ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 129 เสือสองตัว

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 129 เสือสองตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 129 เสือสองตัว

[หยกพกเฟยเทียน (ทองคำ)]

เฟยเทียนแม้จะมีความหมายว่าอัปสราในภาษาสันสกฤต แต่บนหยกกลับสลักเป็นรูปเซียนหญิงเก็บน้ำค้างบนดอกไม้ โชยกลิ่นหอม

ท่าร่าง +100

ความว่องไว +50

……

ในบรรดาเครื่องประดับมากมายของเยี่ยเว่ยหมิง นี่คือหยกพกที่เหมาะสมกับเขาที่สุด

ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ แถบอุปกรณ์ของผู้เล่นมีจำนวนจำกัดตายตัว ในจำนวนนั้นมีพื้นที่ใช้งานสำหรับอุปกรณ์ประเภทเครื่องประดับทั้งหมดสี่ประเภทครึ่ง แบ่งเป็น

1. ประเภทสร้อยคอหนึ่งช่อง

2. แหวนสองช่อง

3. พู่ห้อยหนึ่งช่อง

4. กำไลสองช่อง

ในบรรดาสี่ประเภทนี้ ช่องกำไลค่อนข้างพิเศษ อุปกรณ์ที่นำมาใส่ในช่องนี้มักเป็นคู่กัน ก็เหมือนกับรองเท้ายาว ดังนั้นสองช่องนี้เมื่อมีจำนวนมากก็จะนับเป็นหนึ่งช่อง ขณะเดียวกันช่องนี้ก็ติดตั้งปลอกข้อมือที่เป็นอุปกรณ์ประเภทป้องกันได้ และติดตั้งกำไลที่เป็นอุปกรณ์ประเภทเครื่องประดับได้เช่นกัน ดังนั้นจึงนับเป็นช่องกึ่งเครื่องประดับ

ตอนนี้บนตัวเยี่ยเว่ยหมิงมีสร้อยคอหนึ่งเส้น (จี้หยกเซินหลัว) แหวนหนึ่งวง (แหวนกระบี่อวิ๋นไถ) และกำไลหนึ่งวง (กำไลเงินสัตว์เลี้ยง) ส่วนช่องที่เหลือยังว่างอยู่

หยกพกเฟยเทียนชิ้นนี้จัดอยู่ในประเภทช่องพู่ห้อยได้พอดี

ส่วนช่องแหวนหนึ่งวงกับกำไลหนึ่งวงที่เหลือ เยี่ยเว่ยหมิงพลิกดูกองสมบัติแล้วไม่เจอที่ถูกใจสักสิ้น จึงเลิกหาแล้ว

ความจริงได้พิสูจน์แล้ว ตอนที่เลือกของประเภทนี้ เยี่ยเว่ยหมิงในฐานะที่เป็นชายชาตรีคนหนึ่ง เขาเลือกได้รวดเร็วมากกว่าอีกสองสาว ดูเครื่องประดับสิบกว่าชิ้นที่หาเจอในหีบสมบัติรอบเดียวเท่านั้น หลังจากเปรียบเทียบค่าสเตตัสแล้วก็ตัดสินใจเลือกทันที

ส่วนการเลือกของสองสาวก็ไม่ได้รวดเร็วตรงไปตรงมาขนาดนั้น

พวกนางไม่เพียงมองรูปลักษณ์ภายนอกของเครื่องประดับ ทั้งยังเปรียบเทียบรูปแบบกับสไตล์ รวมทั้งปัญหาเรื่องเข้ากับชุดที่ตัวเองใส่หรือไม่ด้วย

ส่วนค่าสเตตัส…

ค่าสเตตัสใช้ทำอะไรได้ สวยหรือเปล่า

เพียงแต่ยังดีที่สองสาวไม่ได้ถูกเครื่องประดับบังตาเสียทั้งหมด ขณะที่พวกนางกำลังเลือก ซานเย่ว์ก็ยังไม่ลืมเจียดเวลามาถามเยี่ยเว่ยหมิงถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภารกิจ “อาหมิง ก่อนหน้านี้ที่เจ้าร้องเพลง ‘เสือสองตัว’ ทั้งยังบอกว่าเป็นจุดอ่อนใหญ่สุดของชวีหลิงเฟิง ตอนนั้นยังไม่มีใครเข้าใจเลยว่าหมายถึงอะไรกันแน่ ตอนนี้อธิบายให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหม”

“ก็ได้” เมื่อเห็นว่าสองสาวยังเลือกไม่เสร็จในเร็วๆ นี้แน่ เยี่ยเว่ยหมิงก็อธิบายให้พวกนางฟังเสียเลย “เสือสองตัววิ่งเร็วมาก ตัวหนึ่งไม่มีตา ตัวหนึ่งไม่มีหู แปลกจริงๆ เช่นนั้นก็เกิดปัญหาแล้ว ขนาดเสือที่ไม่มีหูกับเสือที่ไม่มีตายังวิ่งเร็วขนาดนี้ เช่นนั้นเสือที่ไม่มีขาหลัง หรือขาหักแล้ว จะยังวิ่งเร็วอยู่หรือเปล่า”

สองสาวได้ยินแล้วเผยสีหน้าตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็เลือกเครื่องประดับต่อไป สะพานสวรรค์น้อยถามไปเรื่อยเปื่อยว่า “ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าชวีหลิงเฟิงนั่นต่อให้ขาหัก แต่ในบรรดาพวกเราก็ไม่มีใครเทียบความเร็วของเขาได้อยู่ดี”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วพยักหน้า เพียงแต่เขาพบว่าตั้งแต่ต้นจนจบสองสาวไม่ละสายตาจากเครื่องประดับต่างๆ ในหีบเลย ไม่ชายตามองสุดหล่ออย่างเขาแม้แต่น้อย ตอนที่เขาทำสีหน้าท่าทางประกอบการพูด กลายเป็นทำให้อากาศธาตุดูเท่านั้น!

ภายใต้ความจนใจ เขาทำได้เพียงบอกตามตรงว่า “ข้ายอมรับว่าความเร็วของชวีหลิงเฟิงนั่นเหนือกว่าพวกเราทุกคน แต่หากพวกเราแยกกันหนีล่ะ”

“แยกกันหนี?” มือของซานเย่ว์ที่กำลังเลือกเครื่องประดับชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “จนกระทั่งตอนนี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดเจ้าถึงแน่ใจว่าเขาต้องการให้พวกเราทั้งหมดตาย”

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงห้อยหยกพกเฟยเทียนเรียบร้อย เขาเริ่มเคลื่อนไหวร่างกาย หลังจากอาศัยวิธีนี้ทำความคุ้นเคยกับความเร็วและความว่องไวหลังจากค่าสเตตัสเพิ่มขึ้น พอได้ยินคำถามของซานเย่ว์ก็ตอบโดยไม่ต้องคิด

“เขาจำเป็นต้องทำอย่างนั้น ตราบใดที่เขาไม่อยากกลายเป็นผู้ร้ายตามหมายจับของราชสำนัก จนเขากับลูกสาวต้องใช้ชีวิตอย่างวิตกกังวล ก็ต้องฆ่าพวกเราให้หมด”

หลังจากคว้ากระบี่ชิงจู๋ออกมาอย่างสบายมือ แล้วลองควงกระบี่สองสามกระบวนท่า เยี่ยเว่ยหมิงก็อธิบายต่อว่า “แม้พวกเราจะเป็นผู้เล่น แต่หลังจากตายแล้วก็ยังคืนชีพได้ แต่หากพวกเราตายหมด ก็จะถูกตัดสินว่าภารกิจล้มเหลว เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่มีทางเข้าร่วมเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับภารกิจได้เลย และไม่อาจออกหมายจับพวกเขาในนามของสำนักมือปราบเทพได้ด้วย…

…ดังนั้น เป้าหมายตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนจบของชวีหลิงเฟิงก็คือ ไม่ปล่อยพวกเรารอดกลับไปสักคน!”

ตอนนี้สะพานสวรรค์น้อยหยิบสร้อยคอที่เลี่ยมแซฟไฟร์ขึ้นมาเส้นหนึ่งแล้ว ขณะที่กำลังสังเกตมันอย่างละเอียด นางก็กล่าวว่า “แต่ข้ารู้สึกได้ว่าการต่อสู้วันนี้ยังไม่อันตรายเท่าตอนที่สู้กับอวี๋ชางไห่”

“นี่คือผลลัพธ์ที่ชวีหลิงเฟิงจงใจสร้างขึ้นมา เขาต้องการให้พวกเรารู้สึกว่าพลังทำลายล้างของเขาไม่รุนแรง เพราะหากเป็นเช่นนี้ พวกเราจะได้ไม่ตกใจหนีกระเจิงไปเสียก่อน” เยี่ยเว่ยหมิงวิเคราะห์อย่างใจเย็น

“ส่วนเขาก็จะค่อยๆ สร้างโอกาส ตัดกำลังของพวกเราให้อ่อนแอลงทีละนิด โดยเฉพาะความสามารถในการหนีของพวกเรา จนกระทั่งเขารู้สึกว่าโอกาสสุกงอมแล้ว ก็ค่อยเผยเขี้ยวเล็บออกมา!”

ขณที่กำลังพูดอยู่นั้น สองสาวก็เลือกเครื่องประดับที่ตัวเองถูกใจได้แล้ว

[สร้อยคอทับทิม (ทองคำ)]

ทับทิมคงกระพัน เก็บรักษาได้ยาวนาน

ค่าเสน่ห์ +1

เสริมเอฟเฟ็กต์พิเศษ: แสงรุ่งอรุณ!

[สร้อยคอแซฟไฟร์ (ทองคำ)]

แซฟไฟร์คงกระพัน เก็บรักษาได้ยาวนาน

ค่าเสน่ห์ +1

เสริมเอฟเฟ็กต์พิเศษ: ธารน้ำแข็ง!

……

หลังจากสองสาวเลือกสร้อยมาสวมใส่บนคอแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าตัวเองเห็นภาพลวงตา

ในสายตาของเขา บนตัวซานเย่ว์ราวกับมีแสงสีแดงอ่อนๆ เปล่งประกาย ทำให้ทั้งตัวนางดูสุกสกาวเป็นพิเศษ ส่วนบนตัวสะพานสวรรค์น้อยก็เหมือนเปล่งรัศมีสีโทนเย็นกลุ่มหนึ่ง ทำให้นางดูโดดเด่นเหนือมนุษย์ยิ่งกว่าเดิม

แต่เมื่อเขาตั้งสมาธิมองให้ดี กลับพบว่านั่นเป็นเพียงสิ่งที่เขารู้สึกไปเอง เพียงแต่เป็นความรู้สึกที่สมจริงมากก็เท่านั้นเอง ต่อให้เข้าใจชัดเจนอยู่แล้วว่ารู้สึกไปเอง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าสองสาวดูเพลินตาขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก

สมกับเป็นสมบัติที่ตกอยู่ในพระราชวัง นี่ไม่ใช่ของธรรมดา…

นี่มันอะไรกัน!

โจมตีล่ะ?

ป้องกันล่ะ?

ค่าสเตตัสอย่างอื่นล่ะ?

ต่อให้ไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ แต่พลังชีวิต กำลังภายในอะไรนั่นก็ต้องเพิ่มสักหน่อยสิ?

ของที่ไม่เพิ่มค่าสเตตัสที่มีประโยชน์แบบนี้ ในสายตาเยี่ยเว่ยหมิงไม่นับว่าเป็นอุปกรณ์ด้วยซ้ำ!

นี่ก็เป็นสาเหตุหลักว่าทำไมนอกจากหยกพกเฟยเทียนแล้ว เขาถึงยอมปล่อยให้แถบอุปกรณ์ว่างไว้แทนที่จะเลือกของอย่างอื่น!

เยี่ยเว่ยหมิงเกิดความคิดอยากจะเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้งานได้จริงให้พวกนางสองคน แต่หลังจากเห็นท่าทางตื่นเต้นดีใจของสองสาวแล้ว สุดท้ายเขาก็ล้มเลิกความคิดนี้

อย่างไรเสียหลังจากต่อสู้สนามนี้แล้ว เกรงว่าจะต้องใช้สองสาวเป็นเครื่องสังเวยให้สวรรค์อยู่ดี

ในช่วงนี้ไม่ว่าจะแสดงความสามารถได้แข็งแกร่งขึ้น หรืออ่อนแอลงนิดหน่อย ก็ไม่ได้ส่งกระทบมากมายเท่าไรนัก

ขณะที่ลูบสร้อยคอของตัวเองอย่างถนอมโปรดปราน ในที่สุดสายตาซานเย่ว์ก็ไปหยุดบนตัวเยี่ยเว่ยหมิง นางยิ้มบางๆ พร้อมถามว่า “หรือพูดได้อีกอย่างว่า ชวีหลิงเฟิงนั่นแม้จะรู้ชัดว่าพวกเรารู้ว่าสมบัติซ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยม แต่เขาก็จะย้อนกลับมาแน่นอน เตรียมจะจัดการพวกเราพร้อมกันในห้องลับที่มีทางเข้าออกทางเดียวแห่งนี้?”

“ฮ่าๆ…”

เหมือนเป็นการพิสูจน์คำพูดของซานเย่ว์ ทันใดนั้นเสียงหัวเราะอันบ้าระห่ำก็ดังขึ้นตรงทางเข้าของทางลับ เมื่อหันกลับไปมอง ก็เห็น BOSS เลเวลหกสิบห้าที่กำลังเผยสีหน้าอาฆาตมาดร้าย ชวีหลิงเฟิง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 129 เสือสองตัว

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 129 เสือสองตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 129 เสือสองตัว

[หยกพกเฟยเทียน (ทองคำ)]

เฟยเทียนแม้จะมีความหมายว่าอัปสราในภาษาสันสกฤต แต่บนหยกกลับสลักเป็นรูปเซียนหญิงเก็บน้ำค้างบนดอกไม้ โชยกลิ่นหอม

ท่าร่าง +100

ความว่องไว +50

……

ในบรรดาเครื่องประดับมากมายของเยี่ยเว่ยหมิง นี่คือหยกพกที่เหมาะสมกับเขาที่สุด

ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ แถบอุปกรณ์ของผู้เล่นมีจำนวนจำกัดตายตัว ในจำนวนนั้นมีพื้นที่ใช้งานสำหรับอุปกรณ์ประเภทเครื่องประดับทั้งหมดสี่ประเภทครึ่ง แบ่งเป็น

1. ประเภทสร้อยคอหนึ่งช่อง

2. แหวนสองช่อง

3. พู่ห้อยหนึ่งช่อง

4. กำไลสองช่อง

ในบรรดาสี่ประเภทนี้ ช่องกำไลค่อนข้างพิเศษ อุปกรณ์ที่นำมาใส่ในช่องนี้มักเป็นคู่กัน ก็เหมือนกับรองเท้ายาว ดังนั้นสองช่องนี้เมื่อมีจำนวนมากก็จะนับเป็นหนึ่งช่อง ขณะเดียวกันช่องนี้ก็ติดตั้งปลอกข้อมือที่เป็นอุปกรณ์ประเภทป้องกันได้ และติดตั้งกำไลที่เป็นอุปกรณ์ประเภทเครื่องประดับได้เช่นกัน ดังนั้นจึงนับเป็นช่องกึ่งเครื่องประดับ

ตอนนี้บนตัวเยี่ยเว่ยหมิงมีสร้อยคอหนึ่งเส้น (จี้หยกเซินหลัว) แหวนหนึ่งวง (แหวนกระบี่อวิ๋นไถ) และกำไลหนึ่งวง (กำไลเงินสัตว์เลี้ยง) ส่วนช่องที่เหลือยังว่างอยู่

หยกพกเฟยเทียนชิ้นนี้จัดอยู่ในประเภทช่องพู่ห้อยได้พอดี

ส่วนช่องแหวนหนึ่งวงกับกำไลหนึ่งวงที่เหลือ เยี่ยเว่ยหมิงพลิกดูกองสมบัติแล้วไม่เจอที่ถูกใจสักสิ้น จึงเลิกหาแล้ว

ความจริงได้พิสูจน์แล้ว ตอนที่เลือกของประเภทนี้ เยี่ยเว่ยหมิงในฐานะที่เป็นชายชาตรีคนหนึ่ง เขาเลือกได้รวดเร็วมากกว่าอีกสองสาว ดูเครื่องประดับสิบกว่าชิ้นที่หาเจอในหีบสมบัติรอบเดียวเท่านั้น หลังจากเปรียบเทียบค่าสเตตัสแล้วก็ตัดสินใจเลือกทันที

ส่วนการเลือกของสองสาวก็ไม่ได้รวดเร็วตรงไปตรงมาขนาดนั้น

พวกนางไม่เพียงมองรูปลักษณ์ภายนอกของเครื่องประดับ ทั้งยังเปรียบเทียบรูปแบบกับสไตล์ รวมทั้งปัญหาเรื่องเข้ากับชุดที่ตัวเองใส่หรือไม่ด้วย

ส่วนค่าสเตตัส…

ค่าสเตตัสใช้ทำอะไรได้ สวยหรือเปล่า

เพียงแต่ยังดีที่สองสาวไม่ได้ถูกเครื่องประดับบังตาเสียทั้งหมด ขณะที่พวกนางกำลังเลือก ซานเย่ว์ก็ยังไม่ลืมเจียดเวลามาถามเยี่ยเว่ยหมิงถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภารกิจ “อาหมิง ก่อนหน้านี้ที่เจ้าร้องเพลง ‘เสือสองตัว’ ทั้งยังบอกว่าเป็นจุดอ่อนใหญ่สุดของชวีหลิงเฟิง ตอนนั้นยังไม่มีใครเข้าใจเลยว่าหมายถึงอะไรกันแน่ ตอนนี้อธิบายให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหม”

“ก็ได้” เมื่อเห็นว่าสองสาวยังเลือกไม่เสร็จในเร็วๆ นี้แน่ เยี่ยเว่ยหมิงก็อธิบายให้พวกนางฟังเสียเลย “เสือสองตัววิ่งเร็วมาก ตัวหนึ่งไม่มีตา ตัวหนึ่งไม่มีหู แปลกจริงๆ เช่นนั้นก็เกิดปัญหาแล้ว ขนาดเสือที่ไม่มีหูกับเสือที่ไม่มีตายังวิ่งเร็วขนาดนี้ เช่นนั้นเสือที่ไม่มีขาหลัง หรือขาหักแล้ว จะยังวิ่งเร็วอยู่หรือเปล่า”

สองสาวได้ยินแล้วเผยสีหน้าตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็เลือกเครื่องประดับต่อไป สะพานสวรรค์น้อยถามไปเรื่อยเปื่อยว่า “ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าชวีหลิงเฟิงนั่นต่อให้ขาหัก แต่ในบรรดาพวกเราก็ไม่มีใครเทียบความเร็วของเขาได้อยู่ดี”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วพยักหน้า เพียงแต่เขาพบว่าตั้งแต่ต้นจนจบสองสาวไม่ละสายตาจากเครื่องประดับต่างๆ ในหีบเลย ไม่ชายตามองสุดหล่ออย่างเขาแม้แต่น้อย ตอนที่เขาทำสีหน้าท่าทางประกอบการพูด กลายเป็นทำให้อากาศธาตุดูเท่านั้น!

ภายใต้ความจนใจ เขาทำได้เพียงบอกตามตรงว่า “ข้ายอมรับว่าความเร็วของชวีหลิงเฟิงนั่นเหนือกว่าพวกเราทุกคน แต่หากพวกเราแยกกันหนีล่ะ”

“แยกกันหนี?” มือของซานเย่ว์ที่กำลังเลือกเครื่องประดับชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “จนกระทั่งตอนนี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดเจ้าถึงแน่ใจว่าเขาต้องการให้พวกเราทั้งหมดตาย”

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงห้อยหยกพกเฟยเทียนเรียบร้อย เขาเริ่มเคลื่อนไหวร่างกาย หลังจากอาศัยวิธีนี้ทำความคุ้นเคยกับความเร็วและความว่องไวหลังจากค่าสเตตัสเพิ่มขึ้น พอได้ยินคำถามของซานเย่ว์ก็ตอบโดยไม่ต้องคิด

“เขาจำเป็นต้องทำอย่างนั้น ตราบใดที่เขาไม่อยากกลายเป็นผู้ร้ายตามหมายจับของราชสำนัก จนเขากับลูกสาวต้องใช้ชีวิตอย่างวิตกกังวล ก็ต้องฆ่าพวกเราให้หมด”

หลังจากคว้ากระบี่ชิงจู๋ออกมาอย่างสบายมือ แล้วลองควงกระบี่สองสามกระบวนท่า เยี่ยเว่ยหมิงก็อธิบายต่อว่า “แม้พวกเราจะเป็นผู้เล่น แต่หลังจากตายแล้วก็ยังคืนชีพได้ แต่หากพวกเราตายหมด ก็จะถูกตัดสินว่าภารกิจล้มเหลว เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่มีทางเข้าร่วมเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับภารกิจได้เลย และไม่อาจออกหมายจับพวกเขาในนามของสำนักมือปราบเทพได้ด้วย…

…ดังนั้น เป้าหมายตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนจบของชวีหลิงเฟิงก็คือ ไม่ปล่อยพวกเรารอดกลับไปสักคน!”

ตอนนี้สะพานสวรรค์น้อยหยิบสร้อยคอที่เลี่ยมแซฟไฟร์ขึ้นมาเส้นหนึ่งแล้ว ขณะที่กำลังสังเกตมันอย่างละเอียด นางก็กล่าวว่า “แต่ข้ารู้สึกได้ว่าการต่อสู้วันนี้ยังไม่อันตรายเท่าตอนที่สู้กับอวี๋ชางไห่”

“นี่คือผลลัพธ์ที่ชวีหลิงเฟิงจงใจสร้างขึ้นมา เขาต้องการให้พวกเรารู้สึกว่าพลังทำลายล้างของเขาไม่รุนแรง เพราะหากเป็นเช่นนี้ พวกเราจะได้ไม่ตกใจหนีกระเจิงไปเสียก่อน” เยี่ยเว่ยหมิงวิเคราะห์อย่างใจเย็น

“ส่วนเขาก็จะค่อยๆ สร้างโอกาส ตัดกำลังของพวกเราให้อ่อนแอลงทีละนิด โดยเฉพาะความสามารถในการหนีของพวกเรา จนกระทั่งเขารู้สึกว่าโอกาสสุกงอมแล้ว ก็ค่อยเผยเขี้ยวเล็บออกมา!”

ขณที่กำลังพูดอยู่นั้น สองสาวก็เลือกเครื่องประดับที่ตัวเองถูกใจได้แล้ว

[สร้อยคอทับทิม (ทองคำ)]

ทับทิมคงกระพัน เก็บรักษาได้ยาวนาน

ค่าเสน่ห์ +1

เสริมเอฟเฟ็กต์พิเศษ: แสงรุ่งอรุณ!

[สร้อยคอแซฟไฟร์ (ทองคำ)]

แซฟไฟร์คงกระพัน เก็บรักษาได้ยาวนาน

ค่าเสน่ห์ +1

เสริมเอฟเฟ็กต์พิเศษ: ธารน้ำแข็ง!

……

หลังจากสองสาวเลือกสร้อยมาสวมใส่บนคอแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าตัวเองเห็นภาพลวงตา

ในสายตาของเขา บนตัวซานเย่ว์ราวกับมีแสงสีแดงอ่อนๆ เปล่งประกาย ทำให้ทั้งตัวนางดูสุกสกาวเป็นพิเศษ ส่วนบนตัวสะพานสวรรค์น้อยก็เหมือนเปล่งรัศมีสีโทนเย็นกลุ่มหนึ่ง ทำให้นางดูโดดเด่นเหนือมนุษย์ยิ่งกว่าเดิม

แต่เมื่อเขาตั้งสมาธิมองให้ดี กลับพบว่านั่นเป็นเพียงสิ่งที่เขารู้สึกไปเอง เพียงแต่เป็นความรู้สึกที่สมจริงมากก็เท่านั้นเอง ต่อให้เข้าใจชัดเจนอยู่แล้วว่ารู้สึกไปเอง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าสองสาวดูเพลินตาขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก

สมกับเป็นสมบัติที่ตกอยู่ในพระราชวัง นี่ไม่ใช่ของธรรมดา…

นี่มันอะไรกัน!

โจมตีล่ะ?

ป้องกันล่ะ?

ค่าสเตตัสอย่างอื่นล่ะ?

ต่อให้ไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ แต่พลังชีวิต กำลังภายในอะไรนั่นก็ต้องเพิ่มสักหน่อยสิ?

ของที่ไม่เพิ่มค่าสเตตัสที่มีประโยชน์แบบนี้ ในสายตาเยี่ยเว่ยหมิงไม่นับว่าเป็นอุปกรณ์ด้วยซ้ำ!

นี่ก็เป็นสาเหตุหลักว่าทำไมนอกจากหยกพกเฟยเทียนแล้ว เขาถึงยอมปล่อยให้แถบอุปกรณ์ว่างไว้แทนที่จะเลือกของอย่างอื่น!

เยี่ยเว่ยหมิงเกิดความคิดอยากจะเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้งานได้จริงให้พวกนางสองคน แต่หลังจากเห็นท่าทางตื่นเต้นดีใจของสองสาวแล้ว สุดท้ายเขาก็ล้มเลิกความคิดนี้

อย่างไรเสียหลังจากต่อสู้สนามนี้แล้ว เกรงว่าจะต้องใช้สองสาวเป็นเครื่องสังเวยให้สวรรค์อยู่ดี

ในช่วงนี้ไม่ว่าจะแสดงความสามารถได้แข็งแกร่งขึ้น หรืออ่อนแอลงนิดหน่อย ก็ไม่ได้ส่งกระทบมากมายเท่าไรนัก

ขณะที่ลูบสร้อยคอของตัวเองอย่างถนอมโปรดปราน ในที่สุดสายตาซานเย่ว์ก็ไปหยุดบนตัวเยี่ยเว่ยหมิง นางยิ้มบางๆ พร้อมถามว่า “หรือพูดได้อีกอย่างว่า ชวีหลิงเฟิงนั่นแม้จะรู้ชัดว่าพวกเรารู้ว่าสมบัติซ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยม แต่เขาก็จะย้อนกลับมาแน่นอน เตรียมจะจัดการพวกเราพร้อมกันในห้องลับที่มีทางเข้าออกทางเดียวแห่งนี้?”

“ฮ่าๆ…”

เหมือนเป็นการพิสูจน์คำพูดของซานเย่ว์ ทันใดนั้นเสียงหัวเราะอันบ้าระห่ำก็ดังขึ้นตรงทางเข้าของทางลับ เมื่อหันกลับไปมอง ก็เห็น BOSS เลเวลหกสิบห้าที่กำลังเผยสีหน้าอาฆาตมาดร้าย ชวีหลิงเฟิง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+