ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 588 ใครวางกับดักใครกันแน่น

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 588 ใครวางกับดักใครกันแน่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 588 ใครวางกับดักใครกันแน่น

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของน้องดาบ ปรมาจารย์ดาบโลหิตเริ่มอธิบายอุบายขว้างหินก้อนเดียวได้นกหลายตัวที่ตนเองพลันนึกขึ้นได้ให้นางฟังอย่างละเอียด

อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือให้น้องดาบไปเจรจาร่วมงานกับเยี่ยเว่ยหมิง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือแสดงความสนใจว่าอยากร่วมงานกับเขาสักครั้ง แต่ไม่ใช่การใช้ความสวยล่อลวงจริงๆ เด็ดขาด

จุดนี้ปรมาจารย์ดาบโลหิตเน้นย้ำสามครั้ง ยิ่งเป็นชายหนุ่มบริสุทธิ์ที่ไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้เขาลำพองใจเกินไปไม่ได้

ขณะที่ยกย่องเขาสามส่วน ก็ยิ่งต้องชักสีหน้าใส่เขาเจ็ดส่วน

ทำให้เขารู้สึกว่าเจ้าดูเหมือนเอื้อมถึง แต่ก็ยังอยู่อย่างสูงส่ง เป็นเทพีที่มองได้แต่มิอาจเล่นหยาบคายด้วยได้…บลาๆ…

จากนั้นน้องดาบก็ร่วมกันว่างแผนกับเขา ภายนอกร่วมมือกับเถี่ยกั้น แต่ในที่ลับกลับร่วมมือกับปรมาจารย์ดาบโลหิตเพื่อสังหารฮวาเถี่ยกั้น

มีเพียงการทำอย่างนี้เท่านั้น ยอดฝีมือที่ไต่เต้าขึ้นมาโดยไม่สนวิธีการอย่างฮวาเถี่ยกั้นถึงจะติดกับดัก จากนั้นก็กำจัดให้หมดสิ้น!

รอกระทั่งฮวาเถี่ยกั้นกับฉางซิงอวี่ตายและออกจากแผนที่ไปแล้ว

ถึงตอนนั้นคนที่สู้กันอยู่ในหุบเขาหิมะก็จะเหลือเพียงพวกเขาสามคนแล้ว อาศัยฝีมือของอาจารย์และลูกศิษย์สำนักดาบโลหิตร่วมมือกัน การรับมือกับเยี่ยเว่ยหมิงคนเดียวจะไม่ง่ายเหมือนบีบอยู่ในกำมือของตนหรอกหรือ

เมื่อได้ยินปรมาจารย์ดาบโลหิตอธิบายแผนการที่ชั่วร้ายใจดำของตนเอง น้องดาบก็รู้สึกว่าตัวเองฟังจนโง่ไปหมดแล้ว

อย่าบอกนะว่านี่เรียกว่าแผนที่แม่นยำไม่ผิดพลาด?

แผนการที่ปรมาจารย์ดาบโลหิตคนนี้ให้มา ไม่น่าเชื่อว่าจะตรงกับที่เยี่ยเว่ยหมิงคาดเดาไปแล้วแปดเก้าส่วน!

นางจำได้ชัดเจน ว่าตอนนั้นเยี่ยเว่ยหมิงกล่าวไว้ว่า ปรมาจารย์ดาบโลหิตนั่นเดิมทีเป็นคนชั่วที่ถนัดเรื่องการวางแผน ย่อมป้องกันไม่ให้คนอื่นวางอุบายใส่เขาได้เช่นกัน การต่อสู้ระหว่างเจ้ากับฉางซิงอวี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ตราบใดที่พวกเจ้าไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายฆ่ากันจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะทำอะไรใครได้…

…แต่สถานการณ์ของข้านั้นกลับแตกต่าง ท่าไม้ตายมากมายของข้าหากเปิดเผยออกมา เขาจะต้องนึกย้อนกลับไปแน่ๆ ว่าเหตุใดในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ข้าถึงไม่ใช้ท่าไม้ตายเหล่านี้บนตัวเจ้า

ตอนนั้นน้องดาบสับสนแล้ว “เรื่องนี้ข้าควรจะอธิบายอย่างไร”

“อย่าถามเลย ถ้าถามก็โกหกไปว่าเป็นเรื่องความรัก”

เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างสงบเยือกเย็นมาก ราวกับกำลังพูดถึงคนสองคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับตน “แต่เจ้าห้ามอธิบายกับเขา เจ้าต้องเปลี่ยนวิธีพูด ทำให้เขาเข้าใจประเด็นต่างๆ ด้วยตัวเอง…”

หลังจากอธิบายแผนการทั้งหมดกับน้องดาบอย่างละเอียด เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังตั้งใจเสริมอีกว่า “อีกประเดี๋ยวตอนคุยกับปรมาจารย์ดาบโลหิตเจ้าต้องตั้งใจเน้นอยู่จุดหนึ่ง ลักษณะนิสัยของเจ้าก็เหมือนยามปกติ เป็นหญิงแกร่งที่เย็นชาและสูงส่ง ไม่เข้าใจความรักเลยแม้แต่น้อย…

…และสิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เจ้าห้ามเอ่ยสิ่งที่เกี่ยวกับแผนการนี้แม้แต่คำเดียว ต้องปล่อยให้ปรมาจารย์ดาบโลหิตคิดเองเออเอง หลังจากเจ้าพยายามเถียงเพราะลังเลแล้ว เจ้าต้องแสดงออกว่าลำบากใจมาก กระทั่งเขาโยนรางวัลภารกิจที่มีแรงดึงดูดใจมหาศาลมาให้ เจ้าค่อยรับไว้อย่างไม่เต็มใจอีกที…

…จากนั้น เจ้าก็มาหาข้าตามที่เขาบอก ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยปรึกษาแผนการขั้นต่อไป”

ตอนนั้นน้องดาบยังไม่เข้าใจวิธีการแบบนี้ของเยี่ยเว่ยหมิง จึงถามไปโดยสัญชาตญาณ “ทำไมเจ้าต้องทำให้ยุ่งยากขนาดนี้…

…เพราะปรมาจารย์ดาบโลหิตเป็นคนฉลาดที่เจ้าเล่ห์มาก ยิ่งเป็นคนแบบนี้ หากเป็นแผนการที่มาจากข้อเสนอแนะของคนอื่น เขาก็จะพิจารณามันอย่างระมัดระวังมาก ไม่เชื่อใจใครง่ายๆ เด็ดขาด”

เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างมั่นใจมากว่า “เช่นนั้นต่อให้เจ้าเพิ่มค่าความรู้สึกดีของเขาให้มากกว่านี้ เขาก็ยังไม่เต็มที่กับเจ้าอยู่ดี…

…เป็นแผนการใดๆ ก็ตามที่มีเจตนาแอบแฝง ก็มักจะไม่ผ่านการพิจารณาที่รอบคอบเกินไปของเขา ตราบใดที่เขาครุ่นคิดละเอียดมากพอ ต่อให้ในนั้นมีกับดักซ่อนอยู่ลึกแค่ไหน แต่เขาก็จะต้องเจอแน่นอน…

…แผนการนี้ของข้าเดิมทีก็ไม่นับว่าสมบูรณ์แบบอะไรอยู่แล้ว ถ้าให้เขาคิดหน้าคิดหลังอย่างละเอียดสักรอบ ดีไม่ดีเขาอาจจะเจอพิรุธก็ได้ นั่นจะทำให้ความพยายามที่ผ่านมาล้มเหลวหมด!…

…แต่ถ้าไม่ต้องการให้เขาสงสัย อย่างน้อยก็อย่าทำให้เขาเดามากเกินไป เช่นนั้นก็มีแต่ต้องสร้างสถานการณ์แบบนี้”

กระทั่งตอนนี้น้องดาบยังจำได้ขึ้นใจว่าตอนเยี่ยเว่ยหมิงให้คำตอบนี้มีสีหน้ามั่นใจเต็มร้อยมาก “นั่นก็คือ ให้เขาคิดแผนการด้วยตัวเอง!”

“เพราะคนอย่างเขา ไม่ว่ากับใคร หรือเรื่องอะไรก็ล้วนป้องกันสามส่วน บนโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่นั้นที่เขาเชื่อมั่นหมดใจ คนคนนั้นก็คือตัวเขาเอง!”

นี่แหละที่เรียกว่าแผนที่แม่นยำ!

ว่าแล้วเชียว หากเทียบความหน้าเนื้อใจเสือ ต่อให้เป็นจอมมารอย่างปรมาจารย์ดาบโลหิต แต่เมื่อเทียบกับเจ้ามือปราบหน้าเหม็นก็ยังห่างชั้นกันนิดหน่อย

คนกระบี่ก็ยังเป็นคนกระบี่ (พ้องเสียงกับคนต่ำทราม) คนปกติไม่อาจเทียบได้

ต่อให้เป็นจอมมารก็เทียบไม่ติด!

……

ส่วนอีกด้านหนึ่ง หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงหนีไปจากปรมาจารย์ดาบโลหิตได้อย่างสบายๆ แล้ว ก็ไม่ได้ไปหาฉางซิงอวี่กับฮวาเถี่ยกั้นทันที แต่ไปวนรอบหุบเขาหิมะอย่างไม่รีบร้อนก่อนหนึ่งรอบ แล้วหาที่เปลี่ยวที่มีหิมะค่อนข้างเยอะ

หลังจากประเมินสภาพแวดล้อมรอบหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็นำพลั่วที่ไม่ได้ใช้มานานแล้วออกมาจากกระเป๋าแล้วขุดถ้ำหิมะใต้ดินที่ขนาดพอดีสำหรับพักผ่อนหนึ่งคน จากนั้นก็ปรับแต่งสถานที่อย่างง่ายๆ บนทางสัญจรไปมารอบๆ อีก

เขายุ่งอยู่กับงานนี้ตั้งแต่เที่ยงจนตะวันตกดิน สุดท้ายถึงนับว่างานใหญ่เสร็จสิ้น

ขณะมองผลงานที่น่าภาคภูมิใจตรงหน้า ปัดไม้ปัดมือกำจัดฝุ่นดินที่ไม่มีอยู่จริง เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้ผิวปากพร้อมไล่ตามไปทางที่พวกฉางซิงอวี่หนีไปอย่างไม่รีบร้อน

แม้ตอนแยกกันก่อนหน้านี้ ทุกคนไม่ได้ตกลงสถานที่นัดพบกัน แต่ถ้าเยี่ยเว่ยหมิงอยากตามหาอีกฝ่ายให้พบก็ไม่ใช่เรื่องยาก ถึงขั้นไม่ได้ใช้งานอาหวงที่มีหน้าที่สะกดรอยตามโดยเฉพาะ เขาแค่เดินตามรอยเท้าบนทุ่งหิมะก็เจอแล้ว

ใครใช้ให้ที่นี่เป็นหุบเขา ‘หิมะ’ ล่ะ

ที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์ดาบโลหิตหรือฮวาเถี่ยกั้น ต่างฝ่ายต่างก็รู้สถานที่ซ่อนตัวของกันและกันอยู่แล้ว แต่เพราะพวกเขาสองคนหวาดกลัวกันและกัน เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย ก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามเหยียบเข้าไปในรังที่อีกฝ่ายอาจจะวางกับดักไว้อย่างพิถีพิถัน

ดังนั้น พวกเขาถึงได้ประลองกันข้างนอกต่อเนื่องสามวัน ทั้งยังให้ฉางซิงอวี่กับน้องดาบลงมือ จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ทั้งสองไม่ย่อมสัมผัสกับจุดจบด้วยตัวเอง ไอรีนโนเวล

ต้องบอกเลยว่าการจะฆ่าจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์สองตัวนี้ให้ตายนั้น ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้

เดินตามรอยเท้าไปประมาณสามลี้ บ้านไม้หลังหนึ่งที่ถูกหิมะทับถมก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา

ที่นี่คือที่พักชั่วคราวสำหรับนายพรานที่ขึ้นเขามาล่าสัตว์ในฤดูร้อน นอกจากใช้บังลมต้านหิมะได้แล้ว ในนั้นยังมีของใช้ในชีวิตประจำวันง่ายๆ อยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง แม้สภาพจะไม่เรียบร้อย แต่หุบเขานี้ก็ตัดขาดกับโลกภายนอก ที่นี่จึงนับเป็น ‘คฤหาสน์’ ที่หรูหราที่สุดแล้ว

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงปรากฏตัว ก็เห็นฮวาเถี่ยกั้นที่ออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มแล้ว “นี่ใช่จอมยุทธ์น้อยเยี่ยหรือเปล่า สำหรับจอมยุทธ์น้อยเยี่ย ข้าได้ยินนามอันยิ่งใหญ่มานานแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีวาสนาได้พบ เป็นเรื่องที่น่าเสียดายในชีวิตจริงๆ หลังจากยืนยันตัวตนของเจ้าจากปากซิงอวี่แล้ว ก็ทำเอาข้าทั้งตื่นเต้นทั้งกังวล”

“…ที่ตื่นเต้นก็เพราะนึกไม่ถึงว่าจะได้เจอคนหนุ่มมากความสามารถเช่นจอมยุทธ์น้อยเยี่ยในหุบเขาหิมะที่รกร้างหนาวเหน็บแห่งนี้ ที่กังวลก็เพราะเจ้าตามไปคนเดียว หากเจอคู่ศิษย์อาจารย์สำนักดาบโลหิตวางกับดักขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร”

เมื่อเห็นตาเฒ่าทารกนี่ปากหวานเหมือนทาน้ำผึ้ง เยี่ยเว่ยหมิงก็อดนับถือไม่ได้ที่เจ้าหมอนี่มีคารมคมคาย จึงกุมหมัดคารวะตอบทันที “เยี่ยเว่ยหมิงแห่งสำนักมือปราบเทพคารวะท่านวีรบุรุษฮวา…

…ไม่ปิดบังความจริง ที่จริงเมื่อครู่ผู้น้อยคิดจะกำจัดนางปีศาจน้อยนั่นเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่กลับคาดไม่ถึงว่าปรมาจารย์ดาบโลหิตนั่นจะไร้ยางอายถึงขนาดมาลอบกัดข้างหลัง หากไม่ใช่เพราะนางปีศาจน้อยนั่นเผยพิรุธออกมา ข้าก็เกือบกลับมาไม่ได้แล้ว ที่มาครั้งนี้เพราะตั้งใจจะมาปรึกษาวิธีการเอาชนะศัตรูกับท่านวีรบุรุษฮวาและสหายฉาง”

“เรื่องนี้ยังไม่ต้องรีบ” ฮวาเถี่ยกั้นตัดบทเยี่ยเว่ยหมิงที่เตรียมจะปรึกษาแผนการรับมือ ยิ้มตอบว่า “พี่น้องพวกเราไล่ตามปรมาจารย์ดาบโลหิตมาถึงหุบเขาหิมะ แล้วจู่ๆ หิมะก็ถล่ม ตัดขาดหุบเขาหิมะแห่งนี้กับโลกภายนอก ไม่ทราบว่าจอมยุทธ์น้อยเยี่ยเข้ามาได้อย่างไร”

เยี่ยเว่ยหมิงย่อมไม่บอกเขาอยู่แล้วว่าตัวเองบินเข้ามา จึงยิ้มบางๆ พร้อมปั้นเรื่องตอบทันทีว่า “จะว่าไปก็บังเอิญเหมือนกัน ข้าได้รับแรงบันดาลใจจากการประลองหอหมอกพิรุณเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ จากนั้นก็มาเก็บตัวฝึกเพื่อทะลวงระดับในหุบเขาหิมะแห่งนี้ วันนี้เพิ่งจะออกมาก็เจอพวกท่านแล้ว ถึงได้รู้ว่าหุบเขาหิมะแห่งนี้กลายเป็นทางตันไปเสียแล้ว”

ฮวาเถี่ยกั้นได้ยินแล้วยังไม่ค่อยเชื่อ “จอมยุทธ์น้อยเยี่ยมาเก็บตัวในหุบเขาหิมะจริงหรือ จินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้…”

“ก็เพราะที่นี่เงียบน่ะสิ! เดิมทีข้าก็คิดว่าจะไม่มีใครมารบกวน ถึงได้เลือกเก็บตัวที่นี่” เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “จะว่าไปแล้ว เพื่อที่จะเก็บตัวฝึก ข้าถึงขั้นตั้งใจสร้างบ้านหิมะขึ้นมาเลยนะ ท่านวีรบุรุษฮวาจะให้ข้าพาไปดูที่นั่นหน่อยไหมล่ะ”

ฮวาเถี่ยกั้นยังไม่วางใจต่อเยี่ยเว่ยหมิงนัก ขณะกำลังจะขานรับ กลับเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จึงเปลี่ยนคำพูดกะทันหัน “จอมยุทธ์น้อยเยี่ยพูดเหลวไหลอะไรกัน ข้าเพียงสงสัยว่าในเมื่อมาเก็บตัวที่นี่ แล้วเหตุใดไม่ใช้งานบ้านไม้สำเร็จรูปหลังนี้ ยังจะสร้างบ้านหิมะอะไรนั่นทำไม” 艾琳小說

“ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกเหตุผลไปแล้ว ข้าแค่ไม่อยากถูกคนรบกวน”

ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน ทันใดนั้นข้างหลังก็มีเสียงเสื้อผ้าฝ่าลมดังมา พอหันไปมอง ก็เห็นน้องดาบใช้ท่าร่าง ‘เทพท่องร้อยแปรเปลี่ยน’ ของนางวิ่งมาโผล่อยู่ในสายตาของพวกเขาอย่างปราดเปรียวแล้ว ชุดสีแดงเพลิงปลิวกระเพื่อมอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ

น้องดาบหยุดอยู่ตรงจุดที่ห่างจากทั้งสองสามสิบเมตร พร้อมเอ่ยว่า “มือปราบหน้าเหม็น เจ้าอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย ข้ามีเรื่องจะปรึกษาเจ้าอยู่พอดี”

“อ้อ?”

เมื่อน้องดาบโผล่มา อีกเสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากบ้านไม้ ตามด้วยเสียงประตูบ้านไม้ที่ถูกผลักออก ฉางซิงอวี่ที่สวมเกราะเงินทั้งตัวปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้ว “นางปีศาจน้อยตนนี้ จะใช้อุบายชั่วอะไรอีกล่ะ”

“ข้ามาหาเจ้ามือปราบหน้าเหม็นนั่น ตรงนี้ไม่มีเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้า” น้องดาบชำเลืองฉางซิงอวี่แวบหนึ่งอย่างดูถูก จากนั้นดวงตาโตฉ่ำวาวก็จับจ้องบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงอีกครั้ง “มือปราบหน้าเหม็น ขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด