บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 469 เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ รับเป็นบิดา!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 469 เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ รับเป็นบิดา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 469 เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ รับเป็นบิดา!

เมื่อเห็นห้าดินแดนปรากฏโอรสสวรรค์ที่มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดามากมายขนาดนี้ เสิ่นเทียนปลื้มใจมาก

ด้วยพรสวรรค์ของพวกเขา อีกไม่นานจะเติบใหญ่ขึ้นได้ ถึงตอนนั้นพวกเขาจะเป็นกำลังส่วนหนึ่งให้ห้าดินแดน ร่วมกันต่อต้านวิญญาณร้าย

ทว่าตอนนี้เองเสิ่นเทียนตัวสั่นเล็กน้อย

เขาพลันรู้สึกว่ามีกลิ่นอายพลังที่มีสายเลือดเชื่อมต่อกัน ใกล้ชิดกันมาก

“กลิ่นอายพลังนี้”

เสิ่นเทียนหันไปมองรอบๆ สุดท้ายมองไปที่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นนี้

เขารู้สึกว่ากลิ่นอายสายเลือดของเจ้าหนูนี่ใกล้ชิดกับเขามาก มีความรู้สึกว่ามาจากต้นกำเนิดเดียวกัน

เสิ่นเทียนดวงตาลุกวาว ก่อนจะเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นนี้มีนามว่าอะไร”

เขาจ้องไปที่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นนี้ ดวงตาเปล่งประกายสว่างขึ้นเรื่อยๆ

จางอวิ๋นถิงยิ้ม “บุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นนี้เกี่ยวข้องกับศิษย์น้องมากทีเดียว! พูดให้ถูกคือเจ้าหนูนี่เป็นหลานของศิษย์น้อง!”

เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย หลานเขามาจากที่ใดกัน

แต่จากนั้นเขาก็ตั้งสติกลับมาได้ ผ่านไปร้อยแปดสิบปี ดูท่าพวกพี่ใหญ่พวกนั้นน่าจะแต่งงานมีบุตรกันแล้ว

เสิ่นเทียนเป็นองค์ชายสิบสามแห่งอาณาจักรต้าเหยียน ย่อมมีพี่ใหญ่อีกสิบสองคน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเจ้าหนูนี่เป็นบุตรของเสด็จพี่ท่านใด และยังเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นนี้ได้อีก

จางอวิ๋นถิงอธิบาย “บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นนี้มีนามว่าเสิ่นโย่วเทียน เป็นบุตรชายแท้ๆ ของสหายเสิ่นเอ้า”

เสิ่นเทียนพลันเข้าใจแจ่มแจ้ง ในเสด็จพี่ทั้งสิบสองคน มีเพียงเสิ่นเอ้าที่มีพรสวรรค์การบำเพ็ญค่อนข้างสูง อีกทั้งตอนนั้นเสิ่นเทียนยังมอบโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าให้เสิ่นเอ้า

หลังผ่านการปรับแก้ด้วยโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า คุณสมบัติกายและพรสวรรค์ของเสิ่นเอ้าเกิดการผลัดเปลี่ยนไปครั้งใหญ่

ส่วนบุตรชายของเขาก็ผ่านการปรับแก้ด้วยโอสถเสริมสวรรค์เช่นกัน มีพรสวรรค์น่าตื่นตกใจ

จางอวิ๋นถิงยิ้ม “ตอนที่เจ้าหนูเสิ่นโย่วเทียนกำเนิด สหายเสิ่นเอ้าคิดชื่อตั้งนาน สุดท้ายเขาตั้งเป็นเสิ่นโย่วเทียน เพื่อให้ปกป้องศิษย์น้องกลับมาอย่างปลอดภัย”

โย่วเทียนๆ ก็หมายถึงปกปักรักษาเสิ่นเทียนไม่ใช่หรือ

ช่วงที่เสิ่นเทียนหายตัวไป เสิ่นเอ้าเป็นกังวลมาก หวังว่าเสิ่นเทียนจะกลับมาอย่างปลอดภัย

ดังนั้นเขาจึงตั้งชื่อบุตรชายด้วยชื่อนี้!

เสิ่นเทียนตกใจ ปลงอนิจจังในใจอย่างยิ่ง

ที่แท้ก็เป็นบุตรชายของพี่หก โตเร็วขนาดนี้เลย!

ไม่นึกเลยว่าออกด่านบำเพ็ญจากกระดานหมากฟ้าขุ่นมา ตนจะกลายเป็นอาแล้ว

ของเปลี่ยนแต่คนไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ

ไม่นึกเลยว่าพี่หกจะยังห่วงใยข้าเช่นนี้ นึกถึงข้าตลอดเวลา

ทำให้อบอุ่นหัวใจจริงๆ!

…..

จางอวิ๋นถิงยิ้ม “เจ้าหนูเสิ่นโย่วเทียนมีพรสวรรค์สูงสุด เป็นกายเทพบริสุทธิ์ เขามีพรสวรรค์สุดยอด กำลังรบเป็นหนึ่ง การฝึกบำเพ็ญรวดเร็วยิ่ง เรียกได้ว่าหนึ่งวันพันลี้ พูดได้ว่านอกจากศิษย์น้องแล้ว โย่วเทียนเป็นคนที่มีพรสวรรค์แกร่งที่สุดในบุตรศักดิ์สิทธิ์ยุคก่อน!”

จางอวิ๋นถิงเองก็ดีใจที่เสิ่นโย่วเทียนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยุคนี้

ยิ่งเขามีพรสวรรค์แกร่งมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นเรื่องดีกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มากเท่านั้น!

เสิ่นเทียนพยักหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ในเมื่อเป็นหลานของตน ก็ควรจะเข้าไปทักทาย

เขายื่นมือใหญ่ แผ่พลังมหาศาลยากจะคาดเดาไปคว้าเสิ่นโย่วเทียน พลันรวมเป็นมือใหญ่ขึ้นกลางอากาศ เหนี่ยวนำห้วงอากาศไม่มีสิ้นสุด ลากเสิ่นโย่วเทียนขึ้นชั้นสองแท่นวิหคทองแดง

เสิ่นโย่วเทียนทำหน้ามึนงง เดิมทีเขากำลังรับเสียงโห่ร้องของทุกคนบนเวทีประลอง ทันใดนั้นมีพลังที่ไม่อาจต่อต้านได้หมุนม้วนเข้ามา เขายังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกดึงไปแล้ว

เสิ่นโย่วเทียนพลันตื่นตระหนกในใจ ปากพูดงึมงำ

“เกิดอะไรขึ้น คงไม่ใช่ว่ามีแม่มดแก่ถูกใจใบหน้าหล่อเหลาของข้า คิดจะครอบครองข้าไว้คนเดียวหรอกนะ!

ไม่กระมัง! ไม่กระมัง! ไม่กระมัง!

คงไม่ซวยขนาดนั้นจริงๆ หรอกนะ ข้ายังหนุ่มยังแน่น ทำเรื่องเช่นนั้นไม่ได้หรอก!

อู้! แต่ถ้าหากงดงามก็จะพิจารณาดูก่อนได้!”

เมื่อได้ฟังถึงตรงนี้ ทุกคนมีเส้นสีดำขึ้นเต็มใบหน้า

เจ้าหนูนี่วันๆ คิดแต่เรื่องอะไรกัน

พูดแต่เรื่องไร้สาระ!

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย เขาไม่นึกเลยว่าเสิ่นโย่วเทียนจะมีความคิดเช่นนี้

ดูท่าเจ้าหนูนี่คงถูกใครพาให้เสียคน!

เสิ่นเทียนมองไปรอบๆ สายตาเฉียบคมอย่างยิ่ง แฝงไว้ด้วยการเตือน

เขาอยากรู้ว่าใครกันที่พาเสิ่นโย่วเทียนให้เสียคน

เจ้าหนูนี่ยังเป็นเด็กอยู่นะ!

หวังเสินซวีหันหลังเงียบๆ หันหน้าไปอีกทาง พูดเสียงเบา “มองไม่เห็นข้า มองไม่เห็นข้า!”

……

ช่างเถอะ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าหนูนี่ก็เป็นหลานชายแท้ๆ ของตน

เด็กถูกชักนำให้เสียคน เช่นนั้นเขาก็จะสอนกลับมา

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็เดินไปหาเสิ่นโย่วเทียน

เดิมทีเสิ่นโย่วเทียนยังมึนงง แต่เมื่อเห็นพวกจางอวิ๋นถิงก็ถอนหายใจโล่งอกทันที

“ที่แท้ก็ผู้อาวุโสอวิ๋นถิง! ครั้งหน้าท่านเรียกข้าก็ได้ ไม่เห็นต้องทำเช่นนี้เลย ทำข้าตกใจหมด!”

เสิ่นโย่วเทียนยังบ่นพึมพำ แต่เมื่อเห็นเสิ่นเทียนที่พลันปรากฏตรงหน้า เขาก็ตะลึงค้างไปเลย

“ท่าน…”

เสิ่นโย่วเทียนตาเหม่อลอย เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เสิ่นเทียนยิ้มก่อนพูดอย่างอบอุ่น “เจ้าหนู ข้าคืออาสิบสามของเจ้า!”

บึ้ม!

พลันเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในใจเสิ่นโย่วเทียน อารมณ์ความคิดเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

สับสน มึนงง สงบนิ่ง ตกใจ ตกตะลึง…

เสิ่นโย่วเทียนหน้าเปลี่ยนสีไปหลากหลาย เหมือนกับกลเปลี่ยนหน้า

แต่ไม่นานนักเสิ่นโย่วเทียนก็ตัวสั่นอย่างรุนแรง เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “อาสิบสาม ท่านต้องเป็นอาสิบสามแน่ มีเพียงอาสิบสามที่มีใบหน้าหล่อเหลากว่าข้าได้”

เสิ่นเทียนเงียบ

ทุกคนงุนงง

เจ้าหนูนี่หลงตัวเองเกินไปแล้วกระมัง!

เหตุใดถึงหน้าหนาเช่นนี้ คำพูดเช่นนี้ยังพูดออกมาได้!

เจ้าบอกว่าสหายเสิ่นมีใบหน้าเหนือกว่าเจ้า อันนี้ช่างเถอะ!

นั่นไม่ต้องสงสัยอยู่แล้ว ไม่ต้องให้เจ้าบอกพวกข้าก็รู้!

แต่นอกจากสหายเสิ่นแล้ว คนอื่นไม่หล่อเท่าเจ้าเลยรึ

ล้อเล่นอะไรกัน

ข้าหวังเสินซวีไม่ยอมเป็นคนแรกเลย!

ข้าขู่ตัวคนที่สอง!

ข้าเยวี่ยอวิ๋นเต๋อคนที่สาม!

คนที่สี่ คนที่ห้า คนที่หก…

ก็ได้!

แต่สุดท้ายทุกคนก็ยอมแพ้

วัดกันที่ใบหน้าแล้ว พวกเขาด้อยกว่าเสิ่นโย่วเทียนเล็กน้อยจริงๆ

คุณสมบัติของเสิ่นโย่วเทียน คือกายเทพบริสุทธิ์ที่ผ่านการปรับแก้จากโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า

กายเทพนี้เป็นกายเทพสวรรค์ประทาน บริสุทธิ์มาแต่กำเนิด ไม่ปนเปื้อนสิ่งสกปรกใดๆ ในโลก

เสิ่นโย่วเทียนที่มีกายเทพบริสุทธิ์ กายเนื้อมีแสงเทพวนเวียน ใสแวววาว เหนือคนธรรมดา

เขามีใบหน้าเรียกได้ว่าที่สุดแห่งยุคจริงๆ โผล่หน้ามาก็ทำให้เทพธิดาหลงใหลเป็นกลุ่มใหญ่

แน่นอน นี่ต้องดูว่ายืนกับใครด้วย

คนหล่อยืนกับคนขี้เหร่ คนหล่อย่อมมีเสน่ห์เหลือล้น แต่หากคนหล่อกว่านี้ยืนข้างเสิ่นเทียน นั่นจะถอดสีทันที!

จุดนี้ เสิ่นโย่วเทียนรู้ตนเองดี!

เมื่อเห็นใบหน้าเสิ่นเทียน เสิ่นโย่วเทียนก็เชื่อเลยว่าเขาคืออาสิบสามของตนจริงๆ

ถึงอย่างไรก็มีเพียงเสิ่นเทียนที่มีใบหน้าเป็นหนึ่งแห่งยุค

มีเพียงอาสิบสามของเขาที่มีบุคลิกองอาจห้าวหาญที่สุด

เสิ่นโย่วเทียนดวงตาลุกวาว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “อาสิบสาม ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว! ท่านเป็นขวัญใจที่ข้าเลื่อมใส ข้าฟังเรื่องราวของท่านมาตั้งแต่เล็กจนโตเลย”

เสิ่นเทียนมีชื่อเสียงโด่งดังในห้าดินแดนมานานแล้ว ดังไปหลายปี สร้างตำนานไว้มากมาย

จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครประสบความสำเร็จเท่าเสิ่นเทียนในตอนนั้น

นั่นคือผลการรบไร้พ่ายที่ฟันฝ่าออกมา ไม่มีใครเทียบได้

เสิ่นโย่วเทียนเป็นบุตรของเสิ่นเอ้า ได้ฟังเรื่องราวอันกล้าหาญของเสิ่นเทียนมาตั้งแต่เยาว์วัย

แม้แต่บิดาเขาเสิ่นเอ้ายังปลงอนิจจังในความแกร่งของเสิ่นเทียนตลอด เป็นน้องสิบสามที่เขานับถือมากที่สุด

ภายใต้การค่อยๆ ซึมซับโดยไม่รู้ตัว เสิ่นโย่วเทียนจึงอยากรู้จักอาสิบสามที่ไม่เคยพบหน้าคนนี้มาก จนเมื่อเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เขาถึงพบว่าเสิ่นเทียนแกร่งกว่าที่เล่าลือกันมาก

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก้าวหน้าได้ทุกวันนี้เป็นเพราะเสิ่นเทียนทั้งหมด เป็นเขาที่นำพาแดนศักดิ์สิทธิ์ไปสู่จุดสูงสุด

ศิษย์เทพสวรรค์ขนานนามเสิ่นเทียนว่าเทพเจ้ามานานแล้ว ฝังลึกลงใจคน

ดังนั้น เสิ่นโย่วเทียนจึงตั้งปณิธานว่าจะเจริญรอยตามเสิ่นเทียน เดินบนเส้นทางไร้พ่ายเมื่อร้อยปีก่อนของเขา

แน่นอน เขาก็ทำได้จริงๆ

แม้เสิ่นโย่วเทียนจะไม่บ้าเท่าเสิ่นเทียนในตอนนั้น แต่ก็มีพลังไร้พ่ายกวาดล้างรุ่นเดียวกัน ได้รับตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

ตอนนี้ขวัญใจมาปรากฏตรงหน้า เขาจะไม่ตื่นเต้นได้หรือ

เสิ่นเทียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แม้เจ้าหนูนี่จะทำอะไรแปลกๆ ไปบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่หยิ่งยโสและทำตัวต่ำต้อย องอาจห้าวหาญ และยังเป็นที่ชอบของทุกคน

“โย่วเทียน พบกันครั้งแรก อาสิบสามจะมอบของขวัญพบหน้ากันให้เจ้า”

เสิ่นเทียนโบกมือกว้าง พลันมีสมบัติสุดยอดลอยออกมาสองชิ้น

แสงเรืองรองหมุนวน สว่างจ้าที่สุด แผ่อำนาจอริยะรุนแรง กลิ่นอายพลังมหาศาล

จากนั้นเห็นอาวุธอริยะที่มีแสงเทพสว่างจ้าลอยอยู่ตรงหน้าเสิ่นโย่วเทียนสองชิ้น

หนึ่งในนั้นคือเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร เป็นอาวุธอริยะป้องกันที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มอบให้เขาในตอนแรก

ตอนนี้มอบให้บุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นปัจจุบันเสิ่นโย่วเทียน ก็ชอบด้วยเหตุผล

อีกชิ้นเป็นกระบี่คู่ม่วงคราม

นี่เป็นอาวุธอริยะสายโจมตีที่แกร่งมาก เป็นกระบี่ที่ผู้อริยะกระบี่ที่สุดแห่งยุคท่านหนึ่งตั้งใจฟูมฟักจากสนามรบบรรพกาลเมื่อหมื่นปีก่อน

แม้เสิ่นโย่วเทียนจะเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แต่ก็ฝึกวิชากระบี่ตามเสิ่นเอ้า

มองจากปราณกระบี่สว่างจ้าที่แผ่มาจากในกายเขาก็รู้ว่าเจ้าหนูนี่มีพลังบำเพ็ญวิถีกระบี่ไม่เบาเลยเหมือนกัน

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงเลือกมอบกระบี่คู่ม่วงครามให้เขา

กระบี่คู่ม่วงครามกับเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร โจมตีและป้องกัน ทั้งยังเป็นอาวุธอริยะ

เมื่อใช้คู่กันจะให้ประสิทธิผลดีเยี่ยม!

เมื่อศักยภาพแกร่งขึ้น อาวุธอริยะก็มีประโยชน์กับเสิ่นเทียนไม่มากแล้ว

เสิ่นโย่วเทียนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ต้องได้อุปกรณ์ที่ดีจริงๆ แบบนี้ถึงจะสมกับฐานะของเขา

ถึงอย่างไรก็เป็นหลานชายแท้ๆ ของตน ก็ต้องเอาใจใส่บ้าง

…..

“ขอบคุณอาสิบสามมาก!”

เสิ่นโย่วเทียนทำหน้าดีใจใหญ่ รีบแสดงความเคารพ

เขาตื่นเต้นมาก

นี่คืออาวุธอริยะเชียวนะ! และยังเป็นสมบัติที่มีชื่อเสียงของอาสิบสาม!

สมบัติสุดยอดระดับนี้ แม้แต่ท่านพ่อยังไม่มีเลยกระมัง!

สมกับเป็นอาสิบสาม ออกมือทีใจกว้างมาก

คิกๆ ข้ามีความสุขจริงๆ เลย!

……

เสิ่นเทียนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “โย่วเทียน ในเมื่อเจ้ารับตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เช่นนั้นก็ต้องรับหน้าที่นี้ ปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ให้ดี!”

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ใช่แค่ชื่อ แต่เป็นความรับผิดชอบมากกว่า

เสิ่นโย่วเทียนพยักหน้า ก่อนพูดอย่างแน่วแน่ “โย่วเทียนรู้ ข้าขอสาบานว่าจะปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยิ่งชีพ!”

เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนเผยรอยยิ้มปลื้มใจ

เขาเหมือนเห็นเงาของตนเองในตอนนั้นจากเสิ่นโย่วเทียน

…..

และตอนนี้เอง มีเก้าร่างเงาบินเข้ามา

พวกเขาล้วนเป็นโอรสสวรรค์รุ่นเยาว์ อายุยี่สิบกว่าปี กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง

คนพวกนี้สวมเครื่องแบบศิษย์สายตรงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เป็นบุตรอีกเก้าคนในสิบบุตรเทพสวรรค์

ทันทีที่พวกเขาพบเสิ่นเทียนก็รีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ก่อนพูดด้วยความเคารพ “ขอคารวะท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์!”

เสิ่นเทียนตัวชา ไม่เข้าใจ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อะไร หรือว่าอาจารย์มาแล้ว

เสิ่นเทียนมองไปรอบๆ ไม่เห็นเงาของจางหลงหยวน

จางอวิ๋นถิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เมื่อร้อยแปดสิบปีก่อน ท่านพ่อได้ประกาศต่อทุกคนว่าวันใดที่ศิษย์น้องกลับมา จะเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนใหม่!”

เสิ่นเทียนได้ยินดังนั้นพลันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

นี่ไม่ให้โอกาสปฏิเสธกันเลย!

เสิ่นเทียนเองก็ไม่คิดปฏิเสธเช่นกัน

เขาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยุคก่อน มีความรู้สึกลึกซึ้งกับแดนศักดิ์สิทธิ์ มีความรู้สึกเป็นครอบครัวอย่างแรงกล้า อีกทั้งทุกคนยังร้องขอตรงกัน เขาจึงปฏิเสธไม่ได้

การรับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ไม่มีข้อเสียอะไร แต่ยังได้ผลประโยชน์มากมายอีกต่างหาก

ถึงอย่างไรตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นสัญลักษณ์ของหน้าตาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ทรัพยากรแดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ก็มอบให้เขาฝึกฝน ยกระดับศักยภาพ

สองสิ่งเหมือนรวมเป็นหนึ่ง รุ่งโรจน์และตกต่ำร่วมกัน

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย “ทุกคนลุกขึ้นเถอะ!”

เขาโบกมือกว้าง พลันกระจายพลังอ่อนนุ่มประคองเก้าบุตรเทพสวรรค์ขึ้น

จากนั้นเสิ่นเทียนควักอาวุธอริยะออกมาเก้าชิ้น แบ่งส่งให้เก้าบุตรเทพสวรรค์ “ข้าก็จะมอบของขวัญพบหน้าให้พวกเจ้าเช่นกัน หวังว่าพวกเจ้าจะหมั่นฝึกฝน สร้างคุณูปการให้แดนศักดิ์สิทธิ์กันเยอะๆ!”

คนพวกนี้คือศิษย์เทพสวรรค์ ทั้งยังเป็นโอรสสวรรค์ที่มีพรสวรรค์สุดยอดที่สุด

เสิ่นเทียนย่อมไม่ขี้เหนียวกับพวกเขา

และที่สำคัญคืออาวุธอริยะในคลังสมบัติน้อยมีเป็นเข่ง มีเยอะแต่ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรมาก

ให้ไปครั้งเดียวเก้าชิ้น เสิ่นเทียนก็ไม่ปวดใจ

แต่จะได้เอามายกระดับศักยภาพศิษย์เทพสวรรค์พอดี ถือว่าใช้ของให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เก้าบุตรเทพสวรรค์รับอาวุธอริยะไปต่างมีสีหน้าตื่นเต้น ก่อนพูดด้วยความซึ้งใจ “ขอรับ ขอบคุณท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มาก”

แม้อาวุธอริยะจะไม่ถือว่าเท่าไรสำหรับเสิ่นเทียน แต่สำหรับโอรสสวรรค์รุ่นเยาว์พวกนี้ เป็นสมบัติสุดยอดสูงสุด!

เพราะอย่างไรก็มีแดนศักดิ์สิทธิ์น้อยมากที่มอบอาวุธอริยะให้รุ่นเยาว์พวกนี้

หลักๆ เป็นเพราะอาวุธอริยะล้ำค่ามาก ต่อให้เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เอามาให้คนอื่นตามใจ รองลงมาคือด้วยศักยภาพของรุ่นเยาว์ ก็อาจจะใช้ประโยชน์ของอาวุธอริยะออกมาไม่ได้เต็มที่

เพียงแต่ว่าเสิ่นเทียนมีอาวุธอริยะเยอะเกิน จึงไม่ได้สนใจ

แม้พวกเขาจะใช้ประโยชน์อาวุธอริยะได้ไม่ถึงขีดสุด แต่ดีเลวอย่างไรก็มีอาวุธอริยะเอาตัวรอดเพิ่มมาชิ้นหนึ่ง

นี่เป็นเด็กบ้านตน ก็ต้องปกป้องดีๆ

เสิ่นเทียนไม่สนใจ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่สนใจ

เก้าบุตรเทพสวรรค์ที่ได้อาวุธอริยะไปซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

ความเลื่อมใสที่พวกเขามีต่อเสิ่นเทียนพลันพุ่งพรวดไม่ขาดสายเหมือนแม่น้ำไหลหลาก!

…..

เมื่อเห็นภาพนี้ โอรสสวรรค์ทุกคนสีหน้าตื่นตกใจ

พวกเขาตาเปล่งแสง อิจฉาจนฟองขึ้นปุดๆ!

มีเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ใดออกมือใจกว้างเช่นนี้บ้าง พบหน้ากันครั้งแรกก็มอบอาวุธอริยะเลยรึ

ให้ชิ้นสองชิ้นยังไม่เท่าไร แต่ออกมือทีให้สิบกว่าชิ้นรึ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นนี้ใจกว้างจริงๆ

มีเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ได้ ศิษย์เทพสวรรค์โชคดียิ่งนัก!

……

ตอนนี้เองมีอีกร่างเงาขี่สายรุ้งเทพเข้ามา

พลันเกิดพายุคลั่งขึ้น พลังอำนาจกดขี่ผู้คน เหมือนกับคลื่นยักษ์สูงเท่าฟ้าถาโถมลงมา

โอรสสวรรค์ธรรมดาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังนี้แล้วใบหน้าซีดขาว ถึงกับตัวสั่นเกิดการอ่อนยวบ แทบจะล้มลงกับพื้น

แม้แต่สุดยอดโอรสสวรรค์อย่างพวกเสิ่นโย่วเทียนยังมีสีหน้าจริงจัง เหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ

คนนี้คือศัตรูที่ไม่อาจมองข้ามได้!

แสงเทพเก็บกลับไป คนที่มาเป็นเด็กสาววัยแรกแย้มที่มีความสง่างามน่าหลงใหล

นางสวมชุดกระโปรงยาวสีขาว ใบหน้างดงามถึงที่สุด เหมือนเทพธิดาบนนครสวรรค์ทำให้คนได้แต่มองไม่อาจเอื้อม

ดวงตานางสุกสกาวเหมือนทะเลดารา ผิวพรรณใสแวววาวราวกับไขมันแข็งตัว

และที่มหัศจรรย์ที่สุดคือเหนือศีรษะนางมีเขามังกรสีดำเยาว์วัยคู่หนึ่ง ขยับแสงเทพไม่มีสิ้นสุด

ข้างหลังเป็นปีกหงส์สีสันหลากสีอีกคู่ ขณะกระพือปีกยังก่อพายุคลั่งขึ้น

นางยืนอยู่กลางอากาศ เหมือนเทพธิดาสูงสุดเป็นหนึ่งแห่งยุค เอกลักษณ์สูงส่งเย็นชา ทำให้คนเข้าใกล้ไม่ได้

เมื่อเห็นภาพนี้ โอรสสวรรค์ทุกคนเพ่งสายตามองเล็กน้อย “เป็นหญิงมังกรหงส์รึ”

“นางก็คือหญิงมังกรหงส์ที่ลึกลับที่สุดในทะเลอุดรนั่นหรือ เล่าลือว่าหญิงมังกรหงส์มีศักยภาพเป็นหนึ่ง วันนี้ได้เห็นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”

“กลิ่นอายพลังนี้ เกรงว่าคงฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะแล้วกระมัง!”

แววตาทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงลึกๆ

หญิงมังกรหงส์กล่าวได้ว่ามีชื่อเสียงโด่งดังมานาน สั่นสะเทือนห้าดินแดนแปดทิศ

นางกำเนิดเมื่อร้อยปีก่อน ก็ใช้พลังไร้พ่ายเป็นใหญ่ในทะเลอุดร กวาดล้างโลกหล้าไม่มีใครสู้ได้ ทำให้คนได้แต่มองไม่อาจเอื้อม

นางในตอนนั้นอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปี ก็ทะลวงผู้สูงศักดิ์สวรรค์แล้ว

ตอนนี้ผ่านไปร้อยปี กำลังรบของหญิงมังกรหงส์แกร่งเท่าไรไม่มีใครรู้

แค่พลังที่แผ่ออกมา ก็เกรงว่าคงไม่ด้อยไปกว่าโอรสสวรรค์ยุคก่อนแล้ว

และนี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด

เล่าลือว่าหญิงมังกรหงส์มีฐานะลึกลับมาก ไม่มีใครรู้ถิ่นกำเนิดที่แท้จริงของนาง

แต่มีคนได้ยินมาว่าหญิงมังกรหงส์มีฐานะสูงมากในเกาะมังกรดำทะเลอุดร

ราชามังกรดำรุ่นปัจจุบันเอ๋าอูเคารพยำเกรงนางมาก

ใช่!

ราชามังกรดำพบหญิงคนนี้ยังต้องระมัดระวัง กลัวไปทำนางโกรธ!

ดังนั้นทุกคนจึงคาดเดาว่าเอ๋าเสวี่ยจะเป็นทายาทของพวกมังกรวัตถุโบราณบางตัวในเกาะมังกรดำหรือไม่ ดังนั้นจึงมีฐานะสูงขนาดนี้

…..

ตอนนี้เมื่อหญิงมังกรหงส์ปรากฏก็เดินตรงไปหาเสิ่นเทียน

นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาและใบหน้าไม่เป็นมิตร “พวกเขามีของขวัญพบหน้า แล้วของขวัญพบหน้าของข้าล่ะ!”

ทุกคนทำหน้ามึนงง สีหน้างุนงงไม่หยุด

เสิ่นเทียนเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เขามอบของขวัญพบหน้าให้ศิษย์เทพสวรรค์ ก็สมเหตุผล

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหญิงมังกรหงส์กัน

ที่สำคัญคือหญิงมังกรหงส์จะขอของขวัญพบหน้ากับเสิ่นเทียนรึ

พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าหญิงมังกรหงส์รุ่นปัจจุบันเกี่ยวอะไรกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ด้วย

หรือว่าหญิงมังกรหงส์จะมารีดไถกัน

ซี้ด~

แม่นางคนนี้จะใจกล้าไปหน่อยกระมัง

เจ้าขู่กรรโชกใครไม่ว่า ดันไปขู่กรรโชกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นปัจจุบันเสิ่นเทียนรึ

เมื่อร้อยปีก่อนเจ้านี่ก็ทุบค้อนระเบิดเจ้าอริยะมาแล้ว มีกำลังรบเป็นหนึ่ง

แม้เขาจะหายตัวไปร้อยกว่าปี แต่ศักยภาพเพิ่มขึ้นไม่มีลดลง

ต่อให้หญิงมังกรหงส์จะมีฐานะสูงกว่านี้ ก็จะหยาบคายกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นนี้เช่นนี้ไม่ได้นะ!

ไม่กลัวถูกตีก้นจริงๆ รึ

……..

ทว่าเสิ่นเทียนไม่สนใจการเสียมารยาทของหญิงมังกรหงส์

เขาตัวสั่น หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

เพราะเขาพบว่าหญิงมังกรหงส์แผ่ความรู้สึกเชื่อมต่อทางสายเลือดมาเช่นกัน ทั้งยังรุนแรงกว่าเสิ่นโย่วเทียน

กลิ่นอายสายเลือดเช่นนี้มาจากสายเลือดเดียวกัน ใกล้ชิดกันอย่างยิ่ง

เวลานี้ เสิ่นเทียนไม่เข้าใจเหตุผล อึ้งค้างอยู่กับที่!

เหมือนเห็นท่าทีแปลกๆ ของเสิ่นเทียน เอ๋าเสวี่ยจึงส่งกระแสจิตมาอย่างเฉยชา “มารดาข้าคือเอ๋าปิง นามจริงของข้าคือเสิ่นเอ๋าเสวี่ย!”

เมื่อเสียงเอ๋าเสวี่ยดังขึ้นข้างหู เสิ่นเทียนก็ได้ยินเสียงวิ้งๆ ไปทั้งตัว

…..

เกิดอะไรขึ้น

มารดาเถอะ~

แซ่เสิ่นเคยฮึบๆ กับเอ๋าปิงครั้งเดียวเองไม่ใช่รึ

ทีเดียวถึงจิตวิญญาณเลยรึ

เสิ่นเทียนเกาศีรษะ ไม่นึกเลยว่าปิดด่านบำเพ็ญมาร้อยแปดสิบปี

ไม่ใช่แค่มีหลานเพิ่มมา แต่ยังมีลูกสาวอายุร้อยปีอีกคนหรือ

สังคมสมัยนี้เปลี่ยนไปไวไปหน่อยกระมัง!

แซ่เสิ่นยังเด็กอยู่เลยนะ!

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด