บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 473 ซ่อมแซมธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 473 ซ่อมแซมธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 473 ซ่อมแซมธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนกลับมา ทุกคนดีใจกันมาก

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตฉู่หรงเหอก้าวออกมา เลิกคิ้วขาวขึ้น พูดด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์หลาน ครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

ตอนนั้นเขาเห็นเสิ่นเทียนเข้ากระดานหมากฟ้าขุ่นกับตาตนเอง รู้ว่าเขาต้องได้มหาโชคลิขิตแน่นอน

เพราะอย่างไรพวกเขาแก้ไม่ได้ก็ยังได้รางวัลอาวุธเตรียมเซียน

เสิ่นเทียนแก้กระดานหมากสำเร็จ จะได้ประโยชน์น้อยได้อย่างไร

ส่วนที่เสิ่นเทียนหายไปร้อยแปดสิบปี พูดความจริง พวกเขาไม่ได้กังวลมากเลย

กระดานหมากฟ้าขุ่นเป็นของยอดฝีมือสูงสุดโลกเซียน ในเมื่อเสิ่นเทียนเข้ากระดานหมากฟ้าขุ่นได้ จะต้องได้รับการคุ้มกันจากยอดฝีมือ จะไปเจออันตรายได้อย่างไร

ประกอบกับเขามีดวงชะตาสูงสุด เป็นบุตรแห่งสวรรค์สมคำร่ำลือ

ทุกคนจึงเฝ้ารอเสิ่นเทียนนำมหาโชคลิขิตกลับมา

วันนี้ได้พบก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

แค่กลิ่นอายพลังที่แผ่มาจากตัวเสิ่นเทียนก็ทำให้ผู้อาวุโสบัวมรกตรู้สึกถึงแรงกดดันลับๆ อ่านไม่ขาด

ดูท่าเจ้าหนูนี่คงได้มาอู้ฟู้เลย!

เสิ่นเทียนเดินหนึ่งก้าว ป้องมือพูดด้วยความเคารพ “ลำบากให้อาจารย์กับอาจารย์ลุงเป็นห่วงแล้ว ศิษย์ได้โชคลิขิตมาบ้างจริงๆ”

จางหลงหยวนกับฉู่หรงเหอเป็นผู้อาวุโสที่เสิ่นเทียนเคารพมากที่สุด เขาย่อมตอบกลับอย่างมีมารยาท

“ฮ่าๆ ดี! สมกับเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์รุ่นนี้ของแดนศักดิ์สิทธิ์เรา มีดวงชะตาสูงสุดจริงๆ!”

ฉู่หรงเหอหัวเราะอย่างเปิดเผย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความพอใจ

แม้ผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่นจะไม่พูดอะไร แต่ก็ปลื้มใจมากเช่นกัน

พวกเขาเห็นเสิ่นเทียนเติบใหญ่ขึ้น ล้วนมองเขาเป็นลูกหลานของตนเองแล้ว

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนกลับมาอย่างปลอดภัย ผู้อาวุโสสูงสุดทุกคนจึงดีใจกันมาก

…..

บึ้ม!

ทว่าตอนนี้เองพลันมีเสียงดังมาจากรอบนอก

ทุกคนมองไปก็เห็นศิษย์เทพสวรรค์ทุกคนยืนอยู่หน้าหุ่นเกราะวิถีเซียนพวกนั้น

ศิษย์ผู้นำคือคนเก่าคนแก่ของทุกคน พวกซ่งฟู้กุ้ย หลิวไท่อี่ สยงเหมิ่งและฉินอวิ๋นตี๋

ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพและซื่อตรง

ซ่งฟู้กุ้ยยืนอยู่หน้าสุดของขบวน ตะโกนเสียงดังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “สหายทุกท่าน ในที่สุดเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ของเราก็กลับมาแล้ว! รีบนำความรักของพวกเจ้าออกมาต้อนรับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์!”

เมื่อเอ่ยขึ้น ศิษย์เทพสวรรค์ทุกคนพลันคึกคักขึ้นมา

พวกเขาพากันเรียกกระบี่ยาวของตน ปาขึ้นฟ้าสูง กระตุ้นเคล็ดวิชา คุมตำแหน่งกระบี่ยาว

กระบี่ยาวมากมายขยับแสงวาววับ สะท้อนแสงเงินร้อนแรง ตัดสลับกันไปเรื่อยๆ ทำให้ท้องนภาปกคลุมอยู่ใต้แสงกระบี่ไม่มีสิ้นสุด

เสียงกระบี่ดังชิ้งๆ สนั่นฟ้า เสียงฮึกเหิมนั้นดังถึงกระดูกคน ทำให้คนเลือดร้อน

ทุกคนมองจนตาพร่าเลือน กระบี่ยาวมากมายบินว่อนในอากาศ ร่างเป็นเงากระบี่สีสันหลากสี สว่างจ้าอย่างยิ่ง

สุดท้ายกระบี่ยาวเหลือคนานับเรียงกันเป็นระเบียบ รวมเป็นคำว่า ‘เทียน’ ใหญ่บนฟ้า พลังโอ่อ่ายิ่งใหญ่ อลังการที่สุด!

ตอนนี้ศิษย์เทพสวรรค์มากมายต่างตะโกนเสียงดังด้วยความจริงใจ “จุดสูงสุดแห่งเซียน โอหังต่อโลก พยายามฝึกบำเพ็ญทุกวัน ติดตามเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จักต้องเป็นเซียน!”

เสียงดังสนั่นกึกก้องฟ้าดิน ทำให้คนมากมายใจสั่นกระเพื่อม

แต่นี่ยังไม่จบ ก่อนจะเห็นฉินอวิ๋นตี๋นำป้ายคำสั่งออกมา พลันจุดแสงสว่างขึ้น

เวลานี้ หุ่นเกราะวิถีเซียนหลายพันตัวเปล่งแสงเทพสว่างจ้า ยิงอัสนีเทพกำเนิดฟ้าขึ้นนภา!

อัสนีห้าแสบสิบสีพุ่งขึ้นกลางฟ้า พลันระเบิดกระจาย

เหมือนเปลวไฟสว่างแพรวพราว สว่างจ้าแสบตา ส่องสะท้อนฟ้าดิน!

อัสนีเทพกำเนิดฟ้าพวกนี้รวมขึ้นจากการเผาศิลาวิญญาณมหาศาล ตอนนี้กลับระเบิดออกมาทั้งหมดราวกับไม่ต้องใช้เงินแล้ว เพียงเพื่อเฉลิมฉลองการกลับมาของเสิ่นเทียน!

ภายใต้บรรยากาศดอกไม้ไฟมากมาย ศิษย์เทพสวรรค์ทุกคนโค้งตัวแสดงความเคารพ ตะโกนเสียงดังพร้อมกัน “ศิษย์เทพสวรรค์ ยินดีต้อนรับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียน!”

…….

เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนเบิกตาโตอ้าปากค้าง แอบตกใจว่านี่จะเล่นใหญ่เกินไปแล้ว

แค่ศิลาวิญญาณที่เสียไปก็เทียบได้กับรายได้หลายปีของแดนเทวาแดนผาสุกมากมาย

และตอนนี้เอง ในที่สุดศิษย์ขุมอำนาจอื่นรอบๆ ก็ตั้งสติกลับมาได้

ผู้อาวุโสสุดยอดของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ปรากฏตัวมากขนาดนี้ จ่ายไปฟุ่มเฟือยเช่นนี้ ก็เพื่อเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นนี้!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นนี้ ก็คือเสิ่นเทียนที่หายตัวไปหลายปีไม่ใช่หรือ

หรือก็คือบุรุษคนนั้นที่สร้างชื่อเสียงเลื่องลือในห้าดินแดนตอนนั้น กลับมาแล้ว!

ทันใดนั้นผู้คนคึกคักกันขึ้นมา

แม้ผู้บำเพ็ญพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นเยาว์ที่เพิ่งผงาดขึ้น แต่ก็เคยได้ฟังเรื่องราวของเสิ่นเทียน!

เช่นอันดับหนึ่งสำนักมนุษย์จี้เซี่ย

เช่นเพิ่งเข้าตำหนักศึกษาก็ข้ามขั้นไปสังหารเจ้าอริยะเจ็ดด่านเคราะห์

เช่นในโลกสะพาน แก้กระดานหมากฟ้าขุ่นที่ไม่มีใครแก้ได้

แม้แต่สือเทียนจื่อที่มีอำนาจยิ่งใหญ่เกรียงไกร สังหารวิญญาณร้ายมานับไม่ถ้วนยังยอมรับว่าสู้เสิ่นเทียนไม่ได้

…..

แม้เสิ่นเทียนจะหายตัวไปร้อยแปดสิบปี แต่บารมีตลอดหลายปีมานี้ของเขาไม่ลดน้อยลงเลย มีแต่จะมหัศจรรย์ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อยุคแห่งการแย่งชิงปรากฏ โอรสสวรรค์ปรากฏมาไม่ขาดสาย ปีศาจที่มีพรสวรรค์สุดยอดโผล่มากันเรื่อยๆ

แต่ไม่มีใครทำลายสถิติที่เสิ่นเทียนสร้างไว้ในตอนนั้นได้ กระทั่งพูดได้ว่าห่างไกลไม่อาจเอื้อมถึง

จนถึงตอนนี้พวกเขาถึงเข้าใจว่าพรสวรรค์และกำลังรบของเสิ่นเทียนน่ากลัวเพียงใด

เรียกได้ว่าเป็นที่สุดในประวัติการณ์ ไม่มีใครไปถึง

มองไปในยุคโบราณก็ไม่มีใครประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้!

ดังนั้นหลังจากเสิ่นเทียนกลับมาอย่างปลอดภัย ในใจทุกคนจึงเต็มไปด้วยความตกตะลึงและดีใจ

ช่วงที่เผ่าวิญญาณร้ายต่างแดนสร้างหายนะกับทุกชีวิตนั้น ผู้แข็งแกร่งที่มีพรสวรรค์สุดยอดกลับมา ย่อมเป็นเรื่องดีกับห้าดินแดน

มีเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนร่วมด้วย บางทีอาจจะต่อต้านวิญญาณร้ายต่างแดนได้ดีกว่าเดิม!

เวลานี้ ทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ครึกครื้นกันอย่างยิ่ง

ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เฉลิมฉลองการกลับมาของเสิ่นเทียน

……

ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของคนมากมาย จางหลงหยวนพาเสิ่นเทียนเข้ายอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

สองคนเข้าไปในตำหนักเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายจางหลงหยวนกระเพื่อมเบาๆ “เทียนเอ๋อร์ วันนี้เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย ถึงเวลารับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว ตอนนี้ข้าจะมอบตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้า หวังว่าเจ้าจะนำพาแดนศักดิ์สิทธิ์ต่อต้านวิญญาณร้ายต่างแดน”

เสิ่นเทียนตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนป้องมือด้วยความเคร่งขรึม “ขอรับ ศิษย์จะปฏิบัติตามคำชี้แนะของอาจารย์ สาบานว่าจะปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์ยิ่งชีพ ต่อต้านวิญญาณร้าย!”

จางหลงหยวนพยักหน้า จากนั้นนำป้ายคำสั่งสีทองออกมาอันหนึ่ง บนนั้นมีแสงสีทองไหลเวียน แกะสลักลวดลายประหลาดไว้

ตรงกลางป้ายคำสั่งยังแกะสลักคำว่า ‘เทพสวรรค์’ อักษรดั่งมังกรน้ำ เข้มแข็งมีพลัง แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามยิ่งใหญ่

นี่คือป้ายคำสั่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เป็นสัญลักษณ์แสดงฐานะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

อีกทั้งป้ายคำสั่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ยังมีประโยชน์มากมาย มีขีดจำกัดสูงมาก

ไม่ใช่แค่ออกคำสั่งกับผู้อาวุโสและศิษย์เทพสวรรค์ได้ แต่ยังคุมยอดค่ายกลของทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้

นี่คือยอดค่ายกลที่สืบทอดกันมาแต่โบราณของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แฝงด้วยอำนาจมหาศาล

กล่าวได้ว่าป้ายคำสั่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คือหัวใจสำคัญของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ คุมทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ สำคัญอย่างยิ่ง

ในเมื่อเสิ่นเทียนรับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก็ต้องมอบป้ายคำสั่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ให้กับเขา

จางหลงหยวนมอบป้ายคำสั่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ให้เสิ่นเทียน “เทียนเอ๋อร์ ในเมื่อเจ้ารับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เช่นนั้นทรัพยากรทุกอย่างของยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับแดนศักดิ์สิทธิ์จะเป็นของเจ้า แล้วก็อาวุธจักรพรรดิมรดกของฝ่ายเรา…ธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ก็จะมอบให้เจ้าดูแลไว้”

เมื่อเอ่ยจบ จางหลงหยวนก็นำของออกมาอีกชิ้น

ทันใดนั้นเกิดประกายสายฟ้าสว่างวาบ เกิดเสียงฟ้าร้อง แผ่อำนาจคุกคามรุนแรง หมุนม้วนเข้ามา

ก่อนจะเห็นธงที่มีแสงเทพวนเวียนลอยอยู่ตรงหน้าพวกเขา แสงเทพสว่างจ้าแสบตายิ่ง

ธงทุกอันแผ่อำนาจคุกคามรุนแรง กลิ่นอายพลังไม่ด้อยไปกว่าอาวุธเตรียมจักรพรรดิ

เมื่อธงทุกอันรวมกันจะมีอำนาจของอาวุธจักรพรรดิ

ประกายเซียนบนผิวกายจางหลงหยวนกระเพื่อมเบาๆ “ธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์มีธงหลักหนึ่งผืนกับธงเสริมอีกสิบผืน ระเบิดอานุภาพได้สูงสุด และยังใช้ธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์เป็นฐานค่ายกล วางยอดค่ายกลอัสนีฟ้าเทพสวรรค์ได้ ในยุครุ่งโรจน์ ถึงขั้นสังหารมหาจักรพรรดิได้เลย

ตอนแรก จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ใช้ธงจักรพรรดิอัสนีสังหารในห้าดินแดนจนมีชื่อเสียงโด่งดัง สร้างแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ขึ้นสำเร็จ มีชื่อเสียงเลื่องลือห้าดินแดน

สิ่งนี้คือสัญลักษณ์ของฝ่ายเรา และเป็นของที่สำคัญที่สุด ธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ล้ำค่าอย่างยิ่ง มีอานุภาพไม่มีสิ้นสุด เหนือกว่าอาวุธจักรพรรดิทั่วไป

แต่สงครามเมื่อหมื่นปีก่อน วิญญาณร้ายสูงสุดรุกรานห้าดินแดน ขุมอำนาจมากมายเสียหายอย่างหนัก แม้แต่อาวุธจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์เรายังถูกทำลายในสงครามนั้น

หมื่นปีมานี้ แม้ฝ่ายเราจะพยายามซ่อมแซมอาวุธจักรพรรดินี้อย่างสุดความสามารถ ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ ตอนนี้ธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์เหลือเพียงหนึ่งหน้าหลักและสี่หน้ารองมังกรเขียว วิหคชาด เต่าดำและกิเลน

แม้ธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ในตอนนี้จะมีอานุภาพลดลงไป แต่ก็ยังอยู่ในอาวุธจักรพรรรดิ วันนี้ข้าจะมอบธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ให้เจ้า

หนึ่ง ให้เจ้าไว้ปกป้องตนเอง สังหารวิญญาณร้าย สอง หวังว่าสักวัน อาวุธจักรพรรดิมรดกของฝ่ายเราจะกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งในมือเจ้า”

จางหลงหยวนจ้องเสิ่นเทียน ภายในใจเต็มไปด้วยความปลงอนิจจัง

เขารู้ว่าการจะให้ธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์กลับไปจุดสูงสุดอีกครั้งเป็นเรื่องยากยิ่ง

ทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ใช้เวลาไปหมื่นปี เสียทรัพยากรไปมหาศาล ก็ทำได้แค่ซ่อมแซมธงหน้าหลักกับหน้ารองสี่หน้า

นี่ยังเป็นเพราะธงหน้าหลักกับธงหน้ารองสี่หน้าไม่ได้ถูกทำลายลงทั้งหมดด้วย แต่อยู่ในสภาวะเสื่อมสภาพ

แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นบรรพจารย์ก็ยังเสียแรงกายและแรงใจไปอย่างมากถึงจะซ่อมแซมมันได้

หกหน้ารองที่เหลือไม่มีวิธีซ่อมแซมเลย

เพราะว่าพวกมันถูกทำลายลงทั้งหมดในสงครามนั้นเมื่อหมื่นปีก่อนแล้ว เว้นแต่จะสร้างใหม่ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางซ่อมแซมได้

แต่การจะหลอมก็ไม่ง่าย เพราะอย่างไรก็เป็นอาวุธจักรพรรดิ มีเพียงมหาจักรพรรดิที่หลอมได้เท่านั้น

และในห้าดินแดนตลอดหลายปีมานี้ไม่เคยปรากฏมหาจักรพรรดิเลย!

แม้แต่จักรพรรดิฮวงสือก็เล่าลือว่ายังห่างจากมหาจักรพรรดิแท้จริงอีกไม่น้อย

ดังนั้นเรื่องนี้เลยไว้เท่านี้มาตลอด ส่วนธงจักรพรรดิอัสนีก็ปลุกอานุภาพที่แกร่งสุดไม่ได้

…..

ตอนนี้จางหลงหยวนมอบธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ให้เสิ่นเทียน แต่กลับเฝ้ารอคอยลับๆ ในใจ

เพราะเสิ่นเทียนเป็นบุตรแห่งโชคที่สุดในประวัติการณ์ มีดวงชะตาสูงสุด

เขาเปลี่ยนทุกเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นไปได้

บางทีธงจักรพรรดิอัสนีอาจจะกลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้งในมือเสิ่นเทียนก็ได้!

“ขอรับ อาจารย์! ศิษย์จะพยายามสุดความสามารถเพื่อฟื้นฟูธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์!”

เสิ่นเทียนรับธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์มาอย่างจริงจัง รู้สึกถึงภารกิจอันหนักอึ้งตกลงบนบ่าตน

ตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ใช่แค่นาม แต่เป็นภาระหน้าที่มากกว่า!

นับจากวันนี้ไป เขาจะต้องแบกรับปกป้องศักดิ์ศรีของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปกป้องความปลอดภัยของศิษย์ และนำพาแดนศักดิ์สิทธิ์ไปสู่ความรุ่งโรจน์

แต่เสิ่นเทียนไม่รู้สึกว่าเป็นภาระ เขามีความจริงใจต่อแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สูงพอสมควรเลย

ต่อให้ไม่มีตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก็จะปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี

“ดี ดีมาก!”

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายจางหลงหยวนสั่นไหวอย่างรุนแรง ภายในใจเต็มไปด้วยความปลื้มใจ

ยกตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ให้เสิ่นเทียนแล้ว ในที่สุดเขาก็วางความกังวลใจลง

เขาเชื่อมั่นว่าเทียนเอ๋อร์มีรูปแบบชะตาสูงสุดมังกรซ่อนทะยานขึ้นหุบเหว

ภายใต้การนำของเทียนเอ๋อร์ ห้าดินแดนจะต้องชนะในสงครามครั้งนี้แน่นอน!

ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นยุคสมัยของเขา!

……

จางหลงหยวนหมุนตัวจากไป มอบยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ให้เสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นนี้ย่อมต้องอยู่ยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

จางหลงหยวนก็ย้ายไปอยู่ที่พักของผู้อาวุโสสูงสุด ปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ต่อไป

เมื่อเห็นจางหลงหยวนจากไป เสิ่นเทียนก็เริ่มศึกษาธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ในมือ

เขารู้สึกว่าแม้ธงจักรพรรดิอัสนีจะเสียหาย แต่ในนั้นแฝงไว้ด้วยพลังที่เหนือกว่าอาวุธเตรียมจักรพรรดิ

เพราะอย่างไรก็เป็นอาวุธจักรพรรดิ หากซ่อมแซมกลับมาได้ทั้งหมด จะระเบิดอานุภาพไม่ด้อยไปกว่าเตาหลอมเทพสุริยะ กระทั่งแกร่งยิ่งกว่า

โดยเฉพาะอาวุธจักรพรรดินี้ไม่ว่าจะใช้โจมตีหรือป้องกันก็แข็งแกร่งยิ่ง

หากใช้ธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ในสภาพสมบูรณ์วางยอดค่ายกลอัสนีฟ้าเทพสวรรค์

สิ่งมีชีวิตต่ำกว่าระดับจักรพรรดิ แค่สัมผัสก็แทบจะตายในทันทีเลย!

หากเป็นเช่นนั้นก็จะปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้ดีกว่าเดิม กันวิญญาณร้ายรุกรานเข้ามา

……

“จะซ่อมแซมอย่างไรดี”

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงอย่างไรก็เป็นอาวุธจักรพรรดิ จะไปซ่อมแซมง่ายๆ ได้อย่างไร

อีกทั้ง เสิ่นเทียนยังไม่เข้าใจในการหลอมอาวุธอยู่แล้ว อย่างมากก็เคยหลอมอาวุธมรรคชีวิต

เหมือนนึกอะไรได้ เสิ่นเทียนตาเป็นประกายขึ้นมา “ผู้อาวุโสเยี่ย ท่านรู้หรือไม่ว่าจะซ่อมอาวุธจักรพรรดินี่อย่างไร”

ในเมื่อตนเองคิดไม่ออก เช่นนั้นก็ไปถาม!

มีทรัพยากรดีขนาดนี้ไม่ใช้ นั่นจะไม่สิ้นเปลืองหรือ

เยี่ยฉิงชางเป็นยอดฝีมือโลกเซียน มีความรู้กว้างขวาง เขาต้องมีหนทางแน่

เยี่ยฉิงชางเอ่ยเสียงเอ้อระเหย “เคล็ดหลอมสร้างคบเพลิงเบิกฟ้าของเจ้าไม่ใช่แค่หลอมอาวุธมรรคชีวิตได้นะ ตัวมันเองก็เป็นวิชาหลอมอาวุธสูงสุดเช่นกัน

แม้ด้วยศักยภาพของเจ้าตอนนี้จะยังหลอมอาวุธจักรพรรดิไม่ได้ แต่ก็หลอมอาวุธเตรียมจักรพรรดิได้ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเจ้าเองก็คุมไฟแท้สุริยะได้ นั่นคือไฟสูงสุดที่ปรมาจารย์หลอมอาวุธมากมายใฝ่ฝัน

ธงรองของธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์เป็นระดับเตรียมจักรพรรดิ เจ้าสร้างเลียนแบบธงรองพวกนั้นได้ จากนั้นประกอบกับธงหลัก หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็จะแสดงอานุภาพของอาวุธจักรพรรดิได้เช่นกัน”

พอได้ฟังคำพูดของเยี่ยฉิงชาง เสิ่นเทียนก็ตาเป็นประกายขึ้นมา

ต้องรู้ว่ากระบี่ดาราเบิกฟ้าที่เขาหลอมเป็นอาวุธเซียนระดับสูงสุด แต่อานุภาพของมันไม่ด้อยไปกว่าอาวุธเตรียมจักรพรรดิเลย กระทั่งในบางด้านยังเหนือกว่า

นี่เป็นเพราะมีไฟแท้เบิกฟ้าเสริม ทำให้ในอาวุธมรรคชีวิตกำเนิดพลังวิญญาณสวรรค์ประทาน ถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลง

นี่หมายความว่าไฟแท้เบิกฟ้ามีส่วนช่วยในการหลอมอาวุธอย่างยิ่ง ดังนั้น ด้วยศักยภาพเขาตอนนี้ การหลอมอาวุธเตรียมจักรพรรดิก็ไม่ถือว่ายากจริงๆ

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็เดินไปยังคลังสมบัติของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างไม่ลังเลทันที

การจะหลอมอาวุธเตรียมจักรพรรดิ ไม่ใช่แค่ต้องมีศาสตร์การหลอมอาวุธชั้นสูง แต่ต้องการทรัพยากรหลอมอาวุธจำนวนมากด้วย

ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนไม่ได้ให้ความสำคัญกับการหลอมอาวุธ จึงไม่ได้เก็บวัตถุดิบหลอมอาวุธมาเท่าไร แต่ก็ไม่ได้มีปัญหามาก มีขุมอำนาจใหญ่อย่างแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ให้พึ่งพิง เลยไม่ต้องกังวลของพวกนี้เลย

ด้วยฐานะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ของเสิ่นเทียน การจะเข้าไปในคลังสมบัติเอาวัตถุดิบเป็นเรื่องง่ายมาก

ไม่นานเสิ่นเทียนก็นำวัตถุดิบหลอมอาวุธกองใหญ่ออกมาจากคลังสมบัติแดนศักดิ์สิทธิ์ เตรียมจะหลอมธงรอง

……

ตึง!

เกิดเสียงดังสนั่น!

เตาหลอมเทพสุริยะลอยอยู่กลางอากาศ ระเบิดพลังอำนาจรุนแรง

ไฟแท้สุริยะมากมายลุกโชตช่วงในเตาหลอมเทพ แผ่อุณหภูมิที่ทำให้คนตกใจจนเนื้อเต้น

ถึงอย่างไรครั้งนี้เสิ่นเทียนก็หลอมธงค่ายกลอาวุธเตรียมจักรพรรดิ

หากไม่ใช้เตาหลอมเทพสุริยะ เกรงว่าคงรับพลังงานรุนแรงไม่ไหว จะทำให้หม้อหลอมอาวุธระเบิดได้

ไม่นานนัก เสิ่นเทียนก็เตรียมวัตถุดิบทั้งหมดอย่างดี ก่อนจะเริ่มหลอมตามวิธีในเคล็ดหลอมสร้างคบเพลิงเบิกฟ้า

เห็นเขาโบกมือกว้าง พลันมีเปลวไฟร้อนแรงลุกโชตช่วงขึ้น

เปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้น ปะปนกับหมอกสีเงิน กลิ่นอายพลังน่ากลัวอย่างยิ่ง เผาทำลายห้วงอากาศเป็นเถ้าถ่านได้ง่ายดาย

ไฟนี้คือไฟแท้เบิกฟ้า

ตอนที่เปลวเพลิงกลุ่มนี้ปรากฏ แม้แต่ไฟแท้สุริยะยังยอมสยบ

เสิ่นเทียนโบกมือกว้าง ส่งไฟแท้เบิกฟ้าเข้าเตาหลอมเทพสุริยะ จากนั้นนำอาวุธอริยะออกมายี่สิบกว่าชิ้น

การจะหลอมอาวุธเตรียมจักรพรรดิ วิธีที่ง่ายที่สุดคือเอาอาวุธอริยะเข้าเตาหลอมและสร้างขึ้นใหม่

เดิมทีอาวุธอริยะหลอมด้วยทองคำเซียนและวัตถุดิบแร่ที่ล้ำค่ายิ่ง หลังผ่านการหลอมด้วยไฟ จะทำให้อาวุธอริยะกลับคืนสู่สภาพเดิม

หากหลอมเหลวหินแร่ดั้งเดิมและทองคำเซียนใหม่ จะกินเวลานานมาก

บางคนหลอมอาวุธอริยะ อาวุธเตรียมเซียน ต้องใช้เวลาหลายปีกระทั่งหลายสิบปีด้วยซ้ำ

ขั้นตอนที่นานที่สุดในนั้นคือการหลอมเหลวหินแร่ทองคำเซียน!

เสิ่นเทียนไม่คิดจะใช้เวลานานขนาดนั้นในการหลอมแร่ เลยใช้ของสำเร็จรูปเลย

ถึงอย่างไรในคลังสมบัติน้อยของเขาก็มีอาวุธอริยะมากพอ เก็บไว้ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรมากมาย

…….

อาวุธอริยะยี่สิบกว่าชิ้นเข้าไปในเตาหลอมเทพสุริยะ พลันถูกไฟแท้เบิกฟ้าปกคลุม

ทันใดนั้นแสงเทพหลากสีสันพุ่งออกมา แสงสว่างจ้าแสบตายิ่ง

ภายใต้การหลอมเหลวด้วยไฟแท้เบิกฟ้า อาวุธอริยะพวกนั้นกลายเป็นหยดของเหลวต้นกำเนิดใสแวววาวตกลงมา

แต่การจะหลอมเหลวอาวุธอริยะยี่สิบกว่าชิ้นก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน

…..

สามวันต่อมา!

อาวุธอริยะยี่สิบกว่าชิ้นถูกหลอมเหลวเป็นของเหลวต้นกำเนิดสีเงินก้อนหนึ่ง ในนั้นมีพลังเทพเอ่อทะลัก แฝงไว้ด้วยพลังงานมหาศาล

ประกายเซียนวนเวียนอยู่เหนือของเหลวต้นกำเนิด ขยับแสงเทพวูบวาบ แม้แต่เศษกากยังถูกหล่อหลอมลดลงไปเรื่อยๆ

จากนั้น เสิ่นเทียนนำวัตถุดิบหลอมอาวุธรองต่างๆ โยนไปในหม้อ ใช้ไฟแท้เบิกฟ้าหล่อหลอม

ไม่นานวัตถุดิบหลอมอาวุธรองพวกนั้นกลายเป็นหยดของเหลวบริสุทธิ์ หลอมรวมเข้ากับของเหลวต้นกำเนิดสีเงิน

เตาหลอมเทพสุริยะพลันระเบิดแสงสว่างจ้า แสบตาอย่างยิ่ง

ของเหลวต้นกำเนิดหลอมอาวุธกลุ่มนั้นผสมกับวัตถุดิบรอง ระเบิดพลังงานเข้มข้นอย่างยิ่ง

เสิ่นเทียนทำมุทรามือ ผสมของเหลวต้นกำเนิดพวกนี้เข้าด้วยกัน

เขาจะสร้างเป็นรูปทรงธงตามความคิดก่อน

ไม่นานของเหลวต้นกำเนิดพวกนั้นถูกแยกเป็นหกส่วน ทุกส่วนรวมเป็นลักษณะธงลับๆ

จากนั้นเสิ่นเทียนกระตุ้นพลังแห่งสายฟ้า รวมเป็นอัสนีเทพกำเนิดฟ้ามากมาย ส่งเข้าไปในเตาหลอมเทพสุริยะ

เขาจะใช้ไฟแท้สุริยะเบิกฟ้าหล่อหลอมกับอัสนีเทพกำเนิดฟ้าไปเรื่อยๆ สร้างอาวุธเตรียมจักรพรรดิขึ้น

ขณะเดียวกัน อัสนีเทพกำเนิดฟ้าพวกนี้ยังแบ่งเป็นธาตุต่างกัน เป็นพลังของสัตว์อัสนีสิบทิศ

ธงรองที่สร้างขึ้นมาเช่นนี้จะเข้ากับธงหลักได้อย่างสมบูรณ์แบบ ระเบิดอานุภาพไม่มีสิ้นสุดออกมา

ขณะเดียวกัน เสิ่นเทียนก็ถือโอกาสโยนธงหลักหนึ่งหน้ากับธงรองสี่หน้าที่เหลือเข้าไปด้วย ใช้ไฟแท้เบิกฟ้ากับอัสนีเทพกำเนิดฟ้าหล่อหลอม คุณภาพของมันจะยกระดับขึ้นไปอีกขั้นได้

เพียงแต่นี่ต้องใช้เวลาบ่มเพาะที่แน่นอนถึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลง

แต่เสิ่นเทียนก็ไม่ได้รีบ เขาส่งพลังไฟเข้าไปตลอด สำแดงอัสนีเทพกำเนิดฟ้า หล่อหลอมไปเรื่อยๆ

แสงเทพหลากสีเต็มไปทั้งตำหนักเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ของเหลวกลุ่มนั้นในเตาหลอมเทพสุริยะก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป

…..

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

แปดสิบเอ็ดวันต่อมา!

ในที่สุดยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เกิดปรากฏการณ์ขึ้น!

แสงเทพหลากสีสันพุ่งขึ้นฟ้า ส่องสะท้อนนภา ทั้งยังมาพร้อมกับอำนาจคุกคามรุนแรงยิ่ง!

ทันใดนั้นเอง อำนาจคุกคามน่ากลัวเหมือนกับคลื่นลูกใหญ่หมุนม้วนไปทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์!

ทุกคนต่างมองยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยความสนใจ สีหน้าตกตะลึงอย่างยิ่ง

พวกเขารู้สึกได้ว่ายอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แผ่อำนาจคุกคามของเตรียมจักรพรรดิมหาศาล แข็งแกร่งถึงที่สุด

“กลิ่นอายพลังนี้…หรือว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนทะลวงเตรียมจักรพรรดิแล้ว”

“ไม่ๆๆ กลิ่นอายพลังนี้มาจากยอดอาวุธสุดยอดสูงสุด!”

“หรือว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนจะหลอมอาวุธเตรียมจักรพรรดิออกมา”

……

ภายในใจทุกคนเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น

พวกเขาไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะไม่ได้แค่หลอมโอสถได้ แต่ยังหลอมอาวุธได้อีก อีกทั้งหลอมทีก็เป็นอาวุธเตรียมเซียน!

เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ใช่เขาหรือไม่ ใช่ฝีมือเขาหรือไม่

ท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีสิ่งใดที่ทำไม่ได้จริงๆ!

………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด