ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 336 ท่านอายื้อได้เพียงสิบวินาที

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 336 ท่านอายื้อได้เพียงสิบวินาที at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 336 ท่านอายื้อได้เพียงสิบวินาที

เมื่อฉินหนานฉินอยู่ตรงนี้แล้ว หยางกั้วร่างสมบูรณ์เลเวลแปดสิบก็ว่านอนสอนง่ายราวกับเด็กน้อยในร่างผู้ใหญ่ ไม่มีภาพลักษณ์อันธพาลที่เอะอะก็จะก่อกบฏสังหารขุนนางอีก

หยางกั้วในตอนนี้แม้จะอยากถามฉินหนานฉินแบบต่อหน้าว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไรกันแน่ ตัวเองเป็นใครกันแน่ ตกลงว่าควรชื่อหยางกั้ว หรือชื่อเยี่ยกั้วกันแน่

แต่ตอนที่เขาเห็นสายตาแปลกๆ ที่แทบจะกลายเป็นภาพแผนผังแปดทิศ[1]ของบรรดาผู้เล่นสำนักสุสานโบราณ จึงล้มเลิกความคิดที่จะแสดงละครแนวครอบครัวในชุดจอมยุทธ์โบราณต่อหน้าสาธารณชนทันที

เพียงแต่หลังจากเขาทิ้งคำเตือนไว้ว่า ‘ผู้ที่เข้าใกล้ข้าภายในรัศมีสามจั้ง จะถูกไล่ออกจากสำนัก’ แล้ว ก็เข้าไปประคองฉินหนานฉินที่ไม่จำเป็นต้องให้ประคอง จากนั้นพาไปนั่งข้างสุสานโบราณที่สูงใหญ่ แล้วฟังมารดาเล่าเรื่องราวในอดีต

ตอนนี้เอง สะพานสวรรค์น้อยถือโอกาสมายืนข้างกายเยี่ยเว่ยหมิงแล้วถามด้วยท่าทางตกใจไม่หาย “พี่ใหญ่เยี่ย เมื่อครู่ข้าตกใจแทบแย่ แต่ที่แท้เจ้าก็เก่งถึงขั้นครอบครองของตกทอดศักดิ์สิทธิ์ของมารดาหยางกั้วแล้ว มิน่าล่ะเจ้าถึงใจเย็นขนาดนี้”

สำหรับความบริสุทธิ์ของเยี่ยเว่ยหมิงกับฉินหนานฉิน สะพานสวรรค์น้อยกลับไม่สงสัยเลยสักนิด

นางอยู่ในฐานะคนนอกที่เข้าใจสถานการณ์ดีมาก รู้ว่าในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ นี้ ผู้เล่นถอดกางเกงไม่ได้!

อะไรนะ ถามว่าเวลาขับถ่ายจะทำยังไงเหรอ

ระบบก็ตั้งค่าไว้เหมือนกัน ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องเข้าห้องน้ำ

อย่างไรเสีย ไม่ว่าจะกินอาหารมากแค่ไหน ก็ล้วนกลายเป็นข้อมูลตัวเลขหมด ถ้าอยากจะทำให้ได้ถึงขั้นนี้ก็ไม่ยาก

เมื่อได้ยินสะพานสวรรค์น้อยเอ่ยถึงชื่อที่แปลกใหม่ เยี่ยเว่ยหมิงก็ซักไซ้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที “ของตกทอดศักดิ์สิทธิ์คืออะไร”

สะพานสวรรค์น้อยมองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างแปลกใจเช่นเดียวกัน จากนั้นอธิบายว่า “สิ่งที่เรียกว่าของตกทอดศักดิ์สิทธิ์ก็คือสมบัติล้ำค่าพิเศษที่ใช้เรียกยอดฝีมือให้ปรากฏตัวตรงที่นั้นๆ ได้ทันที แต่ใน ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ เหมือนจะไม่มีคำเรียกว่าของตกทอดศักดิ์สิทธิ์นะ ไม่แปลกใจที่เจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อน จดหมายที่เจ้าเพิ่งนำออกมา ก็คือของที่มีฟังก์ชันการใช้งานเดียวกับของตกทอดศักดิ์สิทธิ์นั่นแหละ”

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย “เดิมทีข้าจะอาศัยเนื้อหาที่อยู่ในจดหมายฉบับนั้น นึกไม่ถึงว่ามันจะเรียกคนออกมาได้โดยตรง แต่นอกเหนือจากนี้ ข้ายังเตรียมตัวไว้อีกต่างหากด้วย ไม่เกิดเรื่องขึ้นแน่นอน”

สำหรับคำพูดที่ดูเหมือนชมตัวเองของเยี่ยเว่ยหมิง สะพานสวรรค์น้อยกลับตอบอย่างตรงไปตรงมามากกว่า “ข้าเชื่อ เพราะเป็นคำพูดของเจ้า”

……

ตอนที่หยางกั้วกับฉินหนานฉินไปคุยเรื่องสัพเพเหระในครอบครัวกัน บรรยากาศตรงนั้นก็เริ่มอึดอัดทันที

บรรดาผู้เล่นสำนักสุสานโบราณที่ไฟแห่งจิตวิญญาณขี้นินทากำลังลุกโชนพากันงงงวย พอมองไปอีกด้าน ก็เห็นตัวละครสำคัญอีกคนในศึกตัดสินอย่างเยี่ยเว่ยหมิงกำลังเริ่มพูดคุยกระหนุงกระหนิงอยู่กับศิษย์พี่หญิงใหญ่ของพวกนางแล้ว

แม้ระหว่างเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยจะเป็นมิตรภาพของสหายร่วมศึกล้วนๆ แต่บรรดาศิษย์สำนักสุสานโบราณเหล่านี้ก็คิดว่าพวกเขากำลังโอ้อวดความรักอยู่ ไม่ยอมรับคำแก้ตัวหรือคำอธิบายใดๆ ทั้งนั้น

จะว่าไป ตอนนี้พวกเจ้ากำลังต่อสู้กันอยู่นะ!

จริงจังหน่อยได้ไหม

ตัวละครหลักสองคนที่กำลังเข้าร่วมศึกตัดสินพากันอู้งานอย่างไม่หวั่นเกรงสิ่งใด ทำให้คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านอย่างพวกนางเริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว

แต่สำหรับบรรยากาศกระอักกระอ่วนแบบนี้ สาวๆ สำนักสุสานโบราณก็ไม่ใส่ใจเช่นกัน

อย่าลืมนะว่าพวกนางล้วนเป็นหญิงสาว!

ตอนหญิงสาวกลุ่มใหญ่ที่สนิทสนมกันมารวมตัวอยู่ด้วยกัน ยังต้องกังวลปัญหาเรื่องบทสนทนาตันอยู่อีกหรือ

ล้อเล่นอะไรกัน!

บรรยากาศอึดอัดคงอยู่ต่อเนื่องไม่ถึงสิบวินาที สาวๆ เหล่านี้ก็ต่างคนต่างนำถั่วลิสง เม็ดแตงและน้ำแร่ออกมาแล้วเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจ

“จะว่าไป พวกเขาสู้กันอยู่ดีๆ ทำไมกลายเป็นเรียกแม่ของ NPC ออกมาแล้วล่ะ”

“ใครจะไปรู้ แต่ดูท่าทางแล้ว พวกเราคงไม่ต้องกังวลอีกแล้วว่า ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ เล่มนั้นจะหนีพวกเราไป”

“ใช่แล้ว เมื่อวานซืนข้าทำภารกิจมา ได้รับสูตรบำรุงหน้ามาด้วย หลังจากใช้แล้วผิวเกลี้ยงเกลาขึ้นเยอะเลย”

“จริงหรือ!?” x7

“แน่นอน ตอนที่ข้าเปลี่ยนน้ำผึ้งป่าเป็นยาผึ้งหยกแทน ประสิทธิภาพก็ดีขึ้นอีกเท่าตัว!”

“ข้าก็สงสัยอยู่ว่าทำไมสองวันนี้เจ้าผิวดีขนาดนั้น รีบบอกขั้นตอนของภารกิจนั้นมา…”

“ภารกิจนั้นน่ะหรือ หม่าต้าหยวน ฮูหยินของรองหัวหน้าพรรคกระยาจก…”

บรรยากาศก็เป็นแบบนี้ ไม่ถึงหนึ่งนาที ประเด็นสนทนาของสาวๆ เหล่านี้ก็ออกทะเลไปไกลถึงไหนต่อไปแล้ว

……

คนสามกลุ่มต่างคนต่างพูดคุย เหลือเพียงท่านยายซุนยืนโดดเดี่ยวอยู่อีกด้าน แต่นางกลับดูไม่เหงาอะไร

หญิงชราผู้มีเมตตาท่านนนี้มองหยางกั้วที่มีท่าทางเหมือนเด็กน้อยก่อน แล้วก็มองเยี่ยเว่ยหมิงที่สีหน้าผ่อนคลายเต็มที่ ก่อนที่ใบหน้าจะเผยรอยยิ้มปลาบปลื้มใจออกมาอีกครั้ง

เนื่องจากปัญหาเรื่องจุดยืน แม้ก่อนหน้านี้นางไม่ได้ห้ามปรามเรื่องที่หยางกั้วล้างแค้นให้บิดา แต่ในใจลึกๆ นางก็ยังหวังให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

เวลาผ่านไปเงียบๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่ปรองดองสงบสุข

หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงเต็มๆ หยางกั้วถึงได้จูงมือฉินหนานฉินเดินไปหาเยี่ยเว่ยหมิงอีกครั้ง “ท่าน…อาเยี่ย เรื่องของพ่อข้า ท่านแม่เล่าให้ข้าฟังแล้ว ที่แท้ท่านพ่อของข้า…เฮ้อ บุตรไม่พึงกล่าวถึงความผิดของบิดา เอาเป็นว่าก่อนหน้านี้กั้วเอ๋อร์ผิดเองที่โทษท่าน ขออภัยจริงๆ”

เมื่อเห็นชายรุ่นลุงเรียกตนว่าท่านอา ทั้งยังเรียกแทนตัวเองว่ากั้วเอ๋อร์ ก็ทำให้คนรู้สึกแปลกจริงๆ

ต่อให้เป็นคนหนังหน้าหนาอย่างเยี่ยเว่ยหมิงก็ยังอดรู้สึกอึดอัดไม่ได้อยู่ดี หลังจากยิ้มเก้อเขินแล้ว ก็กล่าวอย่างถ่อมตัวมากว่า “กั้วเอ๋อร์ไม่ต้องตำหนิตัวเอง อาคนนี้ไม่โทษเจ้าหรอก ว่ากันว่าทำผิดแล้วแก้ไข นับว่าดีมาก ข้าจำได้ว่าชื่อของเจ้า ข้าก็เป็นคนตั้งให้เอง เรื่องวันนี้ผ่านไปแล้วก็ให้แล้วกันไปเถอะ”

“กั้วเอ๋อร์เอ๊ย เจ้าดูปลาขาวบึงหนาวพวกนั้นสิ…”

“เอ่อ คือ…” หยางกั้วตอบอย่างลำบากใจเล็กน้อย “เหมือนจะไม่ได้”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วงง “ทำไมกั้วเอ๋อร์พูดเช่นนี้”

หยางกั้วชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้าอย่างจนใจ “ถ้ามีผู้เล่นรับภารกิจที่พวกเราประกาศ ก็จะเข้าสู่ห่วงขั้นตอนของภารกิจอย่างจริงจัง ภารกิจต้องดำเนินต่อไป ต่อให้เป็นข้าก็ไม่มีทางยกเลิกกลางคันได้…

…ดังนั้น สองฝ่ามือต่อไป ท่านอาเยี่ย ท่านยังต่อรับต่อไป แถมข้ายังต้องทำตามกติกาของภารกิจด้วย ต้องใส่พลังเพิ่มเป็นสองส่วนกับสามส่วน ออมมือให้ไม่ได้เลย”

วางกับดักอาขนาดนี้เลยหรือ

เยี่ยเว่ยหมิงหันไปมองฉินหนานฉิน อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างจนใจ บอกใบ้ว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นางอยากช่วยแต่ก็ไร้ความสามารถเช่นกัน

เยี่ยเว่ยหมิงยังไม่ตัดใจ ถามหยางกั้วว่า “กั้วเอ๋อร์ ฝ่ามือที่สองเมื่อครู่นี้ เจ้าก็เรียกพลังเตรียมโจมตีแล้ว อาเองก็เตรียมตัวรับฝ่ามือแล้ว เป็นเจ้าเองที่หยุดกลางคัน ควรจะนับว่าข้ารับฝ่ามือถัดไปแล้วหรือเปล่า”

พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดแบบนี้ นอกจากหยางกั้วแล้ว แม้แต่พวกศิษย์สาวสำนักสุสานโบราณที่รอยุ่งเรื่องชาวบ้านก็เบิกตากว้างกันหมดแล้ว

พวกนางรู้สึกว่ามุมมองต่อโลก ชีวิตและคุณค่าของตัวเองถูกโจมตีอย่างหนัก

ยอดฝีมือที่ชอบพาศิษย์พี่หญิงใหญ่ของพวกนางไปขึ้นประกาศของระบบเป็นคนหน้าด้านขนาดนี้เชียวหรือ

ทว่าเรื่องที่ทำให้พวกนางแทบตาถลนยิ่งกว่านั้นก็คือ หลังจากหยางกั้วเงียบไปครู่เดียว ก็พยักหน้าบอกว่า “ก็ได้”

เป็นอย่างที่คาดไว้ เรื่องที่คลุมเครือพรรค์นี้ มีแต่ต้องให้หยางกั้วเต็มใจเองถึงจะผ่อนผันได้บ้าง

เพียงแต่หลังจากนั้น กลับเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังยิ่งกว่าเดิม “เพียงแต่ฝ่ามือที่สองนั่น เดิมทีประสิทธิภาพก็ไม่หนักมากสำหรับท่านอาเช่นกัน เพราะเคล็ดฝ่ามือของข้าค่อนข้างพิเศษ หลังจากเห็นท่านแม่แล้วดีใจ ประสิทธิภาพก็ถูกหักไปเยอะมาก ฝ่ามือที่ใช้พลังระดับเดียวกันตอนนี้ แสดงประสิทธิภาพได้เพียงครึ่งเดียวจากของเดิมเท่านั้น…

…หรือพูดได้อีกอย่างว่า ฝ่ามือที่ใช้พลังสองส่วน ตอนนี้ประสิทธิภาพของมันพอๆ กับฝ่ามือที่ใช้พลังหนึ่งส่วนก่อนหน้านี้…

…และฝ่ามือต่อไปที่ใช้พลังสามส่วน ประสิทธิภาพก็จะเพิ่มเป็นหนึ่งจุดห้าเท่าเมื่อเทียบกับของเดิม…

…ท่านอาเยี่ย ท่านมั่นใจหรือไม่”

พอได้ยินหยางกั้วพูดแบบนี้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็อดปาดเหงื่อแทนเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้

แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับมองตาหยางกั้วอย่างไม่หวาดกลัวเลยสักนิด “กั้วเอ๋อร์วางใจได้เลย หากเพิ่มประสิทธิภาพจากก่อนหน้านี้เพียงห้าส่วน อาก็ควรรับไว้”

ขณะที่พูดอย่างนั้น เขาก็เก็บประกาศิตกระบี่บุปผาโรยไว้แล้ว เปลี่ยนเป็นหยิบกระบี่แสงทองที่เพิ่มปราณแท้ป้องกันตัวขึ้นมาถือตรงหน้าในแนวขวาง พร้อมพึมพำอย่างอวดเก่งสุดๆ ว่า “ขอไถ่ถาม ยามจากกันไยจันทร์มักเต็มดวง น่าแค้น ความภักดีต่อชาติบ้านเมืองมิอาจมาพร้อมความกตัญญูต่อบิดามารดา ตั้งสัตย์ปฏิญาณ ยอมเป็นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์!”

พอกล่าวจบ สง่าราศีรอบตัวก็ปะทุขึ้นมาเยอะมาก มีลักษณะท่าทางของยอดฝีมือบ้างแล้ว

กำลังภายในที่ทั้งเชี่ยวกรากทั้งบ้าระห่ำวนเวียนอยู่รอบกายเขา พัดใบไม้ปลิวว่อน ฝุ่นดินกระจัดกระจาย!

หยางกั้วเห็นแล้วโล่งอก “ท่านอาเยี่ย ท่านเตรียมตัวแล้วจริงหรือ”

“เร็วๆ หน่อย อย่าชักช้า” เยี่ยเว่ยหมิงเร่งเร้าอย่างเด็ดเดี่ยว

“สถานะแบบนี้ อายื้อไว้ได้เพียงสิบวินาที”

[1] ภาพแผนผังแปดทิศ หรือภาพปากว้า (八卦) เป็นสัญลักษณ์แห่งฟ้าและดินที่ทำนายและหยั่งรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างฟ้า ดิน และมนุษย์ได้ มีอีกความหมายหนึ่งคือ ซุบซิบนินทา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด