บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 400 มรดกจักรพรรดิชิง โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 400 มรดกจักรพรรดิชิง โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 400 มรดกจักรพรรดิชิง โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า!

“ตอนนี้ข้าขอประกาศจบการทดสอบอย่างเป็นทางการ!”

จักรพรรดิชิงเหมือนกลัวว่าเสิ่นเทียนจะชักกระบี่มาฟันคนต่อ จึงรีบประกาศจบการทดสอบรอบที่สาม

เสิ่นเทียนถึงได้นำกระบี่ฟ้าสังหารที่ชักมาครึ่งหนึ่งเสียบเข้าไปในปอดใหม่อีกครั้งด้วยความรู้สึกอยากสนุกต่ออีก

เฮ้อ เพิ่งชักออกมาเอง เหตุใดถึงจบแล้วล่ะ!

รู้สึกว่ายังสนุกไม่พอเลย~

……

จักรพรรดิชิงมองเสิ่นเทียนกับสือหลิงหลงตรงหน้า แววตาเต็มไปด้วยความปลงอนิจจัง

การเปิดสุสานครั้งนี้กำไรเลือดสาดไม่มีขาดทุนเลย!

แม้ระหว่างนั้นจะ ‘ขรุขระ’ ไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ทำให้เขาพึงพอใจมาก

ไม่นึกเลยว่าสุสานจักรพรรดิชิงเงียบเหงามาแสนปี เปิดเป็นครั้งแรกจะเจอกับผู้สืบทอดที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำเช่นนี้

ไม่ว่าจะเป็นเสิ่นเทียนหรือสือหลิงหลง ก็สอดคล้องกับมรดกวิถีโอสถมาก

คุณสมบัติขององค์หญิงหลิงหลงก็สุดยอดยิ่งแล้ว รวมกับทักษะการตระหนักรู้เหนือชั้นของนาง เรียนศาสตร์หลอมโอสถสี่สิบเก้าชนิดได้ในสามวันสั้นๆ และยังได้รับการถ่ายทอดแท้จริงจากจักรพรรดิชิงในการทดสอบประลองสุดท้าย

ดังนั้น นี่จึงถือว่าเป็นผู้สืบทอดครึ่งหนึ่งของจักรพรรดิชิงแล้ว

ทางด้านเสิ่นเทียนยิ่งไม่ต้องพูด เจ้าหนูนี่มันปีศาจชัดๆ ต่อให้เป็นจักรพรรดิชิงที่พบเจอโอรสสวรรค์โบราณที่เป็นสุดยอดในห้าดินแดน ก็ไม่เคยเจอใครมีพรสวรรค์น่ากลัวเท่าเสิ่นเทียนมาก่อน

นี่ทำให้มหาจักรพรรดิยังสงสัยในชีวิตเชียว!

“ในเมื่อพวกเจ้าผ่านการทดสอบของข้า ก็จะได้รับมรดกของข้า ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะตั้งใจฝึกฝน เผยแพร่มรดกของข้า สร้างคุณูปการส่วนหนึ่งให้กับทุกสรรพสัตว์ใต้หล้า”

ก่อนจักรพรรดิชิงลอยขึ้นได้ช่วยเหลือทุกสรรพสัตว์ในโลก มีจิตใจโอบอ้อมอารี ต่อให้ลอยขึ้นไปแล้ว เขาก็ไม่อยากให้มรดกของตนเงียบหายไป

“ผู้เยาว์จะเผยแพร่ศาสตร์หลอมโอสถของผู้อาวุโส ช่วยทุกสรรพสัตว์ในโลก ไม่ทำให้ผู้อาวุโสผิดหวัง!”

เสิ่นเทียนกับสือหลิงหลงป้องมือพูดเสียงหนักแน่น

พวกเขากอดหัวใจแห่งความเคารพให้กับจักรพรรดิอันดับหนึ่งด้านวิถีโอสถเมื่อแสนปีก่อนท่านนี้อยู่แล้ว คนที่รักษาเจตนาเดิมในกลียุคได้หาได้ยากมากแล้ว!

การช่วยทุกสรรพสัตว์ในกลียุค หาได้ยากยิ่งกว่า

ผู้อาวุโสจักรพรรดิชิงควรค่าแก่การเคารพ!

“พวกเจ้ามีจิตใจเช่นนี้ ข้าปลื้มใจยิ่งนัก”

จักรพรรดิชิงพยักหน้า ใบหน้ามีเมตตา ก่อนจะเริ่มประกาศรางวัลที่สองคนได้รับ

“สือหลิงหลงได้การประเมินค่อนข้างสูงในสามการทดสอบ ได้รับคัมภีร์จักรพรรดิมรดกครึ่งส่วนของข้า และยังได้รับโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสุดยอดอีกต้นหนึ่ง”

จักรพรรดิชิงสะบัดแขนเสื้อ แสงสีเขียวครามสายหนึ่งพุ่งเข้าไปในกายสือหลิงหลง

ต้องบอกว่าจักรพรรดิชิงค่อนข้างใจกว้างเลย

ในมรดกพวกนี้รวมถึงคัมภีร์สองส่วน แบ่งเป็นคัมภีร์ร้อยว่านจักรพรรดิชิงกับคัมภีร์โอสถลับจักรพรรดิชิง

ในคัมภีร์ร้อยว่านจักรพรรดิชิง ได้บันทึกข้อมูลของว่านแปลกล้ำค่าแทบจะทั้งหมดในห้าดินแดนไว้ เช่นลักษณะ สรรพคุณยา ถิ่นฐานที่เหมาะสม สภาพแวดล้อมและวิธีการเลี้ยงเป็นต้น มีข้อมูลละเอียดถึงที่สุด

จากข้อมูลในบันทึก ไม่ใช่แค่ลงแรงน้อยได้ผลดีในการปลูกโอสถวิญญาณระดับสุดยอดและโอสถล้ำค่าเท่านั้น กระทั่งในแดนลับมากมายยังมีโอกาสหาโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดได้เพิ่มขึ้นมาก

ส่วนคัมภีร์โอสถลับจักรพรรดิชิง ไม่ใช่แค่บันทึกประสบการณ์การหลอมโอสถทั้งชีวิตของจักรพรรดิชิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้การหลอมโอสถเป็นการฝึกฝนวิชาลับยกระดับตนเองได้

นี่ไม่ใช่แค่วิชาการหลอมโอสถ แต่ยังเป็นวิชาการฝึกบำเพ็ญ ไม่ด้อยไปกว่าคัมภีร์จักรพรรดิใด!

เมื่อรู้สึกถึงความทรงจำมรดกที่ลอยออกมาจากในความคิดแล้ว สือหลิงหลงใจสั่นสะท้าน พูดด้วยใบหน้ามีความสุข “ขอบคุณผู้อาวุโสจักรพรรดิชิงมาก”

ตนเป็นองค์หญิงของราชวงศ์ดินแดนกลาง สือหลิงหลงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ามรดกสองส่วนนี้หมายถึงอะไร

ที่จักรพรรดิชิงเป็นจักรพรรดิในวิถีโอสถอันดับหนึ่งได้ นี่เกี่ยวกับคัมภีร์จักรพรรดิวิถีโอสถสองเล่มนี้อย่างมาก

ตอนนี้ แค่ได้ครึ่งส่วนบนของมรดกสองชุดนี้มา ก็ทำให้สือหลิงหลงตื่นเต้นมากแล้ว หากให้เวลานางมากพอ หากตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิวิถีโอสถครึ่งส่วนสองเล่มนี้ได้ ศาสตร์หลอมโอสถของนางจะทะยานถึงจุดสูงสุด

ใช้คัมภีร์จักรพรรดิวิถีโอสถครึ่งส่วนก็สร้างผู้สูงส่งสูงสุดในวิถีโอสถได้

นี่ก็คือความน่ากลัวของจักรพรรดิอันดับหนึ่งในวิถีโอสถ!

มิหนำซ้ำในรางวัลที่จักรพรรดิชิงมอบให้ยังมีโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสุดยอดต้นหนึ่ง

แสงสายหนึ่งตกลงมาจากกลางนภา มาพร้อมกับพลังชีวิตแก่กล้ายิ่ง เหมือนจะทำให้ทุกสรรพสิ่งคืนชีพได้ พลังวิญญาณพุ่งทะลักออกมา ทำให้ฟ้าดินแห่งนี้อยู่กลางสมุทรพลังวิญญาณ

แสงสว่างลดลงมาช้าๆ ลอยอยู่กลางมือสือหลิงหลง ปรากฏใบหน้าแท้จริงของมันออกมา

นั่นคือเมล็ดบัวเม็ดหนึ่ง สีทองทุกส่วนเหมือนหลอมขึ้นจากทองคำ แผ่พลังชีวิตรุนแรงยิ่ง

พลังชีวิตมหาศาลวนเวียนอยู่ในเมล็ดบัว ร่างเป็นปรากฏการณ์บัวครามหลายดอก น่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง มองทีแรกก็รู้ว่าเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสุดยอด

“เมล็ดบัวนี้เป็นเมล็ดบัวที่กำเนิดจากบัวครามระดับสิบสอง มีสรรพคุณเท่ากับโอสถศักดิ์สิทธิ์ หากเจ้าตั้งใจปลูกมัน บางทีอาจจะเป็นบัวครามต้นใหม่ได้”

จักรพรรดิชิงเอ่ยเนิบนาบ เล่าประวัติของเมล็ดบัวสีทองนี้

สือหลิงหลงพยักหน้า เก็บเมล็ดบัวไปอย่างระมัดระวัง

โอสถศักดิ์สิทธิ์สุดยอดล้ำค่าอย่างยิ่ง กระทั่งไม่ด้อยกว่าอาวุธอริยะ หากตกไปอยู่โลกภายนอกถึงกับทำให้ห้าดินแดนสั่นสะเทือน ต่อให้เป็นผู้อริยะก็ยังใจสั่นไหว

เมล็ดบัวครามมาอยู่ในมือ พลังวิญญาณที่เอ่อล้นอย่างยิ่งพลันไหลเข้าไปในกาย ทำให้แสงเทพของนางขยายออก เผยความมหัศจรรย์ออกมาทั้งหมด

เหมือนว่าขอแค่กินเมล็ดบัวนี้ก็จะกลายเป็นเซียนโดยพลัน

แต่สือหลิงหลงรู้ว่ามีเพียงหลอมมันเป็นยาลูกกลอนเท่านั้นถึงจะกระตุ้นประสิทธิภาพของมันได้ถึงขีดสุด

ดังนั้นสือหลิงหลงจึงกดอารมณ์ชั่ววูบในใจเอาไว้ เก็บเมล็ดบัวกลับไป

เมื่อเห็นดังนั้น จักรพรรดิชิงก็พยักหน้าเล็กน้อย

หากยังต้านความเย้ายวนของโอสถศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ แล้วจะก้าวไปสู่สุดยอดวิถีโอสถได้อย่างไร

จากนั้น จักรพรรดิชิงก็หันมามองเสิ่นเทียน เห็นเสิ่นเทียนมองเมล็ดบัวนั้นอย่างเฉยชา นัยน์ตาไม่มีความสนใจหรือละโมบใดๆ เลย

นี่ทำให้จักรพรรดิชิงแอบประเมินเสิ่นเทียนสูงขึ้นไม่น้อย

โอสถศักดิ์สิทธิ์ที่แม้แต่ผู้อริยะยังใจสั่นมาวางอยู่ตรงหน้า กลับไม่สนใจเลย แค่จิตใจตรงนี้ก็ทำให้คนแสดงอารมณ์ทางสีหน้าแล้ว

จักรพรรดิชิงไม่รู้ว่าเสิ่นเทียนมีโอสถศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้อยู่หนึ่งเข่งในกระเป๋า

อืม ใช้คำว่าหนึ่งเข่งเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร

น่าจะใช้คำว่าเป็นเข่งๆ ปกติเอาออกมาแทะเป็นผลไม้หลังมื้ออาหาร ถ้าไม่ใช่เพราะรู้สึกว่ากินเยอะไปจนเลี่ยน เสิ่นเทียนคงไม่รีบร้อนต้องการศาสตร์หลอมโอสถเช่นนี้

ถึงอย่างไรก็อยากเปลี่ยนรสชาติบ้าง วัตถุดิบอาหารเข้าคู่กันถึงจะได้รสชาติที่ดีกว่า

จะไปหวังให้เสิ่นเทียนทำหน้าน้ำลายหกกับเมล็ดบัวครามนี่รึ ไม่มีหวังหรอก

ถึงอย่างไรเจ้าจะน้ำลายไหลกับมันฝรั่งที่มีอยู่ทุกที่ในแปลงผักบ้านตัวเองหรือไม่ล่ะ

มันก็แค่อาหารพื้นๆ เท่านั้น!

…….

แน่นอน เสิ่นเทียนร่ำรวยเพียงใด จักรพรรดิชิงไม่รู้

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง ก่อนพูดกับเสิ่นเทียนเนิบนาบ

“สหายน้อยมีพรสวรรค์ที่สุดแห่งยุค เหนือยิ่งกว่าเจ้าหนูหลิงหลง ในกาลเวลาเนิ่นนานมานี้ คนที่มีพรสวรรค์อย่างเจ้าใช้มือเดียวยังนับนิ้วได้ แน่นอน ก็ยังด้อยกว่าตอนข้ายังหนุ่มเล็กน้อย”

ใบหน้าแก่ชราของจักรพรรดิชิงแดงขึ้นมา ไม่นานก็ปกปิดเอาไว้

“สหายน้อยได้การประเมินที่สูงยิ่งในการทดสอบทั้งสาม ได้รับมรดกทั้งหมดและสมบัติของข้า”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ จักรพรรดิชิงยังอดตกใจเองมิได้

แม้จะยังปากแข็ง แต่ในใจยอมรับเสิ่นเทียนไปนานแล้ว ไม่ว่าจะคุณสมบัติกายหรือพรสวรรค์ หรือว่ากำลังรบ เสิ่นเทียนเหนือกว่าที่จักรพรรดิชิงจินตนาการไว้

ดังนั้นจักรพรรดิชิงจึงตัดสินใจว่าจะเทกระเป๋ามอบมรดกทั้งหมดให้กับเสิ่นเทียน

เขารู้สึกว่าเสิ่นเทียนมีอนาคตไม่อาจจำกัดได้ บางทีอาจจะเดินไปบนเส้นทางที่ไม่เคยมีใครไปถึงมาก่อน!

หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ การมอบมรดกทั้งหมดให้กับเสิ่นเทียนก็เป็นเรื่องดี บางทีหมื่นปีจากนี้ ห้าดินแดนและโลกเซียนอาจจะยังมีศาสตร์หลอมโอสถของเขาสืบต่อไป!

เมื่อคิดได้ดังนั้น จักรพรรดิชิงยกมือใหญ่ขึ้น พลันมีแสงสีเขียวสายหนึ่งจมเข้าไปในกายเสิ่นเทียน

นั่นเป็นคัมภีร์จักรพรรดิวิถีโอสถของจักรพรรดิชิงเหมือนกัน แต่มรดกที่เสิ่นเทียนได้รับคือคัมภีร์ร้อยว่านจักรพรรดิชิงกับคัมภีร์โอสถลับจักรพรรดิชิงฉบับสมบูรณ์

เทียบกับมรดกที่องค์หญิงหลิงหลงได้รับแล้ว เสิ่นเทียนได้ของสมบูรณ์กว่า ล้ำค่ายิ่งกว่า แม้จะมีเพิ่มมาครึ่งส่วนล่าง แต่มูลค่าเทียบกับครึ่งส่วนบนที่ไม่สมบูรณ์แล้วคนละเรื่องกันเลย

ถึงอย่างไรคัมภีร์จักรพรรดิสมบูรณ์กับคัมภีร์จักรพรรดิไม่สมบูรณ์ก็ต่างกันอย่างยิ่ง กระทั่งมากกว่าสิบเท่า

หลังจากสัมผัสได้ถึงความทรงจำที่แล่นมาในความคิดแล้ว ดวงตาเสิ่นเทียนก็เปล่งแสงเทพผลุบๆ โผล่ๆ

ชั่วครู่เดียว เขาก็รู้ความหมายแฝงของคัมภีร์จักรพรรดิวิถีโอสถสองเล่มนี้

คัมภีร์จักรพรรดิวิถีโอสถสองเล่มนี้เกื้อหนุนกัน อย่างแรกเป็นโอสถล้ำค่าระดับสูงสุดเหลือคณานับ แต่อย่างหลังจะนำโอสถล้ำค่าพวกนี้ควบคู่กับการหลอมโอสถ ทำให้แสดงสรรพคุณยาออกมาได้ถึงระดับถึงอกถึงใจ

หากไปอยู่ในสำนัก ใช้เวลาไม่นานก็จะเพิ่มศักยภาพของแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างมาก!

ต้องบอกว่าเขาได้ใช้ประโยชน์ของพวกนี้อย่างแท้จริง

มีคัมภีร์จักรพรรดิวิถีโอสถนี้ เสิ่นเทียนจะเสริมความแกร่งให้แปลงกุยช่าย…ให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้ดียิ่งขึ้น

ลองคิดดูสิ หากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้คัมภีร์จักรพรรดิวิถีโอสถนี้ไป ก็จะปลูกโอสถศักดิ์สิทธิ์ได้ พัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมการหลอมโอสถได้

ถึงตอนนั้นจะมียาลูกกลอนมาให้ใช้ไม่ขาดสาย เพิ่มศักยภาพของศิษย์ในสำนักได้อย่างมาก

ศิษย์มีศักยภาพแกร่งขึ้น ก็จะออกไปหาทรัพยากรข้างนอกได้ มอบให้สำนักแลกเป็นยาลูกกลอน ใช้เป็นการตอบแทนแดนศักดิ์สิทธิ์

วนเวียนไปเป็นวัฏจักร เกิดเป็นห่วงโซ่วิถีแห่งการอยู่ร่วมกันอันสมบูรณ์

จะต้องเพิ่มศักยภาพให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แกร่งขึ้น เหนือกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น!

จากนั้นเสิ่นเทียนจะใช้โอกาสนี้ เริ่มแผนการเก็บเกี่ยวกุยช่ายของเขา เพราะอย่างไรเก็บกุยช่ายตอนอ้วนสมบูรณ์ก็ดีกว่า

….

“ขอบคุณผู้อาวุโสจักรพรรดิชิงมาก!”

เสิ่นเทียนป้องมือ มรดกจักรพรรดิชิงเป็นของดีสำหรับเขาจริงๆ

“มรดกของข้าไม่ได้มีแค่นี้เลย”

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนรับมรดก จักรพรรดิชิงก็ปลื้มใจมาก

“นี่คือป้ายคำสั่งบัวครามของข้า ใช้ควบคุมค่ายกลเกาะวิมานเทพ”

จักรพรรดิชิงนำป้ายคำสั่งสีครามออกมาอันหนึ่ง มอบให้เสิ่นเทียน

“ผู้อาวุโสจักรพรรดิชิง ป้ายคำสั่งบัวครามนี่…”

เสิ่นเทียนเกาศีรษะ ป้ายคำสั่งบัวครามเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร เขาไม่ใช่นักสะสมป้ายคำสั่งสักหน่อย

ตอนนี้เกาะวิมานเทพเหมือนจะตกอับนิดๆ แม้แต่ชีพจรวิญญาณยังถูกคนชิงเอาไป พลังวิญญาณในฟ้าดินเหือดแห้ง มีแต่บาดแผลทรุดโทรม

จักรพรรดิชิงเหมือนรู้สึกได้ถึงความคิดเสิ่นเทียน ถึงกับเครากระดกขึ้นมา “เจ้าหนูอย่าดูถูกเกาะวิมานเทพเชียว! ก่อนข้าจะลอยขึ้น เคยวางยอดค่ายกลหลอมเทพสะท้านฟ้าเอาไว้บนเกาะวิมานเทพ ตอนที่เกาะวิมานเทพรุ่งเรืองสุดขีด ต่อให้เป็นมหาจักรพรรดิก็ยังไม่กล้าย่างกรายเข้ามาง่ายๆ”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ จักรพรรดิชิงทำหน้าภูมิใจในตัวเองชัดเจน

แม้เขาจะเป็นจักรพรรดิอันดับหนึ่งในวิถีโอสถเมื่อแสนปีก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีกำลังรบอ่อนแอ ในทางตรงข้าม กำลังรบที่แกร่งที่สุดของเขาคือการวางค่ายกล

การจะหลอมโอสถต้องใช้ศาสตร์หลอมโอสถต่างๆ ร่างเป็นค่ายกลต่างกันในระหว่างการหลอมโอสถ แบบนี้ถึงจะกระตุ้นสรรพคุณยาได้ถึงขีดสุด

ดังนั้นจักรพรรดิชิงจึงไม่ใช่แค่จักรพรรดิอันดับหนึ่งในวิถีโอสถ แต่ยังเป็นยอดฝีมือด้านค่ายกล

“ผู้อาวุโสจักรพรรดิชิง เหตุใดเกาะวิมานเทพถึงตกต่ำเช่นนี้ล่ะ”

จากคำพูดของจักรพรรดิชิง เกาะวิมานเทพเคยมียอดค่ายกลสะท้านฟ้า โจรปกติไม่กล้าบุกรุกเข้ามาเลย

ตอนที่เขาเข้ามาในเกาะวิมานเทพ ก็เห็นร่องรอยของค่ายกลจริงๆ เพียงแต่ว่าเสียหาย ไม่มีอานุภาพใดๆ เลย แต่เพราะเหตุใดกันถึงทำให้ค่ายกลเกาะวิมานเทพพังทลายลง

จักรพรรดิชิงหน้าแดงเล็กน้อย “มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น! หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นข้ามีเหตุต้องจากไป ไม่ได้อยู่เกาะวิมานเทพ มันจะ…”

พอเอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาจักรพรรดิชิงมีความตกใจกลัวเสี้ยวหนึ่ง

เห็นได้ชัดมากว่าเกาะวิมานเทพได้ผ่านศึกใหญ่สะท้านโลกมา แม้แต่ค่ายกลที่จักรพรรดิชิงวางไว้ยังถูกทำลาย

“เอาละๆ ไม่คุยเรื่องในอดีตพวกนั้นแล้ว”

จักรพรรดิชิงเอ่ยนิ่งๆ “แม้เกาะวิมานเทพจะพังทลายแล้ว แต่สุสานจักรพรรดิยังอยู่ดี หากเจ้าเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งสู้ไม่ได้ ก็มาซ่อนประกายคมในสุสานจักรพรรดิของข้าได้ ที่นี่ ต่อให้เป็นมหาจักรพรรดิปกติก็ไม่อาจบุกเข้ามาได้”

สุสานจักรพรรดิชิง คือผลงานอันน่าภูมิใจของจักรพรรดิชิง

ตั้งอยู่ในทะเลลึกกว่าหลายหมื่นจั้ง ไม่เคยมีใครพบมาแสนปี เรียกได้ว่าน่าตกใจอย่างยิ่ง

เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย ลูบป้ายคำสั่งบัวครามในมือพลางครุ่นคิดอย่างหนัก แม้เกาะวิมานเทพจะพังทลายแล้ว แต่ก็ยังเป็นเกาะเซียน

ในเมื่อเป็นเกาะ ก็น่าจะนำมาพัฒนามันได้ โลกภายนอกเล่าลือว่าเกาะวิมานเทพเป็นแดนในอุดมคติ หากข้าปรับแก้ที่นี่หน่อย ทำโฆษณาออกไปอีก

ทำชายหาด ทำมะพร้าว ล่องเรือ บิกินี่ คนมากมายจะไม่แห่กันเข้ามารึ

ถึงตอนนั้น ข้าค่อยเปิดกิจการท่องเที่ยว ขายยาลูกกลอนนิดหน่อย

นี่จะไม่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำรึ แค่คิดก็มีความสุขแล้ว

ความคิดดี เอาตามนี้แล้วกัน!

และยังมีเกาะมหานที ก็จะทำเช่นนี้เหมือนกัน แบบนั้นข้าก็จะเป็นเจ้าของสองเกาะ!

เกาะทะเลสองเท่า ก็เป็นความสุขสองเท่า!

ฟินจัง~

…..

“สองอย่างนี้คือสิ่งที่ข้าใช้พัดไฟหลอมโอสถ ตอนนี้จะมอบให้เจ้า”

จักรพรรดิชิงนำของสองสิ่งออกมา แบ่งเป็นหม้อหลอมและพัดอันหนึ่ง

เพียงแต่นี่ไม่ใช่หม้อหลอมกับพัดธรรมดา

หม้อหลอมนั้นออกเป็นสีมรกตทุกส่วน ด้านบนแกะสลักลายเทพมากมาย เต็มไปด้วยพลังชีวิตเปี่ยมล้น เหมือนว่ามีสิ่งมีชีวิตขยับไปมาในลายเทพ มหัศจรรย์ยิ่งนัก

นอกจากนี้ยังเป็นพัดใหญ่ยักษ์ ตรงขอบเป็นสีทอง มีลักษณะเป็นใบตอง ด้านบนแกะสลักลายเทพมหามรรคเช่นกัน แผ่กลิ่นอายรุนแรงยิ่ง มวลอากาศรอบๆ ยังบิดเบี้ยวตาม!

นี่คืออาวุธเตรียมจักรพรรดิสองชิ้นที่จักรพรรดิชิงฝากเอาไว้ตอนลอยขึ้น หม้อหลอมจักรพรรดิชิงกับพัดใบตอง

หม้อหลอมจักรพรรดิชิง…ตั้งแต่จักรพรรดิชิงกำเนิดก็ติดตามเขาออกสู้มาหลายปี ผ่านการหลอมโอสถวิญญาณมานับครั้งไม่ถ้วน และยังได้ดูดซับแก่นสารของหมื่นวิญญาณ ทำให้หม้อหลอมกำเนิดกลิ่นอายสิ่งมีชีวิต

หากใช้หม้อนี้หลอมโอสถ จะมีโอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้นมาก กระทั่งยังเพิ่มสรรพคุณยาลูกกลอนได้!

นี่คือสมบัติสุดยอดในวิถีโอสถ!

พัดใบตองอีกชิ้นก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน จักรพรรดิชิงเดินทางไปแดนลับเขาคุนหลุน ใช้พลังบำเพ็ญสูงสุดเก็บสมบัติวิญญาณฟ้าดินมาสร้างขึ้น

สมบัติชิ้นนี้คือใบที่ดีที่สุดแห่งจันทรา มีอานุภาพแห่งเทพ

ไม่นึกเลยว่าจักรพรรดิชิงจะนำอาวุธเตรียมจักรพรรดิสองชิ้นนี้ออกมา นี่เป็นเรื่องดีที่เหนือความคาดหมายจริงๆ

เสิ่นเทียนไม่ได้เห็นของพวกนี้ในภาพโชคลิขิตของสือหลิงหลงด้วยซ้ำ

“เจ้าหนู ข้ามีเรื่องหนึ่งต้องให้เจ้าช่วยทำให้สำเร็จ”

จักรพรรดิชิงเดินหน้ามาอีกครั้ง จ้องเสิ่นเทียน นัยน์ตาเผยประกายความหวัง

เมื่อได้ยินดังนั้น ในที่สุดเสิ่นเทียนก็รู้ว่าเหตุใดจักรพรรดิชิงถึงกล้าได้กล้าเสียเช่นนี้

ไม่ใช่แค่มอบป้ายคำสั่งบัวครามให้เขา แต่ยังมอบอาวุธเตรียมจักรพรรดิให้อีกสองชิ้น ที่แท้ก็มีเรื่องจะร้องขอ ถึงได้มอบของขวัญให้ข้านี่เอง!

“ผู้อาวุโสว่ามาได้เลย ผู้เยาว์จะช่วยอย่างสุดความสามารถ”

เอาของคนอื่นมาเยอะขนาดนี้แล้ว เสิ่นเทียนจึงเกรงใจที่จะปฏิเสธ อีกอย่างจักรพรรดิชิงเป็นคนใจดีมีเมตตามาตลอด มีใจผูกกับฟ้าดิน

ดูท่าคงจะไม่ขออะไรที่อันตราย ให้ข้าไปเสี่ยงตายอะไร

“ข้ายังมีโอสถจักรพรรดิอีกต้นหนึ่ง”

จักรพรรดิชิงเอ่ยจบก็หยิบบัวครามระดับสิบสองต้นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ

บัวครามดอกนั้นคล้ายกับปรากฏการณ์ก่อนหน้านี้ของจักรพรรดิชิง แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายพลังมหาศาล แสงเรืองรองไร้ที่สิ้นสุดวนเวียนบนบัวคราม เหมือนกับสมบัติสุดยอดสูงสุดที่กำเนิดขึ้นจากอากาศธาตุสลัว

บัวครามระดับสิบสองปรากฏ ทั้งสุสานจักรพรรดิเกิดพลังชีวิตแก่กล้ากระเพื่อมขึ้น ความมหัศจรรย์เอ่อล้น ซึมซาบถึงใจคน

แสงสีครามพุ่งขึ้นฟ้า บดบังท้องนภาฟ้าดิน ทำให้ฟ้าดินจมอยู่ภายใต้แสงสว่างไร้ที่สิ้นสุด

สมกับเป็นโอสถจักรพรรดิ แค่ปรากฏการณ์ที่โผล่มาก็น่าตกใจอย่างยิ่งแล้ว!

ต่อให้เป็นเสิ่นเทียน ตอนนี้ก็ยังใจลอยไปเล็กน้อย

ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีโอสถระดับนี้อยู่จริงๆ

อืม อยากกิน

……

จักรพรรดิชิงมองบัวครามระดับสิบสองในมือ พลางอดถอนหายใจมิได้

“ตอนแรกข้าอยากจะใช้บัวครามระดับสิบสองนี้หลอมโอสถสูงสุด…โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า! แต่ก็จนปัญญา การหลอมโอสถเสริมสวรรค์ยากยิ่ง ต้องใช้เพลิงเทพสูงสุดที่ปนเปื้อนไอเบิกฟ้าถึงจะหลอมขึ้นมาได้

ตอนแรกข้าเดินทางไปเขตทะเลเบิกฟ้าอย่างไม่เสียดาย อยากจะลองหลอมรวมไอเบิกฟ้าดู แต่สุดท้ายก็พลาด ข้าถึงได้เสียใจมาทั้งชีวิต เจ้าหนูมีคุณสมบัติกายแปลกมาก หลอมรวมได้กระทั่งไอเบิกฟ้า ข้าจึงหวังว่าสักวัน เจ้าจะหลอมโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าได้”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ จักรพรรดิชิงถอนหายใจหนักขึ้นเรื่อยๆ

ไอเบิกฟ้าต้องห้าม จะไปควบคุมมันได้ง่ายๆ ได้อย่างไร

ตอนแรกจักรพรรดิชิงใช้พลังบำเพ็ญสูงสุดหล่อหลอม ก็เกือบจะโดนไอเบิกฟ้าแว้งกัดและบาดเจ็บสาหัส

หลายหมื่นปีมานี้ ยากจะปล่อยวางได้มาตลอด

แต่การปรากฏตัวของเสิ่นเทียน แม้จะทำให้จักรพรรดิชิงได้เห็นความหวังเสี้ยวหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าหวังมากเกินไป

การรับไอเบิกฟ้าและหลอมรวมไอเบิกฟ้ามันคนละเรื่องกันเลย ความต่างในนั้น ไม่ต่างอะไรกับเมฆและดินเลน

จักรพรรดิชิงหวังแค่ว่าสักวันเสิ่นเทียนจะหลอมรวมไอเบิกฟ้าได้ หลอมโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าออกมาได้

ถึงอย่างไรคุณสมบัติกายของเสิ่นเทียนก็บ้ามาก บางทีอาจจะสร้างปาฏิหาริย์ได้

นี่จะถือว่าได้ทำปณิธานก่อนตายในชีวิตของเขาได้สำเร็จ

ทว่าเมื่อเสิ่นเทียนได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิชิงแล้วพลันมีสีหน้าแปลกๆ

เรื่องง่ายแค่นี้ ต้องรอภายภาคหน้าด้วยรึ

“ผู้อาวุโสจักรพรรดิชิง ตอนนี้ผู้เยาว์ก็มั่นใจว่าจะหลอมโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าได้แล้ว”

เสิ่นเทียนมั่นใจมาก แต่จักรพรรดิชิงกลับทำหน้าสงสัย

“เจ้าหนูอย่าโอ้อวดความสามารถ การหลอมรวมไอเบิกฟ้าไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ถึงเจ้าจะมีคุณสมบัติกายพิเศษ เก็บไอเบิกฟ้าได้ แต่อย่าไปหลอมรวมมันง่ายๆ เชียว ไม่เช่นนั้น หากถูกไอเบิกฟ้าแว้งกัด บางทีแม้แต่กายเนื้อนี้ของเจ้าก็อาจจะเสียหายได้!”

จักรพรรดิชิงยังเอ่ยไม่จบ เสิ่นเทียนก็ยื่นมือออกมาช้าๆ แสงสีขาวเงินสายหนึ่งวนเวียนออกมา

แสงสว่างขมุกขมัว ดูเหมือนสงบนิ่ง แต่กลับแผ่กลิ่นอายที่ทำให้คนตกใจและเปล่าเปลี่ยวได้

แสงสว่างนั้นคือไอเบิกฟ้าชัดๆ

“เป็นไปได้อย่างไร…เจ้าควบคุมไอเบิกฟ้าได้อย่างไร!”

ขนาดจักรพรรดิชิงที่มีจิตใจมั่นคงยิ่ง เมื่อเห็นไอเบิกฟ้าแล้วยังอดตกตะลึงมิได้

ช่วยไม่ได้ ก็นี่มันน่าตกใจมากจริงๆ

…..

ตั้งแต่โบราณกาลมา ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครควบคุมไอเบิกฟ้าได้ แม้แต่ในคัมภีร์โบราณยังไม่เคยมีบันทึกเกี่ยวกับมัน

จักรพรรดิชิงเองก็คาดเดาจากโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าได้ว่า อาจจะเป็นยุคดึกดำบรรพ์ที่ยาวนานยิ่งกว่าที่จะมีการคงอยู่ที่แข็งแกร่งหลอมรวมไอเบิกฟ้าได้สำเร็จ

หากไม่เช่นนั้น ก็คงไม่มีตำราโอสถเช่นนี้หลงเหลือมาแน่นอน

แต่นี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น ไม่มีหลักฐานใดๆ

แต่ตอนนี้ เสิ่นเทียนควบคุมไอเบิกฟ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ซึมออกมาข้างนอกแม้แต่น้อย

นี่ทำให้จักรพรรดิชิงตื่นตกใจอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันยังเกิดความหวังขึ้นอย่างแรงกล้า

หากเสิ่นเทียนควบคุมไอเบิกฟ้าได้จริงๆ และมีไฟศักดิ์สิทธิ์ฟ้าดินทรงพลังสามชนิดในกายเขาช่วยอีก…

หรือว่าจะมีโอกาสหลอมโอสถสูงสุดนั้นออกมาได้จริงๆ กัน

นี่ข้าจะได้ประจักษ์ปณิธานก่อนตายในชีวิตของข้าอย่างนั้นรึ

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด