ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 347 ฆ่าตามเนื้อเรื่อง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 347 ฆ่าตามเนื้อเรื่อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 347 ฆ่าตามเนื้อเรื่อง

1 + 1 = ?

เมื่อเห็นคำถามที่เกือบจะเป็นคำถามปัญญาอ่อนลอยมาตรงหน้า เยี่ยเว่ยหมิงก็อึ้งไปเลย

การเดาใจ BOSS เลเวลเจ็ดสิบห้าอย่างโอวหยางเค่อ ทำไมถึงง่ายขนาดนี้

ถ้ามีคนบอกว่าโอวหยางเค่อที่อยู่ตรงหน้าคือเปาซีรั่วปลอมตัวมา เยี่ยเว่ยหมิงคงเชื่อไปแล้วสามส่วน!

ถ้าถามว่าทำไมถึงไม่ใช่หวันเหยียนหงเลี่ย

เพราะเยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่า ถึงอย่างไรหวันเหยียนหงเลี่ยก็เป็นแม่ทัพของแคว้นจิน ไม่น่าจะอ่อนด้อยถึงขั้นนี้

แต่สงสัยก็ส่วนสงสัย งงก็ส่วนงง ความสามารถด้านการต่อสู้ที่ฝึกมาเป็นเวลานานก็ยังทำให้เยี่ยเว่ยหมิงเลือกทำสิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดต่อตัวเองทันที

อาศัยความสามารถในการเดาใจของเขาที่เหนือกว่าคนทั่วไป เขาใส่คำตอบที่ถูกต้องทันทีโดยสัญชาตญาณ…

2!

ทุกขั้นตอนการคำนวณเสร็จเรียบร้อยในอึดใจเดียว ถึงขั้นใช้เวลาไม่ถึงศูนย์จุดหนึ่งวินาทีด้วยซ้ำ!

จากนั้น ความรู้สึกที่เหมือนถูกอวยพรให้ฉลาดขึ้นก็ผุดขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงเผยรอยยิ้มโล่งใจออกมา

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว!

ที่แท้ ถ้าตัวเองต้องการจะเอาชนะโอวหยางเค่อ มันก็ง่ายแบบนี้นี่เอง!

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเกิดความตระหนักรู้ขึ้นในใจ โอวหยางเค่อก็ถูก ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ กระตุ้นแล้วเช่นกัน เขาเตะกัวจิ้งที่ถูกโจมตีล้มอยู่บนพื้นให้กระเด็นออกไป แล้วหันตัวกระโจนมาทางเยี่ยเว่ยหมิงแทน

ที่จริงแล้วผลของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ หากใช้กับ BOSS ร่างแท้โหมดปกติ ก็มีแต่จะสร้างสัญญาณให้อีกฝ่ายรู้ว่าคนคนนี้อันตรายมาก อีกฝ่ายจะเลือกพุ่งเป้าหมายมาที่นี่หรือจะเลือกหนีไปก็เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ถ้าใช้เคล็ดจิตนี้กับ BOSS โหมดปกติของภารกิจ มันก็คือทักษะยั่วยุที่แข็งแกร่งมาก ถึงขั้นกล่าวได้ว่าเป็นการยั่วยุโดยสมบูรณ์!

แต่โอวหยางเค่อคนที่อยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ BOSS ร่างแท้โหมดปกติ

ดังนั้น ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับการยั่วยุของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เป็นอย่างที่คาดไว้ เขาโจมตีมาทางเยี่ยเว่ยหมิงอย่างที่ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ระหว่างที่ลงมือ ฝ่ามือก็ว่องไวราวกับไร้กระดูก ใช้หมัดงูศักดิ์สิทธิ์ที่เขาถนัดที่สุด

ที่จริงแล้ว ในฐานะ BOSS เลเวลเจ็ดสิบห้าคนหนึ่ง ค่าสเตตัสของโอวหยางเค่ออาจไม่เหนือกว่าเถียนปั๋วกวงที่เลเวลเจ็ดสิบเอ็ด แต่การที่เขาถูกกำหนดให้เป็นเลเวลเจ็ดสิบห้า แสดงว่าต้องมีสาเหตุแน่นอน สิ่งที่เขาถนัดใช้ก็คือคุณภาพของวิทยายุทธ์และและเลเวล

สิ่งที่ BOSS ทั่วไปเลเวลเดียวกันใช้ล้วนเป็นวิชาระดับต้นและระดับกลาง แต่เขาเป็นบุตรชายลับๆ ของโอวหยางเฟิง พอลงมือก็ใช้วิชาหมัดระดับสูงเลย!

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีสุดกำลังจาก BOSS เลเวลเจ็ดสิบห้า เยี่ยเว่ยหมิงกลับก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างไม่รีบร้อน ขณะเดียวกันนี้เอง กระบี่แสงทองที่อยู่ในมือของเขาพลันหายไป แทนที่ด้วยมีดสั้นที่ยาวประมาณสามชุ่น ดูเป็นมีดสั้นที่ธรรมดามาก

อาวุธเทพ มีดสั้น!

เมื่อเห็นว่าทั้งสองเข้าใกล้กันมากแล้ว หมัดข้างขวาของโอวหยางเค่อก็พลันเปลี่ยนทิศทาง เป้าหมายโจมตีเปลี่ยนจากหน้าผากไปเป็นคอ การเปลี่ยนแปลงระหว่างนั้นแปลกประหลาดถึงขีดสุด

ทว่าเยี่ยเว่ยหมิงกลับถือมีดสั้นตวัดขึ้นอย่างใจเย็น ปาดข้อมืออีกฝ่ายได้อย่างสบายๆ

โอวหยางเค่อใช่ว่าจะไม่เคยคิดเปลี่ยนท่าหลบ แต่ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับมีดสั้นของเยี่ยเว่ยหมิงก็ราวกับถูกคำสาปแช่งบางอย่าง การเคลื่อนไหวช้าลงในชั่วพริบตาเดียว จากเดิมทีที่หลบการโจมตีได้อย่างสบายๆ ตอนนี้ใช้พลังทั้งหมดก็ยังหลบไม่พ้น

พรึ่บ!

แสงสะท้อนคมมีดผ่านไป แสงเลือดแดงปรากฏตามมา ตัวเลขดาเมจที่น่าตกใจลอยขึ้นเหนือศีรษะโอวหยางเค่อ

-99998!

เส้นเอ็นขาด!

ดาเมจอันน่าสะพรึงที่สูงเกือบหนึ่งแสน!

ต้องทราบไว้ว่านี่ไม่ใช่การโจมตีจุสำคัญ แต่เป็นเพียงกระบวนท่าธรรมดาท่าหนึ่งจาก ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ เท่านั้น แต่เมื่อการโจมตีธรรมดาแบบนี้เกิดขึ้นบนตัวโอวหยางเค่อ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้เกิดดาเมจที่น่ากลัวขนาดนี้ได้!

ถึงในนี้จะมีโบนัสจาก ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ แต่ฟังดูเหลือเชื่อเกินไปหน่อยหรือเปล่า

ประสิทธิภาพของเอฟเฟ็กต์ ‘ฆ่าตามเนื้อเรื่อง’ ไม่น่าเชื่อว่าจะน่ากลัวขนาดนี้!

ดาเมจสิบเท่านี้ ไม่รู้ว่าคำนวณออกมาอย่างไรกันแน่

น่ากลัว!

พอได้เห็นฉากนี้ ก็ไม่ใช่แค่เยี่ยเว่ยหมิงที่ตกตะลึง แม้แต่อินปู้คุยกับเซียวเหยาถอนใจที่อยู่ข้างหลังเขาก็งงเป็นไก่ตาแตกแล้วเช่นกัน

ตอนที่โจมตีเหลียงจื่อเวิงเมื่อครู่นี้ แม้ตัวเลขดาเมจที่เยี่ยเว่ยหมิงโจมตีจะเหนือกว่าเขามาก แต่ถึงอย่างไรก็ยังอยู่ในขอบเขตที่รับได้ ครั้งนี้เป็นตัวเลขที่ทรงพลังจนไร้เหตุผลแล้ว

อิงตามดาเมจนี้ หากโจมตีต่อไปอีก เกรงว่าลงมีดไม่ถึงสี่ครั้ง โอวหยางเค่อคนนี้ก็คงถูกเยี่ยเว่ยหมิงฟันตายแล้วกระมัง

และการโจมตีสี่ครั้งที่ว่า ก็คำนวณจากเพียงดาเมจธรรมดาที่เกิดจากการโจมตีธรรมดาเท่านั้น

ถ้าในสี่ครั้งนี้มีหนึ่งครั้งที่เป็นการโจมตีคริติคอล…

พอนึกถึงตรงนี้ เพื่อนร่วมทีมอีกสองคนก็อดตัวสั่นเพราะความกลัวไม่ได้

เจ้าหมอนี่มีอะไรอยู่ในมือกันแน่ ถึงได้มีพลังโจมตีน่ากลัวขนาดนี้ กระบี่อิงฟ้าเหรอ

เพียงชั่วพบหน้ากันมือขวาก็พิการแล้ว ทว่าการโจมตีของโอวหยางเค่อกลับไม่หยุดอยู่แค่นี้ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอันตราย แต่ยามเผชิญหน้ากับเยี่ยเว่ยหมิงที่อาจย้อนกลับมาได้ตลอดเวลา ก็ได้แต่ใช้มือซ้ายโจมตีมาที่หน้าผากของเขาอีกครั้งเพื่อหยุดยั้งการไล่โจมตี พร้อมใช้สองเท้าแตะพื้นแล้วกระโจนร่างไปข้างหลัง

ทว่าราคาที่เขาต้องจ่ายก็คือ ส่งมือซ้ายที่ล้ำค่าไปให้มีดสังหารของเยี่ยเว่ยหมิงแล้วเช่นกัน

พอเยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้นก็ไม่เกรงใจเขาเลยแม้แต่น้อย เห็นขยับนิ้วมือทั้งห้าของมือขวาขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ เปลี่ยนเป็นกุมอาวุธเทพมีดสั้นกลับด้านทันที จากนั้นชูมีดสั้นขึ้น แต่กลับใช้ท่า ‘จิบสุรา’ ใน ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ คมมีดกวาดบนข้อมือขวาของโอวหยางเค่ออย่างแม่นยำ

-105555!

เส้นเอ็นขาด!

เพียงชั่วพบหน้ากันเท่านั้น โอวหยางเค่อที่เลเวลเจ็ดสิบห้าก็สองมือพิการหมดแล้ว

สิ่งเดียวที่ควรค่าแก่การยินดีก็คือ หลังจากจ่ายเป็นการสละสองมือกับค่าพลังชีวิตสองในสามส่วนแล้ว BOSS เลเวลเจ็ดสิบห้าคนนี้ก็หลุดออกจากขอบเขตการโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงสำเร็จ จากนั้นก็ใช้ท่าร่างให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในชั่วพริบตาเดียว วิ่งข้ามกำแพงบ้านและกระโดดลงบ่อน้ำโบราณของลานบ้านถัดไปแล้ว

พอพวกเยี่ยเว่ยหมิงที่ตามมาติดๆ เห็นฉากนี้ก็อดขมวดคิ้วพร้อมกันไม่ได้ พออินปู้คุยเห็นบ่อน้ำโบราณดำมืดก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จึงบอกว่า “สหายเยี่ย บ่อน้ำนี้เกรงว่าคงไม่ใช่บ่อน้ำธรรมดา อย่าบุ่มบ่ามเข้าไปจะดีกว่า”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกเจ้าสองคนช่วยข้าจับตาดูไว้ทางนี้ อย่าบุ่มบ่ามลงไปเด็ดขาด เกรงว่าจะเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด เฝ้าอยู่ข้างบนแบบนี้ดีแล้ว ถ้าเห็นเขาอยากจะขึ้นมา เซียวเหยาก็ใช้สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรตบลงไปเลย!”

พอพูดจบก็ลอยลงไปที่กำแพงบ้านด้านหลัง มาอยู่ข้างกาย NPC ทั้งสาม เขายื่นมือขวาแสดงความเป็นมิตรให้กัวจิ้งก่อน อีกฝ่ายเห็นแล้วคว้ามือเขาไว้ จากนั้นทั้งสองก็ออกแรงพร้อมกัน แล้วดึงกัวจิ้งขึ้นมาจากพื้นทันที

จากนั้นกัวจิ้งก็เข้าไปประคองหยางเถี่ยซิน ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็มาข้างกายมู่เนี่ยนฉือ จ้องนางแล้วถามเสียงเบาว่า “เจ้าถูกจี้ตรงจุดชวีฉือ[1]กับจุดเจียนจิ่ง[2] สองจุดเลือดลมนี้ใช่ไหม”

มู่เนี่ยนฉือขยับตัวไม่ได้ พอได้ยินก็กะพริบตาทันที บอกใบ้ว่าที่เขาพูดนั้นถูกต้องแล้ว

“จัดการลำบาก!” พอเห็นดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็อดกล่าวอย่างลำบากใจไม่ได้ว่า “ถ้าอยากจะคลายจุด ก็ต้องโจมตีตรงจุดตั้นจง แต่ตรงจุดนั้น…”

ขณะที่กำลังสองจิตสองใจ ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็ตัดสินใจบอกว่า “ดูท่าแล้วคงจะมีเพียงวิธีการนี้”

เขาชะงักไปครู่เดียว ก่อนจ้องดวงตางามทั้งคู่ของมู่เนี่ยนฉือ “แม่นางมู่ อีกประเดี๋ยวอาจจะเจ็บนิดหน่อย เจ้าทนเอาหน่อยนะ ทนนิดเดียวเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว”

พอพูดจบ เขาก็พลิกข้อมือ คีบลูกดีดเหล็กลูกหนึ่งไว้ตรงนี้นิ้ว

จากนั้นก็ควบคุมแรงดีดออกไปหนึ่งที ลูกดีดเหล็กหลุดออกจากมือ หลังจากกระทบกับจุดตั้นจง[3]กลางอกมู่เนี่ยนฉือแล้วก็ตกลงพื้น ไม่ได้ทำให้มู่เนี่ยนฉือบาดเจ็บจริงจัง

เมื่อถูกโจมตีครั้งนี้ มู่เนี่ยนฉือก็ร้องเสียงแหลมออกมาทันที ร่างกายกลับมาอิสระเหมือนเดิมแล้ว

คลายจุดสำเร็จแล้ว เป็นเรื่องน่ายินดี!

[1] จุดชฺวีฉือ 曲池 อยู่ตรงรอยบุ๋มของศอก

[2] จุดเจียนจิ่ง肩井 อยู่ตรงรอยบุ๋มเหนือไหล่

[3] จุดตั้นจง 膻中穴 อยู่ที่หน้าอกกึ่งกลางหัวนมทั้งสองข้าง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด