ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 237 หยวนเจินก็ยังเป็นหยวนเจิน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 237 หยวนเจินก็ยังเป็นหยวนเจิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 237 หยวนเจินก็ยังเป็นหยวนเจิน

พอจบบทสนทนาในช่องทีมแล้ว สายตาของทุกคนก็มองไปบนไอเทมอย่างอื่นที่ดรอปจากอาซานอีก เยี่ยเว่ยหมิงแทบจะไม่ลังเลใดๆ เก็บ ‘ขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูก’ ขวดนั้นเข้าในสัมภาระทันที “ของที่เหลือพวกเจ้าแบ่งกันเถอะ ข้าต้องการแค่ยาขวดนี้”

เมื่อเห็น ‘ขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูก’ ถูกเยี่ยเว่ยหมิงหยิบไป ฉางซิงอวี่ก็รู้สึกลังเลและผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก่อนหน้านี้ตกลงกันไว้แล้ว เขาจึงไม่ได้พูดมาก ถึงขั้นไม่ได้แสดงความผิดหวังที่อยู่ในใจออกมาด้วย เขาเตะบนศพของเฉียนเอ้อไป้ที่อยู่ข้างๆ แทน

ด้วยการนำของฉางซิงอวี่ ทุกคนจึงคลำศพของแปดพี่น้องคนละท้องรอบหนึ่ง ได้อุปกรณ์ทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ไปนิดหน่อย

ส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในจำนวนนั้นก็ยังเป็นตำราลับทักษะยุทธ์แปดเล่ม

[ธนูเทพทุ่งหญ้า (ระดับกลาง)]

ตำราลับทักษะธนูที่วีรบุรุษทุ่งหญ้าเจ๋อเปี๋ยทิ้งไว้ เป็นเพียงหนึ่งในแปดส่วนของตำราลับฉบับสมบูรณ์ เงื่อนไขการฝึก:…

นักธนูทุกคนดรอปตำราลับแบบนี้คนละหนึ่งเล่ม หลังจากรวบรวมตำราลับทั้งหมดแล้ว ก็รวมทั้งหมดให้เป็นตำราลับวิชาธนูระดับสูงหนึ่งเล่ม

[ธนูเทพเจ๋อเปี๋ย (ระดับสูง)]

ตำราลับทักษะธนูที่วีรบุรุษทุ่งหญ้าเจ๋อเปี๋ยทิ้งไว้

เงื่อนไขการฝึก:

พละกำลัง 200

ความว่องไว 100

……

ตำราลับเล่มนี้เป็นของดีจริงๆ ดูจากทักษะที่แปดคนนั้นแสดงออกมาก็รู้แล้ว มีประสิทธิภาพน่าทึ่งแน่นอน ทั้งยังไม่จำกัดเงื่อนไขค่าสเตตัสพื้นฐานอย่างค่าสติปัญญากับค่าตระหนักรู้ด้วย

แต่ติดที่ผู้เล่นที่ฝึกทักษะธนูมีไม่เยอะ ดังนั้นราคาจึงไม่สูงมาก สุดท้ายฉางซิงอวี่ก็ใช้เงินหนึ่งพันเหรียญทองประมูลซื้อไปแล้ว

ส่วนของอย่างอื่น ทุกคนก็มีความจำเป็นต้องใช้แตกต่างกันไป ส่วนของที่ทุกคนไม่ต้องการ เยี่ยเว่ยหมิงก็เสนอให้มอบให้ฉางซิงอวี่นำไปขาย จากนั้นทุกคนก็มานั่งแบ่งเงินกัน

หลังจากได้ยินคำแนะนำนี้ ฉางซิงอวี่ก็เพียงมองเยี่ยเว่ยหมิงแวบหนึ่งด้วยสายตาล้ำลึก แล้วก็ตอบรับไปตามสถานการณ์

เขารู้สึกว่าเยี่ยเว่ยหมิงคนนี้รู้แน่นอนว่าระหว่างเขากับชีชียังไปมาหาสู่กันเรื่องธุรกิจ!

หลังจากแบ่งของเสร็จ เยี่ยเว่ยหมิงก็นำโลงไม้หวงฮว่าใบหนึ่งมาบรรจุศพของอาซาน จากนั้นก็ใช้เสื่อห่อศพแปดพี่น้องฝาแฝดต่างบิดามารดา เก็บตำราลับตระหนักรู้กองใหญ่ รอกลับไปก่อนแล้วค่อยหาที่เงียบๆ ดู

สาเหตุที่ครั้งนี้ใช้สินค้าระดับต่ำมาเก็บศพอาซาน ไม่ใช่เพราะเยี่ยเว่ยหมิงตระหนี่ แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้เตรียมไว้ไม่เพียงพอ

ก่อนออกเดินทาง เยี่ยเว่ยหมิงซื้อโลงไม้หนานมู่ไว้เพียงสองใบ ในจำนวนนั้นใบหนึ่งใช้บรรจุศพฟ่านเหยาไปแล้ว ส่วนอีกใบเตรียมไว้ใช้กับหยวนเจิน

คนที่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าไม่ใช่บุคคลผู้ยิ่งใหญ่อะไรอย่างอาซาน ทำได้เพียงลดระดับการปฏิบัติกับเขา

อย่างไรเสีย เหล็กที่ดีก็ต้องเอาไว้ใช้กับคมดาบ

ส่วนนักธนูแปดคนนั้น เดิมทีพวกเขาก็เป็นสินค้าระดับต่ำอยู่แล้ว…

ทุกคนต่างใช้ท่าร่างของตัวเองวิ่งไปทางวัดร้างโหย่วเจียนด้วยอารมณ์ชื่นมื่น

ไม่วิ่งไม่ได้หรอก

อย่างไรเสีย ภารกิจสังหารหยวนเจินก็มีเวลาจำกัดเช่นกัน

ส่วนกล่องเหล็กที่ใส่จดหมายภารกิจ ก็ย่อมต้องให้ผู้ที่มีความสามารถสูงสุดอย่างเยี่ยเว่ยหมิงดูแลรักษาไว้

พวกเขาไม่กังวลว่าจะถูก BOSS จู่โจมอีก ถึงอย่างไรก็เป็นแค่ภารกิจระดับหกดาว มีอาซานบวกกับแปดพี่น้องฝาแฝดโผล่มาก็ถือว่าทำเกินไปแล้ว พวกเขาไม่คิดว่าจะมีศัตรูแบบนี้โผล่มาอีกเป็นครั้งที่สอง

ถ้ามีอีก เช่นนั้นก็แสดงว่าประเมินภารกิจระดับหกดาวต่ำไปแล้ว

แต่ละคนในทีมใช้วิชาตัวเบาแตกต่างกัน เวลาวิ่งขึ้นมาก็งดงามอัศจรรย์แตกต่างกันไป ส่วนรายละเอียดว่างดงามอย่างไร ก็ไม่ต้องเปลืองตัวอักษรบรรยายแล้ว ทุกคนรู้เพียงว่าเยี่ยเว่ยหมิงวิ่งได้เร็วที่สุดก็พอ

พวกเขาไม่พูดไม่จาตลอดทาง ผ่านตลาดเข้าเมืองไปโดยตรง ในที่สุดก็มาถึงวัดร้างโหย่วเจียน ที่อยู่ของหลวงจีนหยวนเจินแล้ว

นอกประตูวัด ถังซานไฉ่เหมือนปรับอารมณ์ตัวเองเรียบร้อยแล้ว เข้ามาทักทายเพื่อนในทีมก่อนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

หลังจากทักทายกันไปสองสามคำ เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งตำราลับ ‘ดรรชนีวชิระทรงพลัง’ ให้ถังซานไฉ่ ส่วนอีกฝ่ายก็ใช้กำปั้นทุบบนบ่าเขาแรงๆ หนึ่งที แล้วบอกว่า “ภารกิจของข้าล้มเหลวแล้ว แต่พวกเจ้าน่าจะยังรับรางวัลภารกิจได้อยู่ อีกประเดี๋ยวถ้ามีการต่อสู้กัน ข้าจะให้พวกเจ้าได้เปิดหูเปิดตาสักหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่าแมลงสาบน้อยฆ่าไม่ตาย!”

ทุกคนได้ยินแล้วนึกว่าเขาแค่ปลอบใจตัวเองเท่านั้น ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็เดินนำเข้าไปในวัดร้างโหย่วเจียน

หยวนเจินก็ยังก็ยังเป็นหยวนเจินคนเดิม

ศีรษะล้านกลมๆ ดูแล้วเหมือนเป็นคนดีจริงๆ

พอเห็นพวกเขา หยวนเจินก็ประนมมือและทักทายด้วยรอยยิ้มมีเมตตา “อามิตาภพุทธ!ขอบคุณจอมยุทธ์น้อยทุกท่านที่ลงมือทวงความยุติธรรม กำจัดมือสังหารชั่วร้ายที่มีเจตนาไม่ดีแทนอาตมา ให้อาตมาขอบคุณจอมยุทธ์น้อยทุกท่านแทนสหายร่วมเส้นทางนับไม่ถ้วนแห่งยุทธภพภาคกลางเป็นอย่างไร”

สำหรับคำสรรเสริญเยินยอของหยวนเจิน ทุกคนแสยะยิ้มในใจพร้อมกัน

เจ้ากลายเป็นตัวแทนของ ‘สหายร่วมเส้นทางยุทธภพ’ เหล่านั้นแล้ว เจ้าเคยถามความเห็นของพวกเขาหรือยังเถอะ

เยี่ยเว่ยหมิงแขวะในใจ แต่ภายนอกกลับแสร้งทำตัวสบายๆ ต่อไป กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “เป็นสิ่งที่พวกเราสมควรทำอยู่แล้ว ก็เหมือนกับที่พวกเราทำภารกิจสำเร็จ แล้วท่านก็ควรมอบรางวัลภารกิจให้พวกเรา”

“นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว” หยวนเจินยิ้มบางๆ แล้วถามอย่างใจเย็น “จอมยุทธ์น้อยทุกท่าน อยากได้เคล็ดวิชาอะไรกันบ้าง”

ปากก็เรียกว่าจอมยุทธ์น้อยทุกท่าน แต่เขากลับจ้องเยี่ยเว่ยหมิงไม่ละสายตา เห็นได้ชัดว่าอยากให้เยี่ยเว่ยหมิงรับรางวัลภารกิจก่อน

เมื่อได้ยินคำถาม เยี่ยเว่ยหมิงก็กวาดตามองคอลัมน์สกิลของตัวเอง แล้วบอกว่า “แม้บนตัวข้าจะมีวิชามากมาย แต่ระดับต่ำกว่าเจ็ดทั้งนั้น เหมือนจะเหลือเพียงตัวเลือกเดียว”

เยี่ยเว่ยหมิงเงียบไปครู่เดียว แล้วบอกว่า “ข้าต้องการอัปเลเวลไท้ซัวเป็นไฉน”

หยวนเจินได้ยินแล้วยิ้มมากกว่าเดิม “ข้าไม่รู้วิชานี้”

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มค้าง “ไต้ซือหยวนเจิน ท่านไม่ได้จะเบี้ยวรางวัลภารกิจข้าหรอกใช่ไหม”

“จอมยุทธ์น้อยเข้าใจผิดแล้ว” หยวนเจินส่ายหน้าอธิบายอย่างใจเย็นมาก “ที่จริงทักษะยุทธ์ในใต้หล้าเส้นทางแตกต่างแต่เป้าหมายเดียวกัน แม้กระบวนท่าแตกต่าง แต่กลับเข้าใจกฎเกณฑ์วิทยายุทธ์ที่แฝงอยู่ในนั้น ดังนั้นมีทักษะยุทธ์มากมายที่แม้อาตมาจะใช้ไม่เป็น แต่ก็ยังพอชี้แนะให้จอมยุทธ์น้อยได้บ้าง…

…แต่ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ นั่นกลับเป็นเคล็ดวิชาพิเศษที่สืบทอดเฉพาะสำนักไท่ซาน แตกต่างกับวิถีของวิทยายุทธ์มาก จัดเป็นหนึ่งในทักษะยุทธ์ไม่กี่อย่างที่อาตมาชี้แนะไม่ได้”

ถ้าแปลเป็นภาษาที่ให้เข้าใจง่ายก็คือ ‘เคล็ดวิชา’ ที่อยู่ในรายการรางวัลภารกิจนี้ไม่นับรวม ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’

รู้ว่านี่เป็นข้อจำกัดจากกติการะบบ เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่พัวพันกับคำถามนี้ เปลี่ยนเป็นวิชาอื่นทันที “เช่นนั้นเปลี่ยนเป็น ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ก็แล้วกัน”

หยวนเจินกลับส่ายหน้าอีกครั้ง “เลเวล ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ของจอมยุทธ์น้อยสูงเกินไป ไม่สอดคล้องกับกติกา ถึงอย่างไรรางวัลภารกิจก็เป็นเพียงเคล็ดวิชาที่เลเวลต่ำกว่าเจ็ดเท่านั้น ในจำนวนนั้นไม่รวมเคล็ดวิชาที่เลเวลเจ็ด”

เยี่ยเว่ยหมิงขมวดคิ้ว ตอนที่กำลังจะโวยวาย เขาก็คาดเดาแผนการของอีกฝ่ายได้ทันที จึงส่งข้อความในช่องทีมว่า [มารดามันเถอะ!หยวนเจินคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ]

เพื่อนร่วมทีมไม่เข้าใจ เยี่ยเว่ยหมิงอธิบายต่อ “ข้าเดาว่าเป็นเพราะเขาอยู่ในฐานะ NPC ระดับสูงที่คอยแจกรางวัล จึงมองเห็นเลเวลทักษะของพวกเราทุกคนได้ ต่อให้เขาไม่รู้ละเอียดว่าพวกเราฝึกวิทยายุทธ์อะไร แต่ต้องมองออกแน่นอนว่าบนตัวพวกเราไม่มีเคล็ดวิชาที่สอดคล้องกับเงื่อนไขการฝึก”

เขาชะงักนิดหน่อย แล้วกล่าวเสริมว่า [ในฐานะที่เป็นเป้าหมายโจมตีสังหารของภารกิจที่ฟ่านเหยาแจก เขาก็น่าจะรู้เช่นกันว่าอีกประเดี๋ยวพวกเราก็จะลงดาบกับเขา ก็เหมือนกับฟ่านเหยาพี่รู้ตั้งแต่แรกว่าพวกเราต้องการสังหารเขา]

ทุกคนได้ยินแล้วพยักหน้า แต่ก็ไม่เข้าใจว่าสองรื่องนี้เกี่ยวกับสิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงคุยกับพวกเขาอย่างไร

ยังดีที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้คิดจะอุบไว้ บอกตรงๆ เลยว่า [เขารู้อยู่แก่ใจว่าบนตัวข้าไม่มีเคล็ดวิชาที่สอดคล้องกับเงื่อนไขการฝึก ถึงได้จงใจถามข้าก่อนว่าข้าอยากเพิ่มเลเวลของเคล็ดวิชาไหน เป้าหมายที่แท้จริงของเขาก็คือ อยากให้ค่าใช้วิธีการนี้ยั่วโมโหเขา ทำให้พวกเราเริ่มภารกิจ ‘โจมตีเฉิงคุน’ ล่วงหน้า…

…เพราะถ้าข้าอดทนไม่ไหวแล้วพูดจาร้ายๆ กับเขา เขาก็จะถือโอกาสกระตุ้นให้ความขัดแย้งพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งได้…

…และถ้าการต่อสู้เริ่มขึ้นเมื่อไร ฐานะของเขาก็จะเปลี่ยนจาก NPC ผู้แจกภารกิจไปเป็น BOSS ที่พวกเราต้องต่อสู้ด้วย…

…ส่วนรางวัลภารกิจที่ต้องได้ก่อนหน้านี้ ก็จะถูกระบบตัดสินว่าพวกเราเป็นฝ่ายเลือกไม่รับเอง พอเป็นเช่นนี้ เขาก็จะยกเลิกรางวัลภารกิจทั้งหมดของพวกเราได้อย่างชอบธรรมแล้ว!]

[ต่ำช้าได้ขนาดนี้เชียวหรือ] สะพานสวรรค์น้อยถลึงดวงตาคู่สวยของนาง ถามอย่างเหลือเชื่อนิดหน่อยว่า [เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร]

ตอนนี้กลับเห็นเยี่ยเว่ยหมิงถอยหลังก้าวหนึ่งพร้อมส่งข้อความในช่องทีม [พวกเจ้ารับรางวัลไปก่อน รอให้พวกเรารับรางวัลเรียบร้อยแล้ว ค่อยเจรจากับเขาอีกทีก็ได้]

[อ้อ ใช่ รางวัลของภารกิจนี้ก็คือจะเพิ่มเลเวลของทักษะยุทธ์ใดก็ได้ที่เลเวลต่ำกว่าเจ็ด เพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล ดังนั้นเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่มีแต้มค่าตบะมากพอ ทางที่ดีพวกเจ้าเพิ่มทักษะยุทธ์ให้ถึงเลเวลหกก่อน ทำให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด]

[คิดจะฮุบรางวัลภารกิจของพวกเราหรือ ฝันไปเถอะ!]

เยี่ยเว่ยหมิงถอยหลังหนึ่งก้าว หาจุดที่เหมาะสมที่สุดให้สหายร่วมทีมของตัวเองยืนเจรจา แล้วก็ยังไม่ลืมถลึงตาจ้องหลวงจีนน่ารังเกียจคนนี้อย่างดุร้าย

หยวนเจินก็ยังคงเป็นหยวนเจินคนเดิม ศีรษะล้านกลม หน้าตาไม่เหมือนคนดี!

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงหาเคล็ดวิชาที่เหมาะสมสำหรับเพิ่มเลเวลไม่เจอ ไม่น่าเชื่อว่าจะถอยไปด้านข้าง แล้วให้คนอื่นเลือกรางวัลภารกิจก่อน หยวนเจินเองก็แค้นจนกัดฟันกรอดแล้วเช่นกัน

ถ้ามีทางเลือก เขาย่อมไม่อยากช่วยพวกผู้เล่นที่กำลังจะแปรพักตร์ลงมือสังหารเขาเพิ่มเลเวลทักษะยุทธ์อยู่แล้ว แบบนั้นจะทำให้อีกฝ่ายมีความมั่นใจมากขึ้นตอนสังหารเขา

แต่ช่วยไม่ได้ เพราะกติกาที่ระบบกำหนดไว้ สำหรับ NPC อย่างพวกเขา กลับเป็นกฎเหล็กที่ไม่อาจแตะต้องได้

อย่าว่าแต่หยวนเจิน ต่อให้เป็นบอสใหญ่เลเวลสองร้อย ก็ต้องเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่ระบบกำหนดให้อยู่ดี

แต่สำหรับผู้เล่นที่ทำภารกิจและรับรางวัลแล้ว นี่ก็คือหนึ่งในกฎเหล็กพื้นฐานไม่กี่ข้อของระบบเท่านั้น หยวนเจินแม้จะไม่เต็มใจ แต่ภายใต้การควบของคุมระบบ เขาก็ยังต้องให้รางวัลภารกิจคนพวกนี้ตามสัญญา

จากนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ถอยไปด้านข้างทันที เรียกโลงไม้หนานมู่ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อหยวนเจินออกมา แล้วก็หย่อนก้นนั่งลงบนนั้น นำ ‘ถอดรหัสดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เล่มหนึ่งขึ้นมาเริ่มอ่านอย่างได้อรรถรส

Ink Stone_Fantasy
ข้อความถึงนักอ่าน
Ink Stone_Fantasy
ทางทีมงานได้แก้ไขเนื้อหาตอนที่ซ้ำกันใหม่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วยครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 237 หยวนเจินก็ยังเป็นหยวนเจิน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 237 หยวนเจินก็ยังเป็นหยวนเจิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 237 หยวนเจินก็ยังเป็นหยวนเจิน

พอจบบทสนทนาในช่องทีมแล้ว สายตาของทุกคนก็มองไปบนไอเทมอย่างอื่นที่ดรอปจากอาซานอีก เยี่ยเว่ยหมิงแทบจะไม่ลังเลใดๆ เก็บ ‘ขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูก’ ขวดนั้นเข้าในสัมภาระทันที “ของที่เหลือพวกเจ้าแบ่งกันเถอะ ข้าต้องการแค่ยาขวดนี้”

เมื่อเห็น ‘ขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูก’ ถูกเยี่ยเว่ยหมิงหยิบไป ฉางซิงอวี่ก็รู้สึกลังเลและผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก่อนหน้านี้ตกลงกันไว้แล้ว เขาจึงไม่ได้พูดมาก ถึงขั้นไม่ได้แสดงความผิดหวังที่อยู่ในใจออกมาด้วย เขาเตะบนศพของเฉียนเอ้อไป้ที่อยู่ข้างๆ แทน

ด้วยการนำของฉางซิงอวี่ ทุกคนจึงคลำศพของแปดพี่น้องคนละท้องรอบหนึ่ง ได้อุปกรณ์ทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ไปนิดหน่อย

ส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในจำนวนนั้นก็ยังเป็นตำราลับทักษะยุทธ์แปดเล่ม

[ธนูเทพทุ่งหญ้า (ระดับกลาง)]

ตำราลับทักษะธนูที่วีรบุรุษทุ่งหญ้าเจ๋อเปี๋ยทิ้งไว้ เป็นเพียงหนึ่งในแปดส่วนของตำราลับฉบับสมบูรณ์ เงื่อนไขการฝึก:…

นักธนูทุกคนดรอปตำราลับแบบนี้คนละหนึ่งเล่ม หลังจากรวบรวมตำราลับทั้งหมดแล้ว ก็รวมทั้งหมดให้เป็นตำราลับวิชาธนูระดับสูงหนึ่งเล่ม

[ธนูเทพเจ๋อเปี๋ย (ระดับสูง)]

ตำราลับทักษะธนูที่วีรบุรุษทุ่งหญ้าเจ๋อเปี๋ยทิ้งไว้

เงื่อนไขการฝึก:

พละกำลัง 200

ความว่องไว 100

……

ตำราลับเล่มนี้เป็นของดีจริงๆ ดูจากทักษะที่แปดคนนั้นแสดงออกมาก็รู้แล้ว มีประสิทธิภาพน่าทึ่งแน่นอน ทั้งยังไม่จำกัดเงื่อนไขค่าสเตตัสพื้นฐานอย่างค่าสติปัญญากับค่าตระหนักรู้ด้วย

แต่ติดที่ผู้เล่นที่ฝึกทักษะธนูมีไม่เยอะ ดังนั้นราคาจึงไม่สูงมาก สุดท้ายฉางซิงอวี่ก็ใช้เงินหนึ่งพันเหรียญทองประมูลซื้อไปแล้ว

ส่วนของอย่างอื่น ทุกคนก็มีความจำเป็นต้องใช้แตกต่างกันไป ส่วนของที่ทุกคนไม่ต้องการ เยี่ยเว่ยหมิงก็เสนอให้มอบให้ฉางซิงอวี่นำไปขาย จากนั้นทุกคนก็มานั่งแบ่งเงินกัน

หลังจากได้ยินคำแนะนำนี้ ฉางซิงอวี่ก็เพียงมองเยี่ยเว่ยหมิงแวบหนึ่งด้วยสายตาล้ำลึก แล้วก็ตอบรับไปตามสถานการณ์

เขารู้สึกว่าเยี่ยเว่ยหมิงคนนี้รู้แน่นอนว่าระหว่างเขากับชีชียังไปมาหาสู่กันเรื่องธุรกิจ!

หลังจากแบ่งของเสร็จ เยี่ยเว่ยหมิงก็นำโลงไม้หวงฮว่าใบหนึ่งมาบรรจุศพของอาซาน จากนั้นก็ใช้เสื่อห่อศพแปดพี่น้องฝาแฝดต่างบิดามารดา เก็บตำราลับตระหนักรู้กองใหญ่ รอกลับไปก่อนแล้วค่อยหาที่เงียบๆ ดู

สาเหตุที่ครั้งนี้ใช้สินค้าระดับต่ำมาเก็บศพอาซาน ไม่ใช่เพราะเยี่ยเว่ยหมิงตระหนี่ แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้เตรียมไว้ไม่เพียงพอ

ก่อนออกเดินทาง เยี่ยเว่ยหมิงซื้อโลงไม้หนานมู่ไว้เพียงสองใบ ในจำนวนนั้นใบหนึ่งใช้บรรจุศพฟ่านเหยาไปแล้ว ส่วนอีกใบเตรียมไว้ใช้กับหยวนเจิน

คนที่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าไม่ใช่บุคคลผู้ยิ่งใหญ่อะไรอย่างอาซาน ทำได้เพียงลดระดับการปฏิบัติกับเขา

อย่างไรเสีย เหล็กที่ดีก็ต้องเอาไว้ใช้กับคมดาบ

ส่วนนักธนูแปดคนนั้น เดิมทีพวกเขาก็เป็นสินค้าระดับต่ำอยู่แล้ว…

ทุกคนต่างใช้ท่าร่างของตัวเองวิ่งไปทางวัดร้างโหย่วเจียนด้วยอารมณ์ชื่นมื่น

ไม่วิ่งไม่ได้หรอก

อย่างไรเสีย ภารกิจสังหารหยวนเจินก็มีเวลาจำกัดเช่นกัน

ส่วนกล่องเหล็กที่ใส่จดหมายภารกิจ ก็ย่อมต้องให้ผู้ที่มีความสามารถสูงสุดอย่างเยี่ยเว่ยหมิงดูแลรักษาไว้

พวกเขาไม่กังวลว่าจะถูก BOSS จู่โจมอีก ถึงอย่างไรก็เป็นแค่ภารกิจระดับหกดาว มีอาซานบวกกับแปดพี่น้องฝาแฝดโผล่มาก็ถือว่าทำเกินไปแล้ว พวกเขาไม่คิดว่าจะมีศัตรูแบบนี้โผล่มาอีกเป็นครั้งที่สอง

ถ้ามีอีก เช่นนั้นก็แสดงว่าประเมินภารกิจระดับหกดาวต่ำไปแล้ว

แต่ละคนในทีมใช้วิชาตัวเบาแตกต่างกัน เวลาวิ่งขึ้นมาก็งดงามอัศจรรย์แตกต่างกันไป ส่วนรายละเอียดว่างดงามอย่างไร ก็ไม่ต้องเปลืองตัวอักษรบรรยายแล้ว ทุกคนรู้เพียงว่าเยี่ยเว่ยหมิงวิ่งได้เร็วที่สุดก็พอ

พวกเขาไม่พูดไม่จาตลอดทาง ผ่านตลาดเข้าเมืองไปโดยตรง ในที่สุดก็มาถึงวัดร้างโหย่วเจียน ที่อยู่ของหลวงจีนหยวนเจินแล้ว

นอกประตูวัด ถังซานไฉ่เหมือนปรับอารมณ์ตัวเองเรียบร้อยแล้ว เข้ามาทักทายเพื่อนในทีมก่อนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

หลังจากทักทายกันไปสองสามคำ เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งตำราลับ ‘ดรรชนีวชิระทรงพลัง’ ให้ถังซานไฉ่ ส่วนอีกฝ่ายก็ใช้กำปั้นทุบบนบ่าเขาแรงๆ หนึ่งที แล้วบอกว่า “ภารกิจของข้าล้มเหลวแล้ว แต่พวกเจ้าน่าจะยังรับรางวัลภารกิจได้อยู่ อีกประเดี๋ยวถ้ามีการต่อสู้กัน ข้าจะให้พวกเจ้าได้เปิดหูเปิดตาสักหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่าแมลงสาบน้อยฆ่าไม่ตาย!”

ทุกคนได้ยินแล้วนึกว่าเขาแค่ปลอบใจตัวเองเท่านั้น ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็เดินนำเข้าไปในวัดร้างโหย่วเจียน

หยวนเจินก็ยังก็ยังเป็นหยวนเจินคนเดิม

ศีรษะล้านกลมๆ ดูแล้วเหมือนเป็นคนดีจริงๆ

พอเห็นพวกเขา หยวนเจินก็ประนมมือและทักทายด้วยรอยยิ้มมีเมตตา “อามิตาภพุทธ!ขอบคุณจอมยุทธ์น้อยทุกท่านที่ลงมือทวงความยุติธรรม กำจัดมือสังหารชั่วร้ายที่มีเจตนาไม่ดีแทนอาตมา ให้อาตมาขอบคุณจอมยุทธ์น้อยทุกท่านแทนสหายร่วมเส้นทางนับไม่ถ้วนแห่งยุทธภพภาคกลางเป็นอย่างไร”

สำหรับคำสรรเสริญเยินยอของหยวนเจิน ทุกคนแสยะยิ้มในใจพร้อมกัน

เจ้ากลายเป็นตัวแทนของ ‘สหายร่วมเส้นทางยุทธภพ’ เหล่านั้นแล้ว เจ้าเคยถามความเห็นของพวกเขาหรือยังเถอะ

เยี่ยเว่ยหมิงแขวะในใจ แต่ภายนอกกลับแสร้งทำตัวสบายๆ ต่อไป กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “เป็นสิ่งที่พวกเราสมควรทำอยู่แล้ว ก็เหมือนกับที่พวกเราทำภารกิจสำเร็จ แล้วท่านก็ควรมอบรางวัลภารกิจให้พวกเรา”

“นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว” หยวนเจินยิ้มบางๆ แล้วถามอย่างใจเย็น “จอมยุทธ์น้อยทุกท่าน อยากได้เคล็ดวิชาอะไรกันบ้าง”

ปากก็เรียกว่าจอมยุทธ์น้อยทุกท่าน แต่เขากลับจ้องเยี่ยเว่ยหมิงไม่ละสายตา เห็นได้ชัดว่าอยากให้เยี่ยเว่ยหมิงรับรางวัลภารกิจก่อน

เมื่อได้ยินคำถาม เยี่ยเว่ยหมิงก็กวาดตามองคอลัมน์สกิลของตัวเอง แล้วบอกว่า “แม้บนตัวข้าจะมีวิชามากมาย แต่ระดับต่ำกว่าเจ็ดทั้งนั้น เหมือนจะเหลือเพียงตัวเลือกเดียว”

เยี่ยเว่ยหมิงเงียบไปครู่เดียว แล้วบอกว่า “ข้าต้องการอัปเลเวลไท้ซัวเป็นไฉน”

หยวนเจินได้ยินแล้วยิ้มมากกว่าเดิม “ข้าไม่รู้วิชานี้”

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มค้าง “ไต้ซือหยวนเจิน ท่านไม่ได้จะเบี้ยวรางวัลภารกิจข้าหรอกใช่ไหม”

“จอมยุทธ์น้อยเข้าใจผิดแล้ว” หยวนเจินส่ายหน้าอธิบายอย่างใจเย็นมาก “ที่จริงทักษะยุทธ์ในใต้หล้าเส้นทางแตกต่างแต่เป้าหมายเดียวกัน แม้กระบวนท่าแตกต่าง แต่กลับเข้าใจกฎเกณฑ์วิทยายุทธ์ที่แฝงอยู่ในนั้น ดังนั้นมีทักษะยุทธ์มากมายที่แม้อาตมาจะใช้ไม่เป็น แต่ก็ยังพอชี้แนะให้จอมยุทธ์น้อยได้บ้าง…

…แต่ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ นั่นกลับเป็นเคล็ดวิชาพิเศษที่สืบทอดเฉพาะสำนักไท่ซาน แตกต่างกับวิถีของวิทยายุทธ์มาก จัดเป็นหนึ่งในทักษะยุทธ์ไม่กี่อย่างที่อาตมาชี้แนะไม่ได้”

ถ้าแปลเป็นภาษาที่ให้เข้าใจง่ายก็คือ ‘เคล็ดวิชา’ ที่อยู่ในรายการรางวัลภารกิจนี้ไม่นับรวม ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’

รู้ว่านี่เป็นข้อจำกัดจากกติการะบบ เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่พัวพันกับคำถามนี้ เปลี่ยนเป็นวิชาอื่นทันที “เช่นนั้นเปลี่ยนเป็น ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ก็แล้วกัน”

หยวนเจินกลับส่ายหน้าอีกครั้ง “เลเวล ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ของจอมยุทธ์น้อยสูงเกินไป ไม่สอดคล้องกับกติกา ถึงอย่างไรรางวัลภารกิจก็เป็นเพียงเคล็ดวิชาที่เลเวลต่ำกว่าเจ็ดเท่านั้น ในจำนวนนั้นไม่รวมเคล็ดวิชาที่เลเวลเจ็ด”

เยี่ยเว่ยหมิงขมวดคิ้ว ตอนที่กำลังจะโวยวาย เขาก็คาดเดาแผนการของอีกฝ่ายได้ทันที จึงส่งข้อความในช่องทีมว่า [มารดามันเถอะ!หยวนเจินคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ]

เพื่อนร่วมทีมไม่เข้าใจ เยี่ยเว่ยหมิงอธิบายต่อ “ข้าเดาว่าเป็นเพราะเขาอยู่ในฐานะ NPC ระดับสูงที่คอยแจกรางวัล จึงมองเห็นเลเวลทักษะของพวกเราทุกคนได้ ต่อให้เขาไม่รู้ละเอียดว่าพวกเราฝึกวิทยายุทธ์อะไร แต่ต้องมองออกแน่นอนว่าบนตัวพวกเราไม่มีเคล็ดวิชาที่สอดคล้องกับเงื่อนไขการฝึก”

เขาชะงักนิดหน่อย แล้วกล่าวเสริมว่า [ในฐานะที่เป็นเป้าหมายโจมตีสังหารของภารกิจที่ฟ่านเหยาแจก เขาก็น่าจะรู้เช่นกันว่าอีกประเดี๋ยวพวกเราก็จะลงดาบกับเขา ก็เหมือนกับฟ่านเหยาพี่รู้ตั้งแต่แรกว่าพวกเราต้องการสังหารเขา]

ทุกคนได้ยินแล้วพยักหน้า แต่ก็ไม่เข้าใจว่าสองรื่องนี้เกี่ยวกับสิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงคุยกับพวกเขาอย่างไร

ยังดีที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้คิดจะอุบไว้ บอกตรงๆ เลยว่า [เขารู้อยู่แก่ใจว่าบนตัวข้าไม่มีเคล็ดวิชาที่สอดคล้องกับเงื่อนไขการฝึก ถึงได้จงใจถามข้าก่อนว่าข้าอยากเพิ่มเลเวลของเคล็ดวิชาไหน เป้าหมายที่แท้จริงของเขาก็คือ อยากให้ค่าใช้วิธีการนี้ยั่วโมโหเขา ทำให้พวกเราเริ่มภารกิจ ‘โจมตีเฉิงคุน’ ล่วงหน้า…

…เพราะถ้าข้าอดทนไม่ไหวแล้วพูดจาร้ายๆ กับเขา เขาก็จะถือโอกาสกระตุ้นให้ความขัดแย้งพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งได้…

…และถ้าการต่อสู้เริ่มขึ้นเมื่อไร ฐานะของเขาก็จะเปลี่ยนจาก NPC ผู้แจกภารกิจไปเป็น BOSS ที่พวกเราต้องต่อสู้ด้วย…

…ส่วนรางวัลภารกิจที่ต้องได้ก่อนหน้านี้ ก็จะถูกระบบตัดสินว่าพวกเราเป็นฝ่ายเลือกไม่รับเอง พอเป็นเช่นนี้ เขาก็จะยกเลิกรางวัลภารกิจทั้งหมดของพวกเราได้อย่างชอบธรรมแล้ว!]

[ต่ำช้าได้ขนาดนี้เชียวหรือ] สะพานสวรรค์น้อยถลึงดวงตาคู่สวยของนาง ถามอย่างเหลือเชื่อนิดหน่อยว่า [เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร]

ตอนนี้กลับเห็นเยี่ยเว่ยหมิงถอยหลังก้าวหนึ่งพร้อมส่งข้อความในช่องทีม [พวกเจ้ารับรางวัลไปก่อน รอให้พวกเรารับรางวัลเรียบร้อยแล้ว ค่อยเจรจากับเขาอีกทีก็ได้]

[อ้อ ใช่ รางวัลของภารกิจนี้ก็คือจะเพิ่มเลเวลของทักษะยุทธ์ใดก็ได้ที่เลเวลต่ำกว่าเจ็ด เพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล ดังนั้นเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่มีแต้มค่าตบะมากพอ ทางที่ดีพวกเจ้าเพิ่มทักษะยุทธ์ให้ถึงเลเวลหกก่อน ทำให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด]

[คิดจะฮุบรางวัลภารกิจของพวกเราหรือ ฝันไปเถอะ!]

เยี่ยเว่ยหมิงถอยหลังหนึ่งก้าว หาจุดที่เหมาะสมที่สุดให้สหายร่วมทีมของตัวเองยืนเจรจา แล้วก็ยังไม่ลืมถลึงตาจ้องหลวงจีนน่ารังเกียจคนนี้อย่างดุร้าย

หยวนเจินก็ยังคงเป็นหยวนเจินคนเดิม ศีรษะล้านกลม หน้าตาไม่เหมือนคนดี!

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงหาเคล็ดวิชาที่เหมาะสมสำหรับเพิ่มเลเวลไม่เจอ ไม่น่าเชื่อว่าจะถอยไปด้านข้าง แล้วให้คนอื่นเลือกรางวัลภารกิจก่อน หยวนเจินเองก็แค้นจนกัดฟันกรอดแล้วเช่นกัน

ถ้ามีทางเลือก เขาย่อมไม่อยากช่วยพวกผู้เล่นที่กำลังจะแปรพักตร์ลงมือสังหารเขาเพิ่มเลเวลทักษะยุทธ์อยู่แล้ว แบบนั้นจะทำให้อีกฝ่ายมีความมั่นใจมากขึ้นตอนสังหารเขา

แต่ช่วยไม่ได้ เพราะกติกาที่ระบบกำหนดไว้ สำหรับ NPC อย่างพวกเขา กลับเป็นกฎเหล็กที่ไม่อาจแตะต้องได้

อย่าว่าแต่หยวนเจิน ต่อให้เป็นบอสใหญ่เลเวลสองร้อย ก็ต้องเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่ระบบกำหนดให้อยู่ดี

แต่สำหรับผู้เล่นที่ทำภารกิจและรับรางวัลแล้ว นี่ก็คือหนึ่งในกฎเหล็กพื้นฐานไม่กี่ข้อของระบบเท่านั้น หยวนเจินแม้จะไม่เต็มใจ แต่ภายใต้การควบของคุมระบบ เขาก็ยังต้องให้รางวัลภารกิจคนพวกนี้ตามสัญญา

จากนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ถอยไปด้านข้างทันที เรียกโลงไม้หนานมู่ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อหยวนเจินออกมา แล้วก็หย่อนก้นนั่งลงบนนั้น นำ ‘ถอดรหัสดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เล่มหนึ่งขึ้นมาเริ่มอ่านอย่างได้อรรถรส

Ink Stone_Fantasy
ข้อความถึงนักอ่าน
Ink Stone_Fantasy
ทางทีมงานได้แก้ไขเนื้อหาตอนที่ซ้ำกันใหม่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วยครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+