ตอนนี้เต็มไปด้วยความไม่ยอมและจะเป็นจะตาย

เขาละอายใจอย่างยิ่ง “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร! เป็นเพราะช่วยแซ่ไป๋ หากไม่ใช่เพราะแซ่ไป๋ช้า สหายเสิ่นคงไม่ตาย!”

พวกเอ๋าอูก็มีสีหน้าย่ำแย่ยิ่งเช่นกัน ถึงพวกเขาจะเป็นปีศาจ แต่ก็มีสติปัญญา กระทั่งรู้จักหลักการตอบแทนบุญคุณยิ่งกว่าเผ่ามนุษย์ส่วนใหญ่เสียอีก

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน ยอมสละชีวิตของตนเพื่อช่วยปีศาจพวกเขา

นี่คือจิตใจแบบใดกัน นี่คือจิตใจที่ยอมเป็นปีศาจ คือยอดความรักที่ทำให้เผ่าปีศาจทั้งหมดต้องน้ำตาไหลพราก

ในอดีตกาลมีพระพุทธองค์เฉือนเนื้อให้เหยี่ยวกิน ในวันนี้มีสหายเสิ่นสละชีวิตช่วยปีศาจ ซาบซึ้งใจ น่าซาบซึ้งใจจริงๆ!

นี่สิคือพันธมิตรเผ่ามนุษย์ที่แท้จริง คือสะพานมิตรภาพของเผ่าปีศาจและเผ่ามนุษย์!

“นับจากนี้ไป แซ่ไป๋ยินดีจะเลี้ยงดูครอบครัวเขาแทนสหายเสิ่น บิดาของสหายเสิ่นคือบิดาของแซ่ไป๋ สหายของสหายเสิ่นคือสหายของแซ่ไป๋ ภรรยาของสหายเสิ่นคือภรรยา…คือพี่สะใภ้ของแซ่ไป๋ ชีวิตนี้ ขอส่งเสริมคุณธรรมยิ่งใหญ่ที่ยอมเป็นปีศาจของสหายเสิ่น หากผิดคำสาบาน ขอให้ฟ้าดินร่วมประณาม”

คุณชายไป๋ชูแปดหนวดสาบานจากใจจริง สาบานต่อฟ้า

สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญที่ก้าวสู่เส้นทางการฝึกบำเพ็ญแล้ว คำสาบานจะกล่าวกันตามใจไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทองขึ้นไป แทบจะตรงตามจริง

แน่นอน จำกัดเพียงคำสาบานประเภท ‘ไม่ตายดี’

หากเจ้าสาบานว่า ‘จากนี้ข้าจะดีกับคู่ครอง ไม่เช่นนั้นจะต้องลอยขึ้นเป็นเซียน’ เช่นนั้น สวรรค์จะไม่สนใจเจ้า

กระทั่งอาจจะคิดเอาว่าเป็น ‘ไม่ตายดี’

สรุปคือ คุณชายไป๋สาบานเช่นนี้มาจากใจจริง

เพียงแต่อวี้เผียนเซียนด้านข้างมองคุณชายไป๋ด้วยแววตาคับแค้นใจนิดๆ คำสาบานเช่นนี้ต้องให้นางเป็นคนพูดไม่ใช่หรือ

“จากนี้ไป เผียนเซียนก็ยินดีเลี้ยงดูครองครัวของสหายเสิ่นเช่นกัน บิดาของสหายเสิ่นคือบิดาของเผียนเซียน สหายของสหายเสิ่นคือสหายของเผียนเซียน ภรรยาของสหายเสิ่นก็คือ…พี่สาวของเผียนเซียน ชาตินี้ภพนี้ ขอสรรเสริญคุณธรรมยิ่งใหญ่ยอมเป็นปีศาจของสหายเสิ่น หากผิดคำสาบาน ขอให้ฟ้าดินร่วมประณาม”

เมื่อกล่าวคำสาบานนี้แล้ว องค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนก็หน้าแดงขึ้นมา

เต่าดำสองด้านอู่อู๋ตี๋ องค์รัชทายาทมังกรลำดับเจ็ดเอ๋าอู คุณชายเซี่ยปูเทพทองคำ ซาห้าวาฬฉลามคลั่งกระหายเลือด ก็บ้างชูมือชูก้ามปูสาบานเช่นกัน

“ข้าก็เช่นกัน”

“ข้าก็เช่นกัน”

“ข้าก็เช่นกัน”

“ข้าก็เช่นกัน”

อืม ที่ไม่ได้สาบานซ้ำอีกรอบ หลักๆ เป็นเพราะพวกเขาคิดว่าน้ำของเขตทะเลเบิกฟ้ามากพอแล้ว

…….

ชั่วขณะที่เสิ่นเทียนพลันมีบุตรชายบุตรสาวเพิ่มมาหลายคน ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้นกลางหมอกเบิกฟ้า

แสงกระบี่สีครามสว่างจ้าสายหนึ่งพุ่งออกมาจากกลางหมอกเบิกฟ้า ส่องแสงโบราณกาล!

หมอกเบิกฟ้าที่หมื่นวิชาไม่อาจสั่นคลอนได้แม้แต่นิด ขนาดพลังฤทธิ์ของระดับอริยะยังถูกแยกและหลอมรวม ถูกฟันขาดออก

ใช่ ถูกแสงกระบี่สายหนึ่งฟันขาด!

แสงกระบี่นั้นมีอานุภาพที่สุดแห่งยุค เหมือนกับตัดกาลเวลายุคโบราณ แม้แต่หมอกเบิกฟ้ายังถูกฟันขาด

นี่คือกระบี่ที่ทุกคนคุ้นเคยอย่างยิ่ง เพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน พวกเขาเคยเห็นเสิ่นเทียนใช้วิชากระบี่นี้

หรือว่า

ภายในใจทุกคนเกิดความหวังไร้ที่สิ้นสุดขึ้น

“หัตถ์ปฐมกาลทลายเวหา!”

เสียงตะโกนดังสนั่นฟ้าเก้าชั้นดินสิบชั้น เหมือนกับเสียงฟ้าร้องบนพื้นราบ

แสงสีขาว เขียว ดำ แดงและเหลืองห้าสีพุ่งออกมาจากรอยแยกนั้น จากนั้นมีฝ่ามือห้าสียักษ์ขนาดร้อยจั้งคู่หนึ่งยื่นมาจากรอยแยกนั้น ดันปราการหมอกเบิกฟ้าออก

จะเห็นได้ว่าหมอกเบิกฟ้าหมุนม้วนอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งฝ่ามือห้าสียังถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว

ทว่าความเร็วที่มือห้าสีถูกกัดกร่อนก็ยังช้ากว่าพลังฤทธิ์ธรรมดาถูกกัดกร่อนมาก

ในระหว่างนี้ เงาสีทองสว่างจ้าบินออกมาจากรอยแยกที่ถูกดันออกนั้น

ใช่ นั่นคือเสิ่นเทียน!

ตอนนี้เขาหน้าซีดขาวเล็กน้อย ปีกข้างหลังอ่อนแสงลงไปอย่างชัดเจน ดูท่าคงเสียพลังปราณเดิมไปไม่น้อยในการหนีออกมา

แต่เขาก็ยังพุ่งออกมา พุ่งออกจากการห้อมล้อมของหมอกเบิกฟ้าต้องห้าม หากแพร่งพรายออกไปคงได้สั่นสะเทือนห้าดินแดน

ถึงอย่างไรตั้งแต่โบราณกาลมา เขตทะเลเบิกฟ้าเป็นที่ยอมรับว่าเป็นแดนต้องห้าม และหมอกเบิกฟ้าก็ยังเป็นที่ยอมรับยิ่งกว่าว่า ‘หมอกมรณะ’

มันแยกพลังงานได้ทุกชนิด ต่อให้เป็นพลังฤทธิ์ที่ควบแน่นด้วยระดับผู้อริยะก็ยังถูกกลืนกินในพริบตา

ทว่าแสงกระบี่นั้นของเสิ่นเทียน การฟันนั้น สามารถฉีกหมอกเบิกฟ้าได้

แม้ไม่นานจะโดนหมอกเบิกฟ้ากัดกร่อน แต่ก็ยื้อเวลาได้นานกว่าไอเซียนที่ควบแน่นของผู้อริยะ

นี่หมายความว่าอะไร

ระดับพลังงานในตัวเสิ่นเทียนตอนนี้ หรือว่าจะแกร่งยิ่งกว่าพลังฤทธิ์ไอเซียนที่ผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ควบแน่นขึ้นมาอีก

คิดๆ ดูแล้วก็น่าสะพรึงอย่างยิ่ง!

……..

“สหายเสิ่น เจ้าไม่เป็นไรนะ!”

ทุกคนเดินเข้ามาพร้อมกัน ก่อนถามด้วยความห่วงใย

ทว่าเสิ่นเทียนกลับขวางทุกคนไว้ ก่อนนั่งขัดสมาธิลงบนชายหาด “อย่าเข้ามา!”

เมื่อเสิ่นเทียนเอ่ยปาก ก็มีก๊าซระหว่างสีขาวและสีเทาวนเวียนรอบตัวเขา แผ่กลิ่นอายต้องห้ามออกมา

หมอกเบิกฟ้า!

ไม่อยากเชื่อว่าเสิ่นเทียนจะโดนหมอกเบิกฟ้ากัดกิน!

หัวใจของทุกคนที่เดิมทีเพิ่งจะวางลง ตอนนี้กลับโหวงขึ้นมาอีกครั้ง

พึงรู้ไว้ว่าเมื่อถูกหมอกเบิกฟ้าเข้าไปในกาย จะอันตรายยิ่งกว่าต่อต้านหมอกเบิกฟ้าจากภายนอก

เพราะมันแยกและกลืนกินพลังงานได้ทุกอย่าง ไม่ว่าวิชาใดก็ไม่อาจลบล้างมันได้

หากเป็นภายนอกยังพอว่า อย่างมากสู้ไม่ไหวก็หลบเลี่ยง แต่หากเข้าไปในกาย ไหลผ่านกายเนื้อไปกัดกินแก่นพลังทอง ดวงจิตดรุณไปจนถึงต้นกำเนิดจิตวิญญาณ

เช่นนั้นก็จะพิการทั้งตัว ดีไม่ดีอาจจะวิญญาณสลายไปได้

“วางใจเถอะ หมอกเบิกฟ้าแค่นี้ทำอะไรแซ่เสิ่นไม่ได้!”

แม้เสิ่นเทียนจะหน้าซีดขาว แต่กลับไม่มีความเกรงกลัวหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย

เพราะเขาพบว่าถึงตนจะถูกหมอกเบิกฟ้าส่วนหนึ่งเข้าไปในกาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

หมอกเบิกฟ้านั้นกำลังกัดกินพลังงานสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินปัญจธาตุในกายเขา ทว่าสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินปัญจธาตุยังคงรักษาสมดุลพิเศษอย่างหนึ่งไว้ได้

แน่นอน จำนวนการกัดกินเช่นนี้น่าสะพรึงอย่างยิ่ง

หมอกเบิกฟ้าเพียงส่วนเล็กๆ กลับกลืนกินพลังงานสิ่งมหัศจรรย์ปัญจธาตุในตัวเขาไปสามส่วน กระเพาะใหญ่จนน่าตกใจจริง

แต่เสิ่นเทียนก็พบว่าหลังจากกินพลังงานสิ่งมหัศจรรย์ปัญจธาตุไปสามส่วนแล้ว หมอกเบิกฟ้านี้ก็ไม่ก่อเรื่องอีก

มันนอนขดในตันเถียนเสิ่นเทียน เปลี่ยนตัวเองเป็นกลุ่มก้อนเล็ก แน่นิ่ง

เหมือนกับกินอิ่มแล้วนอนหลับ ไม่ก่อเรื่อง ไม่สนใจใคร

ไม่ว่าเสิ่นเทียนจะเย้าหยอกอย่างไรก็ไม่โต้ตอบเลย

‘นี่แซ่เสิ่นเชิญคุณชายใหญ่มาที่บ้านอย่างนั้นรึ’

เสิ่นเทียนรู้สึกคับอกคับใจอย่างพบเห็นได้ยาก

ตนมีร่างสูงเจ็ดฉื่อ กลับโดนหมอกเบิกฟ้าสายเดียวยึดอำนาจ

นี่เรียกว่าอะไร จะหาเหตุผลจากใครได้บ้าง

…….

ฟู่~

เสิ่นเทียนพ่นลมหายใจขุ่นออกมา ก่อนหยัดกายขึ้นช้าๆ

เมื่อเห็นทุกคนมองมาด้วยแววตาแปลกใจแล้ว เสิ่นเทียนก็ฝืนยิ้ม “ใช้เวลาอีกนิดก็พอจะคุมมันได้แล้ว”

ทุกคนมีสีหน้าซับซ้อนมาก พวกเขารู้ดีว่าหมอกเบิกฟ้าน่ากลัวเพียงใด นั่นคือพลังงานน่ากลัวที่แยกได้ทุกสรรพสิ่ง

ต่อให้เสิ่นเทียนคุมหมอกเบิกฟ้าในกายได้จริงๆ ก็ต้องจ่ายในราคาที่เหนือกว่าจินตนาการคนทั่วไปแน่นอน

หากโชคไม่ดี ภายภาคหน้าอาจจะโดนแว้งกัด ดีไม่ดีอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต

“พี่เสิ่นเทียนวางใจเถอะ ข้าจะให้ท่านพ่อช่วยท่านสุดความสามารถ!”

เอ๋าอูกำหมัดเล็กแน่น “เกาะมังกรดำทะเลอุดรข้ามีสมบัติมากมาย ขอแค่พี่เสิ่นต้องการ ข้าจะเอามาให้ท่าน!”

อวี้เผียนเซียนพยักหน้าเช่นกัน “แม้เผ่าเทพเงือกจะมีศักยภาพแฝงไม่มากเท่าเกาะมังกรดำ แต่พี่เสิ่นมีบุญคุณช่วยชีวิตเผียนเซียน หากต้องการอะไรก็บอกมาได้เลย”

คนอื่นๆ ก็พากันพูดว่าขอแค่เสิ่นเทียนออกปาก ก็ยินดีจะทุ่มกำลังช่วยเสิ่นเทียนต่อต้านหมอกเบิกฟ้า

แม้แต่ฉีเซ่าเสวียนยังขยับศีรษะมาข้างๆ อย่างไม่ยอมเช่นกัน บอกว่าหาเสิ่นเทียนต้องการ ก็จะถ่ายทอดคัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะให้ครึ่งส่วน

อืม พวกเจ้ามีไมตรีกันมากจริงๆ

ทำเอาเสิ่นเทียนกระดากอายจะขอค่าตอบแทนที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้เลย

เรื่องความรู้สึกอะไรนี่ ทำให้เรียกร้องเงินได้ยากจริงๆ

……

“ทุกคนไม่ต้องกังวล แม้แซ่เสิ่นจะโดนหมอกเบิกฟ้าเข้ากาย แต่จิตวิญญาณยังไม่ถูกกัดกร่อน”

เสิ่นเทียนยิ้ม “หากช่วยไม่ได้จริงๆ อย่างมากก็สละร่างนี้ เปลี่ยนร่างฝึกบำเพ็ญ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนถึงโล่งอก

ก็จริง แม้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะอยู่ระดับแก่นพลังทอง แต่ก็มีกำลังรบสะท้านฟ้า

ฉีเซ่าเสวียนกล้ารับรองเลยว่า แก่นพลังทองประหลาดของเสิ่นเทียนใหญ่ขนาดนั้น ความชำนาญในระดับแก่นพลังทองย่อมไม่ด้อยกว่าตนแน่นอน

หากเสิ่นเทียนยินยอมก็น่าจะทุบแก่นเป็นดรุณได้ตลอดเวลา

และหากทุบแก่นเป็นดรุณแล้ว ก็หาร่างที่เหมาะสมยึดร่างเกิดใหม่ก็จบ

เสียดายก็แต่ร่างนี้ของเสิ่นเทียน ถึงอย่างไรกายสมบัติเช่นนี้ก็คงมีไม่กี่ร่างในห้าดินแดน!

เวลานี้ ทุกคนต่างหมดอารมณ์กันนิดๆ ความรู้สึกเฝ้ารอตามหาสมบัติก็น้อยลงไปมาก

แต่เสิ่นเทียนไม่สนใจเลย กระทั่งตื่นเต้นอยากรู้อย่างลองนิดๆ

สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ เกาะแห่งนี้ถูกหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นปกคลุมมาหลายพันปีแล้ว เหมือนจะไม่มีใครเคยเข้าไป

ทุกแห่งในเกาะมีสมุนไพรวิญญาณล้ำค่าอย่างยิ่ง วางไว้ในโลกภายนอกยังทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์สนใจ

กระทั่งสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์บางอย่างมีอายุหลายร้อยปี แม้แต่ผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ยังสนใจ

แต่เมื่อคิดได้ว่าตอนนี้เสิ่นเทียน ‘ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย’ สมุนไพรวิญญาณทั้งหมดจึงมอบเสิ่นเทียนมากกว่าครึ่งเป็นสิทธิพิเศษ

ไม่ว่าเสิ่นเทียนจะเกรงใจอย่างไร ทุกคนก็ไม่ยอม เอาแต่ยัดใส่มือเสิ่นเทียน

ฉีเซ่าเสวียนเห็นแล้วทั้งชื่นชมและเคารพ สร้างเกียรติให้กับเผ่ามนุษย์จริงๆ

สหายเสิ่น เจ้าสมกับเป็นคู่ต่อสู้ในชีวิตนี้ของข้าแซ่ฉี!

…………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 311.2 เบิกฟ้าเข้าสู่กาย ยอมเป็นปีศาจ (2)

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 311.2 เบิกฟ้าเข้าสู่กาย ยอมเป็นปีศาจ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 311 เบิกฟ้าเข้าสู่กาย ยอมเป็นปีศาจ (2)

“ไม่~!”

คุณชายไป๋คุกเข่าลงแล้วทุบพื้น

ใบหน้าที่เดิมทีสุภาพเป็นกันเองเหมือนปัญญาชน ตอนนี้เต็มไปด้วยความไม่ยอมและจะเป็นจะตาย

เขาละอายใจอย่างยิ่ง “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร! เป็นเพราะช่วยแซ่ไป๋ หากไม่ใช่เพราะแซ่ไป๋ช้า สหายเสิ่นคงไม่ตาย!”

พวกเอ๋าอูก็มีสีหน้าย่ำแย่ยิ่งเช่นกัน ถึงพวกเขาจะเป็นปีศาจ แต่ก็มีสติปัญญา กระทั่งรู้จักหลักการตอบแทนบุญคุณยิ่งกว่าเผ่ามนุษย์ส่วนใหญ่เสียอีก

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน ยอมสละชีวิตของตนเพื่อช่วยปีศาจพวกเขา

นี่คือจิตใจแบบใดกัน นี่คือจิตใจที่ยอมเป็นปีศาจ คือยอดความรักที่ทำให้เผ่าปีศาจทั้งหมดต้องน้ำตาไหลพราก

ในอดีตกาลมีพระพุทธองค์เฉือนเนื้อให้เหยี่ยวกิน ในวันนี้มีสหายเสิ่นสละชีวิตช่วยปีศาจ ซาบซึ้งใจ น่าซาบซึ้งใจจริงๆ!

นี่สิคือพันธมิตรเผ่ามนุษย์ที่แท้จริง คือสะพานมิตรภาพของเผ่าปีศาจและเผ่ามนุษย์!

“นับจากนี้ไป แซ่ไป๋ยินดีจะเลี้ยงดูครอบครัวเขาแทนสหายเสิ่น บิดาของสหายเสิ่นคือบิดาของแซ่ไป๋ สหายของสหายเสิ่นคือสหายของแซ่ไป๋ ภรรยาของสหายเสิ่นคือภรรยา…คือพี่สะใภ้ของแซ่ไป๋ ชีวิตนี้ ขอส่งเสริมคุณธรรมยิ่งใหญ่ที่ยอมเป็นปีศาจของสหายเสิ่น หากผิดคำสาบาน ขอให้ฟ้าดินร่วมประณาม”

คุณชายไป๋ชูแปดหนวดสาบานจากใจจริง สาบานต่อฟ้า

สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญที่ก้าวสู่เส้นทางการฝึกบำเพ็ญแล้ว คำสาบานจะกล่าวกันตามใจไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทองขึ้นไป แทบจะตรงตามจริง

แน่นอน จำกัดเพียงคำสาบานประเภท ‘ไม่ตายดี’

หากเจ้าสาบานว่า ‘จากนี้ข้าจะดีกับคู่ครอง ไม่เช่นนั้นจะต้องลอยขึ้นเป็นเซียน’ เช่นนั้น สวรรค์จะไม่สนใจเจ้า

กระทั่งอาจจะคิดเอาว่าเป็น ‘ไม่ตายดี’

สรุปคือ คุณชายไป๋สาบานเช่นนี้มาจากใจจริง

เพียงแต่อวี้เผียนเซียนด้านข้างมองคุณชายไป๋ด้วยแววตาคับแค้นใจนิดๆ คำสาบานเช่นนี้ต้องให้นางเป็นคนพูดไม่ใช่หรือ

“จากนี้ไป เผียนเซียนก็ยินดีเลี้ยงดูครองครัวของสหายเสิ่นเช่นกัน บิดาของสหายเสิ่นคือบิดาของเผียนเซียน สหายของสหายเสิ่นคือสหายของเผียนเซียน ภรรยาของสหายเสิ่นก็คือ…พี่สาวของเผียนเซียน ชาตินี้ภพนี้ ขอสรรเสริญคุณธรรมยิ่งใหญ่ยอมเป็นปีศาจของสหายเสิ่น หากผิดคำสาบาน ขอให้ฟ้าดินร่วมประณาม”

เมื่อกล่าวคำสาบานนี้แล้ว องค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนก็หน้าแดงขึ้นมา

เต่าดำสองด้านอู่อู๋ตี๋ องค์รัชทายาทมังกรลำดับเจ็ดเอ๋าอู คุณชายเซี่ยปูเทพทองคำ ซาห้าวาฬฉลามคลั่งกระหายเลือด ก็บ้างชูมือชูก้ามปูสาบานเช่นกัน

“ข้าก็เช่นกัน”

“ข้าก็เช่นกัน”

“ข้าก็เช่นกัน”

“ข้าก็เช่นกัน”

อืม ที่ไม่ได้สาบานซ้ำอีกรอบ หลักๆ เป็นเพราะพวกเขาคิดว่าน้ำของเขตทะเลเบิกฟ้ามากพอแล้ว

…….

ชั่วขณะที่เสิ่นเทียนพลันมีบุตรชายบุตรสาวเพิ่มมาหลายคน ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้นกลางหมอกเบิกฟ้า

แสงกระบี่สีครามสว่างจ้าสายหนึ่งพุ่งออกมาจากกลางหมอกเบิกฟ้า ส่องแสงโบราณกาล!

หมอกเบิกฟ้าที่หมื่นวิชาไม่อาจสั่นคลอนได้แม้แต่นิด ขนาดพลังฤทธิ์ของระดับอริยะยังถูกแยกและหลอมรวม ถูกฟันขาดออก

ใช่ ถูกแสงกระบี่สายหนึ่งฟันขาด!

แสงกระบี่นั้นมีอานุภาพที่สุดแห่งยุค เหมือนกับตัดกาลเวลายุคโบราณ แม้แต่หมอกเบิกฟ้ายังถูกฟันขาด

นี่คือกระบี่ที่ทุกคนคุ้นเคยอย่างยิ่ง เพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน พวกเขาเคยเห็นเสิ่นเทียนใช้วิชากระบี่นี้

หรือว่า

ภายในใจทุกคนเกิดความหวังไร้ที่สิ้นสุดขึ้น

“หัตถ์ปฐมกาลทลายเวหา!”

เสียงตะโกนดังสนั่นฟ้าเก้าชั้นดินสิบชั้น เหมือนกับเสียงฟ้าร้องบนพื้นราบ

แสงสีขาว เขียว ดำ แดงและเหลืองห้าสีพุ่งออกมาจากรอยแยกนั้น จากนั้นมีฝ่ามือห้าสียักษ์ขนาดร้อยจั้งคู่หนึ่งยื่นมาจากรอยแยกนั้น ดันปราการหมอกเบิกฟ้าออก

จะเห็นได้ว่าหมอกเบิกฟ้าหมุนม้วนอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งฝ่ามือห้าสียังถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว

ทว่าความเร็วที่มือห้าสีถูกกัดกร่อนก็ยังช้ากว่าพลังฤทธิ์ธรรมดาถูกกัดกร่อนมาก

ในระหว่างนี้ เงาสีทองสว่างจ้าบินออกมาจากรอยแยกที่ถูกดันออกนั้น

ใช่ นั่นคือเสิ่นเทียน!

ตอนนี้เขาหน้าซีดขาวเล็กน้อย ปีกข้างหลังอ่อนแสงลงไปอย่างชัดเจน ดูท่าคงเสียพลังปราณเดิมไปไม่น้อยในการหนีออกมา

แต่เขาก็ยังพุ่งออกมา พุ่งออกจากการห้อมล้อมของหมอกเบิกฟ้าต้องห้าม หากแพร่งพรายออกไปคงได้สั่นสะเทือนห้าดินแดน

ถึงอย่างไรตั้งแต่โบราณกาลมา เขตทะเลเบิกฟ้าเป็นที่ยอมรับว่าเป็นแดนต้องห้าม และหมอกเบิกฟ้าก็ยังเป็นที่ยอมรับยิ่งกว่าว่า ‘หมอกมรณะ’

มันแยกพลังงานได้ทุกชนิด ต่อให้เป็นพลังฤทธิ์ที่ควบแน่นด้วยระดับผู้อริยะก็ยังถูกกลืนกินในพริบตา

ทว่าแสงกระบี่นั้นของเสิ่นเทียน การฟันนั้น สามารถฉีกหมอกเบิกฟ้าได้

แม้ไม่นานจะโดนหมอกเบิกฟ้ากัดกร่อน แต่ก็ยื้อเวลาได้นานกว่าไอเซียนที่ควบแน่นของผู้อริยะ

นี่หมายความว่าอะไร

ระดับพลังงานในตัวเสิ่นเทียนตอนนี้ หรือว่าจะแกร่งยิ่งกว่าพลังฤทธิ์ไอเซียนที่ผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ควบแน่นขึ้นมาอีก

คิดๆ ดูแล้วก็น่าสะพรึงอย่างยิ่ง!

……..

“สหายเสิ่น เจ้าไม่เป็นไรนะ!”

ทุกคนเดินเข้ามาพร้อมกัน ก่อนถามด้วยความห่วงใย

ทว่าเสิ่นเทียนกลับขวางทุกคนไว้ ก่อนนั่งขัดสมาธิลงบนชายหาด “อย่าเข้ามา!”

เมื่อเสิ่นเทียนเอ่ยปาก ก็มีก๊าซระหว่างสีขาวและสีเทาวนเวียนรอบตัวเขา แผ่กลิ่นอายต้องห้ามออกมา

หมอกเบิกฟ้า!

ไม่อยากเชื่อว่าเสิ่นเทียนจะโดนหมอกเบิกฟ้ากัดกิน!

หัวใจของทุกคนที่เดิมทีเพิ่งจะวางลง ตอนนี้กลับโหวงขึ้นมาอีกครั้ง

พึงรู้ไว้ว่าเมื่อถูกหมอกเบิกฟ้าเข้าไปในกาย จะอันตรายยิ่งกว่าต่อต้านหมอกเบิกฟ้าจากภายนอก

เพราะมันแยกและกลืนกินพลังงานได้ทุกอย่าง ไม่ว่าวิชาใดก็ไม่อาจลบล้างมันได้

หากเป็นภายนอกยังพอว่า อย่างมากสู้ไม่ไหวก็หลบเลี่ยง แต่หากเข้าไปในกาย ไหลผ่านกายเนื้อไปกัดกินแก่นพลังทอง ดวงจิตดรุณไปจนถึงต้นกำเนิดจิตวิญญาณ

เช่นนั้นก็จะพิการทั้งตัว ดีไม่ดีอาจจะวิญญาณสลายไปได้

“วางใจเถอะ หมอกเบิกฟ้าแค่นี้ทำอะไรแซ่เสิ่นไม่ได้!”

แม้เสิ่นเทียนจะหน้าซีดขาว แต่กลับไม่มีความเกรงกลัวหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย

เพราะเขาพบว่าถึงตนจะถูกหมอกเบิกฟ้าส่วนหนึ่งเข้าไปในกาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

หมอกเบิกฟ้านั้นกำลังกัดกินพลังงานสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินปัญจธาตุในกายเขา ทว่าสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินปัญจธาตุยังคงรักษาสมดุลพิเศษอย่างหนึ่งไว้ได้

แน่นอน จำนวนการกัดกินเช่นนี้น่าสะพรึงอย่างยิ่ง

หมอกเบิกฟ้าเพียงส่วนเล็กๆ กลับกลืนกินพลังงานสิ่งมหัศจรรย์ปัญจธาตุในตัวเขาไปสามส่วน กระเพาะใหญ่จนน่าตกใจจริง

แต่เสิ่นเทียนก็พบว่าหลังจากกินพลังงานสิ่งมหัศจรรย์ปัญจธาตุไปสามส่วนแล้ว หมอกเบิกฟ้านี้ก็ไม่ก่อเรื่องอีก

มันนอนขดในตันเถียนเสิ่นเทียน เปลี่ยนตัวเองเป็นกลุ่มก้อนเล็ก แน่นิ่ง

เหมือนกับกินอิ่มแล้วนอนหลับ ไม่ก่อเรื่อง ไม่สนใจใคร

ไม่ว่าเสิ่นเทียนจะเย้าหยอกอย่างไรก็ไม่โต้ตอบเลย

‘นี่แซ่เสิ่นเชิญคุณชายใหญ่มาที่บ้านอย่างนั้นรึ’

เสิ่นเทียนรู้สึกคับอกคับใจอย่างพบเห็นได้ยาก

ตนมีร่างสูงเจ็ดฉื่อ กลับโดนหมอกเบิกฟ้าสายเดียวยึดอำนาจ

นี่เรียกว่าอะไร จะหาเหตุผลจากใครได้บ้าง

…….

ฟู่~

เสิ่นเทียนพ่นลมหายใจขุ่นออกมา ก่อนหยัดกายขึ้นช้าๆ

เมื่อเห็นทุกคนมองมาด้วยแววตาแปลกใจแล้ว เสิ่นเทียนก็ฝืนยิ้ม “ใช้เวลาอีกนิดก็พอจะคุมมันได้แล้ว”

ทุกคนมีสีหน้าซับซ้อนมาก พวกเขารู้ดีว่าหมอกเบิกฟ้าน่ากลัวเพียงใด นั่นคือพลังงานน่ากลัวที่แยกได้ทุกสรรพสิ่ง

ต่อให้เสิ่นเทียนคุมหมอกเบิกฟ้าในกายได้จริงๆ ก็ต้องจ่ายในราคาที่เหนือกว่าจินตนาการคนทั่วไปแน่นอน

หากโชคไม่ดี ภายภาคหน้าอาจจะโดนแว้งกัด ดีไม่ดีอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต

“พี่เสิ่นเทียนวางใจเถอะ ข้าจะให้ท่านพ่อช่วยท่านสุดความสามารถ!”

เอ๋าอูกำหมัดเล็กแน่น “เกาะมังกรดำทะเลอุดรข้ามีสมบัติมากมาย ขอแค่พี่เสิ่นต้องการ ข้าจะเอามาให้ท่าน!”

อวี้เผียนเซียนพยักหน้าเช่นกัน “แม้เผ่าเทพเงือกจะมีศักยภาพแฝงไม่มากเท่าเกาะมังกรดำ แต่พี่เสิ่นมีบุญคุณช่วยชีวิตเผียนเซียน หากต้องการอะไรก็บอกมาได้เลย”

คนอื่นๆ ก็พากันพูดว่าขอแค่เสิ่นเทียนออกปาก ก็ยินดีจะทุ่มกำลังช่วยเสิ่นเทียนต่อต้านหมอกเบิกฟ้า

แม้แต่ฉีเซ่าเสวียนยังขยับศีรษะมาข้างๆ อย่างไม่ยอมเช่นกัน บอกว่าหาเสิ่นเทียนต้องการ ก็จะถ่ายทอดคัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะให้ครึ่งส่วน

อืม พวกเจ้ามีไมตรีกันมากจริงๆ

ทำเอาเสิ่นเทียนกระดากอายจะขอค่าตอบแทนที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้เลย

เรื่องความรู้สึกอะไรนี่ ทำให้เรียกร้องเงินได้ยากจริงๆ

……

“ทุกคนไม่ต้องกังวล แม้แซ่เสิ่นจะโดนหมอกเบิกฟ้าเข้ากาย แต่จิตวิญญาณยังไม่ถูกกัดกร่อน”

เสิ่นเทียนยิ้ม “หากช่วยไม่ได้จริงๆ อย่างมากก็สละร่างนี้ เปลี่ยนร่างฝึกบำเพ็ญ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนถึงโล่งอก

ก็จริง แม้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะอยู่ระดับแก่นพลังทอง แต่ก็มีกำลังรบสะท้านฟ้า

ฉีเซ่าเสวียนกล้ารับรองเลยว่า แก่นพลังทองประหลาดของเสิ่นเทียนใหญ่ขนาดนั้น ความชำนาญในระดับแก่นพลังทองย่อมไม่ด้อยกว่าตนแน่นอน

หากเสิ่นเทียนยินยอมก็น่าจะทุบแก่นเป็นดรุณได้ตลอดเวลา

และหากทุบแก่นเป็นดรุณแล้ว ก็หาร่างที่เหมาะสมยึดร่างเกิดใหม่ก็จบ

เสียดายก็แต่ร่างนี้ของเสิ่นเทียน ถึงอย่างไรกายสมบัติเช่นนี้ก็คงมีไม่กี่ร่างในห้าดินแดน!

เวลานี้ ทุกคนต่างหมดอารมณ์กันนิดๆ ความรู้สึกเฝ้ารอตามหาสมบัติก็น้อยลงไปมาก

แต่เสิ่นเทียนไม่สนใจเลย กระทั่งตื่นเต้นอยากรู้อย่างลองนิดๆ

สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ เกาะแห่งนี้ถูกหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นปกคลุมมาหลายพันปีแล้ว เหมือนจะไม่มีใครเคยเข้าไป

ทุกแห่งในเกาะมีสมุนไพรวิญญาณล้ำค่าอย่างยิ่ง วางไว้ในโลกภายนอกยังทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์สนใจ

กระทั่งสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์บางอย่างมีอายุหลายร้อยปี แม้แต่ผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ยังสนใจ

แต่เมื่อคิดได้ว่าตอนนี้เสิ่นเทียน ‘ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย’ สมุนไพรวิญญาณทั้งหมดจึงมอบเสิ่นเทียนมากกว่าครึ่งเป็นสิทธิพิเศษ

ไม่ว่าเสิ่นเทียนจะเกรงใจอย่างไร ทุกคนก็ไม่ยอม เอาแต่ยัดใส่มือเสิ่นเทียน

ฉีเซ่าเสวียนเห็นแล้วทั้งชื่นชมและเคารพ สร้างเกียรติให้กับเผ่ามนุษย์จริงๆ

สหายเสิ่น เจ้าสมกับเป็นคู่ต่อสู้ในชีวิตนี้ของข้าแซ่ฉี!

…………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด