บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 430 เสิ่นเทียน สือเทียนจื่อ นามนี้มีอะไรบางอย่าง!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 430 เสิ่นเทียน สือเทียนจื่อ นามนี้มีอะไรบางอย่าง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 430 เสิ่นเทียน สือเทียนจื่อ นามนี้มีอะไรบางอย่าง!

เมื่อได้ยินเสียงชมเชยของเหล่าโอรสสวรรค์รอบกาย เสิ่นเทียนก็สงสัยในชีวิต!

ทันใดนั้นเกิดแสงสว่างวูบวาบกลางโลกเล็กแดนเทวา กฎเกณฑ์สีสันหลากสีตกลงมาเหมือนม่านสวรรค์

ร่างเงาหนึ่งลงมาจากฟ้า เหยียบอากาศ เดินบนสายรุ้งเทพสีสันหลากสี

ทุกย่างก้าวจะเหยียบห้วงอากาศแตกเป็นเสี่ยงๆ อากาศพังทลายเป็นซาก น่าสะพรึงถึงที่สุด

คนนี้อายุไม่เกินยี่สิบกว่าปี ชุดคลุมขาวดั่งหิมะ ใบหน้าหล่อเหลาดั่งหยก ราวกับเซียนนอกฟ้าเหนือสามัญ

เขามีรูปร่างเรียวยาว ในลูกตามีอักขระลึกลับกำลังโยงใย สร้างเป็นพลังไร้พ่ายเป็นหนึ่งกลางอากาศ ราวกับเทพสงครามหนุ่มมาเยือน

ในโอรสสวรรค์ดินแดนกลางทั้งหมดมีคนเคยพบบุรุษคนนี้ แต่ตอนนี้ก็ยังร้องอุทานด้วยความตกใจ

“เป็นเขา สือเทียนจื่อ!”

“ไม่นึกเลยว่าจะเป็นผู้สูงส่งหนุ่มคนนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะปรากฏตัว!”

สือเทียนจื่อยืนกลางอากาศอย่างโอหัง กระดูกจักรพรรดิที่สุดแห่งยุคตรงหน้าอกเปล่งแสงเทพ พลังมหาศาลถาโถมมาแรง

น่ากลัว แข็งแกร่ง โดดเด่น!

นี่คือความรู้สึกที่สือเทียนจื่อมอบให้ทุกคน

คนนี้ปรากฏตัว ทุกคนต่างตัวสั่นตาม พลังกวาดล้างแปดทิศ

ขณะกะพริบตาลูกตาซ้อนทับยังขยับแสง แสดงเป็นความหมายลึกล้ำไม่มีสิ้นสุด เหมือนแฝงไว้ด้วยหลักการสูงสุดฟ้าดิน!

กระดูกจักรพรรดิตรงหน้าอกยังแผ่อำนาจคุกคามไร้ขีดจำกัด ราวกับว่ามหาจักรพรรดิหนุ่มขวางฟ้า ทำให้คนหนาวสั่น

โอรสสวรรค์ที่มีพลังบำเพ็ญอ่อนแอบางคนทนไม่ไหวขาอ่อน ล้มลงกับพื้น

“องค์ชายสือเทียนจื่อ เขามาที่นี่เพื่อสิ่งใดกัน”

มีคนตกใจระคนสงสัย แม้สือเทียนจื่อจะเป็นศิษย์ใหม่รุ่นนี้ แต่ฐานะเทียบเท่ากับปรมาจารย์ ก่อนเข้าสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย เขาติดตามจักรพรรดิฮวงสือฝึกบำเพ็ญ ศักยภาพอยู่คนละระดับกับศิษย์ใหม่คนอื่น

บุคคลเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องมาโลกเล็กแดนเทวาเลย!

…..

ทันใดนั้น สือเทียนจื่อขยับแล้ว

ชุดคลุมขาวเขาโบกสะบัด ย่างก้าวเดินไปทางยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่ง

ข้างหลังม้วนแสงเทพสว่างจ้า กฎเกณฑ์ฟ้าดินสั่นไหว ห้วงอากาศสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและพังทลายลง

“ข้ารู้แล้ว! องค์ชายเทียนจื่อจะท้าสู้กับยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งรึ!”

นั่นคือยอดเขาวิญญาณที่แกร่งที่สุดในโลกเล็กแดนเทวา ต้องมีกำลังของอริยะแท้สี่ด่านเคราะห์ถึงจะทำลายได้!

แต่โลกภายนอกมีข่าวลือว่าสือเทียนจื่อเคยสังหารอริยะแท้ลัทธิวิญญาณร้าย มีศักยภาพแข็งแกร่งที่สุด!

ด้วยกำลังรบของสือเทียนจื่อ การจะเปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งไม่น่าจะยาก

หลายคนกลับนึกถึงเสิ่นเทียนและอดเทียบกันมิได้

“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ใช้เจ็ดกระบวนท่าเปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่สอง กำลังรบเทียบเท่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์ยอดมรรค! ไม่รู้ว่าองค์ชายเทียนจื่อจะทำลายยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งต้องใช้กี่กระบวนท่า”

ทุกคนแปลกใจกันขึ้นมา อยากรู้ว่าระหว่างสือเทียนจื่อกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ใครจะแกร่งกว่ากัน

คนหนึ่งได้รับขนานนามว่าโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุค เป็นผู้สูงส่งสูงสุดหนุ่มที่ใช้พลังบำเพ็ญผู้สูงศักดิ์สวรรค์สังหารอริยะแท้ได้

อีกคนคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่เล่าลือว่าทุบค้อนเดียวอริยะแท้หกด่านเคราะห์ปลิวไปได้!

โอรสสวรรค์สองคนที่มีพรสวรรค์สุดยอดเช่นนี้ วันนี้จะประชันกันทางอ้อม ทุกคนจะไม่เฝ้ารอคอยกันได้อย่างไร

ทุกสายตามองรวมกันที่ร่างเงากลางฟ้าเขม็ง

ในที่สุดสือเทียนจื่อก็ออกมือ เขาควงหมัดเปล่าปล่อยประกายหมัดร้อนระอุพุ่งใส่ยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่ง

ประกายหมัดสว่างจ้าระเบิดปรากฏการณ์น่าสะพรึง สร้างโลกและทำลายล้างโลกเป็นวัฏจักรไม่สิ้นสุด กำเนิดการทำลายล้างและเกิดใหม่ในประกายหมัด!

หนึ่งหมัดชกออกไป สวรรค์เก้าชั้นกู่ก้องพร้อมกัน

ประกายหมัดกระเพื่อมไปสามพันลี้ ห้วงอากาศไร้พรมแดนถูกทำลายเป็นผุยผง

ตึง!

เกิดเสียงดังสนั่น!

เงาหมัดยักษ์ชกใส่ยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่ง

ทันใดนั้นผนึกมากมายแตกกระจาย แสงเรืองรองสว่างไปรอบๆ ฟ้าดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!

เพียงหมัดเดียวก็แทบจะทำให้ผนึกของยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งพังลงทั้งหมด อานุภาพน่าสะพรึงอย่างยิ่ง

ทว่ายอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งไม่ธรรมดา แสงเทพพุ่งขึ้นฟ้า สร้างเป็นยอดค่ายกลกฎเกณฑ์ไม่มีสิ้นสุดตกลงมาจากฟ้า

นี่คือค่ายกลที่สร้างโดยผู้แข็งแกร่งสูงสุด ต่อให้เป็นอริยะแท้สี่ด่านเคราะห์ก็ไม่อาจทำลายได้ง่ายๆ

แสงเทพสว่างจ้าปกคลุมยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่ง แสงสว่างศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับโลกหนึ่งดินแดนไม่อาจทำลายลงได้!

“หึ!”

สือเทียนจื่อทำเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่งก่อนจะเดินหน้าไปอีกครั้ง พลังหมุนม้วนฟ้าดินดั่งกระแสคลื่น!

กระดูกจักรพรรดิตรงหน้าอกเปล่งแสง พลังอำนาจน่าเกรงขาม พลังที่น่ากลัวอย่างยิ่งปะทุมาจากกระดูกจักรพรรดิ

พลังเทพน่าพรั่นพรึงถาโถมออกมาเหมือนคลื่นลูกใหญ่ ทำให้กลิ่นอายพลังของเขาน่ากลัวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับจักรพรรดิที่สุดแห่งยุคมาเยือนโลกมนุษย์

แสงเทพวนเวียนในมือสือเทียนจื่อก่อนระเบิดออกไปพร้อมกับพลังไร้พ่าย

หมัดแห่งหายนะสั่นสะท้านฟ้าดิน

ฟ้าดินถอดสี ตะวันจันทราไร้แสงสว่าง ราวกับว่าทุกอย่างจะพังทลายลงท่ามกลางหายนะไร้จุดจบ!

ภายใต้การเสริมด้วยกระดูกจักรพรรดิ สือเทียนจื่อจู่โจมออกไปเหมือนทำลายล้างได้ทุกสิ่ง!

ในที่สุดผนึกไม่มีสิ้นสุดก็ถูกทำลายลง!

ตึง!

ตึง!

สือเทียนจื่อออกมืออีกครั้ง ชกรัวสองหมัดใส่ยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่ง

เสียงดังปานฟ้าผ่า ทำให้คนใจสั่นสะท้าน เหมือนหัวใจจะระเบิด

โอรสสวรรค์ที่พลังบำเพ็ญอ่อนแอถูกพลังอำนาจที่แผ่ออกมากดดันจนหน้าซีดขาว ร่างล้มลงกับพื้น

น่าตกใจเกินไปแล้ว!

แค่คลื่นพลังที่แผ่ออกมาก็ทำให้คนหนาวสั่น

หากรับการโจมตีซึ่งหน้า เกรงว่าผู้อริยะปกติคงต้านไม่ได้ ถูกชกหมัดเดียวตาย!

ภายใต้การโจมตีบ้าอำนาจเป็นหนึ่งของสือเทียนจื่อ ยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งก็รับไม่ไหวเช่นกัน กฎเกณฑ์มากมายถูกทำลาย โซ่ลำดับถูกบดเป็นผุยผง แสงเทพอ่อนแสงลง!

บึ้ม!

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น!

สุดท้ายยอดเขาวิญญาณที่แกร่งที่สุดถูกเปิด!

เหล่าโอรสสวรรค์มองจนตาลาย จิตใจสั่นคลอน

กำลังรบของสือเทียนจื่อน่ากลัวมาก แค่สามกระบวนท่าก็เปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งได้รึ

อีกทั้งยังไม่ใช้อาวุธ ใช้กำลังรบของหมัดเปล่าก็เทียบเท่ากับอริยะแท้สี่ด่านเคราะห์หรือ

ไม่รู้ว่ากำลังรบที่แท้จริงของสือเทียนจื่อแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่

เทียบเท่าอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์ หรือหกด่านเคราะห์ที่แกร่งกว่ากัน

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

สมกับเป็นผู้สูงส่งสูงสุดหนุ่ม

กำลังรบเช่นนี้ไม่มีใครเทียบได้จริงๆ!

ทุกคนต่างตกตะลึงกับร่างเงากลางนภา

ทว่าหลังจากเปิดยอดเขาวิญญาณ สือเทียนจื่อกลับไม่มีสีหน้าเปลี่ยนไปเลย

เขาไม่ได้สนใจยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่ง แต่มองเสิ่นเทียน “เจ้า คือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ”

ดวงตาซ้อนทับกันขยับแสง ประกายดวงตาดึงดูดคน

สือเทียนจื่อมีใบหน้าเฉยชา แต่กลิ่นอายพลังกลับแข็งแกร่งยิ่ง

อำนาจคุกคามน่ากลัวหมุนม้วนออกมาราวกับคลื่นลูกใหญ่ หมุนม้วนพายุคลั่งไร้ที่สิ้นสุด!

เสิ่นเทียนหน้าไม่เปลี่ยนสีไป ร่างเหยียดตรงราวกับต้นสน ตั้งตระหง่านไม่โค่นล้ม ไม่ได้รับผลจากพลังนี้

ดวงตาเขาขยับแสงเทพ ใบหน้ายิ้มอ่อนโยน “แซ่เสิ่นเอง!”

เพียงโต้ตอบง่ายๆ กลับทำให้ฟ้าดินถอดสี

สองคนสบสายตากันเหมือนมีพลังเทพไร้รูปปะทะกันไม่หยุด

พริบตานั้นห้วงอากาศก็โคลงเคลง แตกเป็นเสี่ยงๆ

เหล่าโอรสสวรรค์รู้สึกถึงอำนาจคุกคามไร้รูปแผ่ขยายมาจากฟ้าดิน ทำให้พวกเขาใจสั่นสะท้าน

หรือว่าสองสุดยอดโอรสสวรรค์เจอกันครั้งแรกก็จะตัดสินสูงต่ำกันแล้ว ดีที่อำนาจคุกคามหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ได้คงอยู่ต่อไปอีก

ประกายแววตาสือเทียนจื่อหยั่งลึก ดวงตาซ้อนทับสว่างจ้าเหมือนทะเลดารา “ได้ยินน้องหลิงหลงเล่าเรื่องของเจ้า และได้ฟังท่านจักรพรรดิประเมินเจ้าแล้ว ไม่เลวเลยจริงๆ”

แม้ปากจะบอกว่าไม่เลว แต่ท่าทีของสือเทียนจื่อสูงส่งมาก

ไม่เหมือนความเกรงใจระหว่างรุ่นเดียวกัน แต่เหมือนผู้อาวุโสและผู้แข็งแกร่งกำลังให้กำลังใจชนรุ่นหลังมากกว่า

เห็นได้ชัดว่าเจ้านี่ดื้อรั้นถึงที่สุด

…..

เสิ่นเทียนไม่ตอบ แต่จ้องหน้าผากของสือเทียนจื่อ!

เห็นเหนือศีรษะสือเทียนจื่อมีวงรัศมีดวงชะตาเปล่งแสงวาววับ!

นั่นคือวงรัศมีดวงชะตาสีม่วงเข้ม สว่างจ้าถึงที่สุดแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

สมกับเป็นผู้สูงส่งสูงสุดหนุ่ม!

เสิ่นเทียนแอบชื่นชมในใจ ดวงชะตาเจ้านี่แกร่งที่สุดในทุกคนที่เขาเคยพบมา

บอกว่าเป็นบุตรแท้ๆ ของสวรรค์ก็คงไม่เกินจริงไป!

อายุยังน้อยก็มีกำลังรบน่าสะพรึงเช่นนี้ได้ ใช้พลังบำเพ็ญของผู้สูงศักดิ์สวรรค์เทียบเท่ากับกำลังรบของอริยะแท้

คุณสมบัติกายและเบื้องหลังต้องสำคัญแน่นอน แต่หากไม่มีดวงชะตาสะท้านโลกก็ไม่มีทางทำได้เด็ดขาด ไม่รู้ว่าตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เจ้านี่ได้โชคลิขิตไปเท่าไรแล้ว!

กุยช่ายตนนี้อุดมสมบูรณ์น้ำฉ่ำเกินความคาดหมายเลย!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

……

อีกทั้ง ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนออกแรงเยอะเกิน โดดเด่นเกินไปแล้ว

เดิมทีเขายังคิดอยู่ว่าจะหลอกเจ้าเด็กน้อยพวกนี้ให้เบนความสนใจไปได้อย่างไร!

แต่ไม่นึกเลยว่าที่ทำไปทั้งหมดจะไม่เสียเปล่า

เจ้าเด็กนี่ดึงความสนใจของทุกคนไป!

สมกับเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่มีดวงชะตาสูงส่ง นำพาโชคดีมาให้ข้าจริงๆ!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ใจสั่นไหวขึ้นมา อดเกิดความรู้สึกดีๆ กับสือเทียนจื่อมิได้

เขาเก็บพลังไปช้าๆ ดูมีจิตใจกว้างและลึกล้ำดั่งหุบเขา ไม่ประชันกับสือเทียนจื่ออีก

เวลานี้ในสายตาโอรสสวรรค์มากมาย สือเทียนจื่อมีพลังแกร่งกว่า พลัยกลายเป็นจุดรวมความสนใจของทุกคน

ส่วนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แม้จะยังลึกล้ำไม่อาจคาดเดา แต่ก็เหมือนจะไม่ได้แกร่งขนาดนั้น

ไม่นานก็ไม่ได้น่าสนใจมากขนาดนั้นอีก

…..

ศักยภาพใช้ได้ แต่ยังไม่คู่ควรคำเรียกขานว่าจักรพรรดิ

สือเทียนจื่อพูดกับตัวเองในใจก่อนจะเก็บพลังของตนไม่กดดันอีก

เขาโยนป้ายคำสั่งหนึ่งให้เสิ่นเทียน ก่อนเอ่ยอย่างเฉยชา “ด้วยป้ายคำสั่งนี้ จะเข้าพบท่านจักรพรรดิได้! แต่ว่าคนหนุ่ม ภายภาคหน้าอย่าทำตัวให้เด่นมากนัก!”

สือเทียนจื่อมองเสิ่นเทียนลึกๆ จากนั้นหมุนตัวจากไป ไม่ได้เข้าไปในยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่ง

“หืม!”

เสิ่นเทียนเพิ่งตั้งสติกลับมาได้ สือเทียนจื่อก็จากไปแล้ว

น่าเสียดาย

เดิมทีเขายังอยากพูดอะไรอีก…

อย่างเช่นผูกวาสนาดีกันไว้ ว่างก็รวมกลุ่มกันไปลงดันเจี้ยนอะไรแบบนั้น…

ไม่นึกเลยว่าเจ้าเด็กนี่จะไปเร็วเช่นนี้!

กุยช่ายดวงชะตาสูงขนาดนี้กลับปล่อยให้หนีไปเช่นนี้ น่าเสียดายนิดๆ เลย!

แต่ก็ไม่เป็นไร จากนี้ยังมีโอกาสอีกเยอะ!

ถึงอย่างไรทุกคนก็อยู่สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย กุยช่ายนี่จะหนีรอดหรือ

ฮิๆๆๆๆๆๆ~

……

“เจ้าสารเลวนี่ บังอาจมาข่มขู่ศิษย์น้องรึ”

จางอวิ๋นซีเห็นสือเทียนจื่ออยู่สูงส่ง ก่อนไปยังพูดจาข่มขู่ จึงแทบจะคุมอารมณ์ฉุนเฉียวไว้ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะจางอวิ๋นถิงดึงเอาไว้ทัน นางคงพุ่งเข้าไปลงมือแล้ว

จางอวิ๋นถิงตกใจจนเหงื่ออกเต็มไปหมด มุมปากกระตุกรัวอย่างบ้าคลั่ง

“อวิ๋นซี ใจเย็นหน่อย อย่าเอาแต่ต่อสู้อย่างเดียวได้หรือไม่! เราเพิ่งมาถึงดินแดนกลาง กลมเกลียวกันไว้ๆ”

ถ้านางทุบตีคนอื่นคงไม่เท่าไร อย่างมากก็ช่วยเจ้าสู้เพื่อพี่น้อง

ปัญหาคือน้องพี่!

ดีเลวอย่างไรเจ้าก็ดูหน่อยว่าคู่ต่อสู้เป็นใคร!

นั่นคือสือเทียนจื่อ มีกำลังรบเป็นหนึ่ง เทียบเท่าอริยะแท้!

นอกจากศิษย์น้องแล้วยังมีใครงัดข้อกับเขาได้อีก เราสู้เขาได้รึ

คิดจริงๆ คือว่าคนอื่นเขาจะไม่ทุบตีสตรีกัน

…..

“หึ!”

จางอวิ๋นซีทำเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่ง “ไอ้สารเลวนี่ ศิษย์น้องไม่ได้หาเรื่องเขาด้วยซ้ำ มีสิทธิ์อะไรมาหาเรื่องศิษย์น้อง”

จางอวิ๋นถิงได้แต่ส่ายหน้ายิ้มแห้งๆ เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเหตุใดสือเทียนจื่อถึงหาเรื่องเสิ่นเทียน

ทันใดนั้นเอง หวังเสินซวีกลับโพล่งขึ้นมา “ข้ารู้ว่าเหตุใดสือเทียนจื่อถึงไม่ถูกชะตากับสหายเสิ่น”

ทุกคนพลันอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา มองหวังเสินซวี “เพราะเหตุใดกัน”

หวังเสินซวียิ้มลึกลับ “เพราะเขามีนามว่าเทียนจื่อ[1] แต่นามของสหายเสิ่นดันมีความว่า ‘เทียน’”

โอรสสวรรค์ทุกคนพูดไม่ออก

ใช่ มีเหตุผลมาก ไม่มีคำใดจะโต้แย้งเลย

จะว่าไป ปากของเจ้าหนูแดนศักดิ์สิทธิ์ท้องนภา ไฉนถึงร้ายเช่นนี้ได้!

ดีที่สือเทียนจื่อไปแล้ว ไม่เช่นนั้น เจ้านี่อาจจะถูกค้อนทุบระเบิดเอาแน่!

ไม่ ไม่ใช่แค่ทุบระเบิด!

รู้สึกว่าถ้าเจ้านี่ถูกสือเทียนจื่อทุบตี ตัดชีวิตน้อยๆ ไปจนหมดก็คงไม่มีประโยชน์!

…..

ผู้อาวุโสซูก้าวออกมาพูดเสียงดัง “ศิษย์ใหม่เข้าไปในยอดเขาวิญญาณของตนได้ ในนั้นจะมีสมบัติกับบุตรแต้มศึกษาที่สำนักศึกษาหลวงเตรียมไว้ให้แล้ว!

ส่วนศิษย์ที่เปิดยอดเขาวิญญาณไม่ได้ ก็เริ่มสร้างกระโจมสร้างบ้านกันได้ พวกเจ้าพักผ่อนกันที่นี่ ช่วงเย็นๆ จะมีปรมาจารย์มาถ่ายทอดเนื้อหาศึกษา”

ผู้อาวุโสซูจัดการธุระต่างๆ อย่างเหมาะสมแล้วก็รีบร้อนจากไป

โอรสสวรรค์รุ่นนี้น่าตกใจยิ่งนัก เขาต้องไปแจ้งผู้แข็งแกร่งในสำนักศึกษาหลวงให้จัดการเป็นพิเศษ

พอได้ฟังคำพูดของผู้อาวุโสซู เหล่าโอรสสวรรค์ก็ร้องโอดโอย

พวกเขายังเปิดยอดเขาวิญญาณไม่ได้ จึงไม่มีสิทธิ์ได้รับพลังวิญญาณมหาศาลในยอดเขาวิญญาณ แต่ความสามารถเทียบคนอื่นไม่ได้ก็ต้องจำใจ โอรสสวรรค์พวกนี้ได้แต่สร้างบ้านกันอย่างว่าง่าย

ไม่เช่นนั้น คืนนี้พวกเขาได้นอนข้างถนนกันจริงๆ แน่

ส่วนพวกศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ต่างอาศัยในยอดเขาวิญญาณลูกที่ยี่สิบเอ็ด

เหล่าโอรสสวรรค์อิจฉากันอย่างยิ่งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ใครใช้ให้โอรสสวรรค์บ้านตนเปิดยอดเขาวิญญาณไม่ได้กันล่ะ!

……

เสิ่นเทียนบอกลาทุกคนแล้วก็เข้าไปในยอดเขาวิญญาณลูกที่สอง

หมอกวิญญาณในยอดเขาวิญญาณลูกที่สองวนเวียนหนาทึบ แสงสว่างไหลเวียนเหมือนคลื่นน้ำกระเพื่อมไม่หยุด

พลังวิญญาณเข้มข้นปกคลุมฟ้าดิน แม้แต่ห้วงอากาศยังชื้นขึ้นมา ควบแน่นเป็นของเหลววิญญาณบริสุทธิ์ลับๆ

เสิ่นเทียนเข้ามาที่นี่ก็รู้สึกกระปรี้กระเปล่า สบายไปทั้งตัว เหมือนเวียนว่ายอยู่กลางมหาสมุทรพลังวิญญาณ

พลังวิญญาณที่นี่เข้มข้นมาก เหนือกว่าโลกภายนอกเป็นร้อยเป็นพันเท่า!

พลังวิญญาณเต็มฟ้ากลายเป็นหมอกวิญญาณทั้งหมด กระทั่งเกือบถึงระดับพลังวิญญาณกลายเป็นของเหลว

หากคนปกติเข้ามาที่นี่ บางทีอาจจะสร้างฐานได้ทันที เริ่มชีวิตการฝึกบำเพ็ญ

สมกับเป็นยอดเขาวิญญาณลูกที่สองในยอดเขาวิญญาณสามสิบหกลูก ไม่ธรรมดาจริงๆ

“ที่นี่ไม่เลว คุณภาพของอากาศเยี่ยมจริงๆ!”

เสิ่นเทียนอดปลงอนิจจังมิได้ ที่นี่เหนือกว่ายอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ของเขาอีก!

อีกทั้ง บนยอดเขาวิญญาณยังมีสถานที่ฝึกบำเพ็ญที่ควรมีครบครัน ไม่ต้องเสียเวลาไปจัดซื้ออะไร

ตรงยอดเขาวิญญาณลูกที่สองเป็นสำนักใหญ่ สำนักใหญ่เปล่งแสงสีทองอมคราม ดูโอ่อ่ายิ่งใหญ่ สร้างขึ้นจากทองคำวิญญาณล้ำค่า

ส่วนในสำนักเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ บนโต๊ะของโถงใหญ่วางป้ายคำสั่งอันหนึ่งกับโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดสามต้น

เมื่อเห็นดังนั้น เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย “วางอำนาจใหญ่โต สำนักศึกษาหลวงใจกว้างมาก!”

พวกนี้คือรางวัลที่ผู้อาวุโสซูบอก

โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดสามต้นล้ำค่าอย่างยิ่ง กระทั่งแลกเป็นอาวุธอริยะได้ชิ้นหนึ่ง

หากเป็นคนอื่นได้โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดสามต้นนี้ จะต้องดีใจแน่นอน

แต่เสิ่นเทียนไม่ได้สนใจอะไรมาก ได้แต่บอกว่าเพิ่มดอกไม้บนผ้าสวยงาม

ถึงอย่างไรเขาก็มีเงิน

เสิ่นเทียนกลับสนใจป้ายคำสั่งนั้นมากกว่า นั่นเป็นป้ายคำสั่งเก่าแก่และเรียบง่าย ด้านบนแกะสลักคำว่า ‘สอง[2]’ ตัวใหญ่!

เมื่อเห็นอักษะนี้ เสิ่นเทียนถึงกับมุมปากกระตุกขึ้นมา

ตัวเลขนี้ เหมือนจะ…

ไม่นานเสิ่นเทียนก็เข้าใจการใช้งานของป้ายคำสั่งนี้ นี่เป็นป้ายคำสั่งควบคุมของยอดเขาวิญญาณลูกที่สอง

ด้วยป้ายคำสั่งนี้จะควบคุมยอดค่ายกลของยอดเขาวิญญาณลูกที่สองได้

ดีเลวอย่างไรก็เป็นยอดค่ายกลเทียบเท่าผู้อริยะเคราะห์แรก ก็ต้องมีประโยชน์แน่นอน

หลังจากเสิ่นเทียนควบคุมป้ายคำสั่งของยอดเขาวิญญาณลูกที่สองแล้ว ป้ายคำสั่งก็เปล่งแสงสีสันหลากสียิ่ง จากนั้นมีข้อมูลส่วนหนึ่งเพิ่มมาในความคิดเขา

ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสซูบอกว่าหลังเปิดยอดเขาวิญญาณได้ จะไม่ใช่ได้แค่รางวัลสมบัติล้ำค่า แต่ยังมีรางวัลแต้มศึกษา!

และข้อมูลที่เสิ่นเทียนเพิ่งได้รับมาก็คือแต้มศึกษาเข้าบัญชี

แต้มศึกษามีความคล้ายกับศิลาวิญญาณของโลกข้างนอก นี่เป็นเงินตราแลกเปลี่ยนที่พบเห็นบ่อยที่สุดในสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย

มันใช้แลกเป็นวิชาลับ ทรัพยากรสมบัติได้ และยังแลกเป็นสิทธิ์การใช้งานแดนล้ำค่าบำเพ็ญได้

ต้องรู้ว่าสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยสืบทอดกันมายาวนาน ศักยภาพแฝงลึกล้ำยากจะจินตนาการได้ กระทั่งคัมภีร์จักรพรรดิสมบูรณ์ยังแลกได้!

แต่ทุกอย่างต้องแลกด้วยแต้มศึกษา และการจะได้แต้มศึกษาต้องทำภารกิจให้สำเร็จ กล่าวได้ว่าสิ่งที่คนให้ความสำคัญมากที่สุดในสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยก็คือแต้มศึกษา

ในป้ายคำสั่งของเสิ่นเทียนบันทึกแต้มศึกษาไว้แสนแต้ม

จำนวนขนาดนี้เรียกได้ว่าร่ำรวยมหาศาล!

แต้มศึกษาแสนแต้มมากพอจะทำให้คนได้อ่านคัมภีร์จักรพรรดิฉบับสมบูรณ์ที่รวมถึงบทต้องห้ามได้ส่วนหนึ่งคร่าวๆ เลย!

หากศิษย์คนอื่นได้ไป ถึงขั้นปรับแก้ดวงชะตาได้

…..

เมื่อเห็นป้ายคำสั่งของยอดเขาวิญญาณลูกที่สอง เสิ่นเทียนก็นึกถึงป้ายคำสั่งที่สือเทียนจื่อโยนมาให้เขา

เขานำป้ายคำสั่งอีกอันออกมาพิจารณาดูอย่างละเอียด

บนป้ายคำสั่งประทับลวดลายอัศจรรย์ราวกับแฝงไว้ด้วยมหามรรคฟ้าดิน ลี้ลับอย่างยิ่ง

อักษรคำว่า ‘ฮวง’ เข้มแข็งทรงพลังประทับตรงกลางป้ายคำสั่ง พลังยิ่งใหญ่ดั่งมหาสมุทร มีความคล้ายกับป้ายคำสั่งราชโองการพิเศษของเขาเล็กน้อย

เสิ่นเทียนคลำป้ายคำสั่งในมือ “สิ่งนี้อัศจรรย์ขนาดนั้นเชียว ปลุกตื่นแล้วก็จะได้เข้าเฝ้าจักรพรรดิฮวงสือหรือ”

หรือว่าจะเป็นป้ายอัญเชิญอะไรบางอย่าง แค่ปลุกตื่นก็จะให้จักรพรรดิฮวงสือมาเยือนที่นี่

เมื่อคิดได้ดังนั้นเสิ่นเทียนก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ตื่นเต้นในใจนิดๆ

ถึงอย่างไรจักรพรรดิฮวงสือก็แข็งแกร่งมาก

หลังจากเตรียมตัวอย่างดีแล้ว เสิ่นเทียนก็กระตุ้นพลังฤทธิ์ส่งเข้าไปในป้ายคำสั่ง

ทันใดนั้น ป้ายคำสั่งยิงแสงสว่างสีสันหลากสียิ่งออกมา

แสงสว่างพร่างพราววนเวียนรอบป้ายคำสั่ง รวมเป็นลักษณะกลม!

เสิ่นเทียนเกิดความคิดไร้สาระขึ้นในใจ จึงพึมพำเบาๆ “ออกมาเถอะ ปิกาจู!”

ใช่ ลักษณะกลมนี่คล้ายกับโปเกบอลที่ไว้เรียกปิกาจูมาก!

ทว่าปิกาจูกลับไม่ปรากฏ!

ลูกกลมเปล่งแสงสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกลายเป็นปากยักษ์ของหุบเหวจะกลืนกินเสิ่นเทียน

เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานยิ่งใหญ่ที่แฝงอยู่ในนั้น เสิ่นเทียนก็มุมปากกระตุกเล็กน้อย!

ข้ายังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกลอบโจมตีแล้ว!

อืม สารภาพตามตรง มันกะทันหันมาก~

…………

ปรากฏสีสันหลากสีตรงหน้า เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตัวเขากำลังหมุนวนอย่างรวดเร็ว

ไม่นานเขาก็มาปรากฏกลางห้วงอากาศหนึ่ง ตรงกลางมิติขาวโพลนแห่งนี้มีคนยืนอยู่สองคน

หนึ่งในนั้นสวมชุดคลุมขาว ร่างเหยียดตรงเหมือนทวนยาวทะลวงนภา ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายพลังสูงส่งและดื้อรั้น

ดวงตาเขาระหว่างกะพริบตามีแสงเทพขยับวูบไหว กระดูกจักรพรรดิตรงหน้าอกยังเต็มไปด้วยลายเทพลี้ลับ แค่ยืนตรงนั้นเพียงลำพังก็เหมือนศูนย์กลางของโลกแล้ว

ใช่ คนนี้คือโอรสสวรรค์สูงสุดของดินแดนกลางที่เจอหน้ากับเสิ่นเทียนมาเมื่อไม่นานมานี้…สือเทียนจื่อ!

อีกร่างเงาดูธรรมดามาก

เขาสวมชุดคลุมยาวสง่างามสีม่วง มองไปอายุราวสามสิบสี่สิบปี

คนนี้ไม่มีคลื่นพลังกฎเกณฑ์ใดๆ วนเวียนรอบกาย ดูเหมือนปัญญาชนมนุษย์ที่ไม่ธรรมดาไปมากกว่านี้อีกแล้ว

ทว่าเสิ่นเทียนกลับไม่ได้ดูถูกเขาเพราะเขาธรรมดาเลยแม้แต่น้อย

ในสถานที่ที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ ปรากฏคนธรรมดาเช่นนี้ได้

นี่คือส่งเสริมความไม่ธรรมดาของเขา!

อีกทั้งดูจากท่าทีของสือเทียนจื่อที่เคารพคนนี้อย่างยิ่งแล้ว

ด้วยความนิสัยเสียของเจ้านี่ คนที่ให้เขาเคารพกระทั่งบูชาดั่งเทพเจ้าได้เช่นนี้…

หากเสิ่นเทียนเดาไม่ผิด ก็คงจะมีเพียง…จักรพรรดิฮวงสือ!

……………………

[1] เทียนจื่อ หมายถึง บุตรแห่งสวรรค์ เทียนแปลว่าสวรรค์

[2] สอง มีอีกความหมายหนึ่งคือ โง่ ซื่อบื้อ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด