ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 155 ประกาศิตกระบี่บุปผาโร

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 155 ประกาศิตกระบี่บุปผาโร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 155 ประกาศิตกระบี่บุปผาโรย

โหยวโหยวเป็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวฉับไว ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องอะไร ก็ไม่เคยชักช้ายืดยาด

เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งจะเขียนแผนปฏิบัติการฉบับร่างที่ชื่อว่า ‘ขับเสือไปกินสุนัขป่า’ เสร็จ กำลังรอเป่าน้ำหมึกบนกระดาษให้แห้ง พิราบสื่อสารของโหยวโหยวก็เจาะหน้าต่างเข้ามาแล้ว

[ตอนนี้ข้าอยู่นอกประตูใหญ่ของสำนักมือปราบเทพ ทหารยามไม่ให้ข้าเข้าไป]…โหยวโหยว

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ นำแผนปฏิบัติการฉบับร่างที่เพิ่งเขียนเสร็จยัดเข้ากระเป๋าสะพายหลัง จากนั้นลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป

นอกประตูใหญ่ของสำนักมือปราบเทพ โหยวโหยวยืนสง่าอยู่กลางถนนที่อยู่ตรงข้ามประตูใหญ่ ร่างกายสูงสง่าราวต้นสน ดูเคารพในหน้าที่ยิ่งกว่า NPC ทหารยามสองคนที่กำลังยืนยามอยู่เสียอีก เมื่อนางเห็นเยี่ยเว่ยหมิงเดินออกมาอย่างไม่รีบร้อน ก็รีบก้าวขึ้นไปรับทันที ถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นว่า “ปืนของเจ้าล่ะ รีบนำออกมาให้ข้าดู ข้ารอไม่ไหวแล้ว”

“ปืนของข้าก็คือปืนของเจ้า ถ้าจะพูดให้ถูก เจ้าของปืนนี้กำลังจะเป็นเจ้าแล้ว” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งคำขอซื้อขายไปให้อีกฝ่ายทันที วางปืนไฟไว้ในแถบการซื้อขาย ส่วนโหยวโหยวก็วางเงิน 500 เหรียญทอง หลังจากทั้งสองฝ่ายกดยืนยันแล้ว การซื้อขายก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ขณะมองโหยวโหยวกำลังเล่นปืนอย่างโปรดปรานจนวางไม่ลง เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มพร้อมถามว่า “เป็นอย่างไร ปืนนี้ไม่เลวเลยใช่ไหม”

“นี่เป็นปืนโบราณที่ล้าหลังที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา ไม่มีกระบอกไหนเทียบได้แล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิง: …

“ฮิฮิ ข้าล้อเล่น” โหยวโหยวใช้นิ้วควงปืนไฟสองสามรอบ ด้วยฝีมือชำนาญเหมือนคาวบอยในภาพยนตร์ พร้อมทั้งบอกว่า “นำปืนในชีวิตจริงเข้ามาใช้ในเกมไม่ได้อยู่แล้ว แต่ปืนกระบอกนี้กลับเป็นปืนเพียงกระบอกเดียวที่ข้าเห็นในเกม ไม่เพียงแค่ใช้คล่องมือ แม้แต่ค่าสเตตัสก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน!”

“ข้าชอบสุดๆ เลย!”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็ถามสิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่ง “เหมาะกับทักษะของเจ้าใช่ไหม”

อุปกรณ์กับทักษะจะเหมาะสมกันหรือไม่ จุดนี้ส่งผลกระทบเยอะมากในเกม

ก็เหมือนที่เยี่ยเว่ยหมิงชำนาญเคล็ดกระบี่ เมื่อมีกระบี่มังกรคำรามที่พลังโจมตี +325 อยู่ในมือ ก็จะได้เสพสุขกับผลลัพธ์ของโบนัสดาเมจ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นอาวุธอย่างอื่นที่เขาไม่ถนัด ยกตัวอย่างเช่นดาบ ต่อให้เป็นดาบวิเศษที่มีพลังโจมตี 500 ขึ้นไป เมื่อโจมตีทั่วไปเหมือนกัน พลังทำลายล้างก็เทียบกับกระบี่มังกรคำรามไม่ได้อยู่ดี

สิ่งนี้ไม่ได้มีความสำคัญมากเมื่ออยู่ในช่วงต้นของเกม แต่ตามเลเวลทักษะของผู้เล่นที่เพิ่มสูงขึ้น ข้อจำกัดของอาวุธที่เปลี่ยนก็จะยิ่งชัดเจนขึ้น

หากระบบตัดสินว่าปืนกับหน้าไม้เป็นอาวุธคนละประเภทกัน เช่นนั้นอาวุธชิ้นนี้ก็จะเปลี่ยนจากของล้ำค่ากลายเป็นขยะทันที เพราะในเกมที่มีฉากหลังเป็นละครยอดยุทธ์คุณธรรมนี้ ผู้เล่นหาที่เรียน ‘วิชายิงปืน’ ไม่ได้จริงๆ

“ไม่ผิดหรอก ระบบตัดสินว่ามันเหมือนกับหน้าไม้ทุกอย่าง เพียงแต่กระสุนเปลี่ยนจากลูกดอกหน้าไม้เป็นลูกปืนเหล็กก็เท่านั้นเอง สิ่งนี้หาซื้อไม่ยาก” จนกระทั่งตอนนี้ โหยวโหยวถึงได้เก็บสายตากลับมาจากลูกรักที่อยู่ในมืออย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วยิ้มสวยให้เยี่ยเว่ยหมิง “ขอบคุณเจ้ามากนะ นึกไม่ถึงว่ามีของดีอย่างนี้แล้วจะนึกถึงข้าเป็นคนแรก”

“พอมีมัน ข้าก็มีความมั่นใจว่าจะทำภารกิจล่าสัตว์ของหานเป่าจวีสำเร็จแล้ว!”

เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้สนใจว่านางจะกำลังทำภารกิจอะไรอยู่ เพียงแต่เมื่อเห็นนางมีท่าทางอิ่มเอมใจ เขาก็รู้สึกดีใจแทนแม่นางสุดเท่คนนี้จากใจจริงเท่านั้นเอง

ทั้งสองพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยไม่กี่ประโยคตรงประตูใหญ่ของสำนักมือปราบเทพ จากนั้นก็ต่างคนต่างแยกย้าย รีบไปทำธุระของตัวเอง

เยี่ยเว่ยหมิงต้องการตรวจสอบกลยุทธ์ ‘ขับเสือไปกินสุนัขป่า’ ให้ละเอียดว่าไม่มีช่องโหว่ ส่วนโหยวโหยวก็ต้องไปทะเลทรายเพื่อทำภารกิจอีกครึ่งหนึ่งของตัวเองให้สำเร็จ

เช้าตรู่วันต่อมา เมื่อผู้เล่นสามคนของสำนักมือปราบเทพมาถึงห้องประชุมใหญ่ ต่างคนก็ต่างส่งแผนปฏิบัติการให้หวงโส่วจุนอ่าน

ส่วนหวงโส่วจุนหลังจากอ่านแผนปฏิบัติการฉบับร่างทีละแผ่นเสร็จแล้ว ก็กล่าวทันทีว่า “เยี่ยเว่ยหมิงอยู่ก่อน เฟยอวี๋กับซานเย่ว์ออกไปได้ จำไว้ว่าอย่าเพิ่งไปไหนไกล อยู่รอฟังคำสั่งก่อน”

เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสองก็อดมองไปที่เยี่ยเว่ยหมิงพร้อมกันไม่ได้ เฟยอวี๋ยกนิ้วหัวแม่มือให้เขา จากนั้นก็หันตัวเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ส่วนซานเย่ว์ก็แลบลิ้นอย่างทะเล้น ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมด้วยท่าทางเรียบร้อยจริงจัง

ในโถงใหญ่โตกว้างขวาง เหลือเพียงหวงโส่วจุนกับเยี่ยเว่ยหมิงสองคน หวงโส่วจุนกลับไม่ได้วิจารณ์แผนการ ‘ขับเสือไปกินสุนัขป่า’ ของเขาโดยตรง แต่โยนแผนการฉบับร่างของอีกสองคนให้เยี่ยเว่ยหมิง “เจ้าอ่านแผนการฉบับร่างของพวกเขาสองคนสักหน่อย แล้วแสดงความคิดเห็นของตัวเอง”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินก็ก้มลงอ่าน สิ่งแรกที่ปรากฏสู่สายตาก็คือแผนปฏิบัติการฉบับร่างของเฟยอวี๋ เขียนหัวข้อไว้ตัวใหญ่ว่า…ปฏิบัติการตัดหัว!

ในแผนการฉบับนี้ เฟยอวี๋พูดถึงวิธีการล่องูออกจากถ้ำสามวิธีการ แต่เป้าหมายมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือล่อให้อวี๋ชางไห่กับพรรคพวกออกจากเขาชิงเฉิง จากนั้นศิษย์ทั้งสามของสำนักมือปราบเทพพร้อมทั้งหลินผิงจือก็คอยดักซุ่มอยู่ระหว่างทาง แล้วโจมตีสังหารโดยให้ทหารสู้กับทหาร ให้แม่ทัพสู้กับแม่ทัพ ยังบอกด้วยว่าหากกำลังคนไม่พอ ก็แนะนำให้ใช้วิธีการเหมือนครั้งก่อน นั่นก็คือต่างคนต่างนำคนนอกสำนักมาช่วย

หลังจากอ่านแผนการของเฟยอวี๋จบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่ายหน้าน้อยๆ “มองออกเลยว่า เขาตั้งใจเขียนแผนการฉบับร่างนี้มาก อีกทั้งแผนที่เขาร่างขึ้นมาก็มีโอกาสสำเร็จสูงจริงๆ…

…แต่…ข้ารู้สึกว่า สำนักมือปราบเทพของพวกเราคือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของราชสำนัก ไม่ใช่องครักษ์เสื้อแพร หรือสำนักประจิม วิธีการแบบนี้แทบจะเหมือนการลอบสังหาร ข้ามักรู้สึกว่าเหมือนมีตรงไหนไม่ถูกต้อง”

“ที่เจ้าพูดนั้นไม่ผิด” หวงโส่วจุนได้ยินแล้วพยักหน้าชื่นชม “ข้ามอบหมายคำสั่งให้สำนักมือปราบเทพจัดระเบียบยุทธภพ เป้าหมายก็คือต้องการให้คนในยุทธภพเคารพยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง จำไว้นะ ว่าเป็นการเคารพยำเกรง ไม่ใช่ความตื่นกลัวหรือหวาดกลัว แผนการที่เฟยอวี๋ร่างออกมา แค่จุดเริ่มต้นก็ผิดแล้ว ต่อให้จะตั้งใจอย่างไร แต่ก็ยากที่จะทำออกมาให้ดีที่สุด”

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงเก็บแผนปฏิบัติการฉบับร่างของเฟยอวี๋แล้ว สายตาไปหยุดอยู่บนแผนของซานเย่ว์ เพียงแต่หลังจากมองแวบเดียว กลับเงยหน้าถามหวงโส่วจุนพร้อมยิ้มเจื่อน “อันนี้ ข้าขอไม่แสดงความเห็นได้ไหม”

ถ้าจะบอกว่าแผนของซานเย่ว์น่าตระหนกตกใจแค่ไหน ถึงทำให้เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นแสดงความเห็นไม่ได้ คำตอบก็คือทั้งแผนการฉบับร่างของนางเขียนอักษรไว้เพียงห้าตัวเท่านั้น……ข้าเชื่อฟังอาหมิง!

แล้วเจ้าจะให้เยี่ยเว่ยหมิงแสดงความเห็นได้อย่างไร

“ข้อดีของซานเย่ว์ก็คือรู้จักประเมินกำลังของตัวเอง” หวงโส่วจุนโบกมือ แล้วข้ามประเด็นของซานเย่ว์ไป กลับมาบอกเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ที่จริงแล้ว แม้แต่แผนการฉบับร่างของเจ้าก็มีจุดที่ไม่สมบูรณ์เหมือนกัน ทั้งยังมีข้อผิดพลาดแบบเดียวกับเฟยอวี๋ด้วย”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขมวดคิ้ว อย่าไปมองว่าภายนอกเขาเป็นคนถ่อมตัว เพราะลึกๆ แล้วเขามีความภาคภูมิใจในตัวเองมาก เขามั่นใจกับแผนการฉบับร่างของตัวเองมาก ไม่ได้คิดว่ามีปัญหาร้ายแรงตรงไหน

สำหรับคำตำหนิของหวงโส่วจุน เยี่ยเว่ยหมิงตอบกลับทันทีว่า “ข้าน้อยไม่เข้าใจ หวงโส่วจุนได้โปรดชี้แนะ”

“เจ้ายังรู้สึกไม่ยอมแพ้หรือ” หวงโส่วจุนยิ้มบางๆ ก่อนจะบอกอีกว่า “แผนการของเจ้าดีกว่าเฟยอวี๋เยอะมาก อย่างน้อยทิศทางภาพรวมก็ถือว่าถูกต้อง แต่ในเมื่อเจ้าต้องการจะขับเสือไปกินสุนัขป่า ก็ไม่ควรวางเหยื่อไว้ที่สำนักมือปราบเทพ…

…อย่างไรเสีย แผนของเจ้าก็ไม่ใช่กลยุทธ์ลับอะไร เป็นแผนกลยุทธ์เปิดเผยขนานแท้ กลยุทธ์เปิดเผยแม้จะดี แต่ก็มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง เจตนาที่จะยืมดาบฆ่าคนจะเปิดเผยออกมาหมด หากวางเหยื่อล่อไว้ที่สำนักมือปราบเทพ วางไว้ในมือข้า แม้จะทำให้แผนนี้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น แต่สุดท้ายก็จะกลายเป็นจุดด่างพร้อยของสำนักมือปราบเทพ”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วงุนงง “ผู้รับรองเป็นข้อต่อสำคัญในแผนการของข้าจริงๆ แต่นอกจากท่านแล้ว ข้าก็นึกไม่ออกว่ายังมีใครที่มีบารมีความน่าเชื่อถือเท่านี้อีก”

“เอาไป”

ขณะที่เขาพูดอยู่นั้น หวงโส่วจุนก็โยนของสิ่งหนึ่งให้เยี่ยเว่ยหมิง หลังจากเขารับมาดู ก็พบว่าเป็นกระบี่ไม้ท้อยาวหนึ่งชุ่น สันกระบี่สองด้านแบ่งสลักตัวอักษรไว้ว่า ‘กระบี่เทพเงาดอกท้อโรย ขลุ่ยหยกกวนกระแสทะลเคราม’

[ประกาศิตกระบี่บุปผาโรย: เครื่องรางของมารบูรพาหวงเย่าซือ เมื่อเปิดใช้ประกาศิตนี้ จะเรียกหวงเย่าซือออกมา แล้วขอร้องเขาได้หนึ่งเรื่อง หวงเย่าซือสัญญาว่า ขอเพียงไม่ใช่เรื่องที่เป็นความผิดร้ายแรงสิบประการ หรือบีบให้เขาทรมานกระดูกและเนื้อตัวเอง ก็จะรับปากทุกอย่าง!]

เด็กดีของข้า ดูท่าแล้วก่อนหน้านี้หวงเย่าซือคงพ่ายแพ้หวงโส่วจุนที่หมู่บ้านหนิวเจีย สิ่งนี้ไม่ใช่ของธรรมดาเหมือนทักษะยุทธ์ระดับสูงแน่นอน!

หากใช้งานของสิ่งนี้ได้ดี ก็จะเป็นอาวุธเทพในการปกป้องตัวเองแน่นอน ไม่รู้ว่ายอดเยี่ยมกว่าพิษสายลมโศกาตั้งกี่เท่า!

ของดีแบบนี้ ถ้าใช้หมดตอนอยู่ในภารกิจ ก็จะน่าเสียดายเกินไปหรือเปล่า

ถ้าได้มันมาไว้ในมือล่ะก็ หึหึหึ…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 155 ประกาศิตกระบี่บุปผาโร

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 155 ประกาศิตกระบี่บุปผาโร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 155 ประกาศิตกระบี่บุปผาโรย

โหยวโหยวเป็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวฉับไว ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องอะไร ก็ไม่เคยชักช้ายืดยาด

เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งจะเขียนแผนปฏิบัติการฉบับร่างที่ชื่อว่า ‘ขับเสือไปกินสุนัขป่า’ เสร็จ กำลังรอเป่าน้ำหมึกบนกระดาษให้แห้ง พิราบสื่อสารของโหยวโหยวก็เจาะหน้าต่างเข้ามาแล้ว

[ตอนนี้ข้าอยู่นอกประตูใหญ่ของสำนักมือปราบเทพ ทหารยามไม่ให้ข้าเข้าไป]…โหยวโหยว

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ นำแผนปฏิบัติการฉบับร่างที่เพิ่งเขียนเสร็จยัดเข้ากระเป๋าสะพายหลัง จากนั้นลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป

นอกประตูใหญ่ของสำนักมือปราบเทพ โหยวโหยวยืนสง่าอยู่กลางถนนที่อยู่ตรงข้ามประตูใหญ่ ร่างกายสูงสง่าราวต้นสน ดูเคารพในหน้าที่ยิ่งกว่า NPC ทหารยามสองคนที่กำลังยืนยามอยู่เสียอีก เมื่อนางเห็นเยี่ยเว่ยหมิงเดินออกมาอย่างไม่รีบร้อน ก็รีบก้าวขึ้นไปรับทันที ถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นว่า “ปืนของเจ้าล่ะ รีบนำออกมาให้ข้าดู ข้ารอไม่ไหวแล้ว”

“ปืนของข้าก็คือปืนของเจ้า ถ้าจะพูดให้ถูก เจ้าของปืนนี้กำลังจะเป็นเจ้าแล้ว” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งคำขอซื้อขายไปให้อีกฝ่ายทันที วางปืนไฟไว้ในแถบการซื้อขาย ส่วนโหยวโหยวก็วางเงิน 500 เหรียญทอง หลังจากทั้งสองฝ่ายกดยืนยันแล้ว การซื้อขายก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ขณะมองโหยวโหยวกำลังเล่นปืนอย่างโปรดปรานจนวางไม่ลง เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มพร้อมถามว่า “เป็นอย่างไร ปืนนี้ไม่เลวเลยใช่ไหม”

“นี่เป็นปืนโบราณที่ล้าหลังที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา ไม่มีกระบอกไหนเทียบได้แล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิง: …

“ฮิฮิ ข้าล้อเล่น” โหยวโหยวใช้นิ้วควงปืนไฟสองสามรอบ ด้วยฝีมือชำนาญเหมือนคาวบอยในภาพยนตร์ พร้อมทั้งบอกว่า “นำปืนในชีวิตจริงเข้ามาใช้ในเกมไม่ได้อยู่แล้ว แต่ปืนกระบอกนี้กลับเป็นปืนเพียงกระบอกเดียวที่ข้าเห็นในเกม ไม่เพียงแค่ใช้คล่องมือ แม้แต่ค่าสเตตัสก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน!”

“ข้าชอบสุดๆ เลย!”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็ถามสิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่ง “เหมาะกับทักษะของเจ้าใช่ไหม”

อุปกรณ์กับทักษะจะเหมาะสมกันหรือไม่ จุดนี้ส่งผลกระทบเยอะมากในเกม

ก็เหมือนที่เยี่ยเว่ยหมิงชำนาญเคล็ดกระบี่ เมื่อมีกระบี่มังกรคำรามที่พลังโจมตี +325 อยู่ในมือ ก็จะได้เสพสุขกับผลลัพธ์ของโบนัสดาเมจ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นอาวุธอย่างอื่นที่เขาไม่ถนัด ยกตัวอย่างเช่นดาบ ต่อให้เป็นดาบวิเศษที่มีพลังโจมตี 500 ขึ้นไป เมื่อโจมตีทั่วไปเหมือนกัน พลังทำลายล้างก็เทียบกับกระบี่มังกรคำรามไม่ได้อยู่ดี

สิ่งนี้ไม่ได้มีความสำคัญมากเมื่ออยู่ในช่วงต้นของเกม แต่ตามเลเวลทักษะของผู้เล่นที่เพิ่มสูงขึ้น ข้อจำกัดของอาวุธที่เปลี่ยนก็จะยิ่งชัดเจนขึ้น

หากระบบตัดสินว่าปืนกับหน้าไม้เป็นอาวุธคนละประเภทกัน เช่นนั้นอาวุธชิ้นนี้ก็จะเปลี่ยนจากของล้ำค่ากลายเป็นขยะทันที เพราะในเกมที่มีฉากหลังเป็นละครยอดยุทธ์คุณธรรมนี้ ผู้เล่นหาที่เรียน ‘วิชายิงปืน’ ไม่ได้จริงๆ

“ไม่ผิดหรอก ระบบตัดสินว่ามันเหมือนกับหน้าไม้ทุกอย่าง เพียงแต่กระสุนเปลี่ยนจากลูกดอกหน้าไม้เป็นลูกปืนเหล็กก็เท่านั้นเอง สิ่งนี้หาซื้อไม่ยาก” จนกระทั่งตอนนี้ โหยวโหยวถึงได้เก็บสายตากลับมาจากลูกรักที่อยู่ในมืออย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วยิ้มสวยให้เยี่ยเว่ยหมิง “ขอบคุณเจ้ามากนะ นึกไม่ถึงว่ามีของดีอย่างนี้แล้วจะนึกถึงข้าเป็นคนแรก”

“พอมีมัน ข้าก็มีความมั่นใจว่าจะทำภารกิจล่าสัตว์ของหานเป่าจวีสำเร็จแล้ว!”

เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้สนใจว่านางจะกำลังทำภารกิจอะไรอยู่ เพียงแต่เมื่อเห็นนางมีท่าทางอิ่มเอมใจ เขาก็รู้สึกดีใจแทนแม่นางสุดเท่คนนี้จากใจจริงเท่านั้นเอง

ทั้งสองพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยไม่กี่ประโยคตรงประตูใหญ่ของสำนักมือปราบเทพ จากนั้นก็ต่างคนต่างแยกย้าย รีบไปทำธุระของตัวเอง

เยี่ยเว่ยหมิงต้องการตรวจสอบกลยุทธ์ ‘ขับเสือไปกินสุนัขป่า’ ให้ละเอียดว่าไม่มีช่องโหว่ ส่วนโหยวโหยวก็ต้องไปทะเลทรายเพื่อทำภารกิจอีกครึ่งหนึ่งของตัวเองให้สำเร็จ

เช้าตรู่วันต่อมา เมื่อผู้เล่นสามคนของสำนักมือปราบเทพมาถึงห้องประชุมใหญ่ ต่างคนก็ต่างส่งแผนปฏิบัติการให้หวงโส่วจุนอ่าน

ส่วนหวงโส่วจุนหลังจากอ่านแผนปฏิบัติการฉบับร่างทีละแผ่นเสร็จแล้ว ก็กล่าวทันทีว่า “เยี่ยเว่ยหมิงอยู่ก่อน เฟยอวี๋กับซานเย่ว์ออกไปได้ จำไว้ว่าอย่าเพิ่งไปไหนไกล อยู่รอฟังคำสั่งก่อน”

เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสองก็อดมองไปที่เยี่ยเว่ยหมิงพร้อมกันไม่ได้ เฟยอวี๋ยกนิ้วหัวแม่มือให้เขา จากนั้นก็หันตัวเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ส่วนซานเย่ว์ก็แลบลิ้นอย่างทะเล้น ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมด้วยท่าทางเรียบร้อยจริงจัง

ในโถงใหญ่โตกว้างขวาง เหลือเพียงหวงโส่วจุนกับเยี่ยเว่ยหมิงสองคน หวงโส่วจุนกลับไม่ได้วิจารณ์แผนการ ‘ขับเสือไปกินสุนัขป่า’ ของเขาโดยตรง แต่โยนแผนการฉบับร่างของอีกสองคนให้เยี่ยเว่ยหมิง “เจ้าอ่านแผนการฉบับร่างของพวกเขาสองคนสักหน่อย แล้วแสดงความคิดเห็นของตัวเอง”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินก็ก้มลงอ่าน สิ่งแรกที่ปรากฏสู่สายตาก็คือแผนปฏิบัติการฉบับร่างของเฟยอวี๋ เขียนหัวข้อไว้ตัวใหญ่ว่า…ปฏิบัติการตัดหัว!

ในแผนการฉบับนี้ เฟยอวี๋พูดถึงวิธีการล่องูออกจากถ้ำสามวิธีการ แต่เป้าหมายมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือล่อให้อวี๋ชางไห่กับพรรคพวกออกจากเขาชิงเฉิง จากนั้นศิษย์ทั้งสามของสำนักมือปราบเทพพร้อมทั้งหลินผิงจือก็คอยดักซุ่มอยู่ระหว่างทาง แล้วโจมตีสังหารโดยให้ทหารสู้กับทหาร ให้แม่ทัพสู้กับแม่ทัพ ยังบอกด้วยว่าหากกำลังคนไม่พอ ก็แนะนำให้ใช้วิธีการเหมือนครั้งก่อน นั่นก็คือต่างคนต่างนำคนนอกสำนักมาช่วย

หลังจากอ่านแผนการของเฟยอวี๋จบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่ายหน้าน้อยๆ “มองออกเลยว่า เขาตั้งใจเขียนแผนการฉบับร่างนี้มาก อีกทั้งแผนที่เขาร่างขึ้นมาก็มีโอกาสสำเร็จสูงจริงๆ…

…แต่…ข้ารู้สึกว่า สำนักมือปราบเทพของพวกเราคือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของราชสำนัก ไม่ใช่องครักษ์เสื้อแพร หรือสำนักประจิม วิธีการแบบนี้แทบจะเหมือนการลอบสังหาร ข้ามักรู้สึกว่าเหมือนมีตรงไหนไม่ถูกต้อง”

“ที่เจ้าพูดนั้นไม่ผิด” หวงโส่วจุนได้ยินแล้วพยักหน้าชื่นชม “ข้ามอบหมายคำสั่งให้สำนักมือปราบเทพจัดระเบียบยุทธภพ เป้าหมายก็คือต้องการให้คนในยุทธภพเคารพยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง จำไว้นะ ว่าเป็นการเคารพยำเกรง ไม่ใช่ความตื่นกลัวหรือหวาดกลัว แผนการที่เฟยอวี๋ร่างออกมา แค่จุดเริ่มต้นก็ผิดแล้ว ต่อให้จะตั้งใจอย่างไร แต่ก็ยากที่จะทำออกมาให้ดีที่สุด”

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงเก็บแผนปฏิบัติการฉบับร่างของเฟยอวี๋แล้ว สายตาไปหยุดอยู่บนแผนของซานเย่ว์ เพียงแต่หลังจากมองแวบเดียว กลับเงยหน้าถามหวงโส่วจุนพร้อมยิ้มเจื่อน “อันนี้ ข้าขอไม่แสดงความเห็นได้ไหม”

ถ้าจะบอกว่าแผนของซานเย่ว์น่าตระหนกตกใจแค่ไหน ถึงทำให้เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นแสดงความเห็นไม่ได้ คำตอบก็คือทั้งแผนการฉบับร่างของนางเขียนอักษรไว้เพียงห้าตัวเท่านั้น……ข้าเชื่อฟังอาหมิง!

แล้วเจ้าจะให้เยี่ยเว่ยหมิงแสดงความเห็นได้อย่างไร

“ข้อดีของซานเย่ว์ก็คือรู้จักประเมินกำลังของตัวเอง” หวงโส่วจุนโบกมือ แล้วข้ามประเด็นของซานเย่ว์ไป กลับมาบอกเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ที่จริงแล้ว แม้แต่แผนการฉบับร่างของเจ้าก็มีจุดที่ไม่สมบูรณ์เหมือนกัน ทั้งยังมีข้อผิดพลาดแบบเดียวกับเฟยอวี๋ด้วย”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขมวดคิ้ว อย่าไปมองว่าภายนอกเขาเป็นคนถ่อมตัว เพราะลึกๆ แล้วเขามีความภาคภูมิใจในตัวเองมาก เขามั่นใจกับแผนการฉบับร่างของตัวเองมาก ไม่ได้คิดว่ามีปัญหาร้ายแรงตรงไหน

สำหรับคำตำหนิของหวงโส่วจุน เยี่ยเว่ยหมิงตอบกลับทันทีว่า “ข้าน้อยไม่เข้าใจ หวงโส่วจุนได้โปรดชี้แนะ”

“เจ้ายังรู้สึกไม่ยอมแพ้หรือ” หวงโส่วจุนยิ้มบางๆ ก่อนจะบอกอีกว่า “แผนการของเจ้าดีกว่าเฟยอวี๋เยอะมาก อย่างน้อยทิศทางภาพรวมก็ถือว่าถูกต้อง แต่ในเมื่อเจ้าต้องการจะขับเสือไปกินสุนัขป่า ก็ไม่ควรวางเหยื่อไว้ที่สำนักมือปราบเทพ…

…อย่างไรเสีย แผนของเจ้าก็ไม่ใช่กลยุทธ์ลับอะไร เป็นแผนกลยุทธ์เปิดเผยขนานแท้ กลยุทธ์เปิดเผยแม้จะดี แต่ก็มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง เจตนาที่จะยืมดาบฆ่าคนจะเปิดเผยออกมาหมด หากวางเหยื่อล่อไว้ที่สำนักมือปราบเทพ วางไว้ในมือข้า แม้จะทำให้แผนนี้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น แต่สุดท้ายก็จะกลายเป็นจุดด่างพร้อยของสำนักมือปราบเทพ”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วงุนงง “ผู้รับรองเป็นข้อต่อสำคัญในแผนการของข้าจริงๆ แต่นอกจากท่านแล้ว ข้าก็นึกไม่ออกว่ายังมีใครที่มีบารมีความน่าเชื่อถือเท่านี้อีก”

“เอาไป”

ขณะที่เขาพูดอยู่นั้น หวงโส่วจุนก็โยนของสิ่งหนึ่งให้เยี่ยเว่ยหมิง หลังจากเขารับมาดู ก็พบว่าเป็นกระบี่ไม้ท้อยาวหนึ่งชุ่น สันกระบี่สองด้านแบ่งสลักตัวอักษรไว้ว่า ‘กระบี่เทพเงาดอกท้อโรย ขลุ่ยหยกกวนกระแสทะลเคราม’

[ประกาศิตกระบี่บุปผาโรย: เครื่องรางของมารบูรพาหวงเย่าซือ เมื่อเปิดใช้ประกาศิตนี้ จะเรียกหวงเย่าซือออกมา แล้วขอร้องเขาได้หนึ่งเรื่อง หวงเย่าซือสัญญาว่า ขอเพียงไม่ใช่เรื่องที่เป็นความผิดร้ายแรงสิบประการ หรือบีบให้เขาทรมานกระดูกและเนื้อตัวเอง ก็จะรับปากทุกอย่าง!]

เด็กดีของข้า ดูท่าแล้วก่อนหน้านี้หวงเย่าซือคงพ่ายแพ้หวงโส่วจุนที่หมู่บ้านหนิวเจีย สิ่งนี้ไม่ใช่ของธรรมดาเหมือนทักษะยุทธ์ระดับสูงแน่นอน!

หากใช้งานของสิ่งนี้ได้ดี ก็จะเป็นอาวุธเทพในการปกป้องตัวเองแน่นอน ไม่รู้ว่ายอดเยี่ยมกว่าพิษสายลมโศกาตั้งกี่เท่า!

ของดีแบบนี้ ถ้าใช้หมดตอนอยู่ในภารกิจ ก็จะน่าเสียดายเกินไปหรือเปล่า

ถ้าได้มันมาไว้ในมือล่ะก็ หึหึหึ…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+