ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 227 หลวงจีนไว้ผมสุดโหด!

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 227 หลวงจีนไว้ผมสุดโหด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 227 หลวงจีนไว้ผมสุดโหด!

ฟ่านเหยาในฐานะที่เป็นทูตขวาของพรรคจรัส มีฐานะเทียบเท่าหยางเซียวได้ แค่คิดก็รู้แล้วว่ามีฝีมือขนาดไหน

หลังจากอินปู้คุยทำภารกิจช่วยเหลือจี้เสี่ยวฝูล้มเหลวก่อนหน้านี้ก็เคยมาบ่นเรื่องของหยางเซียวให้เยี่ยเว่ยหมิงฟังนิดหน่อย ถือโอกาสบอกว่าฝีมือของหยางเซียวสามารถจับเจ้าสำนักใหญ่ๆ แขวนโจมตีได้!

แม้บรรดาเจ้าสำนักใหญ่ที่ถูกเขาจับแขวนโจมตีจะเป็นพวกฝีมืออ่อนด้อยในวงการ แต่ก็อธิบายได้แล้วว่าฝีมือของเขาโรคจิตขนาดไหน!

เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยความรู้ด้านคณิตศาสตร์ที่ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องหลังจากเข้าเกมมาเพื่อคำนวณอย่างคร่าวๆ ได้ข้อสรุปว่า

ฟ่านเหยา ≈ หยางเซียว>บรรดาเจ้าสำนักใหญ่มีชื่อเสียงบางคน ≥ เลเวล 85!

อิงตามข้อมูลที่ระบบส่งมาให้ ฝีมือของเจ้าสำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียงทุกคนล้วนต้องมีเลเวลแปดสิบห้าขึ้นไป

ถ้าเจ้าพบว่าเจ้าสำนักไหนมีเลเวลต่ำกว่าเลเวลนี้ ก็บอกได้เพียงว่ากำลังของสำนักนั้นนับเป็นสำนักที่มีอิทธิพลในยุทธภพได้ แต่นับเป็นสำนักใหญ่ไม่ได้แน่นอน

ยกตัวอย่างเช่น อวี๋ชางไห่แห่งสำนักชิงเฉิง ยกตัวอย่างสำเร็จ

ส่วนคำว่า ‘จับแขวนโจมตี’ ที่อินปู้คุยบรรยาย ก็มีความหมายลึกซึ้งมากเช่นกัน ต้องทราบว่าในบรรดา NPC หากเลเวลต่างกันห้าเลเวล โดยทั่วไปก็กล่าวได้เพียงว่ามีโอกาสชนะหนึ่งขั้น ส่วนเลเวลต่างกันสิบเลเวล ถึงจะรับประกันได้ว่ามีโอกาสชนะแน่นอนเมื่ออยู่ในการต่อสู้ที่เท่าเทียมกัน ส่วนเลเวลที่ต่างกันยี่สิบขึ้นไป นั่นถึงจะเรียกว่าปรากฏการณ์จับแขวนโจมตี

เมื่อคำนวณอย่างนี้แล้ว ฟ่านเหยาที่อยู่ในร่างสมบูรณ์ ฝีมือจะต้องอยู่ในเลเวลหนึ่งร้อยห้าขึ้นไปแน่นอน ถึงขั้นสูงกว่านั้นด้วย!

แต่ไม่ว่าเขาในร่างสมบูรณ์จะเก่งกาจอย่างไร สิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญหน้าในตอนนี้ก็เป็นเพียงบอสโหมดภารกิจที่ถูกตอนแล้วเท่านั้น ทั้งยังอยู่ในสถานะบาดเจ็บสาหัสด้วย

บอสที่อยู่ในเวอร์ชันถูกตอนแบบนี้ นอกจากเลเวล ศักยภาพที่สู้ร่างเดิมไม่ได้แล้ว ก็ยังมีอีกจุดเด่นหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือเมื่อแสดงข้อมูลบอสออกมา เขาก็เป็นเพียงบอสคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีสติปัญญาเหมือนที่ NPC ระดับสูงควรจะมี

ความโดดเด่นที่แสดงออกมาก็คือ บอสประเภทนี้อ่อนไหวต่อสกิลประเภทควบคุม

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงใช้สุดยอดทักษะ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ เย้ยหยันเขาโดยเฉพาะ

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังงอนิ้วคำนวณ หลวงจีนไว้ผมก็ตาแดงก่ำทันที ยกเท้าเดินออกไปนอกประตูวัดแล้ว อวิ๋นหวาซั่งเซียนเห็นแล้วตะโกนห้ามทันที แต่บอสที่ถูก ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ เย้ยหยันแล้วมีหรือที่จะฟังคำพูดเขา

เพียงแต่ตอนที่หลวงจีนไว้ผมเดินออกมาตรงประตูวัด เมื่อเห็นว่ากำลังจะก้าวออกไปอีกก้าว ตอนที่กำลังจะก้าวพ้นประตูวัด กลับหยุดฝีเท้ากะทันหัน ได้แต่ใช้สองตาแดงก่ำจ้องเยี่ยเว่ยหมิง พร้อมตะคอกอย่างโมโห “เจ้าเด็กเวร เก่งนักก็เข้ามาสู้กับข้าสักตั้ง!”

เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้น ฉางซิงอวี่ก็ยักไหล่เล็กน้อย แล้วพูดในช่องทีม [เห็นไหมล่ะ เขาบอกแล้วว่าเขาออกจากวัดไม่ได้]

“นี่เป็นข่าวดี!” เยี่ยเว่ยหมิงตาเป็นประกาย แล้วบอกในช่องทีม [ในเมื่อระบบกำหนดไว้แล้วว่าเจ้าหมอนี่ออกจากวัดร้างไม่ได้ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จัดการง่ายขึ้นแล้ว]

[ยิงโจมตีระยะไกลต่อไป อย่าให้พวกเขาเข้ามาก่อกวนข้า ให้เวลาข้าเตรียมตัวไม่กี่นาทีก็พอ ข้าจะฆ่า มอนสเตอร์ พวกเจ้าต้องสังเกตการเคลื่อนไหวของข้าตลอดเวลา ถ้าข้าเคลื่อนไหวเมื่อไร ก็พุ่งเข้าไปทำศึกตัดสินได้เลย!]

พอพูดจบแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่บ่นอะไรอีก เริ่มรวบรวมสมาธิคำนวณโจทย์คณิตศาสตร์ทันที

แม้เพื่อนในทีมอาจจะยังมีคนสงสัยเรื่องคุณธรรมของเยี่ยเว่ยหมิง แต่ไม่มีใครสงสัยเรื่องความสามารถของเขาแน่นอน

เมื่อเห็นเขามีความมั่นใจขนาดนี้ ทุกคนก็เอ่ยรับทันที จากนั้นสามคนในทีมที่รับหน้าที่โจมตีระยะไกลก็เริ่มปฏิบัติการ พวกเขาไม่โจมตีฟ่านเหยาเลย สนใจแต่ใช้อาวุธลับชนิดต่างๆ ไปทักทายกับผู้เล่นคนอื่นที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

ส่วนหนิวจื้อชุนกับน้องดาบที่โจมตีระยะไกลไม่เป็น ก็ต่างคนต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหลายก้าว แล้วไปหยุดอยู่ตรงจุดที่ห่างจากประตูวัดหนึ่งจั้ง (3.33 เมตร) คนหนึ่งถือดาบยาว อีกคนถือทวนเถี่ยเจี้ยง เตรียมตัวต่อสู้เรียบร้อยแล้ว

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงที่เป็นศูนย์กลางของทุกคน ตอนนี้กลับเผยสีหน้าเหมือนดีใจอย่างบ้าคลั่ง

ตอนที่ยังไม่คำนวณก็ไม่รู้ พอคำนวณแล้วถึงได้พบว่า การตอบสนองอันรวดเร็วที่มาจาก ‘เงาของเทพกระบี่’ ไม่น่าเชื่อว่าตอนคำนวณโจทย์คณิตศาสตร์ก็มีเหมือนกัน!

ตอนนี้ความเร็วในการคำนวณเลขของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่หนึ่งเท่าเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเริ่มมีสมาธิกับการคำนวณเลข เพื่อนในทีมก็เริ่มต่อสู้กับผู้เล่นที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่ได้อาศัยเพียงอาวุธลับเท่านั้น ขนาดมีคู่ต่อสู้แค่สามคนก่อนหน้านี้ พวกเขายังทำอะไรไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่มีสี่คน

พวกเขาโจมตีด้วยอาวุธลับอย่างสุดกำลัง ผลที่ได้ก็คือทำให้ผู้ต่อสู้ต้องจดจ่ออยู่กับการรับมือเท่านั้น

ส่วนการทำให้ศัตรูบาดเจ็บ? ไม่มีหรอก!

1 นาที 39 วินาที

หลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งนาทีสามสิบเก้าวินาที เยี่ยเว่ยหมิงก็คำนวณโจทย์คณิตศาสตร์ของเขาเสร็จแล้ว จากนั้นตัวก็เดินตามกระบี่ไป แทบจะแทงกระบี่ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ตรงไปที่หัวใจของหลวงจีนไว้ผม

ไซซีที่ออกจากยุทธภพไปนาน ออกจากภูเขาอีกครั้งก็มากุมดวงใจแล้ว!

เกือบจะเป็นเวลาเดียวกับที่เยี่ยเว่ยหมิงคำนวณเลขเสร็จ หลวงจีนไว้ผมฟื้นตัวออกมาจากความโกรธเพราะถูกเอฟเฟ็กต์เย้ยหยันของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ แล้ว พอเห็นเยี่ยเว่ยหมิงใช้กระบี่นี้ทำร้าย ก็ชักตัวถอยหลังไปสามก้าว

ตอนที่ทุกคนพากันคิดว่าเขาถอยจนหมดทางถอยแล้ว สมควรได้พิจารณารับกระบี่นี้ของเยี่ยเว่ยหมิงไว้ซึ่งๆ หน้า กลับคาดไม่ถึงว่าหลวงจีนไว้ผมจะหยุดอยู่กับที่กะทันหัน ขณะเดียวกันก็ชักกระบี่ล้ำค่าที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมา แล้วก็ใช้ร่างกายที่มีเลือดเนื้อของตัวเองรับกับกระบี่แสงทองที่เยี่ยเว่ยหมิงแทงเข้ามา

ในระหว่างนั้นเขาเบี่ยงตัวเล็กน้อยเท่านั้น คิดจะหลบให้พ้นจุดสำคัญตรงหัวใจ แต่กลับถูกเยี่ยเว่ยหมิงเลี้ยวคมกระบี่เบาๆ อย่างล่วงรู้เหตุการณ์ กระบี่แสงทองยังคงแทงตรงเข้าหัวใจอีกฝ่ายอย่างไม่ผิดทิศทางเลยสักนิด!

ฉึก!

-24545!

แทงถูกจุดสำคัญเมื่ออยู่ในสถานะที่เปิดใช้งานเคล็ดจิตไท้ซัวเป็นไฉน ทำให้โจมตีเกิดดาเมจที่น่ากลัว เขาได้ล้างกระบวนการรับรู้เรื่องพลังโจมตีให้ผู้เล่นทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอีกครั้ง

จะว่าไปแล้ว เจ้าหมอนี่ต้องป่าเถื่อนขนาดไหนกันแน่ ถึงได้สร้างดาเมจที่น่ากลัวขนาดนี้ออกมาได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

โดยเฉพาะบรรดาผู้เล่นที่ยืนอยู่ตรงข้ามเยี่ยเว่ยหมิง เมื่อเห็นตัวเลขดาเมจที่น่ากลัวนี้แล้ว ก็มองความยาวของหลอดพลังชีวิตที่อยู่เหนือศีรษะตัวเองอีกครั้ง

จะว่าไป ถ้าตอนที่กำลังตะลุมบอนกันแล้วตัวเองถูกสกิลโจมตีหมู่ของอีกฝ่ายพลั้งทำให้เกิดผลปลิดชีพขึ้นมาล่ะ

ทว่าตอนนี้พวกเขากลับไม่มีเวลามาครุ่นคิดเรื่องนี้อย่างละเอียด เพราะขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงลงมือโจมตี น้องดาบกับหนิวจื้อชุนก็ต่างคนต่างถืออาวุธพุ่งเข้ามากลางวัดร้างโหย่วเจียนแล้ว

น้องดาบรับมือกับคู่ภูเขาหิมะวิหคทองอย่างขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกิน ส่วนหนิวจื้อชุนก็โบกเถี่ยเจี้ยงราวกับล้อรถ โจมตีไปยังศิษย์สำนักดาบโลหิตที่ชื่อคนธรรมดาเดินดิน

อวิ๋นหวาซั่งเซียนที่อยู่ข้างๆ กำลังคิดจะลงมือโจมตีเยี่ยเว่ยหมิงพอดี แต่กลับถูกฉางซิงอวี่ที่เก็บธนูและนำดาบสองคมสามแฉกออกมาขวางไว้

ถังซานไฉ่กับสะพานสวรรค์น้อยที่ตามมาติดๆ รีบสังเกตการณ์สถานการณ์ในสนามรบ แล้วก็ถล่มอาวุธลับกำหนึ่งไปยังคนธรรมดาเดินดินศิษย์สำนักดาบโลหิต

จนกระทั่งตอนนี้ มีเพียงฝั่งหนิวจื้อชุนที่ได้เปรียบในการต่อสู้ที่สุด ถือคติว่าทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสิบนิ้วไม่สู้กำจัดหนึ่งนิ้วของอีกฝ่ายทิ้ง ถังซานไฉ่กับสะพานสวรรค์เลือกรังแกคนที่อ่อนแออย่างไม่ลังเล

ตอนนี้ศูนย์กลางการต่อสู้น่าหวาดเสียวกว่าวิกฤตที่คนธรรมดาเดินดินเผชิญเป็นร้อยเท่า!

ภายใต้การโจมตีนี้ ค่าพลังชีวิตเหนือศีรษะของหลวงจีนไว้ผมถูกเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีหายไปแล้วเกือบหนึ่งในสิบส่วน!

แต่เจ้าหมอนี่ก็เป็นตัวละครที่โหดมากเช่นกัน ตามต้นฉบับเดิมเขามีใบหน้าที่หล่อเหลามาก แต่บทจะทำลายให้เสียโฉมก็ทำลายเลย แม้จะเป็นประมุขเซียงที่อยู่พรรคเดียวกัน บทจะเขาฆ่าก็ฆ่าเลย นิ้วของตัวเองบทจะตัดทิ้งก็ตัดทิ้งทันที!

พอกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงแทงถูกหัวใจของอีกฝ่าย แม้จะโจมตีจนเกิดดาเมจสูงมากจนทำให้สายตาของทุกคนตกตะลึง แต่ขณะเดียวกันกระบี่ล้ำค่าที่อยู่ในมือเขากำลังภายในกลุ่มหนึ่งตรึงไว้เช่นกัน ถึงขั้นทำให้การเคลื่อนไหวของเขาช้าไปเล็กน้อยด้วย

ส่วนหลวงจีนไว้ผมก็ฉวยโอกาสตอนที่เขาเคลื่อนไหวช้าลง เหยียดกระบี่ตรงออกมา แทงตรงมาที่หัวใจของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว

คนผีร่วมวิถี!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 227 หลวงจีนไว้ผมสุดโหด!

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 227 หลวงจีนไว้ผมสุดโหด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 227 หลวงจีนไว้ผมสุดโหด!

ฟ่านเหยาในฐานะที่เป็นทูตขวาของพรรคจรัส มีฐานะเทียบเท่าหยางเซียวได้ แค่คิดก็รู้แล้วว่ามีฝีมือขนาดไหน

หลังจากอินปู้คุยทำภารกิจช่วยเหลือจี้เสี่ยวฝูล้มเหลวก่อนหน้านี้ก็เคยมาบ่นเรื่องของหยางเซียวให้เยี่ยเว่ยหมิงฟังนิดหน่อย ถือโอกาสบอกว่าฝีมือของหยางเซียวสามารถจับเจ้าสำนักใหญ่ๆ แขวนโจมตีได้!

แม้บรรดาเจ้าสำนักใหญ่ที่ถูกเขาจับแขวนโจมตีจะเป็นพวกฝีมืออ่อนด้อยในวงการ แต่ก็อธิบายได้แล้วว่าฝีมือของเขาโรคจิตขนาดไหน!

เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยความรู้ด้านคณิตศาสตร์ที่ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องหลังจากเข้าเกมมาเพื่อคำนวณอย่างคร่าวๆ ได้ข้อสรุปว่า

ฟ่านเหยา ≈ หยางเซียว>บรรดาเจ้าสำนักใหญ่มีชื่อเสียงบางคน ≥ เลเวล 85!

อิงตามข้อมูลที่ระบบส่งมาให้ ฝีมือของเจ้าสำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียงทุกคนล้วนต้องมีเลเวลแปดสิบห้าขึ้นไป

ถ้าเจ้าพบว่าเจ้าสำนักไหนมีเลเวลต่ำกว่าเลเวลนี้ ก็บอกได้เพียงว่ากำลังของสำนักนั้นนับเป็นสำนักที่มีอิทธิพลในยุทธภพได้ แต่นับเป็นสำนักใหญ่ไม่ได้แน่นอน

ยกตัวอย่างเช่น อวี๋ชางไห่แห่งสำนักชิงเฉิง ยกตัวอย่างสำเร็จ

ส่วนคำว่า ‘จับแขวนโจมตี’ ที่อินปู้คุยบรรยาย ก็มีความหมายลึกซึ้งมากเช่นกัน ต้องทราบว่าในบรรดา NPC หากเลเวลต่างกันห้าเลเวล โดยทั่วไปก็กล่าวได้เพียงว่ามีโอกาสชนะหนึ่งขั้น ส่วนเลเวลต่างกันสิบเลเวล ถึงจะรับประกันได้ว่ามีโอกาสชนะแน่นอนเมื่ออยู่ในการต่อสู้ที่เท่าเทียมกัน ส่วนเลเวลที่ต่างกันยี่สิบขึ้นไป นั่นถึงจะเรียกว่าปรากฏการณ์จับแขวนโจมตี

เมื่อคำนวณอย่างนี้แล้ว ฟ่านเหยาที่อยู่ในร่างสมบูรณ์ ฝีมือจะต้องอยู่ในเลเวลหนึ่งร้อยห้าขึ้นไปแน่นอน ถึงขั้นสูงกว่านั้นด้วย!

แต่ไม่ว่าเขาในร่างสมบูรณ์จะเก่งกาจอย่างไร สิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญหน้าในตอนนี้ก็เป็นเพียงบอสโหมดภารกิจที่ถูกตอนแล้วเท่านั้น ทั้งยังอยู่ในสถานะบาดเจ็บสาหัสด้วย

บอสที่อยู่ในเวอร์ชันถูกตอนแบบนี้ นอกจากเลเวล ศักยภาพที่สู้ร่างเดิมไม่ได้แล้ว ก็ยังมีอีกจุดเด่นหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือเมื่อแสดงข้อมูลบอสออกมา เขาก็เป็นเพียงบอสคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีสติปัญญาเหมือนที่ NPC ระดับสูงควรจะมี

ความโดดเด่นที่แสดงออกมาก็คือ บอสประเภทนี้อ่อนไหวต่อสกิลประเภทควบคุม

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงใช้สุดยอดทักษะ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ เย้ยหยันเขาโดยเฉพาะ

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังงอนิ้วคำนวณ หลวงจีนไว้ผมก็ตาแดงก่ำทันที ยกเท้าเดินออกไปนอกประตูวัดแล้ว อวิ๋นหวาซั่งเซียนเห็นแล้วตะโกนห้ามทันที แต่บอสที่ถูก ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ เย้ยหยันแล้วมีหรือที่จะฟังคำพูดเขา

เพียงแต่ตอนที่หลวงจีนไว้ผมเดินออกมาตรงประตูวัด เมื่อเห็นว่ากำลังจะก้าวออกไปอีกก้าว ตอนที่กำลังจะก้าวพ้นประตูวัด กลับหยุดฝีเท้ากะทันหัน ได้แต่ใช้สองตาแดงก่ำจ้องเยี่ยเว่ยหมิง พร้อมตะคอกอย่างโมโห “เจ้าเด็กเวร เก่งนักก็เข้ามาสู้กับข้าสักตั้ง!”

เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้น ฉางซิงอวี่ก็ยักไหล่เล็กน้อย แล้วพูดในช่องทีม [เห็นไหมล่ะ เขาบอกแล้วว่าเขาออกจากวัดไม่ได้]

“นี่เป็นข่าวดี!” เยี่ยเว่ยหมิงตาเป็นประกาย แล้วบอกในช่องทีม [ในเมื่อระบบกำหนดไว้แล้วว่าเจ้าหมอนี่ออกจากวัดร้างไม่ได้ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จัดการง่ายขึ้นแล้ว]

[ยิงโจมตีระยะไกลต่อไป อย่าให้พวกเขาเข้ามาก่อกวนข้า ให้เวลาข้าเตรียมตัวไม่กี่นาทีก็พอ ข้าจะฆ่า มอนสเตอร์ พวกเจ้าต้องสังเกตการเคลื่อนไหวของข้าตลอดเวลา ถ้าข้าเคลื่อนไหวเมื่อไร ก็พุ่งเข้าไปทำศึกตัดสินได้เลย!]

พอพูดจบแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่บ่นอะไรอีก เริ่มรวบรวมสมาธิคำนวณโจทย์คณิตศาสตร์ทันที

แม้เพื่อนในทีมอาจจะยังมีคนสงสัยเรื่องคุณธรรมของเยี่ยเว่ยหมิง แต่ไม่มีใครสงสัยเรื่องความสามารถของเขาแน่นอน

เมื่อเห็นเขามีความมั่นใจขนาดนี้ ทุกคนก็เอ่ยรับทันที จากนั้นสามคนในทีมที่รับหน้าที่โจมตีระยะไกลก็เริ่มปฏิบัติการ พวกเขาไม่โจมตีฟ่านเหยาเลย สนใจแต่ใช้อาวุธลับชนิดต่างๆ ไปทักทายกับผู้เล่นคนอื่นที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

ส่วนหนิวจื้อชุนกับน้องดาบที่โจมตีระยะไกลไม่เป็น ก็ต่างคนต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหลายก้าว แล้วไปหยุดอยู่ตรงจุดที่ห่างจากประตูวัดหนึ่งจั้ง (3.33 เมตร) คนหนึ่งถือดาบยาว อีกคนถือทวนเถี่ยเจี้ยง เตรียมตัวต่อสู้เรียบร้อยแล้ว

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงที่เป็นศูนย์กลางของทุกคน ตอนนี้กลับเผยสีหน้าเหมือนดีใจอย่างบ้าคลั่ง

ตอนที่ยังไม่คำนวณก็ไม่รู้ พอคำนวณแล้วถึงได้พบว่า การตอบสนองอันรวดเร็วที่มาจาก ‘เงาของเทพกระบี่’ ไม่น่าเชื่อว่าตอนคำนวณโจทย์คณิตศาสตร์ก็มีเหมือนกัน!

ตอนนี้ความเร็วในการคำนวณเลขของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่หนึ่งเท่าเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเริ่มมีสมาธิกับการคำนวณเลข เพื่อนในทีมก็เริ่มต่อสู้กับผู้เล่นที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่ได้อาศัยเพียงอาวุธลับเท่านั้น ขนาดมีคู่ต่อสู้แค่สามคนก่อนหน้านี้ พวกเขายังทำอะไรไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่มีสี่คน

พวกเขาโจมตีด้วยอาวุธลับอย่างสุดกำลัง ผลที่ได้ก็คือทำให้ผู้ต่อสู้ต้องจดจ่ออยู่กับการรับมือเท่านั้น

ส่วนการทำให้ศัตรูบาดเจ็บ? ไม่มีหรอก!

1 นาที 39 วินาที

หลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งนาทีสามสิบเก้าวินาที เยี่ยเว่ยหมิงก็คำนวณโจทย์คณิตศาสตร์ของเขาเสร็จแล้ว จากนั้นตัวก็เดินตามกระบี่ไป แทบจะแทงกระบี่ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ตรงไปที่หัวใจของหลวงจีนไว้ผม

ไซซีที่ออกจากยุทธภพไปนาน ออกจากภูเขาอีกครั้งก็มากุมดวงใจแล้ว!

เกือบจะเป็นเวลาเดียวกับที่เยี่ยเว่ยหมิงคำนวณเลขเสร็จ หลวงจีนไว้ผมฟื้นตัวออกมาจากความโกรธเพราะถูกเอฟเฟ็กต์เย้ยหยันของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ แล้ว พอเห็นเยี่ยเว่ยหมิงใช้กระบี่นี้ทำร้าย ก็ชักตัวถอยหลังไปสามก้าว

ตอนที่ทุกคนพากันคิดว่าเขาถอยจนหมดทางถอยแล้ว สมควรได้พิจารณารับกระบี่นี้ของเยี่ยเว่ยหมิงไว้ซึ่งๆ หน้า กลับคาดไม่ถึงว่าหลวงจีนไว้ผมจะหยุดอยู่กับที่กะทันหัน ขณะเดียวกันก็ชักกระบี่ล้ำค่าที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมา แล้วก็ใช้ร่างกายที่มีเลือดเนื้อของตัวเองรับกับกระบี่แสงทองที่เยี่ยเว่ยหมิงแทงเข้ามา

ในระหว่างนั้นเขาเบี่ยงตัวเล็กน้อยเท่านั้น คิดจะหลบให้พ้นจุดสำคัญตรงหัวใจ แต่กลับถูกเยี่ยเว่ยหมิงเลี้ยวคมกระบี่เบาๆ อย่างล่วงรู้เหตุการณ์ กระบี่แสงทองยังคงแทงตรงเข้าหัวใจอีกฝ่ายอย่างไม่ผิดทิศทางเลยสักนิด!

ฉึก!

-24545!

แทงถูกจุดสำคัญเมื่ออยู่ในสถานะที่เปิดใช้งานเคล็ดจิตไท้ซัวเป็นไฉน ทำให้โจมตีเกิดดาเมจที่น่ากลัว เขาได้ล้างกระบวนการรับรู้เรื่องพลังโจมตีให้ผู้เล่นทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอีกครั้ง

จะว่าไปแล้ว เจ้าหมอนี่ต้องป่าเถื่อนขนาดไหนกันแน่ ถึงได้สร้างดาเมจที่น่ากลัวขนาดนี้ออกมาได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

โดยเฉพาะบรรดาผู้เล่นที่ยืนอยู่ตรงข้ามเยี่ยเว่ยหมิง เมื่อเห็นตัวเลขดาเมจที่น่ากลัวนี้แล้ว ก็มองความยาวของหลอดพลังชีวิตที่อยู่เหนือศีรษะตัวเองอีกครั้ง

จะว่าไป ถ้าตอนที่กำลังตะลุมบอนกันแล้วตัวเองถูกสกิลโจมตีหมู่ของอีกฝ่ายพลั้งทำให้เกิดผลปลิดชีพขึ้นมาล่ะ

ทว่าตอนนี้พวกเขากลับไม่มีเวลามาครุ่นคิดเรื่องนี้อย่างละเอียด เพราะขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงลงมือโจมตี น้องดาบกับหนิวจื้อชุนก็ต่างคนต่างถืออาวุธพุ่งเข้ามากลางวัดร้างโหย่วเจียนแล้ว

น้องดาบรับมือกับคู่ภูเขาหิมะวิหคทองอย่างขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกิน ส่วนหนิวจื้อชุนก็โบกเถี่ยเจี้ยงราวกับล้อรถ โจมตีไปยังศิษย์สำนักดาบโลหิตที่ชื่อคนธรรมดาเดินดิน

อวิ๋นหวาซั่งเซียนที่อยู่ข้างๆ กำลังคิดจะลงมือโจมตีเยี่ยเว่ยหมิงพอดี แต่กลับถูกฉางซิงอวี่ที่เก็บธนูและนำดาบสองคมสามแฉกออกมาขวางไว้

ถังซานไฉ่กับสะพานสวรรค์น้อยที่ตามมาติดๆ รีบสังเกตการณ์สถานการณ์ในสนามรบ แล้วก็ถล่มอาวุธลับกำหนึ่งไปยังคนธรรมดาเดินดินศิษย์สำนักดาบโลหิต

จนกระทั่งตอนนี้ มีเพียงฝั่งหนิวจื้อชุนที่ได้เปรียบในการต่อสู้ที่สุด ถือคติว่าทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสิบนิ้วไม่สู้กำจัดหนึ่งนิ้วของอีกฝ่ายทิ้ง ถังซานไฉ่กับสะพานสวรรค์เลือกรังแกคนที่อ่อนแออย่างไม่ลังเล

ตอนนี้ศูนย์กลางการต่อสู้น่าหวาดเสียวกว่าวิกฤตที่คนธรรมดาเดินดินเผชิญเป็นร้อยเท่า!

ภายใต้การโจมตีนี้ ค่าพลังชีวิตเหนือศีรษะของหลวงจีนไว้ผมถูกเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีหายไปแล้วเกือบหนึ่งในสิบส่วน!

แต่เจ้าหมอนี่ก็เป็นตัวละครที่โหดมากเช่นกัน ตามต้นฉบับเดิมเขามีใบหน้าที่หล่อเหลามาก แต่บทจะทำลายให้เสียโฉมก็ทำลายเลย แม้จะเป็นประมุขเซียงที่อยู่พรรคเดียวกัน บทจะเขาฆ่าก็ฆ่าเลย นิ้วของตัวเองบทจะตัดทิ้งก็ตัดทิ้งทันที!

พอกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงแทงถูกหัวใจของอีกฝ่าย แม้จะโจมตีจนเกิดดาเมจสูงมากจนทำให้สายตาของทุกคนตกตะลึง แต่ขณะเดียวกันกระบี่ล้ำค่าที่อยู่ในมือเขากำลังภายในกลุ่มหนึ่งตรึงไว้เช่นกัน ถึงขั้นทำให้การเคลื่อนไหวของเขาช้าไปเล็กน้อยด้วย

ส่วนหลวงจีนไว้ผมก็ฉวยโอกาสตอนที่เขาเคลื่อนไหวช้าลง เหยียดกระบี่ตรงออกมา แทงตรงมาที่หัวใจของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว

คนผีร่วมวิถี!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด