ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 505 สุดแผนที่ ปรากฏมีดสั้น[1]

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 505 สุดแผนที่ ปรากฏมีดสั้น[1] at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 505 สุดแผนที่ ปรากฏมีดสั้น[1]

ได้ค่าประสบการณ์หนึ่งแสนกับค่าตบะหนึ่งหมื่นแต้มมาไว้ในมือแล้ว แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับรู้สึกว่าขาดทุนมาก

จะว่าไปแล้ว อย่างไรเสียฮวาวั่นจื่อก็เป็น BOSS เลเวลห้าสิบห้าเหมือนกัน ต่อให้โจมตีสังหารนอกเมือง แต่ค่าประสบการณ์กับค่าตบะก็คงไม่ใช่แค่เท่านี้หรอกมั้ง

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมูลค่าจากการดรอปอุปกรณ์และของจากการคลังศพเลย

ผลปรากฏว่าเจ้าให้ข้าแค่ค่าประสบการณ์กับค่าตบะนิดหน่อยแค่นี้ ยังจะตั้งชื่อให้ฟังดูดีว่ารางวัลภารกิจอีกหรือ!

หลอกลวงกันเกินไปแล้วมั้ง?

ลึกๆ ในใจเยี่ยเว่ยหมิงบ่นเรื่องผลตอบแทนต่างๆ ที่ได้รับ แต่กลับไม่เคยพิจารณาเลยว่าความเสี่ยงของภารกิจครั้งนี้เป็นศูนย์

รางวัลที่เขาโจมตี NPC แม้จะถูกลดให้เหลือน้อยลง แต่เติมทีการโจมตีสังหารผู้เล่นไม่มีรางวัลเป็นค่าประสบการณ์และค่าตบะ

ยิ่งไปกว่านั้น หากถูกอีกฝ่ายฆ่าตาย ก็ไม่ต้องรับบทลงโทษใดๆ จากความตายด้วย

อัตราส่วนระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงเท่ากัน ความเสี่ยงเป็นศูนย์ ผลตอบแทนก็ไม่ตรงใจคนไปเสียทั้งหมด

แต่สำหรับเยี่ยเว่ยหมิง โหมดแบบนี้เป็นการวางกับดักกันชัดๆ!

เมื่อเจอกับลูกสมุนทั่วไปแบบนี้ เขา เยี่ยเว่ยหมิง จะตายได้อย่างไร

แต่จะว่าไปแล้ว ในภารกิจที่อยู่ตรงหน้านี้ สำนักภูเขาหิมะก็ถือเป็นสำนักฝ่ายธรรมะได้เช่นกัน

ถ้าไม่มีกลไกการปกป้องจากการต่อสู้ประลองแบบนี้ เขาก็ไม่กล้าฆ่าคนตายเยอะๆ โดยไม่เกรงกลัวอะไรอยู่ดี

เพราะการฆ่า NPC จากสำนักฝ่ายธรรมะจะถูกหักค่าวีรบุรุษ!

……

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังบ่นถึงช่องโหว่ของระบบ ผู้เล่นสำนักภูเขาหิมะอีกด้านหนึ่งก็พากันงงเป็นไก่ตาแตก

คนนอกอาจไม่รู้ว่าฮวาวั่นจื่อเป็นบุคคลระดับไหน แต่ศิษย์สำนักภูเขาหิมะอย่างพวกเขามีหรือที่จะไม่รู้ชัด

ในบรรดา NPC ยอดฝีมือมากมายของสำนักภูเขาหิมะ ฮวาวั่นจื่อแม้จะไม่โดดเด่นเท่าไป๋วั่นเจี้ยนกับเฟิงวั่นหลี่ แต่ก็เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ที่ได้รับถ่ายทอดวิชาโดยตรงจากเจ้าสำนักไป๋จื้อไจ้ ถือว่าเป็นลูกศิษย์ที่โดดเด่นในรุ่นแล้ว

ในบรรดา NPC สำนักภูเขาหิมะทั้งหมดที่อยู่ตรงนี้ ก็มีเพียงไป๋วั่นเจี้ยนที่ฝีมือเอาชนะนางได้ ส่วนคนที่เหลือเช่นเหยี่ยนวั่นซ่าน เกิ่งวั่นจง หวังวั่นเริ่น ส่วนใหญ่ก็เลเวลเดียวกับฮวาวั่นจื่อ แต่เมื่อเทียบกับฮวาวั่นจื่อแล้วฝีมือด้อยกว่าหนึ่งระดับ

แต่นางก็เป็น BOSS เลเวลห้าสิบห้าที่เลเวลสูงกว่าผู้เล่นทั่วไปสิบเลเวล

แต่ BOSS ใหญ่ที่ฝีมือแข็งแกร่งแบบนี้ เมื่ออยู่ตรงหน้าผู้เล่นที่สวมชุดขุนนาง ไม่น่าเชื่อว่าจะทนไม่ไหว ถูกอีกฝ่ายปลิดชีพอย่างง่ายดาย

แถมอีกฝ่ายยังใช้เพียงกระบี่สองท่าด้วย!

โจมตีสองครั้งก็ปลิดชีพ BOSS เลเวลห้าสิบห้าได้คนหนึ่งแล้ว นี่มันเรื่องที่ผู้เล่นก็ทำได้เหมือนกันหรือ

เกรงว่าต่อให้เป็น BOSS เลเวลเจ็ดสิบ จะทำให้ได้ถึงจุดนี้ก็คงไม่ง่ายกระมัง

ที่จริงเรื่องแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็น BOSS เลเวลเจ็ดสิบ ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้เสมอไป แต่ BOSS เลเวลเจ็ดสิบ สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ไม่นับเป็นอาหารหนึ่งจานด้วยซ้ำ!

เยี่ยเว่ยหมิงใช้วิธีที่รวดเร็วดุดันเขย่าขวัญกลุ่มผู้เล่นของสำนักภูเขาหิมะ พอหันตัวมา ก็ถือกระบี่เข้าไปสังหารหวังวั่นเริ่นที่อยู่ที่อีกฝั่งแล้ว

แม้เขาจะไม่กล้าเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีของจำนวนคนที่เยอะเกินไป แต่ถ้าใส่ความได้เปรียบของท่าร่างตัวเองล่อออกมาฆ่าทีละคน การกำจัดวัชพืชพวกนี้ก็มีปัญหาแค่เรื่องเวลาเท่านั้น

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงพุ่งมาถึงตรงหน้าหวังวั่นเริ่น ไปกระบี่โจมตีอีกฝ่ายจนแถบพลังชีวิตกลายเป็นสีแดง ในที่สุดผู้เล่นของสำนักภูเขาหิมะก็มีคนแรกที่รู้ตัวแล้ว “ทุกคนอย่าตกใจกับการโจมตีของเขา…”

“…พลังโจมตีกับท่าร่างของเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ แสดงว่าอาจมีจุดด้อยที่พลังป้องกัน ทุกคนอย่าใช้กำลังปะทะกับเขาตรงๆ ใช้อาวุธลับทักทายระยะไกลดีกว่า!”

เมื่อได้ยินผู้เล่นคนนี้ตะโกนบอก เยี่ยเว่ยหมิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

เพราะอีกฝ่ายพูดไม่ผิด!

ที่จริงแล้ว พลังป้องกันของเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ถือว่าด้อยเมื่อเทียบกับผู้เล่น ถึงขั้นเยอะกว่าผู้เล่นโดยทั่วไปเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ

เมื่อเทียบกับพลังโจมตีของเขาที่ปลิดชีพศัตรูได้ในชั่วพริบตาเดียว พลังป้องกันก็ยังถือว่าน้อย

อย่างไรเสีย วิชาหลักที่ใช้ในการโจมตีของเขาก็ไม่ใช่ ‘วิชาร่างวัชระ’ ที่เน้นพลังป้องกันโดยเฉพาะ คำว่าแม้แต่วิชาประเภทเกราะป้องกันตัวเองก็ไม่เคยเรียนมาก่อน ส่วนวิธีการโจมตีแบบแลกกันทำดาเมจกับ BOSS แบบนั้น ก็ไม่ใช่เพราะเขาอดทนได้ดีกว่า BOSS แต่เป็นเพราะเขาโจมตีได้เจ็บกว่า BOSS ต่างหาก!

ตอนนี้ศัตรูบอกว่าจะเปลี่ยนเป็นใช้อาวุธลับ ปฏิกิริยาแลกของเยี่ยเว่ยหมิงก็คือ…

ไซซีกุมดวงใจ!

ฉึก!

หวังวั่นเริ่นเดิมทีก็เลือดน้อยอยู่แล้ว ตอนนี้ถูกกระบี่ของเขาส่งออกนอกสนามไปยืนรับโทษอยู่กับฮวาวั่นจื่อแล้ว

หลังจากจัดการศัตรูที่อยู่ตรงหน้าได้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้หันกลับมาอย่างไม่ลนลาน ใช้เคล็ดกระบี่ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ปัดอาวุธลับที่เข้ามาจากทั่วสารทิศ ขณะเดียวกันก็สังเกตตำแหน่งยืนของฝ่ายตรงข้ามด้วย

เนื่องจากต้องการปล่อยอาวุธลับ ตำแหน่งดีของอีกฝ่ายจะต้องไม่กระจุกตัวแน่นอน

อย่างไรเสีย ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ก็ไม่ใช่เกมออนไลน์ดั้งเดิมประเภทที่โจมตีออกไปแล้วจะแยกแยะฝ่ายตัวเองกับฝ่ายศัตรูให้โดยอัตโนมัติ

ในเกมออนไลน์ดั้งเดิมแบบนั้น เมื่อเจอกับศึกตะลุมบอนที่ไม่แบ่งแยกฝ่ายตัวเองกับฝ่ายศัตรู ขอเพียงปรับโหมดการโจมตีให้ดี สายอาชีพนักเวทใช้สกิลการโจมตีหมู่ได้โดยตรง ผู้ที่โชคร้ายไม่ใช่เพื่อนในทีมตัวเองแน่นอน

แต่ใน ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ถ้าเล่นแบบนี้ ก็จะทำให้ฝ่ายตัวเองตายยกทีมแน่นอน

ถ้าตำแหน่งการยืนของพวกเขากระจุกตัวเกินไป ด้วยความเร็วท่าร่างของเยี่ยเว่ยหมิง ขอเพียงทนดาเมจพุ่งเข้าไป ก็จะทำให้พวกเขาใช้ประโยชน์จากอาวุธลับไม่ได้แล้ว

ดังนั้นหลังจากเปลี่ยนมาใช้อาวุธลับแต่ก็ไม่ได้ชำนาญด้านอาวุธลับเป็นพิเศษ ผู้เล่นสำนักภูเขาหิมะกลุ่มนี้ก็ยืนกระจายโดยอัตโนมัติ พยายามไม่ให้เยี่ยเว่ยหมิงได้ฉวยโอกาส

พอเยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้น ภายนอกก็ยังดูไม่สะทกสะท้าน แต่ในใจกลับเริงร่าแล้ว

เพราะนี่คือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ!

เขาแค่ใช้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ป้องกันระหว่างที่โจมตีอยู่ในวงล้อมต่อ ส่วนสายตาก็คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงรูปกระบวนทัพของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้

จะว่าไปแล้ว วันนี้ก็โชคดีเหมือนกันที่คู่ต่อสู้ทั้งหมดเป็นลูกศิษย์สำนักภูเขาหิมะ

เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นหรือ NPC การฝึกวิชาของพวกเขาก็เน้นไปที่ด้านเดียว สำนักภูเขาหิมะเป็นสำนักกระบี่ ลูกศิษย์ในสำนักแม้ส่วนใหญ่จะฝึกกระบี่เป็นหลัก แต่ส่วนหนึ่งก็ฝึกวิชาอาวุธลับด้วย ตอนโจมตีมอนสเตอร์จะได้ล่อมอนสเตอร์ได้สะดวก รวมทั้งใช้ในการต่อสู้ที่เป็นสถานการณ์พิเศษ แต่ไม่ว่าจะเป็นเลเวล คุณภาพหรือเคล็ดจิตกำลังภายในที่ใช้คู่กัน ก็ล้วนทำให้พวกเขาไม่มีทางแสดงประสิทธิภาพของอาวุธลับจนถึงขีดจำกัดสูงสุดได้

เขาแค่ต้องหลีกเลี่ยงภัยคุกคามที่ค่อนข้างใหญ่ ส่วนที่เหลือก็ใช้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ปัดทิ้งอย่างง่ายดาย ท่ามกลางวงล้อมโจมตีอาวุธลับที่หนาแน่นเหมือนห่าฝน เขาก็ทำได้ถึงขั้นชำนาญเช่นกัน

ถ้าเปลี่ยนให้ผู้เล่นสำนักถังเหมินสามสิบกว่าคนใช้กระบวนรบแบบนี้ ต่อให้เป็นคนกล้าหาญอย่างเยี่ยเว่ยหมิง แต่เขาก็ไม่กล้าเล่นแบบนี้อยู่ดี!

หลังจากป้องกันได้พักหนึ่ง จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็เหมือนเห็นแสงสว่างตรงหน้า

เขาพลันคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ใช้คมอันน่าทึ่งของกระบี่ชิงชัยเป่าอาวุธลับที่โจมตีมาทางเขาจนกระเด็นออกไปหมด ขณะเดียวกันก็ใช้ท่าร่าง ‘ชั่วอึดใจหมื่นลี้’ จนถึงขีดจำกัดสูงสุดพุ่งตรงไปยังผู้เล่นสองคนที่อยู่ตรงประตูวัดร้าง

ความเร็วของท่าร่างนี้ ทำให้กลุ่มศิษย์สำนักภูเขาหิมะเห็นเพียงเงาเลือนรางเท่านั้น!

จนกระทั่งตอนนี้ พวกศิษย์สำนักภูเขาหิมะถึงได้หวาดกลัวเพราะค้นพบว่า ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงปลิดชีพ NPC สองคนก่อนหน้านี้ ที่แท้ยังออมแรงไว้ด้วย

เมื่อเทียบกับตอนเลี้ยวไปฆ่าฮวาวั่นจื่อกะทันหัน อย่างน้อยท่าร่างที่เขาใช้ตอนนี้ก็เร็วกว่าเกือบหนึ่งเท่า!

[1] สุดแผนที่ ปรากฏมีดสั้น 图穷匕见 หมายถึง เมื่อเหตุการณ์มาถึงที่สุดแล้ว ความจริงก็จะปรากฏขึ้นมาเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด