ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 305 ข้ามาอีกแล้ว

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 305 ข้ามาอีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 305 ข้ามาอีกแล้ว

หลังจากใช้หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุนไปแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงตกอยู่ในสถานะติดลบที่ค่าสเตตัสลดลงครึ่งหนึ่ง ทั้งตัวดูเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง

แต่ยามเผชิญหน้ากับกองหนุนผู้เก่งกาจของฝ่ายตรงข้าม เขากลับไม่แสดงความขี้ขลาดตาขาวเลยแม้แต่น้อย เพียงใช้เสียงที่อ่อนเพลียเล็กน้อยกล่าวว่า “ในเมื่อผู้อาวุโสลงมือแล้ว เหตุใดไม่ปรากฏตัวสักหน่อยเล่า”

“เฮ้อ…”

พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดแบบนี้ เจ้าของเสียงนั้นก็อดถอนหายใจยาวไม่ได้ จากนั้นก็เห็นเงาดำแวบผ่านหน้าทั้งสาม ชายชราชุดเขียวเคราขาวคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ระหว่างพวกเยี่ยเว่ยหมิงและลิ่งหูชง สีหน้าดูกลัดกลุ้มจนเป็นสีเหลืองราวกับกระดาษทอง

“เฟิงชิงหยาง!”

ตอนที่ชายชราปรากฏตัว อินปู้คุยที่ยืนอยู่ฝั่งซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงก็อุทานทันที “ท่านก็คือเฟิงชิงหยาง แห่งสำนักหัวซาน ท่านผู้เฒ่าเฟิง?”

ชายชราได้ยินแล้วพยักหน้าอย่างจนใจ นับว่ายอมรับฐานะของตัวเองแล้ว

พอได้ยินดังนั้น อินปู้คุยก็ส่งข้อความในช่องทีมทันที [เฟิงชิงหยางเป็นยอดฝีมือที่เร้นกายอยู่ในสำนักหัวซาน เลเวลก็ร้อยเจ็ดสิบเป็นอย่างต่ำ อาจสูงถึงร้อยแปดสิบเหมือนห้ายอดฝีมือแห่งใต้หล้าก็ได้ เป็นไปได้ว่าจะสูงกว่าด้วย]

ส่วนเฟยอวี๋ที่อยู่อีกฝั่งก็ตอบทันทีว่า [สำหรับพวกเรา ช่วงเลเวลระหว่างร้อยเจ็ดสิบถึงสองร้อยเหมือนจะไม่มีความแตกต่างใดๆ ถึงอย่างไรก็เอาชนะไม่ได้เหมือนกันหมด]

[เกรงว่าวันนี้พวกเราคงฆ่าเถียนปั๋วกวงไม่ไหวแล้ว] อินปู้คุยเห็นด้วย

เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่ร่วมวงสนทนานี้ เพียงมองเฟิงชิงหยางอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วกุมหมัดคารวะอย่างมีมารยาทมาก “ผู้อาวุโสเฟิงลงมือกะทันหันเช่นนี้ อย่าบอกนะว่าต้องการจะขัดขวางไม่ให้พวกเราสังหารโจรชั่วเถียนปั๋วกวง”

“ความเป็นความตายของเถียนปั๋วกวงไม่เกี่ยวกับข้า” เฟิงชิงหยางส่ายหน้า “เพียงแต่ลิ่งหูชงยอมรับแล้วว่าเถียนปั๋วกวงคือสหายของเขา ด้วยนิสัยดื้อรั้นของเขา เมื่อเห็นเถียนปั๋วกวงกำลังจะถูกคนอื่นฆ่าต่อหน้าตัวเอง เขาไม่นิ่งดูดายแน่นอน”

เยี่ยเว่ยหมิงแสดงออกว่าเข้าใจในจุดนี้ พร้อมเสนอว่า “ผู้อาวุโสเฟิงสั่งให้เขาปิดตาก็ได้”

เฟิงชิงหยางสะอึกกับคำพูดของเยี่ยเว่ยหมิงจนพูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่มาก มันใช่เรื่องที่จะมาปิดตาหรือไม่ปิดตาอย่างนั้นหรือ

แต่เพราะความลำเอียงที่มีต่อลิ่งหูชง เขายังเอ่ยปากอีกครั้งว่า “ด้วยนิสัยของลิ่งหูชง เกรงว่าคงไม่ยอมรับข้อเสนอที่หลอกตัวเองเช่นนี้ แล้วข้าก็ถูกชะตากับเจ้าเด็กคนนี้มาก ทนเห็นเขาถูกทำร้ายไม่ได้ ไม่ทราบว่าจอมยุทธ์น้อยทั้งสามจะไว้หน้าข้าสักครั้งได้หรือไม่ ปล่อยพวกเขาไปสักครั้ง”

ไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงตอบ เขาพูดเสริมทันทีว่า “ขอเพียงรออีกสามวัน แขนขาของเถียนปั๋วกวงงอกออกมาแล้ว ข้าจะไล่เขาลงเขาทันที ถึงตอนนั้นหากเหล่าจอมยุทธ์น้อยอยากกำจัดภัยให้ยุทธภพ ก็เป็นเรื่องของพวกเจ้าแล้ว รับรองว่าตาแก่คนนี้จะไม่แทรกแซง จะไม่ให้ลิ่งหูชงขัดขวางด้วย”

พอฟังข้อเสนอแนะของเฟิงชิงหยางจบ บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มสดใสยิ่งกว่าเดิม “อ้อ? ที่แท้มือเท้าของเถียนปั๋วกวงก็จะกลับมาใช้งานได้ใหม่ในอีกสามวัน ข้าเข้าใจแล้ว ผู้น้อยย่อมไว้หน้าผู้อาวุโสเฟิงอยู่แล้ว ครั้งนี้ให้เถียนปั๋วกวงมีชีวิตอยู่ต่ออีกสักหน่อยก็ได้ พวกเราไปกันเถอะ!”

พูดจบก็ส่งข้อความในช่องทีมต่อ: [ข้าเพิ่งถูกวิชาลับย้อนทำร้าย เดินบนทางเลียบหน้าผาค่อนข้างอันตราย ปู้คุยประคองข้าสักหน่อย อืม…เกรงว่าภายในหนึ่งชั่วโมงนี้ คงสังหารเถียนปั๋วกวงให้ตายไม่ได้จริงๆ]

เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดเช่นนี้ อินปู้คุยกับเฟยอวี๋ก็อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้

ก่อนหน้านี้เฟิงชิงหยางบอกว่ารออีกสามวันถึงจะไล่เถียนปั๋วกวงลงเขาไม่ใช่หรอกหรือ

ทำไมเจ้าพูดว่าภายในหนึ่งชั่วโมงล่ะ

อย่าบอกนะว่าวิชาลับของเขาไม่เพียงแค่ย้อนทำร้ายร่างกายเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบกับความคิดด้วย

แน่นอน พวกเขาไม่มีทางถามคำถามแบบนี้ต่อหน้าคนที่ไม่นับว่าใจกว้างอย่างเยี่ยเว่ยหมิง และยิ่งไม่มีทางถามต่อหน้าเฟิงชิงหยางด้วย

ดังนั้น อินปู้คุยจึงประคองเยี่ยเว่ยหมิงขึ้นมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเดินไปยังทางเลียบหน้าผาที่อยู่ข้างหลังไม่ไกล

หลังจากมองคล้อยหลังพวกเยี่ยเว่ยหมิงไปแล้ว เฟิงชิงหยางกลับขมวดคิ้วเป็นปม หลังจากถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง ก็บอกลิ่งหูชงว่า “เจ้าตามข้ามา”

“แล้วพี่เถียน…”

“ถึงอย่างไรก็ไม่ตาย ให้เขานอนตากลมอยู่ตรงนี้ก็พอ!”

……

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง บนแท่นหินระหว่างทางเลียบหน้าผา

เยี่ยเว่ยหมิงกินยาเม็ดรักษาบาดแผลภายในแล้วนั่งขัดสมาธิ รักษาผลข้างเคียงหลังจากใช้งานวิชาลับ ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’

ส่วนอินปู้คุยกับเฟยอวี๋กลับมองหน้ากันเลิกลั่ก

หลังจากนั้นพักหนึ่ง ก็เป็นอินปู้คุยที่เอ่ยปากก่อน “ครั้งนี้สังหารเถียนปั๋วกวงบนผาสำนึกตนไม่สำเร็จ เป็นเพราะข้าพิจารณาไม่ถี่ถ้วนเอง นึกไม่ถึงว่าลิ่งหูชงกับเฟิงชิงหยางจะลงมือต่อเนื่องกัน หลังจากครั้งนี้ เถียนปั๋วกวงที่ได้รับบทเรียนไปแล้วคงจะเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าเดิม พอลงหัวซานไปแล้วอาศัยวิชาตัวเบา พวกเราคิดจะสังหารเขาอีกก็คงยากแล้ว”

เฟยอวี๋ได้ยินแล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง ทักษะ ‘สืบเสาะหมื่นลี้’ ของเขาแม้จะระบุตำแหน่งของเถียนปั๋วกวงได้ทุกเมื่อ แต่อาศัยแค่รู้ตำแหน่งอีกฝ่ายอย่างเดียวจะมีประโยชน์อะไร

ตราบใดที่เถียนปั๋วกวงไม่มาสู้ตายกับพวกเขา เช่นนั้นด้วยวิชาตัวเบาของเขา ก็ปัดก้นหนีได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว พวกเขาทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย

ตอนนี้เอง เสียงของเยี่ยเว่ยหมิงกลับดังขึ้นข้างหูของทั้งสองคน “ประโยชน์ของการสังหารเถียนปั๋วกวงมีทั้งหมดสามข้อ ไม่นับรางวัลภารกิจนะ ค่าวีรบุรุษจำนวนมหาศาลที่ได้หลังจากสังหารเขานับเป็นหนึ่งข้อ ค่าประสบการณ์กับค่าตบะนับรวมเป็นหนึ่งข้อ สุดท้ายก็คือไอเทมดรอปของ BOSS ร่างแท้โหมดปกติ”

จู่ๆ ได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงเอ่ยถึงประเด็นที่ฟังดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวก่อนหน้านี้ ทั้งสองก็หันมามองเขาพร้อมกัน

อินปู้คุยยิ้มเจื่อน “สหายเยี่ยนับว่าเข้าใจกระจ่าง แต่ปัญหาสำคัญที่วางอยู่ตรงหน้าพวกเราตอนนี้ไม่ใช่เรื่องแบ่งรางวัลหลังจากกำจัดเขาแล้ว ปัญหาก็คือจะทำอย่างไรให้เขาตายต่างหาก”

ส่วนเฟยอวี๋ที่คลุกคลีกับเยี่ยเว่ยหมิงค่อนข้างบ่อยก็ตาเป็นประกาย “อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดหาวิธีได้แล้ว”

“วิธีการน่ะ ที่จริงข้าคิดได้ตั้งนานแล้ว แต่ในแผนของข้า พวกเจ้าสองคนคงต้องเสียสละนิดหน่อย”

เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสองก็แสดงออกว่าไม่มีปัญหา

ในที่สุดตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงก็ลืมตาแล้วกล่าวอย่างใจเย็นว่า “อิงตามแผนการของข้า ผลประโยชน์สามข้อที่ได้จากการสังหารเถียนปั๋วกวง รางวัลที่เป็นค่าวีรบุรุษ ค่าประสบการณ์และค่าตบะ เกรงว่าพวกเราคงจะไม่ได้แล้ว”

เขาชะงักไปครู่เดียว แล้วกล่าวเสริมอีกว่า “แต่เพื่อชดเชย ข้ายินดีสละไอเทมดรอปทั้งหมดของเถียนปั๋วกวง ให้พวกเจ้าสองคนแบ่งเท่าๆ กัน หรือจะแบ่งอย่างไรก็แล้วแต่ พวกเจ้าสองคนไปปรึกษากันเอาเอง”

“ต้องให้พวกเราทำอะไรบ้าง” เฟยอวี๋ถามอย่างตรงไปตรงมาอีกครั้ง

“เจ้ากลับสำนักมือปราบเทพ ปู้คุยกลับอู่ตัง” ในดวงตาเยี่ยเว่ยหมิงเผยความมั่นใจในตัวเองที่สุด “ข้าจะรอฟังข่าวจากพวกเจ้าอยู่ที่นี่ หลังจากพวกเจ้ากลับไปถึงแล้ว ก็ส่งพิราบสื่อสารมาหาข้าทันที จากนั้นก็รอแบ่งไอเทมดรอปหลังจากเถียนปั๋วกวงตายได้เลย”

อินปู้คุยได้ยินแล้วขมวดคิ้ว “เจ้าอยากจะตัวต่อตัวกับเถียนปั๋วกวงอย่างนั้นหรือ” ความหมายแฝงในคำพูดของเขาก็คือ อย่าบอกนะว่าพวกเราสองคนเป็นส่วนเกิน

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย “ในแผนการของข้า พวกเจ้าต่างหากคือกุญแจสำคัญที่อยู่ในนั้น ดังนั้น หลังจากพวกเจ้ากลับไปแล้ว พวกเจ้าจะต้องอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยแน่นอน โดยเฉพาะปู้คุย เจ้านั่งอยู่นอกประตูใหญ่ของวิหารเจินอู่เลยก็ได้ รอข่าวอยู่ใต้หนังตาของจางซานเฟิง ใช้เวลาไม่นานนักหรอก แต่ในระหว่างนั้นพวกเจ้าต้องรักษาตัวเองให้ปลอดภัย!…

…เพราะพวกเจ้าสองคนจะต้องไม่ตายในช่วงเวลานี้ ข้าถึงจะรับประกันความสำเร็จของแผนการนี้ได้”

“ข้าไม่มีปัญหา”

เฟยอวี๋กับเยี่ยเว่ยหมิงร่วมงานกันค่อนข้างบ่อย รู้ว่าเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์มากแผนการ ในเมื่อกล้าพูดอย่างนี้แล้ว ก็แสดงว่ามีหนทางสังหารเถียนปั๋วกวงให้ตายแน่นอน

ส่วนอินปู้คุยก็ยิ่งไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เขากำลังรอทำภารกิจ ‘ตามหาหมอฝีมือดีและยาเทวดา’ ให้สำเร็จแล้วก็เรียนวิชาของ ‘วิชาเก้าเอี๊ยงอู่ตัง’!

ทั้งสองต่างคนต่างกลับสำนักตัวเองตามที่เยี่ยเว่ยหมิงบอก หลังจากนั้นประมาณสิบนาที เยี่ยเว่ยหมิงก็ได้รับพิราบสื่อสารที่ส่งมาจากทั้งสองคน

ขณะเดียวกันนี้เอง เนื่องจากมียาช่วยรักษาบาดแผล อาการบาดเจ็บภายในร่างกายของเขาก็หายเป็นปกติแล้ว!

เยี่ยเว่ยหมิงลุกขึ้นยืนบนแท่นหินด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขาย่ำเท้าหนักสลับเบาอีกครั้ง เดินตามทางเลียบหน้าผาขึ้นไปบนผาสำนึกตนอย่างระมัดระวัง

ตอนเพิ่งขึ้นมาบนแท่นหินของผาสำนึกตน เยี่ยเว่ยหมิงก็เห็นเถียนปั๋วกวงนอนกึ่งเป็นกึ่งตายตากลมอยู่เพียงลำพัง

ตอนนี้ขอเพียงเขาใช้ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ทีเดียว ก็จะคร่าชีวิตโจรราคะตัวพ่อคนนี้ได้อย่างง่ายดาย

ทว่าเขากลับไม่ได้ทำอย่างนั้น

เขาตะโกนเสียงดังว่า “เถียนปั๋วกวง ตอนอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสเฟิงครั้งก่อนข้าไว้ชีวิตเจ้าแล้วหนึ่งครั้ง ครั้งนี้เจ้าทำผิดแล้วตกอยู่ในมือข้าอีก ข้าก็อยากเห็นว่ายังจะมีใครมาช่วยเจ้าได้อีก!”

เถียนปั๋วกวง: ???

พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงประกาศฆ่าคน เถียนปั๋วกวงร่างพิการก็หน้าเหวอทันที!

ตั้งแต่พวกเจ้าลงเขาจนกระทั่งตอนนี้ ยังใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเลยนะ

ทำไมมาพูดเรื่องครั้งก่อนกับครั้งนี้แล้ว นี่ยังถือเป็นครั้งเดียวกันอยู่เลย ตกลงไหม

เพียงแต่คำบ่นในใจเหล่านี้ เถียนปั๋วกวงกลับไม่ได้เอ่ยออกมา เพราะเขาเสียค่าพลังชีวิตเยอะเกินไป ตอนนี้ไม่มีแรงจะเถียงอะไรกับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงแม้ภายนอกจะดูเหมือนกำลังพูดกับเถียนปั๋วกวง แต่ตอนที่เขาพูดสิ่งเหล่านี้ สายตากลับจ้องไปตรงทางเข้าถ้ำภูเขาเพียงแห่งเดียวบนผาสำนึกตน

เฟิงชิงหยางโยนเถียนปั๋วกวงไว้บนแท่นหินข้างนอกแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับให้โอกาสเยี่ยเว่ยหมิงสังหารเพื่อจบภารกิจ

แต่พอเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องไปหาเรื่องคนอื่นอีกแล้ว

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าลิ่งหูชงเข้ามาแทรกแซงก่อนหน้านี้ แม้แต่เฟิงชิงหยางที่เป็นผู้อาวุโสบู๊ลิ้มก็ยังกระโดดออกมาทำให้สถานการณ์ปั่นป่วนแล้ว เรื่องนี้ฟังดูค่อนข้างเหลวไหล

ถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะลิ่งหูชงเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อนไม่รู้ความ อย่าบอกนะว่าคนอายุเท่าเฟิงชิงหยางก็ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่วเหมือนกัน

เจ้าคิดว่าสังเวยเถียนปั๋วกวงให้สวรรค์ตอนนี้แล้วจะราบรื่นทุกกอย่างอย่างนั้นหรือ

ไม่มีทางเสียหรอก!

วันนี้ถ้าไม่ทำให้ BOSS ที่เร้นกายอยู่ในสำนักหัวซานเสียเลือดสักครั้ง แล้วเยี่ยเว่ยหมิงจะทำให้เขากับลิ่งหูชงพ้นความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร

จะว่าไปแล้ว ของที่ล้ำค่าที่สุดบนตัวเฟิงชิงหยางจะเป็นอะไรกันแน่นะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด