ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 568 วิชาโล่ควัน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 568 วิชาโล่ควัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 568 วิชาโล่ควัน

ขณะมองนินจาญี่ปุ่นตรงหน้าใช้วิชาตัวเบาบินบนหญ้าและเหยียบกิ่งไม้เข้ามาในสนามรบ ฉางซิงอวี่ก็อดหันไปมองเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ แล้วแขวะด้ววน้ำเสียงจนใจเล็กน้อย “เจ้านี่นะ อยู่ตรงหน้า BOSS คนสุดท้ายแล้วย้อนกลับมา ก็เพื่อจะตี BOSS ลับนี่น่ะหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “ไม่ผิดหรอก ดูจากเลเวลของ BOSS ลับคนนี้ จะต้องดรอปของดีแน่นอน เจ้าว่าไม่ใช่หรือ”

พอได้ยินคำตอบที่มั่นใจเพราะมีเหตุผลของเยี่ยเว่ยหมิง ฉางซิงอวี่ก็โกรธอยู่พักหนึ่ง “แต่การที่เจ้าทำอย่างนี้ ไม่สอดคล้องกับจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันเลย เจ้ารู้หรือเปล่า”

“จิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน?” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า “ข้าไม่มีอารมณ์มาถกเถียงเรื่องจิตวิญญาณการแข่งขันอันสูงส่งกับเจ้าหรอกนะ ไม่มีทางที่ BOSS คนนี้มายืนทำตาโตตาเล็กใส่พวกเราอย่างนี้ตลอด ข้าต้องการตีมอนสเตอร์ ตีเสร็จค่อยพูด”

ฉางซิงอวี่แม้จะจนใจ แต่เนื่องจากมีความเป็นมืออาชีพ เขาปลุกใจตัวเองให้ฮึกเหิมทันที เตรียมทั้งตัวทั้งใจเพื่อทุ่มเทให้กับการต่อสู้แล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่ายอยู่ในสายตา แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกจนปัญญานิดหน่อย

คำนวณพลาด!

ที่จริงแล้ว สาเหตุที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่อธิบายเรื่องนี้ล่วงหน้า ก็ไม่ใช่เพราะอยากเซอไพรส์เพื่อโอ้อวดอะไรหรอก

แต่เนื่องจากการมีอยู่ของ BOSS ลับเป็นเพียงการคาดเดาส่วนตัวของเขาเท่านั้น เขาไม่มั่นใจว่าตัวเองจะเดาถูกเต็มร้อย

หากไม่อธิบายสาเหตุต่างๆ แล้ว BOSS ลับไม่ปรากฏตัว เขาก็ยังใช้คำว่าปลุกขวัญกำลังใจมาเป็นข้ออ้างให้กับการยิงดอกไม้ไฟได้ แบบนั้นดีกว่าตบหน้าตัวเองไม่ใช่หรอกหรือ

แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ หลังจากเห็น BOSS ลับคนนี้ปรากฏตัว ไม่น่าเชื่อว่าฉางซิงอวี่จะตอบสนองรุนแรงขนาดนี้

ไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้ถึงขั้นคำนวณถูกทุกอย่าง เยี่ยเว่ยหมิงเองก็ย่อมไม่ใช่ข้อยกเว้น เขาลืมคิดถึงการยึดถือในจิตวิญญาณการแข่งขันของผู้เล่นอาชีพอย่างฉางซิงอวี่

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฉางซิงอวี่หลังจากเห็น BOSS ลับ เขาถึงได้เข้าใจว่าที่แท้ความหมายที่การประลองใหญ่หอหมอกพิรุณมีต่อฉางซิงอวี่นั้นแตกต่างจากพวกเขา!

สำหรับเยี่ยเว่ยหมิง สาเหตุที่ทำให้เขายอมสิ้นเปลืองพลังกายและพลังสมองไปช่วงชิงอันดับหนึ่ง ไม่มีสาเหตุอื่นใดนอกจากระบบให้รางวัลเยอะมาก มากเสียจนเขาต้องให้

สำหรับเยี่ยเว่ยหมิง สาเหตุที่ทำให้เขายอมสิ้นเปลืองพลังกายและพลังสมองไปช่วงชิงอันดับหนึ่ง ไม่มีสาเหตุอื่นใดนอกจากระบบให้รางวัลเยอะมาก มากเสียจนเขาต้องให้ความสำคัญ

เมื่อเทียบรางวัลกันจริงๆ อันดับที่เรียกว่าชนะเลิศนั้น สำหรับเขาเป็นสิ่งที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ ถึงขั้นเทียบกับฉายา ‘คนกระบี่’ ไม่ติดด้วยซ้ำ

อย่างไรเสีย แม้ฉายา ‘คนกระบี่’ จะฟังดูไม่ไพเราะ แต่ค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้นก็นับว่าไม่เลวเลย

แต่สำหรับฉางซิงอวี่ที่มีพื้นเพมาจากผู้เล่นอีสปอร์ตมืออาชีพ สิ่งที่มีคุณค่าในใจเขากลับไม่ใช่ชัยชนะหรือตัวรางวัลชนะเลิศ ถึงขั้นว่าถ้าเทียบกับรางวัลที่ระบบแจกให้ เขาสนใจความรู้สึกอิ่มเอมหลังจากได้รับชัยชนะและความรู้สึกเป็นเกียรติหลังจากได้อันดับหนึ่งมากกว่า!

เปรียบเทียบมุมมองที่มีต่อคุณค่าของทั้งสองว่าแตกต่างกันอย่างไร

ถ้ามีการประลองสนามหนึ่ง แล้วรางวัลชนะเลิศของการประลองเดี่ยวรอบสุดท้ายคือสุดยอดวิชา เช่นนั้นถ้ามีคนยินดีนำวิชาศักดิ์สิทธิ์มาแลก เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ถือสาที่จะจงใจแพ้เพื่อรับสินค้าจริงที่ช่วยยกระดับความสามารถของตนสักครั้ง แต่ฉางซิงอวี่กลับไม่ตอบตกลงเด็ดขาด

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการประลองครังนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็คือผู้เล่นคนหนึ่ง ส่วนฉางซิงอวี่ต่างหากที่เป็นผู้เล่นมืออาชีพ!

จุดเริ่มต้นทางผลประโยชน์ของทั้งสองไม่เหมือนกันตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว ดังนั้นมุมมองต่อสิ่งต่างๆ ย่อมแตกต่างกันโดยเนื้อแท้ ถึงขนาดว่าต่างฝ่ายต่างรู้สึกว่าความคิดของตัวเองสมเหตุสมผลแล้ว นี่ก็คือสาเหตุหลักที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้คำนึงถึงว่าเขาจะตอบสนองอย่างนี้

แต่ก็ยังดีที่สังเกตเห็นได้เร็ว ปัญหาจึงไม่ใหญ่โต

อย่างน้อยในการประลองใหญ่หอหมอกพิรุณครั้งนี้ แม้เป้าหมายสุดท้ายของพวกเขาแตกต่างกัน แต่ผลประโยชน์ระหว่างพวกเขากลับเหมือนกันโดยสมบูรณ์

แม้ในสายตาของฉางซิงอวี่ ตราบใดที่อยู่ในการแข่งขันปกติ การกระทำใดๆ ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินแพ้ชนะล้วนเป็นสิ่งที่เกินจำเป็น แต่ทำเรื่องที่เกินจำเป็นนิดหน่อยก็ไม่ขัดกับกฎของเขาเช่นกัน ดังนั้นที่เยี่ยเว่ยหมิงเสนอให้ตี BOSS ลับสักคนสองคน แม้จะไม่มีทางสร้างแรงจูงใจให้ฉางซิงอวี่ได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นทำให้เกิดความขัดแย้งภายในเช่นกัน

เพียงแต่เมื่อผ่านเรื่องราวครั้งนี้แล้ว ก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงค้นพบแล้วเช่นกันว่าเมื่อก่อนตนเองชินกับการพิจารณาถึงปัญหาโดยไม่รู้ข้อมูลครบถ้วน และเขาก็ค้นพบแนวทางการแก้ไขในภายหลังแล้วด้วย

คนเรามักจะเติบโตท่ามกลางความผิดพลาดต่างๆ

แต่จุดที่แตกต่างกันก็คือ คนฉลาดมักสังเกตเห็นปัญหาได้ทันเวลาโดยอาศัยการจับต้นชนปลายนิดหน่อย แล้วแก้ไขให้ถูกต้องก่อนที่จะสร้างผลที่กู้คืนไม่ได้ แต่คนส่วนใหญ่กลับต้องเจอความล้มเหลวอันใหญ่หลวงก่อน ถึงจะทำได้ถึงจุดนี้

ก็เหมือนกับครั้งนี้ เยี่ยเว่ยหมิงค้นพบปัญหาทันเวลา เช่นนั้นหากร่วมงานกับฉางซิงอวี่อีกในภายหลัง ก็ย่อมคำนึงถึงจุดยืนและความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วย บางภารกิจเหมาะที่จะร่วมมือกับเขา แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่เหมาะ บางครั้งต้องสื่อสารกันก่อนล่วงหน้า จะได้มีข้อมูลเตรียมไว้

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผลลัพธ์ที่เอาคืนไม่ได้เพราะความแตกต่างด้านค่านิยม หรือถึงขั้นทำให้สหายกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน

หลังจากจดจำข้อมูลบางอย่างไว้ในใจเงียบๆ แล้ว มื้อซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงก็งอนิ้วคำนวณ เปิดใช้งานเอฟเฟ็กต์ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’

จากนั้นมือขวาก็แทงกระบี่ออกมาหนึ่งที แทงตรงไปยังลำคอของอีกฝ่าย ใช้ท่า ‘ไฟฟ้าส่องนภา’ ของ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’

ท่า ‘ไฟฟ้าส่องนภา’ ที่จริงมีมาตั้งแต่ตอน ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ เป็นเคล็ดกระบี่ที่ไม่เข้าขั้นแล้ว ทั้งยังมีเอฟเฟ็กต์แสงที่ดีมาก แต่เอฟเฟ็กต์ที่มีแสงและเงาดีมากแบบนี้กลับไม่สอดคล้องกับความชอบส่วนตัวของเยี่ยเว่ยหมิง

หากเทียบกับ ‘ไซซีกุมดวงใจ’ ที่ฆ่าแบบเรียบง่าย เยี่ยเว่ยหมิงมักรู้สึกว่าท่านี้งดงามและโอ้อวดเกินไป จึงไม่ค่อยได้ใช้งานมัน ตอนหลังเขามีทักษะยุทธ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากยิ่งเรียนท่าไม้ตาย ท่าเด็ด ท่าลับมากขึ้น ก็ยิ่งมีโอกาสใช้เอฟเฟ็กต์นี้น้อยลง

แต่ดันเจี้ยนนี้เป็นการถ่ายทอดสด หลังจากผ่านไปแล้วจะต้องถูกบันทึกไว้ให้พวกผู้เล่นโหลดไว้ดูแน่นอน

สำหรับคนอื่นไม่เป็นอะไร แต่เมื่อเจอกับทีมของสำนักฉวนเจิน เขากลับมิอาจไม่ป้องกัน

ถ้าอีกฝ่ายสรุปจุดเด่นและสไตล์การต่อสู้ของเขาผ่านการดูวิดีโอการยึดดันเจี้ยนสนามนี้ แล้วพุ่งเป้าไปที่ตรงนั้นเมื่อประลองครั้งถัดไป แบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องดีแล้ว

ต้องทราบไว้ว่าการประลองครั้งนี้มีทั้งหมดสามวัน ในระหว่างนั้น ผู้เล่นของทั้งสองฝ่ายล้วนมีเวลามากมายเพื่อศึกษากลยุทธ์เอาชนะคู่ต่อสู้!

ดังนั้น การปิดบังและเสแสร้งที่เหมาะสมคือสิ่งที่จำเป็นต้องทำ

วิธีคิดของเยี่ยเว่ยหมิงดีมาก แต่ปฏิกิริยาของคู่ต่อสู้กลับเหนือความคาดหมายของเขา

เมื่อถูกกระตุ้นด้วยเอฟเฟ็กต์เย้ยหยันของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ไม่น่าเชื่อว่าซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึจะไม่โบกดาบซามูไรในมือปะทะกับเยี่ยเว่ยหมิงซึ่งๆ หน้าทันที แต่กลับขว้างดาวกระจายสี่แฉกออกมาหลายอันเพื่อโจมตีไปยังจุดสำคัญบนตัวเยี่ยเว่ยหมิง

มองไม่ออกเลยว่าเจ้าหมอนี่จะเป็นผู้เข้าแข่งขันที่มีความสามารถรอบตัว สู้ได้ทั้งระยะไกลและระยะประชิด

ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็หยุดการคำนวณที่ไม่มีความหมาย เขาสะบัดข้อมือ เปลี่ยนมาใช้กระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดง ขณะที่ปัดดาวกระจายร่วง เท้าก็ไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว ชั่วพริบตาเดียวเขาก็พุ่งไปถึงตรงหน้าอีกฝ่ายแล้ว ใช้ท่า ‘ไฟฟ้าส่องนภา’ โจมตีตรงไปยังหว่างคิ้วของอีกฝ่าย!

ซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึเห็นสถานการณ์ดังนั้นก็ไม่กล้าเมินเฉย ดาบในมือขวาบกวาดออกมาท่ามกลางเสียงหัวเราะประหลาด ฟันบนคมของกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงอย่างแม่นยำ

แกร๊ง! เมื่อเสียงชนที่ชัดเจนดังขึ้น เยี่ยเว่ยหมิงกับซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึก็ถอยหลังหนึ่งก้าวพร้อมกัน

ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงยิ่งมั่นใจในข้อสรุปของตัวเองก่อนหน้านี้

แต่ทันใดนั้นกลับเห็นเงาร่างสีแดงแวบเข้ามา เชิญร่ำสุราถือโอกาสตอนที่ทั้งสองว่างจากการต่อสู้โบกกระบี่โจมตีเข้าไป ชั่วพริบตาเดียวศึกตัดสินแบบตัวต่อตัวก็กลายเป็นคนกลุ่มหนึ่งสู้กับคนหนึ่งคน

เยี่ยเว่ยหมิงโบกกระบี่เข้าร่วมการต่อสู้อีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมแบ่งปันสิ่งที่ตัวเองสรุปได้ “BOSS คนนี้ชื่อซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึ เลเวลสูงกว่าข้าเกือบห้าสิบเลเวล ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ BOSS เลเวลแบบนี้ต้องใช้ความได้เปรียบของค่าสเตตัสมาควบคุมข้าแน่นอน แม้จะไม่ถึงขั้นสร้างดาเมจบดขยี้ง่ายๆ แต่ถ้าข้าอยากสู้ให้สูสีกับ BOSS เลเวลแบบนี้ก็เป็นเรื่องยากสุดๆ…

…ส่วนการโจมตีของซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึ ความแข็งแกร่งก็พอๆ กับข้าเท่านั้น แสดงว่าจุดแข็งของเขาไม่ได้อยู่ที่แรงและพลัง…

…นอกจากวิชาตัวเบาที่ยอดเยี่ยมตอนปรากฏตัว ยังมีวิธีการอื่นซ่อนอยู่อีกแน่นอน ทุกคนต้องระวังตัว”

“รับทราบ!”

“ไม่มีปัญหา!”

……

หลังจากประเมินซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึ พวกเพื่อนในทีมก็รู้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างระหว่างตัวเองและฝ่ายตรงข้าม พอนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เยี่ยเว่ยหมิงสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งแบบนี้ได้อย่างสูสี แม้แต่ปีศาจน้อยยุทธภพกับวั่งเหยียนที่ก่อนหน้านี้ไม่สนิทกับเขาก็ยังนับถือในความสามารถของเขาแล้ว艾琳小說

อย่างน้อยก็มีเรื่องหนึ่งที่พวกเขามั่นใจมาก

นั่นก็คือหากท้าสู้ตัวต่อตัว เยี่ยเว่ยหมิงเป็นยอดฝีมือเหนือยอดฝีมือแน่นอน!

ในเมื่อคำพูดนี้มาจากปากยอดฝีมือ แสดงว่าต้องไม่ผิดแน่!

ดังนั้นทุกคนจึงตอบรับอย่างไม่ลังเล และจดจำไว้ในใจแล้ว

ทว่าความเปลี่ยนแปลงที่เยี่ยเว่ยหมิงคาดการณ์ไว้กลับไม่เกิดขึ้น

วิชาดาบของซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึแม้จะรวดเร็วและดุร้าย แต่ในบรรดาคนที่อยู่ตรงนั้นก็ไม่มีใครเป็นมือใหม่ การสู้แบบเจ็ดต่อหนึ่งก็ยิ่งทำให้ BOSS เลเวลหนึ่งร้อยคนนี้หมดหนทาง ใช้เวลาไม่ถึงสามนาที แถบพลังชีวิตเหนือศีรษะเขาก็ถูกพวกผู้เล่นพรากไปแล้วประมาณหนึ่งในสามส่วน

ตอนที่ทุกคนกำลังคิดว่า BOSS คนนี้มีความสามารถแค่นี้และทอดถอนใจที่ยอดฝีมืออย่างเยี่ยเว่ยหมิงก็ตัดสินผิดพลาดได้เหมือนกัน จู่ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น!

ซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึที่ถูกคนกลุ่มนี้โจมตีอย่างต่อเนื่อง จู่ๆ ก็โบกมือขึ้นมา วาดลูกบอลกลมสีดำขนาดเท่ามอลทีเซอร์ช็อกโกแลตสามลูก

หลังจากลูกบอลสามลูกนี้หลุดออกจากมือ กลับไม่ยิงไปที่ตัวใครคนใดคนหนึ่ง แต่ขว้างไปบนพื้นที่ว่างสามจุดรอบๆ ตัวพวกเขา

เมื่อเห็น BOSS เปลี่ยนกลยุทธ์กะทันหัน กลุ่มผู้เล่นที่เดิมทียังล้อมโจมตีอย่างสนุกสนานก็ตกใจทันที เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าเขาโยนอะไรออกมา พวกเขาพากันถอยหลัง จะได้ไม่ถูกลอบทำร้ายด้วยของประเภทระเบิดควันพิษอะไรทำนองนั้น

ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!

หลังจากระเบิดสามลูกตกบนพื้น ก็มีควันลอยขึ้นมาสี่กลุ่มทันที นอกจากสามจุดที่ลูกบอลสีดำตก ยังมีจุดที่ซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึยืนอยู่ด้วย ตรงนั้นก็มีควันลอยขึ้นมาเช่นเดียวกัน

เมื่อโหยวโหยวเห็นสถานการณ์ดังนั้น ขณะที่นางถอนหลัง ก็ยังไม่ลืมชูปืนไฟที่ชื่อนางแอ่นเหินอินทรีคู่ของนางขึ้นมา จากนั้นรัวยิงไปตรงจุดที่ซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึยืนอยู่ก่อนหน้านี้

แต่ผลก็คือ…

ยิงไม่ถูกสักนัด!

เมื่อเห็นฉากนี้ เชิญร่ำสุราก็เป็นคนแรกที่เข้าใจ เขาบอกทันทีว่า “มันคือระเบิดควัน! ของประเภทนี้ไม่ได้สร้างพลังทำลายล้างที่แท้จริงเลย ทุกคนไม่ต้องกังวล”

ทว่าตอนที่เขาเพิ่งพูดจบ ร่างของซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึก็พุ่งออกจากควันทางด้านซ้ายแล้ว แสงสะท้อนคมดาบวับวาบ กวาดฟันเข้ามาใต้ชายโครงซ้ายของปีศาจน้อยยุทธภพตอนที่ไม่ทันระวังตัว

วิชาดาบนางแอ่นคืนรัง!

-11134!

เพียงแต่การโจมตีนี้ ทำให้เขาเสียพลังชีวิตไปแล้วเกือบครึ่งหนึ่ง!

ทว่าการที่ปีศาจน้อยยุทธภพมีทักษะโดดเด่นกว่าผู้อื่นในการประลองยุทธ์เจ็ดสังกัดได้ ก็ย่อมไม่ใช่คนที่รับมือง่ายๆ อยู่แล้ว ปฏิกิริยาแรกหลังจากเขาถูกโจมตี ทำให้แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วยังรู้สึกเหมือนมีแสงสว่างวาบตรงหน้า

ตอนที่คมดาบของซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึกวาดผ่านชายโครงของเขา เขาก็แทบจะบิดตัวพร้อมปล่อยหมัดออกมาโดยสัญชาตญาณ ชกถูกตรงจุดระหว่างท้องและหน้าอกของ BOSS แล้ว

หมัดเจ็ดทำร้าย!

พรึ่บ!

-16436!

หมัดนี้ตรงไปตรงมา ตรงใส่ BOSS เลเวลหนึ่งร้อยคนนี้กระเด็นถอยหลังไป

การโจมตีนี้ ในสายตาคนทั่วไปอย่างมากก็มองว่าปีศาจน้อยยุทธภพไหวตัวเร็วมากและปล่อยหมัดได้อย่างไม่ลังเล

แต่ในสายตาของเยี่ยเว่ยหมิง กลับค้นพบจุดหนึ่งที่คนอื่นไม่สังเกตเห็น

ชั่วพริบตาที่ดาบซามูไรของซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึแทงเข้าร่างกายปีศาจน้อยยุทธภพ เวลาก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัดเจน

เวลาที่ช้าลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติหลังจากดาบแทงเข้าร่างกายแน่นอน เพราะเอฟเฟกต์เชื่องช้าชัดเจนกว่าสถานการณ์ปกติเยอะมาก

นี่คือคนผีร่วมวิถี!

การโต้ตอบของปีศาจน้อยยุทธภพหลังจากบาดเจ็บ มองเผินๆ เหมือนเป็นหมัดทั่วไป แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นวิธีการโจมตีที่แฝงสองสุดยอดทักษะอย่าง ‘คนผีร่วมวิถี’ และ ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ ของสำนักคงต้งเอาไว้พร้อมกัน

ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าได้เปิดหูเปิดตาครั้งใหญ่ ในใจแอบจดจำไว้แล้ว

ที่แท้ท่านี้ก็ใช้แบบนี้ได้เหมือนกัน!

แน่นอน การจดจำวิธีการของปีศาจน้อยยุทธภพกลับไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานหลักของเยี่ยเว่ยหมิง เขาเห็นว่าบนร่างกายที่ลอยอยู่กลางอากาศครึ่งหนึ่งของซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึมีควันกลุ่มใหญ่ลอยออกมา ขณะเดียวกัน สามจุดบนพื้นก็มีควันลอยออกมาเช่นเดียวกัน

เยี่ยเว่ยหมิงดีดลูกดีดเหล็กลูกหนึ่งเข้าไปในกลุ่มควัน

-44130

เยี่ยเว่ยหมิงโจมตีถูกเป้าหมายสำเร็จ แต่ตอนที่ควันสลายหายไป ร่างของซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึกลับหายไปเฉยๆ เช่นกัน

ตอนที่ทุกคนย้ายสายตาไปยังควันกลุ่มอื่น เตรียมจะหาร่างของอีกฝ่ายให้เจอ กลับมีควันโผล่ขึ้นมาอีกสามจุด ทำให้สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนเป็นวุ่นวายทันที

ตอนที่ควันเก่ายังไม่สลายไป ควันใหม่ก็เกิดขึ้น ร่างของซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึกลับกระโดดอยู่ท่ามกลางกลุ่มควัน ดาบซามูไรในมือส่งเสียงก้องแสบแก้วหู ฟันเฉียงลงมาที่ศีรษะของปีศาจน้อยยุทธภพที่ก่อนหน้านี้เคยถูกเขาฟันจนพลังชีวิตหายไปครึ่งหนึ่งแล้วไอรีนโนเวล

ผ่าจันทรา!

ท่าทาง BOSS คนนี้จะรู้จักหลักการ ‘ทำลายสิบนิ้วไม่ได้ก็ไม่สู้หักหนึ่งนิ้วทิ้งก่อน’ อย่างลึกซึ้ง เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะฉวยโอกาสตอนปีศาจน้อยยุทธภพค่าพลังชีวิตไม่เต็มกำจัดคู่ต่อสู้แฝงคนนี้

แต่ตั้งแต่ปีศาจน้อยยุทธภพได้รับบาดเจ็บหนักก่อนหน้านี้ เขาก็กลายเป็นเป้าหมายสำคัญที่เยี่ยเว่ยหมิงจับตาดูแล้ว เมื่อเห็นปีศาจน้อยยุทธภพกำลังเผชิญหน้ากับดาบที่ไร้ทางหลบ ทำได้เพียงแข็งใจโบกหมัดรับ เยี่ยเว่ยหมิงก็พุ่งนำออกมาจากด้านข้างก่อนแล้ว ใช้ ‘ท่าปลุกปั่นกระบี่’ ปัดบนคมดาบของอีกฝ่าย ต้านการโจมตีที่อันตรายถึงชีวิตให้ปีศาจน้อยยุทธภพ

ซึ่งครั้งนี้ ซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึไม่ได้อาศัยโล่ควันหลบทันที แต่เก็บดาบซามูไรในมือเข้าฝักแล้วชักออกมาพร้อมแสงสีขาว ฟันไปทางคอของเยี่ยเว่ยหมิง

ชักดาบแบบอิไอโด!

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วคุ้มครองปีศาจน้อยยุทธภพให้ถอยหลังทันที พร้อมทั้งใช้มังกรร่อนล่อหงส์ขึ้นมาบังการโจมตีของอีกฝ่ายอย่างพลิ้วไหว

ขณะเดียวกันนี้เอง เงาร่างสีแดงก็แวบผ่านข้างหลังซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึ

-19687!

เป็น ‘เคล็ดกระบี่พิชิตมาร’ ของเชิญร่ำสุรา!

เมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง ซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึที่กลายร่างเป็นควันอีกครั้งก็เริ่มย้ายเงา

เมื่อเห็นฉากนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็เตือนทันทีว่า “มีแต่ตอนได้รับบาดเจ็บเท่านั้น เจ้าหมอนี่ถึงจะใช้โล่ควัน ทุกคนระวังไว้หน่อย”

ทว่ายังไม่ทันรอให้เยี่ยเว่ยหมิงพูดจบ บนฟ้าก็พลันมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จากนั้นทุกคนก็เห็นตัวเลขพลังชีวิตลดลอยขึ้นท่ามกลางกลุ่มควันอย่างต่อเนื่อง

-2626!

-1267

-1312

-1124

……

ที่แท้ตอนนี้โหยวโหยวก็ขี่อินทรีแล้ว มิหนำซ้ำยังไม่รอให้ซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึปรากฏตัว นางก็ล็อกตำแหน่งของอีกฝ่ายสำเร็จก่อนคนอื่น จากนั้นโจมตีอย่างแม่นยำต่อเนื่องหลายครั้ง

จะว่าไปแล้ว น้องสาวที่ในชีวิตจริงมีประสบการณ์ทำศึกนอกเมืองคนนี้ อย่าบอกนะว่าค้นพบกฏการเคลื่อนไหวในวิชาโล่ควันของซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึแล้ว?

มีพรสวรรค์!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด