บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 225 อันดับหนึ่งในรอบหมื่นปี บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 225 อันดับหนึ่งในรอบหมื่นปี บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 225 อันดับหนึ่งในรอบหมื่นปี บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

บนเวทีประลองเทพสงคราม หญิงสวมชุดสีสันห้าสีขยับประกายแสงคล่องแคล่วว่องไว

ตัวนางถูกคลุมด้วยแสงสีทองสว่าง ความสูงศักดิ์และงดงาม ทุกสิ่งสรรพสิ่งไม่ปนเปื้อนกาย

ใช่ หญิงคนนี้คือข่งเมิ่ง

นางเอาชนะร่างเงาโอรสสวรรค์สี่ดาวในหอคอยเทพสงครามไม่หยุด ความชำนาญในแสงเทพห้าสีเพิ่มขึ้นอย่างมาก กระทั่งแม้แต่ศิลาเทพสงครามยังยอมรับในศักยภาพแฝงของนาง ส่งนางไปติดอันดับโอรสสวรรค์ห้าดาวอย่างเป็นทางการ

แต่สิ่งที่ทำให้ข่งเมิ่งไม่พอใจคือ นางท้าสู้กับโอรสสวรรค์ห้าดาวครั้งหนึ่ง แต่กลับถูกกดดันในการประลองมาตลอด ยากจะสวนกลับได้

ข่งเมิ่งไม่ใช่ผู้อ่อนแอที่จะพ่ายแพ้ไม่เป็น นางรู้ว่าตนกับโอรสสวรรค์ห้าดาวจากโลกเซียนมีความต่างกันอยู่บ้าง อีกทั้งบนศิลาเทพสงคราม ตอนนี้นางอยู่เพียงอันดับสิบสอง

หรือก็คือคนที่เข้ามาในหอคอยเทพสงครามตลอดหมื่นปีมานี้มีคนที่แกร่งกว่านางในระดับเดียวกันไม่น้อย

“ไร้พ่ายในดินแดนทักษิณยังไม่พอจริงๆ เหนือฟ้ายังมีฟ้า!”

ข่งเมิ่งสาดแสงเทพห้าสีเป็นดาบสวรรค์ตัดโอรสสวรรค์สี่ดาวตรงหน้ากลายเป็นเงา

‘ถึงการร่ายดาบแสงเทพจะเร็ว แต่ก็ยังไม่พอ ข้าน่าจะทำได้เร็วกว่านี้! ไม่รู้ว่าหลายวันมานี้เหตุใดสหายเสิ่นถึงยังไม่เริ่มฝึกฝน เราเข้ามาในหอคอยเทพสงครามพร้อมกันชัดๆ’

ไม่มีใครรู้จักพรสวรรค์ของเสิ่นเทียนดีไปกว่าข่งเมิ่งแล้ว

ต้องรู้ว่าแม้แต่ข่งเมิ่งยังใช้ระดับพลังสร้างฐานกดดันมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณได้แค่ตัวเดียว แต่เสิ่นเทียนใช้พลังระดับสร้างฐานสังหารมารโลหิตห้าตัวได้ในเวลาอันสั้น

ถึงจะบอกว่าฉวยโอกาสจู่โจมช่องโหว่ แต่ข่งเมิ่งรู้ดีว่าพรสวรรค์ของเสิ่นเทียนอยู่เหนือกว่าตนอย่างแน่นอน

ในมุมมองข่งเมิ่ง บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนต้องติดอันดับศิลาเทพสงครามอย่างน้อยสามอันดับแรก!

นางเพิ่งคิดได้ดังนั้น ดวงตาพลันเป็นสมาธิเล็กน้อย เพราะนางพบว่าอันดับของตนขยับแล้ว

ไม่ได้ขึ้น แต่ลดลง

อันดับของนางจากสิบสองกลายเป็นสิบสาม นี่หมายความว่ามีคนแซงหน้านาง

‘เป็นสหายเสิ่น นอกจากเขาแล้วไม่มีใครในกลุ่มที่มีคุณสมบัติอยู่หน้าข้าได้’

ดวงตาข่งเมิ่งขยับประกายวาว ก่อนจะมองไปบนศิลาเทพสงครามอย่างเฝ้ารอคอย ‘ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่อันดับที่เท่าไร’

อันดับที่สิบสอง ไม่ใช่

อันดับที่สิบเอ็ด ไม่ใช่

อันดับที่สิบ ไม่ใช่

อันดับที่เก้า ไม่ใช่

……

อันดับที่สาม ก็ยังไม่ใช่!

ข่งเมิ่งมองอันดับสองบนศิลาเทพสงครามด้วยความตื่นตกใจ

พบว่าบนนั้นแกะสลักนามสีทองอร่าม ‘สอง เสิ่นเทียน โอรสสวรรค์ห้าดาว’

กลายเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มโอรสสวรรค์ห้าดาว เป็นรองเพียงฮวงสือโอรสสวรรค์หกดาวเพียงคนเดียวในรอบหมื่นปี

สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียน สมกับเป็นบุรุษที่ข้าข่งเมิ่งยอมรับ!

ข่งเมิ่งยิ้มพอใจ ‘พรสวรรค์เช่นนี้ ผู้อาวุโสในเผ่าไม่น่าจะคัดค้านแล้ว’

ภายใต้สภาวะสภาพจิตใจใสสะอาด ข่งเมิ่งรู้สึกว่าระดับความเข้าใจในแสงเทพห้าสีของตนเหมือนจะพัฒนาขึ้นอีกเล็กน้อย ขึ้นไปอีกขั้นแล้ว

หลังจากนั่งสมาธิชั่วครู่ นางก็ลืมตาขึ้นช้าๆ “ดวงจิตหอคอย จับคู่โอรสสวรรค์ห้าดาวให้ข้าต่อเถอะ! ในเมื่อสหายเสิ่นเป็นโอรสสวรรค์อันดับสองแล้ว ข้าก็จะล้าหลังมากไม่ได้!”

เพิ่งพูดจบก็พบว่านามอันดับสองในตอนแรกขยับแสงอีกครั้ง

ใช่ นามของเสิ่นเทียนขึ้นมาอันดับหนึ่งบนศิลาเทพสงคราม

หนึ่ง เสิ่นเทียน โอรสสวรรค์เจ็ดดาว!

ขนาดข่งเมิ่งประเมินเสิ่นเทียนไว้สูงสุดแล้ว ตอนนี้ก็ยังตกใจจนพูดไม่ออก

โอรสสวรรค์เจ็ดดาวหรือ

นี่หมายความว่าอย่างไรกัน

ต้องรู้ว่าหอคอยเทพสงครามค่อนข้างมีชื่อเสียงในดินแดนบูรพา

ปกติการฝึกฝนในสนามรบบรรพกาลทุกๆ ห้าปีจะมีศิษย์ฝ่ายเซียนจำนวนมากตามหาหอคอยเทพสงคราม กระทั่งดินแดนทักษิณ ทะเลอุดร ทะเลทรายประจิมและทวีปกลาง บางครั้งก็ยังมีโอรสสวรรค์บางส่วนมาร่วมตามหาหอคอยเทพสงครามด้วย

ก็เหมือน ‘ฮวงสือ’ อันดับหนึ่งหอคอยเทพสงครามคนก่อน ก็เป็นสุดยอดโอรสสวรรค์จากทวีปกลางเมื่อแปดพันปีก่อน เขาเป็นคนเดียวที่หอคอยเทพสงครามจัดให้เป็นโอรสสวรรค์หกดาว นำหน้าอยู่เหนือทุกคนไปไกลโข

และแปดพันปีมานี้เขาก็ไม่ได้ทำให้หอคอยเทพสงครามผิดหวัง เพราะเขาไร้พ่ายในห้าดินแดนจริงๆ

แต่ตอนนี้ตำนานของฮวงสือถูกทำลายแล้ว

เขาไม่ใช่อันดับหนึ่งบนศิลาเทพสงครามอีก แต่โดนเสิ่นเทียนเขี่ยลงมา

นี่หมายความว่าอะไร

หมายความว่าเสิ่นเทียนมีศักยภาพที่จะกลายเป็นฮวงสือคนที่สอง กระทั่งเหนือกว่าฮวงสือ

หากข่าวนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าห้าดินแดนได้สั่นสะเทือนเพราะเรื่องนี้อย่างแน่นอน ถึงอย่างไรฮวงสือก็มีอิทธิพลมากมายเหลือเกิน!

แปดพันปีมานี้ อย่าว่าแต่ตัวฮวงสือเองเลย แม้แต่ลูกหลานของเขายังเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในหนึ่งดินแดน ถ้าปุถุชนรู้เข้าว่าเสิ่นเทียนเหนือกว่าฮวงสือในหอคอยเทพสงคราม

เสิ่นเทียนจะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งห้าดินแดน มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วใต้หล้า!

ข่งเมิ่งตาเป็นประกายระยิบระยับ “สมกับเป็นเจ้า!”

…….

อีกบนเวทีประลอง เสี่ยวหลิงเซียนกำลังย่างก้าวช้าๆ

ทุกย่างก้าวของนางจะรวมเป็นดอกบัวพลังวิญญาณบนเวทีประลอง เกิดดอกบัวทุกก้าว

ศัตรูกวัดแกว่งดาบยาวโจมตีใส่เซียวหลิงไม่หยุด แต่ก็ไม่อาจทำอะไรนางได้

จนเมื่อเสี่ยวหลิงเซียนเดินก้าวที่สามสิบหก ดอกบัวสามสิบหกดอกบนเวทีประลองก็เปล่งแสงสว่าง รวมเป็นค่ายกลรางๆ

ดอกบัวสีเขียวเปล่งแสงดอกหนึ่งบานบนเวที กลีบดอกไม้ไร้ที่สิ้นสุดโปรยปราย

ปิ่นปักผมบนศีรษะนางพลันเปล่งแสงสว่างจ้า ก่อนจะมีหงส์เพลิงตัวหนึ่งพุ่งออกไป

โอรสสวรรค์ที่อยู่ตรงข้ามถูกจู่โจมด้วยกลีบดอกไม้ดั่งคมกระบี่กับหงส์เพลิง ทำให้กลายเป็นเศษเงาสลายไป

ฟู่ว~!

เสี่ยวหลิงเซียนหอบหายใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก

อยู่บนสนามรบมาเก้าวันเก้าคืน ในที่สุดก็เอาชนะโอรสสวรรค์สามดาวได้สำเร็จ

ถึงครั้งนี้จะโชคดีเอาชนะมาได้เพราะนางชนะทางรูปแบบการต่อสู้ของอีกฝ่าย อีกทั้งยังใช้ชีพจรวิญญาณในเคล็ดมองลอดวิญญาณสวรรค์เร่งรัดใช้วิชาลับ ถึงได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบได้ แต่ก็ยังเอาชนะโอรสสวรรค์สามดาวได้ยากมาก

อย่างน้อย แม้แต่อินทรีทองบางตัวก็ยังทำไม่ได้ขนาดนี้

อย่าพูดว่าดวงดีดวงไม่ดี แพ้ทางหรือไม่แพ้ทางอะไรเลย ดวงชะตาก็เป็นส่วนหนึ่งของศักยภาพเช่นกัน!

เซียวหลิงยิ้ม การต่อสู้ที่รู้สึกว่าตัวเองแกร่งขึ้นอย่างชัดเจนแบบนี้ทำให้คนเสพติดดีจริงๆ

ตอนนี้เอง นางชำเลืองตาไปมองศิลาเทพสงครามอีกด้านของเวทีประลอง

ตอนที่เห็นนามของเสิ่นเทียนอยู่อันดับหนึ่งบนศิลาเทพสงครามนั้น ร่างที่ตอนแรกเบาสบายของเซียวหลิงก็ตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้า ยังแกร่งไม่พอ! มีเพียงแกร่งขึ้นเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เคียงข้างพี่เสิ่นเทียน!”

……..

บนเวทีประลองที่สาม กุ้ยกงกงกลายร่างเป็นเศษเงา ในมือถือกระบี่อ่อนเล่มหนึ่ง บนตัวมีสายฟ้าสีเขียวขยับแสง นั่นคืออัสนีเทพหกประสานธาตุไม้ลำดับสอง

เขาในตอนนี้ผสมผสานอัสนีเทพหกประสานกับพลังของคัมภีร์มารสู่สุริยันเข้ากันได้แล้ว ทำให้ความเร็วมากขึ้นกว่าเดิม

ตอนนี้เขาแทงกระบี่ออกไป ทั่วทั้งฟ้าดินกลายเป็นเงากระบี่ มากพอจะทำให้ศัตรูระดับเดียวกันตาลาย ก่อนจะถูกสังหารทั้งๆ อย่างนั้น

ชิ้ง!

กระบี่วิญญาณเข้าฝัก โอรสสวรรค์สองดาวตรงข้ามค่อยๆ หายไป

เก้าวันมานี้กุ้ยกงกงอาศัยโชคลิขิตที่เสิ่นเทียนมอบให้รวมถึงฝึกฝนด้วยตัวเองอย่างหนักไม่หยุด ทำให้ศักยภาพของเขาพุ่งขึ้นอย่างมาก!

อาจจะพูดได้ว่าทุกคนข้างกายเสิ่นเทียนมีศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก!

ตอนนี้เอง กุ้ยกงกงก็มองศิลาเทพสงครามข้างเวทีประลองเช่นกัน เมื่อเห็นนามเปล่งแสงตรงอันดับหนึ่งแล้ว เขาก็ยิ้มปลื้มใจ

‘สมกับเป็นองค์ชาย ไม่อยากเชื่อว่าจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในโอรสสวรรค์ทั้งหมดที่มาในรอบหมื่นปีนี้ องค์ชายก้าวหน้าเช่นนี้ หากพระสนมหลานในแดนปรโลกรู้เข้า ก็คงจะตายตาหลับแล้ว’

………..

ตอนนี้ในหอคอยเทพสงคราม ทุกคนกำลังตกใจกับการเปลี่ยนแปลงบนศิลาเทพสงคราม

ในมุมมองพวกเขา เสิ่นเทียนใช้ศักยภาพไร้พ่ายในระดับเดียวกันอยู่เหนือโอรสสวรรค์ทั้งหมดในรอบหมื่นปีมานี้ได้

พวกเขาก็จะมีเกียรติร่วมด้วย!

ทว่าตอนนี้บนชั้นเจ็ดของหอคอยเทพสงคราม เสิ่นเทียนกลับอึดอัดใจเสียจนปวดไข่

“ผู้อาวุโส นี่หมายความว่าอย่างไรกัน!”

อันดับหนึ่งในศิลาเทพสงครามอะไรนี่ เหตุใดเจ้าจัดอันดับเช่นนี้

ไหนบอกว่ายุติธรรมตรงไปตรงมาไม่มีเส้นสายไง!

ข้าเอาชนะซินชิงอีโอรสสวรรค์สี่ดาว เจ้าก็ส่งโอรสสวรรค์ระดับห้าดาวมาให้ข้านั่นไม่เท่าไร ถึงอย่างไรข้าก็สังหารซินชิงอีได้ในพริบตา อนุญาตให้เจ้าประเมินข้าสูงขึ้นได้หน่อย

แต่เจ้าส่งข้าไปอันดับสองในโอรสสวรรค์ห้าดาวทันที กดอาจารย์ข้ากับอาจารย์ลุงข้าลงไป

ทำไม อยากให้ข้าโดนผู้อาวุโสกลั่นแกล้งหรือ!

นี่ไม่เท่าไร

ตอนประลองครั้งที่สอง ตอนข้าดวลกับอาจารย์สมัยหนุ่ม

ข้ายอมแพ้ไม่ใช่รึ ข้าโดนอาจารย์อัดเสียจนไม่มีแรงสู้กลับ เจ้ามองไม่ออกรึไง

ข้าเอาชนะแม้แต่โอรสสวรรค์ห้าดาวอย่างอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ เหตุใดเจ้าถึงส่งข้าไปเป็นโอรสสวรรค์เจ็ดดาวกัน

เจ้าจัดอันดับเช่นนี้ คงจะจัดแบบวงการบันเทิงล่ะสิ!

ทั้งยังกดฮวงสือไว้ใต้ก้นข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้าฮวงสือนั่นสุดยอดขนาดไหนแล้ว

ถ้าเกิดลูกหลานเขารู้เรื่องนี้ก็คงจะพากันมาหาเรื่อง

แล้วข้าจะใช้ชีวิตสงบๆ ต่อไปได้อย่างไร

เมื่อสัมผัสได้ถึงความคับแค้นใจในน้ำเสียงของเสิ่นเทียนแล้ว ชายชราชุดคลุมม่วงเยี่ยฉิงชางลูบเครา ก่อนจะยิ้มพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อ

ศิลาโบราณสีดำลอยขึ้นตรงหน้าเสิ่นเทียน

เยี่ยฉิงชางชี้ไปที่มุมขวาใต้ศิลาโบราณ พบว่าตรงมุมขวาใต้ศิลาโบราณนั้นแกะสลักอักษรแถวเล็ก

‘จัดอันดับจากการประเมินและสรุปผล อำนาจการตีความสุดท้ายเป็นของหอคอยเทพทั้งหมด’

เสิ่นเทียนงุนงง

อะไรคืออำนาจการตีความสุดท้ายเป็นของหอคอยเทพทั้งหมด

เจ้าทำเช่นนี้ยังมีหน้ามาพูดว่าตัวเองยุติธรรมตรงไปตรงมาอีกรึ

เสิ่นเทียนพูดอย่างจนปัญญา “ผู้อาวุโส ท่านเห็นพรสวรรค์ของผู้เยาว์ตรงไหนกัน คู่ควรให้เรียกว่า ‘โอรสสวรรค์เจ็ดดาว’ หรือ”

เยี่ยฉิงชางตอบอย่างมีเหตุผล “เจ้ามีหน้าตาแทบจะหล่อเหลาเหมือนกับข้าตอนหนุ่ม พรสวรรค์จะไม่แกร่งได้อย่างไร”

เสิ่นเทียน “หรือว่าการจัดอันดับศิลาเทพสงครามไม่มีหลักการวิเคราะห์อะไร ท่านจะจัดอย่างไรก็ได้อย่างนั้นหรือ”

เยี่ยฉิงชางพยักหน้า “ข้าเป็นแขกจากโลกเซียน หรือไม่มีอำนาจโน้มน้าวพอกัน”

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก “จัดอันดับเช่นนี้มีคนเชื่อจริงๆ หรือ”

เยี่ยฉิงชางยิ้มทีเล่นทีจริง “เชื่อหรือไม่เจ้าไม่รู้หรือ”

เสิ่นเทียนพูดไม่ออกแล้ว

เยี่ยฉิงชางรู้สึกเหมือนมีอารมณ์ขึ้นตามบ้างแล้ว จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเองก็ไม่ต้องร้อนใจไป ใต้ศิลาเทพสงครามนี่ก็บอกไว้แล้วไม่ใช่รึ ว่าอำนาจการตีความสุดท้ายในการจัดอันดับเป็นของหอคอยเทพสงครามทั้งหมด

หรือก็คือขอแค่เจ้ารับหอคอยเทพสงครามไป เป็นเจ้านายของหอคอยเทพสงคราม เจ้าก็จะจัดอันดับได้เองตามใจไม่ใช่รึ ถึงตอนนั้นเจ้าอยากจัดอันดับตัวเองอยู่ที่เท่าไรก็เอาเลย กระทั่งไม่ต้องจัดอันดับก็ได้ แบบนี้จะได้ไม่ต้องกังวล”

เมื่อเห็นเยี่ยฉิงชางยิ้มเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์แล้ว เสิ่นเทียนกัดฟันกรอด

ตาแก่นี่ ขุดหลุมให้ข้ากระโดดลงไปชัดๆ!

ข้าว่านะดีเลวอย่างไรหอคอยนี่ก็เป็นของวิเศษเซียนอันยิ่งใหญ่ จำเป็นต้องรีบร้อนให้ข้ารับเป็นนายขนาดนี้เชียวหรือ เห็นๆ อยู่ว่าวงรัศมีเหนือศีรษะข้าเป็นแค่สีเขียวจุดแดงเท่านั้น!

นี่มัน…เวรกรรมจริงๆ!

……………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 225 อันดับหนึ่งในรอบหมื่นปี บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 225 อันดับหนึ่งในรอบหมื่นปี บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 225 อันดับหนึ่งในรอบหมื่นปี บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

บนเวทีประลองเทพสงคราม หญิงสวมชุดสีสันห้าสีขยับประกายแสงคล่องแคล่วว่องไว

ตัวนางถูกคลุมด้วยแสงสีทองสว่าง ความสูงศักดิ์และงดงาม ทุกสิ่งสรรพสิ่งไม่ปนเปื้อนกาย

ใช่ หญิงคนนี้คือข่งเมิ่ง

นางเอาชนะร่างเงาโอรสสวรรค์สี่ดาวในหอคอยเทพสงครามไม่หยุด ความชำนาญในแสงเทพห้าสีเพิ่มขึ้นอย่างมาก กระทั่งแม้แต่ศิลาเทพสงครามยังยอมรับในศักยภาพแฝงของนาง ส่งนางไปติดอันดับโอรสสวรรค์ห้าดาวอย่างเป็นทางการ

แต่สิ่งที่ทำให้ข่งเมิ่งไม่พอใจคือ นางท้าสู้กับโอรสสวรรค์ห้าดาวครั้งหนึ่ง แต่กลับถูกกดดันในการประลองมาตลอด ยากจะสวนกลับได้

ข่งเมิ่งไม่ใช่ผู้อ่อนแอที่จะพ่ายแพ้ไม่เป็น นางรู้ว่าตนกับโอรสสวรรค์ห้าดาวจากโลกเซียนมีความต่างกันอยู่บ้าง อีกทั้งบนศิลาเทพสงคราม ตอนนี้นางอยู่เพียงอันดับสิบสอง

หรือก็คือคนที่เข้ามาในหอคอยเทพสงครามตลอดหมื่นปีมานี้มีคนที่แกร่งกว่านางในระดับเดียวกันไม่น้อย

“ไร้พ่ายในดินแดนทักษิณยังไม่พอจริงๆ เหนือฟ้ายังมีฟ้า!”

ข่งเมิ่งสาดแสงเทพห้าสีเป็นดาบสวรรค์ตัดโอรสสวรรค์สี่ดาวตรงหน้ากลายเป็นเงา

‘ถึงการร่ายดาบแสงเทพจะเร็ว แต่ก็ยังไม่พอ ข้าน่าจะทำได้เร็วกว่านี้! ไม่รู้ว่าหลายวันมานี้เหตุใดสหายเสิ่นถึงยังไม่เริ่มฝึกฝน เราเข้ามาในหอคอยเทพสงครามพร้อมกันชัดๆ’

ไม่มีใครรู้จักพรสวรรค์ของเสิ่นเทียนดีไปกว่าข่งเมิ่งแล้ว

ต้องรู้ว่าแม้แต่ข่งเมิ่งยังใช้ระดับพลังสร้างฐานกดดันมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณได้แค่ตัวเดียว แต่เสิ่นเทียนใช้พลังระดับสร้างฐานสังหารมารโลหิตห้าตัวได้ในเวลาอันสั้น

ถึงจะบอกว่าฉวยโอกาสจู่โจมช่องโหว่ แต่ข่งเมิ่งรู้ดีว่าพรสวรรค์ของเสิ่นเทียนอยู่เหนือกว่าตนอย่างแน่นอน

ในมุมมองข่งเมิ่ง บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนต้องติดอันดับศิลาเทพสงครามอย่างน้อยสามอันดับแรก!

นางเพิ่งคิดได้ดังนั้น ดวงตาพลันเป็นสมาธิเล็กน้อย เพราะนางพบว่าอันดับของตนขยับแล้ว

ไม่ได้ขึ้น แต่ลดลง

อันดับของนางจากสิบสองกลายเป็นสิบสาม นี่หมายความว่ามีคนแซงหน้านาง

‘เป็นสหายเสิ่น นอกจากเขาแล้วไม่มีใครในกลุ่มที่มีคุณสมบัติอยู่หน้าข้าได้’

ดวงตาข่งเมิ่งขยับประกายวาว ก่อนจะมองไปบนศิลาเทพสงครามอย่างเฝ้ารอคอย ‘ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่อันดับที่เท่าไร’

อันดับที่สิบสอง ไม่ใช่

อันดับที่สิบเอ็ด ไม่ใช่

อันดับที่สิบ ไม่ใช่

อันดับที่เก้า ไม่ใช่

……

อันดับที่สาม ก็ยังไม่ใช่!

ข่งเมิ่งมองอันดับสองบนศิลาเทพสงครามด้วยความตื่นตกใจ

พบว่าบนนั้นแกะสลักนามสีทองอร่าม ‘สอง เสิ่นเทียน โอรสสวรรค์ห้าดาว’

กลายเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มโอรสสวรรค์ห้าดาว เป็นรองเพียงฮวงสือโอรสสวรรค์หกดาวเพียงคนเดียวในรอบหมื่นปี

สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียน สมกับเป็นบุรุษที่ข้าข่งเมิ่งยอมรับ!

ข่งเมิ่งยิ้มพอใจ ‘พรสวรรค์เช่นนี้ ผู้อาวุโสในเผ่าไม่น่าจะคัดค้านแล้ว’

ภายใต้สภาวะสภาพจิตใจใสสะอาด ข่งเมิ่งรู้สึกว่าระดับความเข้าใจในแสงเทพห้าสีของตนเหมือนจะพัฒนาขึ้นอีกเล็กน้อย ขึ้นไปอีกขั้นแล้ว

หลังจากนั่งสมาธิชั่วครู่ นางก็ลืมตาขึ้นช้าๆ “ดวงจิตหอคอย จับคู่โอรสสวรรค์ห้าดาวให้ข้าต่อเถอะ! ในเมื่อสหายเสิ่นเป็นโอรสสวรรค์อันดับสองแล้ว ข้าก็จะล้าหลังมากไม่ได้!”

เพิ่งพูดจบก็พบว่านามอันดับสองในตอนแรกขยับแสงอีกครั้ง

ใช่ นามของเสิ่นเทียนขึ้นมาอันดับหนึ่งบนศิลาเทพสงคราม

หนึ่ง เสิ่นเทียน โอรสสวรรค์เจ็ดดาว!

ขนาดข่งเมิ่งประเมินเสิ่นเทียนไว้สูงสุดแล้ว ตอนนี้ก็ยังตกใจจนพูดไม่ออก

โอรสสวรรค์เจ็ดดาวหรือ

นี่หมายความว่าอย่างไรกัน

ต้องรู้ว่าหอคอยเทพสงครามค่อนข้างมีชื่อเสียงในดินแดนบูรพา

ปกติการฝึกฝนในสนามรบบรรพกาลทุกๆ ห้าปีจะมีศิษย์ฝ่ายเซียนจำนวนมากตามหาหอคอยเทพสงคราม กระทั่งดินแดนทักษิณ ทะเลอุดร ทะเลทรายประจิมและทวีปกลาง บางครั้งก็ยังมีโอรสสวรรค์บางส่วนมาร่วมตามหาหอคอยเทพสงครามด้วย

ก็เหมือน ‘ฮวงสือ’ อันดับหนึ่งหอคอยเทพสงครามคนก่อน ก็เป็นสุดยอดโอรสสวรรค์จากทวีปกลางเมื่อแปดพันปีก่อน เขาเป็นคนเดียวที่หอคอยเทพสงครามจัดให้เป็นโอรสสวรรค์หกดาว นำหน้าอยู่เหนือทุกคนไปไกลโข

และแปดพันปีมานี้เขาก็ไม่ได้ทำให้หอคอยเทพสงครามผิดหวัง เพราะเขาไร้พ่ายในห้าดินแดนจริงๆ

แต่ตอนนี้ตำนานของฮวงสือถูกทำลายแล้ว

เขาไม่ใช่อันดับหนึ่งบนศิลาเทพสงครามอีก แต่โดนเสิ่นเทียนเขี่ยลงมา

นี่หมายความว่าอะไร

หมายความว่าเสิ่นเทียนมีศักยภาพที่จะกลายเป็นฮวงสือคนที่สอง กระทั่งเหนือกว่าฮวงสือ

หากข่าวนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าห้าดินแดนได้สั่นสะเทือนเพราะเรื่องนี้อย่างแน่นอน ถึงอย่างไรฮวงสือก็มีอิทธิพลมากมายเหลือเกิน!

แปดพันปีมานี้ อย่าว่าแต่ตัวฮวงสือเองเลย แม้แต่ลูกหลานของเขายังเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในหนึ่งดินแดน ถ้าปุถุชนรู้เข้าว่าเสิ่นเทียนเหนือกว่าฮวงสือในหอคอยเทพสงคราม

เสิ่นเทียนจะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งห้าดินแดน มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วใต้หล้า!

ข่งเมิ่งตาเป็นประกายระยิบระยับ “สมกับเป็นเจ้า!”

…….

อีกบนเวทีประลอง เสี่ยวหลิงเซียนกำลังย่างก้าวช้าๆ

ทุกย่างก้าวของนางจะรวมเป็นดอกบัวพลังวิญญาณบนเวทีประลอง เกิดดอกบัวทุกก้าว

ศัตรูกวัดแกว่งดาบยาวโจมตีใส่เซียวหลิงไม่หยุด แต่ก็ไม่อาจทำอะไรนางได้

จนเมื่อเสี่ยวหลิงเซียนเดินก้าวที่สามสิบหก ดอกบัวสามสิบหกดอกบนเวทีประลองก็เปล่งแสงสว่าง รวมเป็นค่ายกลรางๆ

ดอกบัวสีเขียวเปล่งแสงดอกหนึ่งบานบนเวที กลีบดอกไม้ไร้ที่สิ้นสุดโปรยปราย

ปิ่นปักผมบนศีรษะนางพลันเปล่งแสงสว่างจ้า ก่อนจะมีหงส์เพลิงตัวหนึ่งพุ่งออกไป

โอรสสวรรค์ที่อยู่ตรงข้ามถูกจู่โจมด้วยกลีบดอกไม้ดั่งคมกระบี่กับหงส์เพลิง ทำให้กลายเป็นเศษเงาสลายไป

ฟู่ว~!

เสี่ยวหลิงเซียนหอบหายใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก

อยู่บนสนามรบมาเก้าวันเก้าคืน ในที่สุดก็เอาชนะโอรสสวรรค์สามดาวได้สำเร็จ

ถึงครั้งนี้จะโชคดีเอาชนะมาได้เพราะนางชนะทางรูปแบบการต่อสู้ของอีกฝ่าย อีกทั้งยังใช้ชีพจรวิญญาณในเคล็ดมองลอดวิญญาณสวรรค์เร่งรัดใช้วิชาลับ ถึงได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบได้ แต่ก็ยังเอาชนะโอรสสวรรค์สามดาวได้ยากมาก

อย่างน้อย แม้แต่อินทรีทองบางตัวก็ยังทำไม่ได้ขนาดนี้

อย่าพูดว่าดวงดีดวงไม่ดี แพ้ทางหรือไม่แพ้ทางอะไรเลย ดวงชะตาก็เป็นส่วนหนึ่งของศักยภาพเช่นกัน!

เซียวหลิงยิ้ม การต่อสู้ที่รู้สึกว่าตัวเองแกร่งขึ้นอย่างชัดเจนแบบนี้ทำให้คนเสพติดดีจริงๆ

ตอนนี้เอง นางชำเลืองตาไปมองศิลาเทพสงครามอีกด้านของเวทีประลอง

ตอนที่เห็นนามของเสิ่นเทียนอยู่อันดับหนึ่งบนศิลาเทพสงครามนั้น ร่างที่ตอนแรกเบาสบายของเซียวหลิงก็ตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้า ยังแกร่งไม่พอ! มีเพียงแกร่งขึ้นเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เคียงข้างพี่เสิ่นเทียน!”

……..

บนเวทีประลองที่สาม กุ้ยกงกงกลายร่างเป็นเศษเงา ในมือถือกระบี่อ่อนเล่มหนึ่ง บนตัวมีสายฟ้าสีเขียวขยับแสง นั่นคืออัสนีเทพหกประสานธาตุไม้ลำดับสอง

เขาในตอนนี้ผสมผสานอัสนีเทพหกประสานกับพลังของคัมภีร์มารสู่สุริยันเข้ากันได้แล้ว ทำให้ความเร็วมากขึ้นกว่าเดิม

ตอนนี้เขาแทงกระบี่ออกไป ทั่วทั้งฟ้าดินกลายเป็นเงากระบี่ มากพอจะทำให้ศัตรูระดับเดียวกันตาลาย ก่อนจะถูกสังหารทั้งๆ อย่างนั้น

ชิ้ง!

กระบี่วิญญาณเข้าฝัก โอรสสวรรค์สองดาวตรงข้ามค่อยๆ หายไป

เก้าวันมานี้กุ้ยกงกงอาศัยโชคลิขิตที่เสิ่นเทียนมอบให้รวมถึงฝึกฝนด้วยตัวเองอย่างหนักไม่หยุด ทำให้ศักยภาพของเขาพุ่งขึ้นอย่างมาก!

อาจจะพูดได้ว่าทุกคนข้างกายเสิ่นเทียนมีศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก!

ตอนนี้เอง กุ้ยกงกงก็มองศิลาเทพสงครามข้างเวทีประลองเช่นกัน เมื่อเห็นนามเปล่งแสงตรงอันดับหนึ่งแล้ว เขาก็ยิ้มปลื้มใจ

‘สมกับเป็นองค์ชาย ไม่อยากเชื่อว่าจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในโอรสสวรรค์ทั้งหมดที่มาในรอบหมื่นปีนี้ องค์ชายก้าวหน้าเช่นนี้ หากพระสนมหลานในแดนปรโลกรู้เข้า ก็คงจะตายตาหลับแล้ว’

………..

ตอนนี้ในหอคอยเทพสงคราม ทุกคนกำลังตกใจกับการเปลี่ยนแปลงบนศิลาเทพสงคราม

ในมุมมองพวกเขา เสิ่นเทียนใช้ศักยภาพไร้พ่ายในระดับเดียวกันอยู่เหนือโอรสสวรรค์ทั้งหมดในรอบหมื่นปีมานี้ได้

พวกเขาก็จะมีเกียรติร่วมด้วย!

ทว่าตอนนี้บนชั้นเจ็ดของหอคอยเทพสงคราม เสิ่นเทียนกลับอึดอัดใจเสียจนปวดไข่

“ผู้อาวุโส นี่หมายความว่าอย่างไรกัน!”

อันดับหนึ่งในศิลาเทพสงครามอะไรนี่ เหตุใดเจ้าจัดอันดับเช่นนี้

ไหนบอกว่ายุติธรรมตรงไปตรงมาไม่มีเส้นสายไง!

ข้าเอาชนะซินชิงอีโอรสสวรรค์สี่ดาว เจ้าก็ส่งโอรสสวรรค์ระดับห้าดาวมาให้ข้านั่นไม่เท่าไร ถึงอย่างไรข้าก็สังหารซินชิงอีได้ในพริบตา อนุญาตให้เจ้าประเมินข้าสูงขึ้นได้หน่อย

แต่เจ้าส่งข้าไปอันดับสองในโอรสสวรรค์ห้าดาวทันที กดอาจารย์ข้ากับอาจารย์ลุงข้าลงไป

ทำไม อยากให้ข้าโดนผู้อาวุโสกลั่นแกล้งหรือ!

นี่ไม่เท่าไร

ตอนประลองครั้งที่สอง ตอนข้าดวลกับอาจารย์สมัยหนุ่ม

ข้ายอมแพ้ไม่ใช่รึ ข้าโดนอาจารย์อัดเสียจนไม่มีแรงสู้กลับ เจ้ามองไม่ออกรึไง

ข้าเอาชนะแม้แต่โอรสสวรรค์ห้าดาวอย่างอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ เหตุใดเจ้าถึงส่งข้าไปเป็นโอรสสวรรค์เจ็ดดาวกัน

เจ้าจัดอันดับเช่นนี้ คงจะจัดแบบวงการบันเทิงล่ะสิ!

ทั้งยังกดฮวงสือไว้ใต้ก้นข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้าฮวงสือนั่นสุดยอดขนาดไหนแล้ว

ถ้าเกิดลูกหลานเขารู้เรื่องนี้ก็คงจะพากันมาหาเรื่อง

แล้วข้าจะใช้ชีวิตสงบๆ ต่อไปได้อย่างไร

เมื่อสัมผัสได้ถึงความคับแค้นใจในน้ำเสียงของเสิ่นเทียนแล้ว ชายชราชุดคลุมม่วงเยี่ยฉิงชางลูบเครา ก่อนจะยิ้มพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อ

ศิลาโบราณสีดำลอยขึ้นตรงหน้าเสิ่นเทียน

เยี่ยฉิงชางชี้ไปที่มุมขวาใต้ศิลาโบราณ พบว่าตรงมุมขวาใต้ศิลาโบราณนั้นแกะสลักอักษรแถวเล็ก

‘จัดอันดับจากการประเมินและสรุปผล อำนาจการตีความสุดท้ายเป็นของหอคอยเทพทั้งหมด’

เสิ่นเทียนงุนงง

อะไรคืออำนาจการตีความสุดท้ายเป็นของหอคอยเทพทั้งหมด

เจ้าทำเช่นนี้ยังมีหน้ามาพูดว่าตัวเองยุติธรรมตรงไปตรงมาอีกรึ

เสิ่นเทียนพูดอย่างจนปัญญา “ผู้อาวุโส ท่านเห็นพรสวรรค์ของผู้เยาว์ตรงไหนกัน คู่ควรให้เรียกว่า ‘โอรสสวรรค์เจ็ดดาว’ หรือ”

เยี่ยฉิงชางตอบอย่างมีเหตุผล “เจ้ามีหน้าตาแทบจะหล่อเหลาเหมือนกับข้าตอนหนุ่ม พรสวรรค์จะไม่แกร่งได้อย่างไร”

เสิ่นเทียน “หรือว่าการจัดอันดับศิลาเทพสงครามไม่มีหลักการวิเคราะห์อะไร ท่านจะจัดอย่างไรก็ได้อย่างนั้นหรือ”

เยี่ยฉิงชางพยักหน้า “ข้าเป็นแขกจากโลกเซียน หรือไม่มีอำนาจโน้มน้าวพอกัน”

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก “จัดอันดับเช่นนี้มีคนเชื่อจริงๆ หรือ”

เยี่ยฉิงชางยิ้มทีเล่นทีจริง “เชื่อหรือไม่เจ้าไม่รู้หรือ”

เสิ่นเทียนพูดไม่ออกแล้ว

เยี่ยฉิงชางรู้สึกเหมือนมีอารมณ์ขึ้นตามบ้างแล้ว จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเองก็ไม่ต้องร้อนใจไป ใต้ศิลาเทพสงครามนี่ก็บอกไว้แล้วไม่ใช่รึ ว่าอำนาจการตีความสุดท้ายในการจัดอันดับเป็นของหอคอยเทพสงครามทั้งหมด

หรือก็คือขอแค่เจ้ารับหอคอยเทพสงครามไป เป็นเจ้านายของหอคอยเทพสงคราม เจ้าก็จะจัดอันดับได้เองตามใจไม่ใช่รึ ถึงตอนนั้นเจ้าอยากจัดอันดับตัวเองอยู่ที่เท่าไรก็เอาเลย กระทั่งไม่ต้องจัดอันดับก็ได้ แบบนี้จะได้ไม่ต้องกังวล”

เมื่อเห็นเยี่ยฉิงชางยิ้มเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์แล้ว เสิ่นเทียนกัดฟันกรอด

ตาแก่นี่ ขุดหลุมให้ข้ากระโดดลงไปชัดๆ!

ข้าว่านะดีเลวอย่างไรหอคอยนี่ก็เป็นของวิเศษเซียนอันยิ่งใหญ่ จำเป็นต้องรีบร้อนให้ข้ารับเป็นนายขนาดนี้เชียวหรือ เห็นๆ อยู่ว่าวงรัศมีเหนือศีรษะข้าเป็นแค่สีเขียวจุดแดงเท่านั้น!

นี่มัน…เวรกรรมจริงๆ!

……………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+