ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 125 พลังอันน่ากลัวของชวีหลิงเฟิง!

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 125 พลังอันน่ากลัวของชวีหลิงเฟิง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แกร๊ง! แกร๊ง! เสียงโลหะกระทบกันดังต่อเนื่อง ไม่น่าเชื่อว่าเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยจะถูกไม้เท้าเหล็กของชวีหลิงเฟิงทำให้สะเทือนจนถอยหลังออกไป

ท่ามกลางการโจมตีนี้ เยี่ยเว่ยหมิงถอยหลังต่อเนื่องสามก้าว สะพานสวรรค์น้อยถอยหลังต่อเนื่องเจ็ดก้าวจนไปชนกับโต๊ะด้านหลังถึงได้ฝืนหยุดไว้ได้

จากการโจมตีธรรมดาหนึ่งครั้งนี้ ได้เผยให้เห็นสองปัญหาที่ร้ายแรงมาก

1. ความสามารถของเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยยิ่งต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว อีกทั้งตอนก่อนลงมือต่อสู้ สะพานสวรรค์น้อยก็เหมือนจะลืมกินเนื้อย่าง!

2. ชวีหลิงเฟิงแข็งแกร่งมาก ร้ายกาจกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้ไกลมาก!

เมื่ออยู่ในสถานการณ์ปกติ ทั้งสองจะร่วมมือกันใช้กระบวนท่า แต่ในความเป็นจริงพลังโจมตีของแต่ละคนกลับไม่ได้เปลี่ยนแปลง เหมือนพลังโจมตีของทั้งสองคนเป็นหนึ่งหน่วย ตราบใดที่อีกฝ่ายก็มีพลังโจมตีหนึ่งหน่วยเหมือนกัน พลังหนึ่งหน่วยนี้ก็จะโจมตีพวกเขาได้สำเร็จ

แน่นอน ที่กล่าวมาเป็นเพียงการเปรียบเทียบด้านพลังเท่านั้น

กระบี่คู่ผนึกรวมเป็นเคล็ดกระบี่โจมตีร่วมที่แข็งแกร่งมากชุดหนึ่ง ช่วยเพิ่มพลังภายในของทั้งสองได้ในระดับหนึ่ง!

ก็เหมือนที่เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยร่วมมือกันโจมตี กำลังภายในของทั้งสองรวมเป็นหนึ่ง เช่นนั้นพลังของพวกเขาคนใดคนหนึ่ง ก็จะเพิ่มจากเดิมหนึ่งเป็นสอง ถึงขนาดว่ามากกว่านั้นด้วย!

ภายใต้พลังที่เพิ่มขึ้นนี้ นอกเสียจากจะสายตาแม่นยำ หาช่องโหว่โจมตีการเชื่อมต่อพลังภายในของพวกเขาเหมือนสาวน้อยชุดแดง หรือไม่ก็เหมียวเหรินเฟิ่งก่อนหน้านี้ได้ ไม่อย่างนั้นแล้ว ก็จะต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวของสองคนที่รวมเป็นหนึ่งนี้

ถามหน่อยว่าหากเป็นคู่ต่อสู้ที่ความสามารถต่างกันไม่มาก ใครจะไปต้านไหว

ทว่าเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์นี้ ชวีหลิงเฟิงกลับอาศัยไม้เท้าเหล็กด้ามเดียวโจมตีจนพวกเขาล่าถอยได้โดยไม่ต้องทำลายการเชื่อมต่อกำลังภายในของพวกเขา!

สิ่งนี้อธิบายได้ถึงอะไร

อธิบายได้ว่าพลังภายในของชวีหลิงเฟิงเหนือกว่าพลังกระบี่คู่ผนึกรวมของทั้งสอง!

พวกเขาเงยหน้ามองด้วยความตระหนก แต่กลับเห็นว่าเหนือศีรษะของชวีหลิงเฟิงปรากฏข้อมูลค่าสเตตัสแล้ว

[ชวีหลิงเฟิง]

ศิษย์ที่ถูกทิ้งจากเกาะดอกท้อ

เลเวล: 65 (พิการบาดเจ็บ)

พลังชีวิต: 350000/350000

กำลังภายใน: 65000/65000

……

เมื่อได้เห็นค่าสเตตัสของชวีหลิงเฟิง ผู้เล่นห้าคนที่อยู่ตรงนั้นก็สูดหายใจอย่างตระหนกพร้อมกัน

BOSS เลเวล 65!

พลังชีวิต 350,000!

อาศัยแค่พลังภายในอย่างเดียวก็ต้านทานกระบี่คู่ผนึกรวมไหว ทั้งยังโจมตีจนเกิดผลบดขยี้ได้ด้วย!

จากข้อมูลที่แสดงให้เห็น สำหรับผู้เล่นในปัจจุบันนี้ ชวีหลิงเฟิงถือเป็นบอสที่ไม่มีทางเอาชนะได้เลย ยามอยู่ต่อหน้าพลังเช่นนี้ แม้จะเป็นกระบี่คู่ผนึกรวมที่ร้ายกาจ แต่ยามเผชิญหน้ากับพลังอันแข็งแกร่ง ต่อให้สิบกลยุทธ์ก็เอาชนะไม่ได้!

“สะพานสวรรค์น้อย กินเนื้อ!”

เมื่อเห็นพลังของชวีหลิงเฟิงน่ากลัวขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็กำชับสะพานสวรรค์น้อยทันที จากนั้นก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วลงมือพร้อมเฟยอวี๋ที่เพิ่งเข้ามาแทนตำแหน่งของสะพานสวรรค์น้อย หนึ่งดาบหนึ่งกระบี่ โจมตีไปทางไม้เท้าเหล็กของชวีหลิงเฟิงพร้อมกัน

ส่วนซานเย่ว์กับถังซานไฉ่ที่อยู่อีกด้านก็ใช้ท่าไม้ตายของตัวเอง วิชามวยสำนักถังซาน อักษรชิงเก้าโหล สิบแปดทลายอักษรนครทักทายบนตัวชวีหลิงเฟิงพร้อมกัน

ทว่ายามเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายที่ใช้อย่างสุดความพยายามของพวกเขาสี่คน ชวีหลิงเฟิงกลับไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย

กลับเห็นเขาพลันใช้ไม้เท้าคู่แตะพื้น ทะยานตัวขึ้นกลางอากาศ ไม้เท้าที่อยู่ในมือขวากวาดฟันในแนวขวาง ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงกับเฟยอวี๋สะเทือนจนกระเด็นไปข้างหลังพร้อมกัน

จากนั้นเขาก็หมุนตัวอย่างรวดเร็ว ไม้เท้าในมือข้างซ้ายถูกกระตุ้นด้วยกำลังภายใน ทำให้เกิดลมพายุหมุนกลุ่มหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดโพธิ์ หินตั๊กแตนบินของซานเย่ว์ หรือจะเป็นเข็มชนิดต่างๆ ของถังซานไฉ่ ก็ถูกพายุหมุนนี้ตีกระเด็นออกไปหมด ไม่มีชิ้นไหนสร้างภัยคุกคามต่อเขาได้เลย!

ในตอนนี้เอง สะพานสวรรค์น้อยก็นำเนื้อหมาป่าย่างที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาอย่างปวดใจ เนื้อมาจ่ออยู่ตรงปากแล้ว

เหลือแค่ชิ้นสุดท้ายแล้ว…

เนื่องจากก่อนหน้านี้ต้องใช้พลังต่อสู้ของกระบี่คู่ผนึกรวม เยี่ยเว่ยหมิงจึงนำเนื้อย่างสองชิ้นสุดท้ายบนตัวมอบให้สะพานสวรรค์น้อยในคราเดียว อาศัยสิ่งนี้เพื่อเพิ่มความสามารถโดยรวมให้นาง ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพของกระบี่คู่ผนึกรวมด้วย

ก่อนหน้านี้ตอนที่โจมตีเหยียนจี สะพานสวรรค์น้อยก็กินไปแล้วชิ้นหนึ่ง

ตอนนี้เหลือชิ้นสุดท้ายแล้ว นางรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แล้วก็คิดว่าเจ้าหัวขโมยคนนี้จะร้ายกาจขนาดไหนกันเชียว นางจึงไม่ได้กินเนื้อย่างเพิ่มค่าสเตตัสก่อนต่อสู้

ทว่า การที่นางทำอย่างนี้ กลับทำให้ถูกความจริงโจมตีอย่างโหดเหี้ยมแล้ว

เจ้าหัวขโมยคนนี้ไม่เพียงแค่ร้ายกาจ ทั้งยังโฉดชั่วด้วย!

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การจะกินหรือไม่กินเนื้อย่างก็อาจจะไม่ต่างกัน

ถึงอย่างไรก็สู้ไม่ไหวอยู่ดี…

ทว่า ความคิดตื้นเขินเช่นนี้เพียงแวบเข้ามาในหัวประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ในฐานะสหายร่วมทีมที่ได้มาตรฐาน นางย่อมเข้าใจหลักการที่ว่า ‘มีแรงเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน ก็มีโอกาสชนะเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน’

ดังนั้น นางจึงอ้าปากแดงเรื่อยังไม่ลังเล กัดกินเนื้อหมาป่าย่างหอมอร่อยคำเล็กอย่างมีมารยาท

[ติ๊ง!…]

พอได้ยินเสียงระบบประกาศว่าพลังในค่าสเตตัสเพิ่มขึ้น สะพานสวรรค์น้อยก็ฮึกเหิมทันที ตอนที่เตรียมจะเก็บเนื้อย่างที่เหลือเอาไว้ค่อยๆ กินในภายหลัง กลับคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ มือก็เบาโหวง แล้วก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างกายนาง

ส่วนเนื้อย่างของนางก็ตกไปอยู่ในมือเด็กผู้หญิงคนนั้นแล้ว

เด็กผู้หญิงใช้มือข้างหนึ่งถือเนื้อย่าง ตอนนี้กลับเผยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม ทำท่าเหมือนอยากจะกินเนื้อย่างในมืออย่างถึงอกถึงใจเสียตอนนี้

เป็นฉากที่กะทันหันมาก ทำให้สะพานสวรรค์น้อยอึ้งไปชั่วขณะ

เด็กผู้หญิงคนนี้น่าจะอายุประมาณสิบขวบ แต่ลงมือได้รวดเร็วขนาดนี้เชียวหรือ

ดูจากฝีมือก็รู้แล้ว คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับหัวขโมยที่ชื่อชวีหลิงเฟิงหรอกใช่ไหม

อาศัยฝีมือในการฉกของของนาง หากไม่เป็นโจรก็จะน่าเสียดายพรสวรรค์เกินไปหรือเปล่า!

ตอนที่สะพานสวรรค์น้อยกำลังลังเลว่าจะทำอย่างไรกับเด็กผู้หญิงคนนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดในช่วงสำคัญของการต่อสู้ เด็กผู้หญิงกลับอ้าปากก่อนแล้ว นางตะโกนเรียกชวีหลิงเฟิงว่า “ท่านพ่อ! เนื้อย่างชิ้นนี้หอมมาก ท่าทางจะอร่อย ข้ากินได้หรือเปล่า”

พอเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้ปรากฏตัวกะทันหัน ชวีหลิงเฟิงก็ตกใจจนหน้าถอดสี รีบตะโกนบอกเด็กผู้หญิงคนนั้นว่า “เจ้าจะเข้ามาทำไม รีบหนีไป!”

ทว่า ยิ่งเขาแสดงออกเช่นนี้ ก็ยิ่งอธิบายได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คือจุดอ่อนของเขา!

ด้วยความหน้าด้านใจดำของเยี่ยเว่ยหมิง มีหรือที่จะพลาดโอกาสดีที่ไม่ได้มาบ่อยๆ อย่างนี้ไป

เขาพลันถลันตัว ใช้ท่าร่าง ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ ตัวเขามาถึงข้างหลังเด็กผู้หญิงคนนั้นแล้ว พร้อมทั้งหมุนกระบี่ชิงจู๋ในมือ แล้วกดไว้บนหลังคอของนางเสียเลย ตอนนี้เขาถึงได้เงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม บอกชวีหลิงเฟิงว่า “ดูจากสีของกระบี่เล่มนี้ เจ้าก็น่าจะมองออกแล้วนะว่ามันมีพิษ”

ชวีหลิงเฟิงได้ยินแล้วตัวแข็งทันที มองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างเดือดดาล พร้อมเค้นคำพูดออกจากร่องฟัน “ต่ำช้า!”

“เชอะ!” สำหรับคำประณามของชวีหลิงเฟิง เยี่ยเว่ยหมิงกลับเบะปากเหยียดหยาม “หัวขโมยที่เข้าวังไปขโมยสมบัติสองครั้งอย่างเจ้า มีสิทธิ์อะไรมาด่าว่าข้าต่ำช้า…

…อย่าเหลวไหล! วางไม้เท้าเหล็ก ยอมให้จับแต่โดยดี ข้ารับประกันว่าจะไม่แตะต้องนางแม้แต่ปลายผม”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 125 พลังอันน่ากลัวของชวีหลิงเฟิง!

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 125 พลังอันน่ากลัวของชวีหลิงเฟิง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แกร๊ง! แกร๊ง! เสียงโลหะกระทบกันดังต่อเนื่อง ไม่น่าเชื่อว่าเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยจะถูกไม้เท้าเหล็กของชวีหลิงเฟิงทำให้สะเทือนจนถอยหลังออกไป

ท่ามกลางการโจมตีนี้ เยี่ยเว่ยหมิงถอยหลังต่อเนื่องสามก้าว สะพานสวรรค์น้อยถอยหลังต่อเนื่องเจ็ดก้าวจนไปชนกับโต๊ะด้านหลังถึงได้ฝืนหยุดไว้ได้

จากการโจมตีธรรมดาหนึ่งครั้งนี้ ได้เผยให้เห็นสองปัญหาที่ร้ายแรงมาก

1. ความสามารถของเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยยิ่งต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว อีกทั้งตอนก่อนลงมือต่อสู้ สะพานสวรรค์น้อยก็เหมือนจะลืมกินเนื้อย่าง!

2. ชวีหลิงเฟิงแข็งแกร่งมาก ร้ายกาจกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้ไกลมาก!

เมื่ออยู่ในสถานการณ์ปกติ ทั้งสองจะร่วมมือกันใช้กระบวนท่า แต่ในความเป็นจริงพลังโจมตีของแต่ละคนกลับไม่ได้เปลี่ยนแปลง เหมือนพลังโจมตีของทั้งสองคนเป็นหนึ่งหน่วย ตราบใดที่อีกฝ่ายก็มีพลังโจมตีหนึ่งหน่วยเหมือนกัน พลังหนึ่งหน่วยนี้ก็จะโจมตีพวกเขาได้สำเร็จ

แน่นอน ที่กล่าวมาเป็นเพียงการเปรียบเทียบด้านพลังเท่านั้น

กระบี่คู่ผนึกรวมเป็นเคล็ดกระบี่โจมตีร่วมที่แข็งแกร่งมากชุดหนึ่ง ช่วยเพิ่มพลังภายในของทั้งสองได้ในระดับหนึ่ง!

ก็เหมือนที่เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยร่วมมือกันโจมตี กำลังภายในของทั้งสองรวมเป็นหนึ่ง เช่นนั้นพลังของพวกเขาคนใดคนหนึ่ง ก็จะเพิ่มจากเดิมหนึ่งเป็นสอง ถึงขนาดว่ามากกว่านั้นด้วย!

ภายใต้พลังที่เพิ่มขึ้นนี้ นอกเสียจากจะสายตาแม่นยำ หาช่องโหว่โจมตีการเชื่อมต่อพลังภายในของพวกเขาเหมือนสาวน้อยชุดแดง หรือไม่ก็เหมียวเหรินเฟิ่งก่อนหน้านี้ได้ ไม่อย่างนั้นแล้ว ก็จะต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวของสองคนที่รวมเป็นหนึ่งนี้

ถามหน่อยว่าหากเป็นคู่ต่อสู้ที่ความสามารถต่างกันไม่มาก ใครจะไปต้านไหว

ทว่าเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์นี้ ชวีหลิงเฟิงกลับอาศัยไม้เท้าเหล็กด้ามเดียวโจมตีจนพวกเขาล่าถอยได้โดยไม่ต้องทำลายการเชื่อมต่อกำลังภายในของพวกเขา!

สิ่งนี้อธิบายได้ถึงอะไร

อธิบายได้ว่าพลังภายในของชวีหลิงเฟิงเหนือกว่าพลังกระบี่คู่ผนึกรวมของทั้งสอง!

พวกเขาเงยหน้ามองด้วยความตระหนก แต่กลับเห็นว่าเหนือศีรษะของชวีหลิงเฟิงปรากฏข้อมูลค่าสเตตัสแล้ว

[ชวีหลิงเฟิง]

ศิษย์ที่ถูกทิ้งจากเกาะดอกท้อ

เลเวล: 65 (พิการบาดเจ็บ)

พลังชีวิต: 350000/350000

กำลังภายใน: 65000/65000

……

เมื่อได้เห็นค่าสเตตัสของชวีหลิงเฟิง ผู้เล่นห้าคนที่อยู่ตรงนั้นก็สูดหายใจอย่างตระหนกพร้อมกัน

BOSS เลเวล 65!

พลังชีวิต 350,000!

อาศัยแค่พลังภายในอย่างเดียวก็ต้านทานกระบี่คู่ผนึกรวมไหว ทั้งยังโจมตีจนเกิดผลบดขยี้ได้ด้วย!

จากข้อมูลที่แสดงให้เห็น สำหรับผู้เล่นในปัจจุบันนี้ ชวีหลิงเฟิงถือเป็นบอสที่ไม่มีทางเอาชนะได้เลย ยามอยู่ต่อหน้าพลังเช่นนี้ แม้จะเป็นกระบี่คู่ผนึกรวมที่ร้ายกาจ แต่ยามเผชิญหน้ากับพลังอันแข็งแกร่ง ต่อให้สิบกลยุทธ์ก็เอาชนะไม่ได้!

“สะพานสวรรค์น้อย กินเนื้อ!”

เมื่อเห็นพลังของชวีหลิงเฟิงน่ากลัวขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็กำชับสะพานสวรรค์น้อยทันที จากนั้นก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วลงมือพร้อมเฟยอวี๋ที่เพิ่งเข้ามาแทนตำแหน่งของสะพานสวรรค์น้อย หนึ่งดาบหนึ่งกระบี่ โจมตีไปทางไม้เท้าเหล็กของชวีหลิงเฟิงพร้อมกัน

ส่วนซานเย่ว์กับถังซานไฉ่ที่อยู่อีกด้านก็ใช้ท่าไม้ตายของตัวเอง วิชามวยสำนักถังซาน อักษรชิงเก้าโหล สิบแปดทลายอักษรนครทักทายบนตัวชวีหลิงเฟิงพร้อมกัน

ทว่ายามเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายที่ใช้อย่างสุดความพยายามของพวกเขาสี่คน ชวีหลิงเฟิงกลับไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย

กลับเห็นเขาพลันใช้ไม้เท้าคู่แตะพื้น ทะยานตัวขึ้นกลางอากาศ ไม้เท้าที่อยู่ในมือขวากวาดฟันในแนวขวาง ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงกับเฟยอวี๋สะเทือนจนกระเด็นไปข้างหลังพร้อมกัน

จากนั้นเขาก็หมุนตัวอย่างรวดเร็ว ไม้เท้าในมือข้างซ้ายถูกกระตุ้นด้วยกำลังภายใน ทำให้เกิดลมพายุหมุนกลุ่มหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดโพธิ์ หินตั๊กแตนบินของซานเย่ว์ หรือจะเป็นเข็มชนิดต่างๆ ของถังซานไฉ่ ก็ถูกพายุหมุนนี้ตีกระเด็นออกไปหมด ไม่มีชิ้นไหนสร้างภัยคุกคามต่อเขาได้เลย!

ในตอนนี้เอง สะพานสวรรค์น้อยก็นำเนื้อหมาป่าย่างที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาอย่างปวดใจ เนื้อมาจ่ออยู่ตรงปากแล้ว

เหลือแค่ชิ้นสุดท้ายแล้ว…

เนื่องจากก่อนหน้านี้ต้องใช้พลังต่อสู้ของกระบี่คู่ผนึกรวม เยี่ยเว่ยหมิงจึงนำเนื้อย่างสองชิ้นสุดท้ายบนตัวมอบให้สะพานสวรรค์น้อยในคราเดียว อาศัยสิ่งนี้เพื่อเพิ่มความสามารถโดยรวมให้นาง ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพของกระบี่คู่ผนึกรวมด้วย

ก่อนหน้านี้ตอนที่โจมตีเหยียนจี สะพานสวรรค์น้อยก็กินไปแล้วชิ้นหนึ่ง

ตอนนี้เหลือชิ้นสุดท้ายแล้ว นางรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แล้วก็คิดว่าเจ้าหัวขโมยคนนี้จะร้ายกาจขนาดไหนกันเชียว นางจึงไม่ได้กินเนื้อย่างเพิ่มค่าสเตตัสก่อนต่อสู้

ทว่า การที่นางทำอย่างนี้ กลับทำให้ถูกความจริงโจมตีอย่างโหดเหี้ยมแล้ว

เจ้าหัวขโมยคนนี้ไม่เพียงแค่ร้ายกาจ ทั้งยังโฉดชั่วด้วย!

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การจะกินหรือไม่กินเนื้อย่างก็อาจจะไม่ต่างกัน

ถึงอย่างไรก็สู้ไม่ไหวอยู่ดี…

ทว่า ความคิดตื้นเขินเช่นนี้เพียงแวบเข้ามาในหัวประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ในฐานะสหายร่วมทีมที่ได้มาตรฐาน นางย่อมเข้าใจหลักการที่ว่า ‘มีแรงเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน ก็มีโอกาสชนะเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน’

ดังนั้น นางจึงอ้าปากแดงเรื่อยังไม่ลังเล กัดกินเนื้อหมาป่าย่างหอมอร่อยคำเล็กอย่างมีมารยาท

[ติ๊ง!…]

พอได้ยินเสียงระบบประกาศว่าพลังในค่าสเตตัสเพิ่มขึ้น สะพานสวรรค์น้อยก็ฮึกเหิมทันที ตอนที่เตรียมจะเก็บเนื้อย่างที่เหลือเอาไว้ค่อยๆ กินในภายหลัง กลับคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ มือก็เบาโหวง แล้วก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างกายนาง

ส่วนเนื้อย่างของนางก็ตกไปอยู่ในมือเด็กผู้หญิงคนนั้นแล้ว

เด็กผู้หญิงใช้มือข้างหนึ่งถือเนื้อย่าง ตอนนี้กลับเผยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม ทำท่าเหมือนอยากจะกินเนื้อย่างในมืออย่างถึงอกถึงใจเสียตอนนี้

เป็นฉากที่กะทันหันมาก ทำให้สะพานสวรรค์น้อยอึ้งไปชั่วขณะ

เด็กผู้หญิงคนนี้น่าจะอายุประมาณสิบขวบ แต่ลงมือได้รวดเร็วขนาดนี้เชียวหรือ

ดูจากฝีมือก็รู้แล้ว คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับหัวขโมยที่ชื่อชวีหลิงเฟิงหรอกใช่ไหม

อาศัยฝีมือในการฉกของของนาง หากไม่เป็นโจรก็จะน่าเสียดายพรสวรรค์เกินไปหรือเปล่า!

ตอนที่สะพานสวรรค์น้อยกำลังลังเลว่าจะทำอย่างไรกับเด็กผู้หญิงคนนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดในช่วงสำคัญของการต่อสู้ เด็กผู้หญิงกลับอ้าปากก่อนแล้ว นางตะโกนเรียกชวีหลิงเฟิงว่า “ท่านพ่อ! เนื้อย่างชิ้นนี้หอมมาก ท่าทางจะอร่อย ข้ากินได้หรือเปล่า”

พอเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้ปรากฏตัวกะทันหัน ชวีหลิงเฟิงก็ตกใจจนหน้าถอดสี รีบตะโกนบอกเด็กผู้หญิงคนนั้นว่า “เจ้าจะเข้ามาทำไม รีบหนีไป!”

ทว่า ยิ่งเขาแสดงออกเช่นนี้ ก็ยิ่งอธิบายได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คือจุดอ่อนของเขา!

ด้วยความหน้าด้านใจดำของเยี่ยเว่ยหมิง มีหรือที่จะพลาดโอกาสดีที่ไม่ได้มาบ่อยๆ อย่างนี้ไป

เขาพลันถลันตัว ใช้ท่าร่าง ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ ตัวเขามาถึงข้างหลังเด็กผู้หญิงคนนั้นแล้ว พร้อมทั้งหมุนกระบี่ชิงจู๋ในมือ แล้วกดไว้บนหลังคอของนางเสียเลย ตอนนี้เขาถึงได้เงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม บอกชวีหลิงเฟิงว่า “ดูจากสีของกระบี่เล่มนี้ เจ้าก็น่าจะมองออกแล้วนะว่ามันมีพิษ”

ชวีหลิงเฟิงได้ยินแล้วตัวแข็งทันที มองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างเดือดดาล พร้อมเค้นคำพูดออกจากร่องฟัน “ต่ำช้า!”

“เชอะ!” สำหรับคำประณามของชวีหลิงเฟิง เยี่ยเว่ยหมิงกลับเบะปากเหยียดหยาม “หัวขโมยที่เข้าวังไปขโมยสมบัติสองครั้งอย่างเจ้า มีสิทธิ์อะไรมาด่าว่าข้าต่ำช้า…

…อย่าเหลวไหล! วางไม้เท้าเหล็ก ยอมให้จับแต่โดยดี ข้ารับประกันว่าจะไม่แตะต้องนางแม้แต่ปลายผม”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+