ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 465 อาหารชุดคางคกชาดวัว

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 465 อาหารชุดคางคกชาดวัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 465 อาหารชุดคางคกชาดวัว

คางคกชาดวัวคือราชาแห่งสัตว์มีพิษ สัตว์มีพิษทุกชนิดในโลกนี้ แม้กระทั่งงูพิษมันยังกินเป็นอาหารได้ ตัวมันเองร้ายกาจยิ่งกว่าพิษร้าย แม้จะเป็นลมหายใจที่พ่นออกมา ก็ทำให้ช้างโตเต็มวัยตัวหนึ่งตายได้ง่ายๆ

แต่เนื้อของคางคกชาดวัวกลับไร้พิษ มีเพียงกลิ่นคาวของเนื้อเท่านั้น คาวกว่าเนื้อกบชนิดอื่นเกินสิบเท่า!

ถ้าต้องการจะกำจัดกลิ่นคาว ทางที่ดีที่สุดคือปรุงด้วยรส ‘เผ็ด’ และ ‘ชา’ เท่านั้น

……

พริกแดงถู่หงคือสุดยอดแห่งพริก ใน ‘เกมวีรบุรุษนิรันดร์กาล’ มีปลูกที่บริเวณเฉิงตูเท่านั้น จุดเด่นก็คือ เผ็ด เผ็ดมาก เผ็ดเป็นพิเศษ…มีแต่อาหารที่พ่อครัวใหญ่ระดับสูงปรุงเท่านั้น ถึงจะดึงกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่อยู่ภายใต้ความเผ็ดทะลุฟ้าของมันออกมาได้

……

บ่อเกลือของเสเฉวนมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ตามบันทึกที่เป็นลายลักษณ์อักษรและการพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญ บ่อเกลือจัวถ่งแห่งอำเภอต้าอิงที่มีชื่อเสียงระดับโลก สร้างขึ้นสมัยรางวงศ์ซ่งเหนือ สำหรับพ่อครัวอาหารเสฉวนแล้ว เกลือจากบ่อต่างหากที่เป็นตัวแทนของรสชาติอาหารเสฉวนได้ดีที่สุด มีความสำคัญมากกว่าพริกและหมาเจียวที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันเสียอีก

……

หลังจากเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำคางคกชาดวัวไปชำแหละเอากระดูกออก สับเป็นชิ้นๆ ใช้น้ำสะอาดล้าง แล้วนำส่วนที่เป็นน้ำในร่างกายออก

จากนั้นล้างพริกแดงถู่หง ต้นหอมและกระเทียมให้สะอาด พอหั่นแล้วก็ผัดลงในน้ำมันร้อนพร้อมกัน ในขั้นตอนนี้ แม้จะเป็นพ่อครัวตัวท็อปอย่างเยี่ยเว่ยหมิง แต่ก็ต้องควบคุมการระบายอากาศในห้องให้ดีถึงจะทนกลิ่นฉุนจากพริกที่มาจากพริกแดงถู่หงได้

ด้วยพลังของเขาตอนนี้ แม้จะกลั้นหายใจได้ตอนทำอาหาร แต่แบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับปิดประสาทสัมผัสทางจมูกของตัวเอง สำหรับการทำอาหาร ไม่ต่างอะไรกับการตัดแขนตัวเองข้างหนึ่งก่อนสู้กับยอดฝีมือ

ผัดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งความเผ็ดของพริกแดงถู่หงกลบกลิ่นคาวของคางคกชาดวัว แล้วโชยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวในโลกออกมา ค่อยเติมน้ำเดือดเล็กน้อย ต้มด้วยไฟแรงอีกประมาณเก้านาที

เวลานี้แม้จะดูคลุมเครือ แต่ก็ต้องทำให้ได้ตรงตามเวลาทุกวินาที ถ้าเวลาน้อยไป ก็จะดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาไม่ได้เต็มที่ ถ้าเวลานานไป ก็จะทำให้เสียหาย ทำลายสรรพคุณที่อยู่ในเนื้อคางคกชาดวัว

ซึ่งการควบคุมรายละเอียดด้านเวลาก็คือบททดสอบที่ใหญ่ที่สุดสำหรับความชำนาญและฝีมือของพ่อครัว

ต้องทำทุกอย่างให้เหมาะสมเท่านั้น

ล้างหน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิจากเขาผู่ทัว หั่นเป็นเส้นๆ แล้วใส่ลงในหม้อในเวลาที่เหมาะสมที่สุด แล้วต้มด้วยไฟอ่อนๆ สองนาทีห้าสิบห้าวินาที สุดท้ายเติมผักชี รีบผัดอย่างรวดเร็วไม่กี่ทีค่อยตักใส่จานให้เรียบร้อย

หมาล่าคางคกชาดวัวที่ส่งกลิ่นหอมเตะจมูกปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว

[หมาล่าคางคกชาดวัว] อาหารเลิศรสที่มีวัตถุดิบหลักเป็นราชาแห่งหมื่นพิษ ‘คางคกชาดวัว’ คุณภาพ98 กินแล้วจะลดระดับความหิว 10 แต้ม เพิ่มการต้านพิษถาวร 5500 แต้ม! (ผู้เล่นทุกคนจำกัดการกินเพียง 1 ครั้ง เมื่อกินอีกจะไม่ได้ผล)

หมาล่าคางคกชาดวัวจานนี้ ไม่ว่าจะเป็นรสชาติหรือสรรพคุณก็น่าทึ่งที่สุด แต่ถ้าอยากจะได้รสชาติที่ดีขึ้น ก็ต้องกินกับข้าวสวย

ข้าวสวยที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้ตอนปรุงอาหารก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เป็นข้าวเสี่ยงสุ่ยที่ปลูกบนพื้นที่หนาวเหน็บของภาคเหนือ ข้าวชนิดนี้มีจำนวนการผลิตน้อยมาก แต่กลับเป็นข้าวขาวที่ดีที่สุดของ ‘เกมวีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ไม่เป็นสองรองใคร!

คางคกชาดวัวกินคู่กับข้าวเสี่ยงสุ่ย ถือเป็นการจับคู่อาหารอร่อยชั้นยอดจริงๆ ถ้ามีสุราสักหน่อย ต่อให้เป็นนักชิมช่างเลือกขนาดไหน แต่ก็หาที่ติจากในนั้นไม่ได้เลยสักนิดแน่นอน

ซึ่งสุราที่เยี่ยเว่ยหมิงเตรียมมาในวันนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

[สุรากระดูกคางคกชาดวัว] ใช้กระดูกของคางคกชาดวัวเป็นวัตถุดิบหลัก หมักผสมกับวัตถุดิบยาชื่อดังเจ็ดชนิด เพิ่มการต้านพิษถาวร 3500 แต้ม! (ผู้เล่นทุกคนจำกัดการกินเพียง 1 ครั้ง เมื่อกินอีกจะไม่ได้ผล)

เยี่ยเว่ยหมิงเทสุรากระดูกคางคกชาดวัวทั้งขวดลงในชามใหญ่ แล้วก็นำยาเม็ดสีแดงที่หลอมไว้ลวงหน้าออกมาอีกเม็ด

[ยาลูกกลอนกระดูกคางคกชาดวัว] ใช้กระดูกของคางคกชาดวัวเป็นวัตถุดิบหลัก ปรุงร่วมกับยาสมุนไพรชื่อดังอีกสามชนิด แก้ได้สารพัดพิษ ในโลกนี้มีเพียงเม็ดเดียว! กินแล้วจะเพิ่มการต้านพิษถาวร 2000 แต้ม! (ผู้เล่นทุกคนจำกัดการกินเพียง 1 ครั้ง เมื่อกินอีกจะไม่ได้ผล)

นำยาลูกกลอนกระดูกคางคกชาดวัวใส่ในสุรากระดูกคางคกชาดวัว หลังจากยากับกระดูกเจอกันแล้วก็หลอมรวมกันทันที ทำให้น้ำกระดูกที่เดิมทีเป็นสีใสเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเหมือนเลือด

หลังจากยาลูกกลอนละลายแล้ว สรรพคุณยาของมันก็ละลายเข้าไปในน้ำสุราอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ค่าสเตตัสต้านพิษในสุราชามนี้กลายเป็น 5500 แต้ม ยอดเยี่ยมเหมือนอาหารหลักอย่างหมาล่าคางคกชาดวัว เป็นจำนวนรวมเดิมของยาที่อยากได้พอดี

ค่าสเตตัสที่ซ้อนกันทำให้สรรพคุณการต้านพิษของคางคกชาดวัวที่เดิมทีมีอยู่หมื่นแต้มเพิ่มขึ้นอีกส่วนแล้ว!

ได้ผลดีกว่าต้วนอวี้ที่กินสดๆ ตั้งเยอะ

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร คางคกชาดวัวก็คือราชาแห่งหมื่นพิษ เมื่อนำมาแปรรูปแบบนี้แล้ว ไม่เพียงแค่ทำให้การต้านพิษของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มถึง 12000+ ซึ่งเป็นระดับที่น่ากลัว ทั้งยังทำให้ฝีมือการทำครัวและทักษะทางการแพทย์ของเขาเพิ่มถึงเลเวลเก้าพร้อมกันด้วย ส่วนวิชาพิษเนื่องจากมีจุดเริ่มต้นค่อนข้างต่ำ จึงไม่ได้เพิ่มขึ้นชัดเจนเหมือนสองทักษะแรก เพิ่มถึงเลเวลแปดเท่านั้น

หากถามว่าวิชาพิษเลเวลแปดมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร

อธิบายง่ายๆ ก็คือ ต่อให้เป็น NPC ใน ‘เกมวีรบุรุษนิรันดร์กาล’ แต่นอกจากยอดฝีมือด้านการใช้พิษอย่างโอวหยางเฟิง ติงชุนชิว เจ้าโอสถมือพิษ หวังหนานกูแล้ว ก็มีน้อยคนนักที่เลเวลวิชาพิษจะเทียบกับเขาได้!

แล้วก็ผ่านไปอย่างนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกินเนื้อ ชิมสุรา ไม่นานก็กินสุราและข้าวสวยชามใหญ่จนหมดเกลี้ยง เขาถึงได้เมาเล็กน้อย จึงเอนกายบนเตียงในห้องพักแขก นอนหลับอย่างจริงจังเสียเลย

Zzz…

เช้าตรู่วันต่อมา เยี่ยเว่ยหมิงที่หมื่นพิษไม่กล้ำกรายลุกขึ้นจากเตียง

หลังจากพักผ่อนไปหนึ่งคืน พลังงานที่เสียไปเพราะอนุมานแผนผังความคิดมาทั้งคืนก่อนหน้านี้ก็ฟื้นฟูกลับมาเต็มที่แล้ว เขาเปิดประตูเดินออกจากห้องพักแขก สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งเพื่อนำอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด ทำให้รู้สึกสดชื่นไปทั้งตัว

“จอมยุทธ์เยี่ย ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”

ตอนนี้นางในที่รับผิดชอบเรื่องการดูแลแขกของพระราชวังพลันก้าวขึ้นมาข้างหน้า หลังจากทำความเคารพเยี่ยเว่ยหมิงแล้วก็กล่าวว่า “เจ้าสำนักจั่วจื่อมู่แห่งสำนักกระบี่อู๋เลี่ยงมีธุระจะพบจอมยุทธ์เยี่ยเจ้าค่ะ ตอนนี้กำลังรออยู่นอกวัง”

อ้อ?

เมื่อได้ยินชื่อจั่วจื่อมู่ เยี่ยเว่ยหมิงก็ตาเป็นเป็นประกายทันที เพราะอีกฝ่ายมาส่งอุปกรณ์ให้ตน!

เขาถามทันทีว่า “เขามารอนานเท่าไรแล้ว”

“จั่วจื่อมู่มาถึงประมาณครึ่งชั่วยามแล้ว แต่องค์ชายไม่ให้พวกเรามารบกวนการพักผ่อนของจอมยุทธ์เยี่ย เขาจึงรออยู่นอกวังตลอด” นางในตอบ

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วเผยรอยยิ้มที่สื่อว่าเข้าใจ

เมื่อก่อนต้วนอวี้สร้างเรื่องไว้ที่เขาอู๋เลี่ยงไม่ใช่น้อยๆ ในฐานะบิดาของต้วนอวี้ ต้วนเจิ้งฉุนที่เพิ่งถูกรีเฟรชขึ้นมาใหม่จะมีความแค้นต่อเขาก็ไม่แปลก บอกว่าให้เขายืนรออยู่ข้างนอกวัง ไม่ได้สั่งให้คนมาลากเขาไปลานประหารทันที ก็เป็นเพราะทั้งสกุลต้วนต้าหลี่นับถือศาสนาพุทธ

“อย่างนั้นหรือ รบกวนไปเรียกซานเย่ว์มาหาข้าหน่อย แล้วค่อยพาจั่วจื่อมู่มาพบข้า”

นางในน้อมรับคำสั่งแล้วออกไป หลังจากนั้นพักหนึ่ง ซานเย่ว์กับจั่วจื่อมู่ก็เดินตามนางในเข้ามาถึงสวนที่เยี่ยเว่ยหมิงอยู่

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มให้จั่วจื่อมู่ แล้วบอกว่า “เจ้าสำนักจั่วมาไกล พวกเราเข้าไปคุยรายละเอียดกันในห้องดีกว่า”

จั่วจื่อมู่อยากจะไถ่หลักฐานทั้งหมดที่อยู่ในมือของเยี่ยเว่ยหมิงก่อนหน้านี้ ย่อมไม่หวังให้มีบุคคลที่สี่ได้ยินเรื่องนี้อยู่แล้ว เขาจึงพยักหน้าตอบ “เอาตามที่เจ้าบ้านสะดวก”

หลังจากเข้ามาในห้องแล้ว จั่วจื่อมู่รีบนำของดีสองอย่างที่เตรียมไว้นานแล้วออกมาวางลงบนโต๊ะน้ำชาข้างกายเยี่ยเว่ยหมิง แล้วกล่าวพร้อมเจียดรอยยิ้มที่ดูน่าเกลียดกว่าตอนร้องไห้ “จอมยุทธ์เยี่ย เจ้าดูของสองอย่างนี้สิ จะแลกกับหลักฐานที่ข้าฝากไว้ในมือเจ้าก่อนหน้านี้ได้หรือเปล่า”

เยี่ยเว่ยหมิงก้มหน้ามองแล้วตาเป็นประกายทันที

นึกไม่ถึงว่าจั่วจื่อมู่จะเป็นคนมีของ ควักอาวุธล้ำค่าออกมาสองชิ้นในคราเดียว

สมกับเป็นเจ้าสำนัก แตกต่างกับ BOSS เถื่อนพวกนั้น!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด