บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 459 สือเทียนจื่อเอ่ย ข้าแกร่งกว่าสหายเสิ่นรึ!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 459 สือเทียนจื่อเอ่ย ข้าแกร่งกว่าสหายเสิ่นรึ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 459 สือเทียนจื่อเอ่ย ข้าแกร่งกว่าสหายเสิ่นรึ!

เมื่อเห็นพลังที่แผ่มาจากเสิ่นเทียน ราชาเซียนฟ้าขุ่นจิตใจสั่นสะท้าน

แม้เขาจะรู้ว่าเสิ่นเทียนมีกายมรรคสวรรค์ประทาน แต่ก็ไม่นึกเลยว่าจะบ้าระห่ำขนาดนี้

คัมภีร์ราชาเซียนมีระดับความลึกซึ้งยากจะกล่าวได้ แฝงไว้ด้วยหลักการสูงสุดมหามรรค ต่อให้มีกายมรรคสวรรค์ประทานก็ไม่มีทางเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้ในเวลาอันสั้นขนาดนี้

ยอดผู้สูงส่งที่สุดแห่งยุคที่มีกายมรรคสวรรค์ประทานคนนั้นในอดีตฝึกคัมภีร์ราชาเซียนถึงขั้นสูง ยังต้องใช้เวลาหลายสิบปี

สร้างบันทึกสูงสุดในประวัติการณ์ในโลกเซียน ทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายตื่นตกใจ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครแซงหน้าได้

ตอนนี้ เสิ่นเทียนใช้เวลาเพียงสามปีก็ฝึกคัมภีร์มรรคครอบฟ้าถึงขั้นสูง ล้มล้างโลกทัศน์ของราชาเซียนฟ้าขุ่นไปเลย

ดูท่าคุณสมบัติกายของเจ้าหนูนี่คงไม่ใช่แค่กายมรรคสวรรค์ประทาน จะต้องมีความลับอื่นแน่นอน

มิน่าท่านผู้นั้นถึงถ่ายทอดมรดกให้เจ้าหนูนี่ เป็นปีศาจจริงๆ!

……

เมื่อเห็นราชาเซียนฟ้าขุ่นปรากฏตัว เสิ่นเทียนก็เดินหน้าเข้ามา “ผู้อาวุโส ผู้เยาว์ฝึกเสร็จสิ้นแล้ว”

ราชาเซียนฟ้าขุ่นตัวแข็งทื่อ แสร้งทำทีเป็นสงบนิ่ง “พรสวรรค์ของเจ้า แค่กๆ ถือว่าไม่เลว แน่นอนว่ายังด้อยกว่าข้าสมัยหนุ่มๆ นิดหน่อย”

ไม่รู้เลยว่าในใจราชาเซียนฟ้าขุ่นเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น เขาพูดเช่นนี้นั่นเพราะกลัวเสิ่นเทียนหลงระเริง

เสิ่นเทียนประสบความสำเร็จเช่นนี้คือที่สุดในประวัติการณ์ ไม่มีใครแซงหน้าได้ แม้แต่ตัวราชาเซียนฟ้าขุ่นเอง ในยุคนี้ก็ยังไม่มีทางประสบความสำเร็จเช่นนี้

แน่นอน เขาพูดในจุดนี้ไม่ได้ ราชาเซียนก็ต้องมีเกียรติเหมือนกัน!

เสิ่นเทียนถอนหายใจ “ดูท่าพรสวรรค์ของข้ายังแค่พอใช้ได้!”

การจะเป็นราชาเซียนต้องเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ คงอยู่ไร้พ่ายในโลกเซียน

ราชาเซียนฟ้าขุ่นบอกว่าตนด้อยกว่าเขาเล็กน้อย นั่นหมายความว่าข้ายังห่างชั้นกับสุดยอดโอรสสวรรค์โลกเซียน

ข้ายังต้องพยายามอีก!

……

พอได้ฟังคำพูดเสิ่นเทียน ราชาเซียนฟ้าขุ่นมุมปากกระตุก

ปีศาจอย่างเจ้าหนูนี่ยังเรียกว่าพอใช้ได้อีกหรือ เจ้าจะให้โอรสสวรรค์โลกเซียนอยู่อย่างไร

ราชาเซียนฟ้าขุ่นหน้าแดงเล็กน้อย “สหายน้อยอย่าถอดใจ แม้เจ้าจะเทียบข้าไม่ได้ แต่ก็เหนือกว่าโอรสสวรรค์เก้าส่วนของโลกเซียน ทว่าคัมภีร์มรรคครอบฟ้าของข้าไม่ใช่แค่นี้ ในนั้นยังซ่อนความลึกล้ำเอาไว้มากมาย

หากฝึกถึงจุดสูงสุด จะหลอมรวมผืนฟ้าจักรวาลมาใช้งานเองได้ สหายน้อยหมั่นฝึกฝนเพื่อก้าวหน้าไปอีกขั้นเถอะ”

คัมภีร์มรรคครอบฟ้าเป็นมรดกสูงสุดของสายเลือดราชาเซียนฟ้าขุ่น สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล

วิชานี้ต่อให้อยู่ในโลกเซียนก็เป็นมรดกสูงสุด มากพอจะทำให้ขุมอำนาจผู้สูงส่งมากมายสนใจ

ถึงอย่างไรก็เป็นคัมภีร์ราชาเซียน แฝงไว้ด้วยหลักการสูงสุดท่วงทำนองมรรคไม่มีสิ้นสุด

หากฝึกคัมภีร์มรรคครอบฟ้าถึงขั้นสูง จะเหนี่ยวนำพลังแห่งดารามาเสริมตนเองได้ หากฝึกถึงขั้นสมบูรณ์ ก็จะควบคุมพลังแห่งดาราได้

นี่เป็นพลังยิ่งใหญ่ฟ้าดิน มหาศาลยากจะคาดเดา น่าสะพรึงถึงที่สุด

เหนือกว่านี้ยังมีเหนือชั้น

เพียงแต่ขอบเขตนั้นไม่มีใครไปถึง จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยปรากฏ

แต่มีตำนานว่าเมื่อฝึกถึงขอบเขตเหนือชั้น จะเปลี่ยนตัวเองเป็นโลกจักรวาล แปลงเป็นฟ้าดิน

เสิ่นเทียนมีพรสวรรค์น่ากลัวเช่นนี้ ทำให้ราชาเซียนฟ้าขุ่นรู้สึกตื่นเต้นในใจ

ไม่ว่าอย่างไรเสิ่นเทียนก็ถือว่าเป็นผู้สืบทอดของเขา หากเสิ่นเทียนส่งเสริมคัมภีร์มรรคครอบฟ้าให้โด่งดัง เขาก็จะได้หน้าไปด้วย

ดังนั้นราชาเซียนฟ้าขุ่นถึงได้ชี้แนะเสิ่นเทียน หวังจะให้เขาพัฒนาไปอีกขั้น

เสิ่นเทียนตัวสั่นสะท้าน ไม่นึกเลยว่าคัมภีร์มรรคครอบฟ้าจะแฝงความลี้ลับไว้มากมายขนาดนี้ เขารู้สึกจริงๆ ว่าตนยังฝึกคัมภีร์มรรคครอบฟ้าไม่ถึงขั้นสมบูรณ์

ในภาพดาราจักรวาลไม่ใช่แค่มีหลักการสูงสุดมหามรรค แต่ยังเหมือนฟ้าดินมากกว่า ลึกล้ำยากจะคาดเดา

ทะเลดาราจักรวาล ไร้พรมแดน จะไปตระหนักรู้ในเวลาอันสั้นได้อย่างไร

เขาเพียงแค่ตระหนักรู้หลายวิชาที่แกร่งที่สุด ยังมีอะไรให้เรียนอีกมาก

เสิ่นเทียนป้องมือ “ขอบคุณที่ผู้อาวุโสชี้แนะมาก ผู้เยาว์จะไปฝึกฝนเดี๋ยวนี้!”

ราชาเซียนฟ้าขุ่นพยักหน้าด้วยความปลื้มใจ “ไปเถอะ! ไม่ต้องรีบ ยังมีเวลาอีกเยอะ!”

เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเสิ่นเทียนจะประสบความสำเร็จเพียงใด!

……

เสิ่นเทียนเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ตระหนักภาพดาราจักรวาลต่อ

ไม่นานนัก เขาก็รู้สึกว่าตนเหมือนจะหลอมรวมเข้าไปในภาพดาราจักรวาล อยู่ในทะเลดาราจักรวาลไร้พรมแดน

หมู่ดาวรายล้อม สว่างจ้าถึงที่สุด แสงเทพหลากสีวนเวียน

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนดีใจอยู่ข้างใน กระตุ้นเหนี่ยวเทพครอบฟ้าดูดซับพลังดารา ทันใดนั้นแสงดาราไม่มีสิ้นสุดเหมือนธารสวรรค์ตกลงมา

แสงเรืองรองส่องสว่าง ไหลเข้าไปในกายเขาทั้งหมด

ภายใต้การผลักดันของพลังแห่งดารา พลังบำเพ็ญเสิ่นเทียนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งแม้แต่ในกายยังเกิดการผลัดเปลี่ยนแปลกประหลาด

เพียงแต่ต้องใช้เวลาที่แน่นอนถึงจะปรากฏ!

……

นับตั้งแต่ที่พวกเสิ่นเทียนเข้ามาที่นี่ก็ผ่านไปสี่สิบเก้าปีแล้ว!

เงียบสงบมานานหลายปี ในที่สุดสือเทียนจื่อก็รู้สึกตัว

เขาตัวสั่นอย่างรุนแรง กลิ่นอายพลังในกายปั่นป่วนถึงที่สุด บ้าคลั่ง พุ่งไปมารอบๆ

ตอนนี้สือเทียนจื่อเหมือนจะธาตุไฟเข้าแทรก!

“ตื่นขึ้นมา!”

ตอนนี้เองเสียงเคร่งขรึมดังขึ้น เหมือนระฆังมหามรรค แฝงไว้ด้วยพลานุภาพมหัศจรรย์ สั่นสะท้านใจคน

พรวด!

สือเทียนจื่อกระอักเลือด ตื่นจากความเงียบ

เขาหน้าซีดขาว กลิ่นอายพลังห่อเหี่ยว เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัส

ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน เหมือนหลงทางในทะเลดาราไร้พรมแดน หาทิศทางกลับไม่พบ

ธาตุไฟเข้าแทรกเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก แม้จะถูกหยุดไว้ได้ แต่ก็ไม่รอดปลอดภัย

ทว่าไม่นานนักสือเทียนจื่อตั้งสติกลับมา นัยน์ตาฉายแววรู้สึกโชคดีเสี้ยวหนึ่ง

หากไม่ใช่เพราะราชาเซียนฟ้าขุ่นเอ่ย เขาอาจจะหลงทางในดาราจักรวาลแล้ว

“ขอบคุณผู้อาวุโสฟ้าขุ่นมาก!” สือเทียนจื่อพูดด้วยความซึ้งใจ

ราชาเซียนฟ้าขุ่นพลันปรากฏกายขึ้น ก่อนจะโบกมือ “ไม่เป็นไร! ตระหนักคัมภีร์มรรคครอบฟ้าถึงระดับนี้ได้ในเวลาสี่สิบเก้าปี ไม่เลวๆ!”

ราชาเซียนฟ้าขุ่นตกใจอยู่ภายใน ไม่นึกเลยว่าครั้งนี้จะเจอหน่ออ่อนดีขนาดนี้ เขารู้สึกว่าสือเทียนจื่อจะฝึกคัมภีร์มรรคครอบฟ้าถึงขั้นต้นแล้ว

แม้จะไม่บ้าเท่าเสิ่นเทียนที่ฝึกทุกวิชาสูงสุดในนั้นได้ แต่สือเทียนจื่อก็เข้าใจส่วนย่อยของเหนี่ยวเทพครอบฟ้า หมัดเทพฟ้าขุ่นและยอดค่ายกลดาราครอบฟ้าได้

พรสวรรค์เช่นนี้ไม่ธรรมดาเลย

….

เมื่อได้ฟังคำพูดของราชาเซียนฟ้าขุ่น สือเทียนจื่อก็ส่ายหน้าพลางยิ้มแห้งๆ “แซ่สือมีปัญญาโง่เขลา ยังตระหนักวิชาสุดท้ายไม่ได้!”

เขารู้สึกว่ายอดค่ายกลดาราครอบฟ้าต่างหากคือวิชาที่แกร่งที่สุด แต่ไม่ว่าเขาจะตระหนักรู้อย่างไรก็ไม่อาจทำลายธรณีประตูสุดท้ายได้ ได้แต่สัมผัสเล็กน้อยเท่านั้น

แต่สือเทียนจื่อมีจิตใจโอหัง ไม่ยอมแพ้มาตลอด อยากจะทำลายให้ได้

ยิ่งร้อนใจก็ยิ่งผิดพลาดได้ง่าย ดังนั้นเขาถึงเกือบหลงทางในจักรวาลไร้ที่สิ้นสุด ธาตุไฟเข้าแทรก

ราชาเซียนฟ้าขุ่นส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ทุกอย่างล้วนมีมูลเหตุ ในเมื่อเจ้าตระหนักไม่ได้ ก็แสดงว่าวิชานี้ไร้วาสนากับเจ้า หากฝืน จะได้ไม่คุ้มเสีย”

สือเทียนจื่อตัวสั่น นัยน์ตาฉายประกายแปลกประหลาด

คำพูดของราชาเซียนฟ้าขุ่นดังก้องในความคิดเขาไม่หยุด สภาพจิตใจเกิดการเปลี่ยนแปลงทีละนิด

ไม่นานนัก นัยน์ตาสือเทียนจื่อฉายประกายปล่อยวาง ละวางปมในใจลงทั้งหมด

เขาป้องมือพูดด้วยความเคารพ “ขอบคุณที่ผู้อาวุโสชี้แนะ แซ่สือเข้าใจแล้ว”

แม้จะตระหนักวิชานี้ไม่ได้ เขาก็ยังเป็นสือเทียนจื่อ ยังเป็นยอดผู้สูงส่งหนุ่ม

เมื่อเห็นสือเทียนจื่อปล่อยวางได้เร็วเช่นนี้ ราชาเซียนฟ้าขุ่นก็พยักหน้าพอใจ

เจ้าหนูนี่มีสภาพจิตใจและศักยภาพขนาดนี้ อนาคตจะต้องประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง

มรดกของข้าไปอยู่ในมือเจ้าเด็กนี่ ไม่ถือว่าน่าอับอาย!

…..

สือเทียนจื่อมองไปรอบๆ อยากจะดูว่าเสิ่นเทียนตระหนักรู้เป็นอย่างไรบ้าง จากนั้นเขาก็เห็นเสิ่นเทียนหลับตาปิดสนิท หงายมือหงายเท้าเงยหน้าขึ้นฟ้า ยังอยู่ในความเงียบสงบ

“สหายเสิ่นยังฝึกไม่เสร็จอีกรึ”

สือเทียนจื่อเกาศีรษะ ทำหน้างุนงง!

ไม่มีเหตุผลเลย!

ด้วยพรสวรรค์ของสหายเสิ่น หลายปีขนาดนี้ยังไม่ตระหนักรู้อีกรึ

หรือว่า…ทักษะการตระหนักรู้ของสหายเสิ่นจะเทียบข้าแซ่สือไม่ได้กัน

ไม่กระมัง! ไม่กระมัง! ไม่กระมัง!

คงไม่ใช่อย่างที่แซ่สือคิดจริงๆ หรอกนะ!

ดูจากที่สหายเสิ่นยังฝึกฝนอยู่แล้ว จะต้องเป็นเช่นนี้แน่!

นั่นหมายความว่าข้าแซ่สือมีทักษะการตระหนักรู้เหนือกว่าสหายเสิ่นรึ

สือเทียนจื่อทำหน้าดีใจใหญ่ เขามีกระดูกโอหังทั้งตัว ใช้ใจไร้พ่ายสำเร็จยอดผู้สูงส่งหนุ่ม

ก่อนหน้าที่จะเจอเสิ่นเทียน เรียกได้ว่าเขาเป็นโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในห้าดินแดน ดังนั้นสือเทียนจื่อจึงหยิ่งผยองมาตลอด ดูถูกคนรุ่นเดียวกันทุกคน

จนกระทั่งพ่ายแพ้ให้เสิ่นเทียน เขาถึงรู้ว่าเหนือคนมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า!

แม้จะพ่ายแพ้ แต่สือเทียนจื่อก็ยังมีจิตมุ่งมั่นในการต่อสู้เปี่ยมล้น

เขายังคงหาทางเอาชัยชนะคืนมาจากเสิ่นเทียน เพียงแต่ไม่มีโอกาสเลย โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ที่ได้อยู่กับเสิ่นเทียน เขาพบว่าความต่างระหว่างสองคนเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆ

สือเทียนจื่อคิดจะเอาชัยชนะกลับมาสักครั้ง แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลย!

ดังนั้นเขาจึงถูกกระทบกระเทือนจิตใจ กระทั่งคิดจะยอมแพ้

ทว่าเขาพลันได้เห็นภาพนี้

ตนตื่นมาแล้ว แต่เสิ่นเทียนยังไม่ตื่น บทสรุปก็ชัดเจนไม่ใช่รึ

นั่นหมายความว่าระดับการตระหนักรู้ของแซ่สือแกร่งกว่าสหายเสิ่น!

ฮ่าๆ สหายเสิ่นข้าขอโทษด้วย ในที่สุดแซ่สือก็ชนะเจ้าแล้ว!

สือเทียนจื่อลำพองใจอย่างยิ่ง คิดว่าตนชนะเสิ่นเทียนแล้ว

…..

เมื่อเห็นสือเทียนจื่อยิ้มชั่วร้าย ราชาเซียนฟ้าขุ่นก็ทำหน้างุนงง

เจ้าเด็กนี่มีความสุขอะไรกัน แม้แต่สีหน้ายังคุมไม่อยู่รึ

ยังหนุ่มจริงๆ คิดเยอะเช้าจรดเย็น

“แค่กๆ”

แม้ไม่รู้ว่าสือเทียนจื่อคิดอะไรอยู่ แต่ราชาเซียนฟ้าขุ่นก็ยังต้องขัด

เกิดมีความคิดอะไรไม่ดี จะทำตัวเองบาดเจ็บเอา!

ราชาเซียนฟ้าขุ่นเอ่ยราบเรียบ “เจ้าหมายถึงเจ้าหนูนั่นรึ เขาตระหนักคัมภีร์มรรคครอบฟ้าถึงขั้นสูงเมื่อสี่สิบหกปีก่อนแล้ว!”

สือเทียนจื่อพลันหน้าแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโตมาก “อะไรนะ สี่สิบหกปีก่อนรึ”

สือเทียนจื่อทำหน้างุนงง รู้สึกสมองดังวิ้งๆ

เวลาผ่านไปทั้งหมดสี่สิบเก้าปี แต่เสิ่นเทียนตระหนักรู้สำเร็จเมื่อสี่สิบหกปีก่อน นั่นแสดงว่าเขาใช้เวลาไปสามปีก็ตระหนักคัมภีร์มรรคครอบฟ้าถึงขั้นสูงรึ

บ้าจริง สหายเสิ่นเป็นปีศาจรึ

นี่ข้ายังคิดจะเทียบกับปีศาจตระหนักรู้อีกหรือ

สมองเพี้ยนไปแล้วรึ

แซ่สือจะต้องสมองยังไม่ตื่นกลับมาเป็นปกติ ถึงได้คิดเช่นนี้แน่!

…..

สือเทียนจื่อได้ฝึกคัมภีร์มรรคครอบฟ้าด้วยตนเอง รู้ซึ้งถึงความยากในนั้น

หากไม่ใช่เพราะสภาพแวดล้อมที่นี่ช่วยไว้ เขาคงไม่มีทางฝึกถึงขั้นต้นในเวลาสี่สิบเก้าปีแน่นอน

แต่เสิ่นเทียนกลับใช้เวลาไปเพียงสามปีก็ฝึกถึงขั้นสูง สามปีขั้นสูงกับสี่สิบเก้าปีขั้นต้น มันต่างกันมากเกินไปหน่อยกระมัง!

สือเทียนจื่อยิ้มแห้งๆ ส่ายหน้า “เทียบกับสหายเสิ่นแล้ว ข้าเหมือนขยะเลย”

ราชาเซียนฟ้าขุ่นมองค้อน แอบแขวะในใจ

อะไรคือเหมือน ใช่เลยต่างหาก!

แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เจ้า โอรสสวรรค์ทั้งหมดในโลกเซียนเป็นขยะเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าหนูนี่

แม้แต่ข้าเอง…

แค่กๆ ไม่พูดมากแล้ว!

แน่นอน ราชาเซียนฟ้าขุ่นย่อมไม่เอ่ยคำพูดพวกนี้ออกมา กลัวว่าจะทำลายความภูมิใจของเด็กน้อย

ราชาเซียนฟ้าขุ่นแสร้งพูดปลอบ “เด็กน้อย อย่าท้อถอยเลย ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า ถือว่าเป็นผู้โดดเด่นในโลกเซียน ขอแค่ไม่เทียบกับคนบางคน ก็ยังแข็งแกร่งมาก!”

สือเทียนจื่อสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนกลั้นใจพูด “ขอบคุณผู้อาวุโสมาก ผู้เยาว์ไม่เป็นไร”

เขารู้ว่าราชาเซียนฟ้าขุ่นพูดเช่นนี้เพื่อปลอบใจเขา

แต่สือเทียนจื่อไม่สนใจ กลับมีจิตมุ่งมั่นในการต่อสู้เอ่อล้น “สหายเสิ่นเป็นเป้าหมายที่แซ่สือไล่ตามมาตลอด ยิ่งเขาแกร่งมากเท่าไร ข้าก็ยิ่งมีกำลังขับเคลื่อน! รบกวนท่านราชาเซียนส่งผู้เยาว์ออกจากที่นี่ด้วย ข้าจะไปตามหาโชคลิขิต จะตามสหายเสิ่นให้ทัน!”

ด้วยสภาพตอนนี้ของสือเทียนจื่อ ไม่เหมาะจะฝึกฝนต่อแล้ว

ถึงอย่างไรเขาก็ใช้เวลาไปสี่สิบเก้าปียังไม่ก้าวหน้า ทั้งยังเกือบธาตุไฟเข้าแทรก

ต่อให้ฝึกต่อไปก็ไม่มีประโยชน์เลย สู้ยอมแพ้ไปก่อน ไปหาโชคลิขิตอื่นดีกว่า

โลกสะพานเชื่อมฟ้าเปิดร้อยปี ตอนนี้ผ่านไปมากกว่าครึ่ง จะเสียเวลาไม่ได้อีก

ราชาเซียนฟ้าขุ่นพยักหน้า “ดี ข้าจะส่งเจ้าไปเดี๋ยวนี้ เจ้ามีปัญหาไม่ธรรมดา อีกแปดร้อยปีคงจะฝึกวิชาสูงสุดในคัมภีร์มรรคครอบฟ้าได้”

คัมภีร์มรรคครอบฟ้าประทับในความคิดสือเทียนจื่อแล้ว แม้จะไม่เห็นภาพดาราจักรวาลก็ยังฝึกได้ เพียงแต่ใช้เวลานานหน่อยเท่านั้น

แต่สือเทียนจื่อมีพื้นฐานแล้ว ไม่ได้ยากมากเกินไป

สือเทียนจื่อป้องมือแสดงความเคารพราชาเซียนฟ้าขุ่น “สหายเสิ่นตื่นมาเมื่อไร รบกวนผู้อาวุโสบอกเขาทีว่า แซ่สือจะไปรอเขาที่สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย”

สือเทียนจื่อตั้งใจว่าจะใช้เวลานี้ยกระดับตัวเองให้เต็มที่

ถึงจะตามเสิ่นเทียนไม่ทัน เขาก็ต้องลดความต่างระหว่างสองคนให้มากที่สุด

ราชาเซียนฟ้าขุ่นพยักหน้า “ไปเถอะ!”

เขาโบกมือกว้าง ร่างสือเทียนจื่อพลันหายไปในกระดานหมากฟ้าขุ่น

…..

ราชาเซียนฟ้าขุ่นเพ่งมองเสิ่นเทียนก่อนพูดงึมงำ “เจ้าหนูนี่เงียบมาหลายปี ไม่รู้ว่าตระหนักรู้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

มาถึงระดับอย่างพวกเขา ปิดด่านบำเพ็ญครั้งหนึ่งก็ใช้เวลาหลายพันปีกระทั่งหมื่นปี ดังนั้นราชาเซียนฟ้าขุ่นจึงไม่แปลกใจเลย

ร่างเขาหายไปช้าๆ มีเพียงเสิ่นเทียนที่อยู่ในมิตินี้เพียงลำพัง

…..

และตอนนี้เอง จิตใจของเสิ่นเทียนอยู่ในทะเลจิตอันเงียบสงบ

ช่วงเวลานี้ เขากำลังศึกษาภาพดาราจักรวาล จิตใจท่องทะเลดาราไร้พรมแดน

จนถึงตอนนี้ เสิ่นเทียนถึงรู้ว่าในภาพดาราจักรวาลซ่อนความลับไว้เท่าไร

นี่ดูเหมือนสมบัติวิเศษชิ้นหนึ่ง แต่ก็เหมือนฟ้าดินมากกว่า ซ่อนผืนฟ้าจักรวาลไว้

จากการตระหนักรู้ เสิ่นเทียนเข้าสู่ขอบเขตฟ้ามนุษย์รวมเป็นหนึ่ง ลืมสิ่งรอบตัวและตนเอง!

ดังนั้นเขาจึงตระหนักคัมภีร์มรรคครอบฟ้าได้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งที่นี่ยังไม่ใช่แค่แดนศักดิ์สิทธิ์ตระหนักรู้ แต่ยังเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ฝึกบำเพ็ญ

ด้วยเหนี่ยวเทพครอบฟ้า เสิ่นเทียนฝึกฝนที่นี่เร็วกว่าภายนอกพันเท่าหมื่นเท่า

ผ่านการชะล้างด้วยแสงดาราไร้ที่สิ้นสุด ทำให้พลังบำเพ็ญและกลิ่นอายพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เหมือนคิดอะไรได้ ก็เกิดความคิดขึ้นในใจเสิ่นเทียน!

“กระบี่จงมา!”

เขาตะโกนเสียงดัง แสงสีขาวเงินพุ่งออกมาจากในกาย ตกลงในมือเขา

นั่นคือตัวอ่อนกระบี่สีเงิน ปราณเบิกฟ้าวนเวียน ดูไม่ธรรมดามาก

เพียงแต่หน้าตาดูอัปลักษณ์นิดๆ ด้านบนมีหลุมบ่อเต็มไปหมด โกโรโกโส น่าเกลียด ไม่มีเค้าตัวอ่อนกระบี่แม้แต่นิด

นี่คืออาวุธมรรคชีวิตของเขา…ตัวอ่อนกระบี่เบิกฟ้า

นี่คืออาวุธชีวิตที่เสิ่นเทียนใช้เคล็ดหลอมสร้างคบเพลิงเบิกฟ้าหลอมขึ้น

เพียงแต่ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง ทำให้เขาลืมตัวอ่อนกระบี่นี้ไป

ตอนนี้มีเวลาพอดี เขาจึงจะหลอมตัวอ่อนกระบี่เบิกฟ้าให้ดูดีขึ้นมาหน่อย

หน้าตาเช่นนี้เอาออกไป ช่างขายหน้าจริงๆ

……

เสิ่นเทียนประสานมุทรา เหนี่ยวนำพลังแห่งดารารวมเป็นไฟแห่งดารา

ไฟแห่งดาราลุกโชตช่วง แกว่งไกวไม่หยุด แผ่กลิ่นอายพลังน่ากลัว เผาทำลายห้วงอากาศเป็นความว่างเปล่า

เสิ่นเทียนโบกมือกว้าง นำตัวอ่อนกระบี่เบิกฟ้าใส่เข้าไปหลอมในไฟแห่งดารา ในความคิดก็นึกถึงหน้าตาของกระบี่ฟ้าสังหาร

เขาพูดงึมงำ “หวังว่าครั้งนี้จะหลอมออกมาหน้าตาดีหน่อย”

ไฟดาราร้อนแรง หล่อหลอมตัวอ่อนกระบี่ขาวเงินนี้เรื่อยๆ ทำให้ทุกส่วนของมันเปล่งแสงเทพหลากสี

แสงสว่างพร่างพราว แสบตาถึงที่สุด

ภายใต้การเผาด้วยเพลิงดาราไม่หยุดนี้ ตัวอ่อนกระบี่ขาวเงินกำลังผลัดเปลี่ยนทีละนิด เพียงแต่ต้องใช้เวลาที่แน่นอน

…..

เก้าวันเก้าคืนต่อมา

ในที่สุดก็หลอมเสร็จ ตัวอ่อนกระบี่ในตอนแรกกลายเป็นกระบี่ยาวสีเงินยาวสามฉื่อ

ตัวกระบี่ยาวเปล่งแสงเรืองรองสีเงิน ตัวกระบี่คล่องแคล่ว เต็มไปด้วยความรู้สึกเป็นลายเส้นสาย

ตัวกระบี่ประทับลายเทพไม่มีสิ้นสุด เหมือนมีภาพดาราเบิกฟ้าลอยอยู่ ลี้ลับอย่างยิ่ง

“ในที่สุดก็หลอมสำเร็จแล้ว!”

เสิ่นเทียนดีใจอยู่ข้างใน ในที่สุดเขาก็ไม่ได้หลอมเป็นไม้กระบองอีก

เสิ่นเทียนถือกระบี่ยาวสีขาวเงิน พลันรู้สึกถึงคนกับกระบี่หลอมรวมเป็นหนึ่ง

นี่คืออาวุธมรรคชีวิต จะแกร่งขึ้นไปพร้อมๆ กับตนเอง หนึ่งอาวุธทลายหมื่นกฎเกณฑ์

ส่วนศักยภาพของเสิ่นเทียนก็เหนือกว่าเมื่อก่อน หลังจากหลอมกระบี่ยาวเล่มนี้ออกมา กลิ่นอายพลังก็น่ากลัวอย่างยิ่ง

การได้อาวุธเทพ ทำให้เสิ่นเทียนอดใจไม่ไหวอยากลอง

เขากวัดแกว่งกระบี่ แสงกระบี่กระเพื่อมฟ้าเก้าชั้น พลันยิงแสงกระบี่สีขาวเงินสายหนึ่ง

แสงกระบี่สว่างฟ้า พุ่งขึ้นนภาเข้าไปในทะเลเมฆเก้าชั้น เหมือนจะฟันตะวันจันทราและดาราตกลงมา!

แสงกระบี่ผ่านที่ใด ห้วงอากาศพลันฉีกขาด แม้แต่กฎเกณฑ์มหามรรคยังดับสูญไปทั้งหมด ลำดับปั่นป่วนพังทลายลง

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนใจสั่นสะท้าน

อานุภาพของกระบี่ยาวนี้เหนือยิ่งกว่ากระบี่ฟ้าสังหาร บรรลุระดับอาวุธเซียนสูงสุด!

กระบี่นี้มีพลังยิ่งใหญ่ที่ฟันกฎเกณฑ์มหามรรค เป็นอาวุธเทพที่สุดแห่งยุค

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกระบี่นี้ยังแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตามเสิ่นเทียน!

เสิ่นเทียนตื่นเต้นในใจอย่างยิ่ง ไม่นึกเลยว่าการเดินทางครั้งนี้จะได้อะไรมามากมาย

ไม่ใช่แค่ได้คัมภีร์มรรคครอบฟ้า แต่ยังสร้างอาวุธเทพสูงสุดเช่นนี้มาได้อีก

เสิ่นเทียนดวงตาลุกวาว “จากนี้จะเรียกเจ้าว่ากระบี่ดาราเบิกฟ้าแล้วกัน”

กระบี่นี้เขาใช้ปราณเบิกฟ้าหลอม ใช้ไฟแห่งดาราช่วยหลอม แฝงไว้ด้วยอานุภาพมหาศาล

ดังนั้น ตั้งชื่อนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย

ชิ้ง!

กระบี่ยาวส่งเสียงร้อง!

เหมือนชอบนามนี้ที่เสิ่นเทียนตั้งให้มาก

“ชอบก็ดี!”

เสิ่นเทียนยิ้มก่อนจะเก็บกระบี่ดาราเบิกฟ้าไว้ในกาย

กระบี่ดาราเบิกฟ้าหลอมรวมเข้าไปในกายเหมือนกับกระบี่ฟ้าสังหาร

เพียงแต่ว่าหนึ่งอยู่ในกลีบปอด อีกหนึ่งอยู่ในตันเถียน ไม่กระทบกระทั่งกัน

…..

หลังจากเก็บกระบี่ดาราเบิกฟ้าไป เสิ่นเทียนกลอกตา จิตใจเข้าไปสู่โลกจิตวิมานม่วง

ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เขามีสีหน้าเหม่อลอย ทำหน้ามึนงง

…..

ในโลกเล็กในกายเขากำลังขยายใหญ่ด้วยความเร็วน่ากลัว

โลกจิตวิมานม่วงของเสิ่นเทียนเดิมทีก็ใหญ่กว่าคนอื่นแล้ว ต่อมาเพราะดรุณยักษ์เบิกฟ้าเปิดนภาผ่าปฐพี วาดเป็นอากาศธาตุสลัว ทำให้ที่นี่กลายเป็นโลกหนึ่ง

แต่ว่าโลกเล็กในตัวเสิ่นเทียนก่อนหน้านี้มีแค่ราวๆ พันลี้

ทว่าตอนนี้ขยายใหญ่ไปหมื่นลี้

อีกทั้งยังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กว้างขึ้นเรื่อยๆ!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด