ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 519 ชายเสเพลขี้ประจบ ติงปู๋ซื่อ

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 519 ชายเสเพลขี้ประจบ ติงปู๋ซื่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 519 ชายเสเพลขี้ประจบ ติงปู๋ซื่อ

กลางดึก เรือน้อยแล่นเร็วอยู่ในทะเลสาบ บ๊ะจ่างลอยมาจากฟ้า…

ตอนที่สามคำด้านบนรวมกันในสมอง เยี่ยเว่ยหมิงก็นึกขึ้นได้ถึงเนื้อหาบางอย่างที่เคยอ่านในกลยุทธ์สองฉบับก่อนหน้านี้ทันที

สิ่งนี้ไม่ได้อธิบายว่าเยี่ยเว่ยหมิงมีความสามารถในการคิดเชื่อมโยงอะไรมากมาย แต่ก็เป็นเพราะเขาเพิ่งอ่านฉากพวกนั้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้เอง อีกทั้งอ่านบันทึกสองเล่มที่ต่างกันเล็กน้อยต่อเนื่องกันด้วย ความทรงจำยังสดใหม่และชัดเจนมากจริงๆ

พอหันหน้ากลับมา เยี่ยเว่ยหมิงก็ถามขุนเขาลำธารย่อมพานพบทันทีว่า “ขุนเขาลำธาร เมื่อครู่ตอนอยู่ในห้องโดยสารเรือ เจ้าบอกว่ามี NPC ระดับสูงในสำนักสองคนที่ฝึกวิชาแล้วธาตุไฟเข้าแทรก พวกเขาเป็นใครหรือ”

ขุนเขาลำธารย่อมพานพบตอบอย่างจนใจ “เป็นผู้อาวุโสท่านหนึ่งในสำนัก อีกคนเป็นบุคคลสำคัญในสำนักเช่นกัน แต่ฐานะโดยละเอียดของพวกเขา ข้ากลับไม่สะดวกจะเปิดเผยต่อสหายเยี่ย”

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังสงสัย กลับได้รับคำเชิญให้ร่วมทีมกับอีกฝ่าย

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเข้ามาในทีมแล้ว อีกฝ่ายก็ส่งข้อความตอบคำถามของเยี่ยเว่ยหมิงทันที [ในห้องโดยสารเรือคือฮูหยินเจ้าสำนักของพวกเรา แต่แตกหักกับเจ้าสำนักไป๋จื้อไจ้ของพวกเราด้วยสาเหตุบางอย่าง ตอนนี้หนีออกมาตั้งสำนักวิหคทองแล้ว เป็นสำนักที่เซียนสาวน้อยนักกินอยู่ตอนนี้เช่นกัน…

…ที่จริงแล้ว ตอนนี้สำนักวิหคทองไม่มีลูกศิษย์สักคนเลยด้วยซ้ำ ผู้เล่นก็มีแค่เซียนสาวน้อยนักกินคนเดียว ผู้สืบทอดน้อยกว่าตระกูลบู๊ลิ้มที่อาศัยตระกูลสืบทอดพวกนั้นเสียอีก]

หลังจากส่งข้อความแล้ว อาจจะพบว่านอกประเด็นไปไกล ขุนเขาลำธารย่อมพานพบจึงเสริมอีกว่า [อีกคนที่อยู่ในห้องโดยสารเรือคือไป๋อาซิ่ว นางคือหลานสาวของไป๋จื้อไจ้ เจ้าสำนักภูเขาหิมะของพวกเรา ลูกสาวของไป๋วั่นเจี้ยนที่เจ้าเจอก่อนหน้านี้ เพราะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ตอนนี้พวกนางจึงต้องแกล้งตาย…

…ดังนั้น ตอนนี้พวกนางจึงไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง แต่ก็ไม่ได้ตั้งชื่อแปลกๆ มั่วซั่วให้ตัวเองเช่นกัน ฮูหยินเจ้าสำนักใช้แซ่เดิมของตัวเองเสียเลย เรียกตัวเองว่าสื่อผัวผั่ว ส่วนไป๋อาซิ่วก็เรียกง่ายๆ ว่าอาซิ่ว คนทั่วไปจะไม่สงสัยฐานะของนางเช่นกัน…

…แต่ก่อนที่ร่างกายจะฟื้นฟูกลับมา พวกนางสองคนไม่ยอมพบคนนอก…

…เออ ใช่ ข้าจะแชร์ภารกิจที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้ให้เจ้า…]

[ติ๊ง! ผู้เล่นขุนเขาลำธารย่อมพานพบแชร์ภารกิจพิเศษ ‘ประลองยุทธ์’ ให้คุณ]

[ประลองยุทธ์]

สื่อผัวผั่วเจอคู่อริรบเร้า นางจึงฝืนฝึกวิชาเพื่อรับศึกกับศัตรูที่ร้ายกาจอย่างติงปู๋ซื่อ แต่นางกับอาซิ่วผู้เป็นหลานสาวกลับธาตุไฟเข้าแทรกพร้อมกัน เส้นลมปราณถูกสกัด โคจรลมปราณไม่ได้ หวังว่าจะยืมกำลังของพวกคุณโจมตีให้ศัตรูที่มารบเร้าล่าถอยไป

ระดับภารกิจ: 5 ดาว

รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 200000 แต้ม ค่าตบะ 20000 แต้ม

บทลงโทษภารกิจล้มเหลว: ค่าความรู้สึกดีของสื่อผัวผั่วลดลง

ระยะเวลาภารกิจ: คู่อริของสื่อผัวผั่วอาจกำลังจะมาถึงประตูบ้านแล้ว

……

รับภารกิจหรือไม่

ใช่/ปฏิเสธ

เนื่องจากเป็นเรื่องที่รับปากไว้แล้วก่อนหน้านี้ ทั้งยังไม่ขัดแย้งกับแผนของเยี่ยเว่ยหมิง เขาจึงรับภารกิจนี้โดยไม่ต้องพิจารณาใดๆ

จากนั้นเขาก็ส่งพิราบสื่อสารให้น้องดาบทันที บอกนางว่าตัวเองจับพลัดจับผลูมาอยู่บนเรือของสื่อผัวผั่วแล้ว ดังนั้นนางไม่ต้องกังวลเรื่องพิกัดของเกาะควันม่วงอีกแล้ว ทุกคนติดต่อกันไว้ รอให้ถึงเกาะควันม่วงแล้วค่อยร่วมมือกันจัดชุดใหญ่!

ซึ่งตอนนี้เอง จู่ๆ ทั้งสามก็ได้ยินเสียงร้องตกใจดังออกจากห้องโดยสารเรือ “อา!”

เยี่ยเว่ยหมิงที่เดาได้เพราะรู้ข้อมูลมาก่อนจำได้ทันทีว่านี่คือเสียงของอาจ่ง

จากนั้นก็ได้ยินเสียงที่อ่อนปวกเปียกของผู้หญิงของคนหนึ่งอีก “เจ้าเป็นใคร เจ้า…ทำไมเจ้า…ถึงโผล่มาอยู่ในเรือของพวกเราได้”

อาจ่งแก้ตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้าไม่ได้เข้ามาเองนะ มีคนโยนข้าเข้ามา”

“เจ้า…เจ้า…เจ้ารีบออกไปนะ ทำไมมามุดอยู่ใน…ผ้าห่มของข้าล่ะ” ผู้หญิงคนนั้นถาม

อาจ่งตอบอย่างผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรม “ข้าขยับไม่ได้ ขอร้องเจ้าล่ะ ย้ายข้าออกไปหน่อย เตะข้าออกไปก็ได้”

ตอนนี้เอง จู่ๆ เสียงแก่ชราก็ดังขึ้น ใช้น้ำเสียงที่เจือเจตนาสังหารแต่ไร้เรี่ยวแรงกล่าวว่า “เจ้าเวรนี่พูดเหลวไหลอะไร รีบใช้ดาบสังหารเขา”

เมื่อได้ยินเสียงนสนทนาในห้องโดยสารเรือ ขุนเขาลำธารย่อมพานพบก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นส่งข้อความ [NPC สองครในห้องโดยสารเรือเป็นผู้หญิงทั้งคู่ อีกทั้งอาซิ่วก็นอนอยู่ในผ้าห่มด้วย ข้ากับสหายเยี่ยไม่สะดวกเข้าไป เซียนสาวน้อยนักกิน เจ้าเป็นผู้หญิงน่าจะไม่เป็นอะไร เข้าไปดูหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น]

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วตกใจ ไม่รอให้เซียนสาวน้อยนักกินเคลื่อนไหว ก็มีข้อความส่งมาห้ามทันที [ถ้าไม่อยากโชคร้าย ก็อย่าเข้าไปเด็ดขาด]

เมื่อเห็นข้อความนี้ ขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกินก็ย้ายสายตาไปบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงพร้อมกัน ส่วนเขาก็อธิบายอย่างจนใจ [ภารกิจนี้คือหลุมพราง]

จากนั้นก็กล่าวเสริมทันทีว่า [แน่นอน สิ่งที่เรียกว่าหลุมพรางในเกม ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีเสมอไป อย่างไรเสียโอกาสกับอันตรายก็มาพร้อมกันอยู่แล้ว นี่คือหนึ่งในแนวคิดพื้นฐานของเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร สิ่งที่เรียกว่าหลุมพราง ก็คือตอนอยู่ในภารกิจที่ธรรมดาแบบนี้ มีภารกิจย่อยที่มองเผินๆ เหมือนไม่อันตรายแต่ความจริงยากมากโผล่มากะทันหัน…

…ถ้าทำสำเร็จได้ รางวัลก็จะเหนือกว่าที่เจ้าจินตนาการไว้แน่นอน แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ ก็จะต้องโชคร้ายเช่นกัน!]

เมื่อเห็นทั้งสองยังไม่ค่อยเข้าใจนัก เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงพูดต่อว่า [แม้ข้าจะไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับ แต่ก่อนจะมาที่นี่ ข้าได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง ‘มังกรทลายฟ้า’ มาแล้ว เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งของภารกิจเนื้อเรื่องที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่เช่นกัน…

…อิงตามที่แสดงในข้อมูล เด็กหนุ่มที่ถูกเตะเข้ามาในเรือตอนนี้ก็คือนักแสดงนำชายของเรื่อง พระเอก!…

…ส่วนอาซิ่ว แม้จะไม่รู้ว่านับเป็นนางเอกได้หรือไม่ แต่สุดท้ายกลับเป็นเพียงคนเดียวที่พระเอกรักจากใจจริงและเป็นคู่รักคนสุดท้ายของพระเอก ติดที่ออกฉากน้อยไปหน่อย ควรจะนับเป็นนักแสดงนำหญิงหรือไม่ก็พูดได้ไม่ชัดเจน]

พอฟังถึงตรงนี้ ทั้งสองก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเข้าไปไม่ได้

ตอนนี้กลับได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดต่อว่า [สถานการณ์ตอนนี้ก็คือ สือพั่วเทียนขยับตัวไม่ได้เพราะถูกมัด เหล่าไท่ไท่[1]ก็ขยับไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นต่อให้เหล่าไท่ไท่อยากฆ่าเขาก็ทำไม่ได้อยู่ดี อาซิ่วยังพอขยับได้บ้าง แต่กลับทำใจลงมือสังหารไม่ลง พวกเจ้าเดาสิ ถ้าเซียนสาวน้อยนักกินบุ่มบ่ามบุกเข้าไปตอนนี้ นางจะเจอภารกิจแบบไหน]

คำถามนี้เหมือนไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ละเอียดแต่อย่างใด แค่ลองติดตามตรรกะเหตุผล สื่อผัวผั่วจะต้องให้นางไปฆ่าพระเอกของเรื่องแน่นอน!

เมื่อถึงตอนนั้น ยังจะรับภารกิจได้หรือเปล่า

ถ้ารับภารกิจ จะฆ่าพระเอกของเรื่องได้จริงๆ หรือ

ต้องทราบไว้ว่าระบบปกป้องพระเอกของเรื่องทุกคน ปกป้องได้รัดกุมจนทำให้คนต้องยกนิ้วให้แน่นอน

ซึ่งด้วยคาแรกเตอร์ของอาจ่ง ไม่จำเป็นต้องให้เซี่ยเยียนเค่ออะไรนั่นกระโดดออกมาช่วยเลย ขอเพียงให้เขาปะทุพลังของ ‘วิชาอรหันต์สยบมาร’ ออกมาในช่วงเวลาสำคัญ เกรงว่าคงมีผู้เล่นไม่กี่คนที่รับไหว!

ในกลยุทธ์ของอินปู้คุยบอกไว้ว่าพรรคสุขนิรันดร์มีหัวหน้ากองคนหนึ่งชื่อจ่านเฟย เนื่องจากสือจงอวี้เป็นชู้กับคนรักของเขา เขาจึงเอาความแค้นมาลงกับสือพั่วเทียนที่หน้าตาเหมือนสือจงอวี้ทุกอย่าง

ส่วนพลังฝีมือของเขา แม้ในโลกของ ‘มังกรทลายฟ้า’ จะเทียบกับกำลังของไป๋วั่นเจี้ยนคนเดียวไม่ติด แต่อย่างน้อยก็น่าจะพอๆ กับติงตัง BOSS ใหญ่ที่เลเวลหกสิบ!

BOSS ใหญ่แบบนี้ ใช้ฝ่ามือตบบนตัวอาจ่งทีเดียว แต่ผลปรากฏว่าอาจ่งไม่เป็นอะไร คนที่แขนขาดกลับเป็นจ่านเฟย!

ขนาด BOSS ใหญ่เลเวลหกสิบกว่ายังเป็นแบบนี้ หากเซียนสาวน้อยนักกินไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริงแล้วบุ่มบ่ามเข้าไปลงดาบกับอาจ่ง แค่คิดก็รู้แล้วว่าจะมีจุดจบเป็นอย่างไร

แต่จะไม่รับภารกิจได้ด้วยหรือ

ขัดคำสั่งอาจารย์ เห็นได้ชัดว่าผลที่ตามมาไม่ใช่เรื่องดี!

ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดก็คือไม่เข้าไปเจอภารกิจย่อยนี้ ก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว

แม้ผู้ออกแบบเกมจะชอบวางกับดัก แต่กลับไม่บีบให้ผู้เล่นกระโดดลงหลุมไฟ

พวกเขาชอบวางแผนต่างๆ ให้แยบยลมากกว่า ให้ผู้เล่นเดินเข้าไปในกับดักเองโดยไม่รู้ตัว รอจนกระทั่งเจ้าตายไปอย่างโชคร้ายจริงๆ ก่อน พอกลับมาย้อนคิด กลับพบว่าความโชคร้ายของตัวเองเป็นเพราะความอวดฉลาดของตัวเองทั้งนั้น

จากนั้นก็จะรู้สึกนึกเสียใจทีหลังเป็นอย่างมาก

ซึ่งฉากแบบนี้ต่างหากที่เป็นรสนิยมร้ายกาจที่แท้จริงของนักออกแบบเกม!

ด้านหนึ่งวางกับดักให้ผู้เล่นถึงตายได้ ขณะเดียวกันก็วางมาดสูงส่งว่าผู้เล่นยินดีมาติดเบ็ดเอง โอ้อวดตัวเองอย่างมีระดับเท่าที่จะทำได้

หน้าเนื้อใจเสือไม่มีใครเปรียบ

เหมือนกับครั้งนี้ เซียนสาวน้อยนักกินไม่ได้เป็นฝ่ายบุกเข้ามาในเรือเอง สื่อผัวผั่วที่อยู่ในนั้นก็ไม่ได้เรียกผู้เล่นเข้าไปช่วยฆ่าคนเช่นกัน เพียงแต่กำลังเถียงกับอาซิ่วอยู่ในนั้นว่าควรจะฆ่าอาจ่งหรือไม่ บวกกับอาจ่งอยากเอาชีวิตรอด จึงสรรหาวิธีต่างๆ เพื่อขู่ให้อาซิ่วตกใจ พูดทำนองว่าตัวเองตายแล้วจะกลายเป็นผีดิบ ฟังแล้วเหมือนเป็นการแสดงทอล์คโชว์เซี่ยงเซิงของคนสามคน

เนื่องจากคนเดียวในเรือที่ใช้ดาบได้อย่างอาซิ่วทำไม่ลง ในการทอล์คโชว์เซี่ยงเซิงนี้จึงเป็นได้เพียงทอล์คโชว์เซี่ยงเซิง เป็นการเถียงที่หาผลลัพธ์ไม่ได้เลย

ตอนนี้ จู่ๆ ก็เสียงของคนชราที่ฟังดูชั้นต่ำมากดังมาจากที่ไกลๆ “เสี่ยวชุ่ย ข้ารอเจ้ามาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว! ทำไมเจ้าเพิ่งมาถึง”

เมื่อมองไปตามเสียง กลับพบว่าบนผิวแม่น้ำมีเรือน้อยอีกลำหนึ่งแล่นมา บนหัวเรือมีชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ เสียงที่ฟังดูต่ำตมก่อนหน้านี้ก็ถูกตะโกนออกมาจากปากของเขาเช่นกัน

ซึ่งข้างหลังของชายชราผู้นี้ก็ยังมีคนยืนอยู่อีกสามคน มองไกลๆ ยืนยันได้เพียงว่าเป็นชายสองคนกับหญิงหนึ่งคน แต่เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของสามคนนี้เหมือนไม่ได้ปรองดองกันแต่อย่างใด พวกเขายืนรักษาระยะห่างกันหนึ่งเมตรอยู่บนหัวเรือแคบๆ ชายหญิงคู่หนึ่งที่ยืนอยู่อีกฝั่งอยู่ใกล้ขอบเรือ ส่วนคนที่อยู่ตรงกลางค่อนข้างชิดกับด้านหลังคล้ายกับพิงห้องโดยสารเรือ

แม้จะเป็นเพราะแสงสว่างตอนกลางคืนจึงทำให้เห็นหน้าตาของทั้งสี่ไม่ชัด แต่ดูจากตำแหน่งยืนของพวกเขาก็ทำให้มองอะไรบางอย่างออกได้

ระหว่างคนพวกนี้เต็มไปด้วยความไม่เชื่อใจระหว่างกันและกัน เห็นได้ชัดเจนมาก!

เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็หลุดขำ “นี่คือคู่อริที่พวกเจ้าพูดถึงอย่างนั้นหรือ ดูท่าทางแล้ว อีกฝ่ายก็พาผู้เล่นมาประสมโรงด้วยเหมือนกัน”

“นี่เป็นการทำงานที่ระบบเคยชินไม่ใช่หรือ” ขุนเขาลำธารย่อมพานพบยักไหล่ “ในภารกิจเนื้อเรื่องนี้ ให้ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายประลองกันเพื่อเพิ่มความรู้สึกมีส่วนร่วมและประสบการณ์เล่นเกมให้ผู้เล่น”

พอพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “แม้การที่อีกฝ่ายพาผู้เล่นมาด้วยสามคนจะเหนือความคาดหมายของพวกเรา แต่พวกเราสองคนอาศัยดาบกระบี่ผนึกรวม ก็มีความมั่นใจในชัยชนะเช่นกัน…

…ถึงอย่างไรก็เป็นภารกิจระดับห้าดาว คงไม่ยากเกินความสามารถพวกเราหรอก…

…แม้จะไม่รู้ว่าสื่อผัวผั่วมีความสามารถอะไรมารับมือกับติงปู๋ซื่อ แต่อิงตามมาตรฐานของภารกิจระดับห้าดาว ขอเพียงสู้ชนะผู้เล่นสามคนนั้นได้ ก็นับว่าพวกเราทำภารกิจสำเร็จแล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิงย่อมรู้อยู่แล้วว่าไพ่ลับแท้จริงที่พลิกสถานการณ์ของภารกิจนี้ได้คืออาจ่ง แต่เขายังไม่รีบเปิดเผยเรื่องนี้ ได้แต่ยิ้มพร้อมพูดต่อจากอีกฝ่าย “แต่ถ้าอยากกอบโกยผลประโยชน์จากภารกิจนี้ให้มากขึ้น ก็ต้องกำจัดปัญหาใหญ่อย่างติงปู๋ซื่อก่อนที่ไพ่ลับของฝ่ายเราจะปรากฏตัว…

…และนี่ต่างหาก สาเหตุที่เจ้าตั้งใจให้ข้ามาช่วย”

ตอนที่ทั้งสามกำลังปรึกษากัน ในห้องโดยสารเรือก็มีเสียงของสื่อผัวผั่วดังมา “ขุนเขาลำธาร สาวน้อยนักกินแล้วก็น้องชายที่ตั้งใจตามมาช่วย ศัตรูที่ตามมาครั้งนี้ ข้าวานให้พวกเจ้าสกัดให้ก่อนแล้วกัน ตอนนี้ข้ากำลังโคจรวิชาคลายจุด พวกเจ้าพยายามถ่วงเวลาตาแก่ติงปู๋ซื่อนั่นไว้สักประเดี๋ยว ถ้าสกัดไม่ไหวจริงๆ ข้าจะกระโดดลงทะเลสาบเดี๋ยวนี้ ต่อให้ต้องตาย ข้าก็ไม่ยอมโดนตาแก่นั่นหยามเกียรติเด็ดขาด!”

พอได้ยินคำถามของเหล่าไท่ไท่ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดรู้สึกขำไม่ได้

อายุป่านนี้แล้ว กลับมาเล่นเรื่องบุญคุณความแค้นเหมือนหนุ่มสาว

ติงปู๋ซื่อนั่นแค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามีภาพลักษณ์เป็นหมาขี้เรื้อนหน้าด้าน แต่สื่อผัวผั่วกลับเหมือนหญิงสาวบริสุทธิ์ไร้ราคี

ปัญหาก็คือ…ถ้าฉากแบบนี้แสดงโดยหนุ่มหล่อสาวสวย ก็ยังเป็นภาพที่สบายตาจรรโลงใจอยู่บ้าง แต่เมื่อผู้แสดงเป็นท่านปู่ท่านย่าอย่างพวกเขาสองคน ภาพจำที่มอบให้ทุกคนคงเหลือเพียงความบันเทิงกระมัง

เมื่อได้ยินสื่อผัวผั่วพูดอย่างนั้น ขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกินก็ต่างคนต่างชักดาบและกระบี่ออกมาแล้ว ตั้งท่าเตรียมต่อสู้อย่างสง่า

เยี่ยเว่ยหมิงกลับกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “ท่านยายวางใจได้เลย แม้ศัตรูจะแข็งแกร่งมาก แต่หากพวกเราสามคนร่วมมือกัน เรื่องจัดการพวกเขาก็น่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่”

นี่ก็คือจุดที่เยี่ยเว่ยหมิงวางตัวเป็น เมื่ออยู่ต่อหน้า NPC สำนักของอีกฝ่าย เขาก็กล่าวได้ว่าไว้หน้าสหายร่วมรบทั้งสองเต็มที่ ไม่ได้พูดโอ้อวดตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว

ขณะที่พูดก็มีเสียงลมพัดเสื้อผ้าดังมา ที่แท้ตอนที่เรือของทั้งสองลำเข้าใกล้กันห้าจั้ง ชายชราผู้นั้นก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดเข้ามาบนเรือของพวกเขาแล้ว

ดูจากท่าร่างของอีกฝ่าย ถ้าอยากจะกระโดดข้ามแม่น้ำที่กว้างห้าจั้ง ก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร

แต่ปัญหาก็คือ…

ตาแก่นี่มั่นหน้าขนาดนั้น ไม่กลัวจะโดนตบหน้าเหรอ

เยี่ยเว่ยหมิงอยากจะลองดูสักตั้ง!

เขาคิดแบบนี้ แล้วก็ทำแบบนี้เช่นกัน

ตอนที่ขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกินตั้งท่าเตรียมใช้ ‘เคล็ดกระบี่ภูเขาหิมะ’ กับ ‘วิชาดาบวิหคทอง’ ยืนอยู่ซ้ายขวาหน้าประตูห้องโดยสารเรือเตรียมป้องกันไม่ให้ตาเฒ่าพิลึกนั่นขึ้นเรือ แล้วค่อยสู้กับอีกฝ่ายให้เต็มที่

เยี่ยเว่ยหมิงกลับก้าวขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่งอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะย่อเข่าหย่อนเอวลงอย่างมั่นคงแข็งแรง มือซ้ายวาดวงกลมตรงหน้าเบาๆ หนึ่งวง จากนั้นผลักออกไปเบาๆ ตรงทางที่ตาเฒ่านั่นกระโดดเข้ามา…

[1] เหล่าไท่ไท่ 老太太 คำเรียกหญิงชราในเชิงเคารพ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด