ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 278 การทดสอบของหันเสี่ยวอิ๋ง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 278 การทดสอบของหันเสี่ยวอิ๋ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 278 การทดสอบของหันเสี่ยวอิ๋ง

อัปเลเวล ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี หนึ่งเลเวล!?

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงได้ยินชื่อรางวัลภารกิจนี้ ก็มองจอมยุทธ์หญิงเจียงหนานที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาใหม่ทันที

ต้องทราบไว้ว่าตอนที่ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ถึงเลเวลเก้า เหมียวเหรินเฟิงก็ไม่มีทางชี้แนะให้ได้อีกแล้ว สุดท้ายก็ยังต้องอาศัยให้หวงโส่วจุนยื่นมือเข้ามาช่วย ถึงจะทำให้เคล็ดวิชานี้ถึงเลเวลสิบซึ่งเป็นระดับสมบูรณ์ได้

ตอนนี้ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ของเขาก็ถึงระดับสมบูรณ์แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าหันเสี่ยวอิ๋งจะบอกว่านางยังชี้แนะให้เลเวลเพิ่มได้อีก นี่เจ้าพูดเหลวไหลยิ่งกว่าหวงโส่วจุนเสียอีก เจ้ารู้ตัวไหม

จะว่าไปแล้ว ถ้านางมีความสามารถแบบนี้จริงๆ ตามต้นฉบับเดิมยังจะถูกโอวหยางเฟิงกับหยางคังโจมตีจนเกือบตายยกกลุ่มอยู่ไหม

จอมยุทธ์หัน เจ้าถือกระบี่เพียงลำพังก็ปราบเขาอูฐขาวได้แล้วตกลงไหม

ในใจบ่นอย่างนู้นบ่นอย่างนี้ แต่ภายนอกเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ปิดบังสิ่งที่ตัวเองสงสัยเช่นกัน “‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ที่ชี้แนะข้า จอมยุทธ์หันแน่ใจนะว่าตัวเองมีความสามารถนั้น”

“ในเมื่อพวกเรากล้าแจกภารกิจ ก็ย่อมมีความมั่นใจต่อรางวัลภารกิจอยู่บ้างแน่นอน ตราบใดที่เลเวลเคล็ดกระบี่ของจอมยุทธ์น้อยเยี่ยไม่ได้สูงเกินข้า ข้าก็ชี้แนะให้เลเวลเพิ่มได้ ต่อให้ถึงเวลานั้นชี้แนะไม่ได้ แต่ก็มีรางวัลภารกิจที่เหมาะสมมาชดเชยให้จอมยุทธ์น้อยเยี่ยแน่นอน”

สำหรับคำถามที่ฟังกระหายในความสำเร็จและผลประโยชน์เฉพาะหน้าของเยี่ยเว่ยหมิง หันเสี่ยวอิ๋งไม่พอใจนิดหน่อย ตอนที่พูดนางลุกขึ้นมาแล้ว ฉากห้องรับแขกกลายเป็นสนามประลองยุทธ์ที่กว้างใหญ่ภายในชั่วพริบตาเดียว

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงที่เดิมทีนั่งอยู่ดีๆ เก้าอี้ที่รองอยู่ใต้ก้นกลับหายไปกะทันหัน ทำเอาเขาเกือบก้นกระแทกพื้น

โชคดีที่ท่าร่าง ความว่องไวและพละกำลังรวมทั้งค่าสเตตัสอื่นๆ สูงขึ้นมากแล้ว จึงใช้สองเท้าเหยียบพื้นได้ทันเวลา พร้อมทั้งออกแรงเอวประคองตัว จึงไม่ได้เสียหน้าตรงนั้น

มารดาเจ้าเถอะ เล่นแบบนี้เกินไปแล้วมั้ง!

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงยืนทรงตัวได้อีกครั้งก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันรอให้เขาหันหน้ามา หันเสี่ยวอิ๋งก็ชักกระบี่นำเขาไปหนึ่งก้าวแล้ว “เรื่องรางวัลภารกิจ จอมยุทธ์น้อยเยี่ยไม่ต้องกังวล แต่ก่อนถึงตอนนั้น เจ้าต้องผ่านการทดสอบของข้าเสียก่อน ถึงจะมีสิทธิ์รับรางวัลภารกิจนี้ไป…

…เนื้อหาการทดสอบง่ายมาก นั่นก็คือเมื่อข้าโจมตีสุดกำลัง เจ้าต้องไม่ตายภายในสามนาที…

…เรื่องรางวัลภารกิจ จอมยุทธ์น้อยเยี่ยยังต้องรอให้ผ่านการทดสอบก่อน ถึงตอนนั้นค่อยถามรายละเอียดก็ยังไม่สาย”

ขณะที่พูด เหนือศีรษะของหันเสี่ยวอิ๋งก็ปรากฏค่าสเตตัสของ BOSS

[หันเสี่ยวอิ๋ง]

เจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนาน ชาวยุทธ์ขนานนามว่ากระบี่วีรสตรี

เลเวล: 52

พลังชีวิต: 151000/151000

กำลังภายใน: 80000/80000

……

เมื่อเห็นค่าสเตตัสของ BOSS คนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็กลอกตามองบน เพราะ BOSS ระดับนี้ ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงสู้แบบตัวต่อตัวก็ไม่รู้สึกกดดันอะไร

ทั้งยังบอกให้ทนให้ได้สามนาทีตอนที่นางโจมตีอีก

ช่างน่าขำเสียจริง!

ถ้าข้าเอาจริงขึ้นมา ก็กำจัดเจ้าทิ้งได้ภายในสามนาทีเลย เจ้าเชื่อไหมล่ะ

ตอนนี้เอง กลับได้ยินหันเสี่ยวอิ๋งเอ่ยว่า “เมื่ออยู่ในสนามนี้ ค่าสเตตัสของข้าได้โบนัสพิเศษ พลังต่อสู้และความสามารถด้านต่างๆ ล้วนเทียบเท่ากับบอสร่างแท้โหมดปกติ สิ่งเดียวที่ต่างกันก็คือข้าจะไม่ตาย…

…จอมยุทธ์น้อยเยี่ยระวังตัวให้ดีล่ะ!”

พอพูดจบ นางถึงได้เดินตามกระบี่เข้ามา เริ่มโจมตีเยี่ยเว่ยหมิงด้วยกระบวนท่า ‘เขี่ยหญ้าหางู’ ของ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’

ต้องบอกเลยว่าเจ็ดประหลาดเจียงหนานแม้จะได้ชื่อว่าประหลาด แต่ธาตุแท้กลับเป็นจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่หยิ่งในศักดิ์ศรีมาก ต่อให้หันเสี่ยวอิ๋งเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง แต่ความอกใหญ่ใจกว้างก็ไม่ใช่สิ่งที่ชายธรรมดาจะเทียบได้ อย่างน้อยก็ไซซ์ 36D!

แม้จะไม่พอใจกับความใจร้อนอยากได้ผลประโยชน์ของเยี่ยเว่ยหมิง แต่ก่อนจะลงมือ นางก็ยังเตือนสิ่งที่เตือนได้ไปแล้ว ถึงขั้นว่าตอนที่ลงมือครั้งแรกก็เพียงทดสอบกระบวนท่าเท่านั้น ต่างกับมือปราบบางคนที่พอเจอหน้าก็ใช้ท่าไซซีกุมดวงใจเลย

แค่ลงมือเพื่อทดสอบก็แสดงความใจกว้างของจอมยุทธ์ให้เห็นหมดแล้ว ไม่ยอมใช้วิธีการอื่นนอกจากทักษะยุทธ์เพื่อเอาเปรียบเยี่ยเว่ยหมิงแม้แต่น้อย

และเมื่อเทียบกับจอมยุทธ์หันที่อกใหญ่ใจกว้าง เห็นได้ชัดว่าเยี่ยเว่ยหมิงใจแคบกว่ามาก เขายังโมโหเรื่องที่ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนฉากกะทันหันจนเขาต้องลงมืออยู่เลย

ดังนั้นตอนเผชิญหน้ากับการรุกโจมตีของหันเสี่ยวอิ๋ง เขากลับไม่รีบร้อนที่จะเผยความสามารถที่แท้จริงของตัวเองออกมาเลย เมื่อเห็นนางแทงกระบี่เข้ามา เขาก็เบี่ยงตัวเบาๆ หลบหลีกกระบี่หยั่งเชิงของนางในขอบเขตที่เล็กที่สุด

หันเสี่ยวอิ๋งเห็นแล้วขมวดคิ้ว แล้วหมุนกระบี่กลับทันที ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็เอนตัวถอยหลังหลบได้อย่างหวุดหวิด

เมื่อเห็นฉากนี้ หันเสี่ยวอิ๋งก็ยังมองไม่ออกว่าเยี่ยเว่ยหมิงกำลังโอ้อวดระดับทักษะยุทธ์ของตัวเองให้นางเห็น

นางพ่นเสียงทางจมูกแสดงความเหยียดหยาม กระบี่ล้ำค่าในมือร่อนขึ้นร่อนลง ใช้เคล็ดกระบี่วีรสตรีตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เยี่ยเว่ยหมิงยังคงหลบได้อย่างสุขุมเยือกเย็น

นางใช้กระบวนท่าย้อนกลับมาตั้งแต่ต้นอีกครั้ง แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังไม่มีท่าทีจะโต้กลับสักนิด

หันเสี่ยวอิ๋งกลุ้มใจเป็นพิเศษ เปลี่ยนกระบวนท่าทันที สอดแทรกและเปลี่ยนกระบวนท่าต่างๆ ใน ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ไม่มีการเล่นตามกฎเกณฑ์อีก จนกระทั่งตอนนี้ จอมยุทธ์หันนับว่าทำทุกวิถีทางแล้ว

แต่ไม่ว่านางจะเปลี่ยนท่าอย่างไร แต่กลับทำให้เยี่ยเว่ยหมิงบาดเจ็บไม่ได้แม้แต่น้อย ถึงขั้นกดดันให้เขาโต้กลับไม่ได้ด้วยซ้ำ!

ในสายตาของหันเสี่ยวอิ๋ง เยี่ยเว่ยหมิงราวกับมีความสามารถในการทำนายอนาคตบางอย่าง รู้ล่วงหน้าได้ว่านางจะเปลี่ยนใช้กระบวนท่าไหน

ที่จริงแล้ว แม้นางจะเดาไม่ถูกแต่ก็ถือว่าใกล้เคียง

ถ้าสู้กับศัตรูคนอื่นที่เลเวลเดียวกับนาง ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เยี่ยเว่ยหมิงจะอวดเก่งได้ถี่ขนาดนี้ มีเพียงหันเสี่ยวอิ๋งที่เป็นข้อยกเว้น

เยี่ยเว่ยหมิงกับหันเสี่ยวอิ๋งล้วนเคยฝึกเคล็ดกระบี่วีรสตรีมาก่อน เห็นได้ชัดว่าเลเวลเคล็ดกระบี่ของเขาสูงกว่านาง กอปรกับมีค่าสเตตัส ‘เงาของเทพกระบี่’ แม้จะไม่ถึงขั้นทำนายล่วงหน้าได้โดยสมบูรณ์ แต่ก่อนที่นางจะใช้กระบวนท่าแต่ละท่า อิงตามการเปลี่ยนแปลงบนร่างกายของนาง ยกตัวอย่างเช่นยกบ่าขึ้นอย่างไม่ตั้งใจหนึ่งครั้ง กล้ามเนื้อขาเกร็งโดยไม่รู้ตัว หรือไม่ก็บิดก้นเล็กน้อย…เขาก็ตัดสินได้อย่างแม่นยำแล้วว่าต่อไปนางจะใช้กระบวนท่าแบบไหน รวมทั้งตำแหน่งที่นางกำลังจะโจมตีบนร่างกายของเขาด้วย!

เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ กอปรกับค่าสเตตัสภาพรวมที่เหนือกว่าหันเสี่ยวอิ๋ง ถ้าอยากจะหลบการโจมตีของอีกฝ่ายสบายเหมือนเดินเล่นในลานบ้าน ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร

ตอนที่หลบการโจมตีของหันเสี่ยวอิ๋งเหมือนหนูหลบแมว จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกว่า “‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ของจอมยุทธ์หัน ตอนนี้ถึงเลเวลแปดแล้วหรือ”

หันเสี่ยวอิ๋งได้ยินแล้วอึ้งทันที สิ่งที่ทำให้นางกลัวก็คือ คำพูดของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ผิดเลยสักนิด!

ตอนที่นางกำลังอึ้ง เยี่ยเว่ยหมิงก็หลบ ‘ไซซีกุมดวงใจ’ ที่นางใช้ซ้ำไปซ้ำมาได้อย่างราบรื่นแล้ว

และครั้งนี้ เยี่ยเว่ยหมิงไม่รอให้นางเปลี่ยนกระบวนท่าแล้ว เขาลงมือกะทันกัน นิ้วหัวแม่มือกดกับนิ้วกลางข้างขวา แล้วเมื่อนางอยู่ในสถานการณ์ที่หลบไม่ทัน เขาก็ดีดบนสันของกระบี่ล้ำค่าแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด