ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 249 ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ระดับสมบูรณ์

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 249 'เคล็ดวิชาจักรวาล' ระดับสมบูรณ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 249 ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ระดับสมบูรณ์

เขาไม่รีบร้อนดูค่าสเตตัสของ ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ที่เลเวลเต็มแล้ว แต่กลับหันกลับมาช้าๆ มองคู่ต่อสู้สี่คนที่เข้ามาล้อมตนไว้อีกครั้ง แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “ข้าสังหารอวิ๋นหวาซั่งเซียนก็เพียงเพื่อทำภารกิจให้เสร็จสิ้นเท่านั้น ก็เหมือนกับที่พวกเจ้าสู้กับข้าก่อนหน้านี้นั่นแหละ…

…และการสู้กับพวกเจ้า ก็ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับข้า ดังนั้นข้าไม่อยากประมือกับพวกเจ้า…

…ถ้าพวกเจ้าไม่เป็นฝ่ายมาหาเรื่องข้าก่อน”

พอสี่คนนี้ได้ยิน ก็แยกกันไปล้อมเยี่ยเว่ยหมิงไว้สองฝั่งซ้ายขวาอย่างเงียบๆ จากนั้นก็เดินอ้อมไปอีกฝั่งของเยี่ยเว่ยหมิงอย่างระแวดระวัง สายตาจ้องมองอย่างไม่ประมาทพร้อมถอยหลังไปด้วย จนกระทั่งถอยไปถึงตำแหน่งที่ม้ายืนอยู่ ขุนเขาลำธารย่อมพานพบถึงได้ตะโกนบอกเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ไม่รบกวนแล้ว ลาก่อน”

พอพูดจบ ทั้งสี่คนก็จูงม้าห้าตัวจากไปเงียบๆ โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา

จนกระทั่งตอนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้เปิดหน้าอินเตอร์เฟสระบบขึ้นมา เพื่อดู ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ที่ถึงระดับสมบูรณ์แล้ว

[เคล็ดวิชาจักรวาล (ระดับสูง)]

เลเวล: 10

ค่าประสบการณ์: …

สุดยอดวิชาอันโด่งดังของเฉิงคุนฉายาหัตถ์อัสนีบาตจักรวาล

พลังชีวิต +2500

กำลังภายใน +6000

ความแข็งแกร่ง +320

พละกำลัง +320

ท่าร่าง +320

ความว่องไว +320

เอฟเฟ็กต์พิเศษ: เคล็ดชำระปราณ

เคล็ดชำระปราณ: ดูดซับพลังปราณฟ้าดินป้อนใส่ตัวเอง เมื่ออยู่ในสถานะต่อสู้ จะได้ความเร็วในการฟื้นฟูกำลังภายใน 50% ของสถานะนั่งสมาธิ!

หยินหยางสมดุล: ปรับเปลี่ยนหยินหยางของกำลังภายในตัวเองได้ทุกเมื่อ สมใจอยากปรารถนาทุกประการ

……

หมายความว่าอะไร

ไม่เหมือนกับ ‘เงาของเทพกระบี่’ ที่มีข้อมูลแนะนำอย่างง่ายๆ และได้ผลลัพธ์เร็ว ข้อมูลแนะนำของ ‘หยินหยางสมดุล’ กลับทำให้เยี่ยเว่ยหมิงอ่านจนหน้างง

ลองนึกย้อนถึงข้อมูลที่ตัวเองรู้ตอนนี้อย่างละเอียด รวมทั้งกลยุทธ์ ‘ยิ้มเย้ยยุทธภพ’ ‘ตำนานวีรบุรุษยิงอินทรี’ ที่อินปู้คุยให้มาก่อนหน้านี้ แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่พบบันทึกใดๆ ที่เกี่ยวข้อง

ด้วยความจนใจนี้ เขาทำได้เพียงเลิกคิดวนเวียน เตรียมจะกลับไปถามหวงโส่วจุนผู้ที่มีความรู้ล้ำลึก

กลับเป็นค่าสเตตัสของวิชานี้ที่ยอดเยี่ยมมากหลังเพิ่มจากเลเวลเก้าถึงเลเวลสิบ พลังชีวิตเพิ่มขึ้นจากพื้นฐานเดิม 700 แต้ม กำลังภายในเพิ่มขึ้น 1500 แต้ม!

นอกจากนี้ ค่าสเตตัสอื่นๆ ก็เพิ่มขึ้นรายการจะห้าสิบแต้มเช่นกัน เรียกว่าโหดมากจริงๆ!

เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าต่อให้ไม่มีค่าสเตตัส ‘หยินหยางสมดุล’ เพิ่มมา อาศัยแค่โบนัสค่าสเตตัสยอดเยี่ยมนี้อย่างเดียว เขาก็ไม่ขาดทุนแล้ว

พอเขาหันกลับไป ตอนนี้เฟยอวี๋ขี่ม้าออกจากที่ซ่อนตัวในป่าก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากเห็นเยี่ยเว่ยหมิง ก็ถามพร้อมรอยยิ้ม “ภารกิจเสร็จสิ้นแล้วหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงที่ตอนนี้มีหยินหยางสมดุลอารมณ์ดีมาก ได้ยินแล้วพยักหน้าขานรับ ก่อนจะส่งคำขอซื้อขายให้เฟยอวี๋ทันที คิดบัญชีอย่างตรงไปตรงมาแล้วถือโอกาสถาม “ต่อไปเจ้าคิดจะทำอะไร อยู่ล่าสัตว์ที่นี่ หรือกลับไปทำภารกิจของเจ้าต่อ”

“ข้าก็ต้องกลับไปล่าสัตว์ต่ออยู่แล้ว!” เฟยอวี๋ตอบกลับอย่างไม่ลังเล “ข้าออกเงินเช่าม้ากับกระบอกเก็บลูกธนูเองเลยนะ ถ้าไม่ใช้งานพวกมัน ข้าก็รู้สึกขาดทุนแย่”

ค่าตั๋วเข้าสนามล่าสัตว์ของพวกเขาสองคน เยี่ยเว่ยหมิงย่อมเป็นคนออกเงิน ถึงอย่างไรเฟยอวี๋ก็มาเพื่อช่วยเขาทำภารกิจ จะให้หักเงินนี้จากค่าแรงสองร้อยเหรียญทองก็ไม่ใช่เรื่อง

ม้าและลูกธนูไม่ใช่ของจำเป็นสำหรับการทำภารกิจ ล้วนเป็นของที่เฟยอวี๋ออกเงินเช่าเอง

มองออกเลยว่าเขาชอบกิจกรรมบันเทิงอย่างการล่าสัตว์มากจริงๆ

ที่จริงเขาเช่าชุดล่าสัตว์ระดับต้นมาทั้งชุด เพียงแต่เขาไม่ชอบธนูล่าสัตว์ขยะคันนั้น เพราะ ‘วิชาธนู’ ที่ติดมากับธนูยังได้ผลไม่ดีเท่าวิชาธนูของเฟยอวี๋เอง แต่ม้าที่แถมวิชาขี่ม้ามาให้กับกระบอกเก็บลูกธนูที่มีลูกธนูไม่จำกัดก็ใช้งานได้ดีมาก น่าเสียดายที่เช่าแค่อย่างเดียวไม่ได้ เขาจึงทำได้เพียงเช่ามาทั้งชุด จากนั้นก็โยนธนูเส็งเคร็งคันนั้นเข้ากระเป๋าสัมภาระ

พูดตามตรงว่าสถานการณ์ของเฟยอวี๋เหมาะกับการล่าสัตว์มากจริงๆ

วิชาธนูของเขาเลเวลไม่ต่ำ เขาเลือกเป็นวิชารองที่ฝึก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีทักษะระดับกลางแล้ว ประกอบกับทักษะตัวอักษร ‘ดิน’ ของเขาอีก เขาก็เล่นอยู่ในสนามล่าสัตว์แห่งนี้ได้อย่างอิสระเสรีมากจริงๆ

เมื่อเปิดใช้เอฟเฟ็กต์ของทักษะ ขอบเขตการสืบเสาะก็ใหญ่กว่าใช้เหยี่ยวล่าสัตว์ที่มีค่าเช่าหนึ่งพันเหรียญทองต่อวันอีก เหมือนเปิดระบบโกงในเกมล่าสัตว์!

หลังจากบอกลาเฟยอวี๋แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็เก็บกระบี่อาญาสิทธิ์เสียเลย แล้วโค้งเอวลง ใช้วิธีวิ่งแบบ ‘หัวเข่าเคาะหน้าอก ส้นเท้าเตะแก้มก้น’ จากวิชาตัวเบาแปดก้าวไล่ทันคางคกเลเวล 7 (+1) ทั้งตัวเหมือนแมวป่าที่หลุดจากเชือก วิ่งไปที่ขอบสนามล่าสัตว์อย่างรวดเร็วเหมือนบิน ไปหา NPC ที่รับหน้าที่ส่งออกไป

หลังจาก ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ เพิ่มเป็นเลเวลสิบซึ่งเป็นระดับสมบูรณ์ ความเร็วของเยี่ยเว่ยหมิงก็เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้หลายส่วน

ความเร็วแบบนี้ เฟยอวี๋ที่นั่งอยู่บนม้าเห็นแล้วรู้สึกปวดใจ

แต่ไม่นานเขาก็เริ่มใช้จิตวิญญาณของอาคิว[1]ปลอบใจตัวเอง “วิ่งเร็วแล้วมีประโยชน์อะไร ท่าทางน่าเกลียดจะตาย เก่งไม่เก่งเป็นแค่เรื่องชั่วคราว ความหล่อต่างหากที่จะอยู่กับเราไปทั้งชีวิต!”

……

หลังจากนั้นพักหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็อาศัยท่าร่างที่ค่าสเตตัสสูงมากของเขามาถึงจุดที่นัดเจอกับพวกถังซานไฉ่ คนอื่นๆ มาถึงตั้งนานแล้ว กำลังรอเขาคนเดียว

แต่คนที่ชอบรวยเงียบๆ อย่างเขาไม่ได้บอกเรื่องที่ตัวเองอัปเลเวลกำลังภายในระดับสูงจนถึงระดับสมบูรณ์ได้อย่างราบรื่น เพียงนำกล่องเหล็กที่ใส่จดหมายลับออกมาจากหน้าอก แล้วเข้าประเด็นทันที “เรื่องด่วนของพวกเราตอนนี้ ก็คือปรึกษากันว่าต่อไปจะส่งจดหมายภารกิจนี้อย่างไร”

“ไม่ใช่ว่าส่งจดหมายไปที่สำนักคุนหลุนโดยตรง จากนั้นก็ถือโอกาสรับรางวัลภารกิจหรอกหรือ” หนิวจื้อชุนถาม

ตอนนี้หนิวจื้อชุนอยากได้รางวัลภารกิจจนแทบอดทนรอไม่ไหว จะได้ชดเชยค่าวีรบุรุษที่เขาเสียไปก่อนหน้านี้

ฉางซิงอวี่มองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยแววตาล้ำลึกแวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างไม่จริงจังว่า “ถ้าแค่ต้องการไปส่งจดหมาย ข้าว่าก่อนที่สหายเยี่ยจะไปจัดการธุระส่วนตัว ก็คงไม่เลือกสถานที่นัดพบเป็นที่นี่หรอก…

…เพราะถ้าไปคุนหลุนโดยตรง วิธีการที่เร็วที่สุดก็คือนั่งรถม้าที่จุดพักม้า”

ทุกคนได้ยินแล้วพยักหน้าพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้พวกเขาพิจารณาถึงปัญหานี้มาก่อนเช่นกัน

การวิ่งเต้นทำธุระโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สไตล์ของเยี่ยเว่ยหมิง

ชั่วขณะนั้น สายตาทุกคนก็ไปรวมอยู่บนตัวเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว กำลังสงสัยว่าเขามีแผนการอะไรกันแน่

ส่วนฉางซิงอวี่ก็เป็นคนแรกที่คาดเดาอย่างกล้าหาญ “ก่อนตายฟ่านเหยาบอกไว้ว่าราชสำนักมองโกลส่งยอดฝีมืออกมาหมดเพื่อล้อมสังหารไป๋ลู่จื่อ เจ้าสำนักคุนหลุนที่หุบเขาน้ำเต้าโลหิต ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งตะวันตกของเมืองสามสิบลี้ หากเดาไม่ผิด สหายเยี่ยอยากจะตรงไปที่หุบเขาน้ำเต้าโลหิตเพื่อช่วยคนออกมา!…

…แต่ขออภัยที่ข้าพูดตรงๆ” พอพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ฉางซิงอวี่ก็เปลี่ยนประเด็นสนทนา “ตั้งแต่กล่องเหล็กนี้มาอยู่ในมือพวกเรา จนป่านนี้ก็เป็นเวลาสองชั่วยามแล้ว เจ้าคิดว่าถ้าพวกเราตามไปตอนนี้ ยังจะตามทันอยู่หรือ…

…ยิ่งไปกว่านั้น สหายเยี่ยแค่เตรียมจะไปเก็บศพพวกเขาอย่างนั้นหรือ”

[1] จิตวิญญาณของอาคิว “阿Q精神” มาจากนิยายรายตอนของหลู่ซวิ่น มักใช้เป็นคำเยาะเย้ยเพื่ออธิบายคนที่เลือกที่จะไม่เผชิญหน้ากับความเป็นจริงและหลอกตัวเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด