บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 204 เจ้าหนุ่ม อยากได้ข้าหรือไม่

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 204 เจ้าหนุ่ม อยากได้ข้าหรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 204 เจ้าหนุ่ม อยากได้ข้าหรือไม่

“ช่างเถอะ ในเมื่อทุกคนเกรงใจกันเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว”

เสิ่นเทียนยิ้มกล่าว “ทุกคนไปเก็บว่านโลหิตมังกรด้วยกัน! จำไว้ว่าอย่ารุนแรงเกินไป จะไปทำให้ส่วนรากกับก้านใบเสียหาย”

ควรรู้ว่าว่านโลหิตมังกรสมบูรณ์จะเก็บรักษาได้นานกว่าว่านโลหิตมังกรที่เสียหายมาก มูลค่าก็สูงกว่าไม่น้อย

“นอกจากนี้ ดินพวกนี้ได้รับโลหิตบริสุทธิ์ของศพมังกรกับกลิ่นอายพลังมา กลายเป็นดินวิญญาณระดับสูงสุดแล้ว ทุกคนถ้าเก็บได้ก็เอาติดตัวไปคนละหน่อยด้วย”

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้ทุกคนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจแจ่มแจ้ง!

ใช่แล้วๆ ถ้าไม่ได้ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์เตือน ก็เกือบจะมองข้ามดินวิญญาณพวกนี้ไปแล้ว

ดินที่ให้กำเนิดว่านโลหิตมังกรได้จะต้องเป็นดินวิญญาณระดับสูงสุด เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของการบ่มเพาะสมุนไพรมหัศจรรย์

เมื่อคิดได้ดังนั้น ทุกคนก็เริ่มทำงานกันอย่างแข็งขัน ไม่นาน โครงกระดูกเขามังกรกับว่านโลหิตมังกรทั้งหมดในหุบเขามังกรยักษ์ก็ถูกกวาดเกลี้ยง

กระทั่งระดับความสูงของพื้นดินข้างๆ โครงกระดูกมังกรยักษ์ยังต่ำลงสามฉื่อกว่า

ใบหน้าทุกคนมีแต่รอยยิ้มมีความสุขและพอใจ

เสิ่นเอ้ามองถุงที่ใส่สมบัติจนเต็มในมือด้วยรอยยิ้มมีความสุข

เขาก็ได้แบ่งว่านโลหิตมังกรกับดินวิญญาณมาจำนวนมากเช่นกัน การฝึกฝนครั้งนี้ได้อะไรมามากกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก

พึงรู้ไว้ว่าสำหรับผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่แล้ว ว่านโลหิตมังกรธรรมดาสิบห้าต้นก็มากพอจะทำให้กายหยาบแข็งแกร่งอย่างยิ่งแล้ว

ต่อให้เป็นอัจฉริยะพวกนั้น ปกติว่านโลหิตมังกรแปดต้นสิบต้นก็พอใช้มากแล้ว กระทั่งยังมีเหลือกินเหลือใช้

แต่ตอนนี้ว่านโลหิตมังกรในถุงเก็บของเสิ่นเอ้ากลับมีอย่างน้อยร้อยแปดสิบต้น มันมากพอจะทำให้กายหยาบเขาแข็งแกร่งถึงขีดสุด และยังมีเหลือเก็บอีกไม่น้อย

นี่ก็คือความมั่งคั่งที่ยากจะจินตนาการได้!

อยู่กับน้องสิบสามมันดีจริงๆ!

…….

แม้แต่เสิ่นเอ้าผู้หัวดื้อ ตอนนี้ในใจยังเริ่มยอมรับเสิ่นเทียนแล้ว

คนอื่นๆ จึงยิ่งไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่ละคนมีความเลื่อมใสเสิ่นเทียนจากใจจริงอยู่แล้ว

ไม่ยอมก็คงไม่ได้!

ดูศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์สิ ตั้งแผงลอยเสี่ยงทายเปิดแร่ในสวนหมื่นวิญญาณ ก็เปิดได้เมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติกับจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์

ไปเที่ยวเล่นในที่ราบหมอกลับแล ก็ได้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานเป็นตันๆ มาใช้อาบ

ตอนนี้มาสนามรบบรรพกาลนานเท่าไรเอง ก็ได้ว่านโลหิตมังกรราวกับขายส่ง!

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีท่านปรมาจารย์สวรรค์อยู่ ยังต้องกังวลว่าจะครองดินแดนบูรพาไม่ได้หรือ

เถ้าแก่ซ่งหยิบแหวนเก็บของวงที่สองออกมาจากถุงด้วยแววตาเร่าร้อน ก่อนจะใส่ของเข้าไปอย่างขันแข็ง

หลิวไท่อี่ควักแผ่นหยกออกมาจากอกเสื้อ จดบันทึกอะไรบางอย่างแบบจริงจัง ท่าทีจริงจังเหมือนกับสาวกผู้ซื่อสัตย์ที่สุด

ตอนนี้ในใจพวกเขาตื่นเต้นกันอย่างยิ่ง เคยมีหญิงแกร่งที่มีความสามารถเป็นเอกแห่งยุคคนหนึ่งปรามาสพวกเขาว่า เอาแต่ติดตามท่านปรมาจารย์สวรรค์ ประจบอยู่ข้างท่านปรมาจารย์สวรรค์จะแข็งแกร่งขึ้นได้หรือ

ตอนนี้พวกเขาใช้ความจริงพิสูจน์แล้ว ‘ขออภัย แข็งแกร่งขึ้นได้จริง!’

ไม่ใช่แค่แข็งแกร่งขึ้น แต่ยังร่ำรวยมั่งคั่งควบคู่กับเดินบนเส้นทางเซียน!

การเลือกที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตพวกเราก็คือศรัทธาท่านปรมาจารย์สวรรค์

นี่คือความศรัทธาของทั้งชีวิต!

……….

เสิ่นเทียนไม่รู้ว่าตนแค่เกาะโชคลิขิตกิน แต่ภาพลักษณ์ในความคิดทุกคนกลับยิ่งใหญ่และทรงอานุภาพมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาแค่รู้สึกว่าร่างกายลอยขึ้นเหมือนจะเป็นเซียนไม่น้อย

เขาหยิบกระจกออกมาดูวงรัศมีเหนือศีรษะของตน

สีแดงในวงรัศมีเปลี่ยนไปมากในระดับความเร็วที่ตามองเห็นจริงๆ

แดงอมเขียว สวยมาก!

ทางด้านวงรัศมีของพวกเสิ่นเอ้าและจ้าวเฮ่าก็สว่างขึ้น บ้างก็มากบ้างก็น้อย โดยเฉพาะฉินเกา จุดสีทองเหนือศีรษะมากขึ้นเรื่อยๆ วงรัศมีดูสูงส่งขึ้นมาก

ตามที่เห็นในโชคลิขิตเดิมนั้น ฉินเกาจะอาศัยช่วงชุลมุนแย่งว่านโลหิตมังกรไปได้สิบกว่าต้น แต่ตอนนี้เขาได้ไปร้อยแปดสิบต้น ได้ไปมากจริงๆ

เสิ่นเทียนปลื้มใจกับตรงนี้มาก ฉินเกาได้กำไร ตนได้กำไร พวกสหายร่วมเดินทางก็ได้กำไรกันทุกคน

เช่นนั้น ใครขาดทุนกันแน่!

เสิ่นเทียนมองไปที่โครงกระดูกมังกรยักษ์สูงพันจั้งนั้นยังอดตกใจมิได้

เผ่ามังกรสมกับเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่แกร่งที่สุดบนโลกจริงๆ แม้จะตายไปหมื่นปีแล้ว ต้นกำเนิดก็แทบจะไหลออกไปหมด แต่ก็ยังแผ่อานุภาพเช่นนี้ออกมาได้

ตอนนี้ทุกคนเข้าไปใกล้ศพมังกร รู้สึกเหมือนแบกน้ำหนักหลายร้อยชั่ง ไม่ได้เบาสบายสักนิด

หากไม่ใช่เพราะพวกเขามีระดับพลังเหนือกว่าสร้างฐานก็อาจจะรับไม่ไหวจริงๆ!

ไม่รู้เหมือนกันว่าโครงกระดูกมังกรพวกนี้จะเอาไปได้หรือไม่ ถึงอย่างไรก็เป็นเผ่ามังกรสายเลือดบริสุทธิ์ ถ้าเอาไปตุ๋นเป็นน้ำแกงก็น่าจะมีรสชาติไม่เลวกระมัง!

หืม? เหตุใดข้าถึงคิดไปถึงเรื่องกินกัน กระดูกหมื่นกว่าปีคงเสื่อมสภาพแล้วล่ะ!

ซี้ด น่ากลัว!

……

เสิ่นเทียนส่ายหน้าก่อนจะมองกระบี่ยักษ์เล่มนั้นบนศีรษะมังกรยักษ์

พบว่ากระบี่ยักษ์เล่มนั้นขึ้นสนิมสีแดงเข้มทุกส่วน กระทั่งตัวกระบี่ยังมีต้นไม้เล็กๆ งอกออกมาหลายต้น

บนต้นไม้เล็กนั้นมีผลไม้ห้อยอยู่ รูปร่างเหมือนกระบี่แบบย่อส่วน และจะแกว่งไกวไปตามสายลมสดชื่น

เสิ่นเทียนรู้ว่านี่ก็คือผลไม้วิญญาณที่ล้ำค่ามาก

ผลไม้วิญญาณชนิดนี้มีชื่อว่า ‘ผลใจกระบี่’ ปกติจะมีเพียงดินแดนที่ยอดเซียนกระบี่ตายตกเท่านั้นถึงจะเติบโตขึ้นมา

แม้ว่าที่นี่จะไม่มียอดเซียนกระบี่ตายตก แต่ก็มีกระบี่เทพยอดเยี่ยมแห่งยุคที่สังหารมังกรศักดิ์สิทธิ์สายเลือดบริสุทธิ์

ภายใต้การบำรุงด้วยเจตจำนงกระบี่ทำให้เกิดผลใจกระบี่ขึ้นก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่กระบี่ยักษ์นั่นทะลวงกะโหลกมังกรศักดิ์สิทธิ์ ตอกมันลงกับพื้น

การจะเก็บผลใจกระบี่จะต้องรับแรงกดดันจากอานุภาพมังกรมหาศาล ปีนขึ้นไปบนตัวมังกรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้

ต้องรู้ว่าทุกคนแค่เข้าใกล้มังกรศักดิ์สิทธิ์ก็รู้สึกถึงแรงกดดันหลายร้อยชั่งแล้ว รู้สึกหายใจลำบากขึ้นเล็กน้อย

การจะปีนขึ้นศีรษะมังกรศักดิ์สิทธิ์ไปเก็บผลใจกระบี่จะต้องมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นหลายเท่าไปจนถึงหลายสิบเท่าแน่นอน

นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐาน!

…….

เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเริ่มปีนขึ้นจากหางมังกรศักดิ์สิทธิ์

ทุกครั้งที่เขาเดินไปทางศีรษะมังกรศักดิ์สิทธิ์หนึ่งก้าวก็จะรู้สึกได้ว่าแรงกดดันในตัวหนักขึ้นหนึ่งส่วนอย่างชัดเจน

เมื่อเสิ่นเทียนปีนขึ้นสูงห้าร้อยจั้งก็ขึ้นมาบนหลังมังกร เห็นศีรษะมังกรตั้งตระหง่านอย่างโอหังอยู่ไกลๆ กับรอยแผลกระบี่ยักษ์ทะลวงผ่าน

อานุภาพมังกรกับเจตจำนงกระบี่ยิ่งใหญ่พุ่งเข้ามา ทำให้เสิ่นเทียนรู้สึกกดดันอย่างยิ่ง ร่างเหมือนจะแหลกสลาย

“เกราะสัตว์เทพห้าอัสนี ปรากฏ!”

ปรากฏเงามายาห้าสัตว์เทพขึ้นข้างหลัง เมื่อมีปรากฏการณ์ปัญจธาตุเสริมแล้ว เสิ่นเทียนรู้สึกว่าแรงกดดันลดลงไปไม่น้อย

เขาคลานเดินหน้าต่อไป รับแรงกดดันจากอานุภาพมังกรและเจตจำนงกระบี่พลางรู้สึกตื่นเต้นไปอีกแบบ

แหวนในมือขยับประกายแสง ปรากฏขวดเล็กขึ้นตรงหน้าเสิ่นเทียน ในนั้นบรรจุของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพาน

อึก~

อึกๆ~

อึกๆๆ~

ของเหลวศักดิ์สิทธิ์ลงท้องไปแล้ว เสิ่นเทียนก็เปล่งแสงออกมาทั่วตัว

เขาตะโกนเสียงดังทีหนึ่ง สัญลักษณ์สายฟ้าสีทองตรงระหว่างคิ้วเปล่งแสงสว่างจ้า เส้นผมตั้งขึ้น

เปลวเพลิงร้อนแรงลุกแผดเผาบนผิวกายเขา ตอนนี้เขากำลังเผาเลือดลม เพิ่มศักยภาพให้ตัวเอง!

แรงกดดันในตอนนี้มากกว่าเดิม ทว่าเสิ่นเทียนกลับเร่งความเร็วในการปีนขึ้น

ศีรษะมังกรศักดิ์สิทธิ์เปล่งแสงอ่อนๆ แรงกดดันพลันเพิ่มขึ้นเหมือนถูกยั่วโทสะ!

ยามนี้เสิ่นเทียนรู้สึกเหมือนรับน้ำหนักหมื่นชั่ง แม้ว่ากายหยาบเขาจะแข็งแกร่งมากก็ยังแทบจะถูกกดลงกับพื้น

“เจ้ามังกร เจ้าต้องเป็นของข้า!”

เสิ่นเทียนกัดฟัน พละกำลังพลันพุ่งพรวดขึ้นทั้งตัว

ทว่าตอนนี้เองกระบี่ยักษ์นั่นเปล่งแสงอ่อนๆ เขาพลันรู้สึกว่าแรงกดดันในตัวหายไปแล้ว

ทั้งตัวจึงกระโดดขึ้นฟ้าไปหลายร้อยจั้งปานกระสุนปืนใหญ่ เกือบจะตกลงไปเลย

ดีที่เขาตั้งตัวทัน ยิงเถากลืนกินเซียนที่มือขวาออกไปพันเขามังกรไว้ ถึงมาลงบนศีรษะมังกรศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ

เสิ่นเทียนถึงกับยืนอึ้งอยู่บนศีรษะมังกร

นี่มันอะไรกัน เหตุใดพอปีนถึงคอมังกรแล้ว แรงกดดันทั้งหมดก็หายไปเลย

หรือว่ามังกรนี่จะเหลือแค่กระดูกส่วนล่าง ไม่ได้สมบูรณ์กัน

แต่ส่วนหัวเสียหายเลยไม่มีแรงกดดันหรือ

แต่ไม่ว่าอย่างไร ปีนถึงศีรษะมังกรนี่ได้ก็ถือว่าดีแล้ว

เสิ่นเทียนเดินไปเดินมาบนศีรษะมังกรยักษ์ เคาะนู่นเคาะนี่ด้วยความสนใจอย่างยิ่ง

อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เจ้านี่แข็งมาก

เสิ่นเทียนไม่หวังจะแยกชิ้นส่วนกระดูกมังกรและย้ายไปเลย เขากลอกตาเล็กน้อย ก่อนจะจ้องไปที่ต้นไม้เล็กๆ ที่งอกบนกระบี่ยักษ์นั้น

เขานับอยู่ชั่วครู่ บนกระบี่ยักษ์นี่มีต้นไม้เล็กเก้าต้น แต่ละต้นมีผลไม้สามถึงห้าลูก แกว่งไกวไอกระบี่ออกมาเป็นสายๆ

เห็นได้ชัดมากว่าผลไม้พวกนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

หากกินมันและหลอมรวม จะทำให้ระดับพลังและพรสวรรค์ของผู้ฝึกกระบี่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เสิ่นเทียนใช้มือขวายิงเถากลืนกินเซียนออกไปเก็บเกี่ยวผลใจกระบี่บนต้นไม้เล็กลงมาทีละต้น ได้ทั้งหมดสามสิบห้าลูก

เมื่อเก็บผลใจกระบี่พวกนี้ไปแล้ว ก็มองไปที่ต้นไม้เล็กที่โตบนกระบี่ยักษ์เก้าต้นอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าต้นใจกระบี่พวกนี้จะกินได้หรือไม่ รสชาติกับสรรพคุณยาจะเป็นอย่างไร!

เถากลืนกินเซียนในมือค่อยๆ พันรอบต้นใจกระบี่ต้นหนึ่งก่อนจะออกแรงดึงขึ้นมา

อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย หน่ออ่อนเล็กพวกนี้ดูเหมือนบอบบางจนลมพัดปลิวได้ แต่กลับเติบโตบนกระบี่อย่างมั่นคง

ตอนนี้เสิ่นเทียนใช้สองมือกำไว้ แรงแขนมากกว่าแสนชั่ง ต่อให้เป็นต้นหยางหลิวสองคนโอบก็ยังดึงออกมาได้ ทว่าดึงต้นใจกระบี่นี่กลับกินแรงมาก ต้องใช้เวลาสิบกว่านาทีถึงจะดึงออกมาได้ต้นหนึ่ง

เสิ่นเทียนเก็บต้นใจกระบี่นี้แล้วก็เตรียมจะสร้างความมั่งคั่งต่อ

ตอนนี้เองกระบี่ยักษ์นั่นเปล่งแสงอ่อนๆ

มีเสียงผู้หญิงเยือกเย็นและเงียบเหงาดังขึ้นช้าๆ

“เจ้าหนุ่ม เจ้าอยากได้ข้ารึ”

เสิ่นเทียนตกใจสะดุ้ง เถากลืนกินเซียนกลายเป็นแข็งแรงทนทานขึ้นมาทันที

น้ำมวลหนักสีเงินเคลือบเถากลืนกินเซียนพร้อมจะจู่โจมศัตรูที่ไม่รู้จักทุกเมื่อ

ทว่าก็ไม่มีศัตรู มีเพียงกระบี่นั่นที่เปล่งแสงอ่อนๆ “ใจเย็น ข้าเอง ข้าคือจิตวิญญาณกระบี่ของ ‘กระบี่สังหารฟ้า’ เล่มนี้ เจ้าหนุ่ม ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะหาที่นี่พบ เห็นได้ว่าชะตาเจ้าลิขิตให้มีวาสนากับข้า”

กระบี่สังหารฟ้า?

มีวาสนากับข้า เอาจริงรึ

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก รู้สึกถึงเจตนาร้ายเข้มข้น

ฟังจากชื่อกระบี่เล่มนี้ จิตวิญญาณกระบี่นี่ไม่เหมือนคนดีเลย!

ภายในใจเกิดความตื่นตัวขึ้นอย่างเด่นชัด ก่อนเสิ่นเทียนจะเอ่ยถาม “เจ้าคือจิตวิญญาณกระบี่ของกระบี่ฟ้าสังหารหรือ”

เสียงของจิตวิญญาณกระบี่ดังขึ้นอีกครั้ง “ใช่ ข้ารับคำสั่งนายท่านให้มาสังหารมังกรชั่ว นี่ผ่านมาหมื่นปีแล้ว ตอนนี้ข้ารู้สึกได้ว่านายท่านสิ้นชีพไปหลายปีแล้ว ส่วนเจ้าก็มีสายเลือดและจิตวิญญาณสืบทอดมาจากสายเลือดของนายท่าน!

เจ้าหนุ่ม อยากได้ข้าหรือไม่ เช่นนั้นก็หยดโลหิตเจ้าบนตัวกระบี่เถอะ!

หากเจ้ามีพรสวรรค์ที่สุดแห่งยุค ข้าจะติดตามร่วมรบไปกับเจ้า”

เมื่อได้ฟังเสียงที่เต็มไปด้วยความยั่วยวนแล้ว เสิ่นเทียนมักจะรู้สึกแปลกๆ

เหมือนว่ามีคนคิดจะทำร้ายข้าอยู่เลย!

เสิ่นเทียนมองกระบี่ยักษ์นิ่งๆ “หยดโลหิตหรือ ต้องใช้โลหิตเท่าไร”

น้ำเสียงของวิญญาณกระบี่ชะงักไปเล็กน้อย “เอ่อ เจ้ามีกายพิเศษ คุณสมบัติเหนือธรรมดา น่าจะได้รับการยอมรับจากกระบี่สังหารฟ้าได้ หยดเดียวก็เพียงพอแล้ว”

เสิ่นเทียนถอยไปช้าๆ “เจ้ามั่นใจนะว่าด้วยคุณสมบัติของข้า แค่หยดเดียวก็จะได้รับการยอมรับจากกระบี่ฟ้าสังหารน่ะ”

จิตวิญญาณกระบี่พูดด้วยความจนปัญญา “เจ้าหนุ่ม เจ้ามีพรสวรรค์สูงมาก จะต้องเชื่อมั่นในตัวเอง”

เสิ่นเทียนแบะปาก “ข้ามีความมั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว แต่ไม่มั่นใจในตัวตนของเจ้า”

เขามองกระบี่ยักษ์นั้นพลางเรียกค้อนม่วงทองมาในมือขวา โล่เต่าดำปรากฏในมือซ้าย “เจ้าไม่ใช่จิตวิญญาณกระบี่ล่ะสิ!”

น้ำเสียงจากความว่างเปล่าเย็นชาขึ้นทีละน้อย “ข้าก็คิดว่าสั่นคลื่นแสงกระบี่จะไม่มีพิรุธเสียอีก เจ้ามองออกได้อย่างไรกัน”

เสิ่นเทียนเผยอมุมปาก “ง่ายมาก เพราะตอนที่ข้าเรียกกระบี่เล่มนี้ก็จงใจเปลี่ยนชื่อมัน เจ้าเรียกตัวเองว่าจิตวิญญาณกระบี่สังหารฟ้า แต่ข้าเรียกว่ากระบี่ฟ้าสังหาร ทุกครั้งข้าจะตั้งใจกลับชื่อมัน

จิตวิญญาณกระบี่ให้ความสำคัญกับอาวุธที่ตนสิงสถิตมาก ชื่อของอาวุธก็เหมือนกับชื่อแซ่ที่สอง ข้าเรียกผิดตั้งหลายรอบ เจ้าจะไม่รู้สึกตัวและเอะใจเลยได้อย่างไร”

น้ำเสียงจากความว่างเปล่าพูดอย่างเย็นชา “ใช้แค่นี้หรือ มันจะน่าหัวเราะเกินไปแล้ว!”

เสิ่นเทียนยักไหล่ “ใช้แค่นี้ยังยืนยันไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นข้าแค่หลอกเจ้าหน่อย ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะยอมรับเร็วเช่นนี้!”

เสียงในความว่างเปล่าเงียบไปนาน เหมือนโดนตอกหน้าหงายไป

เสิ่นเทียนหัวเราะ “เฮ้ย เหตุใดไม่พูดล่ะ หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าน่าจะไม่ใช่จิตวิญญาณกระบี่ แต่เป็นเสี้ยววิญญาณของมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่โดนกระบี่เล่มนี้ผนึกไว้!”

ก่อนเข้าสนามรบบรรพกาล เสี่ยวหลิงเซียนได้ถ่ายทอดบันทึกเส้นชีพจรมองลอดวิญญาณสวรรค์ให้เสิ่นเทียนส่วนหนึ่งแล้ว

แม้ความชำนาญยังตื้นเขินมาก แต่เสิ่นเทียนก็มองออกรางๆ ว่าหุบเขานี้ไม่ง่าย น่าจะเป็นสถานที่พิเศษที่กระบี่ยักษ์ผนึกเอาไว้

ต้องรู้ว่าสัตว์อสูรที่ฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมารพวกนั้นมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งมาก สู้กับระดับเดียวกันยังเรียกได้ว่ามีร่างเป็นอมตะ

ดังนั้นยอดฝีมือบำเพ็ญเซียนที่แท้จริงจะสลักค่ายกลพิเศษเอาไว้ในการโจมตีเพื่อผนึกและทำให้มันอ่อนแอลง

มังกรศักดิ์สิทธิ์นี่โดนกระบี่เทพทะลวง ถูกผนึกและตายตกในสนามรบบรรพกาล

ทว่าตายมาหมื่นปีแล้ว ดวงวิญญาณของมันก็ยังไม่ได้มอดดับไป

พูดความจริงเลยว่า มังกรศักดิ์สิทธิ์นี่ค่อนข้างไม่ง่ายเลย!

……

ผ่านไปนาน น้ำเสียงอ่อนนุ่มดังขึ้นกลางหุบเขาอีก “โอ้ว ไม่เลวเลย!

เจ้าเด็กชั่วเจ้าเล่ห์ ไม่อยากเชื่อว่าข้าจะหลอกเจ้าไม่ได้ ไม่น่ารักเลยจริงๆ”

เมื่อเสียงดังขึ้น โครงกระดูกมังกรสูงพันจั้งก็เปล่งแสงหม่น ก่อนจะรวมขึ้นเป็นหญิงชุดคลุมดำรูปร่างผอมสูง

นางสวมชุดกระโปรงยาวสีดำ เส้นผมยาวพาดถึงบ่าปกคลุมไปครึ่งใบหน้า หน้าตางดงามยิ่ง

บนศีรษะนางมีเขามังกรสีชมพูสองเขา ดูยั่วยวนและต้องห้ามนิดๆ

และที่สำคัญกว่านั้นคือนางชั่วร้ายมาก น่าจะบอกว่า ‘ชั่วร้ายแบบทั้งใหญ่และขาวมาก!’

ในคนที่เสิ่นเทียนพบมาในชีวิตมีเพียงผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำเท่านั้นที่พอจะเทียบได้

แม้เสิ่นเทียนจะมีจิตใจดั่งนักปราชญ์ก็เกือบพ่ายแพ้!

หญิงชุดกระโปรงดำยิ้มหยอกเย้า ก่อนลอยมาข้างเสิ่นเทียนช้าๆ

นางรวบเส้นผมยาวช้าๆ หัวเราะเบาๆ “เจ้ามนุษย์น้อย หน้าตาดีใช้ได้เลย! ว่าอย่างไร อยากทำสัญญาเป็นนักรบมังกรผู้ทรงเกียรติหรือไม่”

หญิงมังกรชุดคลุมดำเข้ามาใกล้ๆ หูเสิ่นเทียนแล้วเป่าลมเหมือนกับเครื่องหอมเลื่องชื่อ

“ขอแค่เจ้าพยักหน้าก็จะปลดปล่อยข้าได้ แล้วข้าจะพิจารณาตอบตกลงเจ้า!

รสชาติของชีวิตเช่นนั้น มันสุดยอดมาก!”

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 204 เจ้าหนุ่ม อยากได้ข้าหรือไม่

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 204 เจ้าหนุ่ม อยากได้ข้าหรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 204 เจ้าหนุ่ม อยากได้ข้าหรือไม่

“ช่างเถอะ ในเมื่อทุกคนเกรงใจกันเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว”

เสิ่นเทียนยิ้มกล่าว “ทุกคนไปเก็บว่านโลหิตมังกรด้วยกัน! จำไว้ว่าอย่ารุนแรงเกินไป จะไปทำให้ส่วนรากกับก้านใบเสียหาย”

ควรรู้ว่าว่านโลหิตมังกรสมบูรณ์จะเก็บรักษาได้นานกว่าว่านโลหิตมังกรที่เสียหายมาก มูลค่าก็สูงกว่าไม่น้อย

“นอกจากนี้ ดินพวกนี้ได้รับโลหิตบริสุทธิ์ของศพมังกรกับกลิ่นอายพลังมา กลายเป็นดินวิญญาณระดับสูงสุดแล้ว ทุกคนถ้าเก็บได้ก็เอาติดตัวไปคนละหน่อยด้วย”

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้ทุกคนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจแจ่มแจ้ง!

ใช่แล้วๆ ถ้าไม่ได้ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์เตือน ก็เกือบจะมองข้ามดินวิญญาณพวกนี้ไปแล้ว

ดินที่ให้กำเนิดว่านโลหิตมังกรได้จะต้องเป็นดินวิญญาณระดับสูงสุด เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของการบ่มเพาะสมุนไพรมหัศจรรย์

เมื่อคิดได้ดังนั้น ทุกคนก็เริ่มทำงานกันอย่างแข็งขัน ไม่นาน โครงกระดูกเขามังกรกับว่านโลหิตมังกรทั้งหมดในหุบเขามังกรยักษ์ก็ถูกกวาดเกลี้ยง

กระทั่งระดับความสูงของพื้นดินข้างๆ โครงกระดูกมังกรยักษ์ยังต่ำลงสามฉื่อกว่า

ใบหน้าทุกคนมีแต่รอยยิ้มมีความสุขและพอใจ

เสิ่นเอ้ามองถุงที่ใส่สมบัติจนเต็มในมือด้วยรอยยิ้มมีความสุข

เขาก็ได้แบ่งว่านโลหิตมังกรกับดินวิญญาณมาจำนวนมากเช่นกัน การฝึกฝนครั้งนี้ได้อะไรมามากกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก

พึงรู้ไว้ว่าสำหรับผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่แล้ว ว่านโลหิตมังกรธรรมดาสิบห้าต้นก็มากพอจะทำให้กายหยาบแข็งแกร่งอย่างยิ่งแล้ว

ต่อให้เป็นอัจฉริยะพวกนั้น ปกติว่านโลหิตมังกรแปดต้นสิบต้นก็พอใช้มากแล้ว กระทั่งยังมีเหลือกินเหลือใช้

แต่ตอนนี้ว่านโลหิตมังกรในถุงเก็บของเสิ่นเอ้ากลับมีอย่างน้อยร้อยแปดสิบต้น มันมากพอจะทำให้กายหยาบเขาแข็งแกร่งถึงขีดสุด และยังมีเหลือเก็บอีกไม่น้อย

นี่ก็คือความมั่งคั่งที่ยากจะจินตนาการได้!

อยู่กับน้องสิบสามมันดีจริงๆ!

…….

แม้แต่เสิ่นเอ้าผู้หัวดื้อ ตอนนี้ในใจยังเริ่มยอมรับเสิ่นเทียนแล้ว

คนอื่นๆ จึงยิ่งไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่ละคนมีความเลื่อมใสเสิ่นเทียนจากใจจริงอยู่แล้ว

ไม่ยอมก็คงไม่ได้!

ดูศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์สิ ตั้งแผงลอยเสี่ยงทายเปิดแร่ในสวนหมื่นวิญญาณ ก็เปิดได้เมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติกับจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์

ไปเที่ยวเล่นในที่ราบหมอกลับแล ก็ได้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานเป็นตันๆ มาใช้อาบ

ตอนนี้มาสนามรบบรรพกาลนานเท่าไรเอง ก็ได้ว่านโลหิตมังกรราวกับขายส่ง!

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีท่านปรมาจารย์สวรรค์อยู่ ยังต้องกังวลว่าจะครองดินแดนบูรพาไม่ได้หรือ

เถ้าแก่ซ่งหยิบแหวนเก็บของวงที่สองออกมาจากถุงด้วยแววตาเร่าร้อน ก่อนจะใส่ของเข้าไปอย่างขันแข็ง

หลิวไท่อี่ควักแผ่นหยกออกมาจากอกเสื้อ จดบันทึกอะไรบางอย่างแบบจริงจัง ท่าทีจริงจังเหมือนกับสาวกผู้ซื่อสัตย์ที่สุด

ตอนนี้ในใจพวกเขาตื่นเต้นกันอย่างยิ่ง เคยมีหญิงแกร่งที่มีความสามารถเป็นเอกแห่งยุคคนหนึ่งปรามาสพวกเขาว่า เอาแต่ติดตามท่านปรมาจารย์สวรรค์ ประจบอยู่ข้างท่านปรมาจารย์สวรรค์จะแข็งแกร่งขึ้นได้หรือ

ตอนนี้พวกเขาใช้ความจริงพิสูจน์แล้ว ‘ขออภัย แข็งแกร่งขึ้นได้จริง!’

ไม่ใช่แค่แข็งแกร่งขึ้น แต่ยังร่ำรวยมั่งคั่งควบคู่กับเดินบนเส้นทางเซียน!

การเลือกที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตพวกเราก็คือศรัทธาท่านปรมาจารย์สวรรค์

นี่คือความศรัทธาของทั้งชีวิต!

……….

เสิ่นเทียนไม่รู้ว่าตนแค่เกาะโชคลิขิตกิน แต่ภาพลักษณ์ในความคิดทุกคนกลับยิ่งใหญ่และทรงอานุภาพมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาแค่รู้สึกว่าร่างกายลอยขึ้นเหมือนจะเป็นเซียนไม่น้อย

เขาหยิบกระจกออกมาดูวงรัศมีเหนือศีรษะของตน

สีแดงในวงรัศมีเปลี่ยนไปมากในระดับความเร็วที่ตามองเห็นจริงๆ

แดงอมเขียว สวยมาก!

ทางด้านวงรัศมีของพวกเสิ่นเอ้าและจ้าวเฮ่าก็สว่างขึ้น บ้างก็มากบ้างก็น้อย โดยเฉพาะฉินเกา จุดสีทองเหนือศีรษะมากขึ้นเรื่อยๆ วงรัศมีดูสูงส่งขึ้นมาก

ตามที่เห็นในโชคลิขิตเดิมนั้น ฉินเกาจะอาศัยช่วงชุลมุนแย่งว่านโลหิตมังกรไปได้สิบกว่าต้น แต่ตอนนี้เขาได้ไปร้อยแปดสิบต้น ได้ไปมากจริงๆ

เสิ่นเทียนปลื้มใจกับตรงนี้มาก ฉินเกาได้กำไร ตนได้กำไร พวกสหายร่วมเดินทางก็ได้กำไรกันทุกคน

เช่นนั้น ใครขาดทุนกันแน่!

เสิ่นเทียนมองไปที่โครงกระดูกมังกรยักษ์สูงพันจั้งนั้นยังอดตกใจมิได้

เผ่ามังกรสมกับเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่แกร่งที่สุดบนโลกจริงๆ แม้จะตายไปหมื่นปีแล้ว ต้นกำเนิดก็แทบจะไหลออกไปหมด แต่ก็ยังแผ่อานุภาพเช่นนี้ออกมาได้

ตอนนี้ทุกคนเข้าไปใกล้ศพมังกร รู้สึกเหมือนแบกน้ำหนักหลายร้อยชั่ง ไม่ได้เบาสบายสักนิด

หากไม่ใช่เพราะพวกเขามีระดับพลังเหนือกว่าสร้างฐานก็อาจจะรับไม่ไหวจริงๆ!

ไม่รู้เหมือนกันว่าโครงกระดูกมังกรพวกนี้จะเอาไปได้หรือไม่ ถึงอย่างไรก็เป็นเผ่ามังกรสายเลือดบริสุทธิ์ ถ้าเอาไปตุ๋นเป็นน้ำแกงก็น่าจะมีรสชาติไม่เลวกระมัง!

หืม? เหตุใดข้าถึงคิดไปถึงเรื่องกินกัน กระดูกหมื่นกว่าปีคงเสื่อมสภาพแล้วล่ะ!

ซี้ด น่ากลัว!

……

เสิ่นเทียนส่ายหน้าก่อนจะมองกระบี่ยักษ์เล่มนั้นบนศีรษะมังกรยักษ์

พบว่ากระบี่ยักษ์เล่มนั้นขึ้นสนิมสีแดงเข้มทุกส่วน กระทั่งตัวกระบี่ยังมีต้นไม้เล็กๆ งอกออกมาหลายต้น

บนต้นไม้เล็กนั้นมีผลไม้ห้อยอยู่ รูปร่างเหมือนกระบี่แบบย่อส่วน และจะแกว่งไกวไปตามสายลมสดชื่น

เสิ่นเทียนรู้ว่านี่ก็คือผลไม้วิญญาณที่ล้ำค่ามาก

ผลไม้วิญญาณชนิดนี้มีชื่อว่า ‘ผลใจกระบี่’ ปกติจะมีเพียงดินแดนที่ยอดเซียนกระบี่ตายตกเท่านั้นถึงจะเติบโตขึ้นมา

แม้ว่าที่นี่จะไม่มียอดเซียนกระบี่ตายตก แต่ก็มีกระบี่เทพยอดเยี่ยมแห่งยุคที่สังหารมังกรศักดิ์สิทธิ์สายเลือดบริสุทธิ์

ภายใต้การบำรุงด้วยเจตจำนงกระบี่ทำให้เกิดผลใจกระบี่ขึ้นก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่กระบี่ยักษ์นั่นทะลวงกะโหลกมังกรศักดิ์สิทธิ์ ตอกมันลงกับพื้น

การจะเก็บผลใจกระบี่จะต้องรับแรงกดดันจากอานุภาพมังกรมหาศาล ปีนขึ้นไปบนตัวมังกรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้

ต้องรู้ว่าทุกคนแค่เข้าใกล้มังกรศักดิ์สิทธิ์ก็รู้สึกถึงแรงกดดันหลายร้อยชั่งแล้ว รู้สึกหายใจลำบากขึ้นเล็กน้อย

การจะปีนขึ้นศีรษะมังกรศักดิ์สิทธิ์ไปเก็บผลใจกระบี่จะต้องมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นหลายเท่าไปจนถึงหลายสิบเท่าแน่นอน

นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐาน!

…….

เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเริ่มปีนขึ้นจากหางมังกรศักดิ์สิทธิ์

ทุกครั้งที่เขาเดินไปทางศีรษะมังกรศักดิ์สิทธิ์หนึ่งก้าวก็จะรู้สึกได้ว่าแรงกดดันในตัวหนักขึ้นหนึ่งส่วนอย่างชัดเจน

เมื่อเสิ่นเทียนปีนขึ้นสูงห้าร้อยจั้งก็ขึ้นมาบนหลังมังกร เห็นศีรษะมังกรตั้งตระหง่านอย่างโอหังอยู่ไกลๆ กับรอยแผลกระบี่ยักษ์ทะลวงผ่าน

อานุภาพมังกรกับเจตจำนงกระบี่ยิ่งใหญ่พุ่งเข้ามา ทำให้เสิ่นเทียนรู้สึกกดดันอย่างยิ่ง ร่างเหมือนจะแหลกสลาย

“เกราะสัตว์เทพห้าอัสนี ปรากฏ!”

ปรากฏเงามายาห้าสัตว์เทพขึ้นข้างหลัง เมื่อมีปรากฏการณ์ปัญจธาตุเสริมแล้ว เสิ่นเทียนรู้สึกว่าแรงกดดันลดลงไปไม่น้อย

เขาคลานเดินหน้าต่อไป รับแรงกดดันจากอานุภาพมังกรและเจตจำนงกระบี่พลางรู้สึกตื่นเต้นไปอีกแบบ

แหวนในมือขยับประกายแสง ปรากฏขวดเล็กขึ้นตรงหน้าเสิ่นเทียน ในนั้นบรรจุของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพาน

อึก~

อึกๆ~

อึกๆๆ~

ของเหลวศักดิ์สิทธิ์ลงท้องไปแล้ว เสิ่นเทียนก็เปล่งแสงออกมาทั่วตัว

เขาตะโกนเสียงดังทีหนึ่ง สัญลักษณ์สายฟ้าสีทองตรงระหว่างคิ้วเปล่งแสงสว่างจ้า เส้นผมตั้งขึ้น

เปลวเพลิงร้อนแรงลุกแผดเผาบนผิวกายเขา ตอนนี้เขากำลังเผาเลือดลม เพิ่มศักยภาพให้ตัวเอง!

แรงกดดันในตอนนี้มากกว่าเดิม ทว่าเสิ่นเทียนกลับเร่งความเร็วในการปีนขึ้น

ศีรษะมังกรศักดิ์สิทธิ์เปล่งแสงอ่อนๆ แรงกดดันพลันเพิ่มขึ้นเหมือนถูกยั่วโทสะ!

ยามนี้เสิ่นเทียนรู้สึกเหมือนรับน้ำหนักหมื่นชั่ง แม้ว่ากายหยาบเขาจะแข็งแกร่งมากก็ยังแทบจะถูกกดลงกับพื้น

“เจ้ามังกร เจ้าต้องเป็นของข้า!”

เสิ่นเทียนกัดฟัน พละกำลังพลันพุ่งพรวดขึ้นทั้งตัว

ทว่าตอนนี้เองกระบี่ยักษ์นั่นเปล่งแสงอ่อนๆ เขาพลันรู้สึกว่าแรงกดดันในตัวหายไปแล้ว

ทั้งตัวจึงกระโดดขึ้นฟ้าไปหลายร้อยจั้งปานกระสุนปืนใหญ่ เกือบจะตกลงไปเลย

ดีที่เขาตั้งตัวทัน ยิงเถากลืนกินเซียนที่มือขวาออกไปพันเขามังกรไว้ ถึงมาลงบนศีรษะมังกรศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ

เสิ่นเทียนถึงกับยืนอึ้งอยู่บนศีรษะมังกร

นี่มันอะไรกัน เหตุใดพอปีนถึงคอมังกรแล้ว แรงกดดันทั้งหมดก็หายไปเลย

หรือว่ามังกรนี่จะเหลือแค่กระดูกส่วนล่าง ไม่ได้สมบูรณ์กัน

แต่ส่วนหัวเสียหายเลยไม่มีแรงกดดันหรือ

แต่ไม่ว่าอย่างไร ปีนถึงศีรษะมังกรนี่ได้ก็ถือว่าดีแล้ว

เสิ่นเทียนเดินไปเดินมาบนศีรษะมังกรยักษ์ เคาะนู่นเคาะนี่ด้วยความสนใจอย่างยิ่ง

อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เจ้านี่แข็งมาก

เสิ่นเทียนไม่หวังจะแยกชิ้นส่วนกระดูกมังกรและย้ายไปเลย เขากลอกตาเล็กน้อย ก่อนจะจ้องไปที่ต้นไม้เล็กๆ ที่งอกบนกระบี่ยักษ์นั้น

เขานับอยู่ชั่วครู่ บนกระบี่ยักษ์นี่มีต้นไม้เล็กเก้าต้น แต่ละต้นมีผลไม้สามถึงห้าลูก แกว่งไกวไอกระบี่ออกมาเป็นสายๆ

เห็นได้ชัดมากว่าผลไม้พวกนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

หากกินมันและหลอมรวม จะทำให้ระดับพลังและพรสวรรค์ของผู้ฝึกกระบี่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เสิ่นเทียนใช้มือขวายิงเถากลืนกินเซียนออกไปเก็บเกี่ยวผลใจกระบี่บนต้นไม้เล็กลงมาทีละต้น ได้ทั้งหมดสามสิบห้าลูก

เมื่อเก็บผลใจกระบี่พวกนี้ไปแล้ว ก็มองไปที่ต้นไม้เล็กที่โตบนกระบี่ยักษ์เก้าต้นอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าต้นใจกระบี่พวกนี้จะกินได้หรือไม่ รสชาติกับสรรพคุณยาจะเป็นอย่างไร!

เถากลืนกินเซียนในมือค่อยๆ พันรอบต้นใจกระบี่ต้นหนึ่งก่อนจะออกแรงดึงขึ้นมา

อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย หน่ออ่อนเล็กพวกนี้ดูเหมือนบอบบางจนลมพัดปลิวได้ แต่กลับเติบโตบนกระบี่อย่างมั่นคง

ตอนนี้เสิ่นเทียนใช้สองมือกำไว้ แรงแขนมากกว่าแสนชั่ง ต่อให้เป็นต้นหยางหลิวสองคนโอบก็ยังดึงออกมาได้ ทว่าดึงต้นใจกระบี่นี่กลับกินแรงมาก ต้องใช้เวลาสิบกว่านาทีถึงจะดึงออกมาได้ต้นหนึ่ง

เสิ่นเทียนเก็บต้นใจกระบี่นี้แล้วก็เตรียมจะสร้างความมั่งคั่งต่อ

ตอนนี้เองกระบี่ยักษ์นั่นเปล่งแสงอ่อนๆ

มีเสียงผู้หญิงเยือกเย็นและเงียบเหงาดังขึ้นช้าๆ

“เจ้าหนุ่ม เจ้าอยากได้ข้ารึ”

เสิ่นเทียนตกใจสะดุ้ง เถากลืนกินเซียนกลายเป็นแข็งแรงทนทานขึ้นมาทันที

น้ำมวลหนักสีเงินเคลือบเถากลืนกินเซียนพร้อมจะจู่โจมศัตรูที่ไม่รู้จักทุกเมื่อ

ทว่าก็ไม่มีศัตรู มีเพียงกระบี่นั่นที่เปล่งแสงอ่อนๆ “ใจเย็น ข้าเอง ข้าคือจิตวิญญาณกระบี่ของ ‘กระบี่สังหารฟ้า’ เล่มนี้ เจ้าหนุ่ม ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะหาที่นี่พบ เห็นได้ว่าชะตาเจ้าลิขิตให้มีวาสนากับข้า”

กระบี่สังหารฟ้า?

มีวาสนากับข้า เอาจริงรึ

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก รู้สึกถึงเจตนาร้ายเข้มข้น

ฟังจากชื่อกระบี่เล่มนี้ จิตวิญญาณกระบี่นี่ไม่เหมือนคนดีเลย!

ภายในใจเกิดความตื่นตัวขึ้นอย่างเด่นชัด ก่อนเสิ่นเทียนจะเอ่ยถาม “เจ้าคือจิตวิญญาณกระบี่ของกระบี่ฟ้าสังหารหรือ”

เสียงของจิตวิญญาณกระบี่ดังขึ้นอีกครั้ง “ใช่ ข้ารับคำสั่งนายท่านให้มาสังหารมังกรชั่ว นี่ผ่านมาหมื่นปีแล้ว ตอนนี้ข้ารู้สึกได้ว่านายท่านสิ้นชีพไปหลายปีแล้ว ส่วนเจ้าก็มีสายเลือดและจิตวิญญาณสืบทอดมาจากสายเลือดของนายท่าน!

เจ้าหนุ่ม อยากได้ข้าหรือไม่ เช่นนั้นก็หยดโลหิตเจ้าบนตัวกระบี่เถอะ!

หากเจ้ามีพรสวรรค์ที่สุดแห่งยุค ข้าจะติดตามร่วมรบไปกับเจ้า”

เมื่อได้ฟังเสียงที่เต็มไปด้วยความยั่วยวนแล้ว เสิ่นเทียนมักจะรู้สึกแปลกๆ

เหมือนว่ามีคนคิดจะทำร้ายข้าอยู่เลย!

เสิ่นเทียนมองกระบี่ยักษ์นิ่งๆ “หยดโลหิตหรือ ต้องใช้โลหิตเท่าไร”

น้ำเสียงของวิญญาณกระบี่ชะงักไปเล็กน้อย “เอ่อ เจ้ามีกายพิเศษ คุณสมบัติเหนือธรรมดา น่าจะได้รับการยอมรับจากกระบี่สังหารฟ้าได้ หยดเดียวก็เพียงพอแล้ว”

เสิ่นเทียนถอยไปช้าๆ “เจ้ามั่นใจนะว่าด้วยคุณสมบัติของข้า แค่หยดเดียวก็จะได้รับการยอมรับจากกระบี่ฟ้าสังหารน่ะ”

จิตวิญญาณกระบี่พูดด้วยความจนปัญญา “เจ้าหนุ่ม เจ้ามีพรสวรรค์สูงมาก จะต้องเชื่อมั่นในตัวเอง”

เสิ่นเทียนแบะปาก “ข้ามีความมั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว แต่ไม่มั่นใจในตัวตนของเจ้า”

เขามองกระบี่ยักษ์นั้นพลางเรียกค้อนม่วงทองมาในมือขวา โล่เต่าดำปรากฏในมือซ้าย “เจ้าไม่ใช่จิตวิญญาณกระบี่ล่ะสิ!”

น้ำเสียงจากความว่างเปล่าเย็นชาขึ้นทีละน้อย “ข้าก็คิดว่าสั่นคลื่นแสงกระบี่จะไม่มีพิรุธเสียอีก เจ้ามองออกได้อย่างไรกัน”

เสิ่นเทียนเผยอมุมปาก “ง่ายมาก เพราะตอนที่ข้าเรียกกระบี่เล่มนี้ก็จงใจเปลี่ยนชื่อมัน เจ้าเรียกตัวเองว่าจิตวิญญาณกระบี่สังหารฟ้า แต่ข้าเรียกว่ากระบี่ฟ้าสังหาร ทุกครั้งข้าจะตั้งใจกลับชื่อมัน

จิตวิญญาณกระบี่ให้ความสำคัญกับอาวุธที่ตนสิงสถิตมาก ชื่อของอาวุธก็เหมือนกับชื่อแซ่ที่สอง ข้าเรียกผิดตั้งหลายรอบ เจ้าจะไม่รู้สึกตัวและเอะใจเลยได้อย่างไร”

น้ำเสียงจากความว่างเปล่าพูดอย่างเย็นชา “ใช้แค่นี้หรือ มันจะน่าหัวเราะเกินไปแล้ว!”

เสิ่นเทียนยักไหล่ “ใช้แค่นี้ยังยืนยันไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นข้าแค่หลอกเจ้าหน่อย ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะยอมรับเร็วเช่นนี้!”

เสียงในความว่างเปล่าเงียบไปนาน เหมือนโดนตอกหน้าหงายไป

เสิ่นเทียนหัวเราะ “เฮ้ย เหตุใดไม่พูดล่ะ หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าน่าจะไม่ใช่จิตวิญญาณกระบี่ แต่เป็นเสี้ยววิญญาณของมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่โดนกระบี่เล่มนี้ผนึกไว้!”

ก่อนเข้าสนามรบบรรพกาล เสี่ยวหลิงเซียนได้ถ่ายทอดบันทึกเส้นชีพจรมองลอดวิญญาณสวรรค์ให้เสิ่นเทียนส่วนหนึ่งแล้ว

แม้ความชำนาญยังตื้นเขินมาก แต่เสิ่นเทียนก็มองออกรางๆ ว่าหุบเขานี้ไม่ง่าย น่าจะเป็นสถานที่พิเศษที่กระบี่ยักษ์ผนึกเอาไว้

ต้องรู้ว่าสัตว์อสูรที่ฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมารพวกนั้นมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งมาก สู้กับระดับเดียวกันยังเรียกได้ว่ามีร่างเป็นอมตะ

ดังนั้นยอดฝีมือบำเพ็ญเซียนที่แท้จริงจะสลักค่ายกลพิเศษเอาไว้ในการโจมตีเพื่อผนึกและทำให้มันอ่อนแอลง

มังกรศักดิ์สิทธิ์นี่โดนกระบี่เทพทะลวง ถูกผนึกและตายตกในสนามรบบรรพกาล

ทว่าตายมาหมื่นปีแล้ว ดวงวิญญาณของมันก็ยังไม่ได้มอดดับไป

พูดความจริงเลยว่า มังกรศักดิ์สิทธิ์นี่ค่อนข้างไม่ง่ายเลย!

……

ผ่านไปนาน น้ำเสียงอ่อนนุ่มดังขึ้นกลางหุบเขาอีก “โอ้ว ไม่เลวเลย!

เจ้าเด็กชั่วเจ้าเล่ห์ ไม่อยากเชื่อว่าข้าจะหลอกเจ้าไม่ได้ ไม่น่ารักเลยจริงๆ”

เมื่อเสียงดังขึ้น โครงกระดูกมังกรสูงพันจั้งก็เปล่งแสงหม่น ก่อนจะรวมขึ้นเป็นหญิงชุดคลุมดำรูปร่างผอมสูง

นางสวมชุดกระโปรงยาวสีดำ เส้นผมยาวพาดถึงบ่าปกคลุมไปครึ่งใบหน้า หน้าตางดงามยิ่ง

บนศีรษะนางมีเขามังกรสีชมพูสองเขา ดูยั่วยวนและต้องห้ามนิดๆ

และที่สำคัญกว่านั้นคือนางชั่วร้ายมาก น่าจะบอกว่า ‘ชั่วร้ายแบบทั้งใหญ่และขาวมาก!’

ในคนที่เสิ่นเทียนพบมาในชีวิตมีเพียงผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำเท่านั้นที่พอจะเทียบได้

แม้เสิ่นเทียนจะมีจิตใจดั่งนักปราชญ์ก็เกือบพ่ายแพ้!

หญิงชุดกระโปรงดำยิ้มหยอกเย้า ก่อนลอยมาข้างเสิ่นเทียนช้าๆ

นางรวบเส้นผมยาวช้าๆ หัวเราะเบาๆ “เจ้ามนุษย์น้อย หน้าตาดีใช้ได้เลย! ว่าอย่างไร อยากทำสัญญาเป็นนักรบมังกรผู้ทรงเกียรติหรือไม่”

หญิงมังกรชุดคลุมดำเข้ามาใกล้ๆ หูเสิ่นเทียนแล้วเป่าลมเหมือนกับเครื่องหอมเลื่องชื่อ

“ขอแค่เจ้าพยักหน้าก็จะปลดปล่อยข้าได้ แล้วข้าจะพิจารณาตอบตกลงเจ้า!

รสชาติของชีวิตเช่นนั้น มันสุดยอดมาก!”

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+