ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 53 ตายตกไปพร้อมกัน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 53 ตายตกไปพร้อมกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 53 ตายตกไปพร้อมกัน

เปลี่ยนสนามรบ เพราะว่าเยี่ยเว่ยหมิงขี้เกียจจะวิ่งกลับไป จึงเรียก BOSS มาตีใกล้ๆ แทน แน่นอนว่าไป๋จ่านจีก็ตามมาด้วย ถังซานไฉ่ก็วิ่งไปยังต้นไม้ใหญ่ที่เอาไว้ซ่อนตัวได้ง่ายๆ ต้นหนึ่ง แล้วก็ยิงอาวุธลับ ปิ้วปิ้วปิ้ว ใส่หลินจื้อเพ่ยต่อไป

พูดถึงสหายซานไฉ่ สมแล้วที่เป็นผู้เล่นยอดฝีมือระดับสูงของสำนักถังเหมิน เรื่องการจัดการจังหวะเวลานี่ไม่ต้องพูดถึง หลังจากที่ได้รับอาวุธลับพิษร้ายแรงแล้ว ก็ไม่ได้รีบร้อนโยนออกไปเพราะอยากทดสอบประสิทธิภาพ แต่กลับรักษาจังหวะเดิมเอาไว้ ใช้อาวุธลับทั่วไปต่ออย่างไม่รีบร้อนและก็ไม่ได้เชื่องช้า

อย่างไรเสีย หลินจื้อเพ่ยก็ไม่ใช่คนโง่ การซื้อขายกันของฝั่งเยี่ยเว่ยหมิงนั้นกระทำโดยอยู่ภายใต้สายตาของเขา แม้จะไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัด แต่ก็พอจะเดาได้ว่าต้องมีอะไรซ่อนอยู่อย่างแน่นอน

ในตอนแรก เขาเลือกใช้กลยุทธ์เพื่อป้องกันอาวุธลับของถังซานไฉ่อย่างเอาเป็นเอาตาย ต่อให้ฝีมือการใช้อาวุธลับของศิษย์พี่ใหญ่สำนักถังเหมินคนนี้จะเก่งกาจเพียงใด ก็ทะลุผ่านปราณแท้ป้องกันตัวของเขาไม่ได้แม้แต่อันเดียว

แต่หากเป็นเช่นนี้ กำลังภายในของเขาก็จะถูกใช้เร็วเกินไป ด้วยความเร็วในการใช้ในระดับนี้ กำลังภายในของเขาต้องหมดก่อนเยี่ยเว่ยหมิงและถังซานไฉ่เป็นแน่ ถึงตอนนั้นเขาก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสามคนนี้แน่นอน

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนนั้นเขาถึงเลือกกลยุทธ์ขายเลือด

ในสถานการณ์ที่พลังของสองฝ่ายแตกต่างกันมากเกินไป ความสามารถจะเป็นกลยุทธ์ แต่ในสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายฝีมือไล่เลี่ยกันนั้น กลยุทธ์จะเป็นความสามารถ!

หลังจากทนอยู่อย่างนั้นได้พักหนึ่ง หลินจื้อเพ่ยก็รู้ว่าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ จึงล้มเลิกที่จะใช้กำลังภายในต้านทานวิถีอาวุธลับทั้งหมด และเริ่มใช้การขายเลือดอีกครั้ง และในตอนนั้นเอง ถังซานไฉ่ตัดสินใจเอาเข็มปากยุงอันหนึ่งใส่รวมเข้าไปกับอาวุธลับอื่นๆ เมื่อคาดคะเนความคิดหลินจื้อเพ่ยได้อย่างแม่นยำแล้ว ก็เริ่มจัดหนักใส่เขาทันที

การโจมตีของเขาในครั้งนี้มีเทคนิคดีมาก อย่างแรกเลยคือไม่ได้ใช้กำลังภายในเพิ่มอานุภาพ สองคือไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงอานุภาพที่มากเกินไปด้วย จุดที่โจมตีแม้จะเป็นจุดมิ่งเหมินที่อยู่กลางหลัง แต่ถ้าหากหลินจื้อเพ่ยขยับตัวแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะหลบพ้นการโจมตีได้อย่างง่ายดาย

ด้วยเหตุนี้ หลินจื้อเพ่ยจึงโดนพิษเข้าให้แล้ว

ความร้ายกาจของอาวุธลับอาบพิษอยู่ที่ตรงนี้ มันไม่จำเป็นว่าจะต้องโจมตีให้ถูกจุดถึงจะทำร้ายได้ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มอานุภาพ อย่างเดียวที่มันต้องการคือความแม่นยำเท่านั้น ขอแค่โจมตีโดนอย่างแม่นยำ ก็จะทำให้ติดพิษได้!

ระดับการต้านพิษในสถานะต่อสู้ของ BOSS แน่นอนว่าแข็งแกร่งมาก เดิมทีจะเอาพิษที่ล้มอวี๋ไต้เหยียนได้นั้นมาใช้กับหลินจื้อเพ่ย แต่มันกลับทำให้เขาสูญเสียพลังรบไปเพียงสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

แต่ในสถานการณ์ที่คู่ต่อสู้มีฝีมือพอๆ กันนั้น เพียงครู่เดียวก็ทำให้สูญเสียพลังรบไปถึงสิบเปอร์เซ็นต์ผลตรงนี้คาดการณ์ได้แล้ว แน่นอนว่าหลินจื้อเพ่ยย่อมตกเป็นรองเมื่อถูกฝั่งเยี่ยเว่ยหมิงสามคนโจมตีอย่ากหนัก

ในครู่ถัดมา ถังซานไฉ่ก็โจมตีอีกครั้ง ในตอนที่หลินจื้อเพ่ยไม่ได้ทันตั้งตัว เขาก็ยิงตะปูเจ็ดดาวเข้าไปที่ไหล่อีกฝ่าย

เพียงแค่ครู่เดียว พลังรบของหลินจื้อเพ่ยก็ลดลงจนเหลือแค่ประมาณเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด

ที่เป็นเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะพิษของตะปูเจ็ดดาวแรงเป็นสองเท่าของเข็มปากยุง แต่หลักๆ เป็นเพราะหลังพิษของทั้งสองผสมกันแล้ว จะให้ผลที่น่าสะพรึงแบบหนึ่งบวกหนึ่งได้มากกว่าสอง!โดยเฉพาะตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงแทงเข้าไปหนึ่งกระบี่ พิษบนกระบี่ชิงจู๋ก็เข้าไปในร่าง BOSS เลเวลสามสิบห้าด้วยเช่นกัน พลังรบของหลินจื้อเพ่ยลดลงไปอีกหนึ่งส่วน

ต่อจากนี้ก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลอย่างมีความสุขแล้ว

สามนาทีผ่านไป ในที่สุดพลังชีวิตของหลินจื้อเพ่ยก็ใช้ไปจนหมดไม่มีเหลือ ในตอนที่มีเลือดเหลืออยู่เพียงขีดเดียวนั้นเอง จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังถึงทางตันท่านนี้ก็ได้ปลดปล่อยพลังที่ซ่อนไว้ออกมา!

เพียงได้ยินเขาคำรามหนึ่งครั้ง กำลังภายในที่พลุ่งพล่านอยู่ก็ระเบิดออกมาในคราวเดียว กระบี่ยาวในมือก็เปลี่ยนเป็นเงาร่าง ไม่เพียงแต่อานุภาพจะกลับไปเท่ากับตอนที่พลังยังเต็มเปี่ยม ความเร็วของเขายังเร็วขึ้นจนน่ากลัว ต่อให้เป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างไป๋จ่านจีกับเยี่ยเว่ยหมิง ยังทำได้เพียงเปลี่ยนจากโจมตีเป็นป้องกัน เพื่อหลบการโจมตีจากเขา

แต่ว่าทุกคนต่างรู้ดีว่า นี่เป็นเพียงความบ้าคลั่งครั้งสุดท้ายของเขาเท่านั้น หลังจบการระเบิดพลังของเขาในครั้งนี้แล้ว ชีวิตของเขาก็จะเดินมาถึงปลายทาง ส่วนใครจะโจมตีครั้งสุดท้ายได้ก่อนนั้น ก็ต้องดูว่าใครจะมือไวกว่ากันแล้ว

ในทีมที่เป็นรูปแบบแบ่งสรรค่าผลงาน คนที่โจมตีครั้งสุดท้ายได้ ก็จะได้รับโบนัสค่าผลงานเพิ่มจากการแบ่งรางวัลสุดท้ายไม่น้อยเลยทีเดียว ใครที่แย่งไปได้ ก็จะยิ่งมีโอกาสได้รับของดีมากยิ่งขึ้น!

ความจริงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า หัวใจสำคัญที่จะแย่งโจมตีครั้งสุดท้ายมาได้ไม่ใช่มือไว แต่เป็นมือยาว!

แม้ท่าร่างของเยี่ยเว่ยหมิงจะเร็ว แต่อย่างไรก็ยังเร็วสู้มีดบินของถังซานไฉ่ไม่ได้อยู่ดี!

เมื่อหลินจื้อเพ่ยระเบิดพลังกระบี่เร็วหนึ่งรอบเสร็จแล้ว ตอนนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็เตรียมจะใช้ท่าแปดก้าวไล่ทันคางคกเข้าแย่งโจมตี แต่มีดบินใบหนึ่งของถังซานไฉ่ก็ห่างจากร่างของหลินจื้อเพ่ยอยู่เพียงไม่ถึงสามฉื่อแล้วในสถานการณ์ที่รู้ชัดแล้วว่าต้องตาย หลินจื้อเพ่ยไม่ได้ทำการหลบหลีกหรือต่อต้านใดๆ อีกต่อไป แต่คำรามออกมาทีหนึ่ง ดึงเอาพลังภายในสุดท้ายมาปล่อยให้กระบี่ยาวในมือ พร้อมแปรเปลี่ยนเป็นสายรุ้งหนึ่งเส้น ยิงไปที่ถังซานไฉ่ด้วยความเร็วเหนือสายฟ้า

ความจริงแล้ว ที่สู้กันมาถึงตอนนี้ ค่าความแค้นของหลินจื้อเพ่ยได้โอนย้ายจากไป๋จ่านจีไปยังสองผู้เล่นมานานแล้ว แต่ก่อนที่เขาจะตาย คนที่เขาอยากฆ่าให้ตายมากที่สุดที่จริงคือเยี่ยเว่ยหมิง หากแต่พอได้เห็นความสามารถในการรักษาชีวิตของมังกรร่อนล่อหงส์แล้ว เขาก็รู้ว่าการจะลากเยี่ยเว่ยหมิงมารับเคราะห์ไปด้วยกันนั้นทำไม่ได้จริง ถึงได้ใช้ ‘มังกรบินเหนือเวหา’ โจมตีใส่เป้าหมายแทน โดยเล็งเป้าไปที่ร่างของถังซานไฉ่

ฟิ้ว มีดบินของถังซานไฉ่ไม่ได้เข้าไปในร่างของหลินจื้อเพ่ย แถบเลือดสีเขียวอมดำเหนือศีรษะของหลินจื้อเพ่ยได้ถูกล้างไปจนหมดสิ้น

ฟิ้ว! กระบี่ยาวของหลินจื้อเพ่ยทะลุผ่านเข้าร่างของถังซานไฉ่ ทำให้ถังซานไฉ่ที่เดิมทีมีเลือดเต็มหลอดเปล่งแสงสีขาวขึ้นมา

ปลิดชีพ!

เยี่ยเว่ยหมิงมองเห็นเพื่อนร่วมทีมตัวเองตายไปพร้อมกับ BOSS ในใจ รู้สึกไร้ทางออกอยู่ครู่หนึ่ง

ถึงตอนนี้ เสียงเตือนก็เพิ่งจะดังขึ้นมา

[ติ๊ง! คุณสังหาร BOSS เลเวล 35 หลินจื้อเพ่ยได้สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 10000 แต้ม ค่าตบะ 1000 แต้ม!][ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณทำภารกิจ “ปกป้องเสี่ยวไป๋” สำเร็จ ไม่เพียงปกป้องเสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้ผู้ซื่อสัตย์ได้เท่านั้น แต่ยังสังหารหลินจื้อเพ่ย จีไหลเหย่ เก๋ออ๋างโส่ว ผู้พ่ายแพ้ที่ชั่วร้ายแห่งยุทธภพทั้งสามได้อีกด้วย สำเร็จภารกิจในครั้งนี้ไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ได้รับรางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 20000 แต้ม ค่าตบะ2000 แต้ม สุ่มหนึ่งทักษะยุทธ์เพื่ออัปเกรดขึ้นหนึ่งเลเวล!][ติ๊ง! เคล็ดกระบี่วีรสตรีของคุณอัปเกรดขึ้นหนึ่งเลเวล ถึงเลเวล 9]

[ประกาศจากระบบ: ผู้เล่นศิษย์สำนักมือปราบเทพ เยี่ยเว่ยหมิง, ศิษย์สำนักถังเหมินถังซานไฉ่ สังหาร BOSS เลเวล 35 หลินจื้อเพ่ย ทำเฟิร์สคิลสำเร็จ ได้รับรางวัลทำเฟิร์สคิล: ชื่อเสียงยุทธภพ 1000 แต้ม ค่าผลงานสำนัก 1000 แต้ม]

[ประกาศจากระบบ: ผู้เล่น…]

ระบบประกาศทำเฟิร์สคิลต่อเนื่องสามครั้งเช่นเคย แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับเม้มปากอย่างรู้สึกบอกไม่ถูก

รางวัลภารกิจก็ถือว่าดีอยู่ แต่ผลรางวัลที่แจ้งมาอันสุดท้ายกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีใจ

จริงๆ แล้ว ตอนนี้ที่เขาอยากจะอัปเกรดมากที่สุดก็คือ เลเวลของ ‘เคล็ดชำระปราณ’ รองลงมาเป็น ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ต่อมาก็ ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ หรือต่อให้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ได้อัปเกรด ก็ยังดีกว่า ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ เสียอีก!

แต่ปรากฏว่าระบบกลับต่อต้านเขา อันที่เขาไม่อยากอัปเกรดมากที่สุด กลับเป็นอันที่สุ่มมาได้เสียอย่างงั้น

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหัวไปมา แล้วลองเปิดกระดานสเตตัสดู

พอได้เห็น กลับต้องตกใจจนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่อย่างอดไม่ได้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 53 ตายตกไปพร้อมกัน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 53 ตายตกไปพร้อมกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 53 ตายตกไปพร้อมกัน

เปลี่ยนสนามรบ เพราะว่าเยี่ยเว่ยหมิงขี้เกียจจะวิ่งกลับไป จึงเรียก BOSS มาตีใกล้ๆ แทน แน่นอนว่าไป๋จ่านจีก็ตามมาด้วย ถังซานไฉ่ก็วิ่งไปยังต้นไม้ใหญ่ที่เอาไว้ซ่อนตัวได้ง่ายๆ ต้นหนึ่ง แล้วก็ยิงอาวุธลับ ปิ้วปิ้วปิ้ว ใส่หลินจื้อเพ่ยต่อไป

พูดถึงสหายซานไฉ่ สมแล้วที่เป็นผู้เล่นยอดฝีมือระดับสูงของสำนักถังเหมิน เรื่องการจัดการจังหวะเวลานี่ไม่ต้องพูดถึง หลังจากที่ได้รับอาวุธลับพิษร้ายแรงแล้ว ก็ไม่ได้รีบร้อนโยนออกไปเพราะอยากทดสอบประสิทธิภาพ แต่กลับรักษาจังหวะเดิมเอาไว้ ใช้อาวุธลับทั่วไปต่ออย่างไม่รีบร้อนและก็ไม่ได้เชื่องช้า

อย่างไรเสีย หลินจื้อเพ่ยก็ไม่ใช่คนโง่ การซื้อขายกันของฝั่งเยี่ยเว่ยหมิงนั้นกระทำโดยอยู่ภายใต้สายตาของเขา แม้จะไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัด แต่ก็พอจะเดาได้ว่าต้องมีอะไรซ่อนอยู่อย่างแน่นอน

ในตอนแรก เขาเลือกใช้กลยุทธ์เพื่อป้องกันอาวุธลับของถังซานไฉ่อย่างเอาเป็นเอาตาย ต่อให้ฝีมือการใช้อาวุธลับของศิษย์พี่ใหญ่สำนักถังเหมินคนนี้จะเก่งกาจเพียงใด ก็ทะลุผ่านปราณแท้ป้องกันตัวของเขาไม่ได้แม้แต่อันเดียว

แต่หากเป็นเช่นนี้ กำลังภายในของเขาก็จะถูกใช้เร็วเกินไป ด้วยความเร็วในการใช้ในระดับนี้ กำลังภายในของเขาต้องหมดก่อนเยี่ยเว่ยหมิงและถังซานไฉ่เป็นแน่ ถึงตอนนั้นเขาก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสามคนนี้แน่นอน

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนนั้นเขาถึงเลือกกลยุทธ์ขายเลือด

ในสถานการณ์ที่พลังของสองฝ่ายแตกต่างกันมากเกินไป ความสามารถจะเป็นกลยุทธ์ แต่ในสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายฝีมือไล่เลี่ยกันนั้น กลยุทธ์จะเป็นความสามารถ!

หลังจากทนอยู่อย่างนั้นได้พักหนึ่ง หลินจื้อเพ่ยก็รู้ว่าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ จึงล้มเลิกที่จะใช้กำลังภายในต้านทานวิถีอาวุธลับทั้งหมด และเริ่มใช้การขายเลือดอีกครั้ง และในตอนนั้นเอง ถังซานไฉ่ตัดสินใจเอาเข็มปากยุงอันหนึ่งใส่รวมเข้าไปกับอาวุธลับอื่นๆ เมื่อคาดคะเนความคิดหลินจื้อเพ่ยได้อย่างแม่นยำแล้ว ก็เริ่มจัดหนักใส่เขาทันที

การโจมตีของเขาในครั้งนี้มีเทคนิคดีมาก อย่างแรกเลยคือไม่ได้ใช้กำลังภายในเพิ่มอานุภาพ สองคือไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงอานุภาพที่มากเกินไปด้วย จุดที่โจมตีแม้จะเป็นจุดมิ่งเหมินที่อยู่กลางหลัง แต่ถ้าหากหลินจื้อเพ่ยขยับตัวแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะหลบพ้นการโจมตีได้อย่างง่ายดาย

ด้วยเหตุนี้ หลินจื้อเพ่ยจึงโดนพิษเข้าให้แล้ว

ความร้ายกาจของอาวุธลับอาบพิษอยู่ที่ตรงนี้ มันไม่จำเป็นว่าจะต้องโจมตีให้ถูกจุดถึงจะทำร้ายได้ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มอานุภาพ อย่างเดียวที่มันต้องการคือความแม่นยำเท่านั้น ขอแค่โจมตีโดนอย่างแม่นยำ ก็จะทำให้ติดพิษได้!

ระดับการต้านพิษในสถานะต่อสู้ของ BOSS แน่นอนว่าแข็งแกร่งมาก เดิมทีจะเอาพิษที่ล้มอวี๋ไต้เหยียนได้นั้นมาใช้กับหลินจื้อเพ่ย แต่มันกลับทำให้เขาสูญเสียพลังรบไปเพียงสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

แต่ในสถานการณ์ที่คู่ต่อสู้มีฝีมือพอๆ กันนั้น เพียงครู่เดียวก็ทำให้สูญเสียพลังรบไปถึงสิบเปอร์เซ็นต์ผลตรงนี้คาดการณ์ได้แล้ว แน่นอนว่าหลินจื้อเพ่ยย่อมตกเป็นรองเมื่อถูกฝั่งเยี่ยเว่ยหมิงสามคนโจมตีอย่ากหนัก

ในครู่ถัดมา ถังซานไฉ่ก็โจมตีอีกครั้ง ในตอนที่หลินจื้อเพ่ยไม่ได้ทันตั้งตัว เขาก็ยิงตะปูเจ็ดดาวเข้าไปที่ไหล่อีกฝ่าย

เพียงแค่ครู่เดียว พลังรบของหลินจื้อเพ่ยก็ลดลงจนเหลือแค่ประมาณเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด

ที่เป็นเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะพิษของตะปูเจ็ดดาวแรงเป็นสองเท่าของเข็มปากยุง แต่หลักๆ เป็นเพราะหลังพิษของทั้งสองผสมกันแล้ว จะให้ผลที่น่าสะพรึงแบบหนึ่งบวกหนึ่งได้มากกว่าสอง!โดยเฉพาะตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงแทงเข้าไปหนึ่งกระบี่ พิษบนกระบี่ชิงจู๋ก็เข้าไปในร่าง BOSS เลเวลสามสิบห้าด้วยเช่นกัน พลังรบของหลินจื้อเพ่ยลดลงไปอีกหนึ่งส่วน

ต่อจากนี้ก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลอย่างมีความสุขแล้ว

สามนาทีผ่านไป ในที่สุดพลังชีวิตของหลินจื้อเพ่ยก็ใช้ไปจนหมดไม่มีเหลือ ในตอนที่มีเลือดเหลืออยู่เพียงขีดเดียวนั้นเอง จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังถึงทางตันท่านนี้ก็ได้ปลดปล่อยพลังที่ซ่อนไว้ออกมา!

เพียงได้ยินเขาคำรามหนึ่งครั้ง กำลังภายในที่พลุ่งพล่านอยู่ก็ระเบิดออกมาในคราวเดียว กระบี่ยาวในมือก็เปลี่ยนเป็นเงาร่าง ไม่เพียงแต่อานุภาพจะกลับไปเท่ากับตอนที่พลังยังเต็มเปี่ยม ความเร็วของเขายังเร็วขึ้นจนน่ากลัว ต่อให้เป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างไป๋จ่านจีกับเยี่ยเว่ยหมิง ยังทำได้เพียงเปลี่ยนจากโจมตีเป็นป้องกัน เพื่อหลบการโจมตีจากเขา

แต่ว่าทุกคนต่างรู้ดีว่า นี่เป็นเพียงความบ้าคลั่งครั้งสุดท้ายของเขาเท่านั้น หลังจบการระเบิดพลังของเขาในครั้งนี้แล้ว ชีวิตของเขาก็จะเดินมาถึงปลายทาง ส่วนใครจะโจมตีครั้งสุดท้ายได้ก่อนนั้น ก็ต้องดูว่าใครจะมือไวกว่ากันแล้ว

ในทีมที่เป็นรูปแบบแบ่งสรรค่าผลงาน คนที่โจมตีครั้งสุดท้ายได้ ก็จะได้รับโบนัสค่าผลงานเพิ่มจากการแบ่งรางวัลสุดท้ายไม่น้อยเลยทีเดียว ใครที่แย่งไปได้ ก็จะยิ่งมีโอกาสได้รับของดีมากยิ่งขึ้น!

ความจริงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า หัวใจสำคัญที่จะแย่งโจมตีครั้งสุดท้ายมาได้ไม่ใช่มือไว แต่เป็นมือยาว!

แม้ท่าร่างของเยี่ยเว่ยหมิงจะเร็ว แต่อย่างไรก็ยังเร็วสู้มีดบินของถังซานไฉ่ไม่ได้อยู่ดี!

เมื่อหลินจื้อเพ่ยระเบิดพลังกระบี่เร็วหนึ่งรอบเสร็จแล้ว ตอนนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็เตรียมจะใช้ท่าแปดก้าวไล่ทันคางคกเข้าแย่งโจมตี แต่มีดบินใบหนึ่งของถังซานไฉ่ก็ห่างจากร่างของหลินจื้อเพ่ยอยู่เพียงไม่ถึงสามฉื่อแล้วในสถานการณ์ที่รู้ชัดแล้วว่าต้องตาย หลินจื้อเพ่ยไม่ได้ทำการหลบหลีกหรือต่อต้านใดๆ อีกต่อไป แต่คำรามออกมาทีหนึ่ง ดึงเอาพลังภายในสุดท้ายมาปล่อยให้กระบี่ยาวในมือ พร้อมแปรเปลี่ยนเป็นสายรุ้งหนึ่งเส้น ยิงไปที่ถังซานไฉ่ด้วยความเร็วเหนือสายฟ้า

ความจริงแล้ว ที่สู้กันมาถึงตอนนี้ ค่าความแค้นของหลินจื้อเพ่ยได้โอนย้ายจากไป๋จ่านจีไปยังสองผู้เล่นมานานแล้ว แต่ก่อนที่เขาจะตาย คนที่เขาอยากฆ่าให้ตายมากที่สุดที่จริงคือเยี่ยเว่ยหมิง หากแต่พอได้เห็นความสามารถในการรักษาชีวิตของมังกรร่อนล่อหงส์แล้ว เขาก็รู้ว่าการจะลากเยี่ยเว่ยหมิงมารับเคราะห์ไปด้วยกันนั้นทำไม่ได้จริง ถึงได้ใช้ ‘มังกรบินเหนือเวหา’ โจมตีใส่เป้าหมายแทน โดยเล็งเป้าไปที่ร่างของถังซานไฉ่

ฟิ้ว มีดบินของถังซานไฉ่ไม่ได้เข้าไปในร่างของหลินจื้อเพ่ย แถบเลือดสีเขียวอมดำเหนือศีรษะของหลินจื้อเพ่ยได้ถูกล้างไปจนหมดสิ้น

ฟิ้ว! กระบี่ยาวของหลินจื้อเพ่ยทะลุผ่านเข้าร่างของถังซานไฉ่ ทำให้ถังซานไฉ่ที่เดิมทีมีเลือดเต็มหลอดเปล่งแสงสีขาวขึ้นมา

ปลิดชีพ!

เยี่ยเว่ยหมิงมองเห็นเพื่อนร่วมทีมตัวเองตายไปพร้อมกับ BOSS ในใจ รู้สึกไร้ทางออกอยู่ครู่หนึ่ง

ถึงตอนนี้ เสียงเตือนก็เพิ่งจะดังขึ้นมา

[ติ๊ง! คุณสังหาร BOSS เลเวล 35 หลินจื้อเพ่ยได้สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 10000 แต้ม ค่าตบะ 1000 แต้ม!][ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณทำภารกิจ “ปกป้องเสี่ยวไป๋” สำเร็จ ไม่เพียงปกป้องเสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้ผู้ซื่อสัตย์ได้เท่านั้น แต่ยังสังหารหลินจื้อเพ่ย จีไหลเหย่ เก๋ออ๋างโส่ว ผู้พ่ายแพ้ที่ชั่วร้ายแห่งยุทธภพทั้งสามได้อีกด้วย สำเร็จภารกิจในครั้งนี้ไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ได้รับรางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 20000 แต้ม ค่าตบะ2000 แต้ม สุ่มหนึ่งทักษะยุทธ์เพื่ออัปเกรดขึ้นหนึ่งเลเวล!][ติ๊ง! เคล็ดกระบี่วีรสตรีของคุณอัปเกรดขึ้นหนึ่งเลเวล ถึงเลเวล 9]

[ประกาศจากระบบ: ผู้เล่นศิษย์สำนักมือปราบเทพ เยี่ยเว่ยหมิง, ศิษย์สำนักถังเหมินถังซานไฉ่ สังหาร BOSS เลเวล 35 หลินจื้อเพ่ย ทำเฟิร์สคิลสำเร็จ ได้รับรางวัลทำเฟิร์สคิล: ชื่อเสียงยุทธภพ 1000 แต้ม ค่าผลงานสำนัก 1000 แต้ม]

[ประกาศจากระบบ: ผู้เล่น…]

ระบบประกาศทำเฟิร์สคิลต่อเนื่องสามครั้งเช่นเคย แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับเม้มปากอย่างรู้สึกบอกไม่ถูก

รางวัลภารกิจก็ถือว่าดีอยู่ แต่ผลรางวัลที่แจ้งมาอันสุดท้ายกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีใจ

จริงๆ แล้ว ตอนนี้ที่เขาอยากจะอัปเกรดมากที่สุดก็คือ เลเวลของ ‘เคล็ดชำระปราณ’ รองลงมาเป็น ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ต่อมาก็ ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ หรือต่อให้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ได้อัปเกรด ก็ยังดีกว่า ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ เสียอีก!

แต่ปรากฏว่าระบบกลับต่อต้านเขา อันที่เขาไม่อยากอัปเกรดมากที่สุด กลับเป็นอันที่สุ่มมาได้เสียอย่างงั้น

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหัวไปมา แล้วลองเปิดกระดานสเตตัสดู

พอได้เห็น กลับต้องตกใจจนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่อย่างอดไม่ได้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+