บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 457 ภาพดาราจักรวาล

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 457 ภาพดาราจักรวาล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 457 ภาพดาราจักรวาล

ตอนนี้เอง ทุกคนเพ่งสมาธิไปที่กระดานหมากฟ้าขุ่น

คำพูดของสยงเหมิ่งก่อนหน้านี้ทำให้คนมากมายเกิดความสงสัยในใจ

พวกเขาคิดว่าเสิ่นเทียนเดินหมากเช่นนี้จะต้องมีความลับบางอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าด้วยศาสตร์การเล่นหมากของพวกเขาเลยไม่เข้าใจ

ดังนั้น ทุกคนจึงอยากดูว่าเสิ่นเทียนจะแก้กระดานหมากนี้อย่างไร

ตอนนี้เอง เสิ่นเทียนเดินหน้าไปกับสือเทียนจื่อเรื่อยๆ

ทุกครั้งสือเทียนจื่อจะถามตำแหน่งการลงหมากของเสิ่นเทียน จากนั้นเดินหน้าอีก

เสิ่นเทียนโต้ตอบไวมาก ไม่ต้องคิดนานมากเหมือนคนอื่น ดังนั้นสองคนจึงเดินหมากกันเร็วมาก

ตำแหน่งการเดินหมากของพวกเขาแปลกมาก ไม่มีหลักการทั่วไปเลย ผลของการเดินหมากไม่เปลี่ยนไปมาก แม้บางครั้งจะถูกหมากดำขวาง แต่ก็มีจำนวนน้อยมาก ไม่ต้องกลัว

ด้วยศักยภาพของสองคนจึงจัดการเงามายาที่เดินมาจากหมากดำได้

คนจากโลกภายนอกเผยแววตาสับสน มองด้วยความงุนงง

พูดให้ถูกคือพวกเขาไม่เข้าใจกระดานหมากนี้เลย เพราะวิธีการเดินหมากของเสิ่นเทียนไม่สมเหตุผลมาก ไม่มีศาสตร์การเล่นหมากเลยสักนิด

แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้คือวิธีของพวกเขา ต้องไม่มีทางรอดแน่นอน เพราะหมากดำปรากฏมาในรูปแบบปิดล้อมแล้ว ล้อมหมากขาวไว้ทั้งหมด อีกไม่นานหมากขาวจะถูกกลืนกินปิดล้อมสังหาร

…..

และสือเทียนจื่อไม่รู้ทุกอย่างนี้

สือเทียนจื่อกำลังอยู่ในห้วงความดีใจ เพราะเขาพบว่าทุกครั้งเสิ่นเทียนจะมีความคิดตรงกับเขา

เขาดีใจมาก คิดว่าศาสตร์การเล่นหมากของตนอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพราะอย่างไรเสิ่นเทียนก็มีศาสตร์การเล่นหมากชำนาญ และเขามีความคิดเหมือนกับเสิ่นเทียน

นั่นหมายความว่าศาสตร์การเล่นหมากของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

สือเทียนจื่อปลงอนิจจังในใจ

ดูท่าแซ่สือคงประเมินตัวเองต่ำไปมาตลอด ที่แท้ข้าก็เป็นอัจฉริยะวิถีหมาก!

“สหายเสิ่น แซ่สือมีข้อเสนอ ก้าวต่อไปเดินตรงนี้เป็นอย่างไร”

สือเทียนจื่ออยากลองเลือกตำแหน่งดูบ้าง เขาคิดว่าตนเข้าใจแก่นแท้ของการเดินหมากแล้ว อยากจะพิสูจน์

เสิ่นเทียนพยักหน้า “วีรบุรุษมักมีความคิดคล้ายคลึงกัน แซ่เสิ่นก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน!”

เขาเชื่อในการเลือกของสือเทียนจื่อมาก

เมื่อได้ฟังคำตอบของเสิ่นเทียน สือเทียนจื่อก็ก้าวไปอย่างแน่วแน่

ลงมาแล้วก็ยังปลอดภัยอยู่จริงๆ

สือเทียนจื่อทำหน้าดีใจ “ขอบคุณที่สหายเสิ่นชี้แนะมาก แซ่สือเข้าใจแล้ว”

เขาปลงในใจอย่างยิ่ง สหายเสิ่นสมกับเป็นสหายสนิทในชีวิตนี้ของแซ่สือจริงๆ

ตามข้างกายสหายเสิ่น ได้เรียนรู้อะไรมากมาย!

เสิ่นเทียนยิ้ม “สหายสือมีพรสวรรค์เหนือกว่าคนอื่น ข้าบอกแล้วว่าเจ้าทำได้!”

เขามองหน้าผากของสือเทียนจื่อ ด้านบนมีภาพหนึ่งลอยอยู่ลับๆ

…..

สองคนเดินหน้าต่อไป แต่ยิ่งเดินไปช่วงหลัง สถานการณ์ก็ซับซ้อนขึ้น

พวกเขาเริ่มถูกหมากดำปิดล้อม แม้จำนวนไม่เยอะ แต่ก็เข้าสู่สถานการณ์หยุดชะงัก

ถึงตรงนี้สือเทียนจื่อไม่กล้าเดินหมากตามใจแล้ว กลัวว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น

เขามองเสิ่นเทียนก่อนถามอีกครั้ง “สหายเสิ่น ก้าวต่อไปจะเดินอย่างไรดี”

เสิ่นเทียนชี้ไปตำแหน่งหนึ่ง “ตรงนี้ สหายสือเจ้าคิดอย่างไร”

สือเทียนจื่อพยักหน้า “แซ่สือก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน”

เสิ่นเทียนยิ้ม “ในเมื่อเราคิดเหมือนกัน เช่นนั้นต้องไม่ผิดแน่”

สือเทียนจื่อพยักหน้าอย่างจริงจัง “สหายเสิ่นพูดมีเหตุผล พวกเราเดินก้าวต่อไปตรงนี้แล้วกัน”

เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนมุมปากกระตุกอย่างบ้าคลั่ง

ตอนนี้พวกเขาเพิ่งเข้าใจ นี่มีความลับอะไรที่ไหนกัน นี่มันสองคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรจึงเดินหมากมั่วต่างหาก ดูเหมือนควบคุมดุดันดั่งพยัคฆ์ แต่ความจริงทุกอย่างมั่วหมด!

ศาสตร์การเล่นหมากเช่นนี้ หาสักคนลงไป บางทีอาจจะเดินได้ดีกว่าพวกเขา

ปรากฏว่าสองคนนี้ยังคิดว่าตนเองมีศาสตร์การเล่นหมากสูงส่ง ช่างน่าเห็นใจ

อืม สองคนนี้สุดยอดจริงๆ!

ผู้แข็งแกร่งอาวุโสคนหนึ่งส่ายหน้า “จบแล้ว”

สองคนดูเหมือนปลอดภัย แต่ถูกหมากดำล้อมไว้หมดแล้ว กล่าวได้ว่าตอนนี้สถานการณ์หมากไม่มีทางรอดใดๆ เลย

หมากดำเยอะขึ้นเรื่อยๆ กระดานหมากตายลงเรื่อยๆ สุดท้ายจะแตกพ่ายย่อยยับ พวกเขาเดินก้าวใดจะเจอกับทางตัน

แต่สือเทียนจื่อไม่รู้ เขายังเดินก้าวสุดท้ายด้วยความมั่นใจ!

บึ้ม!

แสงเทพพุ่งขึ้นฟ้า สีสันหลากสีสว่างจ้า

ปรากฏหมากดำลอยขึ้นรอบทิศ ล้อมพวกเขาไว้ทั้งหมด คลื่นพลังน่ากลัวหมุนม้วนเข้ามา พุ่งขึ้นฟ้า สะเทือนทะเลหมอกฟ้าเก้าชั้น

เงามายามากมายเดินออกมาจากหมากดำ กลิ่นอายพลังน่ากลัวสุดขีด เหมือนจะพลิกกลับฟ้าดิน

ภาพนี้เหมือนจะทำลายล้างฟ้าดิน

ผู้แข็งแกร่งอาวุโสส่ายหน้าถอนหายใจ “พวกเขาสองคนเดินมาถึงก้าวนี้ได้เพราะดวงดีทั้งนั้น แต่กระดานหมากตายแล้ว ไม่มีแรงให้พลิกกระดานอีก ไม่รู้ว่าพวกเขาจะฝ่าออกไปได้หรือไม่!”

สถานการณ์ตอนนี้อันตรายกว่าสถานการณ์ของพวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก่อนหน้า

หมากดำมีจำนวนมากจนยากจะจินตนาการได้ มองไปมีแต่สีดำมืด

ทุกคนมองแล้วใจสั่นไหว หนาวสั่นไปทั้งตัว

ถูกหมากดำปิดล้อมมากขนาดนี้ แม้แต่มหาอริยะยังนองเลือด

ด้วยกำลังรบของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับสือเทียนจื่อ ก็อาจจะออกไปไม่ได้อย่างปลอดภัย

ทุกคนคิดว่าสองคนมีแนวโน้มไปทางร้ายมากกว่าดี

สือเทียนจื่อหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย เขามองกองทัพหมากดำไม่มีสิ้นสุดพลางรู้สึกขนหัวลุก

“สหายเสิ่น ตอนนี้เอาอย่างไรดี”

ต่อให้เป็นคนที่มีศาสตร์การเล่นหมากแย่กว่านี้ก็รู้ว่าไม่มีทางให้ไป

เสิ่นเทียนพูดอย่างมีแผนอยู่ในใจแล้ว “ไม่เป็นไร พวกเรารอดูการเปลี่ยนแปลงของมันก่อน!”

สือเทียนจื่อเผยแววตาแปลกใจ ปลงอนิจจังอยู่ในใจ

สมกับเป็นสหายเสิ่น เจอกับสถานการณ์เช่นนี้ยังไม่ตื่นตระหนก

ข้าเทียบกับสหายเสิ่นแล้ว สภาพจิตใจต่างกันมาก

เมื่อคิดได้ดังนั้นสือเทียนจื่อก็สงบนิ่งลง เตรียมจะทำศึก

….

ทว่าพลันมีเสียงแห่งมหามรรคดังแว่วมาจากอากาศ

เสียงมรรคไหลเอื่อย ดังก้องฟ้าดิน

ทันใดนั้นทุกคนใจสั่นสะท้าน มองไปก็เห็นบนฟ้ากระดานหมากฟ้าขุ่นมีเงาเลือนรางลอยอยู่สองร่าง

นั่นเป็นบุรุษกับเด็กกำลังเล่นหมากกัน สถานการณ์บนกระดานหมากตรงหน้าพวกเขาเหมือนกับที่พวกเสิ่นเทียนสองคนเดินทุกประการ

เมื่อเห็นกระดานหมากถูกกำหนดแล้ว บุรุษหยัดกายขึ้นช้าๆ ทางด้านเด็กก็รีบยืนขึ้น

“อาจารย์ ไปครั้งนี้เพราะเหตุใด”

เสียงของเด็กเหมือนดังมาจากกาลเวลาไร้ที่สิ้นสุด ข้ามผ่านจากยุคโบราณมาถึงปัจจุบัน

ว่างเปล่าลอยล่อง ทำให้คนจับต้องไม่ได้

ทุกคนใจสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดเช่นนี้ขึ้น

บุรุษถอนหายใจ “เหยียบต่างแดน สังหารวิญญาณร้าย สยบกลียุค พิทักษ์อาณาประชาราษฎร์”

เสียงนี้เคร่งขรึมจริงจัง ระหว่างพูดยังแผ่ความน่าเกรงขามออกไปอย่างมาก

เด็กถามอีกครั้ง “อาจารย์จะกลับมาเมื่อไร”

ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวลและอาลัยอาวรณ์ เหมือนการแยกจากครั้งนี้จะไม่ได้พบกันชั่วนิรันดร์

บุรุษตอบกลับ “เมื่อสงครามสงบลง อาจารย์จะกลับมา”

……

คำสนทนานี้ดูเหมือนสั้น แต่กลับทำให้คนมากมายเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในใจ

มีคนจิตใจหม่นหมองเงียบๆ มีคนน้ำตาคลอ เกิดความเศร้าในใจ

พวกเขาเหมือนเห็นช่วงที่มหาเคราะห์ภัยยุคโบราณมาเยือน ฟ้าดินถูกข้าศึกเข้ายึด

ทุกที่มีแต่ภูเขาศพทะเลกระดูก โลหิตไหลนองเห็นสายน้ำ

ผู้แข็งแกร่งมากมายก้าวออกจากบ้านไปสู่สนามรบ ต้องสู้สงครามโลหิตกับศัตรูต่างแดน ปกป้องครอบครัว

แต่สุดท้ายคนมากมายสิ้นชีพลง เหลือไว้เพียงความหม่นหมองเศร้าสลดให้ชนรุ่นหลัง

นี่คือชะตาชีวิตของพวกเขา และเป็นความจำใจของพวกเขา

แม้พวกเขาจะปกป้องครอบครัว แต่ก็ไม่อาจได้กลับบ้านเกิด ไม่ได้พบคนรู้จักเก่าอีกครั้ง

…..

จิตใจของทุกคนตกอยู่ในห้วงคำพูดนี้

ตอนนี้ท้องฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

ท้องฟ้าสว่างสดใสพลันมีดาราเต็มฟ้าและแสงสว่างตกลงมา ปกคลุมฟ้าดิน

จุดแสงดาวสว่างจ้าถึงที่สุด สะท้อนลงบนกระดานหมากฟ้าขุ่น ปกคลุมตัวพวกเสิ่นเทียนสองคนไว้ทั้งหมด

พวกเขาอยู่กลางแสงสว่างไม่มีที่สิ้นสุด สัมผัสการชะล้างของแสงดาว ท่วงท่าสง่างามเป็นที่สุด

ทันใดนั้น พลังมิติแก่กล้าพุ่งออกมาจากกลางกระดานหมากฟ้าขุ่น พริบตาเดียวร่างเงาสองคนพลันหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน

แม้แต่กระดานหมากฟ้าขุ่นยังปิดลง หายไปในโลกสะพาน

เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนมีสีหน้าตกใจกลัว

“เกิดอะไรขึ้น บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับสือเทียนจื่อไปที่ใดกัน”

“กระดานหมากฟ้าขุ่นก็ปิดลงแล้ว พวกเขาเหมือนจะถูกเคลื่อนย้ายไปรึ!”

“เหตุใดถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้”

“หรือว่าพวกเขาจะแก้กระดานหมากฟ้าขุ่นได้จริงๆ”

…….

ตั้งแต่ที่กระดานหมากฟ้าขุ่นปรากฏ ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้มาก่อน แต่ตอนนี้ ไม่ใช่แค่มีเสียงมรรคตกลงมา แม้แต่กระดานหมากฟ้าขุ่นยังเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้น

เห็นทีว่าคงมีแต่การผ่านกระดานหมากนี้เท่านั้นถึงอธิบายสถานการณ์นี้ได้ชัดเจน

คนมากมายร้องอุทาน “ที่แท้ในนี้ก็มีความลับอยู่จริงด้วย!”

“ประสบการณ์พวกเรายังน้อยไป”

“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ต่างหากคืออัจฉริยะศาสตร์การเล่นหมากที่แท้จริง!”

“เขาเห็นความลับทุกอย่าง ตามหาวิธีแก่กระดานหมากเจอได้”

ก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดว่าเสิ่นเทียนไม่เข้าใจศาสตร์การเล่นหมากเลย แต่กลับพบว่าตนเองต่างหากที่เป็นตัวตลก

พวกเขาเต็มไปด้วยความเลื่อมใสในตัวเสิ่นเทียน นัยน์ตาฉายแววชื่นชม

“แก้กระดานหมากฟ้าขุ่นได้ ต้องได้มรดกสูงสุดแน่นอน!”

“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สมกับเป็นบุตรแห่งโชคจริงๆ!”

…….

ตอนนี้เอง เสิ่นเทียนกับสือเทียนจื่อมาปรากฏในอีกมิติหนึ่ง

ที่นี่มีแสงดาราวนเวียน กฎเกณฑ์ตกลงมา เหมือนทะเลดารา แสงหลากสีอย่างยิ่ง

โดยรอบปกคลุมด้วยดวงดารา แสงสว่างจ้า กระทั่งยังเห็นธารน้ำเงินลากผ่าน

“ที่นี่…คือที่ใด”

สือเทียนจื่อเผยแววตาตกใจระคนสงสัย เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แปลกเช่นนี้มาก่อน

เสิ่นเทียนมีสีหน้าราบเรียบ ไม่เคลื่อนไหว

ตอนนี้เองห้วงอากาศตรงหน้าสองคนสั่นกระเพื่อม ก่อนจะยิงประกายเซียนไร้ที่สิ้นสุดออกมา

จากนั้นมีร่างเงาหนึ่งก้าวออกมาจากอากาศ

นั่นเป็นร่างเงายิ่งใหญ่สวมเกราะสีเงิน ทั่วร่างคลุมด้วยแสงดาราขมุกขมัว มองเห็นใบหน้าแท้จริงไม่ชัด

กลิ่นอายพลังเขามหาศาลดั่งมหาสมุทร ทะเลไหลไปตามใจ ยิ่งใหญ่ถึงที่สุด!

เมื่อพบร่างเงานี้ สือเทียนจื่อกับเสิ่นเทียนตัวสั่นสะท้าน

แกร่งมาก!

คนนี้คือผู้แข็งแกร่งสูงสุด!

สือเทียนจื่อเอ่ยด้วยความเคารพ “ผู้อาวุโส ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ใดรึ”

ร่างเงานั้นเอ่ยเนิบนาบ “ที่นี่ คือโลกส่วนในของกระดานหมากฟ้าขุ่น ยินดีด้วย พวกเจ้าผ่านกระดานหมากฟ้าขุ่นแล้ว”

สือเทียนจื่อทำหน้างุนงง “พวกเราผ่านแล้วรึ”

ก่อนเข้ามา เขาเห็นหมากดำปิดล้อมพวกเขาไว้ทุกทางเห็นๆ

เดิมทีสือเทียนจื่อคิดว่ากระดานหมากนี้เข้าตาจนแล้ว แพ้แน่แล้ว ปรากฏว่าร่างเงาที่จู่ๆ โผล่มากลับบอกว่าพวกเขาผ่าน

สือเทียนจื่อมีแววตามึนงง ตั้งตัวไม่ทันเลย

ร่างเงานั้นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “กระดานหมากฟ้าขุ่นสร้างขึ้นเพื่อตามหาผู้สืบทอดของข้าราชาเซียน กระดานนี้ไม่ได้ให้หมากขาวหนีรอดไปได้ แต่ต้องการคำว่าโชคชะตา หากใช้ศาสตร์การเล่นหมากลึกล้ำแก้จะเปลี่ยนเป็นหมากเข้าตาจนครอบฟ้า ทำให้คนเสียทั้งความคิดและกำลังกาย

มีเพียงเดินทุกก้าวเหมือนที่ข้าเดินในวัยเยาว์เท่านั้นถึงจะแก้กระดานหมากได้ ข้าเห็นเงาสมัยข้ายังเยาว์วัยในตัวพวกเจ้า!”

สือเทียนจื่อพลันตั้งสติกลับมาได้ ใบหน้ามีความเก้อเขินนิดๆ

เดิมทีเขาคิดว่าตนมีศาสตร์การเล่นหมากสูงส่ง ที่แท้ก็แค่บังเอิญเท่านั้น

แต่จากนั้นสือเทียนจื่อก็จริงจังขึ้นมา เพราะเขาพบว่าเสิ่นเทียนมีแผนอยู่ในใจแล้ว กระทั่งเลือกเล่นหมากด้วยวิธีนี้อย่างแน่วแน่

หากเป็นคนเดียวคงบอกได้ว่าโชคดี เช่นนั้นสองคนล่ะ ไม่ใช่เลย

สหายเสิ่นจะต้องมองกระดานนี้ออกก่อนแล้ว เพียงแค่อยากรับโชคลิขิตกับข้า ดังนั้นถึงได้ชวนข้าเล่นหมากด้วยกัน

สหายเสิ่น เป็นผู้มีพระคุณของข้าจริงๆ!

สือเทียนจื่อมองเสิ่นเทียน แววตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ

แต่จากนั้นสือเทียนจื่อก็ตั้งสติกลับมาได้

เมื่อครู่คนนั้นบอกว่ากระดานหมากฟ้าขุ่นสร้างขึ้นเพื่อตามหาผู้สืบทอดของราชาเซียนฟ้าขุ่น นั่นเท่ากับว่าพวกเขาจะได้มรดกของราชาเซียนฟ้าขุ่นหรือไม่

ราชาเซียนคืออะไร นั่นคือการคงอยู่ที่กดขี่อยู่เหนือมหาจักรพรรดิ มากพอจะมองเหยียดทุกชีวิต!

มหาจักรพรรดิอยู่ต่อหน้าราชาเซียนเหมือนกับมดปลวก แค่ดีดนิ้วก็สังหารลงได้

ไม่นึกเลยว่าวันนี้พวกเขาจะได้พบแดนมรดกของราชาเซียนฟ้าขุ่น

เช่นนั้นร่างเงานี้ก็คือราชาเซียนฟ้าขุ่น!

สือเทียนจื่อพลันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว มิน่าคนนี้ถึงมีกลิ่นอายพลังน่ากลัวขนาดนี้

และมีเพียงราชาเซียนที่สุดแห่งยุคเท่านั้นถึงมีกลิ่นอายพลังเช่นนี้!

…..

ราชาเซียนฟ้าขุ่นพูดนิ่งๆ “พวกเจ้าเข้ามาที่นี่ได้ถือว่ามีวาสนากับข้า รับมรดกของข้าได้ ข้าจะถ่ายทอดคัมภีร์มรรคครอบฟ้ากับพวกเจ้า หวังว่าพวกเจ้าจะใช้ใจตระหนักรู้”

คัมภีร์มรรคครอบฟ้าเป็นคัมภีร์ราชาเซียนที่เหนือกว่าคัมภีร์จักรพรรดิ เป็นวิชาสูงสุด แฝงไว้ด้วยอานุภาพไร้ที่สิ้นสุด!

หากวิชานี้ไปสู่โลกภายนอก จะเหนี่ยวนำให้ขุมอำนาจมากมายเข้ามาแย่งชิง มหาจักรพรรดิยังคลุ้มคลั่ง!

ไม่นึกเลยว่าการเดินทางครั้งนี้จะได้คัมภีร์มรรคครอบฟ้า ทำให้สือเทียนจื่อตื่นเต้นอย่างยิ่ง

เขามองเสิ่นเทียนพลางอดปลงในใจไม่ได้

สหายเสิ่นช่างสมกับเป็นบุตรแห่งโชค ไปที่ใดจะเจอโชคลิขิตสูงสุด!

สือเทียนจื่อมั่นใจว่าทุกอย่างเป็นคุณความดีของเสิ่นเทียน หากไม่ได้เสิ่นเทียนชี้แนะ เขาคงแก้กระดานหมากนี้ไม่ได้เลย แล้วจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร จะได้รับมรดกของราชาเซียนฟ้าขุ่นหรือ

“ขอบคุณท่านราชาเซียนมาก!”

สือเทียนจื่อกับเสิ่นเทียนป้องมือแสดงความขอบคุณพร้อมกัน

ราชาเซียนเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุค ทั้งยังยินดีมอบมรดกให้กับพวกเขา ย่อมทำให้พวกเขาซาบซึ้งใจมาก

“ที่นี่คืออภาพดาราจักรวาล ในนี้แฝงไว้ด้วยหลักการสูงสุดมหามรรคของคัมภีร์มรรคครอบฟ้า จะตระหนักรู้ได้เท่าไรอยู่ที่ทักษะการตระหนักรู้ของพวกเจ้าแล้ว!”

ราชาเซียนฟ้าขุ่นนำภาพดาราสว่างสีสันหลากสีออกมาภาพหนึ่ง ยิ่งใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด เหมือนทะเลดาราจักรวาล มองแวบเดียวไม่เห็นสุดเขตแดน

เมื่อภาพนี้ปรากฏ พลันมีกฎเกณฑ์ไร้พรมแดนลอยขึ้นมาในฟ้าดิน เหมือนจะแสดงจักรวาล

แสงดาวไร้ที่สิ้นสุดพุ่งมาจากภาพดาราจักรวาล แสงเรืองรองส่องสว่าง กฎเกณฑ์วนเวียน ยิ่งใหญ่ที่สุด!

สือเทียนจื่อตาเป็นประกาย จิตใจสั่นสะท้าน

เขาถูกภาพดาราจักรวาลดึงดูด แม้แต่จิตใจยังตกอยู่ในห้วงนั้น

ดวงตาสือเทียนจื่อเปลี่ยนเป็นลึกล้ำอย่างยิ่ง ในนั้นเหมือนมีทะเลดาราสว่างพร่างพราวไหลเวียน มีสายรุ้งเทพละลานตาลากผ่าน

ขณะเดียวกันตัวเขาเปล่งแสงเทพทั้งตัว สว่างแสบตา ส่องสะท้อนกับทะเลดาราเต็มฟ้า ตกอยู่ในท่วงทำนองลี้ลับอย่างหนึ่ง

กลิ่นอายพลังของสือเทียนจื่อกำลังผลัดเปลี่ยน เหมือนท่องอยู่ในมิติจักรวาลไร้ขอบเขต ตามหาหลักการแท้จริงขอบเขตมรรค

ตอนนี้เอง เขาอยู่ในห้วงความเงียบงัน

เสิ่นเทียนตื่นเต้นเช่นกัน เพียงแต่ว่าตอนที่เขาจะตระหนักวิชานี้นั้น ราชาเซียนฟ้าขุ่นกลับเรียกเขาไว้

“สหายน้อยคนนี้ น่าจะไม่ใช่ร่างจริงกระมัง!

การตระหนักภาพดาราจักรพรรดิ มีเพียงร่างจริงที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด ในเมื่อพวกเจ้าเข้ามาที่นี่ก็ถือว่าเป็นผู้สืบทอดของข้า ตอนนี้ข้าจะเคลื่อนย้ายร่างจริงของเจ้ามา!”

เมื่อเอ่ยจบ ราชาเซียนฟ้าขุ่นวาดมือในอากาศ อากาศพลันถูกฉีกเป็นรอยแยกมหึมา

พลังมิติน่าสะพรึงไหลหมากขึ้นอย่างฉับพลัน แผ่พลังยิ่งใหญ่พุ่งเข้าไปในมิติ

…..

ภูเขาวิญญาณลูกที่สองตำหนักศึกษาจี้เซี่ย

ร่างจริงเสิ่นเทียนกำลังหลับตาฝึกบำเพ็ญ รอบกายมีแสงเทพวนเวียน

ทว่าตอนนี้เองห้วงอากาศรอบตัวเขาแตกกระจาย พลังยิ่งใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดหมุนม้วนเข้ามา

เสิ่นเทียนมีสีหน้าตกใจใหญ่ เขายังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกพลังนี้กระชากเข้าไป หายลับไป

….

ในกระดานหมากฟ้าขุ่น

เสิ่นเทียนสองคนมองหน้ากันด้วยใบหน้ามึนงง

เสิ่นเทียนไม่นึกเลยว่าราชาเซียนฟ้าขุ่นจะมองออกว่าเขาเป็นเพียงร่างแยก ต้องรู้ว่าเขาฝึกคัมภีร์เทพโลหิต และกายเนื้อนี้เป็นร่างแยกที่รวมมาจากบุตรเทพโลหิต

คนธรรมดาไม่พบเงื่อนงำใดๆ เลย จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงร่างหลักกับร่างแยก

ตอนแรกจักรพรรดิฮวงสือเพียงแค่คาดเดา แต่ไม่มั่นใจฐานะแท้จริงของเขา

ราชาเซียนฟ้าขุ่นไม่ใช่แค่มองออก แต่ยังข้ามมิติไกลโพ้นไปลากร่างหลักเขามา

นี่คือพลังของราชาเซียนรึ จะน่ากลัวไปหน่อยแล้ว!

เสิ่นเทียนหัวใจบีบรัดตัว เกิดความรู้สึกอันตรายขึ้นในใจ

ดูท่าการฝึกคัมภีร์เทพโลหิตจะไม่ได้ไร้พ่ายแล้ว หากเจอผู้แข็งแกร่งระดับราชาเซียนฟ้าขุ่น ไม่ใช่แค่มองฐานะเขาออก แต่ยังข้ามมิติมาสังหารเขาได้อีก

น่าตกใจไปแล้ว!

เมื่อคิดได้ดังนั้น ใจเสิ่นเทียนก็หนักอึ้งขึ้นมา

ราชาเซียนฟ้าขุ่นเหมือนจะอ่านความคิดในใจเสิ่นเทียนออก เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม้แต่ในโลกเซียน คัมภีร์เทพโลหิตก็ยังเป็นหนึ่งในมรดกสูงสุด ทั้งยังแฝงไว้ด้วยความสามารถอำพรางแข็งแกร่ง คนธรรมดามองไม่ออกเลย

น่าเสียดายว่าเจ้ากับข้าต่างกันมากเกินไป หากเจ้าพิสูจน์ได้เป็นมหาจักรพรรดิลอยขึ้นเป็นเซียน นั่นต่อให้เป็นข้าก็ยากจะมองทีเดียวแยกออกได้ว่าเจ้าเป็นร่างจริงหรือร่างแยก จึงยิ่งไม่มีทางจับตำแหน่งร่างหลักของเจ้าได้ง่ายดายเช่นนี้”

ถึงอย่างไรราชาเซียนฟ้าขุ่นก็เป็นราชาเซียนที่สุดแห่งยุค มีศักยภาพเหนือกว่ามหาจักรพรรดิไปไกล

เสิ่นเทียนอยู่ต่อหน้าราชาเซียนฟ้าขุ่นเป็นเพียงไก่อ่อนเท่านั้น ย่อมมองทีเดียวออก

เสิ่นเทียนส่ายหน้ายิ้มแห้งๆ ไม่นึกเลยว่าวิชาเอาตัวรอดที่ตนคุยโวว่าไร้พ่ายจะไม่มีประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งระดับนี้

ดูท่าจากนี้จะต้องระวังหน่อยแล้ว

อย่างน้อยต้องพิสูจน์มรรคเป็นมหาจักรพรรดิถึงจะออกไปเที่ยวเตร่ได้!

………

ราชาเซียนฟ้าขุ่นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ตาเฒ่าน้อยนั่น ออกมาเถอะ! อย่าคิดว่าซ่อนในจิตสำนึกเจ้าหนูนี่แล้วข้าจะสัมผัสไม่ได้นะ!”

พลันมีวิญญาณดวงหนึ่งปรากฏขึ้นในความคิดของเสิ่นเทียน กลายเป็นร่างเงาสีม่วงลอยอยู่ในฟ้าดิน

คนนี้ก็คือเยี่ยฉิงชาง!

เยี่ยฉิงชางปรากฏตัวขึ้นก็ป้องมือคารวะราชาเซียนฟ้าขุ่น “ผู้เยาว์เยี่ยฉิงชาง ขอคารวะท่านราชาเซียนฟ้าขุ่น!”

เดิมทีเยี่ยฉิงชางเป็นยอดฝีมือโลกเซียน ต่อมากลายเป็นเสี้ยววิญญาณตกมาในโลกมนุษย์ แต่เขาก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของราชาเซียนฟ้าขุ่น

ราชาเซียนฟ้าขุ่น เป็นการคงอยู่สุดยอดในโลกเซียน

ดังนั้นต่อให้เป็นเยี่ยฉิงชางก็ยังไม่กล้าอวดดีต่อหน้าราชาเซียนฟ้าขุ่น

เสิ่นเทียนทำหน้าแปลกประหลาด เขาเพิ่งเคยเห็นเยี่ยฉิงชางผู้ไม่กลัวฟ้าดินมีท่าทีเช่นนี้เป็นครั้งแรก

ดูท่า ราชาเซียนฟ้าขุ่นคงจะมีฐานะสูงส่งในโลกเซียน!

“ไม่นึกเลยว่าตำหนักเทพสงครามจะมีจุดจบเช่นนี้ แม้แต่เจ้ายังกลายเป็นเสี้ยววิญญาณ”

ราชาเซียนฟ้าขุ่นมองเยี่ยฉิงชางพลางส่ายหน้าถอนหายใจ

เยี่ยฉิงชางยิ้มเฝื่อน แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร

ราชาเซียนฟ้าขุ่นมองเสิ่นเทียน “ในตัวเจ้ามีความลับเยอะมาก ไม่ใช่แค่มีตาเฒ่าน้อยนี่ปกป้อง แต่ยังมีของสิ่งนั้น!”

ราชาเซียนฟ้าขุ่นเหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขายกมุมปากเย้าหยอก

นี่ทำให้เยี่ยฉิงชางเหงื่อตก ตึงเครียดในใจ

เพราะราชาเซียนฟ้าขุ่นแข็งแกร่งมาก เป็นราชาเซียนที่สุดแห่งยุค!

ต่อให้เป็นเยี่ยฉิงชางในสภาพสมบูรณ์ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชาเซียนฟ้าขุ่น จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเสี้ยววิญญาณ

หากราชาเซียนฟ้าขุ่นมีความคิดอะไรไม่ดีกับเสิ่นเทียน เช่นนั้นเจ้าหนูนี่ต้องตายแน่!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด